วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เชลซี 1-3 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


...ลาก่อยย~ มูรินโย่...
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

-------------------------เฟอมิโน่------------------------
-----คูตินโย่-----------ลัลลาน่า----------------มิลเนอร์
-------------------ชาน-----------ลูคัส-------------------
โมเรโน่--------ซาโก้----------สเคอเทล--------ไคลน์
-------------------------บ็อกดาน------------------------

_______ นัดนี้คล็อปพาพวกบุกไปเยือนแชมป์เก่าที่สภาพไม่ค่อยสู้ดีนักตอนนี้อย่างเชลซีที่แสตมฟอร์ดบริดจ์ คล็อปปรับกลับมาใช้ทีมชุดเดิมตามคาด ที่ผิดคาดมีเพียงแดนหน้าที่ดันเฟอมิโน่ขึ้นไปเล่นหน้าสุด แล้วปราศจากชื่อของโอริกิทั้งตัวจริงและตัวสำรอง
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมลิเวอร์พูลพยายามดึงช้าครองบอลหาจังหวะของตัวเอง แต่เชลซีไม่ดูไม่ดึงอะไรด้วยวิ่งไล่ตั้งแต่แดนหน้า เติมกันขึ้นมาช่วยไล่และวิ่งทำทาง แค่นาที 4 อัสปิลิกวยต้าก็รับบอลจากคอสต้าไปเปิดได้ที่สุดเส้น บอลเข้ากลางมาหน้าเส้นหกหลา รามิเรสวิ่งโฉบตัดหน้าโมเรโน่ที่ยืนเหม่อ พุ่งโหม่งเข้าไปให้เจ้าบ้านนำเร็ว 1-0

________ ช่วง 10 นาทีแรกของเกม รวมทั้งจังหวะเสียประตูด้วยนั้น เชลซีทำได้ดีกว่าชัดเจน ลิเวอร์พูลตั้งตัวไม่ทันตั้งลำไม่ได้ โดนแซะบอลจนต้องวิ่งตามกันหัวทิ่มหัวต่ำ ลูคัสเสียฟาล์วรัวๆ มิลเนอร์โดนเร่งจบจับบอลเด้งไปเด้งมา เรียกว่าแพ้หมดทุกแนวเลยจริงๆ

_______ แต่หลังพ้น 10 นาทีแรกไปแล้ว เกมของลิเวอร์พูลดีขึ้น และดีขึ้นเร็วมาก ช่วยกันบีบบอลแดนกลางได้ดีจนตัดบอลกลับมาได้เร็ว นอกจากจะปิดเกมรุกของคู่ต่อสู้จนแทบไม่โดนกดดันแล้ว ยังสามารถเอาบอลไปรุกกดดันใส่ได้ดี โดยเฉพาะเกมทางฝั่งขวาที่มีพื้นที่ให้เล่นเยอะ ลิเวอร์พูลได้เล่นถึงจังหวะสุดท้ายคือได้เปิดบอลเข้าไปลุ้น บอลถึงตัวจบด้วยแต่ยังยิงกันไม่เด็ดขาดพอจะเป็นประตู

_______ ทางฝั่งเชลซียิ่งเล่นยิ่งแย่ ปล่อยคอสต้ายืนเหงาอยู่คนเดียว จังหวะได้บอลก็ไม่เติมกันเล่นเกมรุก ทำให้เสียบอลเร็ว โต้ไม่ได้ แทบเกมรับที่เน้นก็ไม่ได้เหนียวแน่นมีช่องให้เจาะเยอะอยู่ หนึ่งเดียวของเชลซีที่เล่นดีและสร้างประโยชน์ให้กับทีมในครึ่งแรกคือวิลเลี่ยนที่เก็บบอลเรียกฟาล์วได้ดีตลอด ถ้าไม่มีวิลเลี่ยนสักคน เชลซีน่าจะเละเทะไปตั้งแต่ครึ่งแรกแล้ว

_______ อย่างไรก็ตาม แม้ลิเวอร์พูดจะบุกอยู่ข้างเดียว ตัดกลับได้เร็ว ได้ยิงก็เป็นระยะ แต่กว่าจะมาได้ประตูตีเสมอต้องรอถึงทดเจ็บนาที 3 (ป้ายทดแค่ 2 แต่เป็นจังหวะติดพัน) มิลเนอร์ได้บอลทางขวาจ่ายให้เฟอมิโน่ แตะต่อจังหวะเดียวให้คูตินโย่ได้บอลแถวหน้าเขตโทษ คูตินโย่ปั่นหายเข้าไปในเสาสองอย่างสวย 1-1 และจบครึ่งแรกที่สกอร์ดังกล่าว

_______ เข้าครึ่งหลัง เชลซีลงมาอย่างดุ เล่นเกมรุกเต็มตัว ดันกันขึ้นมาไล่และทำทางคล้ายกับช่วงต้นเกม และทำได้ดีด้วย เร่งจนลิเวอร์พูลตั้งเกมไม่ได้โดนกดหัวทิ่มอยู่ในแดนตัวเอง แต่เกมรุกก็ยังหาโอกาสจบได้ไม่จะแจ้งเท่าไหร่ แถมที่หนักข้อกว่าคือเร่งได้ดีอยู่แค่ 5 นาที สั้นกว่าครึ่งแรกอีก ก่อนที่เกมจะกลับเป็นของลิเวอร์พูลเหมือนเดิม

_______ แม้เกมของลิเวอร์พูลจะดีขึ้นและกลับมาเป็นฝ่ายได้บอลเยอะกว่า คุมเกมได้ดีกว่า แต่ลิเวอร์พูลเองก็มีการปรับเกมเล็กน้อย ไคลน์เติมเกมน้อยลงกว่าครึ่งแรกอย่างเห็นได้ชัด รวมไปถึงเชลซีอีกที่ถึงจะตกเป็นรองแต่ในพื้นที่สุดท้ายพวกเขาจัดการกันได้ดีกว่าครึ่งแรก ลิเวอร์พูลไม่สามารถหาโอกาสจบสกอร์ได้มากเท่าครึ่งแรก

_______ นาที 63 เบนเทเก้ได้ลงแทนมิลเนอร์ ส่งสัญญาณว่าจะเอาแล้วนะ แต่ดูเหมือนว่าจะเสียเวลาจับจังหวะการเล่นอยู่เล็กน้อย เมื่อเชลซีอาศัยช่วงที่เบนเทเก้พึ่งลงสนามและมีช่องว่างในการไล่บอลแดนกลางมากขึ้น สามารถครองบอลขึ้นมาใกล้เขตโทษลิเวอร์พูลได้เยอะกว่าช่วงก่อนหน้า

_______ นาที 68 จุดเปลี่ยนสำคัญของเกมก็เกิดขึ้น ลูคัสไปดักเข่าเสียฟาล์ว ซึ่งเจ้าตัวมีเหลืองติดอยู่แล้วและฟาล์วในจังหวะที่น่าให้ใบเหลืองอย่างยิ่ง แต่ก็รอด ถ้าลูคัสโดนไล่ออกตอนนี้เกมคงเปลี่ยนไปอีกแบบแน่นอน

_______ นอกจากนั้น เชลซียังส่งฟาเบรกัสลงแทนมิเกลในนาที 70 ถึงตรงนี้แม้เชลซีจะยังไม่ได้พลิกกลับมาได้เปรียบหรือได้ลุ้นประตูอะไรนัก แต่ก็ถือว่าขยับเกมกลับมาสูสีได้แล้ว ตรงกลางเริ่มเคาะบอลหนีตัวไล่ทันแล้ว

_______ แต่แล้วนาที 74 จากจังหวะการเล่นง่ายๆ ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลยแต่แนวรับเชลซีพลาดเอง ซาโก้วางบอลยาวจากแดนหลังให้เบนเทเก้ขึ้นโหม่งชงให้คูตินโย่ได้บอลแถวหน้าเขตโทษ เจ้าตัวจับด้วยซ้ายแล้วยิงด้วยขวาหายวับไปทางเสาแรกเหมือนเดิม ลิเวอร์พูลแซงนำ 2-1 แนวรับเชลซีอยู่กันตั้งเยอะแต่หาไม่เจอทั้งบอลทั้งคนตั้งแต่จังหวะเบนเทเก้โหม่ง

_______ นาที 76 ไอบ์แทนเฟอมิโน่ ตั้งแต่เสียลูกที่สองเป็นต้นมา เกมของเชลซีที่ทำท่าจะดีขึ้นก็ช็อตไป ยังพยายามบุกอยู่ก็จริงแต่โดนตัดตรงกลางเป็นระยะ บอลรุกไม่ต่อเนื่องและหาจังหวะสุดท้ายเล่นแทบไม่ได้

_______ นาที 83 กองหลังเชลซีมาโชว์ความเมพอีกครั้ง ไอบ์ยืนโล่งๆ ใกล้เส้นขวาเอาบอลโด่งลงเล่น ก่อนพาไปจ่ายเข้ากลางแถวมุมเขตโทษ ลัลลาน่าข้ามหลอกจนบอลไปถึงเบนเทเก้ เบนเทเก้จับบอลคลึงไปคลึงมาอยู่พักใหญ่(มองในมุมว่านี้มันในเขตโทษ ไม่ใช่วงกลมกลางสนาม) ก่อนยิงเข้าไปไม่พลาด 3-1

_______ พอเป็น 3-1 เกมก็ขาด เชลซีทำเกมรุกไม่ปะติดปะต่อแล้ว ส่วนลิเวอร์พูลก็เคาะครองบอลปิดเกมกันไป นาที 90 ลอฟเรนลงมาแทนลัลลาน่าแต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับเกม จบที่สกอร์ 3-1!
-----------------------------------------

_______ ตอนเห็นรายชื่อผู้เล่นแล้วไม่มีโอริกิก็นึกแปลกใจครับ แต่ต้องถือว่าการไม่มีโอริกิในนัดนี้เป็นบุญคุณใหญ่หลวงต่อทีมจริงๆ

_______ แทคติคเริ่มเกมสิ่งที่ผมคิดว่าคล็อปทำได้ดีก็คือการปรับตำแหน่งการยืนในแดนกลาง แม้จะเป็นผู้เล่นชุดเดิมๆ แต่ปรับแล้วดูดีขึ้นเยอะ ลูคัสกับชานถอยลงไปต่ำเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ต้องเติมสูงบ่อยนัก พื้นที่วิ่งน้อยลง ส่วนมิลเนอร์ก็ได้ไปอยู่ที่ชอบที่ชอบ(ที่เราชอบแต่เจ้าตัวไม่ชอบ)คือฝั่งขวา ซึ่งแม้เจ้าตัวจะเล่นได้ไม่ค่อยดีนัก แต่ยังสร้างโอกาสให้กับทีมได้พอสมควรเลย และกับตรงกลางที่ใช้ลัลลาน่า(ไม่ใช่คูตินโย่) กับเฟอมิโน่เป็นตัวบนสุด (จะเรียกหน้าเป้าก็เขิน) ทำให้การวิ่งไล่ด้านบนและวงกลมกลางสนามทำได้น่ากลัวมาก และเป็นสาเหตุสำคัญที่สุดที่ทำให้ทีมเล่นได้แบบเป็นต่อเกือบทั้งเกมด้วยครับ

_______ สำหรับรูปเกม - เป็นการรวิ่งไล่ที่ดีของทีม แต่สำหรับสกอร์ - เป็นความพังทลายของกองหลังเชลซีจริงๆ ครับ (ในวงเล็บด้วยว่าคูตินโย่ดันคมพอดีด้วย)

_______ ไม่ได้ดูเชลซีเล่นในฤดูนี้มาก่อน พอวันนี้มาได้เห็นกับตาก็ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมพวกเขาขึ้นรถบัสผิดสายไปโผล่แถวๆ ใกล้โซนตกชั้น ตัวผู้เล่นหลายคนฟอร์มตกน่าเกลียดมาก และเกมรับของทีมเรียกว่าย่อยยับมาก ทั้งสามลูกที่เกิดขึ้นแนวรับเชลซีให้เวลากับคนยิงเยอะมาก โดยเฉพาะลูกที่สามนี่ไม่ไหวแล้ว เบนเทเก้แทบจะต้มมาม่ากินก่อนยิงได้สบายๆ
_______ ให้ชี้เป้าไปเลยก็จอห์น เทอรี่ครับ ในขณะที่เคฮิลก็ใช่ว่าจะดี ส่วนมิเกลกับรามิเรสทำได้ดีในเรื่องวิ่งไล่ ปะทะ เชื่อมเกมก็จริง แต่พื้นที่หน้าเขตโทษพวกเขาปิดได้แย่มาก ถ้าแนวรับเชลซียังเล่นได้แค่นี้ จะเป็นมูฯหรือไม่มูฯเป็นคนคุม พวกเขาก็อยู่ได้แค่กลางตารางนี่ล่ะ กลางแบบลุ้นยูโรป้ายังยากเลย

_______ อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูลเองก็เล่นได้ดี การวิ่งไล่ทำได้แบบน่าออกโล่ประกาศเกียรติคุณมาก มีทิศทางและช่วยกันดี ด้วยความที่มีเฟอมิโน่มาอีกคนด้วยละมั้ง และน่าสังเกตุว่าหลังจากเบนเทเก้ลงมาการไล่บอลแดนหน้าลดความน่ากลัวลงไปเยอะเลย นอกจากการวิ่งไล่ก็มีการจบสกอร์ที่วันนี้ทำได้ดี คูตินโย่ยิงน้อยได้ประตูเยอะ เบนเทเก้ได้ยิงหนเดียวก็เป็นประตู รวมไปถึงลูกอื่นๆ ของคนอื่นๆ ที่อย่างน้อยสุดยังยิงกันตรงกรอบมากกว่านัดก่อนๆ ก็ถือเป็นพัฒนาการที่ดีของทีมครับ

_______ ถ้าจะมีอะไรไม่ชอบในนัดนี้ก็คงเป็นการตัดสินใจของคล็อปที่เก็บทั้งลูคัสและชานเอาไว้ ทั้งๆ ที่โดนเหลืองไปแล้วทั้งสองคน ลูคัสโดนตอน 58’ ชานโดนตอน 65’ ลูก 2-1 มาตอน 74’’ แปลว่าแดนกลางของทีมเล่นแบบหวาดเสียวอยู่ร่วมๆ 10 นาทีในช่วงที่เชลซีก็เริ่มเอาบอลขึ้นได้ได้แล้วด้วย คืออัลเลนนี่ใช่ว่าจะเล่นดีครับแต่ตอนนั้นควรได้ลงแทนคนใดคนหนึ่งแล้ว โอกาสโดนเหลืองสองมันสูงมากตอนนั้น ยิ่งนาที 68 นี่ลูคัสควรโดนมากๆ แล้วจริงๆ หรือแม้แต่ 2-1 ไปแล้วผมก็ยังคิดว่าควรเปลี่ยนออก คล็อปก็เอาทั้งคู่ไว้ในสนามจนเจ็บเกมให้หวาดเสียวเล่นมันซะงั้น

_______ แต่ก็นะ …สุดท้ายทีมมาเอาชนะเชลซีได้ถึงแสตมฟอร์ดบริดจ์ ด้วยรูปเกมที่ดีกว่า บุกแทบจะข้างเดียว ได้ลุ้นประตูหลายครั้ง ชนะขาดตั้ง 3-1 ขอบอกเลยว่าเป็นชัยชนะที่สะใจสุดๆ ครับ
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดี

มินโยเล่ - แทบไม่รู้ว่าอยู่ในสนาม ไม่ได้โดนกดดันอะไรเลยนอกจากการเสียประตูเร็วที่ไม่น่าจะทำอะไรได้อยู่แล้ว เพราะทั้งใกล้และเร็ว เตะบอลสั้นและเคลียร์บอลยาวได้ดีในนัดนี้

ไคลน์ - เติมเกมได้ดี ตลอดครึ่งแรกช่วยเติมขึ้นไปรับส่งบอลกับมิลเนอร์และลัลลาน่าได้ดีตลอด ทำให้เกมฝั่งขวาไหลลื่นและได้เปิดบอลเข้าทำบ่อยครั้ง พอเข้าครึ่งหลังลงไปเน้นรับมากขึ้นก็ปิดพื้นที่ได้ดี โดนเด็กเผาไปครั้งเดียวตอนที่ีเคนเนดี้ได้ลงใหม่ๆ หลังจากนั้นก็ปิดได้อยู่

สเคอเทล - ประกบคอสต้าได้ดี แทบลืมไปเลยว่าในสนามมีคอสต้า ขวางทางยิงและการเปิดบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายได้ดี ถ้าจะมีอะไรด้อยอยู่บ้างก็การสกัดบอลในเขตโทษที่สกัดได้จริงแต่ทิศทางน่ากุมขมับหลายครั้ง รวมไปถึงจังหวะเสียประตูที่สเคอเทลซ้อนช้าและยืนห่างคนเปิดมากกว่าที่ควรจะเป็นไปเยอะเลย

ซาโก้ - เป็นกองหลังที่โดนกดดันเยอะที่สุดในวันนี้ ไม่ใช่ในจังหวะต้องประกบหรือสกัดซึ่งไม่ได้พลาด แต่เป็นจังหวะที่ครองบอลได้แล้ว ซาโก้โดนไล่จนเป๋ให้เห็นเยอะพอควร พลาดนิดๆ หน่อยๆ ก็มาก ดีว่าไม่มีข้อผิดพลาดระดับจ่ายใส่พานให้เค้าเอาไปยิง

โมเรโน่ - ประตูที่เสียไปนี่รับไปเต็มๆ เป็นแบ็คมันต้องระวังตัววิ่งสอดไว้ก่อนเลยแต่คุณน้องยืนเหม่อซะงั้น ยังมาซ้ำอีกครั้งในจังหวะที่เทอรี่ก็ปาดหน้าเข้าถึงบอลก่อนดีว่าจังหวะนั้นเชลซีโดนจับล้ำหน้า การอ่านเกมรับจังหวะแบบนี้ต้องปรับปรุงอย่างแรง รวมไปถึงการเปิดบอลโดยเฉพาะฟรีคิกที่เห็นแล้วหนักใจว่านี่ซ้อมเปิดมาแล้วแน่เหรอ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำได้ดีกับการวิ่งทำทางที่ช่วยทีมได้เยอะ, การวิ่งตามตัวรุกลงมาแซะบอลที่ทำได้ดีเหมือนเดิม

ชาน - วันนี้เลี้ยงบอลขึ้นหน้าแค่สองสามครั้ง เล่นง่ายๆ แค่วิ่งไล่บีบพื้นที่แล้วไปเก็บบอลสองมาจ่ายขึ้นหน้า ซึ่งกลายเป็นว่าเจ้าตัวทำได้ดี ทั้งในเรื่องการเก็บบอลสองที่เข้าถึงบอลไว และการจ่ายบอลขึ้นหน้าที่ทำให้ทีมไม่ต้องไปพึ่งตัวรุกข้างหน้ามากนัก

ลูคัส - ไม่รู้ว่าห้อยพระอะไรลงสนามจะตามหาเช่ามาปล่อยสักโหลสองโหล สิบนาทีแรกคือความวิบัติของเจ้าตัวอย่างแท้จริง เข้าไม่ถึงบอล เสียฟาล์วโ...เอ้อ... ง่ายๆ แถมเสียแบบสามครั้งติดอีกต่างหาก กลับไม่โดนใบเหลืองแบบไม่น่าเชื่อ กว่าจะมาโดนก็ต้องครึ่งหลังเข้าให้แล้ว แถมยังรอดโดนใบเหลืองที่สองนาที 68’ อีก จังหวะนั้นคงมีกรรมการไม่กี่คนที่ไม่ให้ บังเอิญว่าหนึ่งในนั้นเป็นแคลทเท่นเบิร์กพอดี นอกเหนือจากใบเหลืองและสิบนาทีแรกแล้ว วันนี้ลูคัสเล่นดีนะ โดยเฉพาะการเชื่อมเกมที่มีบอลเกมรุกเยอะ แถมมีจังหวะเติมขึ้นไปได้ยิงได้โหม่งอีก ส่วนเกมรับทำได้แค่พอใช้ ตัวตัวเอาไม่รอดต้องมีเพื่อนช่วยตลอด

มิลเนอร์ - ครึ่งแรกจับบอลเยี่ยงหนุ่มน้อยเวอร์จิ้นอยู่ในห้องสองต่อสองกับแฟนครั้งแรก เงอะงะลั่กลั่นเหรอหราอัลลัยก็ไม่รู้ แตะผิดจับผิดนิดๆ หน่อยๆ มันได้ทุกจังหวะ แต่ที่ดีคือเค้าวิ่งเยอะ พยายามมาก ช่วยได้มากทั้งเกมว่ิงบีบพื้นที่และวิ่งหาพื้นที่รับบอลได้ดีตลอด ช่วยให้เกมทางขวาลื่นปรื๊ดตลอดครึ่งแรก แถมเป็นคนเดียวในทีมที่เปิดบอลครอสจากริมเส้นแล้วดูมีอนาคตกดดันได้

คูตินโย่ - เล่นบอลง่ายขึ้น แค่พลิกบอลแล้วก็เชื่อมเกมไป จังหวะลากบอลไปคืนแทบไม่มีให้เห็น และจังหวะฝืนยิงเองทั้งเกมมีให้เห็นแค่ครั้งเดียวคือตอนที่ 3-1 ไปแล้วและอยากจะทำแฮททริค เชื่อมเกมรุกได้ดีโดยเฉพาะการหาพื้นที่รับบอลจากเพื่อนที่สลัดตัวประกบได้หมดจด ทุกคนสามารถจ่ายให้คูตินโย่ได้ง่ายมากในนัดนี้ ที่สำคัญคือใช้โอกาสไม่เปลือง ยิงเป็นเข้า แถมเป็นลูกสำคัญทั้งนั้น -ตีเสมอ ยิงแซง

ลัลลาน่า - ปิดทองหลังพระอย่างแท้จริง เกมรุกมีส่วนร่วมน้อย ได้แต่เชื่อมเกมสั้นๆ ไป แต่ทำได้ดีสุดๆ กับการวิ่งไล่แดนกลาง บีบจนเชลซีตั้งบอลไม่ได้ก็หลายครั้ง ตามไปช่วยเพื่อนรุมจนเชลซีเสียบอลก็บ่อย แถมจังหวะเก็บบอลได้ก็ไม่ค่อยทำเสียด้วยและในช่วงเวลายากลำบากที่กองกลางทั้งคู่โดนเหลืองไปแล้ว ก็มีลัลลาน่าลงไปช่วยไล่อัดให้ด้วย

เฟอมิโน่ - ยืนอยู่บนสุดแต่ไม่ได้เล่นสไตล์หน้าเป้าแน่ๆ ถอยลงมาเล่นตรงกลางซะเยอะ ช่วยพลิกบอลขึ้นหน้าได้ดี ประสานงานกับเพื่อนได้เนียนตาขึ้นมากโดยเฉพาะกับคูตินโย่ ปัญหาคือทิ้งเขตโทษบ่อยไปหน่อย และทำให้การเปิดบอลจากริมเส้นกดดันอะไรคู่ต่อสู้ไม่ได้เลยเพราะเจ้าตัวไม่ใช่สายชาร์จ เปิดมาก็คืนโกลเท่านั้นเอง ช่วงที่ถ่างไปเล่นริมเส้นนี่หายไปเลย

ตัวสำรอง

เบนเทเก้ - วิ่งน้อยก็ชาวบ้าน ช่วยไล่บอลอะไรแทบไม่ได้เลย แต่เล่นในสไตล์ของตัวเองได้ดีคือค้ำบอลแล้วเคาะให้เพื่อน บอลโด่งสาดมาก็เก็บเล่นได้เรื่อยๆ มีส่วนสำคัญมากกับสองประตูที่ได้มาในครึ่งหลัง ยิง 1 จ่าย 1 เลย

ไอบ์ - วิ่งทำทางดี เก็บบอลเล่นได้ เล่นกับพื้นที่ว่างได้น่าพอใจ จะว่าไปแล้วก็ยังเล่นได้ธรรมดาตามจังหวะแหล่ะเพียงแต่แนวรับเชลซีทิ้งพื้นที่ไว้ให้เยอะเอง แต่กับการมีโอกาสแล้วไม่เลี้ยงไปคืนเค้า ต้องถือว่าไอบ์ทำดีแล้ว ...มี 1 แอสซิสด้วยนะ

ลอฟเลน - ลงมาเล่นตรงไหนยังไม่รู้เลย หมดเวลาก่อน

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ฟิลิปเป้ คูตินโย่...คล็อปจัดการมูรินโย่ได้อยู่หมัด, เบนเทเก้ลงมาสร้างโอกาสให้ทีมได้, เฟอมิโน่เล่นดีที่สุดตั้งแต่ย้ายมา แต่สองประตูสำคัญของคูตี้คือจบครับ ไม่ต้องเถียงอะไรกันต่อเลย ไม่ต้องพูดถึงฟอร์มโดยรวมที่เล่นดีอยู่แล้วด้วยนะ
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ป.ล. ผมเกลียดมูรินโย่ หวังว่าพี่แกจะเด้งสักที

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น