วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2559

คริสตัล พาเลซ 2-4 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)



“แบบนี้ก็ได้เหรอ” - มินโยเล่,คลาวาน,มิลเนอร์คงนึกในใจ
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-3-3

-------------------เฟอมิโน่-------------------
---------ชาน-------------ลัลลาน่า-----------
-----------------เฮนเดอร์สัน-----------------
โมเรโน่-----ลอฟเรน------มาติป-----ไคลน์
--------------------คาริอุส--------------------

_______ ลิเวอร์พูลออกไปเยือนพาเลซ คล็อปปรับทีมใช้ผู้เล่นตัวหลักครบครัน ไม่ว่าจะเป็น “โกลล์มือหนึ่ง” คาริอุส, “แบ็คซ้ายมืออาชีพ” โมเรโน่, เซ็นเตอร์ตัว(ปัก)หลัก” ลอฟเรน
-------------------------------------------------------

________ ช่วงต้นเกมพาเลซรับแน่นในแดนเป็นหลัก เก็บบอลจังหวะสองในเกมรับได้ดี แผงกลางไม่ได้ถอยต่ำไปยืนหน้าเขตโทษแต่เน้นวิ่งไล่ตั้งแต่แถวกลางแดนตัวเอง ลิเวอร์พูลครองบอลได้มากกว่าก็จริงแต่คุมเกมไม่ได้ ต่อบอลในแดนคู่ต่อสู้ลำบากและเกมรุกยังกดดันได้น้อย

_______ อย่างไรก็ตาม นาที 16 ลิเวอร์พูลมาออกนำได้ก่อนจากจังหวะเล่นเร็ว บอลขึ้นมาทางซ้ายด้วยการเติมของโมเรโน่ ย้อนบอลมาหน้าเขตโทษ เฮนโด้(ใช่มั้งนะ) แปะบอลให้คูตินโย่ตักจังหวะเดียวให้โมเรโน่ที่วิ่งสอดขึ้นไป เปิดเข้ากลางในจังหวะเดียวเช่นกัน สุดท้ายเป็นชานที่เติมเข้ามายิงไม่พลาด 1-0 นับเป็นจังหวะการเข้าทำที่เร็วและไม่มีใครจับบอลเลย

_______ หลังจากบรรยายความงามตอนยิงล่อไปสี่บรรทัด สองนาทีต่อมา มาติปโหม่งแปะให้ลอฟเรนเคลียร์ในระยะประชิด ลอฟเรนไม่ทำให้เสียของด้วยการเตะผิดเหลี่ยมบอลลอยโด่ง คาริอุสผวาออกมาช่วยลอฟเรนไม่ให้ขายหน้าคนเดียว โดนแม่งอาเธอร์ เอ้ย แมคอาเธอร์โหม่งสวนตัวเข้าไป 1-1

_______ ยิงมายิงกลับไม่โกง สามนาทีถัดมาลิเวอร์พูลได้ลูกเตะมุม คูตินโย่เปิดบอลโด่งเข้ามาบนเส้นหกหลา ลอฟเรนขึ้นโหม่งเต็มหัว 2-1 แก้ตัวได้สำเร็จ

_______ หลังจากนั้นเป็นลิเวอร์พูลที่เล่นได้ดีขึ้น บอลมาถึงเขตโทษบ่อย บอลจังหวะเดียวหน้าเขตโทษทำได้ดี โดยเฉพาะคูตินโย่ที่จ่ายบอลได้ช่องได้น้ำหนักตลอด โมเรโน่เติมขึ้นมาได้เปิดรัวๆ และเปิดกดดันได้ดีด้วย

_______ แต่แล้วนาที 33 พาเลซก็มาตีเสมอได้อีกแล้ว จากจังหวะสกัดที่บอลไปเข้าเท้าซาฮา โมเรโน่ที่สับสนว่าตัวเองเล่นแบ็คซ้ายหรือแมวมอง ปล่อยให้ซาฮาได้เปิดง่าย ลอฟเรนกลัวโมเรโน่จะอายคนเดียว เลยยืนปักหลักรอโหม่งโดนแมคอาเธอร์วิ่งปาดหน้าโหม่งเข้าไป ก 2-2

_______ พาเลซได้ใจเน้นบุกทางโมเรโน่รัวๆ โมเรโน่เองก็ไม่ทำให้กองเชียร์ฝ่ายตรงข้ามผิดหวังด้วยการหมุนไปหมุนมา เปิดไปโดนตัดและคุมพื้นที่ได้ไม่ดีพอ ยังดีว่าเพื่อนยังเข้ามาช่วยซ้อนได้ เกมครึ่งแรกทำท่าว่าจะจบที่ผลเสมอ แต่นาที 44 จากลูกเตะมุม คูตินโย่เปิดไปแถวเส้นหกหลา คราวนี้เป็นมาติปขึ้นโหม่งเต็มหัวให้ทีมกลับไปโดนคล็อปด่า(น้อยลง)ในห้องแต่งตัวด้วยสกอร์ 3-2

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลปรับเกมด้วยการเอาแผงกลางถอยไปยืนในแดนมากขึ้น แดนหน้าปล่อยให้สามตัวรุกไล่พอเป็นพิธี พื้นที่มุมธงตัวเองมีกองกลางช่วยซ้อนแบ็คตลอด แม้จะไม่โดนส่องล่อเป้าอะไรนัก แต่เป็นพาเลซที่เก็บบอลสองได้ดีขึ้น หาโอกาสมาป้วนเปี้ยนแถวๆ หน้า-ในเส้นเขตโทษได้ต่อเนื่อง

_______ ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก เฮนโด้กับชานเก็บบอลได้น้อยลง ลัลลาน่าหาช่องรับบอลไม่ได้ ก็ยังมารีเนอร์มาช่วยเอาไว้ ลูก 50/50 ไม่ต้องสืบ พวกเป่าให้ลิเวอร์พูลหมดชนิดที่มาเป่าแบบนี้ในไทยลีคคงต้องนั่งรถถังกลับบ้านถึงจะปลอดภัย รวมไปถึงแนวรับลิเวอร์พูลเองที่หยุดคู่ต่อสู้ในพื้นที่สุดท้ายได้ประมาณนึงด้วย ทำให้พอถู่ลู่ถูกังรักษาประตูนำไว้ได้เรื่อยๆ

_______ จนกระทั่งนาที 71 ขณะที่พาเลซกำลังวิ่งไล่บี้แดนกลางเพลินๆ พ่อกัปตันของเราก็ตาไวใจถึงพึ่งได้ ฉวยโอกาสแทงบอลขึ้นหน้าตรงๆ เซ็นเตอร์พาเลซไม่ทันระวังยืนกันห่าง โดนเฟอมิโน่ที่วิ่งทำทางได้หลุดไปดวลกับผู้รักษาประตูก่อนเฟอมิโน่ชิพเข้าไปง่ายๆ 4-2

_______ พอสกอร์ห่างอีกครั้งเกมแทบจบแบบไม่เป็นทางการ พาเลซจังหวะการเล่นสะดุดไปเยอะ ในขณะที่ลิเวอร์พูลเองก็เล่นสไตล์ปิดเกมได้น่าพอใจ ทั้งยังทยอยส่งตัวสำรองลงมาเพื่อการนั้นอีกเพียบ นาที 76 ไวนัลดุมแทนลัลลาน่า นาที 89 โอริกิแทนคูตินโย่ นาที 90+2 คลาวานลงแทนมาเน่ สุดท้ายลิเวอร์พูลปิดเกมได้อย่างไม่ยากเย็น (หมายถึงหลังจาก 4-2 อ่ะนะ) เอาชนะไปได้ 4-2
-----------------------------------------

_______ ไม่ได้ตามข่าว ไม่รู้ว่าทำไมโมเรโน่ถึงได้ลงก่อนมิลเนอร์

_______ เกมนี้ยังคงสไตล์คล็อปที่เราคุ้นเคยไม่ต้องพูดอะไรกันเยอะล่ะ ไม่แน่ใจว่าอะไรมันง่ายกว่ากันระหว่างลดการเสียประตูกับการเพิ่มประตู อัลลัยคือยิงได้ถึงสามลูกแต่ต้องมานั่งเครียดว่าจะได้สามแต้มมั้ย? ในขณะที่การลุ้นให้ได้ประตูที่ 4 ดูมีความหวังกว่าการไม่เสียประตูตีเสมอซะงั้น

_______ ทีมทำได้ดีในเรื่องการไม่เสียลูกตั้งเตะหรือเตะมุมพร่ำเพรื่อ แนวรับไม่ต้องโดนกดดันบ่อยนัก เบนเทเก้ที่ถือเป็นอาวุธหลักและอาวุธหนักของคู่ต่อสู้ก็หาจังหวะจบแทบไม่ได้ ส่วนการตั้งรับแน่นของคู่ต่อสู้ทีมก็มีวิธีเจาะได้อยู่เรื่อยๆ อันนี้ถือว่าพัฒนาขึ้นมามากทีเดียว

_______ เรื่องดีคือทีมได้สามแต้มเต็มแต่ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าทีมต้องปรับอะไรอีกพอสมควรล่ะ

_______ ส่วนเรื่องที่อยากพูดถึง...อังเดร มารีเนอร์ เน่อ เน่อ แหม เป่าซะผมเขินเลยครับ ถามว่ามันน่าเกลียดมั้ยกับหลายๆ จังหวะที่เขาเป่าให้ ถ้าดูเป็นจังหวะๆ ไปผมว่าไม่นะ มัน 50/50 แต่พอดูรวมๆ แล้วมีสเน่ห์เหลือเกิน (ทีมอื่นคงเรียกเสนียด) นึกภาพว่าปั่นเหรียญหัวก้อยน่ะ ครั้งเดียวออกหัว สองครั้งออกหัวมันไม่อะไร แต่ปั่นสิบครั้งออกหัวเก้าครั้งนี่ก็….นะ

_______ ส่วนเรื่องโคตรนักเตะไปว่ากันต่อด้านล่างครับ
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นเกมรุกได้ดี

คาริอุส - เฝ้าเส้นมากไป ปฏิกิริยาแย่ คือสองลูกที่เสียไปเนี่ยเพื่อนก็พลาดมา จังหวะก็ล่อเป้าจะโดนยิงน่ะโอเค แต่การออกไปช้า+บังไม่ดีในลูกแรก กับการยืนขาตายสนิทในลูกสองนี่รับไม่ได้จริงๆ อ่อ..แต่อย่าลืมให้เครดิตการเซฟจังหวะสำคัญสองสามหนของเขาล่ะ

โมเรโน่ - ครึ่งแรกเล่นเกมรุกได้มันมาก แล้วก็มาพังเพราะยืนดูคู่ต่อสู้เปิดบอลซะงั้น แล้วพอรู้ตัวว่าทำพลาดยิ่งลนทำให้พลาดซ้ำในเรื่องคุมพื้นที่อีกหลายครั้ง ครึ่งหลังน่าจะโดนกำชับมาว่าไม่ต้องขึ้น ทำให้เล่นเกมรับได้ดีขึ้นนิดหน่อย

ลอฟเรน - ไม่รู้โดนโมเรโน่กดดันหรือยังไง วันนี้เล่นผิดฟอร์มพอสมควร ปักหลักโหม่งจนโดนคู่ต่อสู้แย่งโหม่งได้บ่อยอยู่

มาติป - เบียดโหม่งกับเบนเทเก้ได้ดี ลูกสาดขึ้นหน้าของคู่ต่อสู้ก็ช่วยเคลียร์ได้หลายครั้ง แต่โหม่งไม่ไปไหนก็เยอะอยู่ แทบมีจังหวะปล่อยให้คู่ต่อสู้เก็บบอลได้ก็ไม่น้อย เล่นดีนะแต่เคยดีกว่านี้

ไคลน์ - ช่วยเชื่อมเกมได้เยอะอยู่ จังหวะบุกไม่ค่อยขึ้นมุมธงแต่จะหุบเข้าเหมือนเป็นกองกลางตัวต่ำคู่กับเฮนโด้(เล่นงี้มาทุกนัดแหล่ะ) เชื่อมเกมไปข้างหน้าไม่ค่อยโอ แต่เก็บบอลไว้กับทีมดี ในขณะที่เกมรับลงรักษาพื้นที่ทันตลอด ...ดูเพื่อนแกเล่นนหน่อยสิเว้ยโม

เฮนเดอร์สัน - ครึ่งแรกเล่นได้ดี เก็บบอลได้ เชื่อมเกมได้ ครึ่งหลังมีปัญหาหาบอลไม่เจอ ทั้งเกมมีปัญหากับลูกกลางอากาศ คือโหม่งได้อยู่นะแต่คุมบอลไม่ได้เลย โดนคู่ต่อสู้เก็บบอลสองได้บ่อยเกินไป ...แต่ลูก 4 นี่ฝืมือพ่อกัปตันล้วนๆ นะ

ชาน -  ความฟิตดีขึ้นมาก ออกบอลเร็วขึ้น โหม่งบอลดีกว่าเฮนโด้ แต่ถึงครึ่งหลังที่พาเลซขึ้นมาเยอะขึ้นผลงานไม่ต่างกับเฮนโด้เท่าไหร่ มีดีที่จังหวะดึงเร็วดึงช้าที่เนียนกว่าคนอื่น

ลัลลาน่า - ฟอร์มดรอปไปพอควร ครึ่งแรกยังวิ่งเชื่อมเกมได้แต่มีส่วนร่วมกับจังหวะเข้าทำน้อยกว่าที่เคย ครึ่งหลังไม่ใช่หมดแรงแต่หาที่วิ่งได้ไม่ค่อยดี ไล่ไม่ค่อยถึงบอล วิ่งรอรับบอลก็หาช่องได้น้อยไป

มาเน่ - โดนล็อคจนเล่นไม่ค่อยออก ไม่ค่อยได้สร้างเกมรุกเข้าทำสักเท่าไหร่ มีโอกาสเหน่งๆ ก็ยิงข้ามคานอีก แต่ยังมีดีที่การเก็บบอลและความเร็วในการวิ่งทำทางไปพื้นที่ว่าง

คูตินโย่ - ครึ่งแรกหล่อมาก ครึ่งหลังหล่อน้อยลงไปเยอะ แต่ยังสร้างโอกาสได้บ้าง

เฟอมิโน่ - ต้องโหม่งบอลเยอะมากเพราะคาริอุสขยันสาดมาให้โหม่งเหลือเกิน ขยันวิ่งดีรับบอลได้ทั่วสนาม ประสานงานกับคูตินโย่ในครึ่งแรกได้ดีหลายครั้ง ครึ่งหลังเพื่อนไม่ค่อยขึ้นมาช่วยก็ยังพอชิ่งพอวิ่งทำทางได้ลุ้น จนสุดท้ายมามีทีเด็ดยิงปิดกล่อง

ตัวสำรอง

ไวนัลดุม - ลงมาเน้นเล่นคุมเกมมากไป (คล็อปน่าจะสั่งมาเป็นพิเศษ) เรื่องเก็บบอลไว้กับทีมน่ะดี แต่จังหวะโต้หลายครั้งทำเสียจังหวะ มีไม่ต่ำกว่า 2-3 ครั้งที่ถ้าแทงขึ้นหน้าทันทีเลยเพื่อนได้ลากไปเปิดหรือยิงแล้ว

โอริกิ - ช่วยเก็บบอลได้นิดหน่อย

คลาวาน - ได้ลงก็เอาวะ

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ฟิลิปเป้ คูตินโย่… ่บอกกงๆ อยากเลือกมารีเนอร์นะ แต่โดยรวมพี่แกยังไม่ถึงขั้นตัดสินเกม(ดีแล้วล่ะ 555+) แต่คูตินโย่เนี่ยชัวร์ ทั้งเปิดเตะมุมเป็น 2 แอสซิส, ลูกแรกก็เป็นคนสร้างโอกาสให้โมเรโน่เปิด นอกจากนั้นยังมีอีกหลายครั้งที่บอลจังหวะเดียวแถวหน้าเขตโทษกดดันแนวรับจนล้มกลิ้มล้มหงาย
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ลิเวอร์พูล 0-0 แมนฯยูฯ (พรีเมียร์ลีค)




ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-3-3

-------------------สเตอริดจ์------------------
-------เฟอมิโน่----------------มาเน่---------
---------คูตินโย่-------------ชาน-------------
------------------เฮนเดอร์สัน----------------
มิลเนอร์----ลอฟเรน------มาติป-----ไคลน์
--------------------คาริอุส--------------------

_______ แดงเดือดนัดแรกของฤดูกาลเล่นที่แอนฟิลด์ ลัลลาน่ายังไม่ฟิตพอเป็นตัวจริง ส่วนไวนัลดุมก็ยังเจ็บอยู่ 11 ตัวแรกและตำแหน่งการเล่นเลยออกมาแปลกตาหน่อยอย่างที่เห็น
-------------------------------------------------------

________ แมนฯยูฯ เริ่มต้นเกมด้วยวิธี “หนามยอกเอาหนามบ่ง” ไล่บอลเร็วบีบพื้นที่สูงถึงหน้าเขตโทษ ทำให้ลิเวอร์พูลเอาบอลขึ้นหน้าได้ลำบาก ต่อบอลสั้นกันไม่ได้นาน แต่ทางลิเวอร์พูลก็ไม่ก่อความผิดพลาด โดนเร่งยังไงอย่างน้อยสุดบอลยังไปเสียข้างหน้า และยังปิดเกมรุกริมเส้นแมนฯยูฯได้หมด

_______ ผ่านครึ่งชั่วโมงของเกมไป แมนฯยูฯเริ่มผ่อนการบีบพื้นที่ ทำให้ลิเวอร์พูลได้ครองบอลในแดนหน้ามากขึ้น แต่เกมรุกยังเจาะแนวรับไม่ได้ แผงหลังแมนฯยูฯ นอกจากจะประกบดีแล้ว ยังยืนตำแหน่งกันได้สุดยอด วิ่งส่ายวิ่งสอดยังไงก็ปิดช่องได้หมด จบครึ่งแรกยัง 0-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลลงมาพยายามเปลี่ยนจังหวะการเล่นให้เร็วและเติมขึ้นหน้ามากขึ้น แต่กลายเป็นว่าแมนฯยูฯเองกลับลงมาก็เพิ่มเกมรุกด้วยการส่งแบ็คมาสนับสนุนปีกมากกว่าเดิม 15 นาทีแรกของครึ่งหลังกลายเป็นแมนฯยูฯที่เล่นได้ดีกว่า แต่ยังเข้าเขตโทษแทบไม่ได้

_______ นาที 59 ลัลลาน่าลงมาแทนสเตอริดจ์ที่เดินหลงในพงหญ้าหาบอลไม่เจอตลอดเกม ลิเวอร์พูลขยับเฟอมิโน่ขึ้นไปข้างบน, คูตินโย่ไปซ้าย, ลัลลาน่ามาอยู่ตรงกลางพร้อมขยับชานขึ้นสูงบ่อยขึ้น ซึ่งเป็นตำแหน่งการเล่นที่ลงตัวในช่วงหลัง (ชานแทนไวนัลดุม) ส่งผลให้เกมรุกน่ากลัวขึ้นอย่างชัดเจน ได้โอกาสแทงบอลเข้าไปในกรอบได้บ้างแล้ว แต่ยังหาโอกาสยิงนับครั้งได้ ได้ยิงก็ติดเซฟติดบล็อค

_______ แมนฯ ยูฯ ยังคงเล่นเกมรับได้เหนียวแน่น แผงหลังทั้ง 4 คนไม่มีมั่วไม่มีหลอน ในขณะที่เออเรร่าก็เล่นในฟอร์มที่ไม่เกรงใจกัปตันทีมตัวจริงเอาซะเลย แม้ลิเวอร์พูลจะหาโอกาสยิงได้บ้างแต่ไม่มีครั้งไหนที่เป็นโอกาสจะแจ้ง ไม่โดนเร่งก็โดนบังไม่ก็ยิงไกล

_______ ส่วนทางลิเวอร์พูล เกมรุกช่วงครึ่งชั่วโมงท้ายวูบวาบขึ้นเยอะแต่ไม่ดีพอจะทำประตู แต่กับเกมรับพวกเขาปิดเกมริมเส้นได้ดี ทั้งเกมแมนฯยูฯ โยนบอลเข้ามาได้ถึงเขตโทษไม่กี่ครั้ง (แต่หนึ่งในนั้นเกือบเป็นประตูนะ), เสียลูกตั้งเตะในตำแหน่งอันตรายน้อยมาก และทั้งเกมเสียลูกเตะมุมแค่ครั้งเดียวเท่านั้น นักเตะตัวความหวังของแมนฯยูอย่างซลาตันก็แทบไม่ได้หันมาเห็นหน้าคาริอุสเลย เรียกว่าเป็นเกมที่เล่นเกมรับได้ยอดเยี่ยม

_______ จบเกม เลยต้องแบ่งกันไปคนละแต้มที่สกอร์ 0-0
-----------------------------------------

_______ ฮาไม่ค่อยออก คิดว่าทุกคนคงเข้าใจเนอะ

_______ นัดนี้ทั้งคล็อปทั้งมูรินโย่แสดงให้เห็นว่าทำไมพวกเขาถึงเป็นผู้จัดการทีมระดับท็อป รู้ทันรู้ทางและใช้ศักยภาพของทีมตัวเองได้เต็มที่ดีมาก

_______ สำหรับมู แน่นอนว่าการไม่ใช้รูนี่ย์เป็นเรื่องฉลาดสุดๆ ลองนึกภาพรูนี่ย์เล่นแทนเออเรร่าหรือเฟอไลนี่ นัดนี้แมนฯยูฯ พรุนกลับบ้านแน่นอน, การเลือกบีบพื้นที่สูง, การใช้นักเตะที่เด่นทางพละกำลังอย่างซลาตัน, ป๊อกบา, เฟอไล่นี่ ค้ำบอลครองบอลได้ดี หลายครั้งที่โดนบีบโดนแซะแต่ยังเอาบอลไว้ได้หรือแตะให้เพื่อนได้ (ไม่ใช่ทุกจังหวะแต่ก็เยอะอยู่) ในจังหวะคล้ายๆ กันถ้าเป็นนักเตะคนอื่นของทีมอื่นโดนลิเวอร์พูลแซะเอาไปยิงไส้แตกแล้วครับ

_______ สำหรับคล็อป การไม่มีทั้งไวนัลดุมและลัลลาน่าที่จริงเป็นปัญหาใหญ่มาก แต่แก้ไขได้ดีด้วยการใช้คูตินโย่เล่นตรงกลางเพื่อช่วยเชื่อมเกม แม้จะมีส่วนลดประสิทธิภาพในเกมรุกแต่ทำให้ทีมสามารถครองบอลและเอาบอลขึ้นหน้าได้โดยไม่โดนตัดตั้งแต่ในแดนตัวเอง รวมถึงเมื่อลัลลาน่าลงสนามก็ปรับทีมมาเล่นเหมือนเดิมและเดินเกมบุกทันที ถ้าแผงกองหลังแมนฯยูฯ เล่นเนียนน้อยกว่านี้อีกนิด หรือเดแฮผิดฟอร์มกว่านี้หน่อยก็โดนไปแล้ว

_______ ที่สำคัญ ที่ต้องย้ำอีกครั้ง คือทีมปิดจุดอ่อนเรื่องลูกตั้งเตะและลูกกลางอากาศได้ดีมาก เสียฟรีคิกน้อย, เสียเตะมุมน้อย และการมีชานซึ่งเป็นนักเตะแดนกลางที่เล่นลูกกลางอากาศได้ดีอยู่ในสนามช่วยในเรื่องนี้ได้ดีเยี่ยม

_______ แม้ไม่ใช่เกมที่จบลงด้วยชัยชนะ, ไม่ได้เห็นแม้แต่ประตูเดียว แต่ในฐานะของคนที่ชอบดูรูปเกมและแทคติค เกมนี้สนุกมากครับ
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นได้ดีตามแทคติค

คาริอุส - ออกบอลพลาดเยอะอยู่ หนึ่งในนั้นเกือบพาทีมเสียประตู ออกมาตัดบอลโด่งได้ไม่ดีเท่าที่ควร

มิลเนอร์ - โดนวาเลนเซียกดจนเติมไม่ถนัด เกมรับประคองตัวได้

ลอฟเรน - ชิงเข้าบอลก่อนซลาตันได้ดีแทบทุกจังหวะ ประกบแน่น

มาติป - เช่นเดียวกับลอฟเรน มีดีตรงแตะบอลขึ้นหน้าช่วยคลายความกดดันจากการโดนบีบพื้นที่ได้ด้วย

ไคลน์ - บอลไม่ค่อยมาฝั่งนี้ และไคลน์เองก็ไม่กล้าเติมสูงด้วย เกมรับรักษาพื้นที่ตัวเองได้เยี่ยม

เฮนเดอร์สัน - อ่านเกมดี เก็บบอลสองและตัดบอลจังหวะที่แมนฯยูฯจะเปลี่ยนรับเป็นรุกได้เยอะ

ชาน -  จังหวะการเล่นติดๆ ขัดๆ อยู่เป็นระยะ ช้าดึงจังหวะบ้าง เลี้ยงเยอะไปบ้าง แต่ไม่ก่อความผิดพลาดอะไร ช่วยเล่นลูกกลางอากาศได้เยอะ เก็บบอลสองใช้ได้ และจังหวะเติมสูงก็ทำได้ดีครั้งสองครั้ง (เหมือนน้อยแต่ครั้งสองครั้งที่ว่าเกือบได้ประตู)

คูตินโย่ - ช่วงเล่นตรงกลาง มีดีตรงไม่เสียบอลและผ่านบอลหนีตัวไล่ได้ แต่บอลเกมรุกก็ออกแทบไม่ได้ พอครึ่งชั่วโมงท้ายได้ปล่อยของรัวๆ ทั้งยิงไกล ทั้งคิลเลอร์พาส เสียดายที่พลาดได้ประตู

เฟอมิโน่ - ช่วงเล่นหน้าซ้ายช่วยทีมได้แค่เชื่อมเกมและวิ่งไล่ พอได้เล่นข้างหน้าเริ่มฉีกแนวรับได้บ้างแต่มาแรงหมดตะคริวกินเสียก่อน

มาเน่ - โดนตัดออกจากเกม โดนทั้งแบ็คทั้งกองกลางประกบหนักมากจนเล่นไม่ได้เลย

สเตอริดจ์ - หาไม่เจอทั้งช่องวิ่ง ทั้งบอล ทั้งเพื่อน ทั้งโอกาสยิงประตู เรียกว่าแทบไม่ได้ช่วยทีมเลย

ตัวสำรอง

ลัลลาน่า - ฟอร์มส่วนตัวไม่ถึงกับเด่นอะไรมาก คือวิ่งรับบอลได้เรื่อยๆ วิ่งสอดเข้ากรอบได้บ้าง แต่ที่สำคัญคือทำให้เพื่อนร่วมทีมได้เล่นในตำแหน่งและจังหวะการรุกที่ถนัด

โอริกิ - ลงมาแทนเฟอมิโน่ที่หมดแล้ว แต่ลงมาแล้วก็ไม่ได้สร้างโอกาสอะไร

โมเรโน่ - เวลาน้อยไม่ได้ทำอะไรมาก

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...โจเอล มาติป…นัดนี้ส่วนตัวแล้วชอบอยู่สองคนคือมาติปกับเฮนโด้ เฮนโด้ดักบอลที่กำลังจะรุกของคู่ต่อสู้ได้เด็ดขาดมาก แต่เลือกมาติปเพราะทำให้ซลาตันเล่นไม่ได้ ซึ่งนั่นหมายถึงเกมรุกของแมนฯยูฯ, ของมูรินโย่ ในแทคติคที่เล่นระวังตัวแบบนี้แทบจะไม่เหลืออะไรมาเล่นงานเราเลย
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.