วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ลิเวอร์พูล 1-1 เซาท์แธมป์ตัน (พรีเมียร์ลีค)


...Now Loading...
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-3

---------------------------โอริกิ-------------------------
------------คูตินโย่-----------------ลัลลาน่า-----------
------------ชาน----------ลูคัส---------มิลเนอร์-------
โมเรโน่---------ซาโก้---------สเคอเทล-------ไคลน์
-------------------------มินโยเล่------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเปิดบ้านตอนรับการมาเยือนของเซาท์แธมป์ตัน นัดนี้คล็อปยังคงคอนเซ็ปท์เดิมคือเปลี่ยนให้น้อย มีสลับแค่ลูคัสได้ลงก่อนอัลเลนแค่นั้น นอกนั้นเหมือนเดิมเป๊ะ รวมไปถึงโอริกิที่ยังเป็นตัวจริงอยู่ด้วย
-------------------------------------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเริ่มเกมแบบแปลกตาออกไปนิดหน่อยด้วยความพยายามขึ้นเกมทางริมเส้นทั้งสองฝั่งมากกว่าสองนัดที่ผ่านมา แบ็คสองข้างดันสูงขึ้นและเกมริมเส้นทำได้ดี ส่วนเซาท์แธมป์ตันเน้นรับในแดนแต่จังหวะตั้งเกมบุกก็เติมเยอะ เน้นเปิดจากริมเส้นโดยมีตัวรอจบในเขตโทษ 2-3 คนในทุกจังหวะ

________ 15 นาทีแรกเป็นลิเวอร์พูลที่ดูดีกว่าเยอะ ต่อบอลกันได้เนียนตา บอลไปข้างหน้าตลอด แต่จังหวะเข้าทำเหมือนตัวละครในหนังสยองขวัญที่พร้อมใจกันแยกไปคนละทางให้โดนผีร้าย(นัดนี้เป็นนักบุญ)ไล่เชือดไปทีละหน่อก็มิปาน บุกเยอะแต่ไม่ได้กดดันคู่ต่อสู้เท่าไหร่

_______ พอเข้าช่วงกลางครึ่งแรก บอลของลิเวอร์พูลเริ่มไปไม่ค่อยถึงข้างหน้าแล้ว ส่วนทางเซาท์แธมป์ตันเอาบอลมาใกล้กรอบได้น้อยแต่มาแต่ละทีได้ลุ้นประตูไม่แพ้กัน รวมไปถึงลูกตั้งเตะที่ได้เล่นเมื่อไหร่ เด็กหงส์หัวใจจะวายทุกทีไป

_______ ท้ายครึ่งแรก เกมเนือยลงไป บอลไม่ค่อยถึงพื้นที่สุดท้ายในลักษณได้ลุ้นซักเท่าไหร่ ออกแนวเปิดไปเข้าทางแนวรับรอเก็บกินเสียมากกว่า จบครึ่งแรกที่สกอร์ 0-0

_______ เข้าครึ่งหลัง คล็อปเปลี่ยนตัวทันที เบนเทเก้ได้ลงแทนโอริกิ

_______ ลิเวอร์พูลกลับลงมาเน้นเกมทางริมซ้ายและเร่งเกมแต่ต้น ได้เปิดบอลเข้าไปลุ้นและได้ลูกเตะมุมรัวๆ โดยมีเบนเทเก้ช่วยกดดันแนวรับได้ต่อเนื่องแต่บอลยังไม่เป็นใจ หรืออีกนัยนึงเปิดบอลไปไหนไม่รู้ ทำให้ยังเอาชนะแนวรับเซาท์แธมป์ตันที่เล่นรับในแดนได้อย่างเหนียวแน่นไม่ได้ซักที

_______ ลิเวอร์พูลเร่งอยู่ได้ราว 10 นาทีเกมก็ชะงักไป เกมทางขวาดับสนิท ไม่ว่าจะมิลเนอร์ ลัลลาน่า หรือไคลน์ เกมตรงกลางก็ขยับขึ้นไม่ได้เพราะคูตินโย่กับชานเล่นไม่ออกซึ่งถือเป็นคำอธิบายฟอร์มการเล่นของทั้งคู่ที่ฟังดูสุภาพมากแล้ว ส่วนลูคัสที่แน่นอนว่าอย่าไปหวังอะไรกับเกมรุกก็ดันเริ่มมีอาการยุบให้เห็นอีกต่างหาก ส่วนทางเซาท์แธมป์ตันยังดูพอใจกับรูปเกมที่ไม่เพลี่ยงพล้ำ ไม่ได้เร่งเกมรุกอะไรนัก อาศัยสามประสานในแนวรุกเล่นกันไปเป็นหลัก ตัวเติมขึ้นมาน้อยกว่าครึ่งแรกด้วยซ้ำ

_______ นาที 67 เฟอมิโน่ได้ลงแทนลัลลาน่า ลงมาต่ำช่วยเปลี่ยนรับเป็นรุก การเชื่อมเกมแดนกลางดูดีขึ้นเล็กน้อย

_______ เกมรุกของลิเวอร์พูลยังไม่ดุดันและไม่ค่อยต่อเนื่อง อาศัยว่าได้บอลเยอะก็พอได้เปิดได้เลี้ยงเข้าไปทำอะไรสักอย่างใกล้ๆ เขตโทษเซาท์แธมป์ตันได้เรื่อย จนในที่สุดนาที 77 คล็อปก็ได้กระโดนดีใจโชว์แฟนบอลสักที จากจังหวะที่มิลเนอร์เปิดบอลจากริมเส้นขวาตั้งแต่ยังไม่สุดเส้น บอลลอยโค้งเข้าไปแถวใกล้จุดโทษ เบนเทเก้ชิงจังหวะขึ้นโหม่งได้ก่อนกองหลังเสียบสามเหลี่ยมบนเข้าไปอย่างสวย 1-0

_______ หลังจากได้ประตูขึ้นนำ ดูเหมือนผู้เล่นลิเวอร์พูลจะผ่อนเกมไปพอสมควรและดูพะวงกับเกมรับอย่างเห็นได้ชัด แม้จะยังวิ่งไล่และทำทางขึ้นหน้ากันอยู่แต่ช้าและน้อยกว่าก่อนหน้านั้นเยอะ ส่วนเซาท์แธมป์ตันก็เริ่มกลับมาเติมเกมรุกกันเยอะขึ้นแล้ว

_______ นาที 83 ไอบ์ได้ลงแทนคูตินโย่ ลิเวอร์พูลปิดเกมรุกของเซาท์แธมป์ตันไม่ค่อยได้ โดยเฉพาะแดนกลางที่ตัดบอลกลางสนามได้น้อยไปหน่อย ส่วนเกมรุกที่ไม่ค่อยกดดันคู่ต่อสู้อยู่แล้วยิ่งมีน้อยลงไปอีก

_______ นาที 86 ลิเวอร์พูลก็มาพังจนได้ส จากจังหวะมิลเนอร์ไปเข้าบอลลั่นใส่คู่ต่อสู้แถวกลางสนามฝั่งซ้าย เสียฟรีคิก ตัวเองก็โดนใบเหลืองครบ 5 ใบนัดหน้าโดนแบน จากฟรีคิกจังหวะนี้เซาท์แธมป์ตันโยนเข้าไปตรงกลางหน้าเขตโทษ โหม่งไปเสาสอง แล้วโหม่งย้อนไปเสาแรก แล้วชาร์จจ่อๆ โล่งๆ 2 หลาเข้าประตูไป 1-1 ทั้งหมดนี้ไม่มีผู้เล่นลิเวอร์พูลเฉียดเข้าไปใกล้พอให้รู้สึกว่ามีโอกาสถึงบอลเลยแม้แต่จังหวะเดียว

_______ เสมอแล้วจะรอใครมาตัดริบบิ้นละครับ ลิเวอร์พูลพยายามจะเร่งเกมรุกอีกครั้ง ผู้เล่นที่ยังสดอยู่อย่างเฟอมิโน่หรือไอบ์พยายามเร่งเกมให้เร็วและพอจะวูบวาบบ้าง แต่กับคนที่อยู่ในสนามตั้งแต่ต้นเกมดูจะวูบๆ คล้ายจะเป็นลม เห็นว่าพยายามจะเร่งแต่วิ่งเหมือนใกล้จะร่วง แม้เกมจะเปิดแลกกันและบอลไปข้างหน้าได้บ่อยเหมือนช่วงต้นครึ่งหลัง แต่ก็ไม่กดดันคู่ต่อสู้เท่าที่ควร เร่งไม่ขึ้น แซงไม่ทัน สุดท้ายเข้าเส้นชัยพร้อมกันที่สกอร์ 1-1

_______ ...คล็อปยังต้องรอชัยชนะนัดแรกต่อไป
-----------------------------------------

_______ 11 ตัวจริงยังใช้ชุดเดิมแม้จะมีเกมติดๆ กัน ดูจะป่าเถื่อนโหดร้ายกับคนเล่นไปนิดนึง แต่ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่ควรทำแล้ว เพราะต้องรีบปรับตัวปรับทีมให้เร็วที่สุด

_______ เกมนี้ทั้งเกม (รวมถึงสองนัดก่อนหน้าด้วยก็ได้) หลักใหญ่ใจความอยู่ที่การปรับตัวนี่ล่ะ ตัวคล็อปเองชอบใช้หน้าเดี่ยว แม้จะออกมาบ่นฮึ่มฮั่มๆ ว่าอาจจะลองหน้าคู่แต่ชัดเจนว่าความถนัดของเขามันคือหน้าเดี่ยวแน่ๆ

_______ สิ่งที่คล็อปทำไปแล้วและเห็นได้ในสนามจนถึงตอนนี้คือ 1.มี 11 ตัวจริงในใจ 2.มีแทคติคการเล่นชัดเจน 3.มีการวางรายละเอียดในการเล่นของแต่ละคนชัดเจน อาจจะฟังดูดีแต่ชีวิตมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ขนาดที่สั่งปุ๊บจะทำได้ปั๊บ แล้วมันติดขัดตรงไหน มาดูกันครับ

_______ ***นัดนี้ขอเปลี่ยนรูปแบบบทความให้มันสอดคล้องกับเนื้อหานิดนึงนะ ชอบไม่ชอบมาว่ากัน***
มินโยเล่ - เล่นเป็นผู้รักษาประตูอย่างเดียวแล้ว คือเขาไม่ต้องคอยขึ้นมาเล่นบอลสั้นกับแนวรับอีกต่อไป รวมไปถึงไม่ต้องดันขึ้นมาสูงเพื่อจัดการจังหวะคู่ต่อสู้วางบอลยาวอีกแล้ว (พื้นที่เหลือเยอะไป วิ่งขึ้นไปไม่ทันหรอก) ความกดดันของเจ้าตัวลดน้อยลง และฟอร์มส่วนตัวก็ดูดีขึ้นเมื่อเซฟลูกโหม่งโล่งได้ไปครั้งนึงด้วย

โมเรโน่ - เติมเกมรุกเยอะ เติมสูงกว่าไคลน์ และพยายามเปิดบอลจังหวะแรกบ่อย ดูจากวิธีเล่นโมเรโน่เล่นได้ถูกต้องแล้วเพราะเกมเร็วของคล็อปบอลมันไม่ย้อนหลัง โมเรโน่เติมขึ้นไปถึงพื้นที่เปิดบอลแปลว่าเพื่อนเพิ่นตามกันขึ้นมาหมดแล้ว จะไปยึกยักให้เสียเวลาไม่ได้ โดนตัดจะบรรลัยเอา ดังนั้นหลายครั้งที่ดูเหมือนเขาเร่งจนพลาดผมคิดว่าพลาดที่ “ประสิทธิภาพ” ไม่ใช่ “วิธีการ” โมเรโน่ดูจะเป็นหนึ่งในคนที่ปรับตัวให้เข้ากับคล็อปได้ดีที่สุดคนหนึ่ง คำถามคือเจ้าตัวจะพัฒนาการเปิดหรือยิงในจังหวะสุดท้ายให้ดีกว่านี้ได้มั้ย?

ซาโก้  - นัดนี้่ช่วงครึ่งชั่วโมงแรกซาโก้เล่นแย่นะครับ ตำแหน่งไม่ดี ประกบไม่ติด แต่หลังจากนั้นก็ดูดีขึ้น การเข้าปะทะกับการประกบกลับมาแน่นแล้ว จะมีก็แต่ลูกกลางอากาศที่วันนี้ดวลชนะน้อยไปหน่อย ซาโก้เป็นกองหลังที่ชอบเก็บบอลเล่น และหลายครั้งพยายามจะจ่ายบอลขึ้นหน้าด้วยตัวเองแบบไม่พึ่งกองกลางมาล้วงบอล สไตล์การเล่นแบบนี้เหมาะกับบอลทำเร็วอยู่แล้วเพราะบอลไม่ตายและสวนกลับได้ทันที เจ้าตัวน่าจะเป็นกองหลังคนโปรดของคล็อปได้ไม่ยาก ยิ่งถ้าเทียบกับสเคอเทลและลอฟเรนที่เข้าบอลเอาตาย สกัดเอาหายทั้งคู่ ซาโก้ยิ่งดูมีภาษีดีกว่าเข้าไปใหญ่ ...ถ้าไม่มัวพะวงกับการเก็บบอลจนโดนคู่ต่อสู้ฉกเอาไปยิงอ่ะนะ

สเคอเทล - วันนี้เล่นได้ดีขึ้นจากนัดก่อน มีปัญหากับการเล่นลูกกลางอากาศเหมือนซาโก้แต่กับการประกบและคุมพื้นที่เขาทำได้คงเส้นคงวาถ้าดูโดยรวมตลอดเกม ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าในแผงหลังสเคอเทลนี่ล่ะที่มีปัญหาที่สุดกับแทคติคของคล็อป เพราะสเคอเทลนี้สานต่อสไตล์การเล่นของคาราเกอร์มาเต็มๆ เล่นหนักเล่นพรวดเอาตายเอาขาด และจะไว้ใจได้ก็ต่อเมื่อบอลอยู่ด้านหน้า พอต้องเบียดไหล่ต่อไหล่นี่จะเริ่มมีปัญหา และจะโคม่ามากถ้าเป็นการวิ่งเบียดไปกับคู่ต่อสู้เพื่อตามไปเล่นบอลที่โยนโด่งมา ...ซึ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่เซ็นเตอร์ของทีมจะต้องเจออีกเยอะตามแท็คติคที่คล็อปใช้ ยังไม่นับจังหวะขึ้นเกมที่สเคอเทลเป็นเซ็นเตอร์สไตล์โบ...เอ่อ...อนุรักษ์นิยม คือหลังเก็บบอลได้จะดึงให้ช้า รอเซ็นเตอร์+แบ็คฝั่งตัวเอง+กลางรับ ถอยกลับมาประจำตำแหน่งก่อนทุกครั้งไป ถึงจะเริ่มออกบอลสั้นไปให้ใครคนใดคนนึง ซึ่งมันช้าไปมากสำหรับทีมที่ต้องการเล่นเร็ว ไม่ได้บอกให้ต้องสวนเร็วทุกครั้ง แต่ดึงช้าแทบทุกจังหวะแบบสเคอเทลนี่ไม่น่าจะเหมาะเท่าไหร่

ไคลน์ - เติมเกมน้อยกว่าที่ควรทั้งๆ ที่จังหวะมีให้เล่นมากกว่านั้น เกมนี้เขามีความผิดพลาดน้อยก็จริง แต่มีส่วนร่วมกับเกมน้อยกว่าที่ควรจะเป็นเช่นกัน หลายครั้งในเกมจะเห็นว่าคู่ต่อสู้ถอยไปรับในเขตโทษกับแน่นแต่ไคลน์ไม่ได้วิ่งสอดขึ้นทางมุมธงสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะหยุดอยู่แค่กลางสนามรอรับบอลเคาะคืนเท่านั้น (ไม่ใช่ไม่ขึ้นเลยนะ แค่น้อย) ซึ่งถ้าคนที่เล่นตรงนี้เป็นแบ็คสไตล์อย่างฟินแนนหรือโกเมสคงไม่เท่าไหร่ แต่พอเป็นไคลน์ที่เร็วจะตายชักและเลี้ยงบอลขณะวิ่งเต็มสปีดได้ไม่น่าเกลียดเลยกลับไม่ยอมใช้จุดเด่นตัวเองเห็นแล้วมันหงุดหงิดอยู่พอควร ไคลน์มีทุกอย่างครบสำหรับการเป็นแบ็คของทีมที่เน้นเกมรุกเร็ว ดีกว่าโมเรโน่ด้วย แต่อุปสรรคอย่างเดียวของไคลน์คือทัศนคติ ในขณะที่คล็อปชอบเสี่ยง(ดูวิธีวิ่งไล่กับตำแหน่งการยืนของแผงกลางสามตัวดูสิ) ไคลน์ดูชอบเอาชัวร์มากกว่า เขาดูพะวงอยู่กับการอ่านจังหวะของเกมและจะไม่ยอมขึ้นสูงถ้าเห็นว่ามีคู่ต่อสู้พร้อมจะลุยสวนขึ้นไป ในเกมรุกพื้นที่สุดท้ายเราจะเห็นเขาเล่นเยอะหลายจังหวะบ่อยครั้ง ซึ่งมันทำให้ทีมเสียโอกาสไป

ลูคัส - เป็นอีกคนที่ดูจะ “รอดยาก” ในยุคคล็อป วันนี้ฟอร์มส่วนตัวของเขาดูไม่ดีนัก วิ่งไม่ค่อยถึงบอลและเสียฟาล์วง่าย แม้จะเชื่อมเกมได้ดูดีแต่ไม่มีบอลเกมรุก และถ้าโดนไล่เมื่อไหร่คือคืนหลังทันที เป็นหนึ่งในเหตุผลที่งานไปเข้าคูตินโย่อยู่บ่อยๆ เพราะคู่ต่อสู้ประกบคูตินโย่สบาย เนื่องจากบอลอยู่เท้าลูคัสคู่ต่อสู้จะพร้อมใจกันคิดว่า “ช่างพี่เค้าเถอะ” ซึ่งไม่นานจากนั้นลูคัสก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าส่งบอลให้คูตินโย่ที่โดนประกบอยู่นั่นแหล่ะ ผมคิดว่าลูคัสเป็นคนที่โดนทำร้ายจากแทคติคของคล็อปหนักสุดในทีมแล้ว คือเขาเหมาะกับการเล่นในทีมที่เน้นการครองบอลมากกว่า ยิ่งถ้าให้เขายืนอยู่หน้าคู่เซ็นเตอร์โดยทีมเล่นคุมพื้นที่ในแดนแล้วรอโต้ ลูคัสจะโดดเด่นมากๆ แต่ให้วิ่งปากกระพือไปทั่วสนาม คู่ต่อสู้พลิกบอลได้ก็ต้องวิ่ง 2-30 หลาตามาอัด โดนไล่ก็ต้องล็อคหนีเองให้รอด เพื่อนทำทางก็ต้องจ่ายให้ทะลุได้ ...ตายพอดีครับ...

ชาน - รายนี้เป็นคนที่ต้องปรับตัวหนักสุด คือหลังจากโดนล้างสมองไปหนึ่งฤดูกาลเต็มๆ ตอนนี้ชานยังยืนงงในพงหญ้าอยู่ว่าตัวเองควรทำอะไรในสนาม นัดนี้เขาแทบไม่ได้ทำอะไรนอกไปจากเลี้ยงบอลขึ้นหน้าไปเรื่อย เลี้ยงซะอยากจะให้เอาบอลกลับไปปลูกที่บ้าน เลี้ยงไปราวกับว่าข้างหน้าไม่มีใครขวางและเพื่อนร่วมทีมเป็นธาตุอากาศ ซึ่งจริงๆ แล้วถ้าดูดีๆ มันคือวิธีการเล่นแบบเดียวกับที่เค้าเล่นตอนยืนเซ็นเตอร์แบ็ค/วิงแบ็ค เพราะจากตรงนั้นเค้าจะพลิกเลี้ยงขึ้นหน้าได้ง่ายมาก พอมีตัวมาไล่หมายความว่าเพื่อนข้างหน้าว่าง แต่พอเขามายืนกลางสนาม เลี้ยงไปไม่กี่ก้าวก็เจอดงสตั๊ดแล้ว พื้นที่มันไม่ได้มีให้เลี้ยงขนาดนั้น และการเล่นเกมรุกมันมีอะไรมากกว่าเลี้ยงเข้าไปๆๆ เขาต้องรีบปรับตัวให้เร็วเพราะคล็อปดูจะไว้วางใจเขามากถึงขนาดจับเป็นตัวจริงทันทีที่มาถึงและส่งเล่นในตำแหน่งที่เขา(ควร)จะถนัดที่สุดด้วย  

คูตินโย่ - เป็นอีกคนที่ต้องปรับตัวเยอะและยังมองไม่เห็นว่าจะปรับได้เมื่อไหร่ กับฤดูก่อนๆ บอลจังหวะจะโต้ หรือจังหวะจะเข้าทำมันจะมาขึ้นที่เขาหมด หลายครั้งเพื่อนก็ขึ้นไม่ทันมีแค่เขากับกองหน้า ทำให้คูตินโย่ต้องคิดเองเล่นเอง แม้จะยื้อจะฝืนแค่ไหนก็ต้องดึงดันไปเพราะไม่งั้นทางเลือกก็จะเหลือแค่เคาะคืนหลังแล้วเกมรุกของทีมไม่คืบ แต่กับตอนนี้ไม่ใช่แล้ว มองซ้ายเห็นโมเรโน่ มองขวาเห็นลัลลาน่า มองข้างหน้าก็มีโอริกิ** เขาเลือกเล่นได้มากกว่าการฝืนไปเองฝืนยิงเองเยอะ แต่กับนัดนี้และรวมถึงนัดก่อนๆ ด้วย เขายังนึกว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของทีมอยู่ ยังคิดว่าถ้าเขาไม่ทำก็จะไม่มีใครทำอยู่ และจากที่สัมผัสได้จากเกมสามนัดนี้ คล็อปเองยังไม่ได้ไว้ใจเขาในระดับที่เขาเคยได้จากร็อดเจอร์ (คล็อปดูถูกใจชานมากกว่า) เผลอๆ ในระยะยาว เฟอมิโน่ที่หวังจะมาเล่นกับคูตินโย่จะกลายเป็นว่ามาแทนคูตินโย่เอาได้ง่ายๆ

มิลเนอร์ - จริงๆ แล้วอายุของมิลเนอร์แค่ 29 ไม่ใช่ 34-35 แต่เจ้าตัวเล่นซะเยี่ยงแข้งอาวุโส นัดนี้ยังวิ่งเยอะเหมือนเดิมแต่ไม่ค่อยได้ประโยชน์เป็นชิ้นเป็นอัน ยังดีที่ว่าเขาเป็นคนเปิดบอลแอสซิสให้เบนเทเก้โหม่งขึ้นนำ แต่ในขณะเดียวกันก็เสียฟาล์วแบบไม่ควรจนนำมาซึ่งประตูตีเสมอเช่นกัน สำหรับมิลเนอร์ผมคิดว่าเป็นโจทย์ใหญ่ที่สุดของคล็อปว่าจะเอายังไงดี คือมิลเนอร์เนี่ยขยันวิ่งจริง ฟิตจริง ปัญหาคือแกไม่ได้เร็วมากและไม่ได้ฟิตเหลือเฟืออะไร วิ่งเยอะๆ มียุบเหมือนกัน แล้วเวลาเข้าบอลพอช้าไปจังหวะนึงแต่คิดว่าตัวเองทันก็กลายเป็นเข้าพรวด เสียฟาล์วโดนใบเหลืองแบบไม่ควรเอาง่ายๆ (ใครที่เล่นกีฬาประเภทต้องวิ่งเยอะๆ เ้คลื่อนที่ไม่หยุดมาบ้างคงนึกออกกับจังหวะแบบนี้) แล้วดันเป็นรองกัปตันทีม จะไปดรอปหรือเปลี่ยนออกง่ายๆ เหมือนคนอื่นทีมสปริติจะมีปัญหาหรือเปล่า ย่ิ่งกับการที่คล็อปพึ่งมาใหม่(แต่มิลเนอร์ก็พึ่งมา 555+) และส่งเสริมชานจนตัวแทบลอยซะแบบนั้น ในรายมิลเนอร์นี่ผมว่าถ้ายังอยู่ตรงกลางก็ลำบากนะ เพราะเขามีดีแค่วิ่งๆๆ จ่ายบอลขึ้นหน้าไม่ค่อยดี หาจังหวะยิงไกลหรือจ่ายบอลเข้าทำก็ไม่ดีนัก แต่การสลับขึ้นลงของกองกลางสนามคนมันเรียกร้องให้ตำแหน่งนี้ต้องทำแบบนั้นให้ได้ด้วย (ถ้ายืนสองคนคู่กันกับเฮนโด้เป็นสามเหลี่ยมล่างแล้วมีคูตินโย่เป็นเหลี่ยมบนมันเป็นอีกเรื่อง อันนั้นแค่วิ่งๆๆ เอาบอลมาแล้วส่งให้คูตินโย่ก็พอ) ลองนึกภาพว่าตอนนี้เฮนโด้ฟิตแล้วเล่นแทนตำแหน่งนี้ดูสิ นั่นล่ะได้เลย วิ่งได้พอกัน เสียฟาล์วน้อยกว่า จ่ายบอลขึ้นหน้าได้ ซึ่งตอนนี้ยังเจ็บไง

ลัลลาน่า - วันนี้่เล่นไม่ออกเลยจริงๆ แม้จะไม่ได้ฝืนในระดับคูตินโย่แต่เขาก็เก็บบอลไว้กับตัวนานไปหน่อย จังหวะตัวต่อตัวก็ไม่ชนะใครทั้งนั้น การทำเกมรุกเรียกว่าดับสนิทไปไม่ได้ทั้งบอลทั้งคน แต่ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะเจอกับทีมเก่าด้วย ในแง่ความรู้สึกผมคงไม่กล้าเดาเพราะไม่ใช่หมอดู แต่กับวิธีกับจังหวะการเล่น ฟอนเต้คงยังไม่ลืมแน่ก็เลยยิ่งยากเข้าไปอีก สำหรับลัลลาน่านี่ผมว่าปรับแค่นิดเดียวก็พอ คือออกบอลให้เร็วเข้าไว้ ยิ่งกับการที่มีเพื่อนวิ่งเติมขึ้นมากันให้คลั่กแบบนี้ ไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่ลัลลาน่าต้องเก็บบอลไว้กับตัวนาน เขาวิ่งหาช่องและเล่นบอลจังหวะเดียวได้ดีอยู่แล้ว และนั่่นน่าจะเป็นสิ่งที่คล็อปต้องการด้วย ...ดูเหมือนคล็อปจะชอบบ่นเวลาเห็นใครวิ่งฟรีแล้วเพื่อนไม่จ่ายนะ
โอริกิ - “ยับ“ คือคำอธิบายฟอร์มของโอริกิในนัดนี้ได้ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ฟอร์มส่วนตัวไม่ค่อยวิ่งทำทาง เก็บบอลไม่ค่อยอยู่ จังหวะยิงไม่ต้องพูดถึงหาไม่ได้เลย แต่ไฮไลท์อยู่ที่ฟอร์มการเล่นเป็นทีม จริงอยู่ว่าจะไปโทษเขาคนเดียวก็ไม่ได้ แต่ทุกจังหวะที่เพื่อนจ่ายให้ โอริกิไปผิดทางตลอด และในทางกลับกันบอลเร็วจังหวะเดียวที่ออกจากเท้าเขาจะกลิ้งไปเข้าเท้าคู่ต่อสู้ตลอดเช่นกัน การประสานงานของเขากับเพื่อนร่วมทีมนั้นดูแย่กว่าทีมเวิร์คของทีมประเภทรวมดารา, ออลสตาร์เตะการกุศลเสียอีก พลาดในระดับที่ตั้งใจให้จ่ายพลาดกันทุกครั้งแบบนี้ยังลำบาก ตัวคล็อปเองดูจะชอบโอริกิอยู่ไม่น้อย ทั้งส่งลง ทั้งคำให้สัมภาษณ์ (เคยบอกว่ากองหน้าคนอื่นเจ็บแต่เรามีโอริกิ, เคยบอกว่าคิดซื้อตอนคุมดอร์ทมุนด์) แต่กับการโดนเปลี่ยนตัวออกรัวๆ และนัดนี้โดนเปลี่ยนเร็วตั้งแต่พักครึ่งคงเป็นคำเตือนครั้งท้ายๆ แล้วว่าโอริกิไม่เหลือเวลาให้ปรับตัวอีกแล้ว ถ้าจะเล่นให้ได้ก็ต้องตอนนี้! ...จะว่าไปคล็อปนี่คิดเร็วทำเร็วดีนะ ต่อให้ชอบ/เลือกแล้ว แต่เห็นไม่เวิร์คนี่โดนถอดทันทีเหมือนกัน

ตัวสำรอง

เบนเทเก้ - เคลื่อนที่น้อย มีส่วนร่วมกับเกมน้อย แต่มีเมื่อไหร่คือได้ลุ้นประตูทันที และก็โหม่งได้หนึ่งประตูด้วย เอาจริงๆ เบนเทเก้ดูเหมาะกับทีมที่เน้นบอลไดเรกต์มากกว่าอย่างที่ทุกคนคงเห็นตรงกัน การเล่นอยู่ในทีมที่เล่นเร็วเล่นกับพื้นที่แบบนี้ดูไม่ค่อยจะเข้ากับเจ้าตัวเท่าไหร่ ยิ่งถ้าดูจากอดีตกองหน้าของคล็อป (เลวานฯ+โอบาเมแยง+โอริกิ) ก็ไม่ต้องสืบว่าเบนเทเก้นี่ไม่ได้เข้าแก๊ปกับเค้าเลย แต่จุดนี้เป็นสิ่งที่ตัวคล็อปเองก็ต้องปรับตัวด้วยเช่นกัน เพราะตอนนี้มันชัดเจนว่าเบนเทเก้จะต้องเป็นศูนย์หน้าตัวหลักไปอย่างน้อยจนจบฤดูนี้ แถมเบนเทเก้ยังสร้างโอกาสการทำประตูได้ดีกว่าสเตอริดจ์ด้วยซ้ำ (โอริกิต้องพูดถึงมั้ย ณ จุดนี้) คล็อปต้องหาทางใช้งานเบนเทเก้ให้เต็มประสิทธิภาพให้ได้ - หมายถึงต้องทำยังไงก็ได้ให้เขามีส่วนร่วมกับเกมยิ่งกว่านี้ แม้ว่านั่นจะหมายถึงการปรับสไตล์ของตัวเองให้จัดทีมเล่นหน้าคู่ หรือปรับมาเน้นการโยนครอสจากเส้นข้างแบบเป็นล่ำเป็นสันก็ตาม

เฟอมิโน่ - เชื่อมเกมได้ดี มีจังหวะปั้นเกมรุกที่น่าพอใจอยู่บ้าง ไม่เยอะแต่เยอะกว่าทั้งคูตินโย่และลัลลาน่า สิ่งที่เฟอมิโน่ทำในสนามวันนี้เป็นสิ่งที่คูตินโย่ควรจะทำ และเป็นสิ่งที่คล็อปน่าจะอยากเห็นจากตัวรุกหลังกองหน้า

ไอบ์ - นัดนี้ยังไม่ค่อยได้ทำอะไรมากนัก แต่การเปลี่ยนผู้จัดการทีมมาเป็นคล็อปต้องเรียกว่า “บอลเข้าทาง” สุดๆ สไตล์การเล่นกับแทคติคเข้ากันแบบไม่ต้องปรับอะไรกันแล้ว ตอนนี้รอแค่เวลาที่จะได้ลงสนามบ่อยๆ แค่นั้น เกิดไม่เกิดนี่อีกเรื่อง แต่ไอบ์อยู่ใน “ทีมของคล็อป” แน่นอน

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...คริสเตียน เบนเทเก้…นัดนี้เลือก MOM ยากนะเพราะไม่มีใครเด่น แต่เลือกเบนเทเก้เพราะนอกจากจะทำประตูได้แล้ว ยังเห็นได้ชัดว่าทีมตอนมีเขาอยู่ในสนามกับมีโอริกิ มันต่าง โคตรต่าง ต่างกันเยอะจริงๆ

_______ ทั้งหมดนี้คือปัญหาที่คล็อปต้องเจอ บางตำแหน่งมันแก้ได้เลยอย่างกองหน้าก็แค่เปลี่ยน แต่กับปัญหาโลกแตกอย่างมิลเนอร์ หรือตำแหน่งที่ตัวเลือกไม่มีอย่างลูคัส (นัดก่อนลองเอาอัลเลนลงมา เปลี่ยนกลับแทบไม่ทัน) คนที่ควรเล่นได้กลับเล่นไม่ได้อย่างพวกลัลลาน่า+คูตินโย่+ไคลน์ นี่ยังไม่นับการประสานงานกันที่ยังต้องปรับอีกเยอะ บอลชิ่งบอลช่องให้กันไม่ได้เลย ให้เป็นเสีย ซึ่งเห็นได้ชัดในกรณีโอริกิ ซึ่งต้องย้ำอีกทีว่าไม่ใช่โอริกิผิดคนเดียว มันแสดงให้เห็นถึงความไม่เข้าใจกันในทีมจริงๆ อย่างตอนเบนเทเก้อยู่ในสนามก็มีอีกเป็นสิบครั้งที่บอลโยนไปเสาหนึ่งคนอยู่เสาสอง ก็ต้องใช้เวลากันนิดนึงครับ

_______ นิดนึงนี่ว่ากันเป็นเดือนๆ นะ ไม่ใช่นัดสองนัด
------------------------------------------------------------

ป.ล. มันยาวไปมั้ยเนี่ย

เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น