วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เชลซี 1-3 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


...ลาก่อยย~ มูรินโย่...
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

-------------------------เฟอมิโน่------------------------
-----คูตินโย่-----------ลัลลาน่า----------------มิลเนอร์
-------------------ชาน-----------ลูคัส-------------------
โมเรโน่--------ซาโก้----------สเคอเทล--------ไคลน์
-------------------------บ็อกดาน------------------------

_______ นัดนี้คล็อปพาพวกบุกไปเยือนแชมป์เก่าที่สภาพไม่ค่อยสู้ดีนักตอนนี้อย่างเชลซีที่แสตมฟอร์ดบริดจ์ คล็อปปรับกลับมาใช้ทีมชุดเดิมตามคาด ที่ผิดคาดมีเพียงแดนหน้าที่ดันเฟอมิโน่ขึ้นไปเล่นหน้าสุด แล้วปราศจากชื่อของโอริกิทั้งตัวจริงและตัวสำรอง
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมลิเวอร์พูลพยายามดึงช้าครองบอลหาจังหวะของตัวเอง แต่เชลซีไม่ดูไม่ดึงอะไรด้วยวิ่งไล่ตั้งแต่แดนหน้า เติมกันขึ้นมาช่วยไล่และวิ่งทำทาง แค่นาที 4 อัสปิลิกวยต้าก็รับบอลจากคอสต้าไปเปิดได้ที่สุดเส้น บอลเข้ากลางมาหน้าเส้นหกหลา รามิเรสวิ่งโฉบตัดหน้าโมเรโน่ที่ยืนเหม่อ พุ่งโหม่งเข้าไปให้เจ้าบ้านนำเร็ว 1-0

________ ช่วง 10 นาทีแรกของเกม รวมทั้งจังหวะเสียประตูด้วยนั้น เชลซีทำได้ดีกว่าชัดเจน ลิเวอร์พูลตั้งตัวไม่ทันตั้งลำไม่ได้ โดนแซะบอลจนต้องวิ่งตามกันหัวทิ่มหัวต่ำ ลูคัสเสียฟาล์วรัวๆ มิลเนอร์โดนเร่งจบจับบอลเด้งไปเด้งมา เรียกว่าแพ้หมดทุกแนวเลยจริงๆ

_______ แต่หลังพ้น 10 นาทีแรกไปแล้ว เกมของลิเวอร์พูลดีขึ้น และดีขึ้นเร็วมาก ช่วยกันบีบบอลแดนกลางได้ดีจนตัดบอลกลับมาได้เร็ว นอกจากจะปิดเกมรุกของคู่ต่อสู้จนแทบไม่โดนกดดันแล้ว ยังสามารถเอาบอลไปรุกกดดันใส่ได้ดี โดยเฉพาะเกมทางฝั่งขวาที่มีพื้นที่ให้เล่นเยอะ ลิเวอร์พูลได้เล่นถึงจังหวะสุดท้ายคือได้เปิดบอลเข้าไปลุ้น บอลถึงตัวจบด้วยแต่ยังยิงกันไม่เด็ดขาดพอจะเป็นประตู

_______ ทางฝั่งเชลซียิ่งเล่นยิ่งแย่ ปล่อยคอสต้ายืนเหงาอยู่คนเดียว จังหวะได้บอลก็ไม่เติมกันเล่นเกมรุก ทำให้เสียบอลเร็ว โต้ไม่ได้ แทบเกมรับที่เน้นก็ไม่ได้เหนียวแน่นมีช่องให้เจาะเยอะอยู่ หนึ่งเดียวของเชลซีที่เล่นดีและสร้างประโยชน์ให้กับทีมในครึ่งแรกคือวิลเลี่ยนที่เก็บบอลเรียกฟาล์วได้ดีตลอด ถ้าไม่มีวิลเลี่ยนสักคน เชลซีน่าจะเละเทะไปตั้งแต่ครึ่งแรกแล้ว

_______ อย่างไรก็ตาม แม้ลิเวอร์พูดจะบุกอยู่ข้างเดียว ตัดกลับได้เร็ว ได้ยิงก็เป็นระยะ แต่กว่าจะมาได้ประตูตีเสมอต้องรอถึงทดเจ็บนาที 3 (ป้ายทดแค่ 2 แต่เป็นจังหวะติดพัน) มิลเนอร์ได้บอลทางขวาจ่ายให้เฟอมิโน่ แตะต่อจังหวะเดียวให้คูตินโย่ได้บอลแถวหน้าเขตโทษ คูตินโย่ปั่นหายเข้าไปในเสาสองอย่างสวย 1-1 และจบครึ่งแรกที่สกอร์ดังกล่าว

_______ เข้าครึ่งหลัง เชลซีลงมาอย่างดุ เล่นเกมรุกเต็มตัว ดันกันขึ้นมาไล่และทำทางคล้ายกับช่วงต้นเกม และทำได้ดีด้วย เร่งจนลิเวอร์พูลตั้งเกมไม่ได้โดนกดหัวทิ่มอยู่ในแดนตัวเอง แต่เกมรุกก็ยังหาโอกาสจบได้ไม่จะแจ้งเท่าไหร่ แถมที่หนักข้อกว่าคือเร่งได้ดีอยู่แค่ 5 นาที สั้นกว่าครึ่งแรกอีก ก่อนที่เกมจะกลับเป็นของลิเวอร์พูลเหมือนเดิม

_______ แม้เกมของลิเวอร์พูลจะดีขึ้นและกลับมาเป็นฝ่ายได้บอลเยอะกว่า คุมเกมได้ดีกว่า แต่ลิเวอร์พูลเองก็มีการปรับเกมเล็กน้อย ไคลน์เติมเกมน้อยลงกว่าครึ่งแรกอย่างเห็นได้ชัด รวมไปถึงเชลซีอีกที่ถึงจะตกเป็นรองแต่ในพื้นที่สุดท้ายพวกเขาจัดการกันได้ดีกว่าครึ่งแรก ลิเวอร์พูลไม่สามารถหาโอกาสจบสกอร์ได้มากเท่าครึ่งแรก

_______ นาที 63 เบนเทเก้ได้ลงแทนมิลเนอร์ ส่งสัญญาณว่าจะเอาแล้วนะ แต่ดูเหมือนว่าจะเสียเวลาจับจังหวะการเล่นอยู่เล็กน้อย เมื่อเชลซีอาศัยช่วงที่เบนเทเก้พึ่งลงสนามและมีช่องว่างในการไล่บอลแดนกลางมากขึ้น สามารถครองบอลขึ้นมาใกล้เขตโทษลิเวอร์พูลได้เยอะกว่าช่วงก่อนหน้า

_______ นาที 68 จุดเปลี่ยนสำคัญของเกมก็เกิดขึ้น ลูคัสไปดักเข่าเสียฟาล์ว ซึ่งเจ้าตัวมีเหลืองติดอยู่แล้วและฟาล์วในจังหวะที่น่าให้ใบเหลืองอย่างยิ่ง แต่ก็รอด ถ้าลูคัสโดนไล่ออกตอนนี้เกมคงเปลี่ยนไปอีกแบบแน่นอน

_______ นอกจากนั้น เชลซียังส่งฟาเบรกัสลงแทนมิเกลในนาที 70 ถึงตรงนี้แม้เชลซีจะยังไม่ได้พลิกกลับมาได้เปรียบหรือได้ลุ้นประตูอะไรนัก แต่ก็ถือว่าขยับเกมกลับมาสูสีได้แล้ว ตรงกลางเริ่มเคาะบอลหนีตัวไล่ทันแล้ว

_______ แต่แล้วนาที 74 จากจังหวะการเล่นง่ายๆ ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลยแต่แนวรับเชลซีพลาดเอง ซาโก้วางบอลยาวจากแดนหลังให้เบนเทเก้ขึ้นโหม่งชงให้คูตินโย่ได้บอลแถวหน้าเขตโทษ เจ้าตัวจับด้วยซ้ายแล้วยิงด้วยขวาหายวับไปทางเสาแรกเหมือนเดิม ลิเวอร์พูลแซงนำ 2-1 แนวรับเชลซีอยู่กันตั้งเยอะแต่หาไม่เจอทั้งบอลทั้งคนตั้งแต่จังหวะเบนเทเก้โหม่ง

_______ นาที 76 ไอบ์แทนเฟอมิโน่ ตั้งแต่เสียลูกที่สองเป็นต้นมา เกมของเชลซีที่ทำท่าจะดีขึ้นก็ช็อตไป ยังพยายามบุกอยู่ก็จริงแต่โดนตัดตรงกลางเป็นระยะ บอลรุกไม่ต่อเนื่องและหาจังหวะสุดท้ายเล่นแทบไม่ได้

_______ นาที 83 กองหลังเชลซีมาโชว์ความเมพอีกครั้ง ไอบ์ยืนโล่งๆ ใกล้เส้นขวาเอาบอลโด่งลงเล่น ก่อนพาไปจ่ายเข้ากลางแถวมุมเขตโทษ ลัลลาน่าข้ามหลอกจนบอลไปถึงเบนเทเก้ เบนเทเก้จับบอลคลึงไปคลึงมาอยู่พักใหญ่(มองในมุมว่านี้มันในเขตโทษ ไม่ใช่วงกลมกลางสนาม) ก่อนยิงเข้าไปไม่พลาด 3-1

_______ พอเป็น 3-1 เกมก็ขาด เชลซีทำเกมรุกไม่ปะติดปะต่อแล้ว ส่วนลิเวอร์พูลก็เคาะครองบอลปิดเกมกันไป นาที 90 ลอฟเรนลงมาแทนลัลลาน่าแต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับเกม จบที่สกอร์ 3-1!
-----------------------------------------

_______ ตอนเห็นรายชื่อผู้เล่นแล้วไม่มีโอริกิก็นึกแปลกใจครับ แต่ต้องถือว่าการไม่มีโอริกิในนัดนี้เป็นบุญคุณใหญ่หลวงต่อทีมจริงๆ

_______ แทคติคเริ่มเกมสิ่งที่ผมคิดว่าคล็อปทำได้ดีก็คือการปรับตำแหน่งการยืนในแดนกลาง แม้จะเป็นผู้เล่นชุดเดิมๆ แต่ปรับแล้วดูดีขึ้นเยอะ ลูคัสกับชานถอยลงไปต่ำเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ต้องเติมสูงบ่อยนัก พื้นที่วิ่งน้อยลง ส่วนมิลเนอร์ก็ได้ไปอยู่ที่ชอบที่ชอบ(ที่เราชอบแต่เจ้าตัวไม่ชอบ)คือฝั่งขวา ซึ่งแม้เจ้าตัวจะเล่นได้ไม่ค่อยดีนัก แต่ยังสร้างโอกาสให้กับทีมได้พอสมควรเลย และกับตรงกลางที่ใช้ลัลลาน่า(ไม่ใช่คูตินโย่) กับเฟอมิโน่เป็นตัวบนสุด (จะเรียกหน้าเป้าก็เขิน) ทำให้การวิ่งไล่ด้านบนและวงกลมกลางสนามทำได้น่ากลัวมาก และเป็นสาเหตุสำคัญที่สุดที่ทำให้ทีมเล่นได้แบบเป็นต่อเกือบทั้งเกมด้วยครับ

_______ สำหรับรูปเกม - เป็นการรวิ่งไล่ที่ดีของทีม แต่สำหรับสกอร์ - เป็นความพังทลายของกองหลังเชลซีจริงๆ ครับ (ในวงเล็บด้วยว่าคูตินโย่ดันคมพอดีด้วย)

_______ ไม่ได้ดูเชลซีเล่นในฤดูนี้มาก่อน พอวันนี้มาได้เห็นกับตาก็ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมพวกเขาขึ้นรถบัสผิดสายไปโผล่แถวๆ ใกล้โซนตกชั้น ตัวผู้เล่นหลายคนฟอร์มตกน่าเกลียดมาก และเกมรับของทีมเรียกว่าย่อยยับมาก ทั้งสามลูกที่เกิดขึ้นแนวรับเชลซีให้เวลากับคนยิงเยอะมาก โดยเฉพาะลูกที่สามนี่ไม่ไหวแล้ว เบนเทเก้แทบจะต้มมาม่ากินก่อนยิงได้สบายๆ
_______ ให้ชี้เป้าไปเลยก็จอห์น เทอรี่ครับ ในขณะที่เคฮิลก็ใช่ว่าจะดี ส่วนมิเกลกับรามิเรสทำได้ดีในเรื่องวิ่งไล่ ปะทะ เชื่อมเกมก็จริง แต่พื้นที่หน้าเขตโทษพวกเขาปิดได้แย่มาก ถ้าแนวรับเชลซียังเล่นได้แค่นี้ จะเป็นมูฯหรือไม่มูฯเป็นคนคุม พวกเขาก็อยู่ได้แค่กลางตารางนี่ล่ะ กลางแบบลุ้นยูโรป้ายังยากเลย

_______ อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูลเองก็เล่นได้ดี การวิ่งไล่ทำได้แบบน่าออกโล่ประกาศเกียรติคุณมาก มีทิศทางและช่วยกันดี ด้วยความที่มีเฟอมิโน่มาอีกคนด้วยละมั้ง และน่าสังเกตุว่าหลังจากเบนเทเก้ลงมาการไล่บอลแดนหน้าลดความน่ากลัวลงไปเยอะเลย นอกจากการวิ่งไล่ก็มีการจบสกอร์ที่วันนี้ทำได้ดี คูตินโย่ยิงน้อยได้ประตูเยอะ เบนเทเก้ได้ยิงหนเดียวก็เป็นประตู รวมไปถึงลูกอื่นๆ ของคนอื่นๆ ที่อย่างน้อยสุดยังยิงกันตรงกรอบมากกว่านัดก่อนๆ ก็ถือเป็นพัฒนาการที่ดีของทีมครับ

_______ ถ้าจะมีอะไรไม่ชอบในนัดนี้ก็คงเป็นการตัดสินใจของคล็อปที่เก็บทั้งลูคัสและชานเอาไว้ ทั้งๆ ที่โดนเหลืองไปแล้วทั้งสองคน ลูคัสโดนตอน 58’ ชานโดนตอน 65’ ลูก 2-1 มาตอน 74’’ แปลว่าแดนกลางของทีมเล่นแบบหวาดเสียวอยู่ร่วมๆ 10 นาทีในช่วงที่เชลซีก็เริ่มเอาบอลขึ้นได้ได้แล้วด้วย คืออัลเลนนี่ใช่ว่าจะเล่นดีครับแต่ตอนนั้นควรได้ลงแทนคนใดคนหนึ่งแล้ว โอกาสโดนเหลืองสองมันสูงมากตอนนั้น ยิ่งนาที 68 นี่ลูคัสควรโดนมากๆ แล้วจริงๆ หรือแม้แต่ 2-1 ไปแล้วผมก็ยังคิดว่าควรเปลี่ยนออก คล็อปก็เอาทั้งคู่ไว้ในสนามจนเจ็บเกมให้หวาดเสียวเล่นมันซะงั้น

_______ แต่ก็นะ …สุดท้ายทีมมาเอาชนะเชลซีได้ถึงแสตมฟอร์ดบริดจ์ ด้วยรูปเกมที่ดีกว่า บุกแทบจะข้างเดียว ได้ลุ้นประตูหลายครั้ง ชนะขาดตั้ง 3-1 ขอบอกเลยว่าเป็นชัยชนะที่สะใจสุดๆ ครับ
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดี

มินโยเล่ - แทบไม่รู้ว่าอยู่ในสนาม ไม่ได้โดนกดดันอะไรเลยนอกจากการเสียประตูเร็วที่ไม่น่าจะทำอะไรได้อยู่แล้ว เพราะทั้งใกล้และเร็ว เตะบอลสั้นและเคลียร์บอลยาวได้ดีในนัดนี้

ไคลน์ - เติมเกมได้ดี ตลอดครึ่งแรกช่วยเติมขึ้นไปรับส่งบอลกับมิลเนอร์และลัลลาน่าได้ดีตลอด ทำให้เกมฝั่งขวาไหลลื่นและได้เปิดบอลเข้าทำบ่อยครั้ง พอเข้าครึ่งหลังลงไปเน้นรับมากขึ้นก็ปิดพื้นที่ได้ดี โดนเด็กเผาไปครั้งเดียวตอนที่ีเคนเนดี้ได้ลงใหม่ๆ หลังจากนั้นก็ปิดได้อยู่

สเคอเทล - ประกบคอสต้าได้ดี แทบลืมไปเลยว่าในสนามมีคอสต้า ขวางทางยิงและการเปิดบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายได้ดี ถ้าจะมีอะไรด้อยอยู่บ้างก็การสกัดบอลในเขตโทษที่สกัดได้จริงแต่ทิศทางน่ากุมขมับหลายครั้ง รวมไปถึงจังหวะเสียประตูที่สเคอเทลซ้อนช้าและยืนห่างคนเปิดมากกว่าที่ควรจะเป็นไปเยอะเลย

ซาโก้ - เป็นกองหลังที่โดนกดดันเยอะที่สุดในวันนี้ ไม่ใช่ในจังหวะต้องประกบหรือสกัดซึ่งไม่ได้พลาด แต่เป็นจังหวะที่ครองบอลได้แล้ว ซาโก้โดนไล่จนเป๋ให้เห็นเยอะพอควร พลาดนิดๆ หน่อยๆ ก็มาก ดีว่าไม่มีข้อผิดพลาดระดับจ่ายใส่พานให้เค้าเอาไปยิง

โมเรโน่ - ประตูที่เสียไปนี่รับไปเต็มๆ เป็นแบ็คมันต้องระวังตัววิ่งสอดไว้ก่อนเลยแต่คุณน้องยืนเหม่อซะงั้น ยังมาซ้ำอีกครั้งในจังหวะที่เทอรี่ก็ปาดหน้าเข้าถึงบอลก่อนดีว่าจังหวะนั้นเชลซีโดนจับล้ำหน้า การอ่านเกมรับจังหวะแบบนี้ต้องปรับปรุงอย่างแรง รวมไปถึงการเปิดบอลโดยเฉพาะฟรีคิกที่เห็นแล้วหนักใจว่านี่ซ้อมเปิดมาแล้วแน่เหรอ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำได้ดีกับการวิ่งทำทางที่ช่วยทีมได้เยอะ, การวิ่งตามตัวรุกลงมาแซะบอลที่ทำได้ดีเหมือนเดิม

ชาน - วันนี้เลี้ยงบอลขึ้นหน้าแค่สองสามครั้ง เล่นง่ายๆ แค่วิ่งไล่บีบพื้นที่แล้วไปเก็บบอลสองมาจ่ายขึ้นหน้า ซึ่งกลายเป็นว่าเจ้าตัวทำได้ดี ทั้งในเรื่องการเก็บบอลสองที่เข้าถึงบอลไว และการจ่ายบอลขึ้นหน้าที่ทำให้ทีมไม่ต้องไปพึ่งตัวรุกข้างหน้ามากนัก

ลูคัส - ไม่รู้ว่าห้อยพระอะไรลงสนามจะตามหาเช่ามาปล่อยสักโหลสองโหล สิบนาทีแรกคือความวิบัติของเจ้าตัวอย่างแท้จริง เข้าไม่ถึงบอล เสียฟาล์วโ...เอ้อ... ง่ายๆ แถมเสียแบบสามครั้งติดอีกต่างหาก กลับไม่โดนใบเหลืองแบบไม่น่าเชื่อ กว่าจะมาโดนก็ต้องครึ่งหลังเข้าให้แล้ว แถมยังรอดโดนใบเหลืองที่สองนาที 68’ อีก จังหวะนั้นคงมีกรรมการไม่กี่คนที่ไม่ให้ บังเอิญว่าหนึ่งในนั้นเป็นแคลทเท่นเบิร์กพอดี นอกเหนือจากใบเหลืองและสิบนาทีแรกแล้ว วันนี้ลูคัสเล่นดีนะ โดยเฉพาะการเชื่อมเกมที่มีบอลเกมรุกเยอะ แถมมีจังหวะเติมขึ้นไปได้ยิงได้โหม่งอีก ส่วนเกมรับทำได้แค่พอใช้ ตัวตัวเอาไม่รอดต้องมีเพื่อนช่วยตลอด

มิลเนอร์ - ครึ่งแรกจับบอลเยี่ยงหนุ่มน้อยเวอร์จิ้นอยู่ในห้องสองต่อสองกับแฟนครั้งแรก เงอะงะลั่กลั่นเหรอหราอัลลัยก็ไม่รู้ แตะผิดจับผิดนิดๆ หน่อยๆ มันได้ทุกจังหวะ แต่ที่ดีคือเค้าวิ่งเยอะ พยายามมาก ช่วยได้มากทั้งเกมว่ิงบีบพื้นที่และวิ่งหาพื้นที่รับบอลได้ดีตลอด ช่วยให้เกมทางขวาลื่นปรื๊ดตลอดครึ่งแรก แถมเป็นคนเดียวในทีมที่เปิดบอลครอสจากริมเส้นแล้วดูมีอนาคตกดดันได้

คูตินโย่ - เล่นบอลง่ายขึ้น แค่พลิกบอลแล้วก็เชื่อมเกมไป จังหวะลากบอลไปคืนแทบไม่มีให้เห็น และจังหวะฝืนยิงเองทั้งเกมมีให้เห็นแค่ครั้งเดียวคือตอนที่ 3-1 ไปแล้วและอยากจะทำแฮททริค เชื่อมเกมรุกได้ดีโดยเฉพาะการหาพื้นที่รับบอลจากเพื่อนที่สลัดตัวประกบได้หมดจด ทุกคนสามารถจ่ายให้คูตินโย่ได้ง่ายมากในนัดนี้ ที่สำคัญคือใช้โอกาสไม่เปลือง ยิงเป็นเข้า แถมเป็นลูกสำคัญทั้งนั้น -ตีเสมอ ยิงแซง

ลัลลาน่า - ปิดทองหลังพระอย่างแท้จริง เกมรุกมีส่วนร่วมน้อย ได้แต่เชื่อมเกมสั้นๆ ไป แต่ทำได้ดีสุดๆ กับการวิ่งไล่แดนกลาง บีบจนเชลซีตั้งบอลไม่ได้ก็หลายครั้ง ตามไปช่วยเพื่อนรุมจนเชลซีเสียบอลก็บ่อย แถมจังหวะเก็บบอลได้ก็ไม่ค่อยทำเสียด้วยและในช่วงเวลายากลำบากที่กองกลางทั้งคู่โดนเหลืองไปแล้ว ก็มีลัลลาน่าลงไปช่วยไล่อัดให้ด้วย

เฟอมิโน่ - ยืนอยู่บนสุดแต่ไม่ได้เล่นสไตล์หน้าเป้าแน่ๆ ถอยลงมาเล่นตรงกลางซะเยอะ ช่วยพลิกบอลขึ้นหน้าได้ดี ประสานงานกับเพื่อนได้เนียนตาขึ้นมากโดยเฉพาะกับคูตินโย่ ปัญหาคือทิ้งเขตโทษบ่อยไปหน่อย และทำให้การเปิดบอลจากริมเส้นกดดันอะไรคู่ต่อสู้ไม่ได้เลยเพราะเจ้าตัวไม่ใช่สายชาร์จ เปิดมาก็คืนโกลเท่านั้นเอง ช่วงที่ถ่างไปเล่นริมเส้นนี่หายไปเลย

ตัวสำรอง

เบนเทเก้ - วิ่งน้อยก็ชาวบ้าน ช่วยไล่บอลอะไรแทบไม่ได้เลย แต่เล่นในสไตล์ของตัวเองได้ดีคือค้ำบอลแล้วเคาะให้เพื่อน บอลโด่งสาดมาก็เก็บเล่นได้เรื่อยๆ มีส่วนสำคัญมากกับสองประตูที่ได้มาในครึ่งหลัง ยิง 1 จ่าย 1 เลย

ไอบ์ - วิ่งทำทางดี เก็บบอลเล่นได้ เล่นกับพื้นที่ว่างได้น่าพอใจ จะว่าไปแล้วก็ยังเล่นได้ธรรมดาตามจังหวะแหล่ะเพียงแต่แนวรับเชลซีทิ้งพื้นที่ไว้ให้เยอะเอง แต่กับการมีโอกาสแล้วไม่เลี้ยงไปคืนเค้า ต้องถือว่าไอบ์ทำดีแล้ว ...มี 1 แอสซิสด้วยนะ

ลอฟเลน - ลงมาเล่นตรงไหนยังไม่รู้เลย หมดเวลาก่อน

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ฟิลิปเป้ คูตินโย่...คล็อปจัดการมูรินโย่ได้อยู่หมัด, เบนเทเก้ลงมาสร้างโอกาสให้ทีมได้, เฟอมิโน่เล่นดีที่สุดตั้งแต่ย้ายมา แต่สองประตูสำคัญของคูตี้คือจบครับ ไม่ต้องเถียงอะไรกันต่อเลย ไม่ต้องพูดถึงฟอร์มโดยรวมที่เล่นดีอยู่แล้วด้วยนะ
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ป.ล. ผมเกลียดมูรินโย่ หวังว่าพี่แกจะเด้งสักที

วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ลิเวอร์พูล 1-0 บอร์นมัท (ลีคคัพ)



...เกือบไปแล้วมั้ยนั่น...
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

---------------------------โอริกิ-------------------------
-----เทเซเร่า-----------เฟอมิโน่------------------ไอบ์
--------------อัลเลน------------บรานาแกน-----------
ไคลน์---------ลอฟเรน----------ตูเร่----------แรนเดล
-------------------------บ็อกดาน------------------------

_______ ลิเวอร์พูลได้เล่นในบ้านต่อเนื่องอีกหนึ่งนัดในศึกแคปปิตอล วัน คัพ นัดนี้คล็อปเปลี่ยนยกแผง มีเพียงโคตรศูนย์หน้าผ่าดวงอำมหิต ใครคิดจะแย่งเขาเป็นตัวจริงมีอันต้องล้มหมอนนอนเสื่อทุกรายไปอย่างโอริกิที่ยังเป็นตัวจริงต่อเนื่องคนเดียวเท่านั้น
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาบอร์นมัทบุกใส่ทันที ส่วนผู้เล่นวัยละอ่อนของลิเวอร์พูลยังดูตื่นสนามและเล่นกันไม่ละเอียด ปล่อยให้บอร์มมัททำเกมรุกทางริมเส้นได้ไหลลื่น แค่นาที 4 บ็อกดานก็ต้องโชว์เซฟในจังหวะคู่ต่อสู้ได้ยิงเต็มข้อในเขตโทษแล้ว

________ เวลาผ่านไป ผู้เล่นลิเวอร์พูลเริ่มตั้งสติได้ แต่โดยรวมแล้วเกมยังสูสี เกมรุกไม่ต่อเนื่องทั้งคู่โดยเป็นบอร์นมัทที่ได้เปิดเยอะกว่าหน่อย วันนี้คล็อปขยับเอาเฟอมิโน่มาเล่นเป็นตัวรุกหลังโอริกิและเกมเจาะตรงกลางดูดีกว่าเกมริมเส้น

_______ นาที 17 จากจังหวะสกัดบอลทิ้งขึ้นหน้าของตูเร่ โอริกิ(หรือไอบ์ไม่แน่ใจ แต่คาดว่าเป็นโอริกิ ใครชัวร์ช่วยยืนยันด้วยครับ) เก็บบอลลงได้ก่อนกระชากไปทางริมเส้น ปล่อยบอลให้เฟอมิโน่ที่อยู่หน้าเขตโทษ เฟอมิโน่จ่ายทะลุให้เทเซร่าที่วิ่งสอดเข้าไปพอดี เทเซร่าหลุดแล้วแต่จังหวะจับบอลไม่ค่อยดี ถึงจะได้ยิงแต่ไม่เต็มข้อ บอลโดนกองหลังสกัดออกจากเส้น แต่เป็นอัศวินขี่ม้าขาวอย่างไคลน์ที่วันนี้เล่นฝั่งซ้าย เติมขึ้นมาซ้ำได้พอดีไม่พลาด 1-0

_______ หลังสกอร์ขยับ ผู้เล่นลิเวอร์พูลเล่นกันได้มั่นใจขึ้น ส่วนทางบอร์นมัทเกมรุกเริ่มซาลงไปจากช่วงต้นเกมแล้ว นาที 30 ตูเร่เจ็บจนสเคอเทลได้ลงแทน

_______ ช่วงกลางจนถึงนาที 40 เกมของลิเวอร์พูลผ่อนลงไปบ้าง แต่จังหวะตั้งเกมบุกก็ยังวิ่งเติมกันอยู่ ในขณะที่บอร์นมัทเกมรุกเริ่มไม่ค่อยถึงหน้าเขตโทษ ก่อนที่บอร์นมัทจะมาเร่งเกมและเป็นฝ่ายครองบอลได้ในช่วงห้านาทีท้ายแต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้ จบครึ่งแรกที่สกอร์ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง เกมโดยรวมช้าลง บอร์นมัทแม้จะตามอยู่แต่ยังไม่ได้รีบเร่งเกม ส่วนลิเวอร์พูลเล่นในจังหวะปกติมนุษย์กับเค้าบ้างแล้ว เน้นจังหวะฉาบฉวยตัดได้ทำเร็วเป็นหลักแต่ไม่ได้โหมเติมเกมรุกเท่าไหร่แล้ว แนวรับอยู่ด้านหลังกันครบ

_______ ช่วงต้นจนถึงกลางครึ่งหลัง เกมรุกของบอร์นมัทดูดับสนิทไปเลย บอลมาไม่ค่อยถึงด้านหน้า เกมรุกริมเส้นที่พยายามจะเน้นขึ้นทางไคลน์อยู่ทางเดียวก็แทบไม่ได้เปิดบอลเพราะไคลน์ไม่ได้เติมขึ้นหน้า แถมยังมีอัลเลนคอยมาช่วยปิดพื้นที่อีกคนด้วย ส่วนทางลิเวอร์พูลเน้นบอลฉาบฉวยและไล่แซะบอลแดนกลางได้หน้าจนเก็บเอาไปลุ้นได้ถึงจังหวะเปิดบอลหลายครั้งแต่ยังทำเพิ่มไม่ได้

_______ นาที 65 ลูคัสแทนบรานาแกน ถึงตรงนี้เกมยังเป็นเหมือนย่อหน้าข้างบน แต่ลิเวอร์พูลเริ่มได้ครองบอลเยอะขึ้นเรื่อยๆ

_______ เข้าสิบห้านาทีสุดท้ายของเกม ลิเวอร์พูลหันมาเน้นครองบอล เคาะบอลในแดนตัวเองมากขึ้น เป็นฝ่ายคุมเกมเอาไว้ได้หมด นาที 87 ลัลลาน่าได้ลงแทนเฟอมิโน่ เกมทำท่าจะจบลงแบบไม่มีอะไรต้องลุ้นแล้ว แต่ทดเจ็บนาทีแรกบอร์นมัทยังอุตส่าห์พาบอลหลุดเข้ามาล่อเป้าในเขตโทษ ยังดีว่าได้พระเอกคนเดิมอย่างบ็อกดานเซฟเอาไว้ได้ ทำให้จบเกมลิเวอร์พูลเฉือนชนะไปได้ 1-0
-----------------------------------------

_______ ก่อนเกมเห็นข่าวเบนเทเก้เจ็บ แถมด้วยการใช้ผู้เล่นชุดเดียวชุดเดิมมาสามนัดติดแล้ว ก็ทำใจไว้บ้างว่าจะเห็นดาวรุ่งกับตัวสำรองลงมาให้รึ่ม ...แต่พอเห็น 11 ตัวจริงแล้วสตั๊นไปหลายวิอยู่ เอางี้เลยเหรอครับคล็อป

_______ ไม่รู้จะเรียกใจถึงดีหรือว่าประมาทดีกับการส่งเด็กลงมาเผ่นผ่านทั่วสนามซะขนาดนี้ แถมซีเนียร์ที่ได้ลงนี่ก็ตัวสำรองล้วนๆ โหดสัสที่สุดคือการโยกไคลน์ไปซ้ายแล้วเอาแรนเดลลงขวา คือกล้ามากครับ มากไปด้วยมั้งเนี่ย ทีมได้เล่นในบ้าน และบอร์นมัทอาจไม่ใช่ทีมแข็งแกร่งอะไรนัก แต่พวกเขาก็ไม่ใช่ทีมลีคทูนะ

_______ เอาล่ะ แต่ถ้ามองในแง่ดี อาจจะด้วยความที่ไม่มีซีเนียร์มาเกะกะ ส่งผลให้เด็กทุกคน(ย้ำว่าทุกคน)กล้าเล่นมาก คือบางจังหวะก็กล้าแบบน่าตบกะโหลกแหล่ะครับถ้าจะว่ากันตรงๆ แต่ก็มีอีกหลายครั้งที่น่าชื่นชมทั้งไอเดียและประสิทธิภาพ

_______ โชคดีมากๆ สำหรับเกมนี้ที่ทีมทำประตูได้เร็ว ไม่งั้นล่ะไม่อยากจะนึกภาพเลย แต่อย่างไรก็ตาม โชคไม่ได้เป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้กองทัพดาวรุ่งเอาตัวรอดมาได้ ผมชอบไอเดียการเอาเฟอมิโน่ไปเล่นใกล้โอริกิมาก ในเกมโดยเฉพาะครึ่งแรกจะเห็นว่าเฟอมิโน่นี่แทบจะยืนเหยียบเงาโอริกิเอาไว้เลยครับ ส่วนครึ่งหลังนี่ลอยขึ้นไปแบบเรียกว่าเล่นหน้าคู่ก็ยังได้ ซึ่งมันส่งผลดีต่อโอริกิเองด้วยและที่สำคัญคือดีต่อทีมด้วย บอลในแดนหน้าเราตายยากขึ้นในนัดนี้
_______ ถัดมาก็เรื่องการปิดเกมคู่ต่อสู้ วันนี้ทำได้ดีกับการปิดเกมริมเส้นบอร์นมัทครับ อย่าว่าแต่จะเปิดบอลเข้ามาได้ลุ้นเลย เอาแค่เปิดบอลเข้ามาบอร์นมัทยังแทบไม่มีโอกาส ครึ่งแรกยังเห็นว่าบุกสองฝั่งแล้วแรนเดลก็ดูมีปัญหา แต่ครึ่งหลังไม่ค่อยเข้าใจที่บอร์นมัทเน้นเจาะแต่ฝั่งไคลน์ซึ่งมันไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่

_______ อย่างไรก็ตาม วันนี้บ็อกดานได้เซฟเยอะกว่าผู้รักษาประตูคู่ต่อสู้อีกนะ เกมรุกบอร์นมัทไม่ต่อเนื่องก็จริง ลิเวอร์พูลคุมเกมได้ดีกว่าก็จริง แต่จังหวะขาดเกินนิดหน่อยนี่มีเยอะทีเดียว จังหวะแบบแตะยาวไปนิด จ่ายพลาดไปหน่อย ที่ทำให้คู่ต่อสู้ได้มีโอกาสเก็บบอลมาลุ้นประตูได้เป็นระยะทั้งๆ ที่เกมเป็นรอง ถ้าไปเล่นไม่เนียนใส่ทีมที่แข็งกว่านี้มีไส้แตรกกก~ครับ แต่ก็นะ..คล็อปคงไม่ถึงขั้นใช้ทีมดาวรุ่งเป็นหลักหรอกมั้ง

_______ วันนี้นับหนึ่งได้แล้วกับชัยชนะครั้งแรกของผู้จัดการทีมใหม่ แต่ดูแล้วยังมีอุปสรรคขวากหนามอีกเยอะครับ โอริกินี่ถึงตรงนี้เราต้องลุ้นไปกับเค้าล่ะ แต่ปวดใจเหลือเกิน แบ็คขวาไคลน์อย่าได้เจ็บเลยทีเดียว และกองกลางนี่ต้องหาใหม่อย่างด่วน คือในความเห็นผม แม้แต่ในฟอร์มโอริกิตอนนี้ ทีมก็ยังควรหากองกลางคนใหม่มาเสริมก่อนอยู่ดีนั่นแหล่ะ

_______ แต่เอาน่ะ ชนะแล้ว เอาแค่นี้ก่อน เฮ้~
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นกันพอใช้ได้ ไม่เนียนแต่เร้าใจ

บ็อกดาน - น่าจะโดนสักสองลูกเป็นอย่างน้อยแต่เซฟได้หมดไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะในนาที 4 กับทดเจ็บนาทีแรก ถ้าลูกใดลูกหนึ่งเข้าไปนี่ไม่โทษแกเลยล่ะ

ไคลน์ - ยิงประตูชัยให้ทีมได้ซะงั้น ลูกนั้นเขาทำดีมากกับการที่วิ่งเติมไปจนสุดทางทั้งๆ ที่ไม่น่าได้บอลแล้ว (เทเซร่าได้ยิงโล่งๆ ในเขตโทษ เป็นบางคนไม่ตามแล้วนะ) หลังจากนั้นก็เลยไม่ค่อยขึ้นอีกเน้นเกมรับเป็นหลัก ปิดพื้นที่ได้เยี่ยม ไม่โดนตัดหลังไม่ปล่อยให้เปิดง่ายๆ แต่ดูมีปัญหากับการประสานงานกับลอฟเรนนิดหน่อย ช่องระหว่างแบ็คเซ็นเตอร์ดูหลวมไป

ลอฟเรน - อยู่ในฟอร์มที่ควรนั่งสำรองต่อไปก่อน คือเขาไม่ได้เล่นพลาดอะไร แต่ลูกโฉ่งฉ่างเยอะเหลือเกิน สกัดบอลไปไหนไม่รู้ในจังหวะที่ถ้าเป็นซาโก้คงพักอกเล่นไปแล้ว, โชว์ลื่นไปรอบแต่ไกลประตูและมีเพื่อนช่วย มีดีตรงความแข็งแกร่งในลูกกลางอากาศและสกัดเด็ดขาดดี

ตูเร่ - เล่นไม่ดีนัก ไม่รู้เป็นเพราะสภาพร่างกายด้วยรึเปล่า การเบียดปะทะดูไม่ดีเลยคือไม่สามารถชิงเหลี่ยมให้ได้เปรียบในจังหวะที่ควรทำได้ สุดท้ายก็อยู่ได้แค่ครึ่งชั่วโมง

แรนเดล - ฝีเท้าไม่ได้ครึ่งของหน้าตาแต่ความกล้าสิบเอ็ดเต็มสิบ ครึ่งแรกดูหวาดผวาและลนลาน แต่ก็ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป แน่นอนว่าขยันและพยายามแต่ยังมีข้อผิดพลาดเยอะ ทั้งในเรื่องการไล่บอลและออกบอล

อัลเลน - วิ่งไล่ปิดพื้นที่ได้ดี โชคดีของเขาที่บอร์นมัทไม่เน้นเกมปะทะหรือเลี้ยงจี้เข้าใส่ เจอตัวไล่ก็รีบออกบอลหนี เข้าทางอัลเลนสิครับเพราะแกวิ่งไปปิดทันได้เกือบหมด พยายามจะจ่ายบอลยากอยู่หลายครั้ง พลาดหมด เชื่อมเกมแค่พอใช้ไม่ถึงกับดี บอลหนีตัวไล่ได้จริงแต่มันไม่ค่อยไปไหน

บรานาแกน - ยังต้องเร่งฟอร์มอีกเยอะ เข้าบอลพรวดพราดไป ขยันวิ่งไล่ดีก็จริงแต่อ่านเกมไม่ดีเท่าอัลเลน แต่เรื่องใจนี่ต้องชมเลย กล้าเก็บบอลเล่น กล้าจ่ายสวนขึ้นหน้าเวลาเห็นคนทำทาง

เทเซร่า - บอลแรกเทพมาก จับ ดึง จ่าย เนียนตาทีเดียว อาจจะไม่หวือหวาในแบบฉบับที่เห็นได้จากคูตินโย่หรือเฟอมิโน่ แต่เทเซร่าเล่นบอลได้ฉลาดและทำให้ทีมได้เปรียบในหลายๆ จัังหวะ ถ้าถามว่าดาวรุ่งคนไหนเล่นดีที่สุดในวันนี้ก็ต้องเป็นเขานี่แหล่ะ

เฟอมิโน่ - เล่นด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้สาเหตุเหมือนกันแต่รู้สึกได้เลยว่าวันนี้เขาเล่นแบบไม่เครียด เล่นแบบกล้าปล่อยของ เป็นตัวหลักในเกมรุก พลิกบอลได้ตลอด ให้บอลเพื่อนได้เปรียบ เล่นไม่ฝืน และมีลูกยิงไกลที่ได้ลุ้นมาก

ไอบ์ - ถ้าดูเฉพาะฟอร์มนัดนี้ก็ยังถือว่าแค่พอใช้ ไม่ได้ฉีกกระชากหายอะไรแค่พอหาจังหวะเปิดบอลเข้าไปลุ้นได้เท่านั้น แต่ถ้าเทียบกับต้นฤดูนี้คนละไอบ์เลยครับ (ตอนนั้นดูแล้วเติมไม้โทใส่ชื่อให้ตลอด) ตัวต่อตัวกล้าไป เก็บบอลอยู่ ประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมได้เป็นชิ้นเป็นอัน

โอริกิ - แม้ว่านัดนี้ดูแล้วจะชวนสงสัยอยู่เป็นระยะๆ ว่าเราเล่น 4-2-2-1มีเฟอมิโน่เป็นหน้าเดี่ยวหรืออย่างไร แต่ก็ต้องชมว่าฟอร์มส่วนตัวดีขึ้น(แย่น้อยลง) นัดนี้เขาถอยลงไปเล่นต่ำเยอะขึ้นกว่านัดที่ผ่านมา มีส่วนร่วมกับเกมมากขึ้น เก็บบอลได้ดีขึ้น ประสานงานกับเพื่อนได้บ้าง ประตูที่ได้มาก็เริ่มจากเขา

ตัวสำรอง

สเคอเทล - ไม่โดนกดดันอะไรเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็เก็บกินบอลที่ทะลักเข้ามาเท่านั้น

ลูคัส - เกมรับงั้นๆ คือวิ่งปิดพื้นที่ไปเรื่อยไม่ได้เด่นอะไร แต่วันนี้เด่นกับการเชื่อมเกมมากแบบผิดหูผิดตา มีบอลเกมรุกด้วย! หรือว่าลูคัสสมัยเกรมิโอจะกลับมาเกิดใหม่อีกรอบกันล่ะนี่

ลัลลาน่า - ลงมาไล่บอลแดนหน้า

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...อดัม บ็อกดาน...นัดนี้นี่เก็บคลีนชีตได้เป็นผลงานบ็อกดานซะ 7-80% เลย ไอ้ลูกที่ทิ้งจอยรับสภาพแล้วยังอุตส่าห์เซฟได้ซะงั้น
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ลิเวอร์พูล 1-1 เซาท์แธมป์ตัน (พรีเมียร์ลีค)


...Now Loading...
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-3

---------------------------โอริกิ-------------------------
------------คูตินโย่-----------------ลัลลาน่า-----------
------------ชาน----------ลูคัส---------มิลเนอร์-------
โมเรโน่---------ซาโก้---------สเคอเทล-------ไคลน์
-------------------------มินโยเล่------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเปิดบ้านตอนรับการมาเยือนของเซาท์แธมป์ตัน นัดนี้คล็อปยังคงคอนเซ็ปท์เดิมคือเปลี่ยนให้น้อย มีสลับแค่ลูคัสได้ลงก่อนอัลเลนแค่นั้น นอกนั้นเหมือนเดิมเป๊ะ รวมไปถึงโอริกิที่ยังเป็นตัวจริงอยู่ด้วย
-------------------------------------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเริ่มเกมแบบแปลกตาออกไปนิดหน่อยด้วยความพยายามขึ้นเกมทางริมเส้นทั้งสองฝั่งมากกว่าสองนัดที่ผ่านมา แบ็คสองข้างดันสูงขึ้นและเกมริมเส้นทำได้ดี ส่วนเซาท์แธมป์ตันเน้นรับในแดนแต่จังหวะตั้งเกมบุกก็เติมเยอะ เน้นเปิดจากริมเส้นโดยมีตัวรอจบในเขตโทษ 2-3 คนในทุกจังหวะ

________ 15 นาทีแรกเป็นลิเวอร์พูลที่ดูดีกว่าเยอะ ต่อบอลกันได้เนียนตา บอลไปข้างหน้าตลอด แต่จังหวะเข้าทำเหมือนตัวละครในหนังสยองขวัญที่พร้อมใจกันแยกไปคนละทางให้โดนผีร้าย(นัดนี้เป็นนักบุญ)ไล่เชือดไปทีละหน่อก็มิปาน บุกเยอะแต่ไม่ได้กดดันคู่ต่อสู้เท่าไหร่

_______ พอเข้าช่วงกลางครึ่งแรก บอลของลิเวอร์พูลเริ่มไปไม่ค่อยถึงข้างหน้าแล้ว ส่วนทางเซาท์แธมป์ตันเอาบอลมาใกล้กรอบได้น้อยแต่มาแต่ละทีได้ลุ้นประตูไม่แพ้กัน รวมไปถึงลูกตั้งเตะที่ได้เล่นเมื่อไหร่ เด็กหงส์หัวใจจะวายทุกทีไป

_______ ท้ายครึ่งแรก เกมเนือยลงไป บอลไม่ค่อยถึงพื้นที่สุดท้ายในลักษณได้ลุ้นซักเท่าไหร่ ออกแนวเปิดไปเข้าทางแนวรับรอเก็บกินเสียมากกว่า จบครึ่งแรกที่สกอร์ 0-0

_______ เข้าครึ่งหลัง คล็อปเปลี่ยนตัวทันที เบนเทเก้ได้ลงแทนโอริกิ

_______ ลิเวอร์พูลกลับลงมาเน้นเกมทางริมซ้ายและเร่งเกมแต่ต้น ได้เปิดบอลเข้าไปลุ้นและได้ลูกเตะมุมรัวๆ โดยมีเบนเทเก้ช่วยกดดันแนวรับได้ต่อเนื่องแต่บอลยังไม่เป็นใจ หรืออีกนัยนึงเปิดบอลไปไหนไม่รู้ ทำให้ยังเอาชนะแนวรับเซาท์แธมป์ตันที่เล่นรับในแดนได้อย่างเหนียวแน่นไม่ได้ซักที

_______ ลิเวอร์พูลเร่งอยู่ได้ราว 10 นาทีเกมก็ชะงักไป เกมทางขวาดับสนิท ไม่ว่าจะมิลเนอร์ ลัลลาน่า หรือไคลน์ เกมตรงกลางก็ขยับขึ้นไม่ได้เพราะคูตินโย่กับชานเล่นไม่ออกซึ่งถือเป็นคำอธิบายฟอร์มการเล่นของทั้งคู่ที่ฟังดูสุภาพมากแล้ว ส่วนลูคัสที่แน่นอนว่าอย่าไปหวังอะไรกับเกมรุกก็ดันเริ่มมีอาการยุบให้เห็นอีกต่างหาก ส่วนทางเซาท์แธมป์ตันยังดูพอใจกับรูปเกมที่ไม่เพลี่ยงพล้ำ ไม่ได้เร่งเกมรุกอะไรนัก อาศัยสามประสานในแนวรุกเล่นกันไปเป็นหลัก ตัวเติมขึ้นมาน้อยกว่าครึ่งแรกด้วยซ้ำ

_______ นาที 67 เฟอมิโน่ได้ลงแทนลัลลาน่า ลงมาต่ำช่วยเปลี่ยนรับเป็นรุก การเชื่อมเกมแดนกลางดูดีขึ้นเล็กน้อย

_______ เกมรุกของลิเวอร์พูลยังไม่ดุดันและไม่ค่อยต่อเนื่อง อาศัยว่าได้บอลเยอะก็พอได้เปิดได้เลี้ยงเข้าไปทำอะไรสักอย่างใกล้ๆ เขตโทษเซาท์แธมป์ตันได้เรื่อย จนในที่สุดนาที 77 คล็อปก็ได้กระโดนดีใจโชว์แฟนบอลสักที จากจังหวะที่มิลเนอร์เปิดบอลจากริมเส้นขวาตั้งแต่ยังไม่สุดเส้น บอลลอยโค้งเข้าไปแถวใกล้จุดโทษ เบนเทเก้ชิงจังหวะขึ้นโหม่งได้ก่อนกองหลังเสียบสามเหลี่ยมบนเข้าไปอย่างสวย 1-0

_______ หลังจากได้ประตูขึ้นนำ ดูเหมือนผู้เล่นลิเวอร์พูลจะผ่อนเกมไปพอสมควรและดูพะวงกับเกมรับอย่างเห็นได้ชัด แม้จะยังวิ่งไล่และทำทางขึ้นหน้ากันอยู่แต่ช้าและน้อยกว่าก่อนหน้านั้นเยอะ ส่วนเซาท์แธมป์ตันก็เริ่มกลับมาเติมเกมรุกกันเยอะขึ้นแล้ว

_______ นาที 83 ไอบ์ได้ลงแทนคูตินโย่ ลิเวอร์พูลปิดเกมรุกของเซาท์แธมป์ตันไม่ค่อยได้ โดยเฉพาะแดนกลางที่ตัดบอลกลางสนามได้น้อยไปหน่อย ส่วนเกมรุกที่ไม่ค่อยกดดันคู่ต่อสู้อยู่แล้วยิ่งมีน้อยลงไปอีก

_______ นาที 86 ลิเวอร์พูลก็มาพังจนได้ส จากจังหวะมิลเนอร์ไปเข้าบอลลั่นใส่คู่ต่อสู้แถวกลางสนามฝั่งซ้าย เสียฟรีคิก ตัวเองก็โดนใบเหลืองครบ 5 ใบนัดหน้าโดนแบน จากฟรีคิกจังหวะนี้เซาท์แธมป์ตันโยนเข้าไปตรงกลางหน้าเขตโทษ โหม่งไปเสาสอง แล้วโหม่งย้อนไปเสาแรก แล้วชาร์จจ่อๆ โล่งๆ 2 หลาเข้าประตูไป 1-1 ทั้งหมดนี้ไม่มีผู้เล่นลิเวอร์พูลเฉียดเข้าไปใกล้พอให้รู้สึกว่ามีโอกาสถึงบอลเลยแม้แต่จังหวะเดียว

_______ เสมอแล้วจะรอใครมาตัดริบบิ้นละครับ ลิเวอร์พูลพยายามจะเร่งเกมรุกอีกครั้ง ผู้เล่นที่ยังสดอยู่อย่างเฟอมิโน่หรือไอบ์พยายามเร่งเกมให้เร็วและพอจะวูบวาบบ้าง แต่กับคนที่อยู่ในสนามตั้งแต่ต้นเกมดูจะวูบๆ คล้ายจะเป็นลม เห็นว่าพยายามจะเร่งแต่วิ่งเหมือนใกล้จะร่วง แม้เกมจะเปิดแลกกันและบอลไปข้างหน้าได้บ่อยเหมือนช่วงต้นครึ่งหลัง แต่ก็ไม่กดดันคู่ต่อสู้เท่าที่ควร เร่งไม่ขึ้น แซงไม่ทัน สุดท้ายเข้าเส้นชัยพร้อมกันที่สกอร์ 1-1

_______ ...คล็อปยังต้องรอชัยชนะนัดแรกต่อไป
-----------------------------------------

_______ 11 ตัวจริงยังใช้ชุดเดิมแม้จะมีเกมติดๆ กัน ดูจะป่าเถื่อนโหดร้ายกับคนเล่นไปนิดนึง แต่ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่ควรทำแล้ว เพราะต้องรีบปรับตัวปรับทีมให้เร็วที่สุด

_______ เกมนี้ทั้งเกม (รวมถึงสองนัดก่อนหน้าด้วยก็ได้) หลักใหญ่ใจความอยู่ที่การปรับตัวนี่ล่ะ ตัวคล็อปเองชอบใช้หน้าเดี่ยว แม้จะออกมาบ่นฮึ่มฮั่มๆ ว่าอาจจะลองหน้าคู่แต่ชัดเจนว่าความถนัดของเขามันคือหน้าเดี่ยวแน่ๆ

_______ สิ่งที่คล็อปทำไปแล้วและเห็นได้ในสนามจนถึงตอนนี้คือ 1.มี 11 ตัวจริงในใจ 2.มีแทคติคการเล่นชัดเจน 3.มีการวางรายละเอียดในการเล่นของแต่ละคนชัดเจน อาจจะฟังดูดีแต่ชีวิตมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ขนาดที่สั่งปุ๊บจะทำได้ปั๊บ แล้วมันติดขัดตรงไหน มาดูกันครับ

_______ ***นัดนี้ขอเปลี่ยนรูปแบบบทความให้มันสอดคล้องกับเนื้อหานิดนึงนะ ชอบไม่ชอบมาว่ากัน***
มินโยเล่ - เล่นเป็นผู้รักษาประตูอย่างเดียวแล้ว คือเขาไม่ต้องคอยขึ้นมาเล่นบอลสั้นกับแนวรับอีกต่อไป รวมไปถึงไม่ต้องดันขึ้นมาสูงเพื่อจัดการจังหวะคู่ต่อสู้วางบอลยาวอีกแล้ว (พื้นที่เหลือเยอะไป วิ่งขึ้นไปไม่ทันหรอก) ความกดดันของเจ้าตัวลดน้อยลง และฟอร์มส่วนตัวก็ดูดีขึ้นเมื่อเซฟลูกโหม่งโล่งได้ไปครั้งนึงด้วย

โมเรโน่ - เติมเกมรุกเยอะ เติมสูงกว่าไคลน์ และพยายามเปิดบอลจังหวะแรกบ่อย ดูจากวิธีเล่นโมเรโน่เล่นได้ถูกต้องแล้วเพราะเกมเร็วของคล็อปบอลมันไม่ย้อนหลัง โมเรโน่เติมขึ้นไปถึงพื้นที่เปิดบอลแปลว่าเพื่อนเพิ่นตามกันขึ้นมาหมดแล้ว จะไปยึกยักให้เสียเวลาไม่ได้ โดนตัดจะบรรลัยเอา ดังนั้นหลายครั้งที่ดูเหมือนเขาเร่งจนพลาดผมคิดว่าพลาดที่ “ประสิทธิภาพ” ไม่ใช่ “วิธีการ” โมเรโน่ดูจะเป็นหนึ่งในคนที่ปรับตัวให้เข้ากับคล็อปได้ดีที่สุดคนหนึ่ง คำถามคือเจ้าตัวจะพัฒนาการเปิดหรือยิงในจังหวะสุดท้ายให้ดีกว่านี้ได้มั้ย?

ซาโก้  - นัดนี้่ช่วงครึ่งชั่วโมงแรกซาโก้เล่นแย่นะครับ ตำแหน่งไม่ดี ประกบไม่ติด แต่หลังจากนั้นก็ดูดีขึ้น การเข้าปะทะกับการประกบกลับมาแน่นแล้ว จะมีก็แต่ลูกกลางอากาศที่วันนี้ดวลชนะน้อยไปหน่อย ซาโก้เป็นกองหลังที่ชอบเก็บบอลเล่น และหลายครั้งพยายามจะจ่ายบอลขึ้นหน้าด้วยตัวเองแบบไม่พึ่งกองกลางมาล้วงบอล สไตล์การเล่นแบบนี้เหมาะกับบอลทำเร็วอยู่แล้วเพราะบอลไม่ตายและสวนกลับได้ทันที เจ้าตัวน่าจะเป็นกองหลังคนโปรดของคล็อปได้ไม่ยาก ยิ่งถ้าเทียบกับสเคอเทลและลอฟเรนที่เข้าบอลเอาตาย สกัดเอาหายทั้งคู่ ซาโก้ยิ่งดูมีภาษีดีกว่าเข้าไปใหญ่ ...ถ้าไม่มัวพะวงกับการเก็บบอลจนโดนคู่ต่อสู้ฉกเอาไปยิงอ่ะนะ

สเคอเทล - วันนี้เล่นได้ดีขึ้นจากนัดก่อน มีปัญหากับการเล่นลูกกลางอากาศเหมือนซาโก้แต่กับการประกบและคุมพื้นที่เขาทำได้คงเส้นคงวาถ้าดูโดยรวมตลอดเกม ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าในแผงหลังสเคอเทลนี่ล่ะที่มีปัญหาที่สุดกับแทคติคของคล็อป เพราะสเคอเทลนี้สานต่อสไตล์การเล่นของคาราเกอร์มาเต็มๆ เล่นหนักเล่นพรวดเอาตายเอาขาด และจะไว้ใจได้ก็ต่อเมื่อบอลอยู่ด้านหน้า พอต้องเบียดไหล่ต่อไหล่นี่จะเริ่มมีปัญหา และจะโคม่ามากถ้าเป็นการวิ่งเบียดไปกับคู่ต่อสู้เพื่อตามไปเล่นบอลที่โยนโด่งมา ...ซึ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่เซ็นเตอร์ของทีมจะต้องเจออีกเยอะตามแท็คติคที่คล็อปใช้ ยังไม่นับจังหวะขึ้นเกมที่สเคอเทลเป็นเซ็นเตอร์สไตล์โบ...เอ่อ...อนุรักษ์นิยม คือหลังเก็บบอลได้จะดึงให้ช้า รอเซ็นเตอร์+แบ็คฝั่งตัวเอง+กลางรับ ถอยกลับมาประจำตำแหน่งก่อนทุกครั้งไป ถึงจะเริ่มออกบอลสั้นไปให้ใครคนใดคนนึง ซึ่งมันช้าไปมากสำหรับทีมที่ต้องการเล่นเร็ว ไม่ได้บอกให้ต้องสวนเร็วทุกครั้ง แต่ดึงช้าแทบทุกจังหวะแบบสเคอเทลนี่ไม่น่าจะเหมาะเท่าไหร่

ไคลน์ - เติมเกมน้อยกว่าที่ควรทั้งๆ ที่จังหวะมีให้เล่นมากกว่านั้น เกมนี้เขามีความผิดพลาดน้อยก็จริง แต่มีส่วนร่วมกับเกมน้อยกว่าที่ควรจะเป็นเช่นกัน หลายครั้งในเกมจะเห็นว่าคู่ต่อสู้ถอยไปรับในเขตโทษกับแน่นแต่ไคลน์ไม่ได้วิ่งสอดขึ้นทางมุมธงสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะหยุดอยู่แค่กลางสนามรอรับบอลเคาะคืนเท่านั้น (ไม่ใช่ไม่ขึ้นเลยนะ แค่น้อย) ซึ่งถ้าคนที่เล่นตรงนี้เป็นแบ็คสไตล์อย่างฟินแนนหรือโกเมสคงไม่เท่าไหร่ แต่พอเป็นไคลน์ที่เร็วจะตายชักและเลี้ยงบอลขณะวิ่งเต็มสปีดได้ไม่น่าเกลียดเลยกลับไม่ยอมใช้จุดเด่นตัวเองเห็นแล้วมันหงุดหงิดอยู่พอควร ไคลน์มีทุกอย่างครบสำหรับการเป็นแบ็คของทีมที่เน้นเกมรุกเร็ว ดีกว่าโมเรโน่ด้วย แต่อุปสรรคอย่างเดียวของไคลน์คือทัศนคติ ในขณะที่คล็อปชอบเสี่ยง(ดูวิธีวิ่งไล่กับตำแหน่งการยืนของแผงกลางสามตัวดูสิ) ไคลน์ดูชอบเอาชัวร์มากกว่า เขาดูพะวงอยู่กับการอ่านจังหวะของเกมและจะไม่ยอมขึ้นสูงถ้าเห็นว่ามีคู่ต่อสู้พร้อมจะลุยสวนขึ้นไป ในเกมรุกพื้นที่สุดท้ายเราจะเห็นเขาเล่นเยอะหลายจังหวะบ่อยครั้ง ซึ่งมันทำให้ทีมเสียโอกาสไป

ลูคัส - เป็นอีกคนที่ดูจะ “รอดยาก” ในยุคคล็อป วันนี้ฟอร์มส่วนตัวของเขาดูไม่ดีนัก วิ่งไม่ค่อยถึงบอลและเสียฟาล์วง่าย แม้จะเชื่อมเกมได้ดูดีแต่ไม่มีบอลเกมรุก และถ้าโดนไล่เมื่อไหร่คือคืนหลังทันที เป็นหนึ่งในเหตุผลที่งานไปเข้าคูตินโย่อยู่บ่อยๆ เพราะคู่ต่อสู้ประกบคูตินโย่สบาย เนื่องจากบอลอยู่เท้าลูคัสคู่ต่อสู้จะพร้อมใจกันคิดว่า “ช่างพี่เค้าเถอะ” ซึ่งไม่นานจากนั้นลูคัสก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าส่งบอลให้คูตินโย่ที่โดนประกบอยู่นั่นแหล่ะ ผมคิดว่าลูคัสเป็นคนที่โดนทำร้ายจากแทคติคของคล็อปหนักสุดในทีมแล้ว คือเขาเหมาะกับการเล่นในทีมที่เน้นการครองบอลมากกว่า ยิ่งถ้าให้เขายืนอยู่หน้าคู่เซ็นเตอร์โดยทีมเล่นคุมพื้นที่ในแดนแล้วรอโต้ ลูคัสจะโดดเด่นมากๆ แต่ให้วิ่งปากกระพือไปทั่วสนาม คู่ต่อสู้พลิกบอลได้ก็ต้องวิ่ง 2-30 หลาตามาอัด โดนไล่ก็ต้องล็อคหนีเองให้รอด เพื่อนทำทางก็ต้องจ่ายให้ทะลุได้ ...ตายพอดีครับ...

ชาน - รายนี้เป็นคนที่ต้องปรับตัวหนักสุด คือหลังจากโดนล้างสมองไปหนึ่งฤดูกาลเต็มๆ ตอนนี้ชานยังยืนงงในพงหญ้าอยู่ว่าตัวเองควรทำอะไรในสนาม นัดนี้เขาแทบไม่ได้ทำอะไรนอกไปจากเลี้ยงบอลขึ้นหน้าไปเรื่อย เลี้ยงซะอยากจะให้เอาบอลกลับไปปลูกที่บ้าน เลี้ยงไปราวกับว่าข้างหน้าไม่มีใครขวางและเพื่อนร่วมทีมเป็นธาตุอากาศ ซึ่งจริงๆ แล้วถ้าดูดีๆ มันคือวิธีการเล่นแบบเดียวกับที่เค้าเล่นตอนยืนเซ็นเตอร์แบ็ค/วิงแบ็ค เพราะจากตรงนั้นเค้าจะพลิกเลี้ยงขึ้นหน้าได้ง่ายมาก พอมีตัวมาไล่หมายความว่าเพื่อนข้างหน้าว่าง แต่พอเขามายืนกลางสนาม เลี้ยงไปไม่กี่ก้าวก็เจอดงสตั๊ดแล้ว พื้นที่มันไม่ได้มีให้เลี้ยงขนาดนั้น และการเล่นเกมรุกมันมีอะไรมากกว่าเลี้ยงเข้าไปๆๆ เขาต้องรีบปรับตัวให้เร็วเพราะคล็อปดูจะไว้วางใจเขามากถึงขนาดจับเป็นตัวจริงทันทีที่มาถึงและส่งเล่นในตำแหน่งที่เขา(ควร)จะถนัดที่สุดด้วย  

คูตินโย่ - เป็นอีกคนที่ต้องปรับตัวเยอะและยังมองไม่เห็นว่าจะปรับได้เมื่อไหร่ กับฤดูก่อนๆ บอลจังหวะจะโต้ หรือจังหวะจะเข้าทำมันจะมาขึ้นที่เขาหมด หลายครั้งเพื่อนก็ขึ้นไม่ทันมีแค่เขากับกองหน้า ทำให้คูตินโย่ต้องคิดเองเล่นเอง แม้จะยื้อจะฝืนแค่ไหนก็ต้องดึงดันไปเพราะไม่งั้นทางเลือกก็จะเหลือแค่เคาะคืนหลังแล้วเกมรุกของทีมไม่คืบ แต่กับตอนนี้ไม่ใช่แล้ว มองซ้ายเห็นโมเรโน่ มองขวาเห็นลัลลาน่า มองข้างหน้าก็มีโอริกิ** เขาเลือกเล่นได้มากกว่าการฝืนไปเองฝืนยิงเองเยอะ แต่กับนัดนี้และรวมถึงนัดก่อนๆ ด้วย เขายังนึกว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของทีมอยู่ ยังคิดว่าถ้าเขาไม่ทำก็จะไม่มีใครทำอยู่ และจากที่สัมผัสได้จากเกมสามนัดนี้ คล็อปเองยังไม่ได้ไว้ใจเขาในระดับที่เขาเคยได้จากร็อดเจอร์ (คล็อปดูถูกใจชานมากกว่า) เผลอๆ ในระยะยาว เฟอมิโน่ที่หวังจะมาเล่นกับคูตินโย่จะกลายเป็นว่ามาแทนคูตินโย่เอาได้ง่ายๆ

มิลเนอร์ - จริงๆ แล้วอายุของมิลเนอร์แค่ 29 ไม่ใช่ 34-35 แต่เจ้าตัวเล่นซะเยี่ยงแข้งอาวุโส นัดนี้ยังวิ่งเยอะเหมือนเดิมแต่ไม่ค่อยได้ประโยชน์เป็นชิ้นเป็นอัน ยังดีที่ว่าเขาเป็นคนเปิดบอลแอสซิสให้เบนเทเก้โหม่งขึ้นนำ แต่ในขณะเดียวกันก็เสียฟาล์วแบบไม่ควรจนนำมาซึ่งประตูตีเสมอเช่นกัน สำหรับมิลเนอร์ผมคิดว่าเป็นโจทย์ใหญ่ที่สุดของคล็อปว่าจะเอายังไงดี คือมิลเนอร์เนี่ยขยันวิ่งจริง ฟิตจริง ปัญหาคือแกไม่ได้เร็วมากและไม่ได้ฟิตเหลือเฟืออะไร วิ่งเยอะๆ มียุบเหมือนกัน แล้วเวลาเข้าบอลพอช้าไปจังหวะนึงแต่คิดว่าตัวเองทันก็กลายเป็นเข้าพรวด เสียฟาล์วโดนใบเหลืองแบบไม่ควรเอาง่ายๆ (ใครที่เล่นกีฬาประเภทต้องวิ่งเยอะๆ เ้คลื่อนที่ไม่หยุดมาบ้างคงนึกออกกับจังหวะแบบนี้) แล้วดันเป็นรองกัปตันทีม จะไปดรอปหรือเปลี่ยนออกง่ายๆ เหมือนคนอื่นทีมสปริติจะมีปัญหาหรือเปล่า ย่ิ่งกับการที่คล็อปพึ่งมาใหม่(แต่มิลเนอร์ก็พึ่งมา 555+) และส่งเสริมชานจนตัวแทบลอยซะแบบนั้น ในรายมิลเนอร์นี่ผมว่าถ้ายังอยู่ตรงกลางก็ลำบากนะ เพราะเขามีดีแค่วิ่งๆๆ จ่ายบอลขึ้นหน้าไม่ค่อยดี หาจังหวะยิงไกลหรือจ่ายบอลเข้าทำก็ไม่ดีนัก แต่การสลับขึ้นลงของกองกลางสนามคนมันเรียกร้องให้ตำแหน่งนี้ต้องทำแบบนั้นให้ได้ด้วย (ถ้ายืนสองคนคู่กันกับเฮนโด้เป็นสามเหลี่ยมล่างแล้วมีคูตินโย่เป็นเหลี่ยมบนมันเป็นอีกเรื่อง อันนั้นแค่วิ่งๆๆ เอาบอลมาแล้วส่งให้คูตินโย่ก็พอ) ลองนึกภาพว่าตอนนี้เฮนโด้ฟิตแล้วเล่นแทนตำแหน่งนี้ดูสิ นั่นล่ะได้เลย วิ่งได้พอกัน เสียฟาล์วน้อยกว่า จ่ายบอลขึ้นหน้าได้ ซึ่งตอนนี้ยังเจ็บไง

ลัลลาน่า - วันนี้่เล่นไม่ออกเลยจริงๆ แม้จะไม่ได้ฝืนในระดับคูตินโย่แต่เขาก็เก็บบอลไว้กับตัวนานไปหน่อย จังหวะตัวต่อตัวก็ไม่ชนะใครทั้งนั้น การทำเกมรุกเรียกว่าดับสนิทไปไม่ได้ทั้งบอลทั้งคน แต่ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะเจอกับทีมเก่าด้วย ในแง่ความรู้สึกผมคงไม่กล้าเดาเพราะไม่ใช่หมอดู แต่กับวิธีกับจังหวะการเล่น ฟอนเต้คงยังไม่ลืมแน่ก็เลยยิ่งยากเข้าไปอีก สำหรับลัลลาน่านี่ผมว่าปรับแค่นิดเดียวก็พอ คือออกบอลให้เร็วเข้าไว้ ยิ่งกับการที่มีเพื่อนวิ่งเติมขึ้นมากันให้คลั่กแบบนี้ ไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่ลัลลาน่าต้องเก็บบอลไว้กับตัวนาน เขาวิ่งหาช่องและเล่นบอลจังหวะเดียวได้ดีอยู่แล้ว และนั่่นน่าจะเป็นสิ่งที่คล็อปต้องการด้วย ...ดูเหมือนคล็อปจะชอบบ่นเวลาเห็นใครวิ่งฟรีแล้วเพื่อนไม่จ่ายนะ
โอริกิ - “ยับ“ คือคำอธิบายฟอร์มของโอริกิในนัดนี้ได้ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ฟอร์มส่วนตัวไม่ค่อยวิ่งทำทาง เก็บบอลไม่ค่อยอยู่ จังหวะยิงไม่ต้องพูดถึงหาไม่ได้เลย แต่ไฮไลท์อยู่ที่ฟอร์มการเล่นเป็นทีม จริงอยู่ว่าจะไปโทษเขาคนเดียวก็ไม่ได้ แต่ทุกจังหวะที่เพื่อนจ่ายให้ โอริกิไปผิดทางตลอด และในทางกลับกันบอลเร็วจังหวะเดียวที่ออกจากเท้าเขาจะกลิ้งไปเข้าเท้าคู่ต่อสู้ตลอดเช่นกัน การประสานงานของเขากับเพื่อนร่วมทีมนั้นดูแย่กว่าทีมเวิร์คของทีมประเภทรวมดารา, ออลสตาร์เตะการกุศลเสียอีก พลาดในระดับที่ตั้งใจให้จ่ายพลาดกันทุกครั้งแบบนี้ยังลำบาก ตัวคล็อปเองดูจะชอบโอริกิอยู่ไม่น้อย ทั้งส่งลง ทั้งคำให้สัมภาษณ์ (เคยบอกว่ากองหน้าคนอื่นเจ็บแต่เรามีโอริกิ, เคยบอกว่าคิดซื้อตอนคุมดอร์ทมุนด์) แต่กับการโดนเปลี่ยนตัวออกรัวๆ และนัดนี้โดนเปลี่ยนเร็วตั้งแต่พักครึ่งคงเป็นคำเตือนครั้งท้ายๆ แล้วว่าโอริกิไม่เหลือเวลาให้ปรับตัวอีกแล้ว ถ้าจะเล่นให้ได้ก็ต้องตอนนี้! ...จะว่าไปคล็อปนี่คิดเร็วทำเร็วดีนะ ต่อให้ชอบ/เลือกแล้ว แต่เห็นไม่เวิร์คนี่โดนถอดทันทีเหมือนกัน

ตัวสำรอง

เบนเทเก้ - เคลื่อนที่น้อย มีส่วนร่วมกับเกมน้อย แต่มีเมื่อไหร่คือได้ลุ้นประตูทันที และก็โหม่งได้หนึ่งประตูด้วย เอาจริงๆ เบนเทเก้ดูเหมาะกับทีมที่เน้นบอลไดเรกต์มากกว่าอย่างที่ทุกคนคงเห็นตรงกัน การเล่นอยู่ในทีมที่เล่นเร็วเล่นกับพื้นที่แบบนี้ดูไม่ค่อยจะเข้ากับเจ้าตัวเท่าไหร่ ยิ่งถ้าดูจากอดีตกองหน้าของคล็อป (เลวานฯ+โอบาเมแยง+โอริกิ) ก็ไม่ต้องสืบว่าเบนเทเก้นี่ไม่ได้เข้าแก๊ปกับเค้าเลย แต่จุดนี้เป็นสิ่งที่ตัวคล็อปเองก็ต้องปรับตัวด้วยเช่นกัน เพราะตอนนี้มันชัดเจนว่าเบนเทเก้จะต้องเป็นศูนย์หน้าตัวหลักไปอย่างน้อยจนจบฤดูนี้ แถมเบนเทเก้ยังสร้างโอกาสการทำประตูได้ดีกว่าสเตอริดจ์ด้วยซ้ำ (โอริกิต้องพูดถึงมั้ย ณ จุดนี้) คล็อปต้องหาทางใช้งานเบนเทเก้ให้เต็มประสิทธิภาพให้ได้ - หมายถึงต้องทำยังไงก็ได้ให้เขามีส่วนร่วมกับเกมยิ่งกว่านี้ แม้ว่านั่นจะหมายถึงการปรับสไตล์ของตัวเองให้จัดทีมเล่นหน้าคู่ หรือปรับมาเน้นการโยนครอสจากเส้นข้างแบบเป็นล่ำเป็นสันก็ตาม

เฟอมิโน่ - เชื่อมเกมได้ดี มีจังหวะปั้นเกมรุกที่น่าพอใจอยู่บ้าง ไม่เยอะแต่เยอะกว่าทั้งคูตินโย่และลัลลาน่า สิ่งที่เฟอมิโน่ทำในสนามวันนี้เป็นสิ่งที่คูตินโย่ควรจะทำ และเป็นสิ่งที่คล็อปน่าจะอยากเห็นจากตัวรุกหลังกองหน้า

ไอบ์ - นัดนี้ยังไม่ค่อยได้ทำอะไรมากนัก แต่การเปลี่ยนผู้จัดการทีมมาเป็นคล็อปต้องเรียกว่า “บอลเข้าทาง” สุดๆ สไตล์การเล่นกับแทคติคเข้ากันแบบไม่ต้องปรับอะไรกันแล้ว ตอนนี้รอแค่เวลาที่จะได้ลงสนามบ่อยๆ แค่นั้น เกิดไม่เกิดนี่อีกเรื่อง แต่ไอบ์อยู่ใน “ทีมของคล็อป” แน่นอน

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...คริสเตียน เบนเทเก้…นัดนี้เลือก MOM ยากนะเพราะไม่มีใครเด่น แต่เลือกเบนเทเก้เพราะนอกจากจะทำประตูได้แล้ว ยังเห็นได้ชัดว่าทีมตอนมีเขาอยู่ในสนามกับมีโอริกิ มันต่าง โคตรต่าง ต่างกันเยอะจริงๆ

_______ ทั้งหมดนี้คือปัญหาที่คล็อปต้องเจอ บางตำแหน่งมันแก้ได้เลยอย่างกองหน้าก็แค่เปลี่ยน แต่กับปัญหาโลกแตกอย่างมิลเนอร์ หรือตำแหน่งที่ตัวเลือกไม่มีอย่างลูคัส (นัดก่อนลองเอาอัลเลนลงมา เปลี่ยนกลับแทบไม่ทัน) คนที่ควรเล่นได้กลับเล่นไม่ได้อย่างพวกลัลลาน่า+คูตินโย่+ไคลน์ นี่ยังไม่นับการประสานงานกันที่ยังต้องปรับอีกเยอะ บอลชิ่งบอลช่องให้กันไม่ได้เลย ให้เป็นเสีย ซึ่งเห็นได้ชัดในกรณีโอริกิ ซึ่งต้องย้ำอีกทีว่าไม่ใช่โอริกิผิดคนเดียว มันแสดงให้เห็นถึงความไม่เข้าใจกันในทีมจริงๆ อย่างตอนเบนเทเก้อยู่ในสนามก็มีอีกเป็นสิบครั้งที่บอลโยนไปเสาหนึ่งคนอยู่เสาสอง ก็ต้องใช้เวลากันนิดนึงครับ

_______ นิดนึงนี่ว่ากันเป็นเดือนๆ นะ ไม่ใช่นัดสองนัด
------------------------------------------------------------

ป.ล. มันยาวไปมั้ยเนี่ย

เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ลิเวอร์พูล 1-1 รูบิน คาซาน (ยูโรป้า)

.

..โซโล่อย่างเดียว...
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-3

---------------------------โอริกิ-------------------------
------------คูตินโย่-----------------ลัลลาน่า-----------
------------ชาน---------อัลเลน---------มิลเนอร์------
โมเรโน่---------ซาโก้---------สเคอเทล-------ไคลน์
-------------------------มินโยเล่------------------------

_______ ลิเวอร์พูลได้เล่นเกมยูโรป้าในแอนฟิลด์ซึ่งถือเป็นเกมแรกในบ้านของคล็อปด้วย นัดนี้มีการเปลี่ยนแปลงแค่ตำแหน่งเดียวจากนัดก่อนคืออัลเลนได้ลงแทนลูคัส นอกนั้นยังใช้ชุดเดิมที่เพิ่มเติมเข้ามาคือเบนเทเก้กับฟีมีโน่มีรายชื่อในม้านั่งสำรองแล้ว
-------------------------------------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเน้นเกมรุกตั้งแต่ต้น เน้นรุกทางฝั่งขวาเต็มที่ ไล่บอลสูง ดันแผงกลางและหลังขึ้นสูง ส่วนทางคาซานเน้นคุมพื้นที่ในแดนกลางสลับไล่สูงเป็นบางครั้ง จังหวะได้บอลก็เติมกันขึ้นมาเล่นเกมรุกเหมือนกันไม่ได้เน้นรับเต็มตัว

________ เกมรุกทางฝั่งขวาของลิเวอร์พูลทำงานได้ไหลลื่น บอลไปสุดเส้นบ่อยและได้เปิดบอลเข้าทำด้วยแต่ยังไม่แม่น ส่วนทางคาซานที่รูปเกมเป็นรอง ครองบอลน้อยกว่ากลับมาได้ประตูนำก่อนซะอย่างนั้นในนาที 15 จากจังหวะตักบอลโด่งเข้าเขตโทษจากกลางสนาม แนวรับลิเวอร์พูลพลาด ไคลน์ที่หุบเข้ามาช่วยประกบกองหน้าไม่ดี ส่วนสเคอเทลที่ตามตำแหน่งเป็นพื้นที่ของเขาควรทำอะไรได้ดีกว่านั้นก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากยืนดู เดวิดเอาบอลลงได้นิ่มแล้วยิงเข้าไปไม่พลาด 1-0

_______ พอสกอร์ขยับ คาซานเล่นกันได้ดีขึ้นไปอีก ต่อบอลกันแม่น ถึงแม้จังหวะเข้าทำจะหาไม่ได้ เจาะไม่เข้า แต่จังหวะครองบอลก็เหนียวแน่นไม่เสียง่าย ทางด้านลิเวอร์พูลยังครองบอลเยอะอยู่ พาไปข้างหน้าได้เร็วอยู่ แต่จังหวะไหนพลาดโดนตัดหรือว่ากองหลังคาซานเก็บบอลได้ จะโดนคาซานโต้เร็วขึ้นมายันหน้าเขตโทษตัวเองตลอดเหมือนกัน

_______ เวลาผ่านไปจนถึงช่วงกลางครึ่งแรก เกมรุกของลิเวอร์พูลเร่ิ่มแผ่วลงบ้างแล้ว และคาซานเริ่มหาจังหวะเปิดบอลเข้าไปได้บ้าง แต่คาซานก็มาแจกของขวัญให้เจ้าบ้านด้วยการต่อให้คนนึง นาที 36 กุสมิน กองหลังของคาซานเข้าไปขวางชานที่พาบอลจี้ขึ้นหน้าในจังหวะรุกเร็วโดนใบเหลืองที่สอง (ใบแรกโดนเพราะเข้าบอลสไตล์คุเนโอะฟุตบอลใส่โมเรโน่) ทั้งๆ ในทีมคาซานมีกุสมินนี่แหล่ะที่ติดใบเหลืองอยู่คนเดียว ณ นาทีนั้น

_______ เท่านั้นยังไม่จุใจ ของขวัญต่อที่สอง จากฟรีคิกจังหวะนี้เอง คูตินโย่เปิดฟรีคิกเข้าไปเสาสองให้โอริกี้ขึ้นโหม่งผิด..เอ้ย...โหม่งชงย้อนกลับมาให้ชานได้ยิงชาร์จโล่งๆ สามสี่หลาที่เสาแรก คาซานไส้แตกกันไป 1-1

_______ คาซานโดนตีเสมอแล้ว ตัวเหลือน้อยกว่าแล้ว ถอยลงไปอุดทันทีไม่มีพิธีรีตรอง ส่วนลิเวอร์พูลก็เดินหน้าฆ่ามันใส่ทันทีแต่ยังทำอะไรไม่ได้ ครึ่งหลังค่อยมาว่ากันต่อ ครึ่งแรกจบที่ 1-1

_______ เข้าครึี่งหลัง ลูคัสได้ลงมาแทนอัลเลนทันที เกมรุกยังคงเน้นทางขวาต่อ ส่วนคาซานลงมาอุด อุดแบบเอาตัวรอดไปเป็นนาทีๆ ไปไม่ได้เหลือเผือใจไว้โต้ใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้ลิเวอร์พูลที่ตั้งใจลงมารุกอยู่แล้วยิ่งครองบอลง่าย ดันสูงง่าย หลายจังหวะคู่เซ็นเตอร์ยืนล้ำเลยวงกลมกลางสนามของแดนคาซานเลยด้วยซ้ำ บุกกดดันได้อย่างต่อเนื่อง

_______ ...แต่ไม่มีประตู...

_______ คาซานเล่นเกมรับในพื้นที่สุดท้ายได้ดี ลิเวอร์พูลทำได้แค่เปิดเข้าไปลุ้นแต่เอาชนะแนวรับไม่ได้ แม้พยายามจะเล่นให้เร็ว - ครึ่งแรกก็เร็วโคตรๆ อยู่แล้วนะ - พยายามเปิดตั้งแต่จังหวะแรกไม่ยึกยักนานเวลาบอลไปใกล้เขตโทษแต่ก็ยังเจาะไม่ผ่านแนวรับอยู่ดี

_______ นาที 65 เบนเทเก้ได้ลงมาสนามมาแทนคูตินโย่ ลิเวอร์พูลโหมเกมรุกต่อ จังหวะหาช่องเข้าทำไม่ได้ก็โยนยัดใส่เบนเทเก้ไปเลยง่ายดีแต่กองหลังก็ประกบเบนเทเก้ได้เหนียวแน่นและการเปิดบอลเข้าทำทั้งจากไคลน์ โมเรโน่ มิลเนอร์ ก็ยังไม่ค่อยจะแม่นด้วย

_______ ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลเน้นการเปิดบอลจากด้านข้างเต็มที่เพราะเจาะตรงกลางไม่เข้า มิลเนอร์ไปโยนจากขวา ไคลน์ลอยสูงขึ้นมาคารอโยนอยู่กลางแดนคาซาน ลัลลาน่าสลับไปขึ้นซ้าย -แต่ไม่ค่อยโยนเอง จะปล่อยให้โมเรโน่โยนไปก็เคาะกลับเข้ากลาง- บอลเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา

_______ ...แต่ไม่มีประตู…

_______ นาที 74 ฟีมีโน่ได้ลงแทนโอริกิที่แฟนบอลแทบไม่รู้ว่าอยู่ในสนาม ลิเวอร์พูลดันสุดตัว ครับ...อ่านถึงตรงนี้ไม่ต้องงงๆ ว่ามันจะดันจะเร่งจะโหมอะไรกันได้บ่อยๆ ถ้าได้ดูจริงๆ จะเห็นว่าเร่งขึ้นจริง บอลไปข้างหน้าตลอด ถึงตรงนี้เล่นเหมือนนัดชิงบอลโลกเหลือนาทีสุดท้ายแล้วสกอร์ตามหลังอยู่ลูกเดียวอย่างไรอย่างนั้นเลย

_______ ลิเวอร์พูลได้ลูกเตะมุมเยอะมาก ได้ยิงแถวสองเยอะมากทั้งจากการพาขึ้นมาเองและการเก็บตกจากลูกเตะมุม ยิงจนเหนื่อย เปิดจนล้า ถ้าความพยายามเปิดหรือยิงหนึ่งครั้งได้แสตมป์เซเว่นหนึ่งดวง จบเกมน่าจะแลกเก้าอี้โดเรม่อนได้สักตัวสองตัว แต่สุดท้ายก็ทำอะไรคาซานไม่ได้จริงๆ ดีที่สุดคือลูกยิงชนเสาของเบนเทเก้ในนาที 80

_______ ทางคาซานเองอุดมาได้ตลอดรอดฝั่ง ท้ายเกมมามีลุ้นนิดๆ จากลูกเตะมุมที่ได้โหม่งโล่งๆ แต่ดันหลุดกรอบไปเอง สุดท้ายเอาตัวรอดไปได้สำเร็จ 1-1

-----------------------------------------

_______ โอ้โห อะไรจะเร่งเกมกันขนาดนั้น~ ดูแล้วจะเป็นลมแทน

_______ 11 ตัวจริงผมชอบมากกับการเปลี่ยนทีมน้อย มันจำเป็นที่ทีมที่เริ่มสร้างกันใหม่ต้องเปลี่ยนให้น้อยเพื่อให้เล่นเข้ากันได้เร็วที่สุด อันที่จริงคล็อปไม่ได้ทำอะไรมากนักนอกจากส่งทุกคนลงเล่นตามตำแหน่งนั่นแหล่ะ แต่พอมองย้อนไปเทียบกับวอลโดมอร์แล้วเลยกลายเป็นเรื่องแปลกตาซะงั้นที่ทำอะไรแบบนี้

_______ การเปลี่ยนตัวนัดนี้ชวนให้งงอยู่พอควร อัลเลนเล่นไม่ดีเท่าไหร่ในครึ่งแรกแต่จะคาดหวังอะไรกับคนไม่ค่อยได้ลงสนามแล้วพึ่งได้เป็นตัวจริง สงสัยว่าจะเจ็บหรืออะไรยังไงหรือเปล่าเพราะเปลี่ยนเร็วมาก การส่งเบนเทเก้ลงมาแทนคูตินโย่คิดได้อย่างเดียวว่าเค้าเลือกซื้อโอริกิมากกว่าคูตินโย่ ในแง่ว่ามีกองหน้าคู่ผมันก็ดูดีนะ สะใจเลยแหล่ะ เพราะจังหวะได้เปรียบขนาดนี้จะมาเปลี่ยนกองหน้าตามตำแหน่งโกรธกันตาย แถมคูตินโย่ยิงบอลทิ้งขว้างรัวๆ ด้วย แต่ถ้ามองว่า เอ่อ.. เลือกโอริกิก่อนคูตินโย่...จริงดิ? แล้วสุดท้ายก็ต้องเอาออกอยู่ดี

_______ โดยภาพรวม ลิเวอร์พูลยังตั้งหลักกันไม่ค่อยได้กับแทคติคใหม่ 11 ตัวจริงชุดใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าอยู่ดีๆ มาเปลี่ยนผู้จัดการทีมกันกลางฤดูมันปรับตัวกันไม่ได้ง่ายๆ หรอก การเข้าไล่บีบเร็วที่ถือว่าเป็นอาวุธหลักของคล็อป ทีมยังวิ่งกันได้ดี ทำได้ดีกว่านัดก่อนในแง่ของการสลับตำแหน่งแทนเวลาไล่บอล และจังหวะที่ไม่ควรไล่มั่วก็มีให้เห็นน้อยลงมาก แต่การไล่เป็นทีมยังมีให้เห็นไม่มากนักเช่นเดียวกับนัดก่อน อันนี้่ต้องอาศัยเวลาอย่างเดียวเลยครับ ซ้อมแล้วก็ซ้อม จะไปหวังให้เข้าใจกันทันทีมันคงยาก ทีมเดิมจริงแต่วิธีเล่นเปลี่ยนเยอะนะ อย่าว่าแต่ทีมเดิมแต่ 11 ตัวจริงเปลี่ยน(จากตอนต้นฤดู)เยอะมากทีเดียว

_______ ในเกมรุก การเก็บบอลและหาช่องรับส่งต่อบอลจากหลังไปหน้าทำได้ดีทีเดียว ทำได้เร็ว ไปถึงเขตโทษ/สุดเส้น แต่ปัญหาใหญ่เลยคือทำประตูไม่ได้ คือไม่ใช่แค่ยิงไม่ได้แต่ถ้าใครได้ดูจะเห็นว่าหลายครั้งมันเป็นการยิงแบบไร้คุณภาพไปหน่อยถ้าเทียบกับโอกาสที่สร้างขึ้น เกมรุกเจาะตรงกลางดับสนิท ด้วยความที่เน้นเกมเร็วมันเป็นปกติอยู่ที่จะต้องเล่นบอลจังหวะเดียวให้มาก แต่ความเข้าใจซึ่งกันและกันของผู้เล่นถือว่าน้อยมาก ทำให้จังหวะเข้าทำที่มันต้องเป๊ะจริงๆ ถึงจะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้มันไม่เกิดขึ้น

_______ ส่วนเกมรับ อันนี้ง่อย ง่อยมากครับ ระเบียบแนวรับช่วงนี้ถือว่าแย่มาก สเคอเทลดฟอร์มหลุดมาก และช่องระหว่างสเคอเทลกับไคลน์นี่มีปัญหาพอควรเลย ลูกที่เสียไปนี่เป็นความผิดพลาดที่ไม่น่าเชื่อว่าเป็นทีมฟุตบอลระดับได้มาเล่นยูโรป้าเลยให้ตาย ส่วนไฮไลท์ความง่อยยังคงอยู่ที่ลูกตั้งเตะที่ช่องเยอะเหลือเกิน ประกบไม่ดีเลย

_______ ตลกร้ายตรงที่ลูกตั้งเตะของลิเวอร์พูลเองรู้สึกจะดูดีขึ้นเยอะ คือนอกจากประตูที่ได้แล้ว ถ้าใครได้ดูในเกม (หาดูไฮไลท์ก็น่าจะเห็นเยอะอยู่ นัดนี้ไฮไลท์น่าจะตัดจากจังหวะเตะมุมบ่อย) จะเห็นว่าทีมมีการเล่นเตะมุมลูกเรียดกับลูกสั้นบ่อยครั้งและกดดันได้จริง รวมไปถึงบอลแถวสองที่เก็บตกและยิงสวนแบบได้ลุ้นบ่อยอยู่

_______ ที่ผมชอบสำหรับนัดนี้อยู่ที่แดนกลางสามคนที่ทีมเปลี่ยนวิธีการเล่นไปแล้ว แต่ก่อนถ้าเล่นกลางสนามจะห้อยใครไว้ต่ำคนนึง อีกสองคนยืนสูง หรือถ้าจังหวะจะรับ/เจอเกมที่จะเน้นรับก็สลับสามเหลี่ยมเอาไปยืนต่ำสองคน แต่นัดนี้รวมถึงนัดก่อนกลางสามคนของทีมตอนนี้ยืนระนาบเดียวกันหมด ผลัดกันขึ้นลงแล้วแต่ว่าบอลขึ้นทางไหน ซึ่งดูจะเหมาะกับกองกลางพันธุ์เป็ด (ไม่ได้ด่านะ ตั้งใจจะหมายถึง All Round - ทำได้ทุกอย่างแต่ไม่เด่นสักอย่าง) ที่มีอยู่เต็มทีมไม่ว่าจะชาน มิลเนอร์ อัลเลน เฮนเดอร์สัน จะรวมลูคัสด้วยก็ยังได้ ซึ่งถ้าได้ตัวหลักชัดๆ แล้วเข้าขากันกว่านี้ ทีมคงจะบุกตรงกลางได้มีพลังขึ้นและสามารถจัดการเกมโต้กลับได้เป็นสัปปะรดกว่านี้

_______ เกมของคล็อปผ่านมาสองนัดมีแต่เร็วมากกับเร็วมากๆ ดูแล้วรู้สึกเหมือนฟังท่อนโซโล่ของเพลงเฮฟวี่ฯ ถามว่ามันมั้ย? มันมากครับ สะใจสัสๆ (ขออภัยต้องใช้คำนี้) ถ้าจุดประสงค์คือการเรียกศรัทธาแฟนบอลหรือกระตุ้นลูกทีมให้กลับมาสวมวิญญาณเพชรฆาตไล่ฉีกกระชากแนวรับเป็นริ้วๆ ไม่ใช่เล่นเป็นเป็ดติดไข้หวัดนกอยู่ในแดนตัวเองเหมือนต้นฤดูฯ ก็ถือว่าคล็อปมาถูกทางแล้วครับ

_______ ...แต่อีกนิดเดียวจากสะใจจะกลายเป็นหนวกหูแล้วเพราะไม่มีผ่อน ไม่มีเมโลดี้อื่นใดมาขั้นเลย ระยะยาวเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่เพราะนอกจากผู้เล่นจะเหนื่อยกายมากๆ แล้วจะเหนื่อยใจเอาด้วยที่พยายามขนาดนี้ยังไม่ชนะ ยังไงก็เอาใจช่วยให้ชนะประเดิมให้ได้ก่อนสักนัดแล้วเราคงได้เห็นจังหวะแบบอื่นกันบ้าง
-------------------------------

นัดนี้เล่นกันพอใช้ได้

มินโยเล่ - แทบไม่ได้เล่น จังหวะโดนยิงก็โดนล่อเป้าซะขนาดนั้น นอกเหนือจากจังหวะนั้นก็ไม่มีอะไรให้เซฟเพราะคาซานดันเหลือ 10 คนไปซะก่อน

โมเรโน่ - ต้นเกมยังอยู่แค่ครึ่งสนามเชื่อมเกมไปตามจังหวะ แต่พอคู่ต่อสู้เหลือสิบคนก็เติมสูงบ่อยขึ้น เปิดบอลได้แค่ลุ้น คือบอลเข้าไปในพื้นที่อันตรายได้ ไม่ติดไม่ออก แต่ก็ไม่แม่นด้วยเช่นกัน เกมรับทำดีกับการวิ่งเบียดวิ่งไล่

ซาโก้  - ยิ่งเล่นยิ่งหล่อ นอกจากจะสกัดตัดบอลได้ดีแล้วยังเป็นวันที่เขาเก็บบอลเล่นได้เหนือชั้นมาก บางลูกแค่สกัดก็ยากแล้วแต่เขาโหม่งชงให้เพื่อนหรือพักหนีตัวไล่เอามาเล่นต่อเฉยเลย

สเคอเทล - ยิ่งเล่นยิ่งหลอน เข้าใจว่าอยู่ดีๆ ต้องดันสูงมาวิ่งแถววงกลมกลางสนามมันชวนหลอนสำหรับเซ็นเตอร์สไตล์มูนวอล์คทิ้งตัวสกัด แต่สเคอเทลควรทำดีกว่านี้ นัดนี้อ่านเกมพลาดบ่อยมาก เข้าถึงบอลช้า ยังดีที่คู่ต่อสู้เหลือสิบคนก็ไม่ได้บุกแล้ว ไม่งั้นละงานเข้า

ไคลน์ - มีส่วนพลาดในจังหวะเสียประตู นอกนั้นเกมรับก็แทบไม่ได้เล่นเพราะคาซานพาบอลมาไม่ถึงมุมธงเลย ขึ้นไปช่วยเชื่อมเกมเติมเกมรุกได้ถึงสุดเส้น เปิดบอลได้ในระดับเดียวกับโมเรโน่แต่ได้เปิดบ่อยกว่า

อัลเลน - เคลื่อนที่ได้ดีมากทั้งวิ่งทำทางรับส่งต่อบอลและวิ่งไปปิดพื้นที่คู่ต่อสู้ เรื่องเชื่อมเกมไม่ต้องห่วง แต่สำหรับเกมรับแม้บอลไปถึงไหนอัลเลนจะไปถึงนั่น เสียอย่างเดียวคือไปถึงแล้ว...ตัดกลับมาไม่ได้ โดนกระชากไปเปิดมั่ง โดนบอลลอดขามั่ง โดนไหล่เบียดแล้วจ่ายหนีมั่ง

ชาน - ยังคงเล่นดีต่อเนื่อง พาบอลขึ้นหน้าได้ดี เชื่อมเกมได้เร็วขึ้นไม่คิดนาน มีส่วนร่วมกับจังหวะสุดท้ายมากขึ้นทั้งยิงทั้งจ่ายแม้จะยังไม่เด็ดขาดพอ เป็นที่เด็ดในการเล่นลูกกลางอากาศตอนฟรีคิกด้วย ในขณะที่เกมรับก็ตัดบอลได้เยอะ ชะลอคู่ต่อสู้ได้พอควร ถ้ายังรักษาฟอร์มแบบนี้ไว้ได้ก็เป็นตัวจริงได้ยาวล่ะ

คูตินโย่ - ถูกลดบทบาทจริงๆ นะ ไม่ได้คิดไปเอง คือบอลถูกกระจายไปทางอื่นมากขึ้นโดยเฉพาะชานกับมิลเนอร์ที่ได้บอลไม่น้อยกว่าคูตินโย่เลย นัดนี้เขาเปลี่ยนรับเป็นรุกดี ครึ่งแรกพลิกบอลสวยๆ จนสร้างโอกาสให้ทีมเกือบได้ยิงหลายครั้ง และตลอดเวลาที่อยู่ในสนามหาโอกาสยิงเองได้เยอะ แต่ยิงได้น่าผิดหวังโคตรๆ 5-6 ครั้งก่อนจะโดนเปลี่ยนตัวออกไปในนาที 63

มิลเนอร์ - วิ่งไล่ได้พอใช้ เด่นตรงเรื่องเชื่อมเกมรุกฝั่งขวาร่วมกับไคลน์และลัลลาน่าได้อร่อยมาก จากหลังไปถึงเขตโทษคู่ต่อสู้นี่แปปเดียวไม่ค่อยพลาดด้วย ชิ่งและทำทางจนไม่ใครก็ใครได้หลุดไปเปิดหรือตัดเข้ากลางไปยิงก็บ่อย แต่กับจังหวะเปิดหรือยิงจริงๆ ก็ได้แต่รำพึงว่า...เชื่อมเกมอย่างเดียวเถอะครับคุณพี่

ลัลลาน่า - บอลไปข้างหน้าตลอด ขยันวิ่งทำทางและออกบอลเร็ว พาบอลจากกลางไปหน้าได้ดี แต่จากหน้าไปหาประตูนี่พังมาก ลุกลี้ลุกลนในพื้นที่สุดท้าย จริงอยู่ว่าคู่ต่อสู้รับดีและเข้ามาเร่งเร็ว แต่เห็นลัลลาน่าเล่นในเขตโทษแล้วชวนให้รู้สึกถึงเวลาตั้งกระทะร้อนๆ แล้วเผลอทำน้ำหยดใส่ลงไปทำนองนั้นเลย
โอริกิ - เก็บบอลใช้ได้ ส่งบอลต่อให้เพื่อนได้โอเคเลย เร็วและพาบอลหนีไปที่ว่างได้น่าพอใจไม่ยืนเป็นเป้านิ่ง แต่วิ่งทำทางได้พินาศราบพนาสูญมาก ไม่วิ่งบ้าง ไม่พร้อมบ้าง วิ่งไปหาตำแหน่งที่ไม่รู้วิ่งไปทำไมบ้าง(วิ่งไปหามุมแคบ/ตัวประกบ) ไม่เห็นโอริกิวิ่งไปในตำแหน่งที่ได้เปรียบเลยในเกมนี้

ตัวสำรอง

ลูคัส - ออกบอลไปริมเส้นได้ดีหลายครั้ง เชื่อมเกมได้เร็วดีไม่ม้วนไม่วนออกข้าง

เบนเทเก้ - จังหวะการเล่นยังต้องเคาะกันอีกนิด จังหวะต้องวัดใจคนจ่ายเพื่อเอาชนะกองหลัง...ผิดทางตลอด หาโอกาสจบสกอร์แบบน่าได้ 2 ครั้ง ครั้งแรกข้ามคาน ครั้งที่สองชนเสา

ฟีมีโน่ - เก็บบอลได้ดี พลิกบอลได้บ่อย แต่เจาะแนวรับไม่สำเร็จไม่ว่าจะเลี้ยงจี้หรือจ่ายตามช่อง

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...มามาดู ซาโก้…สงสัยเก็บกดที่ต้องนั่งสำรองตอนต้นฤดูมั้ง ยิ่งเล่นยิ่งดี
------------------------------------------------------------

เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.