วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2559

สเปอร์ 1-1 ลิเวอร์พูล (พรเีมียร์ลีค)



ก่อนเกม
A : กูคุยกับ’จารย์ไว้แล้ว นัดนี้ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวแกช่วย
B : ขอบใจมาก กูใส่เต็มนะ
หลังเกม
B : ไหนมึงบอกไม่ต้องห่วง
A : ...กูลืมคุยกับไลน์แมน
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-2-3-1

-------------------เฟอมิโน่-----------------
คูตินโย่-----------ลัลลาน่า-----------มาเน่
--------ไวนัลดุม------เฮนเดอร์สัน---------
มิลเนอร์----ลอฟเรน-----มาติป------ไคลน์
--------------------มินโยเล่------------------

_______ ลิเวอร์พูลออกไปเยือนสเปอร์ที่ไวท์ฮาร์ทเลน  นัดนี้ได้มาเน่กลับมาแล้ว คล็อปตัดสินใจใช้เฟอมิโน่ยืนค้ำด้านหน้า ส่วนกองหน้าแท้ๆ นั่งรอกันหน้าสลอนบนม้านั่ง
-------------------------------------------------------

________ เริ่มเกมมาไม่กี่นาที ลิเวอร์พูลไล่บอลเร็วจนได้โอกาสผ่านบอลเข้าไปในเขตโทษ เฟอมิโน่ล็อคหลบกองหลังได้แล้วแต่ไม่ยิงเอง จ่ายไปทางเสาสองให้คูตินโย่เติมขึ้นมายิงโล่งๆ แต่คูตินโย่บวกสกอร์ไม่ได้อย่างน่าเสียดาย

_______ ทั้งสองทีมเล่นคล้ายกันคือไล่เร็วตั้งแต่หน้าเขตโทษคู่ต่อสู้ ตัดได้เข้าทำทันทีไม่มีเคาะกลับหลัง ทางสเปอร์ทีมเวิร์คดีกว่าชัดเจน ทั้งบอลจังหวะเดียวที่ให้กันแม่นกว่า จังหวะสกัดบอลที่ไม่มีกั๊กไม่มีชนกันเอง ส่วนทางลิเวอร์พูลดูดีกว่าในเรื่องบอลจังหวะสองและการเปลี่ยนรับเป็นรุก

_______ บอลอยู่ในแดนลิเวอร์พูลมากกว่า แต่โอกาสเข้าทำกลายเป็นลิเวอร์พูลที่ดูมีลุ้นมากกว่า และในที่สุดก็ได้ประตูออกนำก่อนในนาที 42 เฟอมิโน่วิ่งตามไปเก็บบอลที่น่าจะล้นไปแล้วมาได้ทางริมเส้นซ้าย ก่อนจะพาไปสุดเส้นหลัง ลาเมล่าวิ่งตามมาแต่ขาไปสะดุดกัน เฟอมิโน่ล้มในเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าให้ มิลเนอร์รับหน้าที่ยิงไม่พลาด 1-0 ก่อนจบครึ่งแรกที่สกอร์ดังกล่าว

_______ เข้าครึ่งหลัง เกมของลิเวอร์พูลดีกว่าชัดเจน พาบอลมาป้วนเปี้ยนหน้าเขตโทษได้บ่อย ในขณะที่สเปอร์บอลตายตั้งแต่กลางแดนลิเวอร์พูลเป็นส่วนใหญ่

_______ นาที 56 ลิเวอร์พูลโต้กลับได้ดีจนกระทั่งลัลลาน่าหักบอลเข้ากลางให้มาเน่ชาร์จเข้าประตูไปได้ แต่กรรมการจับล้ำหน้าลัลลาน่าไปก่อน ทั้งๆ ที่ไม่น่าล้ำ ลิเวอร์พูลชวดได้ประตูอย่างน่าเสียดาย

_______ ผ่านหนึ่งชั่วโมงของเกมไป ลิเวอร์พูลเริ่มไล่บอลแดนหน้าได้น้อยลง สเปอร์ได้ครองเกมมากขึ้น หันไปขึ้นเกมทางริมเส้นมากขึ้นด้วย นาที 69 โอริกิได้ลงแทนคูตินโย่ เฟอมิโน่โดนโยกไปยืนทางซ้ายแทน

_______ นาที 73 สเปอร์ตีเสมอได้สำเร็จจากการขึ้นเกมทางขวา(ฝั่งมิลเนอร์) วางบอลยาวข้ามไปเสาสอง ไคลน์หุบเข้ามาช่วยตรงกลางแต่บอลทะลักเลยไป แดนนี่ โรสเติมขึ้นมาได้เร็วก่อนที่มาเน่จะบังและก่อนที่มินโยเล่จะออกมาปิดมุม ซัดเข้าไปได้ 1-1

_______ หลังจากเกมกลับมาเสมอ ลิเวอร์พูลยังเร่งเกมไม่ขึ้น เล่นในทรงรับแล้วโต้ยาวเป็นหลัก แต่บอลยาวตามช่องจ่ายไปข้างหน้าเสียหมด โดนกองหลังที่ประกบอยู่เก็บกินได้หมด เกมลิเวอร์พูลเป็นรองอย่างชัดเจน

_______ นาที 87 สเตอริดจ์ได้ลงมาแทนมาเน่ นาที 90+3 สจ๊วตได้ลงมาแทนลัลลาน่า แต่เปลี่ยนเกมไม่ได้ ในขณะที่สเปอร์เองได้บอลเยอะจริง แต่พาเข้าเขตโทษได้น้อย จังหวะยิงก็แทบไม่มีและไม่ค่อยได้ลุ้น จบเกมเลยเสมอกันไป 1-1
-----------------------------------------

_______ เป็นเกมสูสีที่ผลัดกันเล่นได้ดีเป็นช่วงๆ

_______ ลิเวอร์พูลทุ่มเทพลังงานไปเยอะในช่วง 60 นาทีแรกแต่ฆ่าไม่ตาย ยังดีว่าได้ประตูนำมาก่อน

_______ สิ่งที่ทำได้ดีในวันนี้คือนักเตะหลายคนปรับตัวกับตำแหน่งที่เล่นได้ดีขึ้นมากนะครับ ที่เห็นๆ เลยคือ ไวนัลดุมกับลัลลาน่า ถึงฟอร์มจะไม่ได้เปรี้ยงปร้างบี้คู่ต่อสู้ตายคาสนาม แต่ถ้าเทียบกับนัดเปิดฤดูกาลต้องบอกว่าปรับตัวขึ้นมาได้ดีและเร็วมาก

_______ ที่ยังต้องระวังกันหน่อยคือการเข้าบอลที่รู้สึกว่าจะเข้าไม่ระวัง ออกลูกตามน้ำก็มีให้เห็น เหลืองว่อนเลย ยิ่งในรายมาเน่นี่ถ้าเป็นกรรมการบางคนมีสิทธิให้สองเหลืองไปแล้วด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องเกมรับที่เสียง่ายอันนี้ไม่ต้องพูดถึงกันละครับ T_T

_______ การออกไปเยือนปืนกับไก่แล้วได้กลับมาสี่แต้มถือว่าดูดีมากเลยครับ แต่พอมองไปถึงการสะดุดในเกมเบิร์นลี่ย์ และเกมนี้ที่นำแล้วแท้ๆ แถมคู่ต่อสู้ยังไม่ได้เล่นดีอะไรนักหนาด้วย ก็ถือเป็นเรื่องน่าเสียดายที่แต้มหลุดมือไป

_______ ฤดูกาลยังอีกยาวไกล ยังมีอะไรให้เจ็บอีกเยอะครับ แค่หลุดไปสองแต้ม ่จิ๊บๆ 555+

-----------------------------------------

นัดนี้เล่นใช้ได้

มินโยเล่ - มีมือเหมือนกันนะเฮ้ย เซฟได้หลายลูกอยู่ ทีเด็ดอยู่ที่การเซฟลูกโหม่ง(ของแฟร์ต้องเก้นมั้ง)ได้ยอดเยี่ยม ส่วนลูกเสียประตูออกไปปิดมุมช้าไปนิดนึงนะ

มิลเนอร์ - อ่า อ่านบอลพลาดในจังหวะเสียประตู และอีกหลายครั้งที่หุบเข้ากลางมาไปหน่อย แต่ตามไปคุมพื้นที่ตัวเองได้ไม่น่าเกลียด ช่วยซ้อนเพื่อนที่ทำหลุดมาก็ได้หลายครั้งอยู่ เชื่อมเกมโอเค

ลอฟเรน - เสียฟาล์วบ่อยไปหน่อย แต่ประกบคู่ต่อสู้ได้แน่นปั๊ก

มาติป - มีจังหวะคิดนานอยู่บ้าง คือในจังหวะคล้ายๆ กันนี้ถ้าเป็นคลาวานหรือสเคอเทลนี่พวกหวดทิ้งไปนานแล้วแต่มาติปยังยืนจ้องอยู่ แต่โดยรวมก็เล่นเกมรับได้ดี มีจังหวะลากตัดขึ้นหน้าได้ดีหลายครั้งด้วย

ไคลน์ -  มีส่วนพลาดกับประตูที่เสียเช่นกัน แต่โดยรวมเกมรับคุมพื้นที่ได้ดี ที่จัดว่าแย่คือการเชื่อมเกม ให้บอลเพื่อนไม่ค่อยได้เปรียบและไม่ค่อยวิ่งทำทางมากเท่าที่ควร

ไวนัลดุม - นัดนี้เคลื่อนที่รับบอลไล่บอลได้ดีขึ้นมาก ออกบอลเร็วขึ้น มีส่วนร่วมกับเกมรุกเยอะดีถ้าเทียบกับตำแหน่งที่เล่น ในขณะเดียวกันอาจต้องช่วยเหลือเฮนโด้คุมพื้นที่ในแดนตัวเองให้มากกว่านี้หน่อย เล่นแบบนี้เพื่อนข้างหลังจะซีโครงบานตายเอา

เฮนเดอร์สัน - ยืนค่อนข้างต่ำ ช่วยเก็บบอลได้ดี ผ่านบอลสั้นๆ หนีตัวไล่ใช้ได้ พอไม่อยู่ในตำแหน่งที่ต้องเปิดเกมเองดูจะเล่นได้ดีขึ้น เกมรับต้องคุมพื้นที่กว้างเป็นสนามหลวง ปิดได้ไม่หมดแต่ก็พอไปวัดไปวาได้

คูตินโย่ - หาที่รับบอลได้ดี เก็บบอลเล่นได้อยู่ ช่วยทีมเปลี่ยนรับเป็นรุกได้ แต่บอลเข้าทำ บอลเกมรุก วันนี้มีให้เห็นน้อย

เฟอมิโน่ - วิ่งไล่บอลได้ดี เป็นกองหน้าที่เล่นได้ตรงตามแทคติคของทีมได้ดีที่สุดแล้ว ไม่ใช่แค่วิ่งเข้าไปกดดัน แต่อ่านจังหวะได้ดีว่าตอนไหนควรจะผละไปวิ่งทำทาง จังหวะไหนควรจะรอชิ่ง

ลัลลาน่า - หาที่ทางให้ตัวเองได้ดีขึ้น มีส่วนร่วมกับเกมมากขึ้น ที่น่าประทับใจที่สุดคือเขามีแรงวิ่งได้นานกว่าเพื่อนเลย ที่ไม่ค่อยชอบคือเขาช่วยเกมรับน้อยลงกว่าที่ผ่านมา

มาเน่ - ใช้ความเร็วกดดันคู่ต่อสู้ได้ดี ยิงได้แต่เพื่อนโดนจับล้ำหน้าซะงั้น เกมนี้เข้าบอลไม่ระวัง เสียฟาล์วง่าย โชคดีมากแล้วที่ไม่โดนเหลือที่สอง แต่การโดนใบเหลืองอยู่ แถมโดนเตือนอีกสองสามครั้งก็ทำให้เขาเสียสมาธิจนเล่นไม่ค่อยออกในครึ่งหลัง แหยงๆ ไม่ค่อยปั้มบอล

ตัวสำรอง

โอริกิ - หาที่รับบอลไม่ดีเลย วิ่งไล่ก็ใช้ไม่ได้

สเตอริดจ์ - (น้ำเสียงประชด) โอ้โห ให้เล่นสามนาที นานไป ผมวิ่งไม่ไหวครับบอส

สจ๊วต - (หันไปทางสเตอริดจ์) ...งั้นลองสามสิบวิมั้ยครับพี่

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ไม่มี… ครับ  ไม่มี  ไม่ใช่ว่าเล่นกันแย่มาก แต่หมายถึงเล่นได้เท่าๆ กันหมดเลย ไม่มีใครเด่นออกมาสักคน
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เบิร์นลี่ย์ 2-0 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


งานสลายมโน
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-2-3-1

-------------------สเตอริดจ์-----------------
คูตินโย่-----------เฟอมิโน่--------ลัลลาน่า
--------ไวนัลดุม------เฮนเดอร์สัน---------
มิลเนอร์---คลาวาน----ลอฟเรน-----ไคลน์
--------------------มินโยเล่------------------

_______ ลิเวอร์พูลต้องออกไปเยือนอีกหนึ่งนัดเพราะแอนฟิลด์ยังปรับปรุงไม่เรียบร้อย  นัดนี้ทีมได้สเตอริดจ์กับมิลเนอร์กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้งหนึ่ง
-------------------------------------------------------

________ เกมเริ่มได้สองนาทีกว่าก็งานเข้า  ไคลน์โดนกดดันจนเปิดเข้ากลางหน้าเขตโทษตัวเองพลาดโดนตัดไป คู่เซ็นเตอร์เข้ามาบังทางไม่ดีพอ  โดนโว้กยิงหักไปเสาหนึ่งเป็น 1-0 ไปเรียบร้อย

_______ เบิร์นลี่เล่นครึ่งแรกด้วยวิธีขึ้นมาไล่กดดันสูงถึงหน้าเขตโทษ  ไม่ปล่อยให้ลิเวอร์พูลต่อบอลง่าย  ในเกมรับพวกเขารับลึกหน้าเขตโทษตัวเอง  ลิเวอร์พูลครองบอลได้เยอะมากก็จริง  แต่ทำเร็วไม่ได้  กว่าบอลจะไปถึงเขตโทษฝั่งตรงข้าม เบิร์นลี่ย์ก็ยืนยิ้มอยู่สิบคนหน้าในเขตโทษแล้ว

_______ ลิเวอร์พูลเจาะตรงกลางไม่เข้าเลย  โดนบีบให้ต้องจ่ายบอลออกริมเส้นซึ่งก็ขึ้นได้อยู่ฝั่งเดียวคือฝั่งซ้ายของมิลเนอร์  ได้เปิดบอลจากริมเส้นบ้าง ตักบอลจากหน้าเขตโทษเข้าไปลุ้นบ้าง  แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่ถึงบอล ติดเซ็นเตอร์โดยเฉพาะ เบน มี ที่ตัดมันได้ทุกลูกที่ขากับหัวยืดไปถึง

_______ ลิเวอร์พูลได้แต่ครองบอลไปมา เจาะไม่เข้า ดีที่สุดคือการยิงไกลรัวๆ แต่ก็ยังไม่ค่อยเข้ากรอบ นาที 37 เบิร์นลี่ย์ปั้มบอลได้กลางสนาม  เกรย์เก็บบอลลากมาถึงเขตโทษ ทั้งเฮนโด้และลอฟเรนเข้าพรวดโดนล็อคหนีก่อนที่เกรย์จะยิงผ่านไปเสาสอง 2-0

_______ โน้ตไว้สั้นๆ ว่า ถึงตรงนี้ เบิร์นลี่ย์ยิงสองครั้ง เข้ากรอบสองครั้ง เป็นสองประตูจ่ะ

_______ เวลาที่เหลืออยู่ของครึ่งแรก (จริงๆ รวมครึ่งหลังด้วยก็ยังได้) ลิเวอร์พูลยังทำได้แค่ครองบอล จบครึ่งแรกที่ 2-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลเน้นเอาบอลขึ้นหน้าให้เร็วขึ้น เสี่ยงแทงทะลุตรงๆ มากขึ้น แต่ยังเจาะแนวรับไม่ได้ รูปเกมโดยรวมแทบไม่มีอะไรเปลี่ยน

_______ นาที 65 โอริกิได้ลงแทนสเตอริดจ์  ลิเวอร์พูลเพิ่มการโยนเข้ากลางมากขึ้น  แต่บอลไปไม่ค่อยถึงสุดเส้นหลังเลยทำลูกโยนไม่ค่อยกดดันคู่ต่อสู้มากนัก แถมคนรอโหม่งรอชาร์จในกรอบยังยืนกันค่อนข้างสะเปสะปะด้วย

_______ นาที 78 คล็อปเปลี่ยนที่เดียวสองคน โมเรโน่กับกรูยิชได้ลงมาแทนมิลเนอร์กับลัลลาน่า  ลิเวอร์พูลยังคงเพียรพยายามจะตรงกลางสลับกับการเปิดบอลจากทางฝั่งซ้าย แต่ผลลัพธ์ไม่เปลี่ยนจากที่เล่นกันมาทั้งเกม ลูกได้ลุ้นส่วนใหญ่จะมาจากการยิงไกลที่เรียกว่าดาหน้ากันมายิง  แต่ยิงแบบ “กรอบจ๋า บอลลาก่อน” กันไปเกือบทุกครั้ง แทบไม่ได้ลุ้นอะไรจริงจัง

_______ จบเกม ลิเวอร์พูลบุกไปแพ้เบิร์นลี่ย์ 2-0 ด้วยรูปเกมที่ได้ลุ้นน้อยมากและแก้ทางบอลอะไรไม่ได้เลยตั้งแต่ต้นยันจบ
-----------------------------------------

_______ เป็นเกมที่ได้ลุ้นน้อยมาก  ได้ครองบอลเยอะก็จริงแต่ทำอะไรคู่ต่อสู้ไม่ได้

_______ จุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดอยู่ที่ประตูแรกที่เสียเร็วและง่ายมากเหลือเกิน ทำให้เบิร์นลี่ย์เล่นได้มั่นใจตลอดเกม กลับกันทางลิเวอร์พูลเล่นกันกดดันตลอดเกม

_______ ลิเวอร์พูลมีปัญหาเสมอเวลาเป็นฝ่ายโดนไล่บอลสูงเสียเอง นัดนี้ก็พิสูจน์เรื่องนี้ให้เห็นอีกครั้ง ผมไม่คิดว่าการขาดมาเน่จะเป็นประเด็นอะไรมากนัก คือต่อให้มาเน่อยู่ทีมอาจจะได้ลุ้นกว่านี้แต่ไม่คิดรูปเกมที่ออกมาจะต่างอะไรกับที่เกิดขึ้นแล้วมากนัก

_______ ทางด้านคล็อป ผมมองว่าเค้าพลาดอย่างเดียวในเกมนี้คือการเก็บสเตอริดจ์ไว้จนถึงนาที 65 สเตอริดจ์ควรถูกถอดออกตั้งแต่พักครึ่งแล้ว แต่นอกเหนือจากนั้นผมคิดว่าคล็อปวางหมากและพยายามแก้เก้มได้ดีแล้ว

_______ ฟอร์มส่วนตัวของนักเตะน่าพูดถึงมากกว่า

-----------------------------------------

นัดนี้เล่นดี...จะมีให้เห็นหรือออ

มินโยเล่ - “ตรงเป็นเข้า” ไม่ใช่คำเล่าลือ

มิลเนอร์ - ออกบอลเชื่อมเกมช้าไปนิด แต่การอ่านเกม การหาตำแหน่งรับบอลทำได้ดี มีเก้ๆ กังๆ ก็จังหวะจะเปิดบอลนี่ล่ะที่ทำไม่ได้เพราะต้องล็อคเข้าขวาก่อน

คลาวาน - มีส่วนพลาดกับสองประตูที่เสียไป ลูกแรกดันเปิดบอลข้ามฟากหางานให้ไคลน์มันซะงั้น ลูกสองก็เข้าพรวด การดักบอลและเล่นลูกกลางอากาศยังทำได้ดีอยู่

ลอฟเรน - ซ้อนใครไม่เป็นจริงๆ คือการสกัดบอลหรือลูกกลางอากาศลอฟเรนไม่ได้มีปัญหาเลย แต่จังหวะที่ต้องซ้อนเพื่อนที่หลุดตำแหน่ง หรือพื้นที่ที่คนอื่นมาช่วยไม่ทัน ลอฟเรนไม่พุ่งเข้าหาบอล ยืนห่าง 2 ลูกที่โดนไปลอฟเรนควรจี้เข้าไปให้ใกล้คนยิงมากกว่านี้

ไคลน์ -  เกมรุกดับสนิท ส่วนหนึ่งคือเพื่อนก็ไม่ค่อยขึ้นทางฝั่งนั้นด้วย ในเกมรับไม่ได้มีปัญหา ที่มีปัญหาจริงๆ คือการเชื่อมเกมที่หาทางหนีตัวไล่ได้ไม่ค่อยได้

ไวนัลดุม - เกมรุกโอยย เกมรับอูยยย ถ้าอัลเลนได้ดูนัดนี้คงนั่งฮาอยู่

เฮนเดอร์สัน - ครึ่งแรกยังพอมีเสี่ยงเปิดบอลเข้าทำให้ได้ลุ้นบ้าง แค่ครึ่งหลังได้แค่เคาะไปเคาะมา แถมช่วงท้ายๆ เหมือนมีอาการเจ็บด้วย ทั้งเกมมีให้บอลน้ำหนักขาดๆ เกินๆ อีกต่างหาก

คูตินโย่ - แทบจะแบกทีมไว้คนเดียว ต้องลงไปช่วยเชื่อมเกมตรงกลาง บอลจังหวะเข้าทำก็ต้องเป็นคนปั้น ถ้าจะมีอะไรที่ทำพลาดก็เห็นจะเป็นเรื่องยิงไกล ง้างปุ๊ปโกล์ฝั่งตรงข้ามเตรียมเตะเปิดบอลได้เลย

เฟอมิโน่ - หาที่เล่นไม่ได้เลย พื้นที่ให้เล่นมีน้อยมากเพราะคู่ต่อสู้รับลึก เจ้าตัวทำดีที่สุดได้แค่รักษาการครองบอลไว้กับทีมด้วยการ...เคาะกลับหลัง

ลัลลาน่า - ชะตากรรมเดียวกับเฟอมิโน่ แถมได้บอลน้อยกว่าอีก

สเตอริดจ์ - ครึ่งแรกถอยลงมาเชื่อมเกมตรงกลางเยอะมาก มากจนไม่รู้ว่าลงมาทำไมขนาดนั้น ถ้าจะเล่นสไตล์กองหน้า false9 แบบนี้เค้าทำผลงานสู้เฟอมิโน่ไม่ได้เลย แถมการวิ่งตามช่องและความปราดเปรียวในการวิ่งไปรับบอลดรอปลงไปเยอะมาก ครึ่งแรกมีอยู่ครั้งนึงที่มิลเนอร์จ่ายทะลุช่องให้หลุดแล้ว แต่สเตอริดจ์วิ่งไม่ถึงบอลอย่างไม่น่าเชื่อ

ตัวสำรอง

โอริกิ - ไปทุกที่ ที่ไม่มีบอล

โมเรโน่ - ไม่ต้องเล่นเกมรับ(คู่ต่อสู้ลงไปอุด) มีหน้าที่แค่รับบอลด้านข้างและเปิดเข้ากลาง ออกไปรับบอลได้ดี ครองบอลก็ใช้ได้ เปิดบอลได้ถนัดกว่ามิลเนอร์ด้วย แต่บอลที่เปิดเข้ามาแต่ละทีไม่ได้ลุ้นเลย

กรูยิช - ทำเกม ทำชิ่ง ทำช่อง ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ลงมาส่องอย่างเดียวจริงๆ ซึ่งในแง่นั้นต้องนับถือว่าหาช่องยิงได้ดีทีเดียวในรูปเกมที่คู่ต่อสู้ยืนปักหลักกันเต็มเขตโทษไปหมดแบบนั้น

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...เบน มี…ดีสุดของลิเวอร์พูลต้องเป็นคูตินโย่ที่เล่นได้ดีกว่าเพื่อน แต่ฟอร์ม เบน มี เซนเตอร์ของเบิร์นลี่มันเปล่งปลั่งเจิดจรัสจนไม่พูดถึงไม่ได้จริงๆ
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2559

อาร์เซนอล 3-4 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


เปิดฤดูฯ แบบคล็อปๆ
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-2-3-1

--------------------เฟอมิโน่-----------------
คูตินโย่-----------ลัลลาน่า------------มาเน่
--------ไวนัลดุม------เฮนเดอร์สัน---------
โมเรโน่----คลาวาน----ลอฟเรน-----ไคลน์
--------------------มินโยเล่------------------

_______ เกมนัดเปิดสนาม คล็อปเลือกใช้ทีมและแท็คติคที่ใช้กับนัดอุ่นเครื่องกับบาร์ซ่าเป็นหลัก ชานมีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยไวนัลดุมเลยได้ลงตัวจริงแทน และด้านหลังคลาวานปาดหน้ามาติปได้ลงคู่กับลอฟเรน
-------------------------------------------------------

________ ช่วงต้นเกมอาร์เซนอลครองบอลได้เยอะกว่า เป็นฝ่ายวิ่งไล่บอลก่อน ได้บอลเยอะกว่าแต่ยังเจาะเข้าเขตโทษลำบาก ส่วนลิเวอร์พูลยังไม่เน้นไล่สูง ได้โอกาสเปิดบอลเข้าไปลุ้นในเขตโทษบ้างแต่ยังชาร์จไม่ได้/ไม่ถึง

_______ เกมอาร์เซนอลดูดีขึ้นเรื่อยๆ เน้นเจาะทางโมเรโน่เป็นหลัก นาที 28 โมเรโน่สกัดบอลผิดจังหวะกลายเป็นรวบวัลคอตเสียจุดโทษ วัลคอตรับหน้าที่ยิงเองแต่โดนมินโยเล่เซฟได้

_______ นึกว่าจะรอดเหรอ? เปล๊า? นาที 31 อาร์เซนอลตัดบอลได้กลางสนามในจังหวะที่ลิเวอร์พูลจะเร่งทำเร็ว จ่ายบอลย้อนกลับมาทางวัลคอตซึ่งโมเรโน่ถลำขึ้นหน้าไปแล้วลงไม่ทัน วัลคอตจับแล้วยิงไม่พลาด 1-0

_______ หลังสกอร์ขยับ อาร์เซนอลยังไล่เพรสซิ่งได้ดีต่อเนื่อง บุกจี้ไปที่โมเรโน่ตลอดและได้ผลอยู่ไม่น้อย ลิเวอร์พูลเก็บบอลไม่ค่อยได้ บุกได้บ้างก็ไม่ต่อเนื่อง เกมเป็นรองชัด แต่ยังดูแลเขตโทษตัวเองได้อยู่ ไม่เสียประตูเพิ่ม

_______ เกมครึ่งแรกจะจบอยู่แล้ว แต่ช่วงทดเจ็บนาทีแรก คูตินโย่เรียกฟาล์วได้หน้าเขตโทษ ระยะค่อนข้างไกลแต่คูตินโย่รับหน้าที่ยิงฟรีคิกปั่นเสียบหน้าต่างเสาแรกไปได้อย่างสวยงาม ทำให้จบครึ่งแรกเกมเสมอที่ 1-1

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลเปลี่ยนวิธีการเล่น หันมาวิ่งไล่เร็วตั้งแต่แดนหน้าอย่างเต็มตัว แผงกลาง แผงหลังขยับขึ้นมาบีบพื้นที่ช่วยด้วย อาร์เซนอลปรับเกมไม่ทัน รับมือได้ไม่ดีพอ เสียบอลเร็ว เพียงแค่ 4 นาทีก็พลาด นาที 49 ไวนัลดุมตักบอลเข้าเขตโทษ ลัลลาน่าสอดเข้ามาพักอกและยิงหักข้อเข้าไปได้ให้ทีมแซงนำ 2-1

_______ ลิเวอร์พูลยังเล่นในจังหวะเดิม เก็บบอลได้ ครองเกมได้หมด ก่อนที่นาที 56 จะมาได้ประตูเพิ่ม หลังจากที่ครองบอลอยู่นานร่วม 3-4 นาที จังหวะสุดท้ายเป็นไคลน์เอาบอลกระชากไปเปิดที่เกือบสุดเส้น คูตินโย่วิ่งเข้ามาชาร์จบอลสำเร็จ 3-1

_______ อาร์เซนอลยังหาทางกลับฝั่งไม่ได้ แม้จะพยายามเร่งเกมรุกมากขึ้น โดยเฉพาะเน้นการออกบอลยาวไปทางริมเส้น แต่เก็บบอลสองไม่ค่อยได้ เกมยังไม่ค่อยกระเตื้อง กลับกันทางลิเวอร์พูลยังคงคุมเกมได้หมด บอลสองทั้งเกมรับเกมรุกเก็บได้เรียบ

_______ นาที 63 ได้เวลามาเน่โชว์ ลัลลาน่าเก็บบอลได้กลางสนามแล้วจ่ายขึ้นไปทางริมเส้น มาเน่วิ่งตามไปรับบอลก่อนพากองหลังอาเซนอลทัวร์ (มอนเรอัลรึเปล่าไม่แน่ใจ) ไปถึงเกือบสุดเส้น ก่อนหักเข้ากลางหนีตัวซ้อนแล้วยิงเสียบเสาสองไปได้อย่างเมพ 4-1

_______ ขณะที่แฟนบอลทางบ้านกำลังเต้นแร้งเต้นกาอยู่นั้น นาทีถัดมา แชมเบอร์เลนได้บอลทางริมเส้นซ้าย แหวกผ่านไคลน์และตัวซ้อนเข้ามาได้ดื้อๆ ก่อนยิงไปแฉลบลอฟเรนที่พยายามบล็อค มินโยเล่พลอยดักบอลผิดจังหวะไปด้วย อาร์เซนอลตามมาได้ 4-2

_______ พอได้ประตูตีตื้นเร็วคราวนี้ลิเวอร์พูลงานเข้า อาร์เซนอลโหมเกมรุกได้อย่างต่อเนื่อง กล้าดันสูง เน้นขึ้นบอลทางริมเส้นสองฝั่งโดยเฉพาะทางไคลน์ นาที 69 ชานได้ลงแทนคูตินโย่ที่มีอาการเจ็บ ลิเวอร์พูลทำเกมโต้ได้น้อยลง และในที่สุดก็เสียประตูเพิ่มจนได้ในนาที 75 จากลูกฟรีคิกที่โยนโด่งลึกเข้ามาถึงหน้าเส้น 6 หลา แชมเบอร์โหม่งเช็ดเข้าไปได้ 4-3

_______ โอริกิได้ลงมาแทนลัลลาน่าทันที อาร์เซนอลเปิดหน้าบุกใส่แต่ลิเวอร์พูลโต้กลับไม่น่ากลัวแล้ว เกมรับแค่พอไม่ให้คู่ต่อสู้ยิงได้ แต่ยังห่างจากคำว่าเหนียวแน่นเพราะคู่ต่อสู้เอาบอลลงได้บ้าง (แต่ยังหันหลังให้ประตูอยู่), บอลเฉียดหัวตัวรุกแบบไม่มีคนประกบบ้าง, ฯลฯ นาที 88 สจ๊วตได้ลงแทนไวนาดุม ท้ายๆ เกมนี่บอลมาทางไหน สาดกลับไปทางนั้นตลอด แต่สุดท้ายก็เอาตัวรอดมาจนได้ จบเกมที่สกอร์ 4-3
-----------------------------------------

_______ เป็นเกมสไตล์คล็อปอย่างแท้จริง เล่นมันส์ เกมบุกเร้าใจ วิ่งใส่ได้เมื่อไหร่ได้เรื่อง หยุดวิ่งเมื่อไหร่ก็ได้(อีก)เรื่องเช่นกัน

_______ นัดนี้ทั้งสองทีมเล่นคล้ายๆ กันนะ คล้ายแทคติคยังใช้ false9 เหมือนกันเลย ครึ่งแรกอาร์เซนอลไล่บอลก่อนแล้วได้เปรียบแต่ได้ประตูเดียว ครึ่งหลังลิเวอร์พูลไล่บอลก่อนแล้วได้มาสามประตูรวด ถ้าเกมรับมีสมาธิกว่านี้ควรจะเป็นเกมง่ายแล้วแท้ๆ

_______ ในส่วนลิเวอร์พูลเอง แบ็คซ้ายนี่ไม่ต้องสืบละครับ งามไส้มาก ไม่ใช่ว่าแย่เพราะทำเสียจุดโทษนะ ลูกจุดโทษควรโทษลัลลาน่า(หรือไวนัลดุม)มากกว่าโมเรโน่อีกมั้ง แต่ฟอร์มโดยรวมโดยเฉพาะครึ่งแรกของโมเรโน่นี่ทำให้สงสัยเป็นรอบที่ร้อยว่าทำไมทีมไม่ซื้อแบ็คซ้ายสักที

_______ นอกจากแบ็คซ้ายก็มีเรื่องกองกลางสามคน เฮนโด้ ไวนัลดุม ลัลลาน่า ครึ่งแรกมีปัญหาเยอะมาก เชื่อมบอลไม่ดี แถมหน้าเขตโทษตัวเองก็รั่วมาก ครึ่งหลังเล่นดีขึ้นมาก็เพราะแทคติคที่หันไปวิ่งไล่สูงมากกว่า ตรงนี้อาจจะต้องหาสมดุลกันอีกนิดนึง

-----------------------------------------

นัดนี้เล่นดีเป็นพักๆ

มินโยเล่ - เซฟลูกโทษได้ ออกมาตัดบอลเหวอหนักอยู่แต่ดีว่ายังไม่ถึงขั้นวืดหรือชกไปให้ใครเค้าซ้ำ ปิดมุมดีปฏิกิริยาแย่ แต่ก็นั่นแหล่ะ เซฟลูกโทษได้ เซฟลูกโทษได้ เซฟลูกโทษได้ ไมอ่ะ 555+

โมเรโน่ - %$#@*&^

คลาวาน - ยืนฝั่งซ้าย กลางอากาศไว้ใจได้ ดักบอลได้ดี (มีเท่มากอยู่จังหวะนึงในครึ่งหลังที่อเล็กซิสจะควบไปเอาบอลจะได้โต้ถึงประตู แต่โดนพี่แกดักนิ่งเก็บบอลได้ด้วย) ส่วนเรื่องประกบกับดักตัววิ่งสอดยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ รอดูอีกแปป

ลอฟเรน - วันนี้ประกบดี ดักบอลก่อนถึงกองหน้าดี แต่ซ้อนเพื่อนช้าอยู่นะ ทั้งด้านข้าง ทั้งด้านหน้าเขตโทษเลย

ไคลน์ -  เล่นเกมรุกดุขึ้น ไปถึงสุดเส้นบ่อยขึ้น วันนี้มีแอสซิสด้วย เกมรับมีปัญหากับพวกบ้าเลี้ยงอยู่ไม่น้อย เคยคุมพื้นที่ได้ดีกว่านี้

ไวนัลดุม - ครึ่งแรกเล่นไม่ดีเลย ครึ่งหลังเก็บบอลสองได้ดีขึ้น มีดีที่ขยับขึ้นมาช่วยเกมรุกได้ดีหลายครั้ง ส่วนเกมรับต้องพัฒนากว่านี้อีกมากถ้าจะยืนตำแหน่งนี้

เฮนเดอร์สัน - ไม่วูบวาบเหมือนมาเน่ ไม่เท่เหมือนคูตินโย่ แต่มีส่วนร่วมกับทีมเยอะนะ ครึ่งแรกที่ทีมเล่นไม่ดีเฮนโด้ช่วยประคองไว้ได้พอควร ครึ่งหลังที่ทีมรุกใส่ เฮนโด้ก็มีบอลยาวไปที่ว่างให้เห็นอยู่บ้าง แต่ก็นั่นแหล่ะ ทีเด็ดทีขาดอะไรอย่าไปถามถึงพี่กัปตันเค้า

คูตินโย่ - ครึ่งแรกต้องลงมาช่วยเชื่อมเกมเยอะ ไม่ค่อยได้บอลในตำแหน่งที่ใกล้เขตโทษคู่ต่อสู้ แต่ยิงฟรีคิกได้ดี พอครึ่งหลังได้บอลใกล้เขตโทษขึ้นก็ผ่านบอลได้น่ากลัวดี ทำประตูได้ด้วย ถ้าอยู่ในสนามได้ครบ 90 นาที อาร์เซนอลไม่น่าโหมรุกได้ราบรื่นขนาดนั้นแน่

ลัลลาน่า - ครึ่งแรกเงอะงะไปหมด บอลแรกที่เคยดีก็ไม่ดี หาที่รับบอลไม่ได้ เกมรับก็ช่วยได้น้อยกว่าที่เคย ครึ่งหลังดูดีขึ้นบ้าง ไม่ถึงกับหน้ามือเป็นหลังมือแต่มีดีตรงลูกเด็ดขาด ยิง 1 จ่าย 1 เลยนะ

เฟอมิโน่ - ครึ่งแรกหาบอลแทบไม่เจอ ครึ่งหลังพอทีมได้บอลในตำแหน่งที่ดีขึ้นเฟอมิโน่ประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมได้น่ากลัวมาก ข้อด้อยอย่างเดียวในวันนี้คือจังหวะยิงไม่เด็ดขาดเท่านั้นเอง

มาเน่ - มั่นใจในตัวเองมาก...ไปนิด ถ้าออกบอลง่ายกว่านี้หน่อยจะสมบูรณ์แบบมาก แต่เท่าที่เล่นมาก็ถือว่าดีมากๆ อยู่แล้วนะ เร็วและไปกับบอลได้ดี พลิกบอลขึ้นหน้าเรียกฟาล์วได้หลายครั้ง

ตัวสำรอง

ชาน - ลงมาช่วยทำให้หน้าเขตโทษดูแน่นขึ้น ไม่กลัวโดนคู่ต่อสู้ไล่ บังบอลดี

โอริกิ - ลงมาเก็บบอลโด่งได้บ้าง หาที่รับบอลกับหาจังหวะยิงไม่ได้เรื่องเท่าไหร่ แต่เล่นฉลาดช่วยฆ่าเวลาช่วงท้ายเกมไปได้เยอะเลยทีเดียว

สจ๊วต - หวดตู้ม หวดตู้ม เชิงแชงอะไรไม่มีแล้ว หวดทิ้งไว้ก่อน

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ฟิลิปเป้ คูตินโย่…มาเน่วูบวาบดี เฮนโด้คงเส้นคงวาดี แต่คูตี้มีความเด็ดขาดที่ช่วยให้ทีมชนะได้จริงๆ
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.