วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2557

ลิเวอร์พูล 4-0 เอฟเวอร์ตัน (พรีเมียร์ลีค)


...วิ่งสู่ฝัน...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-3

------สเตอริดจ์---------ซัวเรส--------สเตอริ่ง---------
---------------คูตินโย่----------เฮนเดอร์สัน------------
------------------------เจอราร์ด------------------------
ซิสโซโก้--------ตูเร่----------สเคอเทล----ฟลานาแกน
------------------------มินโยเล่------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเปิดบ้านเล่นเมอร์ซี่ไซด์ดาร์บี้แมทช์กับเอฟเวอร์ตัน นัดนี้ร็อดเจอร์ปรับแค่ 2 ตำแหน่งจากนัดก่อนคือสเตอริ่งกับฟลานาแกนได้ลงแทนโมเสสกับเคลลี่ นอกนั้นยังใช้ชุดเดิมเ่ล่นด้วยแทคติคคล้ายเดิม เปลี่ยนแค่รายละเีอียดเล็กน้อยคือให้ซัวเรสกับสเตอริดจ์สลับตำแหน่งกันเป็นระยะ
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมทั้งสองฝ่ายก็เล่นกันด้วยสไตล์ดาร์บี้แมทช์ที่คุ้นตาคือเปิดเกมเร็ว วิ่งเข้าใส่กันทั้งคู่ เข้าทำเร็วโดยไม่ครองบอลกันนานนัก รูปเกมค่อนข้างสูสีทางฝั่งเอฟเวอร์ตันแดนกลางดูจะทำได้ดีกว่าเล็กน้อยใน เรื่องการเข้าบอลเร็วและครองบอลได้มากกว่านิดหน่อย ส่วนทางฝั่งลิเวอร์พูลเน้นขึ้นเกมทางริมเส้นสองฝั่งและยังพาบอลไปถึงแดนหน้า ได้ตลอด

_______ เอฟเวอร์ตันแม้จะครองบอลมากกว่าแต่หาจังหวะยิงได้น้อย สวนทางกับลิเวอร์พูลที่เน้นยิงทันทีเมื่อมีช่องไม่ต่อบอลกันหลายจังหวะใน พื้นที่หน้าเขตโทษ และคู่กองหน้าเก็บบอล-เล่นต่อได้ดีมาก ทำให้มีโอกาสได้ยิงและยิงแบบได้ลุ้นมากกว่าเยอะ

_______ นาที 21 ลิเวอร์พูลขึ้นนำได้สำเร็จจากลูกเตะมุม ซัวเรสรับหน้าที่เปิดมาทางเสาแรก เจอราร์ดขึ้นถึงบอลก่อนโหม่งเข้าไปได้สำเร็จ 1-0 จังหวะเดียวกันนี้ลูกากูปะทะกับเพื่อนร่วมทีมถึงขั้นเจ็บจนต้องเปลี่ยนออก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นความหายนะของเอฟเวอร์ตันด้วย

_______ เกมโดยรวมยังคล้ายเดิมคือเอฟเวอร์ตันได้ครองบอลมากกว่าเล็กน้อยแต่เจาะไม่ เข้า ลิเวอร์พูลทำเกมเร็วกดดันได้ดีต่อเนื่อง อีกทั้งวันนี้แดนหน้าและแดนกลางยังไล่บอลกันได้ยอดเยี่ยม ดักตัดบอลกลางสนามทั้งจากการแซะและดักบอลจ่ายได้มาก ในที่สุดก็นำห่างได้สำเร็จในนาที 33 จากจังหวะที่สเตอริ่งวิ่งตัดบอลได้ทางริมเส้น จ่ายให้คูตินโย่ ก่อนที่คูตินโย่จะจ่ายทะลุให้สเตอริดจ์หลุดเข้าไปยิงในเขตโทษไม่พลาด 2-0 เท่าันั้นยังไม่พอ นาที 35 ตูเร่วางยาวจากแดนหลังรวดเดียวให้สเตอริดจ์หลุด โฮเวิร์ดออกมาปิดมุมได้เร็วแล้วแต่สเตอริดจ์ทำดีกว่าด้วยการกระดกบอลเร็ว ข้ามหัวโฮเวิร์ดจากแถวหน้าเขตโทษเข้าไปได้ 3-0 เวลาที่เหลืออยู่เอฟเวอร์ตันยังคงเร่งไม่ขึ้นและจบครึ่งแรกที่สกอร์ดังกล่าว

_______ เข้าครึ่งหลัง เอฟเวอร์ตันลงมาแบบดุดัน เร่งเกมรุกได้ดีพับสนามบุกอยู่ฝ่ายเดียวราวๆ 5 นาทีเต็ม ทำท่าว่าจะหาทางกลับมาได้แต่มาพลาดเองจนเสียประตูเพิ่ม นาที 50 ซัวเรสดักบอลที่แดนหน้าของเอฟเวอร์ตันจ่ายกลับมากลางสนามได้ก่อนจะลากไปเอง จากครึ่งสนามถึงในเขตโทษ กองหลังเอฟเวอร์ตันไล่ไม่ทันและไม่กล้าทำฟาล์ว ซึ่งซัวเรสก็จบสกอร์ไม่พลาด 4-0

_______ พอโดนเข้าไปอีกประตู เกมรุกที่เร่งมาได้ดีของเอฟเวอร์ตันก็ดูแผ่วลงไปอย่างเห็นได้ชัด แม้จะครองบอลได้มากกว่าแต่จังหวะกดดันแนวรับมีน้อยมาก แถมลิเวอร์พูลยังโต้ได้ดีพาบอลถึงหน้าเขตโทษได้เรื่อยๆ นาที 54 สเตอริ่งหลุดเดี่ยวไปโดนโฮเวิร์ดรวบในเขตโทษแต่สเตอริดจ์ยิงจุดโทษพลาด สกอร์เลยยังอยู่ที่ 4-0 จากนั้นราวๆ 10 นาที คูตินโย่ก็จ่ายทะลุให้สเตอริดจ์หลุดเข้าไปอีกครั้งแต่หาจังหวะยิงไม่ได้ แถมไม่ยอมส่งคืนให้คูตินโย่ที่อยู่ใกล้ๆ แบบไม่มีคนประกบชวดได้ประตูที่ 5 ไปอีกครั้ง

_______ นาที 71 โมเสสได้ลงแทนสเตอริดจ์โดยเล่นทางซ้าย ซัวเรสกลับไปยืนเป็นหน้าเป้า นาที 73 เคลลี่ก็ได้ลงแทนฟลานาแกน ถึงตรงนี้ทั้งสองฝ่ายเริ่มหมดแรงวิ่ง ทางเอฟเวอร์ตันไล่บอลแดนกลางน้อยและช้าลง ทางลิเวอร์พูลเองก็ถอยกันรับต่ำมากขึ้นและไล่แดนกลางรวมไปถึงขยับเติมขึ้น เล่นเกมรุกน้อยลงเช่นกัน นาที 79 อัลแบร์โต้ได้ลงแทนคูตินโย่ ถึงตรงนี้เกมก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน จะมีก็แต่ลิเวอร์พูลที่เสียบอลในแดนหน้าเร็วขึ้นและหาโอกาสยิงได้น้อยลง แต่สำหรับเกมรับและการพาบอลขึ้นหน้ายังไม่มีปัญหา ทำให้สามารถปิดเกมได้สบาย จบเกมด้วยสกอร์ 4-0
-----------------------------------------

_______ เกมจบเร็วตั้งแต่นาที 35 นับเป็นเกมที่ได้ลุ้นน้อยสุดในรอบหลายนัดหลังเลยทีเดียว...ลุ้นน้อยลักษณะนี้คนดูแฮปปี้มากครับ

_______ 11 ตัวจริงเปลี่ยนแค่สองตำแหน่ง เป็นทีมที่ดีที่สุดที่ลงเล่นได้อยู่แล้ว แต่ที่น่าสนใจคือแทคติคการเล่น นัดนี้ลิเวอร์พูลช่วยกันเล่นเกมรับได้ดีทั้งทีม ซึ่งมันไม่ใช่แค่ขยันวิ่งไล่เท่านั้นแต่ยังเป็นการวิ่งไล่ที่เป็นประโยชน์ และมีประสิทธิภาพมาก วิ่งเยอะก็จริงแต่ไม่สะเปสะปะจนหลุดตำแหน่ง เข้าบอลกันได้ละเอียดไม่พรวดพราด อีกทั้งผู้เล่นที่ไม่ค่อยช่วยเกมรับ(หรือพูดให้ตรงกว่านั้นคือช่วยแล้วแต่หา ประโยชน์ได้น้อย) อย่างสเตอริ่ง,คูตินโย่,สเตอริดจ์ (ไม่นับซัวเรสเพราะรายนั้นไล่บอลดีอยู่แล้ว) วันนี้ไล่บอลได้ดีมาก กดดันได้จริง ถึงขั้นตัดบอลหรือดักบอลได้ก็บ่อยมาก ซึ่งการเข้าไล่บอลของทีมเป็นสาเหตุหลักเลยที่ทำให้รูปเกมออกมาเป็นแบบที่เห็น

_______ สาเหตุรองลงมาก็เห็นจะเป็นประสิทธิภาพในการเข้าทำและจบสกอร์ การเข้าทำของลิเวอร์พูลวันนี้ดีมากครับ จังหวะที่ได้ประตูทั้ง 4 ลูกนี่เป็นการหลุดไปยิงทั้งนั้น ไม่มีกองหลังขวางอยู่ข้างหน้าเลย แถมจังหวะที่ไม่ได้ประตูแต่หลุดเข้าไปได้ยิงในเขตโทษก็มีอีกพอสมควร ส่วนการจบสกอร์ คู่กองหน้าของลิเวอร์พูลก็เด็ดขาดมากแทบไม่พลาดเลย(เริ่มพลาดก็หลังจาก 4 ลูกไปแล้ว) ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเมอร์ซี่ไซด์ดาร์บี้ที่ยิงได้ถึง 4-0 แล้วแต่ถ้าดูจากโอกาสในเกมยังต้องบอกว่าได้น้อยไปด้วยซ้ำ

_______ ถ้าจะมีอะไรขัดใจอยู่บ้างก็คงเป็นเรื่องเกมขาดแล้วฝืนเล่นยากนี่ละครับ สเตอริดจ์นี่จากที่เป็นอนาคินในช่วงก่อน 4-0 พอหลังจากนั้นก็กลายร่างเป็นดาร์คเวเดอร์ไปเรียบร้อย ส่วนคนอื่นๆ ก็มีให้เห็นประปราย ซึ่งรวมๆ แล้วถึงจะดูน่าขัดใจบ้างแต่ก็แค่นั้น ดูไม่ใช่ปัญหาใหญ่มากนัก ถ้าเล่นแบบนี้ตอนนำแค่ 1-0 นี่อีกเรื่อง

_______ มองทางฝั่งเอฟเวอร์ตัน วันนี้อาการบาดเจ็บของผู้เล่นทำร้ายพวกเขามากครับ สโตนที่เป็นตัวจริงแทนดิสแตงมองแบบเข้าข้างที่สุดแล้วก็ยังต้องบอกว่าแย่ หลุดตำแหน่งบ่อยครั้ง อ่านเกมก็ไม่ดี อาวุธหลักในเกมรุกอย่างลูกากูก็เจ็บตั้งแต่นาที 21 ซึ่งเนย์สมิทที่ลงมามีประโยชน์อย่างเดียวคือทำให้เอฟเวอร์ตันไม่ต้องเล่น 10 คน นอกจากเรื่องอาการบาดเจ็บแล้ว ตัวสำรองของพวกเขายังทำเกลือทำยาอะไรไม่ได้ ทั้ง 3 คนที่ลงมาไม่ช่วยทำให้อะไรดีแถมทำให้มันแย่หนักเข้าไปอีก จบเกมโดนไปแค่ 4 ลูกนี่ต้องถือว่าโชคดีแล้ว

_______ เกมนี้เป็นเกมที่ลิเวอร์พูลเล่นดีกันทั้งทีม แทคติคก็ไม่ผิดพลาด ปัญหาที่เห็นในสนามแทบไม่มีเลย...แต่ปัญหาที่ "ไม่เห็น" นี่หนักหนามากครับ ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องอะไร ลองอ่านย่อหน้าข้างบนโดยเปลี่ยนชื่อซาม่าแทนสโตน, สเคอเทลแทนดิสแตง, ซัวเรสแทนลูกากู, อัสปาสแทนเนย์สมิท รวมถึงไล่ชื่อตัวสำรองของทีมในวันนี้ดู...

_______ ...น่าหนักใจมั้ยละครับ?
-------------------------------

นัดนี้เล่นได้ดีมาก

มินโยเล่ - การยืนตำแหน่งทำได้ดี ลูกยากๆ ไม่ค่อยมีให้เซฟ ลูกง่ายๆ ก็จัดการได้หมด เตะเปิดเกมได้ตามมาตรฐานของตัวเองคือไม่ค่อยดีนัก แต่สิ่งที่อยากจะตะโกนบอกเจ้่าตัวคือ ออก มา จาก เส้น บ้าง เถอะ ... หลายลูกที่ควรออกเพราะเป็นบอลทะลักลึกแล้ว กองหลังก็บังให้แล้ว ไม่ออกมาเล่นเลย

ซิสโซโก้ - เล่นเกมรับได้ค่อนข้างดี ที่ประทับใจมากคือไม่เอาแต่ยืนดู (แบ็คลิเวอร์พูลหลังๆ มานี่ชอบยืนดูไม่เข้าบอล) แต่เข้าปะทะทันทีถ้าทำได้ ปิดทางลูกโยนเข้ากลางใช้ได้ ด้อยอยู่สักหน่อยก็เรื่องเก็บบอลที่เก็บไม่ค่อยได้ สาดทิ้งเยอะ แล้วก็การเชื่อมเกมที่ร่ำๆ จะพาเพื่อนไปหาพยาบาลเป็นระยะ

ตูเร่ - เล่นลูกกลางอากาศได้ดี (อาจเป็นอีกเรื่องถ้าต้องเจอลูกากูนานกว่านี้) เข้าสกัดและบล็อคลูกยิงได้ดีมาก เคลียร์บอลเด็ดขาดดี แถมวันนี้มีทีเด็ดกับการวางยาวแอสซิสให้สเตอริดจ์ด้วย

สเคอเทล - เป็นนัดที่เล่นได้ดีมาก สกัดได้เด็ดขาดทั้งการเข้าปะทะและทิ้งตัวตัดบอล บล็อคลูกยิงก็ทำได้ดีไม่แพ้ตูเร่ เป็นแนวรับที่เล่นได้ดีที่สุดในวันนี้

ฟลานาแกน - เกมรับทำได้ค่อนข้างดี อ่านเกมได้ดีขึ้น ทั้งการวิ่งเข้าไปดักบอล, การวิ่งไปหาคู่ต่อสู้ที่กำลังจะได้บอลได้เร็ว ลูกเขี้ยวลูกเก๋าเริ่มมีให้เห็นลางๆ แต่การปิดบอลเปิดเข้ากลางหลวมกว่าซิสโซโก้เล็กน้อย มีปัญหากับการปั้มบอลที่พลาดบ่อย และยังคงมีปัญหามากกับการเชื่อมเกม รวมไปถึงการ "พยายาม" จะเล่นเกมรุกที่พลาดทั้งในแง่จังหวะที่ควรเล่น, ประสิทธิภาพในการเล่น

เจอราร์ด - วันนี้แทบไม่มีส่วนในการวางบอลยาว ทำดีในเรื่องการเก็บบอลเล่นเปลี่ยนรับเป็นรุก ในเกมรับเข้าบอลได้หนักหน่วง จังหวะทิ้งตัวสกัดถือว่าเยี่ยมมาก อ่านเกมได้ดีดักตัดบอลได้บ่อย เรียกว่าเกมรับเล่นได้ดีทุกจังหวะ...ที่วิ่งทัน

เฮนเดอร์สัน - เป็นวันที่เชื่อมเกมได้เด่นมาก บอลไปข้างหน้าได้เร็วและบ่อย พลิกบอลขึ้นหน้าก็ไม่เลว การวิ่งไล่บอลในเกมรับทำได้ดี ทั้งเร็วและครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างมาก ไม่ได้เล่นแค่แถววงกลมกลางสนาม

คูตินโย่ - เล่นไปตามจังหวะได้ดีขึ้น เชื่อมเกมไปเรื่อยแต่มีจังหวะก็พร้อมจะจ่ายทะลุให้เพื่อนได้ นอกจากวันนี้จะแอสซิสได้แล้วยังมีอีกหลายครั้งที่จ่ายได้ดีมากๆ แต่เพื่อนจบสกอร์พลาด สิ่งที่เขาทำได้ดีกว่าอัลแบร์โต้แบบไม่ต้องเทียบกันคือการพาบอลไปกับตัวที่ ทำให้เจ้าตัวสามารถจ่ายบอลได้ในจังหวะที่ง่ายขึ้น ฟอร์มใกล้กลับไปเหมือนปลายฤดูก่อนซึ่งเป็นช่วงที่เล่นได้สุดยอดแล้ว แถมยังเพิ่มการวิ่งไล่บอลที่อยากให้ทำได้แบบนี้ทุกนัดจริงๆ

สเตอริ่ง - ช่วยไล่บอลได้ดี ตัดบอลได้บ่อยผิดหูผิดตา ใช้ความเร็วเล่นงานคู่ต่อสู้ได้ เีรียนวิชาเรียกจุดโทษจากซัวเรสมาเยอะพอสมควรแล้ว...จะดีกว่านี้ถ้าเรียน วิธียิงกับวิธีจ่ายบอลเข้าทำของซัวเรสมาด้วย

สเตอริดจ์ - ครึ่งแรกเล่นได้สุดยอดมาก เก็บบอลและ ผ่านบอลได้ดี จบสกอร์ไม่มีที่ติ ถ้าวัดกันแค่ครึ่งแรกต้องได้ MOM แบบไม่มีใครคิดเป็นอย่างอื่น แต่ครึ่งหลังโดยเล่นฝืนจะเอาแฮททริคจนพัง โดยเฉพาะจังหวะก่อนโดนเปลี่ยนตัวออกที่ฝืนแบบน่าให้ซัวเรสกัดคอ แถมวันนี้ยิงจุดโทษพลาดอีกต่างหาก

ซัวเรส - มีส่วนร่วมกับเกมน้อยกว่าที่ผ่านมาแต่นั่นก็ยังถือว่ามากเป็นอันดับต้นๆ ของทีมอยู่ดี พาบอลไปกับตัวและจ่ายบอลได้ดี จบสกอร์ก็ไม่พลาด ขยันไล่บอลและวิ่งทำทางอยู่ตลอดเวลา เปิดเตะมุมให้ทีมได้ลูกแรกอีกต่างหาก

ตัวสำรอง 

โมเสส - มูรินโย่คิดถูกแล้วครับ

เคลลี่ - เล่นได้ดีขึ้นกว่านัดก่อน

อัลแบร์โต้ - ออกบอลได้เร็วขึ้น ผ่านบอลได้แม่นยำมาก เชื่อมเกมได้ไม่แพ้คูตินโย่

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ :
...แบรนดอน ร็อดเจอร์... การวิ่งไล่บอลของทีมในวันนี้มันไม่ใช่แค่การบอกผู้เล่นว่า "วิ่งไล่เยอะๆ นะ" แน่นอน มันมีวิธีการและเห็นชัดว่าผ่านการซ้อมมาดีเพราะไม่มีการหลุดตำแหน่ง รวมไปถึงการใช้วิธีไหนไม่รู้ที่ทำให้ผู้เล่นอย่างคูตินโย่, สเตอริ่ง, สเตอริดจ์ วิ่งไล่ได้มีประสิทธิภาพมากขนาดนี้
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันเสาร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2557

บอร์นมัท 0 - 2 ลิเวอร์พูล (เอฟเอคัพ)


...ยิงไม่ได้แต่จ่ายคมนะฮ้าฟ ...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-3

---------โมเสส---------ซัวเรส-------สเตอริดจ์---------
---------------คูตินโย่----------เฮนเดอร์สัน------------
------------------------เจอราร์ด------------------------
ซิสโซโก้--------ตูเร่----------สเคอเทล-----------เคลลี่
-------------------------โจนส์--------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเล่นเกมเอฟเอคัพรอบสี่ออกไปเยือนทีมระดับแชมเปี้ยนชิพอย่าง บอร์นมัท ร็อดเจอร์ปรับทีมไม่มากนัก(เพราะไม่ค่อยมีตัวจะให้ปรับ) มีโจนส์,โมเสสและเคลลี่ลงตัวจริง นอกนั้นยังเป็นชุดเดิม
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมเป็นทางฝั่งเจ้าบ้านที่เร่งเครื่องลุยใส่ได้ดีตั้งแต่ต้น เข้าบอลเร็ว เน้นการขึ้นบอลเจาะทางฝั่งเคลลี่ ได้โอกาสลุ้นประตูติดๆ กันหลายครั้ง ส่วนลิเวอร์พูลดูมีปัญหากับสภาพสนามไม่น้อย วิ่งไปลื่นไปกันหลายคน แถมตั้งเกมกันไม่ค่อยได้ บอลไปไม่ค่อยถึงแดนหน้าและครองบอลได้ไม่นาน ต้องอาศัยบอลเร็ววางยาวฉาบฉวยให้กองหน้าในการทำเกมซึ่งยังไม่ได้ผลนัก รวมไปถึงแนวรับบอร์นมัทดักล้ำหน้าได้ดีด้วย

_______ แม้รูปเกมจะเป็นฝั่งบอร์นมัทที่ ทำไ้ด้ดีกว่า แต่จังหวะเข้าทำของพวกเขาไม่ดีเอามากๆ ยิงนกตายรัวๆ ไม่ว่าจะเกมเปิดหรือลูกตั้งเตะ สุดท้ายกลายเป็นลิเวอร์พูลที่กลับเป็นฝ่ายขึ้นนำก่อนในนาที 26 จากจังหวะทำเร็วซัวเรสได้บอลทางฝั่งขวาใกล้เขตโทษเปิดบอลข้ามมาทางฝั่งซ้าย โมเสสจับบอลหนึ่งจังหวะก่อนยิงเรียดจากเส้นเขตโทษเข้าเสาหนึ่งสำเร็จ 1-0

_______ สกอร์เปลี่ยนแต่รูปเกมยังไม่เปลี่ยน บอร์นมัทยังคงครองบอลเยอะกว่าและไปฝ่ายบุกเข้าใส่ แต่มาตายจังหวะเข้าทำ ส่วนลิเวอร์พูลไม่ค่อยได้ครองบอลหรือตั้งเกมนักแต่ก็อาศัยลูกฉาบฉวยโดยเฉพาะ การให้บอลเข้าทำของซัวเรสที่เปิดโอกาสให้เพื่อนได้ยิงพอสมควรแต่ยังทำอะไร เพิ่มไม่ได้ สกอร์ยังอยู่ที่ 1-0

_______ เข้า 5 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก บอร์นมัทเริ่มหมดมุขและเข้าบอลกันได้ช้าลง ส่วนลิเวอร์พูลเองก็เริ่มเล่นช้าลงเน้นความแน่นอนมากขึ้น เป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่าแต่ยังไม่ได้เน้นเกมรุกอะไรเท่าไหร่นักและจบครึ่ง แรกด้วยสกอร์ดังกล่าว

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลกลับลงมาเล่นคล้ายท้ายครึ่งแรกคือเน้นครองบอลมากขึ้น ที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยคือแดนกลางเข้าบอลได้เร็วขึ้นทำให้ครองบอลได้มากกว่า ครึ่งแรก รวมไปถึงคาดว่าจะเปลี่ยนรองเท้าแล้วเพราะครึ่งหลังทั้งครึ่งไม่เห็นใครลื่น อีก ส่วนทางบอร์นมัทยังคงตะบี้ตะบันเจาะทางเคลลี่เป็นหลักต่อไป

_______ ลิเวอร์พูลหยุดเกมรุกของบอร์นมัทได้ดีกว่าในครึ่งแรก ตัดบอลกลางสนามได้มากขึ้นและบอร์นมัทแม้จะยังพอหาโอกาสเปิดบอลเข้าทำได้อยู่ แต่ก็น้อยกว่าครึ่งแรกอย่างเห็นได้ชัด บ่อ...เอ้ย...เป้าหลักในการถูกโจมตีอย่างเคลลี่ก็มีเพื่อนสลับหน้ากันลงไป ช่วยอยู่ตลอด ส่วนในเกมรุกก็เริ่มตั้งเกมพาบอลถึงหน้าเขตโทษได้มากขึ้น ในที่สุดนาที 60 ก็มาได้ประตูหนีห่าง จากจังหวะที่คูตินโย่ฝากบอลให้ซัวเรสแล้วเจ้าตัวจ่ายทะลุช่องให้สเตอริดจ์ ที่วิ่งทำทางขึ้นไปได้หลุดเข้าไปยิงในเขตโทษ 2-0

_______ หลังสกอร์ห่าง จังหวะการเล่นของผู้เล่นลิเวอร์พูลดูผ่อนคลายขึ้นและมั่นใจมากขึ้น แม้จะเล่นไปตามจังหวะเป็นส่วนใหญ่แต่เกมรุกดูเป็นชิ้นเป็นอันกว่าบอร์นมัท ที่เปิดหรือยิงจังหวะสุดท้ายแบบเน้นโชคไม่เน้นฝีมือ นาที 73 ทั้งสองทีมเปลี่ยนตัว สำหรับลิเวอร์พูลฟลานาแกนได้ลงแทนเคลลี่ส่วนบอร์นมัทที่เปลี่ยน 2 ตัว เน้นเกมรุกเต็มที่ หันไปเจาะทางซิสโซโก้มากขึ้น แต่ผลลัพธ์ยังไม่ได้มีอะไรกระเตื้อง

_______ ถึงตรงนี้ก็บันเทิงแ้ล้วครับ บอร์นมัทเปิดพื้นที่ด้านหลังไว้เยอะ ลิเวอร์พูลก็เล่นง่ายมั่นใจ โชว์ลูกยาก แบ็คสองข้างกับเจอราร์ดนี่เติมกันขึ้นมาเล่นเกมรุกกันเพลิน นาที 84 โมเสสกับคูตินโย่ถูกถอดออกแล้วก็เป็นอัลแบร์โต้กับสเตอริ่งได้ลงมาแทนซึ่ง ไม่ได้เปลี่ยนแปลงรูปเกมอะไร ลิเวอร์พูลยังควบคุมเกมไว้ได้ เล่นไม่ตามจังหวะไม่ได้เร่งไม่ได้เน้นอะไรมากแต่ก็มีโอกาสลุ้นประตูบ้าง ประปรายซึ่งยังเป็นชิ้นเป็นอันกว่าบอร์นมัทที่พยายามเร่งเกมรุกแต่จบด้วยการ ฆ่าล้างเผ่าพันธ์นกอย่างทารุณ จบเกมที่สกอร์ 2-0
-----------------------------------------
_______ 30 นาทีแรกนี่ได้ลุ้นเยอะครับ...ในอีกความหมายนึงนะ ส่วน 1 ชั่วโมงหลังนี่ก็เป็นอย่างที่ควรจะเป็นแล้ว

_______ 11 ตัวจริงมีเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ก่อนเกมเริ่มยังคิดว่าอัลแบร์โต้กับอัสปาสจะได้เป็นตัวจริง แต่ถึงไม่ได้ลงก็ไม่ได้ผิดคาดมากนักเพราะลิเวอร์พูลชุดนี้ถ้าถอดทั้งคูติ นโย่ทั้งซัวเรสมีหวังชักเหมือนกันครับ (คาดมียังเกือบชักเลย) ส่วนทางด้านแทคติคการเล่นก็ปรับเล็กน้อยเอาคูตินโย่เล่นตรงกลางเต็มตัว ไม่ต้องไปรับบอลริมเส้นแล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่โมเสสไป

_______ เกมนี้น่าเสียดาย(สำหรับบอร์นมัท)ครับ ครึ่งชั่วโมงแรกเขาเล่นได้ดีกว่า โอกาสก็มากกว่าแต่จบกันไม่ได้เอง อีกครึ่งชั่วโมงถัดมาก็ยังดูสูสีอยู่ มีเพียงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายคือหลังจากโดนลูก 2-0 ไปแล้วนั่นละครับที่พวกเขาไม่อยู่ในสภาพจะสู้แล้ว แถมในภาพรวมผู้เล่นของเขาก็ดูจะมุ่งมั่นกว่าด้วยซ้ำ...แต่ฟุตบอลตัดสินกันที่ประตูครับ

_______ สิ่งที่ตัดสินเกมนี้มีอยู่อย่างเดียวเลยคือคุณภาพในการจบสกอร์ ลูกแรกโมเสสดูยิงแป็กๆ ไงไม่รู้ล่ะ แต่เขาก็คุมบอลให้ตรงกรอบและพ้นตัวบล็อคได้ ลูกที่สองสเตอริดจ์ก็ยิงลูกที่ควรต้องยิงได้ไม่พลาด กลับกันทางฝั่งบอร์นมัทจังหวะที่แนวรับลิเวอร์พูลพลาดให้/พวกเขาเปิดแม่น มันก็มีครับ ไม่น้อยเลยล่ะ แต่ยิงอย่างกับจะเตะฟิลโกล์ 60 หลาในเกมอเมริกันฟุตบอลมากกว่าจะยิง(หรือโหม่ง)ในกรอบเขตโทษในเกมฟุตบอล แพ้สิครับ อะไรจะเหลือล่ะ

_______ อ้อ อยากแถมตรงนี้นิดนึง หลัง 2-0 แล้วลิเวอร์พูลเองก็จบสกอร์เอามันมากไปนิดเหมือนกันครับ ถ้าเน้นกว่านี้อีกหน่อยก็คงขาดเยอะกว่านี้ไปแล้วล่ะ ซึ่งก็ไม่ได้สำคัญอะไรนักหรอกกับบอลถ้วยนัดเดียวแบบนี้

_______ เรื่องน่าหนักใจยังคงวนเวียนอยู่ในกรอบเขตโทษตัวเองครับ นั่นคือลูกกลางอากาศ ถ้านับเฉพาะการโหม่งหรือเบียดโหม่งเนี่ยไม่แย่เท่าไหร่ แต่ที่แย่คือเรื่องการประกบ, การวิ่งเบียด, การอ่านทางบอลโยน แนวรับลิเวอร์พูลมีปัญหาสุดๆ หลายครั้งมากจนเกินไปในเกมนี้ที่บอลตกใส่หรือไปเข้าทางคู่ต่อสู้แบบที่ไม่มี แนวรับนัวเนียอยู่ใกล้ๆ ไปเล่นแบบนี้กับพวกกองหน้าระดับพรีเมียร์สงสัยซัวเรสต้องยิงจนฟันเข้าที่ละครับกว่าจะได้แต้ม

________ ...นัดหน้าดาร์บี้แมทช์ ซ้อมเกมรับกันดีๆ ล่ะ...
 -------------------------------

นัดนี้เล่นพอใช้ได้

โจนส์ - มือสปริง บอลเด้งออกจากมือตลอดตลอด โดยเฉพาะช่วงต้นเกมนี่มือไม้อ่อนเป็นพิเศษ ยังดีว่าเล่นไปเรื่อยๆ แล้วเริ่มเข้าที่เข้าทางขึ้น มีปัญหากับการตัดบอลโด่งเยอะกว่ามินโยเล่อีก แต่ออกมานอกเส้นและเตะเปิดเกมได้ดีกว่าเล็กน้อย

ซิสโซโก้ - มีงานไม่มากนัก ยังบล็อคลูกเปิดเข้ากลางได้ค่อนข้างน้อยแต่ยังพอกดดันให้คู่ต่อสู้เปิดใน จังหวะที่ยากได้ดีอยู่ เชื่อมเกมพอใช้ได้เฉพาะเรื่องนี้ดูดีกว่าอีกหลายนัดที่ลงเล่น

ตูเร่ - สกัดการเปิดบอลเรียดและบล็อคลูกยิงได้ดี แต่บอลโด่งนี่ประกบตัวไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่

สเคอเทล - ดีกว่าตูเร่เล็กน้อย

เคลลี่ - ...รอน้องเค้าแป็ปนึงครับ

เจอราร์ด - เล่นเกมรับได้ดีโดยเฉพาะการอ่านเกม จัดการกับการวิ่งสอดและดักบอลได้ดีมาก เข้าสกัดก็หนักหน่วง ดูจะช้าไปสักหน่อยแต่ยังดีว่าผู้เล่นบอร์นมัทเองก็ไม่ได้เร็วคล่องอะไรนัก ออกบอลยาวได้ค่อนข้างดี จะมีพลาดติดกับดักล้ำหน้าบ่อยหน่อยก็ช่วงต้นเกมเท่านั้น

เฮนเดอร์สัน - วิ่ง รอ จับ พลิก จ่าย จบ ก็ทำหน้าที่เชื่อมเกมได้ดีครับ แต่ก็มีแค่นั้นจริงๆ

คูตินโย่ - ฝืนน้อยลง เล่นง่ายๆ มากขึ้น ผ่านบอลได้ดีทีเดียว แต่ช่วงครึ่งแรกเคลื่อนที่รอรับบอลไม่ค่อยดีนัก และตลอดเกมไม่ค่อยมีลูกจ่ายทีเด็ดทีขาดให้เห็น

โมเสส - รออยู่ ณ ที่ว่างอันไกลโพ้นนนน~ ก็เข้าใจนะว่ารอบอลเปลี่ยนแกน ซึ่งเขาก็ไปที่ว่างได้จริงๆ จับบอลลงและพาบอลไปเองได้ดีกว่านัดหลังๆ ที่ได้ลง กดดันแนวรับคู่ต่อสู้ได้ค่อนข้างดี แถมวันนี้ยิงประตูสำคัญได้ด้วย แต่ที่ไม่เข้าใจเลยคือจะไปรออะไรไกลซะขนาดนั้น คือถ้ารอบอลอยู่บนอัฒจันทร์ได้นี่พี่แกก็คงขึ้นไปรอแล้วละครับ บางจังหวะวิ่งหุบเข้ามาบ้างก็ได้

สเตอริดจ์ - ครึ่งแรกลงมาช่วยเคลลี่เป็นระยะก็ทำได้ระดับกองหน้าไล่บอลแล้วล่ะ จบสกอร์ในโอกาสแรกได้เด็ดขาด ช่วงครึ่งแรกนี่ยังวิ่งทำทางไม่ค่อยดีเท่าไหร่และเล่นเชื่อมกับเพื่อนติดๆ ขัดๆ อยู่แต่ยิ่งเล่นก็ยิ่งคล่องขึ้น

ซัวเรส - เป็นเกมที่พาบอลไปเองค่อนข้างน้อยถ้าวัดจากมาตรฐานซัวเรส ครึ่งแรกได้บอลไม่เยอะนักแต่ที่เด็ดอยู่ที่การผ่านบอลเข้าทำ โอกาสในครึ่งแรกของทีมนี่แทบจะมาจาการผ่านบอลเข้าทำของซัวเรสคนเดียวเลย ครึ่งหลังก็ยังจ่ายบอลเข้าทำได้ดีอยู่เรื่อยๆ วันนี้ 2 แอสซิสเลย ถ้าไม่มีซัวเรสในสนามก็คงต้องลุ้นกันอีกหลายตลบครับกว่าจะได้ 2 ลูกเนี่ย...แต่ยิงเองวันนี้ไม่สำเร็จ

ตัวสำรอง 

ฟลานาแกน - ลงมาในเวลาลั๊ลลา คุณน้องเธอวิ่งเติมเกมรุกถึงหน้าเขตโทษเพลินเลย เกมรับก็เล่นได้พอประมาณ ไม่ได้เหนียวแน่นมากแต่ก็ไม่ได้รั่ว

อัลแบร์โต้ - เชื่อมเกมได้ในระดับเดียวกับคูตินโย่ พยายามจะจ่ายบอลเกมรุกมากกว่าแต่ก็ไม่ค่อยดีนักในเรื่องนั้น

สเตอริ่ง - ได้ลงมาแว้นโชว์ความเร็ว บอลเบิลไม่ค่อยได้หรอกครับ

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...หลุยส์ ซัวเรส... ฤดูนี้ยิงกระจายก็จริง แต่ลูกจ่ายนี่เผลอๆ จะน่ากลัวกว่าลูกยิงอีกมั้ง นัดนี้ก็ด้วย
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2557

ลิเวอร์พูล 2 - 2 แอสตัน วิลล่า (พรีเมียร์ลีค)


...กลางรับนั้นสำคัญไฉน...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-2-2

----------------ซัวเรส-------สเตอริดจ์------------------
---------คูตินโย่----------------------------สเตอริ่ง-----
---------------เจอราร์ด--------เฮนเดอร์สัน-------------
ซิสโซโก้--------ตูเร่----------สเคอเทล--------จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับมือแอสตันวิลล่า 11 ตัวจริงปรับแค่ตำแหน่งเดียวจากนัดก่อนคือมีสเตอริดจ์แทนลูคัสแต่มีการเปลี่ยนแทคติค หันมาเล่น 4-2-2-2 ใช้คูตินโย่กับสเตอริ่งเล่นเป็นตัวรุกหลังคู่กองหน้า
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมทางฝั่งวิลล่าบุกโดยเน้นการโยนโด่งใส่เบนเทเก้ให้พักบอล เกมรับคอยไล่สูงบ้างเป็นระยะ ส่วนลิเวอร์พูลเน้นเล่นเกมเร็ว เจาะตรงกลางเป็นหลัก ออกบอลไปข้างหน้าตลอดและหลายจังหวะจะวางยาวตั้งแต่ในแดนตัวเองรวดเดียวถึง กองหน้า ผลออกมาคือช่วง 20 นาทีแรกวิลล่าทำได้ดีกว่า เบนเทเก้เก็บและพักบอลให้เพื่อนได้ รวมไปถึงตัดบอลกลับมาได้เร็ว เป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่าเล็กน้อยและได้ลุ้นยิงพอประมาณ ส่วนลิเวอร์พูลบอลวางไปให้กองหน้าไม่ค่อยดีนักและกองหน้าเองก็เก็บบอลไม่ ค่อยอยู่ด้วย ทำให้เสียบอลกลับไปเร็ว ในเกมรับก็ค่อนข้างมีปัญหาในการเก็บบอลจังหวะสอง รวมไปถึงแทบไม่ได้โอกาสยิงเลย

_______ ลิเวอร์พูลเกมยังไม่ค่อยกระเตื้อง ในที่สุดก็มาพลาดจนได้ นาที 25 ซัวเรสเสียบอลหน้าเขตโทษวิลล่า โดนโต้เร็วกลับมาทางจอห์นสัน(ซึ่งลงไม่ทัน)ด้วยอักบาลาฮอร์ ก่อนที่เจ้าตัวจะกระชากไปเปิดบอลได้ที่สุดเส้นหลัง บอลผ่านตูเร่ที่วิ่งเบียดอยู่เข้ากลางไปได้ ไวมันวิ่งโฉบจากเสาสองเข้ามาชาร์จกลางประตูได้สำเร็จ 1-0

_______ เสียประตูไปแล้วเกมของลิเวอร์พูลก็ยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ แม้แดนหน้าจะมีคนแห่วิ่งทำทางขึ้นไปร่วมครึ่งทีม แต่แดนกลางมีปัญหาในการเชื่อมบอลมากๆ รวมถึงไม่มีคนคุมจังหวะเกมคือเล่นเร็วอย่างเดียว ไม่สามารถครองบอลได้ต่อเนื่องและเสียบอลกลับไปเร็ว เกมรับก็ไม่มีคนหยุดหรือชะลอเกมแดนกลาง รวมไปถึงไม่ค่อยมีใครแย่งบอลกลับมาจากเท้าคู่ต่อสู้ได้ คือส่วนใหญ่ถ้าจะได้บอลต้องรอตัดจังหวะที่วิลล่าจ่ายบอล จนกระทั่งนาที 36 ก็มาพลาดโดนอีกลูก ซึ่งก็เป็นเจ้าเก่าอัคบาลาฮอร์ ทำชิ่งกับเพื่อนง่ายๆ ได้หลุดไปรับบอลเปิดเข้ากลางจากทางมุมธงฝั่งซิสโซโก้ มินโยเล่ออกมาตัดบอลพลาดพร้อมกับที่จอห์นสันก็ยืนผิดตำแหน่ง บอลเลยไปให้เบนเทเก้โหม่งง่ายๆ 2-0

_______ หลังถูกนำห่าง ลิเวอร์พูลเองก็ยังพลิกเกมไม่ได้ จังหวะที่บอลไปถึงข้างหน้าหรือกองหน้าเก็บบอลเล่นได้เร็วก็เล่นจังหวะเข้าทำ กันได้ไม่ค่อยดีนัก ยังดีว่ายังสามารถตีตื้นขึ้นมาได้ในนาที 47 (ช่วงทดเจ็บ)ซัวเรสรับบอลจากคูตินโย่แถวหน้าเขตโทษ เคาะฝากไปให้เฮนเดอร์สันที่อยู่ข้างหน้าแล้ววิ่งตามไปหวังจะรอรับบอลชิ่ง เฮนเดอร์สันชิ่งจังหวะเดียวไปเข้าทางสเตอริดจ์ที่วิ่งรออยู่ทางขวาหลุดเข้า ไปยิงผ่านมือผู้รักษาประตูเข้าไปได้ 2-1 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ดังกล่าว

_______ เข้าครึ่งหลัง ร็อดเจอร์ปรับเกมทันทีทั้งตัวผู้เล่นและวิธีการเล่น ส่งลูคัสลงมาแทนคูตินโย่ ปรับกลับมาใช้แทคติคเดียวกับนัดก่อนคือ 4-1-2-3 ทิ้งลูคัสไว้หน้าแนวรับ เฮนเดอร์สันกับเจอราร์ดยืนสูง รวมไปถึงไล่บอลในแดนหน้ากันมากขึ้น เกมของลิเวอร์พูลดูดีขึ้นมาก โดยเฉพาะการเชื่อมเกมจากหลังไปหน้า ส่วนวิลล่าโชคร้ายที่เล่นไปแค่ 4 นาทีก็ต้องเปลี่ยนอัคบาลาฮอร์ออกแล้วเอา...เอ่อ...แกรนท์ โฮลท์ลงมาแทน ทำให้เกมเร็วของวิลล่าหายไปสนิท เหลือแค่บอลโด่งให้กองหน้าพักบอล สลับกับโยนโด่งเข้ามาจากริมเส้น ซึ่งจัดการไม่ยากนัก เพราะไม่ต้องคอยพะวงกับอัคบาลาฮอร์, กองหน้า 2 คนเล่นทรงเดียวกัน แถมบอลจังหวะสองยังมีลูคัสมาช่วยอีก ลิเวอร์พูลพลิกกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบในเรื่องรูปเกมแล้ว

_______ ลิเวอร์พูลใช้เวลาในครึ่งหลังไม่นานนักก็ตีเสมอได้สำเร็จ นาที 52 จังหวะโต้กลับ เจอราร์ดวางยาวให้ซัวเรสหลุดเข้าไปโดนผู้ัรักษาประตูรวบ(เรียกสะกิดขาก็ ได้)ในเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าให้จุดโทษทันที เจอราร์ดรับหน้าที่ยิงไม่พลาด 2-2

_______ หลังจากกลับมาเสมอเกมก็เปิดแลกกันทันที คราวนี้เป็นฝ่ายลิเวอร์พูลที่ทำได้ดีกว่า ครองบอลได้ต่อเนื่องขึ้นและหาโอกาสผ่านบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายสลับกับลุ้นยิง ได้เป็นระยะ ส่วนวิลล่าเหลือแค่บอลเปิดจากริมเส้นซึ่งไม่ใช่จังหวะทำเร็ว ในเขตโทษก็เลยมีแนวรับลิเวอร์พูลลงมาช่วยกันสกัดได้ไม่ยาก

_______ ลิเวอร์พูลที่กำลังดีขึ้นเรื่อยๆ ต้องมาโชคร้ายเสียลูคัสที่เล่นต่อไม่ไหวในนาที 66 กลายเป็นอัลเลนได้ลงมาแทนโดยยังเล่นด้วยรูปแบบเดิม ส่วนวิลล่้าเปิดเกมแล้วไม่ค่อยเวิร์คก็เริ่มหันมารับมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็ทำได้ดีพอสมควร ลิเวอร์พูลเปิดบอลเข้าทำกันได้ไม่ง่ายนัก โอกาสลุ้นประตูพอมีบ้างแต่ก็แทบไม่มีแบบจะแจ้งเลย เกมเล่นกันไปในทรงนี้ต่อไปยันจบเกมที่สกอร์ 2-2
-----------------------------------------
_______ เกือบไปนะครับนัดนี้ ถ้าดูเฉพาะครึ่งแรกแล้วดีใจสุดๆ ที่ไม่แพ้ แต่ถ้าดูเฉพาะครึ่งหลังเสียดายเหมือนกันที่ไม่ชนะ

_______ 11 ตัวจริงเปลี่ยนแค่คนเดียวก็จริงแต่นัดนี้ทีมเปลี่ยนวิธีเล่น โดยกลับมาเล่นแบบที่เคยใช้ได้ผลดีในช่วงปลายฤดูกาลก่อนที่คูตินโย่กำลังเล่น ได้ดีมากๆ แต่ผลออกมาก็ทำได้ตามฟอร์มของคูตินโย่นัดนี้ละครับ...เจ๊ง

_______ ร็อดเจอร์ดูมั่นใจกับเกมรุกของทีมเอามากๆ ด้วยการส่งทีมลงมาเล่นเกมรุกเต็มที่แบบไม่มีเผื่อเหลือเผื่อขาด นอกจากจะมีกองหน้าคู่แล้ว คูตินโย่กับสเตอริ่งยังเล่นเกมรุกกันเต็มตัว ช่วยเกมรับน้อยมาก เท่านั้นยังไม่พอ จังหวะบอลขึ้นหน้าแล้วยังมีเฮนเดอร์สันตามขึ้นไปอีก แบ็คสองฝั่งถึงจะไม่ได้ขึ้นไปเล่นสูงถึงพื้นที่สุดท้ายเท่าไหร่แต่ก็ยืนห้อย ค่อยเชื่อมเกมถึงกลางสนามเหมือนกัน เล่นแบบนี้เรียกว่าซื้อเกมรุกกันเต็มๆ ละครับ แต่...

_______ ร็อดเจอร์เสี่ยงเอามากๆ ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าวิลล่าจะเล่นยังไง ต้องไม่ลืมว่าการเข้าทำที่มีประสิทธิภาพที่สุดของวิลล่าก็คือการเข้าทำแบบ ที่ทำให้เสียสองประตูในวันนี้ เล่นเร็วใช้อัคบาลาฮอร์เล่นกับพื้นที่ว่าง, เบนเทเก้พักบอลกลางอากาศ ไวมันตามขึ้นไปอีกคน ถึงจะมีประสิทธิภาพแค่ไหนแต่วิลล่าทีมนี้มีแค่นี้จริงๆ ครับ การรุกด้วยวิธีอื่นวิลล่าทำแทบไม่ได้เลย แต่ร็อดเจอร์ก็ยังกล้าๆ เสี่ยงด้วยการเลือกแทคติคที่จะทำให้วิลล่าได้โอกาสเล่นเกมรุก ที่ตัวเองทำได้ดีที่สุด ทั้งเปิดพื้นที่ให้อัคบาลาฮอร์ได้ใช้ความเร็วดวลเดี่ยวกับแนวรับตัวต่อตัว ได้เต็มที่ กลางรับก็มีแค่คนเดียวคือเจอราร์ดที่ต้องคอยเก็บบอลจังหวะสองที่เบนเทเก้ ขึ้นไปเบียดโหม่งกับกองหลัง รวมไปถึงไล่ตามไวมันที่วิ่งสอดขึ้นมา งานแบบนี้นอกจากจะไม่ใช่งานที่คนๆ เดียวจะทำได้ดีแล้ว ต่อให้เป็นนักเตะระดับเจอราร์ด ย้อนเวลากลับไปสัก 5-6 ปียังไม่แน่ว่าจะไหวเลยครับ แล้วพ.ศ.นี้จะเหลือเหรอ? คำตอบก็คงเห็นกันไปแล้ว

_______ ในเกมรุกที่ร็อดเจอร์จะหวังพึ่ง ต้องบอกว่าการทำเกมรุกด้วยแทคติคนี้ของทีมชุดนี้ยังไงต้องหวังพึ่งคูตินโย่ ครับ เพราะสเตอริ่งหน้าที่หลักคือวิ่งหาพื้นที่และใช้พื้นที่ว่างให้ได้ดีที่สุด ไม่ได้มีส่วนในการเชื่อมเกมเท่าไหร่อยู่แล้ว(และเจ้าตัวก็ไม่ได้ถนัดเรื่อง นี้อยู่แล้วด้วย), คู่กองหน้าก็จะไม่ลงมาเชื่อมเกมมากอยู่แล้วไม่งั้นคงเล่นทรง 4-3-3 กันไปตั้งแต่ต้นถ้าจะให้กองหน้าลงมาเชื่อมเกมเป็นหลัก เฮนเดอร์สันเองด้วยตำแหน่งยืนก็ทำให้ต้องวิ่งขึ้นวิ่งลงจะให้ไปห้อยลอยรับ บอลข้างหน้าตลอดก็ไม่ได้ พอคูตินโย่เล่นไม่ออกแทคติคนี้ก็ดับทันทีสิ ในสนามซ้อมคูตินโย่อาจจะทำได้ดีมากๆ ก็เป็นได้ถึงทำให้ร็อดเจอร์กล้าเลือกแทคติคนี้ตอนเริ่มเกม แต่ถ้าว่ากันตามเนื้อผ้าที่เห็นกันอยู่ในสนาม คูตินโย่เองก็อยู่ในช่วงฟอร์มไม่ค่อยดีนัก ดันต้องกลายเป็นตัวหลักของการทำเกมรุก...ผมว่าร็อดเจอร์พลาดครับงานนี้

_______ พลาดก็ส่วนพลาด พอมองถึงการปรับเกมในช่วงพักครึ่ง ผมคิดว่าร็อดเจอร์ทำได้ดีมากๆ (ถ้าทำตั้งแต่ต้นเกมจะดีกว่านี้) ทั้งการเปลี่ยนตัวและเปลี่ยนแทคติค เหตุผลแรกคือทีมเล่นในทรง 4-3-3(4-1-2-3) มาได้หลาดนัดแล้ว เกมรับอาจจะยังต้องตั้งคำถามกันนิดแต่เกมรุกมันไปได้ เหตุผลที่สองคือปัญหาของครึ่งแรกคือลิเวอร์พูลไม่มีตัวเชื่อมบอลจากหลังไป หน้า มีแต่คนจะออกบอลเกมรุกกันทั้งทีมแต่ไม่มีคนเชื่อมบอล พอมีบอลตบแปะแบบลูคัส มันทำให้ครองบอลได้นานขึ้น จังหวะที่จะออกบอลเกมรุกมันก็ได้ออกในจังหวะที่ง่ายขึ้น รวมไปถึงการส่งอัลเลนมาแทนลูคัสแทนที่จะเป็นคนอื่นหรือตำแหน่งอื่นก็ด้วย เพราะบอลทรงที่กำลังเล่นอยู่มันทำงานได้จริง จะไปปรับให้มันเละทำไม ถ้านับเฉพาะการปรับเปลี่ยนแทคติคนัดนี้ผมประทับใจมากครับ

_______ ส่วนการไม่ยอมเปลี่ยนตัวมาเพิ่ม  ตัวเลือกมีโมเสส, อัสปาส, อัลแบร์โต้ ในรายโมเสสกับอัสปาสถ้าจะเปลี่ยนลงมาแทนก็คงเป็นสเตอริ่ง เพราะคู่กองหน้ายังพอเล่นได้ ส่วนอัลแบร์โต้ถ้าจะเปลี่ยนก็ต้องแทนเจอราร์ดหรือเฮนเดอร์สันคนใดคนหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าจะเปลี่ยนใครลงมาก็คงไม่ได้เป็นอะไรมากไปหว่า "ดีกว่าไม่ทำอะไร" เพราะฟอร์มล่าสุดของทั้ง 3 คนก็ไม่ได้ชวนให้คิดเลยว่า "เปลี่ยนเถอะๆ" สักนิดเดียว แม้ว่าผมจะอยากให้ลองเพราะมันก็ดีกว่าไม่ทำอะไรจริงๆ แต่ด้วยสาเหตุข้างต้น ต่อให้เขาไม่เปลี่ยนผมก็ไม่คิดว่าขอคาดบาดตาย ... เพราะนึกภาพโมเสสกัลอัสปาสที่ได้ลงเล่นช่วงหลังๆ แล้วผมก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าอยากเห็นพวกเขา ส่วนในรายอัลแบร์โต้ ... ก็ขนาดโอกาสจะลงยังแทบไม่มี นับประสาอะไรกับจะลงมาเปลี่ยนเกมละครับ ส่งลงมาจริงนี่ต้องเพื่อใจไว้เลยล่ะว่าจะไม่เวิร์ค

_______ ส่วนถ้าจะมองว่าเอาอัลแบร์โต้ลงมาแทนที่จะเป็นอัลเลน อัลแบร์โต้ก็ถนัดจ่ายบอลเอาตายมากกว่าจะเชื่อมง่ายๆ แถมเกมรับยิ่งช่วยไม่ได้อีกต่างหาก จะเอาไปยืนตำแหน่งนั้นผมว่าต่อให้ไม่บรรลัยก็ไม่น่าจะเกิดประโยชน์ครับ

_______ จุดเปลี่ยนของเกมแน่นอนครับว่าอยู่ที่การเปลี่ยนตัวคนแรกของทั้งสองทีม ฝั่งลิเวอร์พูลคือลูคัสแทนคูตินโย่ที่ลงมาช่วยทีมได้มากจริงๆ ส่วนวิลล่าเสียอัคบาลาฮอร์ไปนี่ชักเลย ดีว่าไม่ถึงขั้นพลิกแพ้

_______ ส่วนข้อดีที่ยังมีให้เห็นอยู่ก็คงเป็นเรื่องแนวรับที่ลดข้อพลาดลงได้บ้าง แล้ว พิมพ์แบบนี้ไม่ได้เมาครับ แต่ผมคิดว่าอีรูปเกมครึ่งแรกเหตุผลหลักไม่ใช่กองหลังห่วยแต่แทคติคห่วย มากกว่า อีกเรื่องก็คงเป็นคู่กองหน้าที่แม้จะเป็นวันที่เล่นไม่ค่อยออก แต่มีโอกาสก็จัดให้ได้คนละดอก พึ่งพาได้จริงๆ ครับ

________ ...นัดหน้าเจอบอร์นมัท ขอดูตัวสำรอง 3 คนนั้นหน่อยเถอะ จะได้เห็นชัดๆ ว่าเวลาแบบนี้ควรเสี่ยงกับพวกเขามั้ย...
 -------------------------------

นัดนี้เล่นครึ่งแรกครึ่งหลังต่างกันเยอะเลย

มินโยเล่ - ครึ่งแรกดูเร่งจะออกบอลเร็วเหลือเกินซึ่งก็ทำได้ไม่ค่อยดีนัก โดยรวมยังเล่นพอใช้ได้อยู่ แต่จังหวะเสียลูกที่สองที่ออกมาตัดบอลพลาดนี่มันงามหน้าจริงๆ 

ซิสโซโก้ - เกมรับวันนี้ไม่ถึงกับแย่ แย่งบอลกลับมาได้ไม่มากพอแต่ก็ทำได้ดีในการกดดันตัวริมเส้นในจังหวะเปิด จังหวะที่เสียลูกที่สองอย่าไปโทษเจ้าตัวเลยเพราะไม่มีคนช่วยซ้อน ถ้าแบ็คคนไหนจะจัดการลูกนั้นได้คือต้องแย่งร่างได้เท่านั้น ส่วนสิ่งที่ทำไม่ดีที่ควรโทษจริงๆ อยู่ที่การเชื่อมเกมมากกว่า ทำได้ไม่ดีเลย

ตูเร่ - มีปัญหาในการเบียดโหม่งกับเบนเทเก้ (ผมสงสัยมาตั้งแต่นัดก่อนแล้วว่าทำไมร็อดเจอร์ให้ตูเร่เป็นตัวชนทั้งๆ ที่สเคอเทลน่าจะเหมาะกว่า) จังหวะต้องออกไปซ้อนแบ็คที่หายไปไหนไม่รู้ก็ทำได้ตามเนื้อผ้า ครึ่งหลังที่ได้เล่นง่ายขึ้นก็ไม่ผิดพลาดอะไร

สเคอเทล - ฟอร์มส่วนตัวใช้ได้ ไม่ได้ผิดพลาดอะไร แค่ทำอะไรมหัศจรรย์ไม่ได้เท่านั้นเอง

จอห์นสัน - เรียกข้าว่ากัปตัน(เรือ)

เจอราร์ด - ครึ่งแรกเจอโจทย์ยากและเล่นไม่ดีเลย ตามเก็บบอลจังหวะสองไม่ค่อยทัน แตะบอลจังหวะแรกพลาดพอสมควร ความคล่องตัวก็หายไปเยอะ ผ่านบอลก็พลาดไม่น้อย พอครึ่งหลังได้กลับมาเล่นในที่ที่ถนัดก็ทำได้ดีขึ้นมาก บอลยาวไปที่ว่างนี่มาเป็นชุด เชื่อมเกมระยะสั้นก็ทำได้ดีขึ้น ลูกที่สองก็ได้เพราะการให้บอลของเขา

เฮนเดอร์สัน - เล่นตามแทคติคได้ดีคือเคลื่นที่ได้มาก วิ่งขึ้นลงเร็ว ไล่บอลในตำแหน่งตัวเองให้คู่ต่อสู้คายบอลก็ใช้ได้ ไม่ดีถึงขนาดหยุดคู่ต่อสู้หรือแย่งกลับมาได้สักเท่าไหร่แต่ก็เอาน่ะสำหรับ ตำแหน่งที่เล่นอยู่ ด้อยไปสักนิดกับบอลเกมรุกที่ยังไม่เด็ดขาด

คูตินโย่ - เชื่อมเกมไม่ดี ทั้งการเคลื่อนที่รับบอลและการออกบอล เก็บบอลไว้กับตัวยังใช้ได้แต่หลังจากนั้นก็จ่าย บอลเสี่ยงบอลเกินไปและมันก็ทำให้พลาดเยอะตามไปด้วย จังหวะที่เขาเล่นง่ายๆ อย่างการแปะให้เพื่อนที่ว่างและอยู่ใกล้อย่างจังหวะที่ได้ประตูแรกนั่นกลาย เป็นสิ่งที่ทำให้ทีมได้ประโยชน์มากกว่าเสียอีก

สเตอริ่ง - โอเคจ๊ะ เล่นได้ตามเนื้อผ้า ฟอร์มไม่ได้ดรอปลงเพราะแต่ไหนแต่ไรมาสเตอริ่งก็ไม่ถนัดเชื่อมเกมอยู่แล้ว ครึ่งแรกไม่มีพื้นที่ก็เล่นไม่ออก ครึ่งหลังมีเยอะขึ้นก็ทำอะไรได้บ้างแต่ก็ไปตายตอนเปิดเหมือนเดิม ซึ่งก็เหมือนเดิมไง ไม่ได้แย่ลง

สเตอริดจ์ - นี่ก็อีกคนที่เล่นได้ตามเนื้อผ้า ไม่ได้ถนัดทำเกมเองอยู่แล้ว ครึ่งแรกพอเพื่อนผ่านบอลดีๆ ให้ไม่ได้ก็จบข่าวเลย ถึงอย่างนั้นพอมีบอลดีๆ มาถึงเจ้าตัวก็ไม่พลาดเหมือนกัน ครึ่งหลังได้บอลที่ดีขึ้นก็กดดันแนวรับได้พอสมควร สำหรับกองหน้าสไตล์วิ่งหาช่องแบบนี้ต้องถือว่าเล่นใช้ได้แล้ว

ซัวเรส - ครึ่งแรกได้บอลไม่เยอะแต่ยังเยอะกว่าสเตอริดจ์แต่เป็นซัวเรสเองที่จับ บอลพลิกบอลได้ไม่ดีเอง ไม่ใช่ว่าแย่มากแต่เจ้าตัวเคยทำได้ดีกว่านื้เยอะ ครึ่งหลังได้บอลเยอะขึ้น กดดันแนวรับได้เยอะขึ้นบ้างแต่รวมๆ แล้วถือเป็นวันที่ซัวเรสเล่นไม่ค่อยออกสักเท่าไหร่ แต่เช่นเดียวกับสเตอริดจ์คือพอมีโอกาสแล้วทำได้ จังหวะได้จุดโทษนี่ไม่ได้จิ้มบอลมั่วๆ แล้วรอผู้รักษาประตูพลาด แต่ซัวเรสนี้ตั้งใจเลย เพราะถ้าเขาจะิยิงก็ยิงได้ก่อนแล้ว จะแตะหลบเขาก็แตะได้ดีกว่านั้นแน่ แต่นี่แตะใกล้ๆ ให้อยู่ในวิถีที่ตัวเองจะเล่นลูกได้แน่ๆ โดนสะกิดขาก็ได้จุดโทษแหงอยู่แล้ว นึกภาพว่ากูซานไม่สไลด์ตัดบอลดูครับ แตะบอลแบบนั้นยังไม่มีมุมยิงนะนั่น

ตัวสำรอง 

ลูคัส - ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมาก ช่วยทีมได้เยอะทั้งการตบแปะที่ช่วยครองบอลและทำให้ทีมหาช่องเล่นเกมรุกได้ดี ขึ้นกว่าครึ่งแรกและการหยุด, ชะลอคู่ต่อสู้, แย่งบอลกลับมาได้ ถ้าไม่เจ็บไปก่อนเผลอๆ ทีมจะชนะเอาด้วย เพราะอะไรอ่านต่อที่อัลเลน

อัลเลน - ลงมาทำหน้าที่เดียวกับลูคัส ในแง่เกมรับทำได้ไ่ม่ต่างกันนัก โดยอัลเลนดูจะดักบอลได้ดีกว่านิดหน่อย (ไม่รู้เป็นเพราะได้อยู่ในสนามนานกว่าหรือปล่าว) แต่การเชื่อมเกมวันนี้อัลเลนสู้ลูคัสไม่ได้ เจ้าตัวดูเน้นเร่งเกมรุกมากไป ทำให้บางครั้งจ่ายขึ้นหน้าทั้งๆ ที่เพื่อนไม่ได้เปรียบ เสียบอล,เสียโอกาสรุกไปบ่อยกว่าตอนลูคัสเล่น

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ลูคัส เลว่า... ครับ ลูคัสนี่ล่ะ เอาจริงๆ เกมนี้ก็เล่นเท่าๆ กันหมด มีช่วงที่ทำได้ดีทำได้แย่ แต่ที่ตัดสินใจเลือกลูคัสทั้งๆ ที่เล่นแค่ 11 นาทีเป็นเพราะเขาลงมาช่วยเปลี่ยนเกมได้จริงๆ เชื่อมเกมและหยุดคู่ต่อสู้ได้ดีมาก ที่ประทับใจสุดคือจังหวะการทำฟาล์วกลางสนามเพื่อหยุดเกมคู่ต่อสู้และทำให้ เพื่อนที่เติมขึ้นหน้ากันไปหมดได้ถอยลงมาช่วยเกมรับทัน เป็นสิ่งที่ครึ่งแรกลิเวอร์พูลแทบไม่ทำเลย ...เป็นการเสียฟาล์วที่ผมคิดว่าเป็นประโยชน์กับทีมในวันนี้เยอะทีเดียว
------------------------------------------------------------

ป.ล. ดูย้อนหลังไม่สนุกเหมือนดูสดเลยใ้ห้ตายเถอะ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2557

สโต๊ค 3 - 5 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


...มันส์สุดขีด...

--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-1-2-3

-------------------------ซัวเรส-------------------------
คูตินโย่-----------------------------------------สเตอริ่ง

---------------เฮนเดอร์สัน--------ลูคัส-----------------

------------------------เจอราร์ด------------------------

ซิสโซโก้--------ตูเร่----------สเคอเทล--------จอห์นสัน

------------------------มินโยเล่-------------------------

_______ หลังจากถูกคั่นด้วยเกมเอฟเอคัพ ลิเวอร์พูลออกไปเยือนสโต๊ค มีการปรับทีมเล็กน้อยจากนัดที่เจอฮัลล์ ตูเร่กับเจอราร์ดได้กลับมาเป็นตัวจริง และในม้านั่งสำรองยังมีชื่อของสเตอริดจ์กลับมาแล้วด้วย ส่วนทางฝั่งสโต๊คมีเด็กเก่าของลิเวอร์พูลอย่างเคร้าช์ยืนเป็นหน้าเป้าและชาลี อดัมเป็นตัวทำเกมหลัก

-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาทั้งสองฝ่ายเน้นไล่ในแดนตัวเองเป็นหลัก ยังเล่นกันแบบระวังตัวอยู่ แต่เพียงแค่ 5 นาทีลิเวอร์พูลก็ออกนำก่อนจากจังหวะที่สเตอริ่งได้บอลแถวมุมเขตโทษฝั่งขวา จ่ายบอลเข้ากลางมาไม่ค่อยดีนักแต่บอลเลยมาเข้าทางซิสโซโก้ยิงไกลเต็มแรง บอลไม่น่าจะเข้ากรอบแต่ไปโดนตัวชอครอสเด้งเปลี่ยนทางเข้าประตูไป ลิเวอร์พูลนำเร็ว 1-0

_______ ลิวเอร์พูลดันแผงหลังขึ้นมาค่อนข้างสูง ขยับเอาคูตินโย่ไปช่วยเชื่อมตรงกลางบ่อย โดยเน้นเกมโต้เร็วมากกว่าการตั้งเกมขึ้นมา ใช้สเตอริ่งเป็นตัวทำเกมหลัก ส่วนทางสโต๊คในจังหวะรับจะห้อยเคร้าช์ไว้คนเดียว เกมรุกจะเน้นเกมริมเส้นโดยเฉพาะทางซิสโซโก้เป็นหลักซึ่งได้ผลพอสมควรเพราะได้เปิดบอลเข้าเป็นระยะ รวมไปถึงหาโอกาสไล่บอลในแดนหน้าในจังหวะขึ้นบอลของลิเวอร์พูลซึ่งทำได้ค่อนข้างดี เกมโดยรวมยังไม่ค่อยต่อเนื่องทั้งคู่เพราะกรรมการนกหวีดหวาน เกมหยุดเพราะมีฟาล์วบ่อย

_______ ผ่านไปราว 20 นาทีสโต๊คยังได้ลุ้นจากลูกเปิดเข้ากลางสลับกับลูกตั้งเตะอยู่เรื่อยๆ ลิเวอร์พูลเองก็โต้ขึ้นไปหาโอกาสลุ้นได้ไม่น้อย แล้วก็เป็นลิเวอร์พูลที่ประตูนำห่างก่อนในนาที 32 จากจังหวะที่สเคอเทลสกัดสาดยาวมาข้างหน้าแล้วกองหลังสโต๊คพลาดทั้งคู่ คนแรกเข้าถึงบอลก่อนโหม่งคืนผู้รักษาประตูสั้นไป คนที่สองก็พยายามจะแตะคืนให้ผู้รักษาประตูแทนที่จะสกัดทิ้ง กลายเป็นซัวเรสเข้าถึงบอลจิ้มเข้าไปได้สำเร็จ 2-0

_______ หลังถูกนำห่าง ลิเวอร์พูลยังคงเล่นเกมเร็ว เน้นการโต้กลับซึ่งได้ลุ้นอยู่บ้างแต่ก็ทำให้เสียบอลกลับไปเร็วเช่นกัน ส่วนสโต๊คเร่งเกมมากขึ้นและดันสูงมากขึ้นเรื่อยๆ จังหวะสุดท้ายส่วนใหญ่จบด้วยการเปิดบอลเข้ามาจากริมเส้นซึ่งก็ทำได้สำเร็จในเวลาไม่นาน นาที 39 จากจังหวะเปิดบอลเข้ามาจากทางริมเส้นฝั่งจอห์นสัน บอลมาย้อนหลังแต่เคร้าช์ถอยไปโหม่งเช็ดเบียดเสาเข้าไปได้ 2-1 เท่านั้นยังไม่พอ ลิเวอร์พูลยังมาพลาดอีกครั้งในนาที 45 จากจังหวะที่ถูกตัดบอลไปได้จังหวะจะตั้งเกม สุดท้ายบอลไปเข้าทางอดัมยิงไกลจากหน้าเขตโทษผ่านมือมินโยเล่ตีเสมอได้สำเร็จ 2-2 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ดังกล่าว

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลลงมาไล่บอลในแดนกลางได้เร็วขึ้นนิดหน่อย ส่วนสโต๊คลงมาเดินหน้าทำเกมรุกต่อเหมือนในช่วงท้ายครึ่งแรก ไม่ได้ระวังพื้นที่ของตัวเองมากนักจนมาพลาดก่อนอย่างรวดเร็ว นาที 50 จากจังหวะบอลยาวจากแดนหลัง บอลไปเข้าทางกองหลังสโต๊คแล้วแต่สเตอริ่งวิ่งไปปั้มบอลมาได้จนหลุดเดี่ยว พาบอลเข้าไปได้ถึงในเขตโทษก่อนจะโดนปะทะแล้วล้มลงไป...กรรมการเป่าจุดโทษแบบไม่ลังเล เจอราร์ดรับหน้าที่ยิงไม่พลาด 3-2

_______ แม้สกอร์จะขยับแต่รูปเกมยังแทบไม่เปลี่ยน สโต๊คยังตะบี้ตะบันรุกริมเส้นจี้ไปทางซิสโซโก้เป็นหลักแล้วก็ได้เปิดแทบทุกลูก เปิดติดจนได้ทุ่มได้เตะมุมบ้าง บอลหลุดเข้าไปในเขตโทษเลยบ้างโดนโหม่งทิ้งบ้างแต่ประเด็นคือพวกเขาก็ยังไ้ด้เปิดอยู่บ่อยๆ ลิเวอร์พูลเองก็ตั้งเกมหรือทำเกมต่อเนื่องไม่ค่อยได้ แถมกองหลังในครึ่งหลังนี้ไม่กล้าเก็บบอล หนักไปทางสกัดทิ้งเอาแน่นอนเป็นหลักยิ่งทำให้เกมรุกไม่ต่อเนื่องเข้าไปอีก

_______ นาที 66 สเตอริดจ์ได้ลงแทนคูตินโย่ที่เล่นไม่ค่ีอยออก ขยับสเตอริดจ์มาเล่นหน้าคู่แล้วให้เฮนเดอร์สันไปยืนทางซ้าย เน้นคุมพื้นที่มากขึ้นกว่าเดิม แล้วหันมาเล่นบอลยาวโต้กลับเต็มตัว ซึ่งคนที่ลงมาก็ไม่ทำให้ผิดหวังและไม่ต้องรอนานนัก นาที 71 จังหวะโต้กลับสเตอริดจ์พาบอลมาเองจากครึ่งสนามถึงหน้าเขตโทษก่อนจะผ่านบอลไปข้างหลังให้ซัวเรสแบบไม่ต้องมอง ซึ่งซัวเรสก็ไม่พลาดยิงเสียบเสาสองเข้าไปได้ 4-2

_______ เกมทำท่าว่าจะสบายแล้วสำหรับลิเวอร์พูล เพราะถอยไปรับกันต่ำพื้นที่หน้าและในเขตโทษแน่น แบ็คสองข้างมีคนช่วยซ้อนมากขึ้น เกมโต้ก็ยังพาบอลไปถึงข้างหน้าได้พอสมควร สโต๊คเองก็ทำอะไรไม่ได้ดีไปกว่าเดิม ยังเล่นได้แค่มิติเดียว แต่ลิเวอร์พูลก็มาพลาดอีกจนได้ในนาที 83 จังหวะจะขึ้นบอลแล้วโดนตัดได้(อีกแล้ว) สโต๊คตัดได้ทำเร็วจังหวะสุดท้ายเป็นวอลเตอร์ที่ได้บอลแถวหน้าจุดโทษ หาจังหวะยิงเรียดลอดขาตูเร่และลอดมือของมินโยเล่เข้าไปได้ 4-3

_______ โดนไล่จี้เข้ามาลิเวอร์พูลก็เริ่มกดดันและเล่นผิดพลาดมากขึ้นแล้ว สโต๊คยังคงเล่นแบบสโต๊คๆ ต่อไปไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไม่ว่าจะเป็นวิธีการเล่นหรือคุณภาพในการเล่น ได้ลุ้นเป็นระยะแม้จะได้ยิงหรือโหม่งจะๆ ไม่มากนัก ยังดีว่านาที 87 จังหวะโต้เร็ว เจอราร์ดวางยาวให้สเตอริ่งเก็บบอลลงได้ก่อนจะผ่านให้ซัวเรสวางลึกไปเสาสอง สเตอริดจ์เข้าชาร์จติดเซฟแต่ยังอุตส่าห์ตามไปเก็บบอลจากมุมแคบเลี้ยงกลับเข้ามายิงได้สำเร็จ 5-3 ให้ลิเวอร์พูลเล่นได้ง่ายขึ้น ไม่ต้่องลุ้นหนักยันจบเกม

_______ อย่างไรก็ตาม เกมรับของลิเวอร์พูลยังสร้างความเมามันส์ได้อีกแม้เวลาจะเหลืออีกแค่ห้านาทีกว่าๆ ไม่ว่าจะเป็นลูกโหม่งชนเสาของเคร้าช์ในนาที 90 และการขึ้นโหม่งสะบัดลูกเตะมุมของเจอราร์ดที่ทำได้สุดยอดสมบูรณ์แบบแต่ติดเซฟมินโยเล่อย่างเหลือเชื่อ? ทำให้เกมยังคงสนุกยันนาทีสุดท้ายก่อนจะจบเกมไปด้วยสกอร์ท่วมท้น 5-3
-----------------------------------------

_______ สนุกสุดหวีดครับวันนี้ ทั้งจำนวนประตู ทั้งการเล่นในสนาม

_______ 11 ตัวจริงก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนักและน่าจะเป็นทีมที่ดีที่สุดที่ลงสนามได้ของทีมแล้ว แต่มีการเปลี่ยนวิธีการเล่นเล็กน้อย โดยร็อดเจอร์ถอยเอาเจอราร์ดยืนต่ำแค่คนเดียว แล้วดันเอาลูคัสไปยืนสูงคู่เฮนเดอร์สัน เน้นไล่บอลตั้งแต่แถววงกลมกลางสนามรวมไปถึงใช้สองคนนี้เป็นหลักในการตั้งและเกมรุก(ที่ไม่ใช่จังหวะโต้)ด้วย ไม่ใช่ว่าร็อดเจอร์จะไม่เคยใ้ห้ลูกทีมเล่นลักษณะนี้ (เห็นมาบ้างแล้วโดยเฉพาะตอนที่ใช้อัลเลนกับเฮนเดอร์สัน) แต่ก็ไม่ได้เล่นเต็มเกม, เล่นตั้งแต่ต้นเกม ส่วนการให้เจอราร์ดคอยวางบอลยาว, การขยับคูตินโย่เข้ามาเล่นข้างในบ่อยๆ และการใช้สเตอริ่งวิ่งหาที่ว่างรับบอลยาวนั้นยังคงเหมือนเดิม

_______ ถ้าจะดูเฉพาะวิธีการเล่นในช่วงต้นเกม ก็ต้องถือว่าร็อดเจอร์ปรับมาได้ดีเพราะสโต๊คไม่ได้เน้นเจาะตรงกลางอยู่แล้ว เจอราร์ดคนเดียวก็เหลือเฝือ ส่วนการมีลูคัสกับเฮนเดอร์สันอยู่ข้างหน้าทำให้จังหวะไล่บอลแถววงกลมกลางสนามทำได้เร็วขึ้น ในเกมรุกก็ลดการพึ่งพาแบ็คลงไปได้มากเพราะมีตัวต่อบอลในแดนกลางเยอะขึ้น ในสถานการณ์ที่แบ็คสองข้างช่วยเล่นเกมรุกได้ไม่ดีนักแบบนี้ผมคิดว่าเป็นการปรับที่ช่วยทีมได้ดีทีเดียว

_______ อย่างไรก็ตาม การปรับวิธีการเล่นก็ส่งผลกับทีมพอสมควรโดยเฉพาะกับเกมรับและความผิดพลาดที่มีมากขึ้น 2 ใน 3 ลูกที่ลิเวอร์พูลเสียไปเกิดจากการไม่เข้าใจกันระหว่างเจอราร์ดกับเฮนเดอร์สันและลูคัสที่พยายามจะชิ่งบอลกันแล้วโดนแซะไปได้ ซึ่งในวันที่ใช้กองกลางสองคนช่วยขึ้นเกมนั้นพลาดลักษณะนี้น้อยกว่า แทบแบ็คสองข้างก็ยังขาดคนช่วยซ้อนอยู่ร่วม 1 ชั่วโมงเพราะ ริมเส้นทั้งสองข้างไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะถอยลงมาช่วยได้ สเตอริ่งต้องไปรอรับบอลยาว คูตินโย่ต้องคอยขยับเข้าใน ทำให้แบ็คสองข้างที่เล่นไม่ค่อยจะดีอยู่แล้วยิ่งเข้ารกเข้าพงทะลุดงหญ้ามุ่งหน้าสู่อ่าวไทยไปกันใหญ่ โดนโจมตีอย่างหนักอยู่ตลอดเกมและสร้างความกดดันให้กับทีมอยู่ตลอด

_______ ได้อย่างเสียอย่างครับ ถ้าดูจากผลลัพธ์ก็ต้องถือว่าโอเคนะเพราะทีมชนะได้ในที่สุดนั่นแหล่ะ

_______ สิ่งที่ทำให้รูปเกมออกมาเป็นอย่างที่เห็นผมให้น้ำหนักครึ่งๆ ระหว่างวิธีการเล่นกับฟอร์มการเล่น ซึ่งหมายถึงจากทั้งสองทีมด้วย ในเรื่องวิธีการเล่น สำหรับลิเวอร์พูลก็เป็นไปตามที่ว่าไปข้างต้น ส่วนฝั่งสโต๊คนี่มันเล่นได้อย่างเดียวพวกพี่แกก็เล่นมันอย่างเดียวจริงๆ วิ่งตัดบอลแดนกลางแย่งบอลมาเข้าทำเร็ว, จะตั้งเกมก็โยนใส่เคร้าช์สลับวางไปมุมธงแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาโยนๆๆ เข้ากลาง ลีลาไม่เน้น หลากหลายไม่ต้อง ถ้าผู้จัดการทีมของพวกเขาคิดมากกว่านี้พยายามไปเปลี่ยนวิธีเล่น สโต๊คอาจจะเน่าตายไปตั้งกะโดนลูก 3-2 แล้ว ก็ต้องนับว่าเป็นความเจียมตัวแบบรู้จักตัวเองดีที่ทำให้พวกเขาได้ลุ้นอยู่เกือบทั้งเกมทั้งๆ ที่โดนนำ 2-0 ก็แล้ว 4-2 ก็แล้ว

_______ ส่วนเรื่องฟอร์มการเล่น สำหรับลิเวอร์พูลแน่นอนว่าเน้นไปที่แบ็คสองฝั่งที่ออกตามหาฝั่งกันทั้งคู่ แต่กองหน้าสองคนดันหาโอกาสได้ จบสกอร์ดี ส่วนสโต๊คก็จิ้มไปที่เด็กเก่าสองคนคือเคร้าช์และอดัมที่เล่นได้ดี เป็นแกนหลักในเกมรุกของสโต๊คเลยทีเดียว รวมๆ แล้วเกมมันเลยเป็นอย่างที่เห็นนั่นละครับ

_______ จังหวะสำคัญของเกม อาจจะไม่ถึงขั้นจุดเปลี่ยนเพราะมันไม่ได้เปลี่ยนเกมสักเท่าไหร่ แต่ก็แน่นอนว่าจุดโทษ 3-2 ที่ทำให้ลิเวอร์พูลแม้จะดูเสียเปรียบนิดๆ เรื่องรูปเกมแต่ก็อยู่ในสถานการณ์ได้เปรียบอยู่ต่อไป จังหวะนั้นปะทะเบาและธรรมดามากครับ อยู่ที่ดุลยพินิจของผู้ตัดสินซึ่งจะเป่าให้จุดโทษก็ให้ได้แหล่ะ แต่ถ้าความเห็นส่วนตัวผมว่าลูกนั้นก็ไม่น่าได้ อย่างไรก็ตาม ถ้ามองจากการที่ผู้ตัดสินนั้นนี้ขยันเป่าเหลือเกิน เดี๋ยวฟาล์วๆ อยู่ตลอดเกม จังหวะแบบนั้นให้ก็เลยไม่แปลกเท่าไหร่....มั้ง (เข้าข้างตัวเองอยู่ครับ) ถ้านกหวีดหนักตลอดเกมแล้วมาเป่าลูกนั้นนี่อาจโดนดักตีกบาลแยกได้

_______ นัดนี้จะว่าโชคดีก็ได้ครับ ลูกแรกกับลูกสามนี่ก็ชัดอยู่ว่าโชคช่วย แต่ถึงอย่างนั้นก็พูดได้ว่าเกมรุกของลิเวอร์พูลยังดีอยู่ แม้จะต้องพึ่งซัวเรสกับสเตอริดจ์ในการจบสกอร์อยู่มาก ... แต่เราก็บอกว่า "ถ้าไม่มี" "ถ้าไม่นับ" มันก็ไม่ได้นะครับ สองคนนี้มันก็ผู้เล่นของทีมนี้ สเตอริ่งก็ทำตามหน้าที่ได้ดี ทำให้เกมโต้กลับดูดีทีเดียว คูตินโย่ก็เหลือแค่ยิงให้มันเข้าสักทีแค่นั้นเอง ง่ายๆ ว่าโดนยิง 3 ลูกแล้วยังชนะได้ ไม่เรียกว่าเกมรุกดีแล้วจะให้เรียกว่าอะไรล่ะ?

________ ...เกมนี้สนุกครับ แต่จะให้ดีขอสนุกน้อยลงกว่านี้ ชนะสักหนึ่งศูนย์สองศูนย์ก็ได้ แนวรับไม่ต้องสร้างความมันส์ให้ขนาดนี้ก็จะดีมาก...
 -------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดีบ้างไม่ดีบ้าง

มินโยเล่ - เน้นก๋วยเตี๋ยวไม่เน้นเกาเหลา เป็นคนรักเส้นมากกก ไม่ค่อยยอมจะแยกจากกัน หลายครั้งที่ควรจะออกมาปิดมุมหรือตัดบอลโด่งห่างจากเส้นก็ไม่ออก บางครั้งตัดสินใจทิ้งเส้นออกมาก็ค่อนข้างช้า แต่กับลูกเซฟเขายังทำได้น่าประทับใจทีเดียว เซฟลูกสำคัญไว้ได้ 2-3 ครั้ง ที่เข้าตาสุดๆ ก็คงเป็นลูกโหม่งของวอลเตอร์กับเจอราร์ดนั่นหล่ะ อ้อ...แต่ก็ยังมีส่วนพลาดในลูกที่สามนะ ลูกนั้นน่าจะเอาอยู่

ซิสโซโก้ - เกมรับมีปัญหามาก โอเคยังสกัดและบล็อคลูกยิงได้บ้าง แต่แย่งบอลกลับมาได้น้อยเหลือเกินและคู่ต่อสู้ได้เปิดบอลเยอะมากเกินไป การเชื่อมเกมไม่ถึงกับดีและเกมรุกก็ไม่ได้ช่วยอะไร

ตูเร่ - มีปัญหาในจังหวะประกบเคร้าช์พอสมควร ดีตรงที่ทำให้เคร้าช์พลิกบอลแทบไม่ได้ ใน 90 นาทีนี้เคร้าช์แทบจะไม่เห็นหน้ามินโยเล่เลยแต่ถึงอย่างนั้นตูเร่ก็ปิดเกมของเคร้าช์ไม่ได้ ประกบพลาดตอนเสียลูกแรกและสร้างปัญหาให้วอลเตอร์ในจังหวะเสียลูกที่สามได้น้อยไปด้วย ยังผ่านบอลขึ้นได้ดีสุดในแผงหลัง

สเคอเทล - ยังดึงอยู่ตอนเล่นลูกตั้งเตะแต่น้อยลงบ้างแล้ว ซ้อนเพื่อนได้ค่อนข้างดีและเข้าสกัดได้เด็ดขาด...ไปหน่อย หนักไปทางสาดทิ้งเยอะ

จอห์นสัน - ซิสโซโก้เวอร์ชั่นบล็อคลูกเปิดไม่ค่อยได้

ลูคัส - มีพื้นที่ให้ต้องเล่นมากขึ้น ทำได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะการเคลื่อนที่ที่ทั้งตามลงไปแย่งบอลหรือหยุดเกมรุกคู่ต่อสู้ได้เป็นระยะ และการเคลื่อนที่รับบอล,ทำทาง จังหวะเด็ดขาดในเกมรุกไม่มีให้เห็นแต่เขาเองก็แทบไม่ได้เล่นบทบาทนี้แบบเต็มตัวเต็มเกมแบบนี้มานานแล้ว

เฮนเดอร์สัน - มีส่วนร่วมกับเกมไม่มากนัก มีบอลยาวสวยๆ ให้เห็นนิดหน่อยไม่มากนัก ยังขยันวิ่งไล่ให้คู่ต่อสู้ต้องคายบอลเร็วได้ดีพอสมควรแต่ก็ไม่ดีเท่าลูคัส

คูตินโย่ - เชื่อมเกมพอใช้ได้ บอลผ่านสวยๆ แทบไม่มี มีส่วนร่วมกับเกมไม่มากนักเช่นกัน ดีตรงที่หาพื้นที่ได้ดี พาตัวเองไปยิง, พาบอลไปหาที่ยิงได้ดีจริงๆ แต่ยิงได้ไม่ดีจริงๆ เหมือนกัน

สเตอริ่ง - เป็นเด็กนอกกรอบ ตราบใดที่ยังไม่ถึงเขตโทษสเตอริ่งทำได้ดีทุกอย่าง เป็นตัวหลักในเกมโต้กลับของทีมและทำหน้าที่นั้นได้ดีมากด้วยในนัดนี้ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ไปถึงเขตโทษ...เตรียมถอนหายใจได้เลย จังหวะเรียกจุดโทษให้กับทีมได้ผมไม่มองว่าสเตอริ่งทำได้ดี เพราะถ้าเป็นผู้ตัดสินคนอื่นๆ ดีไม่ดีจะโดนใบเหลืองเอา แล้วจังหวะนั้นถ้าเขาสปีดเข้าไปตั้งแต่แรกรับรองคู่ต่อสู้เห็นแต่ตูดครับ ไม่ได้มาแซะอยู่ข้างๆ หรอก

เจอราร์ด - ออกบอลพลาดเยอะครับ คือที่ดีก็มีอยู่ล่ะ แถมที่ดีมากก็มีไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้งด้วย แต่จังหวะที่พลาดมันเยอะกว่าจริงๆ อย่างไรก็ตาม การอ่านเกมที่ดีของเขาช่วยทีมไว้ได้เยอะ ทั้งการดักตัดการผ่านบอลของคู่ต่อสู้และจังหวะการโต้กลับที่เลือกเล่นได้ดี...ถ้าไม่ติดว่าหลายจังหวะที่โต้นั้นออกบอลพลาดเยอะ เกมนี้ยิงได้ทะลุครึ่งโหลแน่นอน

ซัวเรส - ครึ่งแรกได้บอลไม่มากนักแต่ความขยันก็ช่วยให้เจ้าตัวยิงได้ 1 ลูก ครึ่งหลัง ครึ่งหลังมีส่วนกับเกมมากขึ้น เรียกฟาล์วได้ดีและผ่านบอลได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีสเตอริดจ์ลงมาเหมือนมาม่าได้น้ำร้อน อร่อยเด็ดทีเดียว

ตัวสำรอง

สเตอริดจ์ - เป็นตัวสำรองคนแรกของลิเวอร์พูลในรอบหลายสิบนัดที่ลงมาแล้ว...พลิกเกมไปในทางที่ดีขึ้นได้

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ราฮีม สเตอริ่ง... แม้จะชื่นชมกองหน้าคู่ที่ยิงคมและทำผลงานได้ดี แถมบ่นสเตอริ่งเป็นเด็กนอกกรอบ แต่นัดนี้เจ้าตัวมีส่วนร่วมกับเกมเยอะมาก ทำตามหน้าที่ได้ดีโดยเฉพาะในเกมโต้กลับ ลูก 1,3,5 เขาก็มีส่วนร่วมด้วย

------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2557

เปิดตลาด...แล้วไงต่อ?



_______ ครึ่งฤดูกาลผ่านไปลิเวอร์พูลยังเกาะติด Top4 ได้อย่างฉิวเฉียด ตามหลังเชลซีอันดับ 3 อยู่ 4 แต้มและนำเอฟเวอร์ตันอันดับ 5 อยู่เพียงแต้มเดียว เกมรับไม่ถึงกับแย่ เมื่อเสียประตูไปเพียง 23 ประตูแต่ก็ยังนับว่ามากที่สุด(เท่ากับซิตี้)ในกลุ่มหัวตาราง 5 อันดับแรก แต่เกมรุกเริ่มกลายเป็นจุดเด่น เมื่อยิงได้มากถึง 46 ประตู เป็นรองเพียงซิตี้ทีมเดียวเท่านั้น ทั้งยังมีประตูได้เสียบวกถึง 23 ลูก เกมในบ้านกลายเป็นจุดแข็งอย่างแท้จริงเมื่อชนะได้ถึง 9 แพ้แค่นัดเดียวไม่มีเสมอ เก็บแต้มได้เป็นกอบเป็นกำ ในขณะที่ผลงานนอกบ้านไม่ค่อยดีนัก ชนะ 3 เสมอ 3 แพ้ 4 เก็บแต้มได้น้อยกว่าวิลล่าหรือนิวคาสเซิลเสียอีก อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมก็ต้องถือว่าเป็นครึ่งฤดูกาลแรกที่ดีเอามากๆ เกาะหัวตารางได้, หาจุดแข็งตัวเองเจอ, มีวิธีการเล่นที่ชัดเจนแน่นอน

_______ ถึงอย่างนั้นก็ตาม เมื่อตลาดหน้าหนาวเปิดทำการแล้ว ถ้าลิเวอร์พูลยังพอใจกับทีมชุดปัจจุบันที่มีขนาดเล็ก ขาดตัวสำรองชั้นดีที่พร้อมจะลงมาพลิกเกมหรือทดแทนเมื่อตัวจริงไม่พร้อมลง สนาม ลิเวอร์พูลมีสิทธิจะหลุดและน่าจะหลุดจาก Top4 เอาง่ายๆ เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล เพราะทีมที่จ่อคอหอยอยู่อย่างเอฟเวอร์ตันก็น่าจะมีเงินเหลือบ้างเนื่องจาก ซัมเมอร์ก็ไม่ได้ลงทุนอะไรนักแถมอยู่ในสถานะที่ยั่วให้ทุ่มเป็นอย่างยิ่ง, สเปอร์ที่มีพร้อมซื้อเสมอถ้าผู้จัดการทีมอยากได้, แมนฯยูฯ ที่มีเงินเหลือเพียบแถมอยู่ในสถานะที่ไม่ทุ่มก็ไม่ได้แล้ว ยังไม่ต้องนับว่า 3 อันดับแรกอาจจะใช้โอกาสนี้เสริมทีมเพื่อฉีกหนีออกไปไกลให้ต้องลำบากลุ้นแค่ ที่ 4 ให้มันยากเข้าไปอีก ...ยังไงลิเวอร์พูลก็ต้องเสริมทีมครับ

_______ อย่างที่รู้ๆ กัน เงินมีหรือไม่มีไม่ใช่ประเด็น แต่ลิเวอร์พูลไม่ใช่ทีมที่พร้อมจะทุ่มเงินจำนวนมหาศาล กว่าจะซื้อแต่ละตัวต่อแล้วต่ออีก ในเมื่องบมีจำกัดก็ต้องมีการจัดลำดับความสำคัญกันหน่อย นี่คือลำดับความสำคัญของแต่ละตำแหน่งที่ผมคิดว่าทีมควรจะเสริมในตลาดหน้า หนาวนี้ รวมไปถึงตำแหน่งที่ควรจะปล่อยออกไปบ้างเพื่อประโยชน์สูงสุดของทีมครับ

_______ ผู้รักษาประตู โอเคทีมมีมินโยเล่ สำรองยังเป็นโจนส์ ยังหาเหตุผลดีๆ ในการลงทุนในตำแหน่งนี้ไม่ออกสำหรับตลาดรอบนี้ ไม่ต้องเสริมจะดีกว่า

_______ เซนเตอร์ฮาล์ฟ ตอนนี้ล่อไป 4 ตัวครับ ซีเนียร์เน้นๆ ยังไม่นับดาวรุ่ง นอกจากจะเป็นตำแหน่งที่ไม่ต้องเสริมแล้วยังอาจจะเป็นตำแหน่งที่คิดจะขายออก ไปสักคนด้วยซ้ำ

_______ แบ็คซ้าย เอนริเก้กับฟลานาแกนเจ็บอยู่ แต่ยังมีซิสโซโก้ รวมไปถึงแอกเกอร์, จอห์นสันที่เคยโยกมาเล่นแล้วก็พอเล่นได้ อาจไม่ใช่ตำแหน่งน่าไว้ใจนักแต่ก็ไม่ใช่ตำแหน่งที่ต้องเร่งเสริมตอนนี้ ได้ก็ดีไม่มีก็ได้ครับ ถ้าจะเสริมจริงๆ ขอแค่ประเภทความชั่วไม่มีความดีไม่ปรากฎก็เหลือเฝือแล้วครับ

_______ แบ็คขวา จอห์นสันกับฟลานาแกนเจ็บ ยังมีตูเร่กับเคลลี่ ในรายเคลลี่อาจไว้ใจไม่ได้มากเพราะห่างสนามไปนาน จอห์นสันเองก็ฟอร์มผีเข้าผีออก(บ่อยกว่าเข้า) แต่ด้วยความที่ยังมีคนเล่นตำแหน่งนี้ได้พอควรเลยคิดว่ายังไม่ใช่ตำแหน่งที่ จะเสริมอะไรตอนนี้ ไว้ว่ากันอีกทีตอนซัมเมอร์ดีกว่า หรือถ้าคิดจะเสริมจริงๆ ควรเป็นคนที่จะเอามาแทนจอห์นสันในระยะยาวมากกว่าที่จะหวังเอามาแค่สำรองหรือ ซื้อแบบแค่ให้โลกรู้ว่ากูก็เสริมทีมนะ

_______ กลางรับ โอเค ไม่ต้องสืบครับทีมมีกลางรับแท้ๆ แค่คนเดียวคือลูคัส แต่ถึงอย่างนั้นร็อดเจอร์ดูจะไม่ค่อยเน้นการเสริมตำแหน่งนี้สักเ่ท่าไหร่ ตั้งแต่เริ่มคุมทีมแล้ว เพราะเขาปล่อยสเปียริ่งไปแบบไม่ได้ซื้อใครมาแทน ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเห็นตำแหน่งอื่นสำคัญกว่า...เงินมีก้อนเดียวเลยต้องไป ซื้อตำแหน่งอื่นก่อน หรือตั้งใจจะใช้กลางรับที่คล่องตัวเพื่อเพิ่มสปีดบอลแดนกลาง แต่ไม่ว่าจะทางไหน ตลาดหน้าหนาวนี้กลางรับเป็นตำแหน่งที่ "ต้อง" เสริมครับ เพราะตอนนี้มีไม่พอใช้จริงๆ ไม่นับลูคัสแล้ว คนที่พอเล่นได้คือเจอราร์ด, เฮนเดอร์สัน, อัลเลน สำหรับ 2 รายแรกก็มีตำแหน่งที่ชอบๆ ที่สร้างกุศลผลบุญให้ทีมได้มากกว่าให้เล่นอยู่แล้ว ส่วนรายหลังก็เหมาะสำหรับการเล่นกลางรับในบางเกม ไม่ใช่ทุึกเกม การเสริมทีมอาจจะเลือกเสริมพวกถึกๆ หนาๆ เห็นหน้าแล้วคิดถึงพ่อแก้วแม่แก้วมาใช้รับมือกับพวกโอแปร์สนามหญ้า หรือไม่ก็เอาพวกกองกลางพลังม้าเห็นเดิร์ก เค้าท์เป็นไอดอลมาค่อยวิ่งไล่วิ่งรองบอลก็ได้...ขอให้ได้สักคนเถอะ

_______ กองกลาง ตำแหน่งมีเจอราร์ด, อัลเลน, เฮนเดอร์สัน ในรายแรกนั้นชัดเจนแล้วว่าถ้าขาไม่หัก, เอ็นไม่ฉีกยังไงร็อดเจอร์ก็ใช้งานแน่ แต่การตะบี้ตะบันใช้งานเขาแบบนี้อาจทำให้เวลานั้นมาถึงเร็วกว่าที่ควร รวมไปถึงเจอราร์ดพ.ศ.นี้ก็ทำให้เรารู้ความหมายของคำว่า อนิจจา วต สังขารา ...เขาคงเล่นได้ไม่ตลอดและกับบางสถานการณ์คงไม่เหมาะกับเขา ในรายของอัลเลนและเฮนเดอร์สันมีความคล้ายคลึงในเรื่องการเก็บบอล...คือไม่ ค่อยเก็บ ไม่ใช่ว่าไม่ดีแต่มันแค่ไม่ใช่สไตล์  แม้แต่ในวันที่เล่นได้ดีที่สุดของทั้งคู่เราก็ยังแทบไม่เห็นการเก็บบอลไว้ กับตัวหรือการพาบอลไปเอง ซึ่งในบางเกมบางสถานการณ์มันก็จำเป็นต้องมีกองกลางประเภทนั้นไว้ใช้งานบ้าง ดังนั้นตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่อาจจะไม่ถึงคำว่า ต้อง แต่ก็ควรจะเสริม อยากได้แบบไหนก็ตามใจฝัน เพราะมีทางเลือกให้เสริมหลากหลาย บางทีอาจไม่ต้องลงทุนมากเพียงแค่หาคนที่เล่นแตกต่างออกไปก็น่าจะช่วยได้แล้ว

_______ กลางรุก/หน้าต่ำ รายชื่อยาวเป็นหางว่าวครับแต่ดีมั้ยนี่อีกเรื่อง คูตินโย่, เฮนเดอร์สัน, อัลเลน, เจอราร์ด, โมเสส, อัสปาส, สเตอริ่ง, ซัวเรส สำหรับชื่อแรกนี่น่าจะเป็นคนที่เข้าท่าที่สุดในเวลานี้ แค่ลดความอยากไปบอลโลกลงสักหน่อยก็อาจทำให้เราไม่ต้องทุ่มซื้อตำแหน่งนี้แบบ แพงๆ แล้ว อัลเลนกับเฮนเดอร์ ณ เวลานี้อยู่ตรงกลางน่าจะดีกว่า เจอราร์ดเล่นได้ครับในข้อแม้ว่าให้เขาเล่นเกมรุกอย่างเดียว ไม่ต้องวิ่งถอยลงมาไล่บอลต่ำ โมเสส,อัสปาส,สเตอริ่ง พิมพ์แค่ให้รู้ว่าเขาเคยเล่นตรงนี้กัน ส่วนซัวเรสนั้นอาจเป็นทางเลือกแรกด้วยซ้ำถ้าสเตอริดจ์กลับมา ตำแหน่งที่ผมคิดว่ามันอยู่ที่จะเลือกครับ ถ้าจะเสริมก็ต้องเสริมแบบของแท้เกรดเอนำเข้ามาเลย แบบที่ไม่ต้องคิดว่าจะเอาคูตินโย่ขยับเข้ากลางหรือซัวเรสถอยลงต่ำอีกต่อไป แล้ว แต่ถ้าคิดว่าตลาดรอบนี้ตัวแบบที่ว่ามันจะแพงเว่อร์เป็นราคาผักช่วงกินเจก็ อาจไม่ต้องเสริมก็ได้ รอซัมเมอร์เอา ถ้าอยากเผื่อเหลือเผื่อขาดอาจจะเลือกเสริมตัวถูกๆ ที่ทำอะไรไม่เป็นเลยไม่ต้องคิลเลอร์พาส, ไม่ต้องกระชากขาดกระจุย สปีดแค่แซงเต่า แต่ขอแค่จมูกไวกับยิงคมก็น่าจะช่วยทีมได้ไม่น้อยในบางสถานการณ์ เพราะสำหรับวิธีเข้าทำของร็อดเจอร์แล้ว ตำแหน่งนี้ได้โอกาสยิงเยอะที่สุดในทีม

_______ *ริมเส้นซ้าย คูตินโย่, ซัวเรส, สเตอริดจ์, สเตอริ่ง, โมเสส, อัสปาส เหมือนน้อยแต่ก็ไม่น้อย ประเด็นคงอยู่ที่ว่าจะเอาคูตินโย่ไปไว้ตรงไหน ถ้าคิดจะใช้ตรงนี้เป็นหลักก็ไม่ต้องเสริมใครตอนนี้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าสเตอริดจ์กลับมาต่อให้โยกคูตินโย่เข้ากลางหรือเจ็บไปก็ ยังมีคนเล่นอยู่

_______ *ริมเส้นขวา สเตอริ่ง, โมเสส, ซัวเรส, สเตอริดจ์, อัสปาส, เฮนเดอร์สัน ก็คล้ายกับริมเส้นขวา คือถ้าสเตอริดจ์กลับมาแล้วตำแหน่งนี้อาจไม่จำเป็นต้องเสริมตอนนี้ อัสปาสอาจจะต้องรอเคาะสนิมอยู่แต่ก็ควรจะได้โอกาสบ้าง เฮนเดอร์สันเองอาจจะค่อยเวิร์คนักกับตำแหน่งนี้แต่ถ้าบางเกมที่ต้องการตัว ไล่และเล่นเกมรับเพิ่มขึ้นก็เป็นทางเลือกที่ดี

_______ *อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่นับเรื่องเพิ่มขนาดทีม แต่เน้นเรื่องเพิ่มคุณภาพ 11 ตัวจริง ริมเส้นสักตัวฝั่งไหนก็ได้ที่เล่นเกมรุกได้อย่างมีประสิทธิภาพและเก่งใน จังหวะตัวต่อตัวจะช่วยทีมได้เยอะมาก เยอะที่สุดกว่าการเสริมตำแหน่งอื่น ตอนนี้ปีกที่ทำเกมได้มีน้อยครับ แล้วถ้าดูเฉพาะปีกที่ทำเกมแบบปีกจริงๆ คือใช้พื้นที่ริมธงริมเส้นได้ดีนี่คือไม่มีเลย

_______ กองหน้า ซัวเรส, สเตอริดจ์, อัสปาส มีอยู่แค่นี้ละครับ แต่สำหรับทีมตอนนี้ที่ใช้หน้าเดี่ยวเป็นหลัก และใช้หน้าคู่แค่เฉพาะเวลาที่ซัวเรสกับสเตอริดจ์ฟิตลงได้พร้อมกัน แค่นี้ก็เหลือพอเกินพอแล้ว ...คงไม่มีกองหน้าดีๆ ที่ไหนจะพร้อมย้ายมาทีมที่มีคู่กองหน้าคู่นี้เป็นตัวจริงอยู่หรอกครับ อย่างอัสปาสกล้ามานี่คือเขาเป็นตัวเลือกที่ 3 ใครเจ็บสักคนยังมีโอกาสได้ลง แต่ถ้าคนที่ 4 นี่ถ้าไม่บ้าก็รู้อนาคตล่วงหน้าว่าจะมีคนย้ายละครับ ...ดันเด็กๆ ลงเวลาไม่มีอะไรทำก็พอ

_______ นอกจากเรื่องจะหาใครมาเพิ่มแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างคือการจะปล่อยใครออกจากทีมไปอีกด้วย ลิเวอร์พูลตอนนี้ต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งและไม่ควรจะปล่อยใครออกไปอีก แม้แต่คนเดียว เต็มที่ที่สุึดคงเป็นเซ็นเตอร์ที่พอจะปล่อยออกไป 1 คน แต่นอกนั้นถ้าปล่อยก็บรรลัยละครับ แม้แต่คนที่ช่วงนี้เล่นไม่ได้เป็นสัปปะรดอย่างโมเสส สนิมเกาะรอเคาะขัดอย่างอัสปาส ดาวรุ่งอนาคตไกลโพ้นเห็นอยู่ลิบๆ อย่างไอบ์ ตัวหลักชวนปวดขมับอย่างจอห์นสัน ที่รักของพยาบาลอย่างเคลลี่ ฯลฯ ปล่อยไม่ได้ครับ เล่นไม่ดีก็ไม่ดีตอนนี้ เจ็บก็เจ็บตอนนี้ ตอนหน้ายังอาจจะเล่นดีเล่นได้ อย่าว่าแต่ยังดีกว่าไม่มีใครจะส่งลง ... ปล่อยพวกนี้ไปแล้วจะมาค้นฟ้าคว้าดาวอะไรกับพวกแบรด สมิท, รอทซีเตอร์ เหรอครับ แถมเวลาบ่นๆ กันว่าร็อดเจอร์ไม่แก้เกม, ร็อดเจอร์เปลี่ยนตัวช้า, ร็อดเจอร์ไม่พักตัวหลัก...ถ้าไม่มีผู้เล่นกลุ่มนี้ ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องไปบ่นร็อดเจอร์กันแล้วครับ ..ไม่มีไพ่ในมือให้เปลี่ยนหน้าเล่นเลยนี่

_______ สรุปแล้วตำแหน่งที่ผมคิดว่าต้องเสริมในทุกกรณีอยู่ที่ กลางรับ หากคิดจะเพิ่มคุณภาพ 11 ตัวจริง กลางรุกกับริมเส้นเป็นตำแหน่งที่น่าลงทุน หากคิดจะเพิ่มขนาดทีมนี่เสริมได้หลายจุด ที่ควรเพิ่มหน่อยก็คงเป็นแบ็คซ้ายที่เจ็บเยอะ คนเล่นได้น้อย, กองกลางที่อาจต้องการความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งคงไม่ต้องทุ่มอะไรกับมันมากนัก รวมไปถึงไม่ปล่อยใครไปเพิ่ม ทุนระดับ 15-20 ล้านปอนด์น่าจะครอบคลุมได้หมดถ้าไม่ได้จัดตัวท็อป ถ้าคิดจะทุ่มตัวท็อปทีมอาจจะเล็กนิดเดียวต่อไปแต่ก็ได้คุณภาพเพิ่มมาแทน เป็นแฟนบอลลิเวอร์พูลยุคนี้ต้องทำใจนิดนึงครับ ได้อย่างเสียอย่าง จะเอาทุกอย่างแบบทีมอื่นคงไม่ไหว

_______ ...ได้ตามนี้ก็น่าจะยึด Top4 ได้ล่ะน่า...

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันพุธที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2557

ลิเวอร์พูล 2 - 0 ฮัลล์ ซิตี้ (พรีเมียร์ลีค)


...เสือไร้เขี้ยว...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

-------------------------ซัวเรส-------------------------
สเตอริ่ง-----------------คูตินโย่-----------------อัสปาส
--------------ลูคัส--------------เฮนเดอร์สัน------------
ซิสโซโก้------แอกเกอร์-------สเคอเทล------จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเล่นเกมแรกของปี 2014 ด้วยการเปิดบ้านรับฮัลล์ ซิตี้ นัดนี้ร็อดเจอร์ปรับทีมพอสมควร ซิสโซโก้ได้กลับมาเป็นตัวจริง แอกเกอร์ขยับเข้าไปเล่นเซนเตอร์ ตัวรุกมีอัสปาสลงเล่นริมขวาและคูตินโย่ได้เล่นตรงกลาง
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาฮัลล์พยายามวิ่งไล่ มีไล่ถึงแดนหน้าบ้างเป็นระยะแต่ที่เน้นคือแดนกลางที่ไล่เร็วตลอด รวมไปถึงเล่น 3-5-2(หรือ 3-6-1 ด้วยซ้ำ) ทำให้แดนกลางได้เปรียบตัวผู้เล่นด้วย ลิเวอร์พูลตั้งเกมรุกได้ลำบาก แดนกลางพลิกบอลไม่ได้ หนักไปทางเคาะบอลกันอยู่ในแดนตัวเอง ถึงจะครองบอลได้มากกว่าเกือบเท่าตัวแต่ยังทำอะไรคู่ต่อสู้ไม่ได้

_______ ฮัลล์เน้นเกมริมเส้นและตั้ง เกมด้วยบอลบนพื้น แบ็คสองข้างไม่ค่อยเติมและกองกลางก็สอดกันขึ้นมาช่วยหน้าตัวเป้าน้อยทำให้ บอลไปไม่ค่อยถึงข้างหน้า ส่วนลิเวอร์พูลโดนไล่ตรงกลางจนตั้งเกมไม่ได้หันมาใช้บอลยาวมากขึ้นแต่ก็ยัง ไม่ได้ผล จ่ายพลาดเป็นส่วนใหญ่ นาที 19 ลิเวอร์พูลได้ลุ้นจากฟริีคิกที่คูตินโย่เปิดลึกเข้าไปในเขต 6 หลา ซัวเรสโหม่งเข้าไปได้แต่ถูกจับล้ำหน้าไปก่อน

_______ ช่วง 20 นาทีแรกของผ่านไปแบบหน้าอึดอัด หาโอกาสยิงได้น้อยทั้งสองฝ่าย ส่วนใหญ่หนักไปทางไล่อัดตรงแดนกลาง แต่ผ่าน 20 นาทีไปแล้ว ลิเวอร์พูลเริ่มหันมาเล่นบอลชิ่งจังหวะเดียวมากขึ้น โดยเฉพาะซัวเรสที่ถอยลงมาเชื่อมเกมแดนกลางมากกว่าช่วงต้นเกม ประกอบกับจอห์นสันที่เติมขึ้นไปตลอดทำให้เกมริมเส้นฝั่งขวาของทีมเริ่ม กระเตื้อง พาบอลไปถึงแดนหน้าได้มากขึ้นบ้าง

_______ ฮัลล์ยังคงไล่แดนกลางได้เร็วและเข้าบอลกันค่อนข้างหนัก ลิเวอร์พูลเกมดีขึ้นกว่าในช่วงต้นเกมพอสมควรแต่ก็ยังเจาะลำบากอยู่และเกมไม่ ค่อยต่อเนื่องด้วย อย่างไรก็ตาม แม้จังหวะเกมเปิดทำไม่ได้ แต่ลิเวอร์พูลยังมามีทีเด็ดจากลูกตั้งเตะ นาที 36 ได้ลูกเตะมุม คูตินโย่เปิดเข้ามาแถวจุดโทษ แอกเกอร์ขึ้นได้ถึงบอลโหม่งเข้าไปได้สำเร็จ 1-0

_______ หลังเสียประตูเกมยังไม่เปลี่ยน ฮัลล์ยังทำได้ดีในการปิดเกมแดนกลางแต่ก็ดันเปิดเกมของตัวเองไม่ได้ ส่วนลิเวอร์พูลก็เกมไม่ต่อเนื่องและเจาะเข้าพื้นที่สุดท้ายได้น้อย 5 นาทีท้ายมีการสลับตำแหน่งอัสปาสกับซัวเรสแต่ก็ไม่มีผลอะไรกับเกม จบครึ่งแรกที่สกอร์ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ฮัลล์ลงมาเติมเกมกันมากขึ้น แต่คุณภาพการผ่านบอลในแดนหน้าไม่ดีนัก หาโอกาสแทบไม่ได้ ส่วนลิเวอร์พูลยังเล่นคล้ายเดิม แล้วก็มาได้ประตูหนีห่างจากลูกตั้งเตะอีกครั้ง นาที 50 ซัวเรสวิ่งเข้าไปบังบอลเรียกฟาลว์ได้หน้าเขตโทษ รับหน้าที่ยิงเองเข้าไปได้ 2-0

_______ หลังสกอร์ขยับ เกมของลิเวอร์พูลเริ่มเล่นได้ง่ายขึ้น ผ่านบอลกันได้ดีขึ้นกว่า 50 นาทีก่อนหน้านี้ ส่วนฮัลล์เองก็เกมสะดุดไปทั้งเกมรุกที่ลงมาพยายามจะเร่ง และเกมรับที่การไล่บอลแดนกลางเริ่มหลวมขึ้นให้เห็นแล้ว นาที 55 ตูเร่ได้ลงแทนจอห์นสันที่มีอาการบาดเจ็บมาตั้งแต่ครึ่งแรก นาที 58 ฮัลล์เปลี่ยนรวดเดียว 3 คน แต่เกมก็ยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่

_______ นาที 62 เจอราร์ดได้ลงแทนอัสปาส ขยับเอาสเตอริ่งมาเล่นทางขวา เอาคูตินโย่ไปซ้าย ให้เจอราร์ดเล่นตรงกลางคู่กับเฮนเดอร์สัน ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลเริ่มหันมาเน้นครองบอลมากขึ้นแล้ว เกมผ่อนลงไปเล็กน้อย แค่เล่นไปตามจังหวะถ้ามีช่องก็ค่อยทำเร็วขึ้นหน้า ซึ่งก็หาโอกาสได้เป็นระยะแต่จังหวะสุดท้ายทำได้ไม่ดี

_______ นาที 76 โมเสสแทนสเตอริ่ง จากตรงนี้แทบปิดทีวีนอนได้เลย เกมค่อนข้างอืด ลิเวอร์พูลเน้นครองบอล จังหวะทำเร็วหรือโต้กลับก็ทำได้ไม่ค่อยเด็ดขาด หาโอกาสได้ค่อนข้างมากแต่จบสกอร์ไม่ดีจนชวดได้ประตูเพิ่ม ทางฮัลล์ก็ยังเล่นแบบทื่อๆ ต่อไป บอลเข้าทำไร้จินตนาการและความเด็ดขาด เข้า 10 นาทีสุดท้ายเริ่มโยนโด่งเข้าเขตโทษมากขึ้นก็ไม่ได้ลุ้นอะไร จบเกมไปด้วยสกอร์ 2-0
-----------------------------------------
_______ เกมอืดจืดชืดมากครับ หมายถึงทั้ง 2 ทีมนะ

_______ 11 ตัวจริงวันนี้เปลี่ยนไปพอสมควรแต่วิธีการเล่นเปลี่ยนไปไม่มากนัก ร็อดเจอร์ไม่ได้ปรับเปลี่ยนวิธีเข้าทำและวิธีเล่น แต่สิ่งที่ทำให้เกมออกมาเป็นแบบที่เห็นเป็นผลมาจากฮัลล์ที่เน้นแดนกลางเอา มากๆ มีผู้เล่นในพื้นที่นี้เยอะและวิ่งใส่เล่นหนักตลอดเกม รวมไปถึงผู้เล่นลิเวอร์พูลเองที่ฟอร์มด้อยลงไปจากช่วงก่อนหน้า นอกจานั้นสภาพความฟิตก็ดูจะมีปัญหาให้เห็นด้วย

_______ พูดถึงฮัลล์ก่อน พวกเขาใช้ 3-5-2(3-6-1) วางซันโบไว้ข้างหน้าคนเดียว และกลางที่ควรจะทำเกมรุกอย่างโคเรนก็ยังช่วยวิ่งไล่ตลอด ทำให้พวกเขาปิดเกมแดนกลางลิเวอร์พูลได้ดีมาก ช่วงก่อนที่จะนำ 2-0 กลางลิเวอร์พูลพลิกบอลแทบไม่ได้ ซัวเรสถ้าอยู่ข้างหน้าก็จะหายไปจากเกม ลงมาช่วยตรงกลางก็ไม่มีคนวิ่งทำทางข้างหน้า อีกทั้งฮัลล์ยังเก็บบอลจังหวะสองในเกมรับตัวเองได้ดี ตลอดเกมลิเวอร์พูลทำเกมรุกได้ไม่ต่อเนื่องเลย ถ้าไม่มีทีเด็ดลูกฟรีคิก 2 ครั้งมาช่วยไว้คงต้องลุ้นเหนื่อยกันอีกหลายยก

_______ อย่างไรก็ตาม คุณภาพผู้เล่นฮัลล์ค่อนข้างแย่ แม้พวกเขาจะได้เปรียบทางแทคติค คือปิดเกมลิเวอร์พูลได้ดีแล้ว แต่เกมรุกไม่ว่าจะเป็นการตั้งเกมหรือทำเกมเร็วทำได้ไม่ดีเลย หน้าเป้าอย่างซันโบหรือแม้กระทั่งแกรมที่เปลี่ยนลงมาก็ทำอะไรไม่ได้(ไม่เห มือนเนเกรโด้) คู่เซ็นเตอร์ไม่เจอปัญหาใดๆ กับการรับมือกองหน้า ส่วนแดนกลางจังหวะที่ตัดบอลมาได้แล้วก็ทำอะไรไม่ได้ เลี้ยงจี้ก็ไม่ผ่าน(ไม่เหมือนวิลเลี่ยน) จะยิงไกลก็ไม่เข้ากรอบ(ไม่เหมือนนาสรี่) จะจ่ายทะลุแนวรับก็ทำได้แย่มาก(ไม่เหมือนซิลบา) ...เฉพาะ 50 นาทีแรกของเกม แทคติคฮัลล์น่ะชนะครับ แต่คุณภาพผู้เล่นทำให้พวกเขาไม่ได้อะไรติดมือกลับไปเลย

_______ มองทางฝั่งลิเวอร์พูล ฟอร์มของผู้เล่นหลายคนด้อยลงไปเยอะ ส่วนหนึ่งมาจากการโดนไล่เร็ว,ประกบติด,เข้าบอลหนัก แต่ถ้ามองเทียบกับนัดที่เจอเชลซีที่คู่ต่อสู้ก็เล่นแบบเดียวกับฮัลล์ ผู้เล่นลิเวอร์พูลยังทำอะไรได้มากกว่านี้ แต่นัดนี้ก่อนนำ 2 ลูกพลิกบอลกันแทบไม่ได้ และทั้งเกมก็ทำเกมกันตะกุกตะกักไปหมด ไม่ใช่ว่าลิเวอร์พูลจะโดนฮัลล์ล็อคตายสนิท 50 นาทีแรกลิเวอร์พูลยังหาโอกาสได้บ้าง และหาโอกาสได้เยอะขึ้นหลังจากนั้น แต่ก็เอาโอกาสไปโยนทิ้งยิงขว้างกันหมด

_______ นอกจากนั้น สภาพความฟิตของผู้เล่นหลายคนเริ่มมีปัญหาให้เห็น จอห์นสันนี่เจ็บนิดๆ ตั้งแต่ต้นเกมแล้วก็ต้องเปลี่ยนตัวออกในครึ่งหลัง เฮนเดอร์สันที่ว่าวิ่งเยอะที่สุดแล้วก็ยังวิ่งน้อยลงกว่าเดิม สเตอริ่งนี่แทบจะไม่เห็นจังหวะสปีดเลย ความฟิตผิดมนุษย์อย่างซัวเรสก็เห็นว่าหลายครั้งไม่ได้วิ่งทำทางมากเหมือนที่ ผ่านมาแล้ว ซึ่งน่าจะส่งผลไม่มากก็น้อยที่ทำให้ผลงานนัดนี้ไม่ค่อยจะดีนัก นัดที่เจอโอลด์แดมหวังว่าตัวหลักที่เล่นติดๆ กันจะได้โอกาสพักเต็มสักเกมนึง

_______ สำหรับการเปลี่ยนตัว เรื่องจอห์นสันคงไม่ต้องพูดถึงเพราะเจ็บ การเปลี่ยนอัสปาสถ้ามองเฉพาะเกมนี้ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรเพราะเจ้าตัวเล่นแย่ ที่สุดในแนวรุกแล้ว แต่ถ้ามองถึงโอกาสแล้วก็น่าสงสารเจ้าตัวไม่น้อย คือพึ่งจะได้เป็นตัวจริง ตอนนั้นทีมก็นำ 2 ลูกแล้ว สเตอริ่งเองก็ใช่ว่าจะเล่นดี ยังอุตส่าห์จะโดนเปลี่ยนตัวออกอีก อีกทั้งคนที่ลงมาแทนเป็นเจอราร์ดเข้าไปอีก ถ้าร็อดเจอร์ตั้งใจส่งเจอราร์ดมาจับจังหวะเกมเพราะหายไปหลายนัดก็เข้าใจได้ แต่เปลี่ยนลงมาตั้งแต่นาที 62 นี่ผมว่ามันเร็วไปหน่อย ให้เล่นสัก 15 นาทีก็น่าจะพอ เหมือนกับที่โมเสสได้ลงแทนสเตอริ่งในช่วงเวลาประมาณนั้น

_______ ส่วนเรื่องราวดีๆ ก็คงเป็นเรื่องการเล่นลูกตั้งเตะที่ดีต่อเนื่อง ฤดูนี้ลิเวอร์พูลได้ประตูจากลูกตั้งเตะเยอะครับ นัดนี้ก็ช่วยทีมเอาไว้ได้ ซึ่งไม่ใช่ว่าดีแค่ 2 จังหวะที่ได้ประตูด้วย นาที 19 ซัวเรสก็ได้โหม่งเข้าไปลูกนึงแต่ล้ำหน้า และมีอีกบางจังหวะเหมือนกันที่เข้าถึงบอลก่อนคู่ต่อสู้ อย่างน้อยการเล่นลูึกตั้งเตะได้ดีก็ช่วยทีมในวันที่เล่นเกมเปิดได้ไม่ค่อยดี นักได้ครับ

_______ ...นัดหน้ามาดูทีมสำรองเล่นกันเถอะ ดูว่าจะออกมาเป็นแบบนัดนี้หรือนัดเจอซิตี้...
 -------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ไม่ค่อยดีนัก

มินโยเล่ - ถุึงมือไม่เปื้อนเลยครับ ฮัลล์ยิงไม่เข้ากรอบสักลูก เปิดเกมก็เล่นลูกสั้นเป็นหลักแทบไม่ได้โยน ไม่รู้จะออกความเห็นถึงการเล่นของเขายังไง

ซิสโซโก้ - อ่านเกมไม่ค่อยดีนัก หลายครั้งดันขึ้นไปจะช่วยเชื่อมเกมแต่บอลมันก็ไม่ได้ไปทางนั้นจะเติมขึ้นไป ทำไม ทำให้หลายครั้งก็โดนโต้แล้วลงไม่ทันบ้าง ส่วนจังหวะสกัดและดักตัดบอลก็ทำได้ดีไม่พลาดอะไร

แอกเกอร์ - เกมรับเล่นได้ดี โดยเฉพาะการถ่างออกไปซ้อนซิสโซโก้ที่วิ่งออกไปตามหาความฝันบ่อยๆ ไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ แถมโหม่งประตูขึ้นนำให้กับทีมได้ด้วย

สเคอเทล - เข้าบอลได้แม่นและสกัดได้หมดทุกลูก ส่วนหนึ่งมาจากกองหน้าไม่สร้างปัญหาอะไรให้เขาเลยด้วย แต่ตัวเขาเองก็เล่นได้อย่างมีสมาธิตลอดเกมด้วยเช่นกัน

จอห์นสัน - มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยตั้งแต่ช่วงต้นเกม เติมขึ้นไปได้ดีทำให้เกมริมเส้นฝั่งขวาขยับได้ดีกว่าฝั่งซ้ายในช่วงกลางๆ ของครึ่งแรก จังหวะสุดท้ายไม่เด็ดขาดแต่ก็ทำให้บอลมันไปข้างหน้าได้อยู่ล่ะ เกมรับแทบไม่มีให้เล่น

ลูคัส - มีงานให้ทำไม่มากนัก ยังคงดักตัดบอลที่เปิดเข้าเขตโทษไม่ว่าจะจากทางข้างหรือตรงกลางได้ดี จังหวะตัวต่อตัวก็เอาอยู่..ซึ่งก็ไม่ค่อยมีให้เล่นนักหรอก เชื่อมเกมได้ดีทีเดียวเมื่อเทียบกับการที่ทั้งตัวเองและเพื่อนโดนไล่หนัก เกือบทั้งเกม

เฮนเดอร์สัน - ครึ่งแรกพลิกบอลขึ้นหน้าแทบไม่ได้ หนักไปทางชิ่งบอลกลับหลัง ยังเก็บบอลไว้กับทีมได้แต่มีปัญหาในการส่งบอลขึ้นหน้า ยังดีว่ามีบอลจังหวะเดียวที่ดีอยู่บ้างเป็นระยะ ส่วนครึ่งหลังที่ฮัลล์เริ่มไล่หลวมลง เฮนเดอร์สันกระจายบอลได้ค่อนข้างดี วันนี้มีจังหวะเติมขึ้นไปข้างหน้าน้อยลงเพราะยืนต่ำกว่านัดก่อนๆ

คูตินโย่ - ได้บอลเยอะและมีโอกาสจบสกอร์เยอะที่สุดในทีม...พลาดเรียบหมดทุกลูก ครึ่งแรกออกบอลพลาดเยอะ คือให้ถูกช่องแล้วแต่น้ำหนักไม่ได้เลย มีดีอยู่ไม่กี่ลูก ไม่เหมือนลูกตั้งเตะที่เขาโยนได้ดีมากแทบทุกครั้ง ครึ่งหลังมีพื้นที่ให้เล่นมากขึ้นแต่ฝืนเล่นเองมากไปหน่อย ตลอดเกมไล่บอลค่อนข้างน้อยและมีปัญหาพอสมควรกับการโดนไล่ถึงบอลเร็ว

สเตอริ่ง - ได้บอลน้อย ทั้งเกมมีจังหวะสปีดไปเอาบอลที่เป็นจุดเด่นที่สุดได้ไม่กี่ครั้ง หลุดเดี่ยวไปครั้งนึงก็ยิงได้ไม่ดีพอ มีส่วนร่วมกับเกมไม่มากนัก

อัสปาส - หายสลายไปกับพื้นหญ้า บอลที่ได้บ้างก็เล่นพลาดเกือบทุกจังหวะ แถมโดนเปลี่ยนตัวออกอีกต่างหาก

ซัวเรส - วิ่งน้อยกว่าทุกวัน 20 นาทีแรกโดนตัดออกจากเกม หลังจากนั้นถอยลงมาต่ำบ่อยครั้งและช่วยเรียกฟาล์วสลับกับชิ่งบอลเร็วได้ดี หลายครั้ง ทั้งเกมไม่ค่อยมีจังหวะพาบอลไปเอง ยิงฟรีคิกได้ดี โดยรวมเป็นเกมที่มีโอกาสได้ทำอะไรค่อนข้างน้อยถ้าเทียบกับที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งมาจากโดนซ้อน 2-3 เล่นหนักใส่ตลอดเวลาด้วย

ตัวสำรอง 

ตูเร่ - ไม่ค่อยขึ้นสูง เชื่อมเกมได้ตามเนื้อผ้า เกมรับก็ไม่ค่อยจะมีให้เล่น

เจอราร์ด - ลงไปหาจังหวะตัวเองอยู่พักใหญ่ กว่าจะเริ่มทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้่างก็เข้า 10 นาทีสุดท้าย โดยรวมแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรมากนัก

โมเสส - นอกจากจะไม่ทำอะไรให้ดีขึ้นแล้ว ยังแย่กว่าสเตอริ่งที่ทั้งหมดแรงและเล่นไม่ออกอีกต่างหาก

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...หลุยส์ ซัวเรส... เป็นเกมที่เลือกยากมากครับเพราะไม่มีใครเด่นเลย แอกเกอร์โหม่งลูกขึ้นนำปลดล็อคให้ทีมก็จริงแต่ทั้งเกมก็ไม่ได้มีงานยากอะไร ถึงขนาดต้องเลือก ขอเลือกซัวเรสกับปฏิบัติการฝ่าดงตีน โดนเตะโดนถีบโดนดึงโดนยันตลอดเกมแต่ยังช่วยพอช่วยเกมรุกของทีมได้ แถมยิงลูกนำห่างให้อีกต่างหากก็แล้วกัน
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.