วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ทีมชาิติไทย 0 - 3 ลิเวอร์พูล (พรีซีซั่น)


...มุมกล้องระดับเวิร์ลคลาส....
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-3

-------------------------บอรินี่--------------------------
คูตินโย่------------------------------------------อัสปาส
-------อัลเลน----------เจอราร์ด-----------ลูคัส--------
เอนริเก้------แอกเกอร์---------ตูเร่่------------จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเดินทางมาเยือนไทยเพื่อเตะอุ่นเครื่องกับทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ นัดนี้ร็อดเจอร์จัดทีม 11 ตัวจริงที่คาดว่าน่าจะเป็นชุดที่ใช้ในช่วงออกสตาร์ทในซีซั่นหน้า (เนื่องจากซัวเรสจะยังติดโทษแบนและสเตอริดจ์ไม่น่าจะฟิตทัน) โดยใช้บอรินี่เป็นหน้าเป้า แล้วขยับอัสปาสไปเล่นทางริมเส้นฝั่งขวามากขึ้น
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาลิเวอร์พูลเดินเกมรุก เน้นบอลสั้นเร็วและการเข้าทำด้วยบอลชิ่งจังหวะเดียวเป็นหลัก แผงหลักไม่ได้ดันสูงมากนักและแบ็คเติมเกมตามจังหวะ ไม่ได้ดันลอยขึ้นมาเกินครึ่งสนามอยู่ตลอดแบบนัดที่ผ่านๆ มา ส่วนทางฝั่งทีมชาิติไทยเพรซซิ่งได้ดี เข้าถึงบอลได้เร็ว รวมไปถึงพื้นที่สุดท้ายแม้จะโดนเจาะบ้างแต่ก็ยังถือว่าคุมพื้นที่กันได้ดี

_______ ลิเวอร์พูลมาทำประตูขึ้นนำได้จากความสามารถเฉพาะตัวล้วนๆ นาที 6 คูตินโย่เก็บบอลปลิ้นแถวหน้าเขตโทษได้ก่อนจะแตะหลบกองหลัง 2 คน 3 จังหวะก่อนยิงผ่านสินทวีชัยเข้าไปได้สำเร็จ 1-0 หลังได้ประตูขึ้นนำ ลิเวอร์พูลยังคงได้บอลบุกเป็นส่วนใหญ่แต่เจาะเข้าไปลำบากเพราะทีมชาติไทยเพ รซซิ่งและคุมพื้นที่ได้ค่อนข้างดี โอกาสได้ลุ้นส่วนใหญ่มาจากการเปิดบอลเข้าทำจากริมเส้นซึ่งมักจะถูกสกัดได้ ก่อนถึงกองหน้า

_______ ช่วงกลางถึงท้ายครึ่งแรก ทีมชาติไทยเริ่มทำได้ดีขึ้นโดยเฉพาะการตัดบอลกลางสนามแล้วฉวยโอกาสบุกเร็ว โดยเน้นเกมทางริมเส้นเป็นหลัก แต่บอลเข้าทำที่เน้นการวางบอลโด่งเข้ากลางจากริมเส้นแทบไม่สร้างปัญหาให้กับ คู่เซนเตอร์ของลิเวอร์พูลเลย ก่อนจะจบครึ่งแรกที่สกอร์ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ทีมชาิติไทยปรับเกมก่อนด้วยการลงมาเล่นเน้นเกมบุกเต็มที่ เกมริมเส้นทำได้ค่อนข้างต่อเนื่อง และการเก็บบอลจังหวะสองหน้าเขตโทษก็ทำกันพอใช้ได้ จึงทำให้กดดันลิเวอร์พูลได้มากขึ้น ทางฝั่งลิเวอร์พูลในจังหวะรับยืนกันค่อนข้างต่ำและเก็บบอลได้น้อยลง แต่แล้วจากการที่ทีมชาติไทยเติมกันขึ้นมาเล่นเกมรุกมากก็ทำให้พลาดจนได้ นาที 49 จากจังหวะทำเร็ว คูตินโย่ได้บอลและจ่ายทะลุให้อัสปาสหลุดล้ำหน้าเข้าไปยิงได้สำเร็จ 2-0

_______ สกอร์ขยับแล้วแต่รูปเกมยังคล้ายเดิม ทีมชาติไทยแม้จะได้บุกมากขึ้น เกมริมเส้นก็ไปกันได้ถึงสุดเส้นแต่โอกาสลุ้นประตูมีน้อยเพราะบอลโด่งที่เปิด เข้าไปโดนคู่เซนเตอร์กินเรียบ ลิเวอร์พูลแม้จะบุกน้อยลงแต่ในที่สุดก็หาช่องเจาะประตูเพิ่มได้ก่อนในนาที 59 อัลเลนพาบอลขึ้นมาแถวหน้าเขตโทษ จ่ายออกไปให้อัสปาสทางมุมแคบเสาประตู อัสปาสไม่มีช่องยิงเองแต่หักกลับมาให้เจอราร์ดยิงชิพข้ามแนวรับเข้าประตูได้ สำเร็จ 3-0

_______ หลังจากเสียประตูเพิ่ม เกมโดยรวมเริ่มช้าลง นาที 62 ซัวเรสกับไอบี้ได้ลงแทนบอรินี่กับอัสปาส ต่อด้วยนาที 69 สเคอเทลกับเฮนเดอร์สันได้ลงแทนคูตินโย่กับตูเร่ ถึงตรงนี้เกมส่วนใหญ่เล่นกันไปตามจังหวะ ทีมชาติยังได้ลุ้นอยู่เป็นระยะจากลูกยิงไกลบ้าง ลูกเปิดเข้ากลางบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ยากสำหรับมินโยเล่ ส่วนลิเวอร์พูลก็ได้ลุ้นประตูเป็นระยะเช่นกัน โดยเฉพาะการสลับกันเติมขึ้นมาเล่นเกมรุกของเฮนเดอร์สัน อัลเลน และเจอราร์ด

_______ นาที 80 อัลแบร์โต้ได้ลงแทนอัลเลน รูปเกมไม่มีเปลี่ยนแปลงแล้ว ช่วงก่อนหมดเวลาอนันดาดูหล่อขาดใจมากในโฆษณาการ์นิเย่เมน, สาวๆ เกิร์ลเจนฯ ก็ออกเสียงคำว่า ทรูมูฟเอช ได้น่ารักดี และจบเกมที่สกอร์ 3-0 แบบที่ต้องไปเชคผลเอาจากเวปทางการ
 -----------------------------------------

_______ เป็นเกมอุ่นเครื่องทัวร์เอเชียนัดสุดท้ายก่อนบินกลับยุโรป พิเศษอยู่สักหน่อยตรงที่เป็นเกมที่ลงเล่นกับทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ ที่น่าสนใจอยู่ตรงที่ 11 ตัวจริงและแทคติคที่ใช้ในครึ่งแรกน่าจะเป็นสิ่งที่ลิเวอร์พูลเอาไปใช้จริงใน ช่วงต้นซีซั่น

_______ ลิเวอร์พูลยังคงยึดอยู่กับ 4-3-3 แต่รายละเอียดเปลี่ยนจากที่ใช้ในฤดูกาลที่แล้วเล็กน้อย อันดับแรกคือการครองบอลที่เน้นกันน้อยลง บอลไปข้างหน้ามากขึ้น (อันนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอุ่นเครื่องหรือปล่าว) ต่อมาคือแผงหลังที่ยืนกันสูงก็จริงแต่จะมีแบ็ค 1 คนลงมาประคองด้วย โดยแบ็คจะเติมแค่คราวละฝั่งตามจังหวะเท่านั้น ไม่ได้ดันกันขึ้นทั้งสองฝั่งแบบที่ผ่านมา

_______ แผงกลางเป็นจุดที่ปรับมากที่สุด โดยแดนกลางสามคนจะช่วยกันเล่นหมดทั้งรุกและรับ ไม่ได้ห้อยใครไว้หน้าแผงกองหลัง แม้แต่เกมที่ใช้ลูคัสแบบนี้ก็ยังยืนกันค่อนข้างสูง เน้นการเพรซซิ่งบีบพื้นที่แถวกลางสนามให้แคบเข้าไว้ ตัวริมเส้นสองฝั่งหุบเข้ามาเล่นด้านในค่อนข้างมากทั้งคู่และไม่ต้องลงไปช่วย เกมรับมากนัก เพราะให้แดนกลางเป็นฝ่ายฉีกไปช่วยแบ็คในเกมรับริมเส้นมากกว่า ส่วนหน้าเป้า ไม่แน่ใจว่าเป็นสไตล์ส่วนตัวของบอรินี่เองหรือว่าร็อดเจอร์วางแทคติคมาแบบ นี้ เพราะเคลื่อนที่ค่อนข้างมากและหนักไปทางเป็นตัวชงให้ริมเส้นหรือกองกลางเติม เข้ามาเข้าทำมากกว่าจะเก็บบอลพลิกไปเล่นเอง

_______ ในด้านดี ลิเวอร์พูลดูมีทิศทางการเล่นชัดเจนและค่อนข้างลงตัวทีเดียว ทั้งทีมเริ่มเล่นไปในทิศทางเดียวกันรู้ว่าใครต้องถอยไปไล่ จังหวะไหนที่ต้องเติมขึ้นหน้า การออกบอลให้ไปทางเดียวกับคนวิ่งทำทางอย่างชัดเจน(แต่น้ำหนักยังไม่ค่อยได้) แต่สิ่งที่ยังต้องปรับปรุงกันต่อไป หลักๆ คงอยู่ที่จังหวะเข้าทำที่แม้จะให้บอลไปทางเดียวกันแล้ว แต่เหมือนยังจับจังหวะและสไตล์ของเพื่อนไม่ค่อยได้ อย่างอัสปาสหลายลูกไหลบอลให้จอห์นสันให้เผื่ออย่างกับจ่ายให้อัลเวส บอรินี่ตักบอลเข้ากลางเหมือนกับส่งให้คาโรลโหม่ง(ทั้งๆ ที่เป็นอัสปาสรออยู่) ลูกๆ หลานๆ ชิ่งบอลให้เจอราร์ดวิ่งไปรับแบบฝืนอายุกัปตันทีมเหลือเกิน ฯลฯ

_______ นอกจากนั้นก็เป็นพื้นที่หน้าเขตโทษที่ปล่อยว่างไว้เยอะไปหน่อย ปกติเวลาลูคัสปักหลักยืนต่ำการปิดพื้นที่บริเวณนี้จะทำได้ดีกว่านี้ แต่พอยืนสูงกันหมด คู่เซ็นเตอร์ไม่ค่อยขึ้นมาดักบอลนอกเขตโทษ เลยกลายเป็นปล่อยพื้นที่ตรงนี้ให้คู่ต่อสู้ใช้เล่นงานได้ นัดนี้ก็เกือบโดนไป 1-2 ลูกจากการโดนยิงแถวๆ นี้

_______ เตะกับทีมชาติไทย ไม่พูดถึงก็ยังไงอยู่ ทีมชาติไทยชุดนี้เล่นกันใช้ได้เลยครับ ครึ่งแรกเล่นแบบเน้นผลที่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเล่นได้แบบมีระบบระเบียบ ถ้าไม่ใช่ความสามารถเฉพาะตัวของคูตินโย่ ลิเวอร์พูลก็หาโอกาสยิงลำบากมากเหมือนกัน ในขณะที่ครึ่งหลังก็ลงมาเล่นเกมรุกให้ดู ซึ่งเกมริมเส้นทำได้ดี ไปได้ถึงสุดเส้น มีคนเติม มีคนทำทาง มีคนชิ่งบอลให้ และมีแถวสองที่ตามมาเก็บอยู่ตลอด เดินเกมรุกได้ต่อเนื่องดีทีเดียว ถ้าเล่นบอลทรงนี้กับทีมที่มีคู่เซ็นเตอร์ไม่สูงใหญ่มากนักหรือไม่ถนัดลูก กลางอากาศ ถล่มแน่ๆ ครับ แต่นัดนี้ดันมาเจอแอกเกอร์(กลางอากาศไม่ใช่จุดเด่น แต่ไม่อ่อนแน่ๆ) กับตูเร่(ไม่ใช่นักเตะหุ่นแบบคาโรลหรือดรอกบาอย่างหวังจะเบียดโหม่งได้ง่าย) เลยกลายเป็นทำอะไรไม่ได้ไปซะงั้น

_______ สุดท้าย ผมดูผ่านช่อง 3 แค้นใจมุมกล้องมากครับ บอลอยู่หน้าเขตโทษจะจ่ายทะลุ จะยิงกันอยู่แล้วกล้องตัดมาหาหน้าร็อดเจอร์ซะงั้น ลูกที่สองก็ต้องมาดูภาพช้าเพราะกล้องมัวแต่ไปจับอะไรอยู่ไม่รู้ หลายครั้งเล่นภาพช้าในขณะที่บอลกำลังจะได้เสียอยู่ และบางครั้งเล่นภาพช้าจังหวะสำคัญอยู่ดันตัดกลับมาเป็นภาพนักเตะเคาะบอลกัน อยู่กลางสนามมันซะงั้น ยังไม่นับมุมกล้องแปลกๆ เอียงๆ ที่ตัดสลับพอให้มีสีสรรถือว่าน่าสนใจ แต่เล่นค้างภาพไว้เป็นนาทีก็ไม่ไหว บอลหลุดเฟรมไปแล้วกล้องก็ยังค้างอยู่อย่างนั้น เซ็งมากครับ

_______ ส่วนเรื่องโฆษณาก่อนจบเกม โกรธแต่เข้าใจครับ คือเวลามันกระชั้นเพราะกำลังจะมีรวมการเฉพาะกิจรายการสำคัญ โฆษณาก็ต้องปล่อยเพราะติดเรื่องสปอนเซอร์ ไม่มีสปอนเซอร์ต่อให้ค่าบัตรใบละ 5,000 ก็จัดลำบากครับบอลแบบนี้ยังไงก็ต้องมี โฆษณาจะไปปล่อยกลางเกมก็โดนด่าอยู่ดี เฉพาะเรื่องนี้ยกประโยชน์ให้จำเลยไปแล้วกัน

_______ ....แต่มุมกล้องนี่เคลียร์ไม่ไหว ยกโทษไม่ได้จริงๆ...
 -------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดี

มินโยเล่ - ยืนตำแหน่งดีมาก นิ่ง รับบอลไม่มีกระฉอก ตัดลูกโยนเข้ากลางได้ยอดเยี่ยม เตะเปิดเกมยังไม่ดีเท่าเรน่าแต่ดีกว่าโจนส์ไม่เห็นฝุ่นเหมือนกัน

จอห์นสัน - โดนเจาะเยอะที่สุดในบรรดาแผงหลัง มีหลุดๆ ให้เห็นบางจังหวะเหมือนกัน แต่โดยรวมก็ยังเอาอยู่ ส่วนเกมรุกช่วงต้นเกมดูวูบวาบดี หลังจากนั้นก็ค่อนข้างธรรมดาไม่ว่าจะเกมรุกหรือการเชื่อมเกม

แอกเกอร์ - เล่นลูกกลางอากาศไม่พลาด เข้าสกัดได้ดี มีพลาดโดนธีรศิลป์แตะหลบหาช่องยิงได้ครั้งเดียวแล้วก็แค่ครั้งเดียวจริงๆ

ตูเร่ - อ่านเกมได้ดี เข้าสกัดได้หนักแน่น เคลื่อนที่น้อยไปนิดบางครั้งน่าจะดักตัดบอลก่อนถึงกองหน้าได้ แต่โดยรวมก็ถือว่าเล่นได้ดีทีเดียว

เอนริเก้ - เกมรับทำได้ดี กว่าตัวริมเส้นจะเปิดได้แต่ละลูกต้องกระชากหนีกันสุดเท้า ส่วนเกมรุกวันนี้ไม่ค่อยขึ้น และขึ้นมาก็ทำอะไรไม่ค่อยได้

เจอราร์ด - เล่นเกมรุกค่อนข้างมากและเติมเกมเยอะกว่าพรีซีซั่นนัดที่ผ่านๆ มา ออกบอลค่อนข้างดีไม่ค่อยพลาด เล่นในพื้นที่สุดท้ายได้ดีไม่ว่าจะยิงหรือจ่าย แถมยิงได้ 1, ถูกสกัดหน้าเส้น 1, ยิงชนคานอีก 1 ด้วย

ลูคัส - หยุดเกมรุกคู่ต่อสู้ได้ดี เก็บบอลกลับมาได้น้อยไปหน่อยแต่ไม่ถึงขั้นเสียหาย ผ่านบอลไปรอบๆ ได้เรื่อยๆ บอลเกมรุกไม่ค่อยเล่นอยู่แล้วตามสไตล์

อัลเลน - อ่านเกมและเคลื่อนที่ได้เด่นกว่ากองกลางคนอื่น ออกบอลเกมรุกในวันนี้ได้ดีด้วย เก็บบอลทั้งในเกมรุกและรับได้เยอะ

คูตินโย่ - ยังไปกับบอลได้ดี จังหวะที่ทำประตูแรกถือว่าสุดยอด พลิกหลบตัววิ่งไล่ได้เยี่ยมมาก แต่บอลทะลุทะลวงวันนี้ออกจะธรรมดาอยู่สักหน่อยถ้าเทียบกับที่เคยทำได้

อัสปาส - วิ่งทำทางอยู่ตลอดเวลา เก็บบอลพอใช้ได้ จังหวะดวลตัวต่อตัวไม่ค่อยจะผ่าน แต่เรื่องจับบอลเพื่อหาจังหวะยิงหรือจ่ายต่อทำได้เยี่ยมมาก ยิงได้ 1 ลูกด้วย

บอรินี่ - ช่วง 30 นาทีแรกเล่นได้อย่างโดดเด่น หาตำแหน่งได้ดีทั้งวิ่งไปรอยิงเอง, วิ่งฉีกไปรับบอลริมเส้น และเก็บบอลไว้รอเพื่อนเติม ทำให้เกมรุกเคลื่อนไปได้ตลอด แต่ท้ายครึ่งแรกต่อต้นครึ่งหลังค่อยๆ หายไปจากเกม

ตัวสำรอง

ซัวเรส - เล่นผ่อนๆ ไปหน่อย ปรกติจะมุ่งมั่นกับเกมมากกว่านี้ วิ่งค่อนข้างน้อย โหม่งชนคานไป 1

ไอบี้ - เจอคู่ต่อสู้ประกบติดมีปัญหาให้เห็นเยอะเหมือนกัน ทั้งพลิกและพาบอลไปเองได้ยากลำบาก มีโอกาสเปิดบอลเข้าทำได้แค่ครั้งเดียว ยังเก็บบอลพอใช้ได้และปล่อยบอลให้เพื่อนได้ดีพอ

สเคอเทล - ออกมาดักตัดบอลหน้าเขตโทษได้ดี เข้าบอลพรวดไปสักนิดแต่นัดนี้ทำได้แม่นยำ

เฮนเดอร์สัน - ลงมาเล่นเน้นเกมรุกเต็มที่ ทำได้ดีด้วยกับการวิ่งเติมขึ้นไปจากแถวสองและการผ่านบอลหนีแนวรับ รวมไปถึงการยิงจังหวะสุดท้ายที่ไม่ได้ประตูแต่ได้ลุ้นจริงๆ จังๆ ไม่มีนกตายปลาตาย

อัลแบร์โต้ - ไม่ทันได้ทำอะไรเท่าไหร่ก็โดนตัดเข้าโฆษณาไปก่อน

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...สตีเว่น เจอราร์ด... คูตินโย่กับอัสปาสยิง 1 จ่าย 1, อัลเลนเล่นได้ดีเช่นเดียวกับตูเร่ และบอรินี่มีครึ่งชั่วโมงแรกที่สุดยอด แต่ถ้าดูจากส่วนร่วมกับเกมและจังหวะได้ลุ้นประตู ขอเลือกคนที่อยู่เฟรมภาพช้าบ่อยที่สุดอย่างเจอราร์ดก็แล้วกันครับ
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments. 

วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เมลเบิร์น วิคทอรี่ 0 - 2 ลิเวอร์พูล (พรีซีซั่น)



สนามใหญ่ได้ใจมากฮะ
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-3

-------------------------บอรินี่--------------------------
สเตอริ่ง--------------------------------------------ไอบี้
----อัลเลน-----------เฮนเดอร์สัน---------เจอราร์ด----
เอนริเก้-------วิสดอม--------สเคอเทล-------จอห์นสัน
-------------------------โจนส์--------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเดินทางไปออสเตรเลีย อุ่นเครื่องกับเมลเบิร์น วิคทอรี่ ร็อดเจอร์ปรับ 11 ตัวจริงเล็กน้อยตามผังด้านบน โดยแผงกลางสามคนสลับขึ้นลง ไม่ได้ห้อยใครไว้หน้าคู่เซนเตอร์เป็นพิเศษ
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาทางเมลเบิร์นวิ่งไล่บอลกันเร็วและปิดพื้นที่แนวหลังได้ค่อนข้างดี ลิเวอร์พูลพยายามให้บอลตามช่องแต่ก็ขึ้นเกมได้ไม่ถนัดนัก ต้องอาศัยการวางบอลไปที่ว่างโดยเฉพาะทางริมเส้นเป็นหลัก เน้นครองบอลไว้กับตัวมากกว่านัดก่อนๆ ในเกมรับไล่เพรซซิ่งกันเร็ว และแผงหลังดันขึ้นสูงดันขึ้นมาดักบอลก่อนถึงกองหน้าได้ดี ทำให้ลิเวอร์พูลครองบอลบุกได้ต่อเนื่องแ่ต่จังหวะเข้าทำยังไม่ลงตัวนัก

_______ ช่วงครึ่งชั่วโมงแรกลิเวอร์พูลได้ลุ้นเป็นระยะแต่หาโอกาสจบสกอร์ได้ไม่มาก เท่าไหร่ ส่วนเมลเบิร์นเน้นเจาะทางจอห์นสันพอได้ลุ้นนิดหน่อย ผ่านครึ่งชั่วโมงแรกลิเวอร์พูลเพรซซิ่งน้อยลง ทางเมลเบิร์นเริ่มย้ายฝั่งไปเจาะเอนริเก้มากขึ้นแต่ยังผลลัพธ์ยังไม่ต่างจาก เดิมนัก กระทั่งนาที 32 เจอราร์ดผ่านบอลให้อัลเลนก่อนที่อัลเลนจะจ่ายบอลทะลุเข้าเขตโทษและเป็นเจอราร์ดที่วิ่งเติมขึ้นไปจบสกอร์ได้สำเร็จ 1-0

_______ ท้ายครึ่งแรก ลิเวอร์พูลยังเล่นเน้นครองบอล พยายามเก็บบอลมากขึ้นไปอีก ถ้าไม่มีช่องก็ไม่จ่ายขึ้นหน้าก่อนที่ครึ่งแรกจะจบที่ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลยังเล่นเหมือนช่วงท้ายครึ่งแรกแต่ถอยแผงหลังลงต่ำมากขึ้น ทำให้เมลเบิร์นไม่ค่อยมีโอกาสทำเกมรุกสักเท่าไหร่ ส่วนทางลิเวอร์พูลถ้าไม่นับช่วงต้นครึ่งหลังที่ได้บุกอยู่ชุดใหญ่ ก็ไม่ค่อยได้ลุ้นประตูเช่นกัน นาที 63 ลูคัสได้ลงมาแทนเจอราร์ด ลิเวอร์พูลยังเป็นฝ่ายคุมสถานการณ์ได้หมด บอลเกมรุกเล่นไปตามจังหวะไม่ได้เน้นมากนัก

_______ ถึงนาที 72 ลิเวอร์พูลเปลี่ยนยกทีม ตามนี้

-----------------------ซัวเรส--------------------------
อัลแบร์โต้-------------อัสปาส------------------ดาวนิ่ง
-----------------ลูคัส-----------สเปียริ่ง---------------
ฟลานาแกน(?)---แอกเกอร์-----โคอาเตส-------เคลลี่
-----------------------มินโยเล่------------------------

_______ ซัวเรสเล่นหน้าเป้าเป็นหลัก อัสปาสลงมาเชื่อมเกมมากกว่า ส่วนอัลแบร์โต้เองก็หุบเข้ามาเล่นตรงกลางซะเยอะ ปล่อยริมเส้นให้แบ็คคอยเติมขึ้นมา (ไม่แน่ใจว่าใช่ฟลานาแกนรึปล่าว เห็นหน้าผ่านๆ แว๊บเดียว) ลิเวอร์พูลเร่งสปีดของเกมมากขึ้นและหันมาเพรซซิ่งเร็ว,สูงเหมือนช่วงต้นเกม บอลเกมรุกไปป้วนเปี้ยนแถวเขตโทษเมลเบิร์นมากขึ้น ส่วนเมลเบิร์นเองก็เหมือนจะได้ลุ้นโต้กับเกมเร็วริมเส้นซึ่งลิเวอร์พูลเปิด พื้นที่เอาไว้ให้พอสมควร แต่ตัวรุกเมลเบิร์นเติมกันไม่ค่อยทันเลยหาโอกาสลุ้นประตูได้น้อย

_______ ลิเวอร์พูลได้ลุ้นเป็นระยะแต่กว่าจะมาได้ประตูเพิ่มต้องรอถึงทดเจ็บนาทีสุด ท้าย นาที 93 จากจังหวะเตะมุม ซัวเรสได้บอลสั้นก่อนจะเลี้ยงจี้เข้าไปทางเสาประตูก่อนจะจ่ายยัดเข้ากลางให้ อัสปาสดักบอลเข้าไปได้สำเร็จ 2-0 และจบเกมด้วยสกอร์ดังกล่าว
 -----------------------------------------

_______ ก่อนอื่นเลยก็ต้องย้ำไว้ก่อนว่านี่คือเกมอุ่นเครื่อง (อุ่นเครื่องผู้เขียนด้วย ไม่ได้เขียนมาตั้งสองสามเดือน) อย่าไปอะไรกับมันมากนัก และสิ่งที่จะพูดถึงต่อไปนี้ก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะนัดนี้เท่านั้น ใครที่เล่นไม่ค่อยดีไม่ค่อยออกก็หวังว่าเิปิดฤดูแล้วจะกลับมาเข้าที่เข้าทาง ได้ครับ

_______ โดยรวมแล้ว นัดนี้ลิเวอร์พูลเน้นการครองบอลและเล่นตามแทคติคมากขึ้น ช่วงต้นเกมเล่นเหมือนที่ได้เห็นกันในลีคเมื่อต้นฤดูกาลก่อนคือไล่สูงเพ รซซิ่งเร็ว ดันแผงหลังดักบอลสูง บีบพื้นที่กลางสนามให้เหลือน้อยที่สุด หลังจากได้ประตูเน้นเก็บบอลไว้กับตัวและไม่เสี่ยงจ่ายขึ้นหน้าถ้าตัวรุกไม่ ว่าง เคาะบอลหาช่องกันไปเรื่อย มีเปลี่ยนวิธีการเล่นบ้างก็ตอนส่งซัวเรสกับอัสปาสลงมาแ้ล้ว ในจังหวะรับยืนเป็น 4-4-1-1 ซัวเรสหน้าเดี่ยว แต่จังหวะรุกจะขยับอัสปาสขึ้นไปเล่นหน้าคู่ด้วย คอยสลับกันวิ่งหาที่ว่างแถวริมเส้นแล้วเล่นร่วมกับปีกและแบ็ค ในแผงกลางอัลแบร์โต้จะขยับเข้าด้านในค่อนข้างมาก ทำให้ตรงกลางสนามยังมีตัวผู้เล่นอยู่ 3 คนเหมือนเดิม โดยปล่อยให้ริมเส้นฝั่งซ้ายว่างไปเลย รอให้แบ็คเติมขึ้นมาบ้างในบ้างจังหวะเท่านั้น แม้ซัวเรสจะเล่นยากทำให้พลาดไปหลายจังหวะ และหลายครั้งที่จ่ายไปดีแล้วแต่ไม่รู้กัน ยังพอแสดงให้เห็นได้ว่าถ้าตัวรุกข้างหน้ารู้ใจกันมากกว่านี้ น่าจะเป็นทางเลือกเวลาต้องการประตูได้ดีอีกทางเลือกหนึ่งนอกจาก 4-3-3 ที่เล่นกันเป็นหลักอยู่แล้วเลยทีเดียว

_______ สิ่งที่น่าสนใจในวันี้คือวิธีการเล่นของกองกลาง 3 คนของลิเวอร์พูล ร็อดเจอร์ไม่ได้ทิ้งใครไว้หน้าเขตโทษ นอกจากนั้นในเกมรุกยังขยับขึ้นไปเล่นถึง 2 คนอยู่ตลอด ดูแล้วเริ่มไม่แปลกใจที่ลิเวอร์พูลไม่มีข่าวจะซื้อกลางรับแท้ๆ เป็นเรื่องเป็นราวสักเท่าไหร่ คาดว่าร็อดเจอร์คงเลือกที่จะใช้กลาง 3 คนช่วยกันเล่นแบบนี้ แล้วเล่นเกมรับด้วยการไล่เพรซซิ่งเอามากกว่าจะเลือกใช้ตัวรับอาชีพมาตัดบอล ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจริง ปีนี้กองกลางได้วิ่งกันลิ้นห้อยแน่ครับเพราะจังหวะที่คู่้ต่อสู้ครองบอลได้ แล้ว กลางตัดบอลกลับมาลำบากเหลือเกิน ต้องวิ่งเข้าไปให้ถึงตัวก่อนคู่ต่อสู้ได้เร็วเท่านั้นถึงจะกดดันได้

_______ นัดนี้ไม่ได้ถูกทดสอบเกมรับอะไรมากนัก เกมริมเส้นที่โดนเจาะอยู่บ้างก็ไม่ค่อยเห็นอะไรเท่าไหร่เพราะตัวรุกเม ลเบิร์นเติมกันไม่ค่อยทัน การป้องกันลูกเตะมุมยังดูไม่ดีนัก แต่อย่างน้อยก็ปล่อยให้คู่ต่อสู้ขึ้นถึงบอลได้น้อยลงกว่านัดก่อน ถ้าจะมีอะไรที่ดูเป็นปัญหาอยู่บ้างก็คงเป็นเรื่องการเข้าทำที่หาโอกาสแบบใส่ พานได้น้อยเต็มที มีครับไม่ใช่ไม่มี แต่น้อย อันนี้คงต้องรอดูว่าได้ซ้อมร่วมกันมากขึ้นแล้ว จังหวะเข้าทำจะดีขึ้นกว่านี้มากแค่ไหน...

_______ นัดหน้าเจอทีมชาติไทย ถ้าจังหวะเข้าทำไม่ดีขึ้นกว่านี้ น่าจะลำบากครับ
 -------------------------------

นัดนี้เล่นเหมือนเน้นผล ดูจริงจังดี

โจนส์ - ออกมาจากเส้นประตูช้าไปนิด แต่การยืนตำแหน่งทำได้ดี ไม่มีอะไรผิดพลาด อันที่จริงก็ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำมากนัก

จอห์นสัน - ต้นเกมแทบจะยืนอยู่แต่ในฝั่งคู่ต่อสู้ เชื่อมเกมได้ ไปกับบอลพอใช้ได้ แต่จังหวะสุดท้ายทำอะไรไม่ได้

วิสดอม - เก็บบอลได้ดีขึ้น ไม่สกัดทิ้งๆ ขว้างๆ มากนัก อ่านเกมใช้ได้

สเคอเทล - เล่นได้ดี เด่นมากในจังหวะดักบอลก่อนถึงกองหน้าตั้งแต่แถวๆ เส้นวงกลม ออกบอลขึ้นหน้าได้ค่อนข้างดีด้วย

เอนริเก้ - เล่นไม่เข้าขากับสเตอริ่ง(รวมไอบี้ที่สลับฝั่งมาด้วย)เอาซะเลย ยึกๆ ยักๆ กั๊กกันบ่อยมาก ได้โอกาสเปิดเข้ากลางบ่อยกว่าจอห์นสัน ทำได้ดีกว่าในแง่ที่บอลมันเข้าไปได้ลุ้นมากกว่า แต่ผลลัพธ์เท่ากันเด๊ะ เกมรับดูดีกว่าจอห์นสันพอสมควร

เจอราร์ด - กลับมาเปิดบอลได้ดีแล้ว ผ่านบอลออกไปหาที่ว่างได้ดีที่สุดในบรรดากองกลาง หาโอกาสเติมขึ้นสูงได้ดี ทำได้ 1 ประตูและอีก 2-3 ครั้งที่เติมมาได้จนได้จังหวะยิงหน้าเขตโทษ

เฮนเดอร์สัน - ยืนอยู่สูงกว่าอัลเลนและเจอราร์ด ไม่ได้ทำอะไรมากนัก การออกบอลเกมรุกยังดูธรรมดาๆ แต่ดูจะหาพื้นที่จบสกอร์ได้ดีขึ้น

อัลเลน - เคลื่อนที่ขึ้นลงค่อนข้างมาก ลงไปรับบอลจากแผงหลังบ่อยในขณะเดียวกันก็เติมขึ้นไปช่วยเชื่อเกมถึงหน้าเขต โทษคู่ต่อสู้ นอกจากแอสซิสประตูแรกแล้ว มีบอลเกมรุกน้อยไปสักนิด แต่โดยรวมก็เล่นได้พอใช้

สเตอริ่ง - ทำได้ดีกับการแตะบอลหลบหาพื้นที่เล่น ยิงไกลใช้ได้อยู่ 2-3 ครั้งช่วงครึ่งแรก บางจังหวะเก็บบอลไว้กับตัวนานไปนิด เข้าครึ่งหลังค่อยๆ หายไป

ไอบี้ - ทำเกมด้วยการเลี้ยงจี้คู่ต่อสู้ได้ดี มีความหลากหลายในการเล่นพอสมควร เปิดบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายไม่ค่อยดีเท่าไหร่

บอรินี่ - ช่วงครึ่งแรก พะวงกับการลงมาช่วยเชื่อมเกมมากไปนิด และค่อนข้างโดดเดี่ยวในแดนหน้า เก็บบอลไว้กับตัวไม่ดีนัก แต่ช่วงครึ่งหลังเน้นหาจังหวะทำประตูมากขึ้นและสร้างโอกาสให้กับตัวเองได้ดี แต่ไม่ดีพอจะเป็นประตู

ตัวสำรอง เขียนหมดคงยาวเกินไป เพราะบางคนก็ไม่มีส่วนกับเกมมากนัก คัดเฉพาะที่มีส่วนร่วมเยอะหน่อยก็แล้วกัน

เคลลี่ - ขึ้นมาช่วยเชื่อมเกมได้ดี ทำบอลเสียน้อย แต่เล่นเกมรุกแทบไม่ได้เลยเหมือนกัน

อัลแบร์โต้ - นัดนี้ปล่อยบอลออกจากตัวเร็วมาก เกือบแอสซิสให้อัสปาสได้ครั้งนึงด้วย ถ้่ามีคนวิ่งทำทางดีๆ ที่รู้ใจสักคนน่าจะเด่นได้มากกว่านี้เยอะทีเดียว

อัสปาส - เคลื่อนที่และหาจังหวะยิงได้ดี แต่จังหวะเล่นกับเพื่อนร่วมทีมคงต้องจูนกันต่อไป

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...สตีเว่น เจอราร์ด... หน้ามือเป็นหลังมือจากนัดก่อนเลยครับ
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อินโดนีเซีย XI 0 - 2 ลิเวอร์พูล (พรีซีซั่น)

คุ้่มค่าตั๋ว (เพราะได้ดูชุดใหญ่ทั้งทีมจริงๆ)
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเริ่มจาก 4-5-1 หรือจะเรียก 4-3-3, 4-3-2-1, 4-1-4-1 อะไรก็ตามใจฝันเถอะครับ เอาเป็นว่าอัสปาสยืนหน้าเดี่ยวแล้วแผงหลังยืนกัน 4 คนก็แล้วกัน

-----------------------อัสปาส-----------------------
คูตินโย่----------------------------------------ดาวนิ่ง
------อัลแบร์โต้--------ลูคัส----------เจอราร์ด------
เอนริเก้-------แอกเกอร์--------ตูเร่--------จอห์นสัน
-----------------------มินโยเล่-----------------------

_______ ลิเวอร์พูลเริ่มออกทัวร์เอเชีย โดยจัดผู้เล่นชุดใหญ่ไปเต็มทีม ขาดแค่ซัวเรสที่ได้พักต่อจากการไปเล่นคอนเฟดฯ และสเตอริดจ์ที่เจ็บ นัดแรกอุ่นเครื่องกับอินโดนีเซีย เริ่มเกมด้วยตัวผู้เล่นตามที่เห็น
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาทั้งสองฝ่ายเล่นกันค่อนข้างเร็ว, เน้นเกมรุกและไม่คิดอะไรมากตามสไตล์บอลอุ่นเครื่อง อินโดนีเซียได้บอลน้อยกว่าแต่พอได้บอลก็พยายามจะบุก ลิเวอร์พูลครองบอลบุกใส่แต่ส่วนมากก็ตกม้าตายอยู่แถวๆ หน้าเขตโทษ ไม่ค่อยได้จบสกอร์มากนัก

_______ จนกระทั่งนาที 10 คูตินโย่ได้บอลแถวหน้ากรอบเขตโทษฝั่งซ้าย พยายามจะทำชิ่งบอลติดกองหลังแต่ยังเด้งกลับไปเข้าทางให้เจ้าตัวหลุดเดี่ยว เข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนจะยิงผ่านผู้รักษาประตูไปได้สำเร็จ 1-0

_______ ลิเวอร์พูลยังครองบอลบุกต่อเนื่องโดยเน้นเกมริมเส้น กลางครึ่งแรกเริ่มมีการสลับตำแหน่งเอาคูตินโย่ยืนกลาง อัลแบร์โต้ไปซ้าย และเจอราร์ดดันขึ้นมาเล่นเกมรุกมากขึ้น แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ต่างจากเดิมมากนัก บอลเข้าทำยังทำกันไม่ได้และจบครึ่งแรกที่สกอร์ดังกล่าว

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลเปลี่ยนแค่ 2 คนคือส่งโรบินสันลงมาเล่นแทนเอนริเก้ อัลเลนแทนเจอราร์ด แต่มีการสลับตำแหน่งกันเป็นระยะๆ โดยดาวนิ่งได้หุบเข้าไปเล่นตรงกลางมากขึ้นและอัลแบร์โต้ถูกถ่างมาเล่นด้าน ขวา เกมในสนามแม้จะเล่นกันเต็มที่และเข้าบอลกันค่อนข้างหนักสำหรับเกมอุ่น เครื่อง แต่รูปเกมก็ออกแนวรีรีข้าวสารสังขยาข้าวเปลือกเป็นส่วนใหญ่ ก่อนที่ลิเวอร์พูลจะมีการปรับทีมขนานใหญ่ในนาที 65 ดังนี้

ลิเวอร์พูลเปลี่ยนมาเล่น 4-2-2-2

-----------------บอรินี่------อัสไซดี้-----------------
สเตอริ่ง-----------------------------------------ไอบี้
-----------เฮนเดอร์สัน---------อัลเลน--------------
โรบินสัน------วิสดอม--------สเคอเทล--------เคลลี่
----------------------มินโยเล่------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเร่งความเร็วของเกมมากขึ้น และเน้นการเลี้ยงจี้ในเกมรุกเป็นส่วนใหญ่ รูปเกมดูดีขึ้นและไปถึงเขตโทษบ่อยขึ้น อัสไซดี้นั้นคอยวิ่งไปรับบอลริมเส้นอยู่ตลอด ส่วนสเตอริ่งกับไอบี้มีอิสระในการเล่นค่อนข้างมาก ไม่ได้โดนตรึงไว้ให้เล่นแค่เฉพาะริมเส้น มีจังหวะได้ลุ้นมากขึ้นแต่ส่วนใหญ่ก็หนักไปทางได้ลุ้นเท่านั้น

_______ อินโดนีเซียเองก็เล่นกันได้ค่อนข้างดี ไม่ได้ผ่อนเกมหรือปล่อยให้ลิเวอร์พูลเล่นโชว์ตามใจฝัน ทั้งยังได้ลุ้นอยู่เป็นระยะจากการได้เปิดบอลเข้าเขตโทษพอสมควร แต่บอลไม่ถึงกองหน้า รวมไปถึงลูกเตะมุมที่โยนเข้ามาได้ลุ้นตลอด แต่ก็ได้แค่ลุ้นตลอดเช่นกัน เกมทำท่าจะจบด้วยผล 1-0 แล้วแต่ท้ายเกมนาที 87 จากจังหวะที่ผู้เล่นอินโดนีเซียเติมขึ้นไปเล่นลูกเตะมุมกันเยอะ ลิเวอร์พูลสกัดได้และไอบี้เก็บบอลได้ก่อนจะกระชากบอลใช้ความเร็วฉีกหนีผู้ เล่นอินโดนีเซีย ลากยาวไปกว่าครึ่งสนามก่อนจะผ่านบอลให้ัอัสไซดี้ที่ไม่ยอมยิงเอง แต่จ่ายต่อไปให้สเตอริ่งแปโล่งๆ เข้าไปเป็น 2-0 ก่อนจะจบเกมด้วยสกอร์ดังกล่าว
 -----------------------------------------

_______ ก่อนอื่นเลยก็ต้องย้ำไว้ก่อนว่านี่คือเกมอุ่นเครื่อง (อุ่นเครื่องผู้เขียนด้วย ไม่ได้เขียนมาตั้งสองสามเดือน) อย่าไปอะไรกับมันมากนัก และสิ่งที่จะพูดถึงต่อไปนี้ก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะนัดนี้เท่านั้น ใครที่เล่นไม่ค่อยดีไม่ค่อยออกก็หวังว่าเิปิดฤดูแล้วจะกลับมาเข้าที่เข้าทาง ได้ครับ

_______ โดยรวมแล้ว นัดนี้ลิเวอร์พูลผ่านบอลกันน้อยลง บอลที่ไปตันอยู่แถวหน้าเขตโทษไม่ค่อยโดนส่งย้อนกลับมามากนัก คือจะจ่ายจะยิงจะเลี้ยงลุยก็ว่ากันไปเลย ทำให้เกมดูไม่ค่อยลื่นไหลเท่าไหร่ ที่น่าแปลกใจคือผู้เล่นลิเวอร์พูลเล่นกันได้กระตือรือร้นมากกว่าที่คิด ขยันเคลื่อนที่กันพอสมควร และหลายครั้งเข้าบอลกันไม่เหมือนเกมอุ่นเครื่องสักเท่าไหร่

_______ ทางด้านแทคติค เกมนี้เริ่มจากแทคติคดั้งเดิมที่ใช้มาตลอดจากฤดูกาลที่แล้วคือ 4-5-1 (4-3-3) ผู้เล่นก็ได้เล่นตามตำแหน่งที่ได้เล่นมาก่อนทุกคน ช่วงนี้เกมค่อนข้างไหลลื่น โดยเฉพาะจากแบ็คสองข้างที่เติมขึ้นมาช่วยเล่นได้ดีทั้งสองฝั่ง แต่บอลจังหวะเข้าทำไม่ดี อัสปาสที่เป็นตัวเป้า วิ่งไปคนละทางกับบอลบ้าง วิ่งผิดจังหวะบ้าง เจอราร์ดก็จ่ายบอลพลาดอยู่เกือบตลอด และอัลแบร์โต้ดูจะช้าจนทำเพื่อนเสียจังหวะกันไปตามๆ กัน บอลเกมรุกส่วนใหญ่ต้องหวังพึ่งคูตินโย่กับแบ็คสองข้างที่เติมถึงสุดเส้น พอเข้าช่วงกลางถึงท้ายครึ่งแรก คูตินโย่อยู่ตรงกลางมากขึ้นยิ่งทำให้บอลไปกระจุกอยู่กลางสนาม เพราะอัลแบร์โต้(ซ้าย) กับดาวนิ่ง (ขวา) เล่นไม่ได้ ยิ่งเจาะไม่เข้าไปกันใหญ่

_______ ต้นครึ่งหลัง การเปลี่ยนโรบินสันแทนเอนริเก้ ยิ่งทำให้เกมรุกปีกหันไปข้างเพราะขาดการเติมเกมที่ดีของเอนริเก้ ส่วนอัลแบร์โต้ที่ไปเล่นฝั่งขวายิ่งดับสนิทยิ่งกว่าครึ่งแรก เลยทำให้เกมช่วงนี้ยิ่งตื้อตันหนักเข้าอีก จนกระทั่งมีการเปลี่ยนเกือบยกทีมในนาที 65 นั่นแหล่ะเกมของลิเวอร์พูลถึงได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง โดยหันมาพึ่งความเร็วและความสามารถเฉพาะตัวของ 2 ดาวรุ่งอย่างสเตอริ่งและไอบี้ในการเลี้ยงจี้เป็นหลัก ซึ่งทั้งสองคนก็เล่นได้ดีจนดาวนิ่งกับอัลแบร์โต้(รวมคูตินโย่ตอนเล่นริมเส้น ด้วยก็ยังได้)ต้องรีบเรียกฟอร์มตัวเองให้มากๆ เลยถ้าหวังจะได้ลงตัวจริงในตำแหน่งริมเส้น

_______ สำหรับ 4-2-2-2 ในนาที 65 นี้ น่าจะเป็นเกมรุกขั้นกว่าของ 4-5-1 เดิมที่ร็อดเจอร์ใช้อยู่ โดยพื้นฐานก็คือตัดกลางรับที่ห้อยอยู่หน้าเขตโทษออกไปแล้วเพิ่มกองหน้าลงไป อีกตัว ทำให้กองกลางสองตัวมีหน้าที่รับผิดชอบกว้างขึ้นและไม่ได้ยุ่งอะไรกับเกมรุก มากนัก หนักไปทางปิดพื้นที่และเชื่อมเกม ปล่อยให้เกมรุกเป็นเรื่องของตัวรุก 4 คนที่จะวิ่งหาพื้นที่เล่นกันไปเอง โดยมีแบ็คเติมขึ้นมาช่วยเด้งบอลคืนไปให้เวลาไปไม่เป็น ดูแล้วก็น่าสนใจดีในกรณีที่สามารถเก็บซัวเรสไว้ได้และสเตอริดจ์ฟิตสมบูรณ์ เพราะลิเวอร์พูลมีผู้เล่นที่เร็วและไปกับบอลได้ดีอยู่เป็นเข่ง เวลาเจอคู่ต่อสู้ที่เล่นเน้นตั้งโซนรัดกุมน่าจะช่วยได้ไม่น้อย เพราะจะเรียกฟาลว์และดึงให้ผู้เ่ล่นแนวรับหลุดโซนได้ดีกว่าสไตล์พินบอลหน้า เขตโทษในฤดูกาลก่อน แต่ถ้าต้องเล่นโดยที่ใช้ตัวรุกที่มีอยู่ในวันนี้ เก็บแผนนี้ใส่ไห เติมน้ำเกลือลงไปเยอะๆ แล้วขุดหลุมฝังไว้ใต้ถุนบ้านไปก่อนได้เลยครับ

_______ ปัญหาที่เห็นได้ชัดในนัดนี้คือทีมเวิร์คยังดูไม่ได้ ช่วงต้นเกมที่มีแค่อัสปาสกับอัลแบร์โต้ที่เป็นตัวใหม่เล่นอยู่ ยังสามารถเล่นกันได้อย่างลื่นไหล ถ่ายบอลกันได้ต่อเนื่องจนถึงหน้าเขตโทษ แต่พอถึงครึ่งหลังโดยเฉพาะช่วงที่ปรับทีมใหม่นาที 65 การประสานงานในทีมแทบไม่มีเลย หนักไปทางความสามารถเฉพาะตัวและเล่นกันไปตามช่อง ก็หวังว่าลิเวอร์พูลจะใช้เวลาช่วงพรีซีซั่นปรับตรงนี้ให้ได้โดยเร็ว ถ้าเปิดฤดูกาลแล้วยังต้องปรับอยู่ ฤดูนี้ก็เหนื่อยละครับ
 -------------------------------

นัดนี้เล่นกันแบบอุ่นเครื่อง (อย่าซีเรียสนะ ย้ำอีกครั้งว่าพูดถึงเฉพาะนัดนี้)

มินโยเล่ - เล่นบอลกับเท้าได้ไม่เนียนเท่าไหร่ บอลไม่นิ่งพี่ก็ชิ่งซะแล้ว แต่การออกมาปิดมุม ออกมาตัดบอลไกลเส้นประตูทำได้ดี

จอห์นสัน/เอนริเก้ - ขยันเติม ไปได้ยันสุดเส้น เกมรับไม่มีอะไรให้ห่วงเท่าไหร่

แอกเกอร์ - ย้ำอีกครั้งว่าเป็นเซนเตอร์ที่ผ่านบอลและเชื่อเกมได้ดี ในเกมรับแทบไม่ต้องทำอะไร

ตูเร่ - เป็นคนที่ต้องดวลตัวต่อตัวกับกองหน้าเยอะที่สุดของทีม ทางบอลดีเข้าบอลแม่น

ลูคัส - เคลื่อนที่น้อย เล่นยั้งๆ ผ่อนๆ ปิดพื้นที่และหยุดเกมรุกได้ดีแต่นัดนี้ไม่ค่อยวิ่งตามบอล

เจอราร์ด - จังหวะการเล่นยังไม่เข้าที่ จ่ายบอลพลาดเยอะ วิ่งเติมก็ไม่ถึงบอล

อัลแบร์โต้ - คิดนาน เล่นช้า ลุ้นกันต่อไป

ดาวนิ่ง - ได้เล่นอยู่ราวๆ 5 นาทีแรก ที่ได้บอลตลอด หลังจากนั้นก็....นิ่ง นิ่ง นิ่ง นิ่ง

คูตินโย่ - ขยันและสมาธิจนยิงลูกแรกได้ แตะบอลดึงหลบคู่ต่อสู้ได้ดี จ่ายบอลทีเด็ดทีขาดวันนี้น้ำหนักไม่ค่อยได้

อัสปาส - หาที่ว่างได้เด็ดขาดมาก คือเจอแต่ที่ว่างไม่เจอบอล

โรบินสัน - ขึ้นมาเชื่อมเกมช้า เกมรับลูก 50/50 ดันรอกรรมการป่าวนกหวีดไม่ยอมเล่นต่อ

เฮนเดอร์สัน - เคลื่อนที่ได้ดีทั้งการปิดพื้นที่และหาที่ว่างรับบอล

อัลเลน - เชื่อมเกมได้ดีกว่าเจอราร์ด

บอรินี่ - คาดว่าหนีไปตั้งวงกับดาวนิ่ง

อัสไซดี้ - ไปกับบอลได้ดี แต่จังหวะเปิดบอลเหมือนไม่ได้มองเพื่อน ยกเว้นจังหวะจ่ายสเตอริ่งยิงลูกที่สอง

สเตอริ่ง/ไอบี้ - เร็วและครองบอลได้ดี แต่ทีเด็ดทีขาดดูยังต้องปรับปรุง โดยเฉพาะจังหวะสุดท้ายไม่ว่ายิงหรือจ่าย

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ซิมง มินโยเล่... เพราะอยากพิมพ์ชื่อเต็มๆ ของเค้าครับ เหตุผลแค่นั้นแหล่ะ
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.