วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2556

นิวคาสเซิล 0 - 6 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


ก็อยู่กันได้...ไม่ตายนี่หว่า
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

----------------------สเตอริดจ์----------------------
คูตินโย่-------------เฮนเดอร์สัน--------------ดาวนิ่ง
-------------ลูคัส----------------เจอราร์ด----------
เอนริเก้-----แอกเกอร์------คาราเกอร์-----จอห์นสัน
------------------------เรน่า-------------------------

               ลิเวอร์พูลออกไปเยือนนิวคาสเซิลโดยไร้หลุยส์ ซัวเรสที่โดนไปแล้วเรียบร้อยยันฤดูกาลหน้า ร็อดเจอร์ปรับทีมแค่ตำแหน่งเดียวโดยเลือกใช้สเตอริดจ์เป็นหน้าเป้าแทน นอกนั้นยังเป็นชุดเดิม
-------------------------------------------------------

               เริ่มเกมมาลิเวอร์พูลก็เปิดเกมรุกกดดันทันที ได้ลุ้นติดๆ กันหลายครั้งจนทำได้สำเร็จในนาที 3 จากจังหวะต่อเนื่องจากเตะมุม เจอราร์ด(ถ้าดูไม่ผิด) เปิดบอลย้อนกลับเข้าไปในเขตโทษให้แอกเกอร์ที่หลุดล้ำหน้าขึ้นไปอย่างโล่ง โหม่งผ่านตัวผู้รักษาประตูเข้าไปได้ง่ายๆ 1-0 และหลังจากนั้นก็ยังเป็นลิเวอร์พูลที่บุกต่อเนื่องโดยที่นิวคาสเซิลแทบไม่ ได้ทำอะไรเลย

               หลังจากผ่านไปได้ราว 10 นาที นิวคาสเซิลเริ่มไล่ถึงบอลได้เร็วขึ้นและทำให้เกมของลิเวอร์พูลเริ่มช้าลง แต่เกมรุกของตัวเองนิวคาสเซิลก็ยังเปิดบอลเข้าทำไม่ผ่าน แทบไม่ได้ลุ้น และแม้รูปเกมจะดีขึ้นแล้วแต่นิวคาสเซิลก็มาพลาดเสียประตูซ้ำอีกในนาที 17 จากการทำเกมเร็วของลิเวอร์พูล คูตินโย่ได้จังหวะจ่ายทะลุให้สเตอริดจ์ได้ผ่านบอลให้เฮนเดอร์สันจบสกอร์ โล่งๆ เป็น 2-0

               นิวคาสเซิลเริ่มครองบอลได้มากขึ้น ส่วนลิเวอร์พูลเริ่มเน้นเกมโต้เร็ว - บอลยาวมากกว่าจะเปิดเกมขึ้นไปเอง โอกาสของลิเวอร์พูลยังพอมีบ้างแต่น้อยลงเรื่อยๆ ส่วนนิวคาสเซิลก็เริ่มบุกเข้ามากดดันใกล้เขตโทษมากขึ้นแต่ยังได้ลุ้นประตู น้อยมาก จนกระทั่งจบครึ่งแรกที่ 2-0

               เข้าครึ่งหลัง นิวคาสเซิลเปลี่ยนตัวลงมาทีเดียว 2 คน โหมเกมรุกเต็มที่และทำได้ดีด้วย บอลริมเส้นไปได้ถึงสุดเส้นและเปิดเข้ากลางได้ต่อเนื่อง มีโอกาสลุ้นประตูเป็นชิ้นเป็นอันแล้ว ในขณะที่ลิเวอร์พูลเข้าถึงบอลกันช้าลงและครองบอลแทบไม่อยู่ เสียบอลกลับคืนให้คู่ต่อสู้เร็วมาก ทำให้ช่วงต้นครึ่งแรกนิวคาสเซิลทำได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด

               อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูลยังมีความเด็ดขาดในการจบสกอร์มากกว่า นาที 54 เฮนเดอร์สันกับคูตินโย่ช่วยกันเข้าไปแซะบอลจากอาร์กฟาได้แถวกลางสนาม ก่อนจะเป็นคูตินโย่ที่ลากจี้เข้าไปถึงหน้าเขตโทษก่อนจะจ่ายทะลุให้สเตอริดจ์ได้ หลุดโล่งๆๆ ยิงเข้าไปได้อีกเป็น 3-0 ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลเริ่มถอยหลังไปรับเน้นคุมพื้นที่ตัวเองให้แน่นมากขึ้น เข้าไปอีก รอโต้ด้วยบอลยาวอย่างเดียว

               หลังจากเสียลูกที่สาม จังหวะการเล่นของนิวคาสเซิลก็ดูจะสะเปะสะปะไป เกมรุกที่ทำได้ดีช่วงต้นครึ่งหลังมลายหายสนิท กลายเป็นลิเวอร์พูลที่หาโอกาสโต้ยาวได้ลุ้นต่อเนื่อง นาที 60 เจอราร์ดโยนบอลให้เฮนเดอร์สันทะลุขึ้นไปรับบอลได้แถวเส้นข้างเขตโทษก่อนที่ เฮนเดอร์สันจะจ่ายกลับมาให้สเตอริดจ์ที่รออยู่กลางโล่งๆๆๆ ยิงเข้าไปให้นิวคาสเซิลเละหนักเข้าไปอีก 4-0

               ถึงตรงนี้ รูปเกมไม่มีอะไรเปลี่ยนแล้ว นิวคาสเซิลดูไม่ค่อยมีสติปัญญาสมาธิอะไร จะเล่นสักเท่าไหร่แล้ว ส่วนลิเวอร์พูลแค่เล่นตามจังหวะ เห็นช่องก็จ่ายทะลุไปข้างหน้า นาที 71 บอรินี่ได้ลงมาแทนเจอราร์ด(โดนเปลี่ยนตัวออกครั้งแรกในฤดูกาล) ลงมาปุ๊ปแค่จังหวะบุกครั้งแรกก็ได้เรื่องเลย ดาวนิ่งได้บอลทางริมเส้นหักเข้ากลางมาให้บอรินี่(ลูกนี้โล่งน้อยหน่อย)ได้ จับก่อนยิงเป็น 5-0

               นิวคาสเซิลยังบรรลัยไม่พอ นาที 75 เดบูชี่เสียบคูตินโย่เหมือนอยากกลับเข้าห้องแต่งตัวก่อน โดนใบเหลือง-แดงไปสมใจ และจากฟรีคิกจังหวะดังกล่าว เฮนเดอร์สันปั่นเข้ากลางไปไม่มีใครขึ้นโดนบอลแต่บอลพุ่งไปเสียบเข้าเสาสอง 6-0 เล่นเอากองเชียร์นิวคาสเซิลเดินกลับกันไปเกือบครึ่งสนาม

               นาที 84 เชลวี่กับซูโซ่ได้ลงมาแทนคูตินโย่กับสเตอริดจ์ เวลาที่เหลืออยู่ปิดทีวีประหยัดค่าไฟไปเลยก็ได้ จบเกมที่สกอร์ถล่มถลาย 6-0
 -----------------------------------------

               นัดนี้อนาถนิวคาสเซิลจนไม่ค่อยมีอะไรให้พูดถึงเท่าไหร่

               ทางลิเวอร์พูลนั้นยังเล่นคล้ายกันกับนัดก่อนๆ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงวิธีการเล่นหรือตั้งใจบุกมากขึ้นกว่าที่เสมอมา 3 นัดรวดสักเท่าไหร่ (อันที่จริงตั้งเกมบุกน้อยลงด้วยซ้ำ) ส่วนฝั่งนิวคาสเซิลเสียประตูเร็วทำให้ไม่มีทางเลือกต้องบุกใส่ รูปเกมเลยเป็นอย่างที่เห็น โดยสิ่งที่ตัดสินผลลัพธ์ในเกมนี้มาจากฟอร์มของผู้เล่นทั้งสองฝั่งอย่างเห็น ได้ชัด นิวคาสเซิลนั้นฟอร์มหลุดกระจาย โดยเฉพาะกองหลังที่ตั้งรับกันแบบเซน...ตั้งรับโดยไม่ตั้งรับ ประกบโดยไม่ประกบ แต่ดูเหมือนแนวรุกลิเวอร์พูลจะไม่ได้ซึ้งรสพระธรรมด้วยเลยพากันเล่นท๊อปฟอร์ มฉีกแนวรับหลุดเป็นชิ้นๆ ตั้งแต่ต้นยังจบเกม

               สำหรับลิเวอร์พูลนั้น ถ้าจะมีอะไรต่างออกไปก็คงเป็นเรื่องของทีมเิวิร์ค พอไม่มีซัวเรส บอลไปถึงแนวรุกคนอื่นมากขึ้น ที่เห็นได้ชัดเลยคือคูตินโย่กับเฮนเดอร์สัน ในรายคูตินโย่นั้นพอได้บอลมากขึ้นบอลทะลุช่องรัวๆ ของเขากดดันแนวรับได้อย่างสุดยอด ไม่ใช่ทั้งเกมได้โอกาสจ่ายบอลไม่กี่ครั้งอย่างที่ผ่านมา ส่วนเฮนเดอร์สันไม่ต้องตีตั๋วเปล่า วิ่งไปแล้วไม่ได้บอลเ้หมือนที่เคย ถ้าเขาวิ่งไปได้ดีพอ(ซึ่งนัดนี้่วิ่งทำทางได้ดีทีเดียว) เขาก็ได้บอลและมีส่วนช่วยถ่างแนวรับนิวคาสเซิลที่ไม่ค่อยสบประกอบอยู่แล้ว ให้วิปลาสเข้าไปอีก ...

               นัดนี้ดูคล้ายว่าลิเวอร์พูลจะไม่จำเป็นต้องมีซัวเรสอยู่ในทีมก็ได้ แต่ความเห็นส่วนตัวผมคิดว่าซัวเรสยังจำเป็นอยู่ และจำเป็นมากๆ ด้วย ถ้าเจอกองหลังที่เล่นได้เหนียวแน่นกว่านี้ บอลทะลุทะลวงของคูตินโย่คงไม่ได้กินง่ายๆ และเฮนเดอร์สันคงไม่หลุดโล่งโปร่งสบายไปรับบอลขนาดนั้น แล้วตอนนั้นถ้าไม่มีซัวเรสจะเจาะกันเข้าไปยังไงล่ะ?

               แต่ที่แน่ๆ ลิเวอร์พูลตอนนี้ขาดซัวเรส...ไม่ถึงกับตายครับ

 -------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดี(เกือบ)ทุกคน

เรน่า - ยืนตำแหน่งพอใช้ได้ เปิดบอลเร็วค่อนข้างดี แต่อันที่จริงก็ไม่ค่อยมีงานให้ทำเท่าไหร่

จอห์นสัน - เล่นในฟอร์มที่สูสีกับกองหลังนิวคาสเซิล เล่นได้เอาอ่าวมากคือออกไปกลางอ่าวเลย เล่นพลาดมันหมดเกือบทุกจังหวะ หวุดหวิดจะโดนเหลือง-แดงตอนปลายครึ่งแรกด้วย

แอกเกอร์ - ประกบคู่ต่อสู้จังหวะที่โดนโยนบอลเข้ามาจากริมเส้นได้ไม่ค่อยดีนัก แต่นอกนั้นก็ไม่ได้ผิดพลาดอะไร ขึ้นไปโหม่งทำประตูได้ด้วย

คาราเกอร์ - ตัดบอลจังหวะสำคัญได้หลายครั้ง อ่านเกมได้ดีมาก ยังอยู่ในฟอร์มที่ดี

เอนริเก้ - ครองบอลนานจนเสียบอลอยู่ 2-3 ครั้ง แต่จุดเด่นอย่างการวิ่งเบียดเอาบอลนัดนี้ยังทำได้ดีไม่มีที่ติ เชื่อมเกมพอใช้ได้ ดีกว่าจอห์นสันแต่ชอบไปทางแคบมากไปนิด โดยรวมก็ยังเล่นได้ดี

ลูคัส - ทำลายเกมคู่ต่อสู้ได้ดีและวันนี้แย่งบอลได้เยอะทีเดียว เสียฟาลว์ก็น้อยและเก็บบอลจังหวะสองในเกมรับเอาไว้ได้มาก

เจอราร์ด - เป็นเกมที่ได้เล่นง่าย เกมรับไม่ต้องหัวหมุนวิ่งไล่คู่ต่อสู้มากนัก ในเกมรุกก็ไม่ต้องวิ่งเติมขึ้นไปสักเท่าไหร่ แค่หาที่ว่างและคอยเปลี่ยนฝั่ง ทำได้ดีด้วยให้บอลไม่ค่อยพลาด

คูตินโย่ - แทบไม่ทำอะไรอย่างอื่นเลยนอกจากจ่ายบอลทะลุช่องรัวๆ และทำได้สุดยอดเอามากๆ จ่ายเป็นหลุดๆ ชนิดที่เพื่อนได้ดวลเดี่ยวกับผู้รักษาประตูทั้งนั้น ความแข็งแกร่งยังน้อยอยู่ ถ้าโดนเบียดถึงตัวไปไม่ค่อยรอด และเกมรับเล่นได้ระดับที่เรียกว่า พอเถอะ แต่เอาแค่บอลทะลุช่องนี้ก็ดีมากพอที่จะจัีบใส่หลังรถกระบะแล้วแห่รอบหมู่ บ้านแล้ว

ดาวนิ่ง - ฟอร์มไม่ได้แย่ แค่ดีไม่เท่าคนอื่น เกมรุกถือว่าทำได้ดีขึ้นบ้าง(ซึ่งแปลว่ายังไม่ดีนัก) พอมีจังหวะที่หลุดไปถึงสุดเส้นหรือเปิดให้เพื่อนจบได้ เกมรับช่วยปิดช่องที่แบ็คขวาออกไปหาปลาได้ดีทีเดียว

เฮนเดอร์สัน - ผลงานนัดนี้เล่นได้ใกล้เคียงใบหน้าแล้ว หาพื้่นที่ว่างและวิ่งทำทางได้ดี จ่ายบอลในเกมรุกถึงจะไม่ทะลุระดับคูตินโย่แต่ก็ทำได้น่าพอใจมาก (มี 1 แอสซิสต์ด้วย) และยิงได้อีกตั้ง 2 ลูก

สเตอริดจ์ - ยิง 2 จ่าย 1 หาตำแหน่งได้ดี รักษาตัวอยู่ในไลน์กองหลังได้เยี่ยมมาก (เฉพาะเรื่องนี้ทำได้ดีกว่าซัวเรสเยอะ) จบสกอร์ได้เด็ดขาด ไม่ยึกยักนาน เรียกฟาลว์ได้ดีและไม่หวงบอล พร้อมจ่ายให้เพื่อนที่ตำแหน่งดีกว่า...ที่พูดมาทั้งหมดนี้คือก่อน 4-0 เพราะพอหลังจากนั้นดูจะดีไซน์ท่ายิงและคิดนานเหลือเกินกว่าจะเล่นแต่ละ จังหวะ

ตัวสำรอง

บอรินี่ - ลงมา ยิงได้ หายไป...ตามจัีงหวะเกมที่ไม่มีใครเน้นแล้ว

เชลวี่ย์,ซูโซ่ - ได้ลงมาเล่นด้วย เฮ้!

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ฟิลิปเป้ คูตินโย่... ที่จริงสเตอริดจ์กับเฮนเดอร์สันก็เล่นได้ดีมากระดับที่ว่าถ้าเป็นนัดอื่นก็ คงได้ MOM ทั้งคู่นั่นแหล่ะ แต่นัดนี้การจ่ายบอลของคูตินโย่ทำเอาลืมไปเลยว่ากองหลังนิวคาสเซิลลงมาเล่น ด้วย
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2556

ลิเวอร์พูล 2 - 2 เชลซี (พรีเมียร์ลีค)


...อีวี่...อร่อย...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1 (ถ้าฤดูหน้าร็อดเจอร์ยังคุม ว่าจะไม่พิมพ์ตรงแผนการเล่นแล้ว)

-----------------------ซัวเรส------------------------
คูตินโย่-------------เฮนเดอร์สัน--------------ดาวนิ่ง
-------------ลูคัส----------------เจอราร์ด----------
เอนริเก้-----แอกเกอร์------คาราเกอร์-----จอห์นสัน
------------------------เรน่า-------------------------

               ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับเชลซีที่มีคนเคยรักอย่างเบนิเตสคุมทีมอยู่ นำแสดงด้วย man in the rubber mask เป็นศูนย์หน้าตัวเป้า มีตัวประกอบที่ไม่เด่นเท่าไหร่อย่างมาต้า ออสการ์ ฮาซาร์ด ติดสอยห้อยตามมาด้วย ส่วนทางด้านร็อดเจอร์ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก มีเพียงสเตอริดจ์ที่ต้องรออยู่ข้างสนามก่อน
-------------------------------------------------------

               เริ่มเกมมาทั้งสองฝ่ายก็วิ่งไล่ถึงบอลกันเร็ว ไม่เปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้มีเวลาคิดทำอะไรมากนัก ลิเวอร์พูลทำได้ดีกว่าพอสมควรเมื่อเก็บบอลเล่นได้มากกว่าและหาโอกาสจบสกอร์ ในเขตโทษได้บ้างแต่ยังไม่เป็นประตู โดยใช้ซัวเรสคอยลงมาทำเกม สลับตำแหน่งกับตัวรุกคนอื่นได้ผลเป็นอย่างดี

               แต่เล่นไปไม่นาน สัก 10 นาทีเท่านั้น ด้วยความที่ผู้เล่นเชลซีครองบอลกันได้เหนียวแน่น แม้จะโดนไล่เร็วแต่ก็แซะบอลให้หลุดออกมายากทำให้เชลซีของบอลได้ดีขึ้นและบุก ใส่ได้มากขึ้น ทำให้เกมรุกของลิเวอร์พูลเริ่มไปไม่ถึงเขตโทษ ทั้งสองฝ่ายยังปิดพื้นที่ในเขตโทษได้ดีทำให้ช่วงนี้หาโอกาสลุ้นประตูได้ไม่ มากนัก

               ในเกมเปิดเชลซีอาจจะหาโอกาสได้ไม่มากนักแต่มาทำได้ในลูกตั้งเตะ นาที 26 จากลูกเตะมุม ออสการ์หนีตัวประกบขึ้นโหม่งยัดเข้าเสาแรกได้สำเร็จ 1-0 หลังจากนั้นลิเวอร์พูลก็บุกแทบไม่ขึ้นอีกเลย บอลขึ้นหน้าไม่ค่อยได้ จนกระทั่งจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 1-0

               เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลเปลี่ยนสเตอริดจ์ลงมาแทนคูตินโย่ กลับลงสนามมาด้วยความคลั่ง โหมเกมรุกดันเกมสูงเข้าใส่ตั้งแต่เริ่มและได้ลุ้นประตูติดๆ กันทั้งจากเจอราร์ดและสเตอริดจ์แต่ยังไม่ได้ประตู ลิเวอร์พูลทำเกมเร็วขึ้น บอลขวางสนามมีน้อยลง เปิดหน้าแลกใส่ ส่วนเชลซีคุมพื้นที่แน่นแล้วรอโต้ตามสไตล์ผู้จัดการทีม ทำให้เกมเปิดแลกกัน ลิเวอร์พูลแม้จะไม่ได้เหนือกว่าแต่ได้ลุ้นประตูมากขึ้นแล้ว

               ลิเวอร์พูลมาทำได้สำเร็จในนาที 52 จากการวางยาวของคาราเกอร์(ถ้าดูไม่ผิด) ดาวนิ่งเอาบอลลงแบบไม่รู้ตั้งใจหรือปล่าวแต่บอลเด้งข้ามหัวกลับไปเข้าทางซัวเรสได้เปิดข้ามหัวกองหลังตัวเตี้ยๆ อย่างหลุยส์ให้สเตอริดจ์ได้ชาร์จจ่อๆ ด้วยขาขวาแต่บอลไปโดนขาซ้ายเข้าประตูไป 1-1

               หลังตีเสมอได้ เกมของลิเวอร์พูลดีขึ้นทันตาเห็น โมเมนตันของเกมเริ่มเทกลับมาอย่างเห็นได้ชัด และก็เป็นไปตามคาด จากจังหวะลูกเตะมุม(อีกแล้ว) นาที 55 ซัวเรสโดดขึ้นไปเซฟลูกกลางอากาศในเขตโทษตัวเองอย่างสวยงามแต่โดนกรรมการจับแฮนบอลอย่างไม่น่าเชื่อ ฮาซาร์รับหน้าที่ยิงไม่พลาด 2-1

               ลิเวอร์พูลพยายามโหมเกมรุกเต็มที่แต่ฝ่าด่านแนวรับ 3 แถวของเชลซีเข้าไปได้ลำบาก แม้จะกดดันได้แต่จังหวะจบหาได้ยากยิ่ง ส่วนทางเชลซียังโต้ได้น่ากลัว พาบอลมาถึงหน้าเขตโทษได้ตลอดแต่ยังหาช่องจบสกอร์ไม่ค่อยได้เช่นกัน นาที 80 เชลวี่ได้ลงมาแทนดาวนิ่ง และหลังจากนั้นไม่นานก็ได้โอกาสยิงโล่งๆ ในเขตโทษจากการจ่ายของเฮนเดอร์สัน ซึ่งเชลวี่ย์ยิงเข้าข้างตาข่ายได้อย่างแม่นยำ

               เวลาที่เหลืออยู่ลิเวอร์พูลเร่งจนผิดพลาดเป็นระยะ หนักไปทางได้ลุ้นแต่ไม่ค่อยได้ยิง หรือถ้าได้ยิงก็เป็นมุมแคบๆ หรือยิงไกล ส่วนทางเชลซีน่าจะเข้าใจผิดว่าตัวเองนำอยู่ 7-1 เลยไม่ค่อยเน้นเกมรุกมากนัก จังหวะโต้ก็ให้เล่นกันแค่ 2-3 คนทำให้ไม่สามารถปิดเกมได้สนิท แต่จากรูปก็ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาดสำหรับ 3 แต้มแล้ว แต่แล้ว...

               ผู้ตัดสินทดเวลาเจ็บให้ 6 นาที แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย คาดว่าทดเผื่อนัดหน้าด้วย ลิเวอร์พูลใช้เวลา 6 นาทีอย่างคุ้มค่าด้วยการทำอะไรไม่ได้ จนกระทั่งเวลาทดหมดแล้วกว่าครึ่งนาทีแต่กรรมการยังไม่เป่าจบเกม สเตอริดจ์เลยจัดการเปิดบอลจากริมเส้นให้ซัวเรสโหม่งเช็ดอัดมือปีเตอร์ เชคเข้าประตู ตีเสมอได้แบบไม่น่าเชื่อ 2-2 และจบเกมด้วยสกอร์ดังกล่าว
 -----------------------------------------

               ด้วยแทคติคของผู้จัดการทีมทั้งสองฝ่ายที่คาดว่าทุกคนบนโลกคงจะรู้กันหมดแล้วทำให้เกมออกมาในรูปนี้ เบนิเตสยังถนัดและทำได้ดีกับสไตล์ตีหัวเข้าบ้าน กลางรับ 2 คน เน้นเล่นฉาบฉวยซึ่งทำให้รูปเกมเป็นต่อได้ตลอดเกมและขึ้นนำถึง 2 ครั้ง (แต่ดันไม่บุกใส่ให้คู่ต่อสู้ตายสนิททั้งๆ ที่คุณภาพผู้เล่นดีกว่า) ส่วนร็อดเจอร์ยังคงเน้นการครองบอลอยู่(และดูจะมากไปนิดด้วย) แต่เกมรุกยังพอทำอะไรได้บ้าง นอกจากการตีเสมอ 2 ครั้งแล้ว โอกาสในการยิง(เข้ากรอบมั่งไม่เข้ากรอบมั่ง อันตรายมั่งไม่อันตรายมั่ง) ถือว่าเยอะมากในการเจอกับทีมระดับหัวตารางแบบนี้

               แต่ปัญหาใหญ่ในเกมนี้คือการรับมือลูกตั้งเตะ 2 ประตูที่เสียไปมาจากลูกเตะมุมล้วนๆ และนอกจาก 2 จังหวะนั้นที่ปล่อยให้บอลตกพื้น, สกัดไม่ขาด ถือเป็นการป้องกันที่ไม่ดีเอามากๆ และถ้าเชลซีมีตัวเล่นลูกตั้งเตะดีๆ อย่างเทอรี่เพิ่มเข้ามาอีกสักคนอาจจะตายสนิทไปตั้งแต่ก่อนทดเวลาแล้วก็เป็น ได้

               อย่างไรก็ตาม นัดนี้แสดงให้เห็นว่าคุณภาพผู้เล่นของลิเวอร์พูลยังค่อนข้างห่างกับทีมหัวตารางพอสมควร ตัวรุกเชลซีแต่ละคน (ไม่นับตอเรส) เอาตัวรอดจากการโดนไล่และครองบอลได้ดีเอามากๆ กว่าลิเวอร์พูลจะแย่งบอลกลับมาแต่ละครั้งนั้นลำบากลำบนเหลือเกิน ในขณะที่ผู้เล่นลิเวอร์พูลถ้าซื้อปืนเก็บไว้คงตายกันหมดบ้าน เพราะจับบอลเป็นลั่น โดนแซะเป็นหลุด ไม่ต้องนับลูกชิ่ง 1 - 2 พื้นฐานที่พอโดนไล่แล้วความแม่นยำลดลงฮวบฮาบ ทำให้เกมไม่ค่อยต่อเนื่องนัก

               นอกเรื่องสักเล็กน้อย เกมนี้ซัวเรสแสดงอภินิหารครบถ้วนนะครับ ใครไม่ได้ดูก็หาแมทช์ย้อนหลังดูซะ ทั้งแฮนบอลด์, กัดแขน, ทำแอสซิสต์, ยิงประตูสำคัญ
 -------------------------------

นัดนี้เล่นกันพอใช้ได้ ค่อนไปทางไม่ดี

เรน่า - ซองแตกไปทีดีว่าพลิกตัวไปเก็บได้ ออกมาตัดลูกกลางอากาศน้อยกว่าที่ผ่านมา และเตะเปิดเกมได้ไม่ค่อยดีนัก ส่วนการยืนตำแหน่งยังพอใช้ได้ และวิ่งออกมาเล่นไกลเส้นประตูได้ดี

จอห์นสัน - เชลซีไม่ค่อยขึ้นเกมด้านนี้(เน้นขึ้นตรงกลางสลับกับทางเอนริเก้) เกมรับเลยมีงานไม่มากนัก เชื่อมเกมได้ค่อนข้างดี ไม่มีข้อผิดพลาดอะไรมากมายนัก

แอกเกอร์ - วิ่งตามออกมาประกบคู่ต่อสู้นอกเขตโทษได้ค่อนข้างดี แต่จังหวะเล่นลูกกลางอากาศขึ้นไม่ค่อยจะถึงบอล

คาราเกอร์ - ประกบตอเรสได้ดีมาก เบียดปะทะและมีลูกตุกติก...เอ่อลูกแทคติคมาช่วยอยู่ตลอด วิ่งไม่ทันมีดึง อยู่ในฟอร์มที่ดีเป็นที่พึ่งได้ มีจับจังหวะบอลพลาดให้ 2-3 หนแต่ไม่เลวร้ายมากนัก

เอนริเก้ - โดนเจาะจังหวะโต้กลับบ่อย เกมรับยังใช้ได้แต่เคยเหนียวแน่นกว่านี้ จังหวะวิ่งเบียดที่ว่าแน่ๆ วันนี้เบียดชนะน้อยลง เชื่อมเกมพลาดอยู่พอสมควรและการเติมขึ้นไปเล่นข้างหน้าทำได้ไม่ดีนัก

ลูคัส - เข้าถึงบอลแต่แย่งบอลได้ค่อนข้างน้อย ทำลายเกมคู่ต่อสู้ได้น้อยมากสำหรับการเล่นกลางรับ แต่เคลื่อนที่ได้ดีขึ้น พัวพันบังทางปิดพื้่นที่หน้าเขตโทษตัวเองเอาไว้ได้น่าพอใจ

เจอราร์ด - ออกบอลพลาดพอสมควร เล่นติดๆ ขัดๆ พลาดพอๆ กับดี ดันขึ้นไปเล่นเกมรุกค่อนข้างมากตามสถานการณ์ของเกมแต่ทีเด็ดทีขาดไม่ค่อยมี ให้เห็นเท่าไหร่ แต่ก็เป็นคนออกบอลขึ้นหน้าได้เป็นสัปปะรดที่สุดในทีมแล้ว

คูตินโย่ - เล่นไม่ออก บอลเร็วคมๆ ที่เคยทำได้วันนี้พลาดเกือบหมด จังหวะพลิกหรือแตะหลบแทบไม่ผ่าน เป็นเกมที่เล่นได้ไม่ดีเลย

ดาวนิ่ง - ขยันวิ่ง เคลื่อนที่เยอะ หาตำแหน่งว่างได้ดีไม่ว่าจะทำทางข้างหน้าหรือลงไปล้วงบอลในแดนตัวเอง ช่วยเชื่อมเกมได้ดีแต่เกมรุกไม่ค่อยจะมีอะไรมาโชว์เท่าไหร่ จังหวะตัวต่อตัวแทบไม่ผ่านและเปิดบอลไม่ได้ลุ้น ทำได้ดีมากในจังหวะที่ทำให้ทีมได้ลูกแรก

เฮนเดอร์สัน - ครึ่งแรกเล่นได้สูสีกับคูตินโย่เลย เล่นในตำแหน่งสำคัญต่อจังหวะการทำประตูสุดๆ แต่ดันหาบอลไม่ค่อยเจอ จ่ายพลาดก็เยอะ ครึ่งหลังดูดีขึ้นมาบ้างแต่ก็ไม่ถึงขั้นน่าพอใจ แต่อย่างน้อยก็มีส่วนร่วมกับจังหวะสำคัญที่ได้ลุ้นประตูอยู่บ้าง ไม่ใช่หายต๋อมไปเลย

ซัวเรส - เลี้ยงบอลมากไปนิด หลายครั้งที่มีเพื่อนรอจะชิ่งให้ก็ไม่ส่ง ที่ทำได้ดีคือยังหาโอกาสหาพื้นที่จบสกอร์ได้ดีเอามากๆ และอย่างที่บอก นัดนี้แสดงอภินิหารครบ จ่าย 1 ยิง 1 เลยทีเดียว

ตัวสำรอง

สเตอริดจ์ - หาพื้นที่จบสกอร์ได้ยอดเยี่ยมมาก นอกจากลูกที่ยิงได้แล้วยังมีอีกหลายครั้งที่ยืนรอในตำแหน่งที่ดีแต่บอลมาไม่ ถึงเพราะเพื่อนไม่จ่าย,จ่ายพลาด เล่นบอลจังหวะเดียวได้ดี ยิง 1 จ่าย 1 เช่นกัน

เชลวี่ย์ - ยิงคมนะ...แค่ไม่แสดงออก

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...หลุยส์ ซัวเรส... ว่ากันตามเหตุผลด้านฟุตบอล ยิง 1 จ่าย 1 พึ่งได้เวลาคิดอะไรไม่ออกก็ถือว่าพอแล้ว แต่เหตุผลสำคัญที่ยกตำแหน่งนี้ให้เป็นเพราะการตีศอก, หัวโขก, โดดถีบ, ย่ำหน้าแข้งมันดูธรรมดาเกินไป...
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2556

ลิเวอร์พูล 0 - 0 เวสต์แฮม (พรีเมียร์ลีค)



อืดดดดด มาก
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

-----------------------ซัวเรส------------------------
คูตินโย่-------------เฮนเดอร์สัน--------------ดาวนิ่ง
-------------ลูคัส----------------เจอราร์ด----------
เอนริเก้-----แอกเกอร์------คาราเกอร์-----จอห์นสัน
------------------------เรน่า-------------------------

               ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับมือเวสต์แฮม นัดนี้ร็อดเจอร์ใช้ตัวจริงชุดเดิมจากนัดวิลล่าเป๊ะๆ ส่วนเวสต์แฮมตัวหลักก็ยังอยู่กันครบ ขาดแค่คาโรลที่ลงไม่ได้ไปคนเดียว
-------------------------------------------------------

               เริ่มเกมเล่นกันค่อนข้างช้า เวสต์แฮมเน้นคุมพื้นที่ในแดนตัวเองแน่น ไม่ค่อยขยับขึ้นมาต่อบอลกันมากนัก ส่วนลิเวอร์พูลก็เคาะครองบอลกันไปเรื่อย ยิ่งเล่นลิเวอร์พูลก็เริ่มครองบอลได้มากขึ้นเพราะแดนหน้าเวสต์แฮมที่อยู่กัน ไม่กี่คนเก็บบอลไม่ได้ แต่ลิเวอร์พูลเองก็ยังหาช่องเจาะพื้นที่ในเขตโทษของเวสต์แฮมได้ลำบากเช่นกัน

               นาที 25 สเตอริดจ์ได้ลงมาแทนดาวนิ่ง (คาดว่าเจ็บ) ลิเวอร์พูลยังบุกได้ลำบาก ได้บอลมากแต่ได้ยิงน้อย ส่วนเวสต์แฮมชวนเล่นเกมช้าอยู่ตลอด ท้ายๆ ครึ่งแรกถึงได้เริ่มครองบอลมากขึ้นแต่ก็เหมือนจะไม่เน้นเกมรุกมากเท่าไหร่ จบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 0-0 ด้วยรูปเกมที่เหมาะสมกับสกอร์เป็นอย่างยิ่ง

               เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลกลับลงมาพยายามเร่งเกมให้เร็วขึ้น ส่วนเวสต์แฮมเองในจังหวะโต้ก็มีคนมาช่วยคาร์ตัน โคลมากขึ้นเช่นกัน ทำให้เกมเปิดแลกกันมากขึ้น เริ่มหาโอกาสลุ้นประตูกันได้มากกว่าครึ่งแรกทั้งสองฝ่าย แต่ยังทำประตูกันไม่ได้ ทางลิเวอร์พูลนั้นหนักไปทางได้ยิงแต่ติดบล๊อคไม่ก็เปิดเข้าไปลุ้นแต่เข้าไม่ถึงบอล ส่วนเวสต์แฮมได้ลุ้นจากลูกเก็บตกเป็นส่วนใหญ่

               เกมเปิดอยู่ได้ไม่นานก็ค่อยๆ ช้าลง ด้วยความที่เวสต์แฮมยังไงๆ ก็ขอคุมพื้นที่แน่นไว้ก่อนเลยบุกได้ไม่ต่อเืนื่องไม่มีคนเก็บบอลจังหวะสอง ส่วนลิเวอร์พูลยังคงเจาะกันเข้าไปไม่ค่อยได้ ลูกกลางอากาศหรือเตะมุมยิ่งไม่ต้องลุ้น นาที 71 อัสไซดี้ได้ลงไปแทนเฮนเดอร์สัน

                เวลาที่เหลืออยู่เวสต์แฮมยิ่งถอยไปรับมากขึ้นเรื่อยๆ ดึงช้าทุกจังหวะ และแนวรับแทบไม่เห็นความผิดพลาด ลิเวอร์พูลแม้จะหาโอกาสลุ้นยิงได้พอสมควรแต่ส่วนใหญ่ก็โดนเร่ง, บีบให้ยิงมุมแคบ ยิงไกลทำให้ดีที่สุดได้แค่ลุ้น จบเกมไปแบบจืดๆ 0-0
 -----------------------------------------

                ร็อดเจอร์จัดทีมชุดเดิมและวางแทคติคมาค่อนข้างละเอียด ตัวทีเด็ดในเกมโต้กลับของเวสต์แฮมอย่างวาสเทกับโคลโดนล๊อคตายสนิท ในรายของวาสเทโดนประกบติดอยู่ตลอดพลิกบอลเล่นแทบไม่ได้ ส่วนโคลในจังหวะจะขึ้นโหม่งพักบอลโดนรุมสองหน้าหลังเกือบทุกจังหวะทำให้คุม บอลไม่ได้ ในเกมของตัวเองลิเวอร์พูลขึ้นบอลได้ค่อนข้างช้าแต่ถ้าดูจากพื้นที่ที่แทบไม่เหลือให้เล่นแบบนั้น จะเร็วกว่านั้นยังไงก็นึกไม่ออก

               ทางฝั่งอัลลาไดซ์เองก็ไม่ได้ซื่อบื้อ วางแทคติคมาหวังแค่เสมอและไม่ทำอะไรเกินตัว นอกจากจะเล่นช้าทั้งเกม เน้นคุมพื้นที่ตัวเองแน่นแล้ว แม้แต่ในช่วงเวลาที่ลิเวอร์พูลดันสูงเร่งเกม เวสต์แฮมยังโต้ขึ้นไปเล่นเกมรุกกันแค่ 3 อย่างมาก 4 ตัว ทำให้พื้นที่ด้านหลังแทบไม่เหลือไว้ให้ลิเวอร์พูลเจาะเลย ดูเฉพาะแทคติคก็ทันกันดี ตัวสำรองก็หวังอะไรไม่ได้กันทั้งคู่ ผลเสมอก็ดูจะเหมาะสมแล้ว

               สิ่งที่ตัดสินเกมในวันนี้จึงอยู่ที่ฟอร์มส่วนตัวของผู้เล่นในสนาม ทางฝั่งลิเวอร์พูลนั้นไม่ได้หลุดฟอร์มมากนัก แผงหลังเล่นได้ดี แผงกลางพอใช้ได้ แดนหน้าไม่ถึงกับแย่แต่เล่นไม่ค่อยออก แต่ทางฝั่งเวสต์แฮมนั้นแผงหลังเล่นได้ยอดเยี่ยมสุดๆ โดยเฉพาะคู่เซนเตอร์ที่เข้าบอลแม่นและถึงบอลเร็ว 1 แต้มที่ได้ไปนั้นสมควรได้แล้วจริงๆ

               ลูกโทษที่ไม่ได้(กันทั้งสองฝ่าย)คงไม่ใช่ประเด็นสักเท่าไหร่ เพราะขนาดเอนริเก้หวดโดนแต่น่องยังไม่เสียจุดโทษ ดังนั้นจังหวะเจอราร์ดโดน(นอน)ขวางไว้จะเป่าเป็นจุดโทษก็คงแปลกแล้ว

               สรุปว่า 0-0 นี่แฟร์สุดแล้วครับ
-------------------------------

นัดนี้เล่นกันพอใช้ได้

เรน่า - ไม่ได้เซฟลูกยากเลย ออกมาตัดบอลโด่งได้พอสมควรและออกบอลแม่น

จอห์นสัน - เกมรับใช้ได้ คู่ต่อสู้เปิดบอลไม่ได้ง่ายนัก เชื่อมเกมได้ดีมาก ส่วนใหญ่ขึ้นไปเล่นอยู่ในแดนกลางมากกว่า

แอกเกอร์ - เข้าบอลได้ดีทั้งการสกัดและโหม่ง เบียดคู่ต่อสู้ได้ติดตัว เล่นได้ดีทีเดียว

คาราเกอร์ - เช่นเดียวกันกับแอกเกอร์ ว่างมากพอที่จะดันขึ้นมาช่วยถึงกลางสนามด้วยซ้ำ

เอนริเก้ - เล่นได้ดีทั้งรุกและรับ เติมเกมได้ถึงสุดเส้นและทำได้น่าพอใจ(ในฐานะแบค)

ลูคัส - แดนกลางคู่ต่อสู้ขึ้นมาน้อย ไม่ค่อยมีปัญหา เก็บบอลใช้ได้และวันนี้ผ่านบอลได้ดี มีแค่บางจังหวะดูจะเสียสมาธิยืนขาตายให้เห็นอยู่บ้าง ช่วยตีเข่าเคลียร์บอลบนเส้นได้หนนึงด้วย

เจอราร์ด - พื้่นที่ไม่มีให้เล่น เจอราร์ดก็ออกบอลพลาดเยอะขึ้นตามไปด้วย ขาดๆ เกินๆ อยู่ตลอดเกม แต่หลายจังหวะก็ทำได้ลุ้นไม่ว่าจะเล่นเองหรือจ่ายให้เพื่อน

คูตินโย่ - มีส่วนร่วมกับเกมมากขึ้นไม่ใช่เล่นๆ แล้วหายไปเหมือนช่วงแรกๆ ผ่านบอลในพื้นที่แคบได้คมมาก ฟอร์มส่วนตัวถือว่าเล่นเกมรุกได้ดีทีเดียว

ดาวนิ่ง - โชคร้ายที่อยู่ในสนามได้ไม่นาน หาพื้นที่ว่างและถ่างแนวรับคู่้ต่อสู้ได้ดี(ดีกว่าคนอื่นๆ ที่ลงมาเล่นริมเส้นหลังจากนั้นด้วย) แต่จังหวะสุดท้ายไม่เด็ดขาด

เฮนเดอร์สัน - คิดช้าไปนิดและตัดสินใจนานไปหน่อยกว่าจะผ่านบอลแต่ละลูก แต่นอกจากนั้นถือว่าเล่นใช้ได้เลย ขยันและเคลื่อนที่ได้ดี ช่องมีก็จ่ายและไปข้างหน้าได้พอสมควร

ซัวเรส - แทบไม่ผ่านคอลลินเลย เลี้ยงติดเกือบทั้งเกม (ผ่านไปได้แค่ครั้งสองครั้ง) ทำเกมได้น้อยมากๆ ดึงกองหลังแทบไม่ได้เลย โอกาสที่พอหาได้บ้างก็ฝืนเล่นยากไปหน่อย ถ้านี่เป็นฟอร์มของดาวิด เอนก็อกก็ต้องถือว่าใช้ได้เมื่อดูจากเกมรับที่แน่นขนาดนี้ยังอุตส่าห์ได้ยิง และจ่ายให้เพื่อนได้ลุ้น แต่ถ้ามองว่านี่คือหลุยส์ ซัวเรส...วันนี้ค่อยข้างหลุดฟอร์ม

ตัวสำรอง

อัสไซดี้ - ลืม ลืมฉันลืมไปก่อน ได้ไหมลืมไปก่อน ทำเหมือนว่าเราไม่เคยได้พบกัน

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...เจมส์ คอลลินส์... ให้พี่เขาไปเถอะครับ จะแม่นบ้าอะไรขนาดนั้น เข้าโดนบอลเน้นๆ ทุึกจังหวะ
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.