วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เชลซี 2 - 1 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


...แพ้ทุกทาง...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

-------------------------ซัวเรส-------------------------
คูตินโย่--------------เฮนเดอร์สัน---------------สเตอริ่ง
----------------ลูคัส-----------อัลเลน------------------
แอกเกอร์-------ซาโก้---------สเคอเทล------จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลยังต้องเจอเกมหนักต่อเนื่องอีกหนึ่งนัด คราวนี้ออกไปเยือนเชลซีที่แสตมฟอร์ดบริดจ์ ร็อดเจอร์ปรับทีมตำแหน่งเดิมและตำแหน่งเดียว นั่นคือแบ็คซ้ายที่ส่งแอกเกอร์ลงเป็นตัวจริง นอกนั้นยังใช้ผู้เล่นชุดเดิม
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาพอให้กระพริบตาได้หลายทีอยู่ นาที 3 ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิกระยะไกลทางริมเส้น คูตินโย่เปิดลึกเข้ามาในเขต 6 หลาบอลค่อนข้างต่ำ ซัวเรสที่วิ่งเบียดไปกับอิวาโนวิชแต่ถึงบอลก่อนโหม่งเช็ดไปโดนตัวอิวาโนวิ ชแล้วกระดอนไปข้างหน้า ทำให้บอลไปเข้าทางสเคอเทลที่วิ่งนำขึ้นไปได้ยิงจ่อๆ โล่งๆ ไม่พลาด 1-0

_______ แม้จะเริ่มต้นเกมได้ลิเวอร์พูลสไตล์ (นำเร็ว) แต่ความจริงที่รออยู่มันโหดร้าย เชลซีเป็นฝ่ายเร่งเกม ไล่บอลเร็วตั้งแต่แดนหน้า แดนกลางทุกคนเข้าถึงบอลได้เร็วหมด รวมไปถึงงัดลูกหนักเอามาใช้เป็นระยะ ทำให้ลิเวอร์พูลครองบอลและตั้งเกมของตัวเองไม่ได้ และยังไม่สามารถโต้กลับได้เป็นชิ้นเป็นอัน บอลไปไม่ถึงข้างหน้า เกมจึงตกเป็นของเชลซีที่ตัดบอลกลับมาได้เร็วและพาบอลไปถึงหน้าเขตโทษได้บ่อย ครั้ง แต่จังหวะเข้าทำยังผ่านไม่ค่อยได้เท่านั้น

_______ เชลซีที่เป็นฝ่ายคุมเกมได้ดีกว่ามาตีเสมอได้สำเร็จในนาที 17 จากจังหวะที่ตัดบอลได้กลางสนามแล้วทำเร็ว วิลเลี่ยนพาบอลมาถึงหน้าเขตโทษแล้วโดนปั้มบอลแต่บอลกระดอนไปเข้าทางอาซาร์ ที่ว่างอยู่ยิงไกลจากหน้าเขตโทษเข้าเสาสองไปอย่างสวยงาม 1-1

_______ ถูกตีเสมอได้แล้วแต่เกมของลิเวอร์พูลยังไม่กระเตื้อง แม้จะได้ลุ้นจากจังหวะฉาบฉวยบ้างโดยเฉพาะการใช้สเตอริ่งสปีดขึ้นไปรับบอล แล้วพาไปเอง แต่ก็ไม่ต่อเนื่องและไม่ค่อยกดดันแนวรับมากนัก เกมแดนกลางก็ตกเป็นรองชัดเจน ครองบอลไม่อยู่ ตัดบอลกลับมาได้ช้า และเก็บบอลจังหวะสองไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ยังเป็นเชลซีที่ตัดบอลกลับได้เร็วและบุกกดดันเข้ามาเรื่อยๆ นาที 34 ก็แซงขึ้นนำได้จากจังหวะที่พาบอลไปถึงมุมธงด้านซ้าย(แอกเกอร์) เปิดเข้ากลางมาโดนบล็อคแต่เป็นออสการ์ที่ตามไปเอาบอลได้ก่อนเปิดเรียดเข้า กลางจากสุดเส้นหลัง เอโต้ฉีกหนีสเคอเทลที่ประกบอยู่เข้าถึงบอลก่อน ชาร์จบอลได้ไม่แรงนักและมินโยเล่พุ่งถึงบอลแต่ปัดไม่พ้นกรอบ บอลยังปลิ้นเข้าประตูไปได้ 2-1

_______ เวลาที่เหลืออยู่รูปเกมยังไม่เปลี่ยน ลิเวอร์พูลยังตามหาจังหวะของตัวเองไม่เจอ ส่วนเชลซีแม้จะเป็นฝ่ายคุมเกมเอาไว้ได้ก็ไม่ใช่ว่าจะเจาะพื้นที่สุดท้ายเข้า มายิงได้เป็นชุดๆ แต่นานๆ จะได้ลุ้นประตูสักทีเท่านั้น ทำให้จบครึ่งแรกที่สกอร์ 2-1

_______ เข้าครึ่งหลัง เชลซีเปลี่ยนเอาโอบี มิเกลลงมาแทนแลมพาร์ดที่มีอาการเจ็บ ช่วงต้นครึ่งหลังเกมของเชลซีเนือยลงไปมาก วิ่งไล่และเคลื่อนที่กันน้อยลง เปิดโอกาสให้ลิเวอร์พูลได้ครองบอลมากขึ้นผิดหูผิดตา พาบอลไปถึงเขตโทษได้บ่อยครั้งขึ้นแต่ยังหาโอกาสเจาะพื้นที่สุดท้ายได้ลำบาก อยู่ โอกาสลุ้นประตูส่วนใหญ่ยังมาจากลูกตั้งเตะเป็นหลัก ที่ใกล้เคียงที่สุดคือจังหวะนาที 51 ที่ได้ฟรีคิกแล้วสุดท้ายเป็นซาโก้ที่โหม่งไปชนสามเหลี่ยม ชวดได้ประตูอย่างน่าเสียดาย (แต่นาทีถัดมาก็เกือบโดนเอโต้ที่ล้ำหน้าแต่กรรมการไม่เป่า ได้หลุดเดี่ยวไปยิงติดเซฟมินโยเล่ เกือบโดนนำห่างเช่นกัน)

_______ ผ่านไปร่วม 10 นาที เชลซีถึงได้กลับมาวิ่งไล่มากขึ้น แม้จะไม่มากเท่าในครึ่งแรกแต่ก็เลือกไล่เป็นบางจังหวะซึ่งทำให้เกมของลิ เวอร์พูลที่ไหลลื่นในช่วงต้นเริ่มสะดุด ส่วนเกมรุกของเชลซีก็ไม่ค่อยจะเล่นเชื่อมกันสักเท่าไหร่ หนักไปทางอาศัยความสามารถเฉพาะตัวเป็นหลัก ถึงอย่างนั้นด้วยความสามารถของตัวรุกโดยเฉพาะอาซาร์ที่เด่นเป็นพิเศษใน วันนี้ก็ยังกดดันแนวรับได้เป็นระยะ

_______ นาที 60 แบรด สมิท ดาวรุ่ง(รุ่งจริงๆ ไม่ใช่เด็กโข่ง) เพราะอายุยังไม่ทัน 18 ได้ลงสนามมาแทนอัลเลนที่มีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว สมิทได้ลงเล่นเป็นริมเส้นซ้าย ขยับเอาคูตินโย่เข้ามาตรงกลาง รูปเกมโดยรวมส่วนใหญ่ยังคงสู้กันอยู่ตรงกลาง เกมไม่ค่อยต่อเนื่องทั้งคู่ ลิเวอร์พูลดูดีขึ้นเล็กน้อย ส่วนหนึ่งมาจากการมีคูตินโย่ที่เก็บบอลได้ดีกว่าอัลเลนเข้ามาช่วยตรงกลาง กับอีกส่วนหนึ่งคือเชลซีไล่แดนกลางน้อยลง แต่ลิเวอร์พูลก็ยังหาโอกาสได้ลุ้นประตูลำบากอยู่ดี เทียบกับเชลซีแล้วโอกาสได้ลุ้นก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่

_______ นาที 84 อัสปาสได้ลงแทนจอห์นสัน แต่รูปเกมแทบไม่มีอะไรเปลี่ยน โอกาสได้เปิดบอลเข้าทำยังน้อย ที่พอมีบ้างส่วนใหญ่ก็เปิดไม่ค่อยดี และที่เปิดดี(มีไม่มาก)ก็ยังยิงได้ไม่ดีพอ นาที 90 ตูเร่ลงมาแทนซาโก้ที่เจ็บไปอีกคน แต่ก็ไม่มีผลอะไรนัก เชลซีปิดเกมไปได้ด้วยสกอร์ 2-1
-----------------------------------------
_______ แพ้ทุึกทางครับเกมนี้

_______ 11 ตัวจริงวันนี้ร็อดเจอร์ยังคงใช้ชุดเดิม มีเปลี่ยนแค่ตำแหน่งเดียวคือแอกเกอร์ได้เป็นแบ็คซ้ายตัวจริง ทีมชุดนี้เล่นตัวจริงติดๆ กันมาหลายนัดมากแล้ว แม้แต่ช่วงโปรแกรมถี่แบบนี้ก็ไม่มีใครเคยได้สักพัก ดูจากชื่อผู้เล่นที่มีอยู่ก็พอเข้าใจได้และออกจะน่าเห็นใจร็อดเจอร์ไม่น้อย ที่ต้องตะบี้ตะบันใช้ผู้เล่นชุดเดิม เพราะว่าทางเลือกไม่ได้มีมากนัก ถ้าจะมีอะไรผิดพลาดก็คงเป็นเรื่องการเสริมและเตรียมทีมในช่วงซัมเมอร์ที่ทำให้ทีมมีขนาดค่อนข้างเล็กแบบนี้

_______ กลับมาพูดถึงนัดนี้ต่อ วันนี้ร็อดเจอร์สู้ลูกพี่เก่าของเขาแบบมูรินโย่ไม่ได้เลย แพ้ตั้งแต่นาทีแรกยันนาทีสุดท้าย ครึ่งแรกโดนเชลซีวิ่งไล่เอาเจียนตาย (จริงๆ ก็ตายไปแล้วล่ะ) ลิเวอร์พูลรับมืออะไรกับการโดนไล่เร็วผสมลูกหนักแบบนี้ไม่ได้เลย หยุดเกมของเชลซีลำบาก กว่าจะตัดได้ก็ต้องเป็นจังหวะสุดท้ายเป็นส่วนใหญ่ แดนกลางแพ้ทั้งเกมรุกและรับ ซัวเรสแทบจะถูกตัดออกไปจากเกม พอเข้าครึ่งหลัง เชลซีผ่อนเกมการไล่ลงไปบ้าง แต่ยังคุมพื้นที่กันได้แน่น ในขณะที่ลิเวอร์พูลเองแม้จะได้บอลมากขึ้น แต่ก็ยังคุมเกมไม่ได้ ครองบอลไม่ได้ต่อเนื่อง แถมยังปิดเกมรุกของเชลซีที่อาศัยความสามารถเฉพาะตัวเป็นหลักไม่ได้ด้วย

_______ การเปลี่ยนตัววันนี้ก็ทำไ้ด้ไม่ดีนัก ส่วนนึงต้องยอมรับว่าทางเลือกมีไม่มาก แต่ถึงอย่างนั้นการส่งแบรด สมิทลงมาเล่นในตำแหน่งริมเส้นซ้ายเป็นการเสี่ยงที่ดูจะเกินหวังเกินตัวไปสัก นิด เพราะถ้าจุดประสงค์คือแค่จะเอาคูตินโย่เข้ากลาง ทางเลือกอื่นยังพอมีไม่ว่าจะเป็นอัสปาสหรือซิสโซโก้ แต่เล่นส่งเด็กอายุไม่ถึง 18 ลงไปเจอเกมใหญ่ในสถานการณ์ที่ทีมเป็นรองแบบนี้มันโหดไปสำหรับเด็กครับ แล้วสุดท้ายสมิทก็เอาชนะความกดดันไม่ได้ ทำทีมพลาดโอกาสดีๆ ไปพอสมควรเลย ส่วนการเปลี่ยนอัสปาสแทนจอห์นสันดีกว่าไม่ทำอะไร แต่ไม่ใ่ช่หมัดเด็ดหรือลงมาพลิกเกมได้ ตูเร่แทนซาโก้ไม่มีให้พูดถึงเพราะซาโก้เจ็บ

_______ แม้แทคติคจะมีส่วนสำคัญมากๆ กับรูปเกมวันนี้ แต่จุดตัดสินเกมวันนี้คือความสามารถเฉพาะตัวครับ มองทางฝั่งลิเวอร์พูล แดนกลางไม่มีใครเอาตัวรอดได้ดีพอในสถานการณ์ที่โดนบีบเร็ว จริงอยู่ว่าเชลซีบีบได้เร็วด้วย แต่นึกภาพถ้าแดนกลางลิเวอร์พูลมีใครสักคนที่เอาตัวรอดได้ดีแบบที่ซิลบาในนัด ก่อน หรืออาซาร์ในนัดนี้ทำได้ โอกาสของทีมต้องมากขึ้นกว่านี้แน่ครับ มองทางฝั่งเชลซี ความสามารถเฉพาะตัวของแนวรุกช่วยพวกเขาได้มาก เล่นกันแค่ 3-4 คนก็ไปได้แล้ว เชลซีไม่จำเป็นต้องแห่กันขึ้นมาทั้งทีมเพื่อจะทำเกมรุก นัดนี้แบ็คสองฝั่งของเชลซีแทบไม่ขึ้นเลยครับ และกองกลางอย่างลุยซ์ก็ไม่ได้เติมเท่าไหร่ ทำให้โอกาสจะทำเกมโต้กลับแบบรวดเดียวถึงประตูของลิเวอร์พูลปิดสนิท ในเกมรุกและจังหวะได้ประตูทั้งสองลูกก็เป็นความสามารถเฉพาะตัวของพวก ออสก้า,วิลเลี่ยน, อาซาร์ ซึ่งผู้เล่นลิเวอร์พูลจัีงหวะตัวต่อตัวเอาพวกนี้ไม่อยู่ ต้องเข้ามารุมกัน ยิ่งไปกว่านั้น นั่นหมายถึงโอกาสจะเปลี่ยนรับเป็นรุกเมื่อตัดบอลได้ก็น้อยลงไปอีกเพราะข้าง หน้าไม่มีคน ลองนึกภาพเป็นนาธาน เรดมอนของนอริชเทียบกันดูครับ เรดมอนเร็วจริงคล่องจริง แต่ตัวต่อตัวก็ไม่ค่อยผ่านแล้ว โดนซ้อนตายทันที ถ้านอริชเล่นทรงนี้กับลิเวอร์พูล แม้จะชนะในแง่แทคติค แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงคือนอริชทำเกมไม่ขึ้นเพราะเรดมอนด์จะครองบอลได้ไม่ นานเท่าวิลเลี่ยน  โอกาสที่มีก็ยิงไม่คมเท่าอาซาร์และลิเวอร์พูลเปลี่ยนรุกเป็นรับได้ง่ายกว่า นี้เพราะแนวรับไม่ต้องกรูกันเข้าไปกินตับเรดมอนด์ ดังนั้นผมถึงสรุปว่าความสามารถเฉพาะตัวตัดสินเกมนี้ครับ

_______ นัดนี้แทคติคแพ้จริงครับ แต่คุณภาพผู้เล่นเองก็ยังห่างอยู่ด้วยเช่นกัน

_______ ...ตอนนี้หลุด TOP4 ไปแล้ว เก็บความแค้นไว้รอหักเขี้ยวเสือนัดหน้าเอาแล้วกัน
 -------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ไม่ค่อยดีนัก

มินโยเล่ - ยืนตำแหน่งได้ดี และเซฟลูกอันตรายได้พอสมควร โดยเฉพาะลูกหลุดเดี่ยวของเอโต้ที่ช่วยให้ทีมยังมีลุ้นยันหยดสุดท้าย แต่โดยรวมดูจะหวงเส้นไปนิด หลายจังหวะออกมาค่อนข้างช้า มีส่วนพลาดที่ทำได้ไม่ดีในจังหวะเซฟลูกชาร์จ 2-1 ของเอโต้ไม่อยู่ เพราะถึงมันจะใกล้แต่ก็ค่อนข้างเบา

แอกเกอร์ - เกมรับพอใช้ได้ ไม่ถึงกับยอดเยี่ยมแต่ก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้ทีมสักเท่าไหร่ แต่ที่เป็นปัญหาจริงๆ คือการเชื่อมเกมที่แบ็คควรจะช่วยได้มากกว่านี้ แอกเกอร์ช่วยเรื่องนี้ได้น้อยมาก ยิ่งเกมรุกยิ่งไม่ต้องไปพูดถึง

ซาโก้ - เป็นแนวรับที่เล่นได้เด่นที่สุดในวันนี้ สกัดช่วยทีมเอาไว้ได้เยอะมากไม่ว่าจะลูกโด่งหรือบอลทะลุช่อง การเข้าปะทะก็หนักแน่นแม่นยำดี ท้ายเกมโดนตอเรสเผาเกือบเสียประตูนั่นก็เพราะว่าเขาเจ็บตั้งแต่ก่อนที่ตอเรส จะกระชากบอลหนีแล้ว

สเคอเทล - ฟอร์มส่วนตัวเล่นได้ค่อนข้างดี ยังทิ้งตัวสไลด์สวยๆ ได้พอสมควรและนัดนี้รักษาตำแหน่งได้ค่อนข้างดีด้วย ไม่โดนใครจ่ายตัดหลังหรือเลี้ยงผ่านไปได้ง่ายๆ จังหวะเสียประตู 2-1 พลาดในการประกบเอโต้แต่นั่นก็เป็น 1 ในไม่กี่ครั้ง แถมเอโต้ถึงจะเลยช่วงพีคไปแล้วก็ไม่ใช่กองหน้าระดับอบต. ซะเมื่อไหร่ ...ถ้าจะมีอะไรพลาดจริงๆ ก็คงเป็นการผ่านบอลขึ้นหน้าที่เจ้าตัวผ่านไม่ค่อยดีนัก จ่ายไปทั้งๆ ที่เพื่อนโดนประกบติดอยู่หลายครั้ง

จอห์นสัน - หลุดตำแหน่งบ่อยครั้งทีเดียว บางครั้งก็ลอยสูงแบบไม่ได้เป็นประโยชน์แล้วก็ลงไม่ทัน บางครั้งก็หุบเข้ากลางแบบไม่ควรจะทำ เกมรุกช่วยทีมไม่ได้แม้จะยิงเข้ากรอบไปหนึ่งครั้ง และการเชื่อมเกมก็ออกจะทำได้พื้นๆ เท่านั้น

อัลเลน - ยังแก้ปัญหาเวลาเจอโดนไล่เร็วและเล่นหนักแบบนี้ไม่ได้ เชื่อมเกมได้ไม่ดีเท่า 2-3 นัดก่อนหน้า แถมทำเสียบอลโดยเฉพาะในครึ่งแรกเยอะพอสมควรเลย เติมขึ้นไปได้ดีมากๆ อยู่ 2-3 จังหวะ แต่จับบอลได้ไม่ดีจนชวดโอกาสยิงไปอย่างน่าเสียดาย

ลูคัส - ก็ยังเล่นพอใช้ได้ หยุดตัวรุกคล่องๆ ได้น้อยมากแต่การตัดบอลจังหวะเปิดและสกัดบอลจังหวะสองยังทำได้ดีอยู่ ที่ไม่ดีคือรักษาพื้นที่หน้าเขตโทษหลวม โดนคู่ต่อสู้เล่นงานตรงบริเวณนั้นเยอะ โดยเฉพาะในครึ่งแรก

เฮนเดอร์สัน - ดูดีกว่าอัลเลนเล็กน้อยตรงที่ยังเข้าปะทะได้แข็งแกร่งกว่า แต่ก็ทำเกมรุกให้กับทีมได้น้อยมาก และการวิ่งไล่วันนี้ก็ดูจะช้าลงไปกว่าที่เคยด้วย ล้าแล้วมั้ง

สเตอริ่ง - ครึ่งแรกใช้สปีดเล่นงานแนวรับได้ดี พาบอลไปเองได้ดีด้วย แต่จังหวะเปิดบอลนี่เห็นแล้วอยากร้องไห้ ครึ่งหลังเริ่มหายไป

คูตินโย่ - เจอไล่เร็วผสมลูกหนัก คูตินโย่เล่นไม่ออกเลย ผ่านบอลได้แทบไม่ต่างกับอัลเลนหรือเฮนเดอร์สัน แถมเกมรับยังช่วยได้น้อยกว่าสองคนนั้นด้วย

ซัวเรส - โดนตัดออกไปจากเกมพอสมควรโดยเฉพาะครึ่งแรก ได้บอลก็ไม่ใช่น้อยแต่ไม่ใช่จังหวะที่จะเล่นได้ถนัด  จังหวะที่พอจะพลิกบอลหรือหาที่พาบอลไปเองได้บ้างก็ขาดการสนับสนุนที่ดีพอจาก เพื่อนร่วมทีม เป็นวันที่สร้างความมหัศจรรย์อะไรไม่ได้แต่ไม่ได้เล่นผิดพลาดอะไรตรงไหนเลย ทำได้ค่อนข้างดีด้วยซ้ำถ้าเทียบกับสถานการณ์ที่เจอ

ตัวสำรอง 

สมิธ - ...ขวัญเอ๋ย ขวัญมา... อันนี้บอกเจ้าตัวด้วย บอกตัวเองด้วย

อัสปาส - ฟอร์มคงเส้นคงวาต่อเนื่องจากนัดที่แล้ว

ตูเร่ - ได้สกัดทีนึง แม่นด้วย
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556

แมนฯ ซิตี้ 2 - 1 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


...จะหนาวเหน็บหนาวเพียงไหนจะฝ่าไป...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

-------------------------ซัวเรส-------------------------
คูตินโย่--------------เฮนเดอร์สัน---------------สเตอริ่ง
----------------ลูคัส-----------อัลเลน------------------
ซิสโซโก้-------ซาโก้----------สเคอเทล------จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเจองานหนักต้องออกไปเยือนแมนฯ ซิตี้ที่มีสติถิโหดชนะรวดในบ้าน ยิงเฉลี่ยนัดละราว 4 ลูก โดย 11 ตัวจริงของลิเวอร์พูลเปลี่ยนแค่ตำแหน่งเดียวคือซิสโซโก้ได้กลับมาลงตัวจริง แทนฟลานาแกน (คงเจ็บมั้งครับ) ส่วนเจ้าบ้านขาดกุนไปแค่คนเดียว นอกนั้นตัวหลักยังอยู่ครบ
-------------------------------------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเริ่มต้นเกมนี้เหมือนกับที่ร็อดเจอร์ว่าไว้คือจะเปิดเกมรุก บอลขึ้นหน้าตลอดและไม่ค่อยจะย้อนบอลกลับหลังโดยเฉพาะเมื่อบอลไปถึงแดนหน้า แล้ว ในเกมรับพยายามบีบแดนกลางให้แคบ ส่วนทางฝั่งซิตี้เดินหน้าบุกเต็มตัว แม้ลิเวอร์พูลจะเล่นเกมรับได้ดี ทั้งการคุมพื้นที่และการสลับตำแหน่ง แต่ซิตี้ยังเจาะเข้ามาได้ด้วยบอลเร็วจังหวะเดียว หาโอกาสเปิดบอลเข้าทำได้เรื่อยๆ

_______ เกมเปิดแลกกันและเล่นเร็วทั้งคู่ ซิตี้ได้บอลและบุกทะลุทะลวงได้ดีกว่าแต่ผ่าน 15 นาทีของเกมไปเป็นลิเวอร์พูลที่หาโอกาสตอบโต้ขึ้นไปบ่อยขึ้น นัดนี้เน้นให้ซัวเรสเป็นตัวเก็บบอลจังหวะรุกก่อนจะเปิดต่อให้เพื่อน ซึ่งทำได้ดีหลายครั้ง และน่าจะได้ประตูตั้งแต่นาที 19 จังหวะที่ซัวเรสจ่ายให้สเตอริ่งหลุดเดี่ยวแต่กรรมการดันจับล้ำหน้าทั้งๆ ที่ไม่ล้ำ...ไม่ได้ใกล้เคียงเลยด้วย

_______ อย่างไรก็ตาม ไม่นานจากนั้น นาที 24 ซัวเรสชิ่งบอลเร็วจากหน้าเขตโทษลึกเข้าไปเขต ไม่แน่ใจว่าตั้งใจเบิ้ลให้คูตินโย่ที่ขยับขึ้นไปทางซ้าย หรือสเตอริ่งที่วิ่งตัดเข้ากลางมา แต่ก็เป็นสเตอริ่งที่ถึงบอลก่อนล็อคหลบฮาร์ท จังหวะสุดท้ายกลายเป็นคูตินโย่ที่ถึงบอลพร้อมๆ กันแต่เหลี่ยมดีกว่ายิงมุมแคบเข้าไปได้ให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-0

_______ หลังจากเสียประตู ซิตี้ที่เกมรุกเริ่มแผ่วๆ ไปราว 10 นาทีกลับมาบุกกดดันหนักได้ดีอีกครั้ง ครองบอลได้ต่อเนื่องและใช้เวลาไม่นานนักในการตีเสมอ นาที 31 จากลูกเตะมุม คอมพานีขึ้นได้สูงกว่าสเคอเทลที่ตามประกบอยู่ บอลเด้งลงพื้นผ่านตัวมินโยเล่ไป อัลเลนที่เฝ้าเสาอยู่พยายามงัดออกมาแต่งัดไม่ออกและบอลก็ข้ามเส้นไปก่อนแล้ว ด้วย 1-1

_______ เกมกลับมาเท่ากันอีกครั้งและทั้งสองฝ่ายยังเดินเกมรุกของตัวเอง ลิเวอร์พูลขยับเข้าใกล้เขตโทษได้เรื่อยๆ แต่ยิ่งเล่นแนวรับยิ่งดันกันขึ้นไปสูง โดยเฉพาะแบ็คที่ลอยขึ้นไปเป็นว่าวติดลมบนลงไม่ค่อยจะทัน ส่วนซิตี้เล่นเกมโต้กลับและรุกเร็วได้ดีมาก บอลจังหวะเดียวให้กันแม่นยำสุดๆ และให้ไปข้างหน้าได้ตลอด ต่างฝ่ายต่างมีโอกาสแต่สุดท้ายเป็นซิตี้ที่ทำได้สำเร็จจากจังหวะโต้กลับใน ช่วงทดเจ็บนาทีแรก ซิตี้โต้เร็วผ่านบอลกันขึ้นมาจนเนเกรโด้ได้หลุดไปยิงไซร้หลอกหน้าเท้า มินโยเล่ปัดโดนบอลแต่บอลไม่หลุดกรอบ ยังเด้งเข้าประตูไปได้ และจบครึ่งแรกที่สกอร์ 2-1

_______ เข้าครึ่งหลัง รูปเกมยังไม่มีอะไรเปลี่ยนมากนัก ช่วง 5 นาทีแรกเป็นลิเวอร์พูลที่กดดันได้ก่อน ได้ลุ้นเป็นชุดๆ แต่ก็จบไม่ลง หลังจากนั้นก็เป็นเกมเปิดแลกกันต่อไป ลิเวอร์พูลเน้นเกมริมเส้นมากขึ้นโดยเฉพาะทางขวาซึ่ง ทำได้ดีพอสมควร บอลไปถึงมุมธงหลายครั้ง ส่วนซิตี้เองก็ยังคงอาศัยการออกบอลจังหวะเดียวของแดนกลาง ซิลบา+นาสรี่+ตูเร่ และการพักบอลที่ยอดเยี่ยมของเนเกรโด้ พาบอลขึ้นมาถึงเขตโทษได้ลุ้นอยู่เรื่อยๆ เช่นกัน

_______ นาที 68 โมเสสได้ลงมาแทนคูตินโย่ พอเข้าสู่ 15 นาทีสุดท้าย ลิเวอร์พูลหันมาไล่บอลแดนหน้ามากขึ้น เกมรุกยังอาศัยการให้บอลไปพื้นที่ว่างแล้วใช้ซัวเรสเป็นคนสร้างโอกาสเช่น เดิม หาโอกาสได้แต่จบยังไงก็จบไม่ลง ส่วนซิตี้ที่ดูจะพาบอลขึ้นมาถึงเขตโทษได้น้อยลงตั้งแต่เปลี่ยนมิลเนอร์ลงมา แทนนาสรี่ราวๆ นาที 70 ก็ยังหาโอกาสจบสกอร์ได้พอสมควรแต่แผงหลังยังจัดการได้ เกมยังคงอยู่ที่ 2-1

_______ นาที 82 ร็อดเจอร์ทิ้งไพ่ใบสุดท้าย (ยังเปลี่ยนได้อีกคนก็จริงแต่ไม่มีใครจะลงมาช่วยเกมรุกได้แล้ว) ส่งอัสปาสลงมาแทนลู คัส! แต่ตัวสำรองทั้งอัสปาสและโมเสสที่ส่งลงมาก่อนหน้าไม่ได้สร้างความแตกต่างให้ กับเกมเท่าไหร่ สุดท้ายยังคงเป็นซัวเรสที่เป็นคนสร้างโอกาสให้กับทีมได้เรื่อยๆ แต่เพื่อนก็จบไม่ลง จังหวะที่ยิงเองก็ติดเซฟฮาร์ทอีก ทำให้จบเกมแมนฯ ซิตี้เฉือนเอาชนะไปได้สำเร็จ 2-1
-----------------------------------------
_______ ก็วัดใจกันไปเลยครับ มาเยือนซิตี้ถึงบ้านเวลานี้ยังกล้าๆ บุกใส่

_______ 11 ตัวจริงวันนี้ร็อดเจอร์ยังคงใช้ชุดเดิมเป๊ะ ซิสโซโก้ที่ได้ลงแทนฟลานาแกนน่าจะเป็นเพราะอาการบาดเจ็บมากกว่า เนื่องจากไม่ใช่ตำแหน่งที่ต้องมาโรเตชั่นอะไรและฟอร์มก่อนหน้าของทั้งสองคน ก็ไม่ชวนให้นึกว่าซิสโซโก้จะแย่งตำแหน่งฟลานาแกนมาได้ยังไง

_______ ร็อดเจอร์กล้ามากกลับการเลือกใ้ห้ทีมเดินหน้าบุกใส่ซิตี้ และทำการบ้านมาดีด้วย วันนี้การขึ้นเกมรุกของทีมให้บอลไปกับตัวไม่มากนักแต่เน้นให้บอลไปที่ว่าง มากกว่า ซึ่งแนวรับซิตี้เองก็คุมพื้นที่กันไม่แน่นนัก โดยเฉพาะช่วงที่ยังไม่นำ 2-1 แดนกลางยืนกันค่อนข้างสูง ไล่บอลไม่เยอะเท่าไหร่ ใจคอจะตั้งเกมบุกกันมากกว่า ทำให้ลิเวอร์พูลมีพื้นที่ให้ผ่านบอลไปค่อนข้างมาก ทีเด็ดอยู่ที่การใช้ซัวเรสเป็นตัวเปิดบอล แล้วให้สเตอริ่งคอยตัดเข้ากลาง (ที่ผ่านมาร็อดเจอร์จะใช้ซัวเรสวิ่งทำทางมากกว่านี้แล้วปล่อยให้เฮนเดอร์สัน หรือคูตินโย่เป็นตัวหลักในการเปิดบอลมากกว่า) รวมไปถึงผู้เล่นคนอื่นที่จะคอยวิ่งสอดขึ้นไป ซึ่งเล่นงานแนวรับซิตี้ได้หลายต่อหลายครั้ง ชนิดที่ว่าตัวรุกทุกคนต้องมีโอกาสได้ยิงจากฝีมือเปิดบอลของซัวเรสคนละครั้ง สองครั้งเป็นอย่างน้อย กรณีสเตอริ่งนี้ถึงขั้นน่าจะทำแฮททริคได้ด้วยซ้ำ ซึ่งวิธีการเข้าทำวันนี้เป็นสิ่งที่ร็อดเจอร์ทำได้น่าประทับใจมากครับ

_______ อย่างไรก็ตาม ร็อดเจอร์ปล่อยให้ลูกทีมดันสูงกันมากเกินไปหน่อยโดยเฉพาะในช่วง 15 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก แบ็คสองข้างนี่ขึ้นกันแบบไม่ลงเลย จังหวะที่ซิตี้โต้กลับมาแต่ละทีจะเห็นเพียงแค่เซ็นเตอร์ 2 คนกับลูคัส ต้องวิ่งหัวทิ่มหัวตำพยายามหยุดคู่ต่อสู้อยู่หลายครั้ง ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะวันนี้คู่เซ็นเตอร์เล่นได้ดีโดยเฉพาะการเข้าสกัดและทิ้ง ตัวบล็อคลูกยิง 15 นาทีนี้เป็นช่วงเวลาที่ซิตี้น่าจะได้ถึง 2-3 ลูกด้วยซ้ำ ไม่ใช่แค่ลูกเดียว ตรงนี้ร็อดเจอร์พลาดจริงครับ ซึ่งครึ่งหลังก็ดูจะระมัดระวังกันมากขึ้นแล้ว

_______ การเปลี่ยนตัวทั้งสองครั้งก็ไม่เลวร้ายนัก กรณีโมเสสเข้าใจว่าเอามาเพื่อเพิ่มความเร็วและใช้พื้นที่ว่างให้เป็น ประโยชน์ ซึ่งโมเสส "ควรจะ" ทำได้ดีกว่าคูตินโย่ซึ่งช้ากว่าและเล่นพลาดจังหวะสุดท้ายหลายครั้ง ถ้าจะมีอะไรควรตั้งคำถามบ้างก็คือฟอร์มตอนนี้ของโมเสสนี่มันควรจะเสี่ยง เปลี่ยนมั้ย? แต่ถ้านับแค่สไตล์การเล่น ผมคิดว่าการเปลี่ยนโมเสสแทนคูตินโย่ในนาทีนั้นมันถูกต้องแล้ว ส่วนอัสปาสคงไม่มีอะไรมากไปกว่า "ดีกว่าไม่ทำอะไร" ที่สำคัญคือเปลี่ยนแทนลูคัสด้วยนะนั่น เอาตัวรับออกเอาตัวรุกลงในช่วงท้ายเกมที่ทีมตามอยู่ก็ "ดีกว่าไม่ทำอะไร" ใช่มั้ยล่ะ?

_______ สิ่งที่น่าประทับใจของทีมในวันนี้ที่เด่นๆ คือระเบียบวินัยในการเล่นเกมรับ ฟอร์มของคู่เซ็นเตอร์ก็เป็นส่วนหนึ่งแต่ที่ทำได้ดีคือการช่วยกันเล่นของทั้ง ทีมซึ่งช่วยกันซ้อนได้ดีตลอด เคลื่อนที่กันได้ค่อนข้างดีปิดพื้นที่การผ่านบอลได้แน่นแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะความเร็วและแม่นยำของซิตี้เองรับรองว่าเจาะมาถึงขั้นได้เปิด ได้ยิงกันไม่กี่ลูกแน่ ส่วนเกมรุกก็ยังเล่นเกมของตัวเองได้ ไม่ได้โยนมั่วซั่วหรือยัดบอลไปที่ซัวเรสอย่างเดียว คนอื่นๆ ช่วยเคลื่อนที่หาช่องรับต่อบอลกันได้ดี เป็นวันที่ไม่ชนะที่เล่นได้ดีที่สุดของฤดูกาลนี้แล้วครับ ..ฟังดูดีมั้ย? ก็ยังแ้พ้อยู่ดีนั่นแหล่ะ แต่ที่พูดมาก็เรื่องจริงเหมือนกัน

_______ เรื่องที่ไม่ค่อยจะดีนักแต่น่าพูดถึงคือ สเคอเทลครับ เวลารับมือลูกตั้งเตะที่คู่ต่อสู้จะโยนเข้ามา พี่แกดึงแล้วดึงอีกจนเสื้อคอมพานีแทบขาดแล้ว แล้วทุึกจังหวะนั่นอยู่ในเขตโทษทุกครั้ง สเคอเทลเล่นแบบนี้มานานแล้วแต่รู้สึกพักหลังๆ จะยิ่งหนักข้อเข้าไปอีก จังหวะหลุดเดี่ยวของสเตอริ่งโดนจับล้ำหน้าในนาที 19 นั่นน่าเสียดายสุดๆ ครับ แต่สเคอเทลที่ดึงทั้งเกมแล้วไม่โดนจุดโทษ(สักที)นี่ก็ต้องถือว่าโชคดีเหมือน กัน ซึ่งถ้ายังเล่นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ สักวันโดนแน่ครับ จุดโทษเนี่ย

_______ มองทางฝั่งซิตี้ ความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่นแนวรุกยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะการผ่านบอลเร็วจังหวะเดียวที่ไม่น่าเชื่อว่าจะแม่นอะไรได้ขนาดนั้น ทั้งน้ำหนักและทิศทาง (โปรดหาเกมย้อนหลังช่วงครึ่งแรกดูครับ) ทั้งๆ ที่เกมรับลิเวอร์พูลไม่ได้แย่ ออกจะดูดีกว่าหลายๆ นัดด้วยซ้ำ แต่พวกเขายังอุตส่าห์ฝ่าเข้าไปหาโอกาสได้ รวมไปถึงจบสกอร์ได้เด็ดขาดกว่าด้วย กับเกมวัดใจเปิดหน้าซัดกันแบบนี้ พวกเขาคมกว่าก็สมควรชนะแล้วครับ

_______ ...สงสารก็แต่ซัวเรส ทำดีทุกอย่าง เพื่อนดันยิงทิ้งกันไปหลายลูก...
 -------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดี (อ่านแล้วอาจจะงงว่าดีจริงหรือ ติเยอะจัง แต่ยืนยันตรงนี้ก่อนว่าโดยรวมเล่นได้ดีทุกคนครับ)

มินโยเล่ - จังหวะเซฟยากๆ มีไม่มากนักเพราะแนวรับช่วยไว้เยอะ ลูกแรกที่เสียคงไม่ต้องพูดถึง ส่วนลูกที่สอง ถึงผมจะคิดว่าเขาออกไปปิดมุมช้าไปนิด แต่กับลูกยิงเล่นทางแบบนั้น การปัดบอลไม่พ้นกรอบคงไม่ใช่ความผิดพลาดของเขาคนเดียว ต้องชมคนยิงด้วย

ซิสโซโก้ - ดูดีกว่าครั้งสุดท้ายที่เห็นเขาเล่น เกมรับทำไ้ด้น่าพอใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวะที่ต้องดวลกับนาบาส เชื่อมเกมได้ค่อนข้างดีและช่วงครึ่งชั่วโมงแรกของเกมก็เติมสูงขึ้นไปเล่นใน พื้นที่สุดท้ายพอใช้ได้ ... แต่ขึ้นแล้วไม่ค่อยลงเลย

ซาโก้ - เล่นได้เหนียวแน่นหนักหน่วงดีมาก เข้าบอลไม่วืดและสกัดช่วยทีมเอาไว้ได้หลายลูก แต่ช่วงตั้งแต่ประมาณนาที 60 ผ่านบอลในแดนตัวเองพลาดรัวๆๆๆ แบบน่าตกใจมาก เกือบพาทีมเจ๊งเอาด้วยซ้ำ การประกบตัววันนี้ทำได้ดีแค่ระดับนึง(อันนี้รวมสเคอเทลด้วย) คือประกบไม่ได้หลวม แต่เนเกรโด้มันเก่งเองมากกว่าเลยพักบอลได้, ผ่านบอลได้

สเคอเทล - ประทับทรงคาราเกอร์ สไตล์เดียวกันเป๊ะ มีจังหวะเด็ดที่น่าจะได้อยู่ในไฮไลท์ไม่น้อยกับการทิ้งตัวขวางลูกยิงลูกเปิด ของคู่ต่อสู้ที่ตัดได้สวยๆ หลายลูก ชนิดที่ถ้าแหย่ขาไม่ถึงบอลทีมถึงเสียประตูได้เลย การเข้าสกัดก็ทำได้ดี จะมีปัญหาก็คงเรื่องประกบตัวลูกตั้งเตะ...โชคดีมากที่ไม่เสียจุดโทษสักที อันนี้คาราเกอร์ดีกว่านะ คือพี่แกดึงแล้วปล่อย ไม่ได้ดึงจนเสื้อยืดแบบนี้

จอห์นสัน - เชื่อมเกมได้ดี เคลื่อนที่รับบอลได้ดีกว่าซิสโซโก้ จังหวะสุดท้ายกดดันคู่ต่อสู้ได้แต่แย่หน่อยที่สุดท้ายจบลงแค่ได้กดดัน เล่นใช้ได้....ถ้าไม่นับเรื่องลืมว่าตัวเองคือกองหลัง ...ลง มา ช่วย เซ็นเตอร์ มั่ง เห๊อะ~

อัลเลน - เคลื่อนที่ไปรับบอลได้ดี ช่วยให้บอลจากหลังไปหน้าได้คล่อง หาจังหวะเติมขึ้นไปข้างหน้าได้บ้าง อ่านเกมได้ดีและดักตัดบอลที่คู่ต่อสู้จับยาวหรือผ่านบอลได้ไม่ดีพอได้หลาย ลูก แต่เกมรับหน้า-ในเขตโทษช่วยลูคัสได้ไม่มากเท่าไหร่

ลูคัส - ยืนต่ำมาก ปกติก็ไม่ได้ยืนสูงเท่าไหร่อยู่แล้วแต่วันนี้ยืนต่ำเข้าไปอีก มีหน้าที่เชื่อมเกมใกล้ๆ เท่านั้น แต่ในเกมรับที่เป็นงานหลัก การเข้าตัดบอลที่เปิดเข้าทำของคู่ต่อสู้ทำได้ดีเอามากๆ ทั้งการถอยลงไปในเขตโทษและดักตัดอยู่หน้าเขตโทษ รวมไปถึงการปิดเกมยิงไกลที่ทำได้ดี ถ้าจะมีอะไรด้อยอยู่บ้างก็คงเป็นการเคลื่อนที่ บอลผ่านตัวไปเมื่อไหร่ไม่ค่อยจะวิ่งตามไป

เฮนเดอร์สัน - ไม่ค่อยมีโอกาสได้ทำอะไรมากนัก ส่วนหนึ่งมาจากซัวเรสกลายเป็นตัวหลักในจังหวะสร้างโอกาสในเกมนี้ เติมขึ้นไปได้ค่อนข้างดีพอสมควร แต่ไม่ดีพอจะได้จบหรือถ้าได้จบก็จบไม่ดีพอ ที่ทำได้ดีคือการพลิกบอลขึ้นหน้า นัดนี้เฮนเดอร์สันเคาะบอลหนีน้อยมาก ส่วนใหญ่จับแล้วพลิกบอลขึ้นหน้าได้

สเตอริ่ง - มีพื้นที่ให้เล่นเยอะกว่าอีกหลายเกมที่ผ่านมา การเล่นจังหวะไม่มีบอลทำได้สุดยอดแล้ว ทั้งทางวิ่งและสปีดการเข้าถึงบอลที่เล่นงานแนวรับได้ตลอด ... ปัญหาคือจังหวะที่มีบอลคุณน้องเธอเล่นได้ดูไม่จืดเลย ยิงไม่ดีทั้งที่มีโอกาสเยอะและหลายครั้งก็ไม่มีตัวประกบด้วยซ้ำ หาช่องจ่ายก็แทบไม่ได้

คูตินโย่ - เคลื่อนที่และเชื่อมเกมได้ดี พลาดน้อยแถมมีจังหวะบอลไปที่ว่างสวยๆ ให้เห็นเป็นระยะ แต่จังหวะสุดท้ายทำได้ไม่ดีนัก ยิงได้ 1 ลูกก็จริงแต่ก็พลาดไปอีกหลายลูก รวมไปถึงอีกหลายจังหวะที่ฝืนจะเล่นเองมากไปหน่อย

ซัวเรส - เปลี่ยนบทบาทมาเน้นการสร้างสรรโอกาสมากกว่าจะหาจังหวะยิงเองซึ่งวันนี้ทำได้ โดดเด่นมาก ถ้าเพื่อนร่วมทีมคมกว่านี้วันนี้ซัวเรสน่าจะได้แอสซิสสัก 4-5 ลูกเข้าไปแล้ว ถึงจะยิงไม่ได้และทีมแพ้ แต่ฟอร์มส่วนตัวของซัวเรสไม่ได้ด้อยลงไปกว่าช่วงก่อนหน้านี้เลย

ตัวสำรอง 

โมเสส - ยืนชิดเส้นมากไปนิด ไม่ค่อยเคลื่อนหาที่่ว่างรับบอล เพื่อนจ่ายไปให้ไม่ค่อยได้ จังหวะพาบอลไปเองไม่ทะลุทะลวงเท่าที่ควร

อัสปาส - สนิมเกาะสนิด อย่าว่าแต่จะได้ทำอะไร แค่หาบอลยังไม่เจอ
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ลิเวอร์พูล 3 - 1 คาร์ดิฟ (พรีเมียร์ลีค)


...เทพครึ่งแรก...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-1-4-1

-------------------------ซัวเรส-------------------------
คูตินโย่------เฮนเดอร์สัน--------อัลเลน--------สเตอริ่ง
--------------------------ลูคัส--------------------------
ฟลานาแกน-----ซาโก้---------สเคอเทล------จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับมือคาร์ดิฟ นัดนี้ร็อดเจอร์ใช้ 11 ตัวจริงชุดเดิมจากนัดก่อนเป๊ะ (สบายคนพิมพ์) ส่วนคาร์ดิฟวางโอเดมวิงกี้ไว้เป็นหน้าเป้าคอยโต้กลับ สนับสนุนด้วยเคร็ก นูน
-------------------------------------------------------

_______ ช่วงต้นเกมลิเวอร์พูลพยายามเร่งจังหวะเข้าทำเร็ว เน้นเกมริมเส้นฝั่งขวาสุดๆ จังหวะตัดบอลได้จะโต้เร็วทันทีและมีโอกสได้ลุ้นประตูไม่น้อย ส่วนทางคาร์ดิฟก็เน้นเกมริมเส้นฝั่งขวาของตัวเอง พยายามจะเจาะฟลานาแกน พาบอลมาถึงมุมธงได้แต่ยังหาโอกาสโยนเข้าไปลุ้นลำบาก

_______ ผ่าน 10 นาทีแรกของเกมไป การต่อบอลเร็วจังหวะเดียวของกองกลางลิเวอร์พูลเริ่มเห็นผล คาร์ดิฟไล่กันไม่ถึงบอลทำให้ต้องถอยลงไปรับถึงหน้าเขตโทษมากขึ้น ตั้งเกมได้น้อยลงแต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้ลิเวอร์พูลที่แม้จะครองบอลได้ต่อ เนื่องมากขึ้นแต่แทบไม่มีพื้นที่เล่นและหาโอกาสเข้าพื้นที่สุดท้ายได้น้อยลง มาก

_______ คาร์ดิฟตั้งรับได้ดี คุมพื้นที่แน่นจนลิเวอร์พูลเริ่มเจาะไม่เข้า หนักไปทางผ่านบอลวนไปวนมาอยู่หน้าเขตโทษคาร์ดิฟเป็นส่วนใหญ่ แถมคาร์ดิฟยังมีโอกาสลุ้นจากลูกโต้กลับเร็วอยู่ครั้งนึงแต่จังหวะสุดท้าย เคร็ก นูนยังยิงไกลไม่ผ่านเซฟมินโยเล่ ไม่นานหลังจากนั้นกลายเป็นลิเวอร์พูลที่เจาะได้สำเร็จ นาที 25 ทางหน้าเขตโทษฝั่งซ้าย ซัวเรสจ่ายบอลไปโดนแนวรับดักได้แต่ยังตามไปถึงบอล จ่ายยัดให้อัลเลนเบิ้ลบอลจังหวะเดียวไปให้เฮนเดอร์สันที่ขยับออกไปรับบอลทาง ริมเส้นซ้าย เฮนเดอร์สันเล่นจังหวะเดียวตักบอลข้ามมาแถวหน้าจุดโทษให้ซัวเรสที่รออยู่วอ ลเล่ย์เข้าเสาแรกไปได้สำเร็จ 1-0

_______ เสียประตูแล้วรูปเกมค่อยๆ เปลี่ยนไป คาร์ดิฟขยับเติมเกมรุกกันมากขึ้น แต่กลับกลายลิเวอร์พูลที่ทำได้ดีกว่า เข้าไล่บอลกันได้เร็วและตัดบอลกลางสนามได้มาก ทั้งยังมีพื้นที่เล่นมากขึ้นจนสามารถทำเกมรุกได้ทะลุทะลวงอีกครั้ง โดยเฉพาะการให้บอลทะลุช่องขึ้นไปทางฝั่งขวาที่ทำได้ต่อเนื่อง

_______ ลิเวอร์พูลมาได้ประตูเพิ่มจากจังหวะโต้กลับ นาที 42 คาร์ดิฟได้ฟรีคิกแล้วโยนลึกเข้าเขตโทษ แนวรับสกัดออกมาได้แล้วเป็นเฮนเดอร์สันที่วางบอลยาวโต้เร็วให้ซัวเรสหลุ ดเดี่ยวขึ้นไปได้ พาบอลจนเข้าไปในเขตโทษก่อนจะจ่ายให้สเตอริ่งที่วิ่งตีคู่ขึ้นไป(เกือบล้ำ หน้าหรือล้ำแล้วกรรมการไม่เป่าก็ไม่แน่ใจ)เป็นคนยิงง่ายๆ 2-1

_______ เท่านั้นยังไม่พอ นาที 45 ฟลานาแกนที่เติมขึ้นไปสูงได้บอลแถวเกือบถึงเส้นหลัง จ่ายมาให้ซัวเรสโดนปั้มบอลแต่เป็นเฮนเดอร์สันที่วิ่งตามเข้ามาถึงบอลก่อนแนว รับแล้วตอกส้นจังหวะเดียวให้ซัวเรสได้ปั่นไซร้จากหน้าเขตโทษฝั่งซ้าย บอลเลี้ยวหนีมือผู้รักษาประตูไม่เสียบโคนเสาสองอย่างสวยงาม 3-0 และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว

_______ เข้าครึ่งหลัง ช่วงต้นเกม คาร์ดิฟเร่งเกมและตั้งเกมรุกมากขึ้นแต่กลายเป็นลิเวอร์พูลที่ยังไม่ได้ เปลี่ยนวิธีเล่นที่ทำได้ดีกว่า ตัดบอลได้เร็ว บอลสั้นเร็วแดนกลางยังหนีตัววิ่งไล่ได้ดี ทำให้ช่วงราวๆ 10 นาทีแรกลิเวอร์พูลหาโอกาสได้เปิดบอลเข้าทำเป็นระยะ แต่ยังทำประตูเพิ่มไม่ได้

_______ นาที 55 ทั้งสองฝ่ายปรับทีม เคลลี่ได้ลงมาแทนฟลานาแกน ใช้เคลลี่เล่นทางขวาแล้วโยกจอห์นสันไปทางซ้าย ส่วนคาร์ดิฟถอดโอเดมวิงกี้กับกลางรับอย่างเมเดลออกแล้วส่งเฟรเซอร์ แคมเบลกับคิมโบเยือนลงแทน ซึ่งการเปลี่ยนของทั้งสองฝ่ายครั้งนี้ทำให้เกมเปลี่ยนไปจากช่วงก่อนหน้า

_______ คาร์ดิฟวิ่งไล่บอลในแดนหน้าและกลางได้เร็วขึ้น ทั้งยังช่วยกันไล่มากขึ้น เกมรุกพยายามเน้นขึ้นริมเส้น โดยเฉพาะทางฝั่งเคลลี่ ส่วนลิเวอร์พูลเริ่มขยับหาที่ว่างรับบอลกันน้อยลง เล่นช้าลง และบอลจังหวะรุกที่ให้ขึ้นไปข้างหน้าพลาดมากขึ้น ทั้งหมดนี้ทำให้คาร์ดิฟได้ครองบอลมากขึ้น เริ่มทำเกมของตัวเองได้และกดดันแนวรับได้มากขึ้นด้วย

_______ คาร์ดิฟไล่ตีไข่แตกได้เร็ว นาที 58 จากลูกฟรีคิกระยะไกลทางริมเส้นขวาเกือบกลางสนาม วางบอลลึกเข้าเขตโทษไปทางเสาสอง มัทช์ขึ้นโหม่งคนเดียวแบบไร้ตัวประกบย้อนทางผ่านมือมินโยเล่ได้สำเร็จ 3-1 ซึ่งพอได้ประตูตีตื้น คาร์ดิฟยิ่งมีแรงฮึดวิ่งไล่ตั้งแต่แดนหน้ากันแบบบ้าคลั่ง ในเกมรุกพาบอลไปถึงมุมธงได้ต่อเนื่อง ได้โยนเ้ข้าไปลุ้นบ้าง แต่จังหวะที่กดดันได้จริงส่วนใหญ่มาจากลูกตั้งเตะทั้งฟรีคิกและเตะมุม

_______ ลิเวอร์พูลพยายามเน้นความแน่นอนมากขึ้น จากที่โดนกดลืมอยู่ราวๆ 10 นาที (55-65) ก็พอจะหาโอกาสทำเกมโต้ได้บ้าง แต่ก็ทำได้ไม่ต่อเนื่องนัก นาที 75 จากลูกโต้เร็ว สเตอริ่งได้หลุดเดี่ยวแต่ก็ยิงไม่สำเร็จ ซัวเรสที่ตามเข้าไปได้ซ้ำมุมแคบบอลก็ไปชนเสา ส่วนทางคาร์ดิฟยังคงตั้งหน้าตั้งตาเจาะทางเคลลี่รัวๆ และได้ลุ้นเป็นระยะ แต่เริ่มกดดันได้น้อยกว่าช่วง 55-65 บ้างแล้ว

_______ นาที 83 แอกเกอร์ได้ลงแทน คูตินโย่ ลิเวอร์พูลปรับมาเล่น 3 เซ็นเตอร์ ต้องเล่นเกมรับมากขึ้น ส่วนเกมโต้ก็ขึ้นไปได้บ้างแต่ไม่เยอะนักและทำได้ไม่เฉียบคมพอ ส่วนคาร์ดิฟก็หนักไปทางได้แค่ลุ้น ทำให้ลิเวอร์พูลปิดเกมไปได้สำเร็จ 3-1
-----------------------------------------

_______ ครึ่งแรกสุดยอดมากครับ แต่ครึ่งหลังนี่แผ่วไปเยอะเลย

_______ 11 ตัวจริงวันนี้ร็อดเจอร์ยังคงคอนเซ็ปต์เดิม ใครเล่นได้ก็ได้เล่นต่อจนกว่าจะฟอร์มแผ่วหรือเจ็บกันไปเอง แท็คติคต้นเกมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังคงเดินเกมรุกด้วยบอลสั้นเร็วทะลุช่องและดันแผงกลางแผงหลังขึ้นสูง ช่วงครึ่งแรกการผ่านบอลเร็วและบอลจังหวะเดียวเอาชนะคู่ต่อสู้ได้เด็ดขาดมาก แต่พอเข้าครึ่งหลังที่คู่ต่อสู้ปรับเกมของตัวเองได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้าบอลที่ทำได้รวดเร็วขึ้นและการขยับเติมเกมมากกว่าเดิมทำ ให้ลิเวอร์พูลมีปัญหาไม่น้อยและปรับเกมตามไม่ทัน

_______ สิ่งที่ร็อดเจอร์พลาดและเป็นจุดเปลี่ยนของเกมในวันนี้คงหนีไม่พ้นการเปลี่ยน ตัวในนาที 55 ที่เอาเคลลี่แทนฟลานาแกน รวมทั้งการโยกเอาจอห์นสันไปเล่นฝั่งซ้าย จากตรงนั้นเกมริมเส้นของคาร์ดิฟเจาะแบ็คทั้งสองฝั่งได้ตลอด (ส่วนหนึ่งต้องชมคาร์ดิฟด้วยว่าเร่งเกมได้ดี, แบ็คขึ้นมาช่วยตลอด และแดนกลางไล่บอลได้เร็วขึ้น) และทำให้คาร์ดิฟที่ควรจะตายสนิทแบบไม่ต้องชักไปแล้วตั้งแต่จบครึ่งแรกกลาย เป็นมีกระตุกๆ ทำท่าจะฟื้นในครึ่งหลัง

_______ แต่ร็อดเจอร์เองก็ปรับแก้ได้ไม่เลวอีกครั้ง (ถึงจะช้าไปหน่อยก็ตาม) ในการส่งแอกเกอร์ลงมาแทนคูตินโย่ เล่นเซ็นเตอร์ 3 คนทำให้แบ็คทั้งสองฝั่งมีคนซ้อนตลอดรวมไปถึงสกัดบอลโ่ด่งที่เปิดเข้าไปในเขต โทษได้ดีขึ้นด้วย ตรงนั้นถ้าร็อดเจอร์ส่งอัสปาสหรือโมเสสลงมาแทนนี่อาจจะได้ลุ้นกันมากกว่านี้ ด้วยครับ

_______ อย่างไรก็ตาม ที่ว่าร็อดเจอร์พลาดก็เป็นแค่การมองถึงนัดนี้นัดเดียวเท่านั้น ต้องไม่ลืมว่าลิเวอร์พูลยังมีเกมใหญ่รออยู่ในอาทิตย์หน้า ทั้งผู้เล่นชุดนี้ก็เล่นติดๆ กันมาตลอด การผ่อนเกมรวมไปถึงให้โอกาสตัวสำรองอย่างเคลลี่บ้างก็คงไม่ใช่เรื่องผิดพลาด ซะทีเดียวถ้ามองถึงเป้าหมายในระยะยาว เพราะครึ่งหลังผู้เล่นลิเวอร์พูลก็เซฟตัวเองได้ดีไม่มีใครเจ็บ ใบเหลืองก็มีแค่สเตอริ่งที่โดนไปซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้โดนบ่อยอยู่แล้ว เคลลี่ก็ได้ลงมาเคาะสนิม...ถ้าเล่นในบ้านนำ 3-0 แล้วยังไม่ได้ลง จะให้ไปลงตอนไหน...

_______ ที่ยังเป็นหนังผีซีรี่ย์ยาวที่หลอนกันไม่จบสักทีคงหนีไม่พ้นการรับมือ ลูกตั้งเตะที่ทำได้ไม่ดีเอามากๆ วันนี้นอกจากจะเสียประตูจากจังหวะี้นี้แล้ว ยังมีอีกหลายครั้งที่คู่ต่อสู้ขึ้นถึงบอล, หวุดหวิดจะเสียจุดโทษอีกหลายครั้งด้วย คงต้องตามแก้กันต่อไป ไม่งั้นซัวเรสกระสุนด้านเมื่อไหร่แต้มคงหลุดมือไปแบบทะลักทะลายเป็นแน่

_______ ...แต่อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่วันนี้....
 -------------------------------

นัดนี้ครึ่งแรกเล่นได้ดีมาก แต่ครึ่งหลังแค่พอใช้

มินโยเล่ - เซฟลูกยิงของเคร็ก นูนได้ดี ถ้าโดนไปก่อนนี่ไม่รู้เกมจะไปทางไหน ลูกที่โดนไปก็คงช่วยอะไรลำบาก วันนี้ยืนเฝ้าเส้นมากไปนิดบางลูกน่าจะออกมาช่วยตัดบอลโด่งได้มากกว่านี้ เตะเปิดเกมยาวไปไหนไม่รู้แต่บอลสั้นยังอยู่ในระดับดี

ฟลานาแกน - นัดก่อนยิงได้นัดนี้ความมั่นใจล้นทะลักมาก กล้าเติมเกมขึ้นมามากกว่านัดก่อนๆ และได้บอลจากเพื่อนมากขึ้นด้วย เล่นในจังหวะสุดท้ายดีขึ้นบ้างไม่ว่าจะยิงหรือจ่าย เชื่อมเกมได้ดีขึ้น กล้าเล่นมากขึ้นด้วย เกมรับทำได้ดีพอสมควรกับการหยุดไม่ให้คู่ต่อสู้โยนเข้ากลางได้ง่ายนัก

ซาโก้ - เล่นได้เหนียวแน่นทั้งการเข้าสกัดและลูกกลางอากาศ เข้าบอลแม่นและเด็ดขาดดี ผ่านบอลขึ้นหน้าด้อยกว่านัดก่อนๆ เล็กน้อย

สเคอ เทล - ครึ่งแรกเก็บโอเดมวิงกี้ได้ยอดเยี่ยมมาก เรียกว่าคู่ต่อสู้นี่หายไปจากเกมสนิท ครึ่งหลังโดยรวมแล้วก็ยังจัดว่าดีอยู่ ...ยกเว้นจังหวะรับมือลูกตั้งเตะ ประทับองค์คาราเกอร์มาเลย ดึงๆ เหนี่ยวๆ เสียวจะโดนจุดโทษหลายครั้ง

จอห์นสัน - ช่วงต้นเกมขึ้นไปช่วยเกมรุกถึงสุดเส้นหลังได้ดีหลายครั้ง พลาดบ้างแต่กดดันแนวรับได้ดี ส่วนเกมรับก็ไม่ได้มีงานมากนักและรับมือได้ดี พอช่วงท้ายครึ่งแรกกับต้นครึ่งหลังเติมเกมน้อยลงไป ช่วงที่โดนโยกไปเล่นฝั่งซ้ายเล่นเหวอไปหลายจังหวะต้องใช้เวลาร่วมๆ 10 นาทีถึงจะกลับมาเล่นเกมรับได้มีสติอีกครั้ง ส่วนช่วงกลางครึ่งหลัีงเป็นต้นไปก็เริ่มเติมเกมรุกมากขึ้นช่วยเชื่อมและทำ เกมรุกให้ทีมได้ดีพอสมควร

อัลเลน - ครึ่งแรกเล่นได้สุดยอด เป็นสาเหตุสำคัญเลยที่ทำให้แดนกลางคาร์ดิฟเข้าไม่ถึงบอล การออกบอลสั้นจังหวะเดียวของอัลเลนหนีได้ตลอด จังหวะทีมเสียบอลก็เร่งเข้าไปไล่ได้เร็วดีด้วย ครึ่งหลังพอถึงช่วงที่คาร์ดิฟบุกได้มากขึ้น อัลเลนที่ต้องเล่นเกมรับมากขึ้นทำผลงานได้ไม่ดีเท่าครึ่งแรก

ลูคัส - ครึ่งแรกนี่เป็นวันที่ลูคัสเล่นไปถ่ายรูปอัพ IG ไปด้วยก็ยังได้ แทบไม่มีคนไล่เพราะคู่ต่อสู้เน้นแค่ฝั่งตัวเอง แถมหลายจังหวะไม่ค่อยไล่แต่ถอยไปรับลึกอีกต่างหาก ลูคัสเล่นได้ง่ายสุดๆ และทำได้ดี พอครึ่งหลังที่คู่ต่อสู้บุกได้มากขึ้น ลูคัสดูจะเคลื่อนที่ในเกมรับน้อยไปหน่อย

เฮนเดอร์สัน - ครึ่งแรกฟอร์มสุดยอดเอามากๆ ออกบอลในเกมรุกได้ดีซึ่งทำได้ถึง 2 แอสซิสและอีกจังหวะก็เป็นคนเปิดเกมโต้ซึ่งนำไปสู่ประตูอีก 1 ในที่สุด ทั้งยังขยับหาพื้นที่ว่างรับบอลได้อยู่ตลอด พอครึ่งหลังทั้งตัวเองทั้งเพื่อนเคลื่อนที่กันน้อยลงและต้องถอยลงไปเล่นเกม รับมากขึ้น ยังไล่บอลในพื้นที่ของตัวเองได้น่าพอใจอยู่แต่การทำเกมรุกทำได้น้อยลง

สเต อริ่ง - ถ้ามีพื้นที่ให้เล่นก็เล่นได้ดี ใช้ความเร็วเอาชนะคู่ต่อสู้ได้และพาบอลไปถึงสุดเส้นได้เป็นระยะ เปิดบอลยังไม่ค่อยผ่านเหมือนเดิมแต่ดูมีทิศทางมากขึ้น จังหวะจบสกอร์ทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ลูกที่ยิงได้ก็แทบโดนเซฟ ได้หลุดเดี่ยวก็ยิงไม่สำเร็จ วันนี้ช่วยเกมรับได้ดี ช่วงกลางต่อท้ายครึ่งหลังช่วยเก็บบอลและเรียกฟาลว์ให้กับทีมได้พอ สมควร...ส่วนช่วงที่ไม่มีพื้นที่ให้เล่น ดับสนิท...

คูตินโย่ - เป็นวันนี้ที่ค่อนข้างเงียบ หนักไปทางเชื่อมเกมเป็นส่วนใหญ่ ทำหน้าที่นั้นได้ดีแต่ไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับจังหวะเข้าทำ จังหวะได้ยิงเองก็พลาดหมด ครึ่งหลังเล่นไปเล่นมาแล้วค่อยๆ หายไปจากเกม

ซัวเรส - ยิง 2 จ่าย 1 ทำได้ดีกับการเล่นเป็นทีมมากขึ้นเรื่อยๆ สมาธิอยู่กับเกมตลอดและวิ่งไล่ไม่หยุด ช่วงครึ่งหลังโดนตัดออกจากเกมไป นานๆ จะโผล่มาได้เล่นบ้าง

ตัวสำรอง 

เคลลี่ - มีปัญหากับเกมรับเยอะทีเดียว อ่านเกมไม่ดีและหลุดตำแหน่งเป็นระยะ

แอกเกอร์ - ไม่ได้ผิดพลาดแต่งานก็ไม่ได้ชุกเช่นกัน

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...จอร์แดน เฮนเดอร์สัน... ถ้าเกมจบแค่ครึ่งแรกจะเลือกซัวเรสครับ แต่ครบ 90 นาทีเป็นเฮนเดอร์สันที่ช่วยทีมได้มากกว่า ครึ่งหลังยังมีจังหวะเปิดบอลเกมรุกดีๆ บ้าง การวิ่งไล่, คุมพื้นที่และเก็บบอลก็ทำได้ไม่เลว
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2556

สเปอร์ 0 - 5 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


...ไก่ จิก ตัว ตา่ย บน ปาก โอ่ง...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-1-4-1

-------------------------ซัวเรส-------------------------
คูตินโย่------เฮนเดอร์สัน--------อัลเลน--------สเตอริ่ง
--------------------------ลูคัส--------------------------
ฟลานาแกน-----ซาโก้---------สเคอเทล------จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลออกไปเยือนสเปอร์ที่เริ่มกลับมาฟอร์มดีอีกครั้ง นัดนี้ทีมขาดเจอราร์ดที่เจ็บและแอกเกอร์ที่ยังไม่ฟิต ร็อดเจอร์ขยับเอาคูตินโย่ไปยืนทางซ้าย สเตอริ่งกลับไปทางขวา และตรงกลางห้อยลูคัสยืนต่ำคนเดียว นอกนั้นก็ยังใช้ผู้เล่นชุดเดิมจากนัดก่อน
-------------------------------------------------------

_______ ช่วงต้นเกมลิเวอร์พูลเล่นอย่างระมัดระวังเต็มที่ ไล่เร็วแค่ในแดนตัวเองเป็นหลัก ส่วนสเปอร์เน้นเกมรุกมากกว่าและเร่งจังหวะเข้าทำเร็ว ทั้งยังประกบและเข้าบอลได้เร็วกว่าลิเวอร์พูล ทำให้ช่วงครึ่งแรกเกมของสเปอร์ดูดีกว่าเล็กน้อย คือพาบอลมาถึงหน้าเขตโทษได้เป็นระยะแต่ยังหาโอกาสยิงไม่ค่อยได้

_______ ผ่านไปราว 10 นาทีเกมของลิเวอร์พูลเริ่มดูดีขึ้น บอลสั้นที่เน้นความแม่นยำเริ่มหนีพ้นการไล่บอลของผู้เล่นสเปอร์ รวมไปถึงเกมริมเส้นโดยเฉพาะทางฝั่งขวาด้วยสเตอริ่งทำได้ดีต่อเนื่อง ไปถึงสุดเส้นหรือเรียกฟาลว์ได้ตลอด ทำให้เกมรุกทำได้ลื่นไหลแล้วก็ทำได้สำเร็จในที่สุด นาที 18 ซัวเรสจ่ายทะลุช่องให้เฮนเดอร์สันที่วิ่งสอดขึ้นไป กองหลังเกี่ยวสกัดบอลได้แต่เฮนเดอร์สันวิ่งตามเข้ามาถึงบอล แตะกลับให้ซัวเรสกระชากบอลเข้าเขตโทษ ล็อคหลบกองหลังที่สไลด์พรวดขวางทางยิงได้ก่อนจะยิงผ่านมือยอริสไปเป็น 1-0

_______ พอสกอร์ขยับทำให้เกมเปิดแลกกันทันที สเปอร์ยังทำเกมรุกได้โดยเฉพาะเกมทางฝั่งของ จอห์นสันที่สเปอร์พาบอลมาถึงสุดเส้นและได้เปิดเข้ากลางหลายครั้ง แต่คู่เซ็นเตอร์และกองกลางที่ถอยลงมายังช่วยกันสกัดบอลเปิดเข้าทำได้อยู่ มีจังหะที่สเปอร์เข้าถึงบอลบ้างก็ยิงพลาดไปเอง ส่วนทางลิเวอร์พูลเองเล่นเกมโต้กลับได้ดี เป็นฝ่ายหาโอกาสได้มากกว่าจากบอลทะลุช่องตรงกลางสลับกับฝั่งขวา (แทบไม่ขึ้นฝั่งซ้ายเลย)

_______ ลิเวอร์พูลโต้ได้ดีจนได้เรื่อง นาที 40 สเตอริ่งวางบอลยาวข้ามฝากจากขวาไปซ้ายแถวหน้ากรอบเขตโทษ คูตินโย่ชิ่งจังหวะเดียวไม่จับให้เฮนเดอร์สันที่เติมขึ้นไปได้หลุดเดี่ยวไป ยิงติดเซฟ บอลเด้งมาเข้าทางซัวเรสยิงติดเซฟยอริสอีก แต่บอลยังมาเข้าทางเฮนเดอร์สันได้ซ้ำเข้าไปสำเร็จ 2-0

_______ หลังจากสกอร์ขยับห่าง ลิเวอร์พูลได้ทีเดินหน้าฆ่ามันด้วยการหันมาวิ่งไล่บอลเร็วตั้งแต่แดนหน้า กดดันจนสเปอร์ขึ้นเกมไม่ได้และออกบอลพลาดกันไปเองบ่อยครั้ง ทำให้ลิเวอร์พูลสามารถจบครึ่งแรกไปแบบเท่ๆ ทั้งสกอร์และรูปเกม 2-0

_______ เข้าครึ่งหลัง สเปอร์กลับไปตั้งสติกลับมาใหม่ได้ดี ความผิดพลาดในการผ่านบอลหายไปและวิ่งไล่บอลได้เร็วกว่าช่วงท้ายครึ่งแรกมาก ยังเน้นเกมริมเส้นและสร้างปัญหาให้แบ็คลิเวอร์พูลทั้งสองฝั่งได้ ลิเวอร์พูลเริ่มโต้ลำบาก โดนดักล้ำหน้าและประกบตัวพักบอลติดจนเก็บบอลได้น้อยลง ทำให้สเปอร์เริ่มกดดันลิเวอร์พูลได้ดีต่อเนื่องแล้ว

_______ ลิเวอร์พูลเริ่มเล่นช้าลงเพื่อเก็บบอลไว้กับตัวให้นานขึ้น แต่สเปอร์ยังทำเกมรุกกดดันได้ตลอดจนเกือบจะได้ประตูตีไข่แตกอยู่แล้วโดย เฉพาะการเข้าทำช่วงเวลาประมาณนาที 60 ที่ได้ยิงติดๆ กันแต่ทำไม่สำเร็จ ความบรรลัยเลยมาเยือน นาที 63 เปาลินโย่โดนใบแดงจากจังหวะที่ไปถีบยอดอกซัวเรส (ซัวเรสแตะบอลได้แล้วแต่เปาลินโย่ยกขาค้างแถมมีงอเข่าให้สตั๊ดเลี้ยวไปเข้า อกซัวเรสที่พยายามเบี่ยงหลยอีกต่างหาก) จบข่าว สเปอร์เหลือ 10 ตัวแบบไม่มีตัวรับเหลือในสนาม แถมเปลี่ยนตัวไปครบแล้ว

_______ สเปอร์พอเหลือ 10 คนก็เสียสติอยู่พักใหญ่ เข้าไปอัดคนระบายอารมณ์และกลับมาเล่นพลาดเยอะอีกครั้ง ส่วนลิเวอร์พูลได้ทีก็เคาะครองบอลเลย ทั้งผลาญเวลาทำลายสมาธิได้ทั้งเวลาได้ทั้งบอลเล่นกันได้สบาย จังหวะเสียบอลไปแล้วก็วิ่งไล่บีบเร็วกันเต็มสนามเพราะตัวมากกว่า สเปอร์ทำเกมของตัวเองแทบไม่ได้แล้ว

_______ สเปอร์สแม้จะเสียเปรียบสุดกู่ก็ยังพยายามบุกอยู่ทำให้เปิดพื้นที่ไว้เยอะ นาที 75 เฮนเดอร์สันวิ่งหลุดไปรับบอลทางมุมกรอบเขตโทษด้านซ้าย พยายามจะหักเข้ากลางให้สเตอริ่งแต่ติดกองหลัง เฮนเดอร์สันยังเก็บบอลกลับไปได้ พาไปสุดเส้นหลัง ก่อนตอกส้นให้ซัวเรสที่วิ่งเติมเข้ามาได้เปิดลึกข้ามไปเสาสองที่...เอ่อ...ฟลา นาแกนที่วิ่งเติมขึ้นมาแบบ ว่าง ว่าง ฮาล์ฟวอลเล่ย์เต็มข้อเน้นแรงไม่เน้นลีลา บอลพุ่งเช็ดคานเหลี่ยมล่างเข้่าไปได้สำเร็จแบบสะใจคนยิงและซึ้งใจคนดู (ที่ลุ้นกะน้องเค้ามานาน) 3-0

_______ พอเกมขาด(แล้วขาดอีก) ร็อดเจอร์ส่งอัลแบร์โต้ลงมาแทนลูคัสในนาที 78 ถึงตรงนี้สเปอร์ยังพยายามจะบุกอยู่แต่บุกไม่ขึ้น พาบอลขึ้นมาหน้าเขตโทษได้บ้างก็ไม่ได้ยิง กลายเป็นโดนลิเวอร์พูลสวนเร็วด้วยบอลทะลุช่องเป็นชุดๆ แบบถ้าเป็นเป้าซ้อมยิงก็ไม่เหลือเนื้อกระดาษให้เห็นแล้ว แล้วก็เป็นอัลแบร์โต้ที่พึ่งลงมาได้โชว์บ้าง นาที 84 รัจ่ายทะลุช่องให้ซัวเรสได้หลุดเดี่ยวก่อนชิพบอลข้ามยอริสที่ออกมาปิดบอลเร็วเข้าประตูไปได้อย่างสวยงาม 4-0

_______ ลิเวอร์พูลยังเล่นเหมือนเดิม เคาะไปเคาะมาไปเรื่อยพอเห็นช่องก็จ่ายบอลทะลุลึกเข้าตรงกลางทันที คูตินโย่กับสเตอริ่งดูยุบไปบ้างแต่บอลยังไม่เสียทรงเท่าไหร่ นาที 89 ยังมาได้อีกประตู อัลแบร์โต้แตะบอลให้ซัวเรสหน้าเขตโทษก่อนที่ซัวเรสจะจ่ายทะลุช่องให้สเต อริ่งได้หลุดเดี่ยวไปยิงไม่พลาด 5-0 ถึงตรงนี้สเปอร์ก็เล่นเหมือนบอกกรรมการว่า "พี่เป่าเถอะครับ" ส่วนทางลิเวอร์พูลอุตส่าห์ส่งโมเสสลงมาในนาที 90 แทนคูตินโย่ แล้วก็เป็นโมเสสที่ได้บอลตรงสุดเส้นหลังเปิดหักเข้ากลางแต่เพื่อนตามไม่ทัน พลาดได้ประตูครึ่งโหลไปแบบหวุดหวิด ปิดเกมไปแบบเท่ๆ 5-0
-----------------------------------------

_______ ทำได้ดีตั้งแต่ต้นจนจบครับ มีเสียวนิดๆ ช่วงเกือบโดน 2-1 แต่ก็สัก 5 นาทีเท่านั้น แถมต่อให้เสียไปนั่นก็ยังไม่ใช่ประตูตีเสมออีกต่างหาก

_______ 11 ตัวจริงวันนี้ร็อดเจอร์ส่งคนที่ควรส่งลงตามตำแหน่งเพราะจากตัวเลือกที่ฟิตลง เล่นได้ที่มีอยู่บวกกับฟอร์มล่าสุดของแต่ละคนก็ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนไปจาก 11 คนนี้ยังไง ที่ทำได้ดีมากคือแท็คติคเริ่มเกมที่ไล่ครึ่งสนามและไม่ขึ้นสูงที่ทำให้ สเปอร์เล่นได้ไม่สะดวกนัก แม้จะตัดบอลได้พาบอลมาถึงหน้าเขตโทษได้แต่โอกาสยิงแบบได้ลุ้นมีน้อย ส่วนในเกมรุกไม่ได้เน้นการวางบอลยาวแต่เน้นการต่อบอลสั้นหนีการไล่บอลเป็น หลัก ซึ่งแน่นอนว่าแม่นกว่าวางยาว และทำให้ลิเวอร์พูลได้ครองบอลเล่นแบบไม่ได้เป็นรองอะไรสเปอร์

_______ ถ้าจะดูด้อยอยู่บ้างก็ช่วงต้นครึ่งหลังที่ร็อดเจอร์ไม่ได้วางแผนอะไรมารับ มือกับเกมริมเส้นของสเปอร์เลย ฟลานาแกนกับจอห์นสันยังต้องหัวทิ่มหัวต่ำกันพอสมควร รวมไปถึงไม่สามารถรับมือกับเกมที่เปลี่ยนไปของสเปอร์ได้ดีพอ ตัวเก็บบอลแดนหน้าอย่างซัวเรสและคูตินโย่ช่วงต้นครึ่งหลังนี่เริ่มโดนตัดออก จากเกมแล้ว วัดเฉพาะแทคติคเพียวๆ ต้นครึ่งหลังนี่โบอาสทำได้ดีกว่าร็อดเจอร์ครับ

_______ แต่ร็อดเจอร์กลับมาทำได้ดีอีกครั้งในจังหวะที่ทีมได้เปรียบ ทั้งจากตอนที่เปาลินโย่โดนแดง หรือประตูที่ได้เพิ่มขึ้นทีละลูกๆ เขาไม่ได้สั่งให้ลูกทีมถอยหลัง ลิเวอร์พูลไม่ได้ผ่อนเกมเลย โดยเฉพาะการวิ่งไล่บอลที่ทุกคนยังวิ่งไม่หยุด ไม่ได้มีใครเสียสมาธิหรือเดินเล่นจากความได้เปรียบ จังหวะครองบอลเคาะบอลในแดนหลังมากขึ้นจริงแต่เห็นช่องเมื่อไหร่ใส่ทันที ทำให้ลิเวอร์พูลยิงได้ถึง 5-0 ลูกในที่สุด

_______ อย่างไรก็ตาม แท็คติคก็เป็นเหตุผลครึ่งหนึ่งเท่านั้น ฟอร์มผู้เล่นเองก็สำคัญไม่แพ้กัน ถ้าคู่เซ็นเตอร์หลวมกว่านี้สักนิดลิเวอร์พูลคงโดนไปก่อนที่ตัวเองจะได้ลูก แรก และตัวรุกอย่างสเตอริ่ง,เฮนเดอร์สัน,คูตินโย่,ซัวเรสเล่นในครึ่งแรกได้ดีมาก ผ่านบอลแม่น ไม่หวงบอลและจบสกอร์ได้ค่อนข้างดี ถ้าเป็นวันที่ฟอร์มหลุด (อย่างน้อยๆ ในรายของสเตอริ่งกับเฮนเดอร์สัน) ลิเวอร์พูลอาจจบครึ่งแรกแบบ 0-0 ด้วยซ้ำ

_______ จุดเปลี่ยนของเกมแน่นอนว่าเป็นใบแดงของเปาลินโย่ แต่จังหวะนั้นก็คงโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเองครับ ถ้าไม่เลี้ยวตีนเข้าหาอกอาจโดนแค่ใบเหลืองก็เป็นได้ แต่สตั๊ดติดเรดาห์แบบนั้นมันแดงแหงแก๋อยู่แล้ว

_______ นี่เป็นวันที่ไม่มีเจอราร์ดที่ลิเวอร์พูลเล่นได้ดีมากๆ นัดหนึ่งในรอบหลายปี น่าจะทำให้ร็อดเจอร์มั่นใจในลูกทีมคนอื่นมากขึ้นและกล้าพักเจอราร์ดมากขึ้น กว่านี้ (ก่อนหน้านี้เจอราร์ดเล่นทุกนัด) ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อทีมมากกว่าในระยะยาวครับ

_______ ...ใครจะว่าชนะขาดแล้วเพ้อก็ช่างเถอะ แต่ชนะสเปอร์ที่ไวท์ฮาร์ทเลนเกือบครึ่งโหลนี่...ถ้าจะมาเก็กเท่ "ก็แค่เกมเกมหนึ่ง" ผมคนนึงละที่ทนทำแบบนั้นไม่ไหว...
 -------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดีหลายคน

มิ นโยเล่ - จังหวะเซฟลูกยากไม่มี ตัดบอลไม่ขาดอยู่นิดหน่อยเกือบทำทีมเจ็บเหมือนกันแต่รอดมาได้ เอาตัวรอดจากการถูกกดดันได้ดีพอสมควร เปิดบอลใช้ได้แทบไม่พลาดเลย เสี่ยงแต่หล่อมากจังหวะจับบอลยาวแล้วไปพุ่งล้มเอาฟาลว์จากโซลดาโด้ ถ้ากรรมการไม่เป่าจากหล่อจะกลายเป็นเละทันที

ฟลานา แกน - เกมรับไม่ค่อยดี ตัวต่อตัวกับเลนนอนฟลานาแกนหัวทิ่มไปหลายครั้งดีว่ามีเพื่อนช่วย แต่จังหวะคู่ต่อสู้ยังพลิกไม่ได้นี่ยังทำได้ดีอยู่ สกัดได้หลายครั้ง ในเกมรุกไม่ค่อยมีส่วนร่วมเพราะเพื่อนแทบไม่จ่ายบอลให้ (เกมนี้แทบไม่ขึ้นซ้ายเลย) แต่มาทำได้ดีมากในจังหวะที่ยิงได้ คือยิงก็เรื่องนึง แต่การวิ่งเติมขึ้นมาตามตำแหน่งทั้งๆ ที่แทบไม่ได้บอลเลยนี่มันเป็นการเล่นที่มีวินัยมากครับ เป็นบางคนเจอแบบนี้มันไม่ขึ้นแล้วนะ

ซาโก้ - เข้าสกัดบอลได้ดี มาก ครึ่งแรกมีจังหวะที่สเปอร์ขึ้นเกมทางฝั่งซ้ายได้ดีติดๆ กันหลายครั้ง ทั้งจอห์นสัน, สเคอเทล, อัลเลน, ลูคัส หางานให้ซาโก้กันคนละครั้งสองครั้งแต่ซาโก้สกัดบอลเปิดเข้ากลางมาได้ดี วันนี้เก็บบอลมากไปนิด ถึงจะไม่พลาดแต่หลายครั้งเสี่ยงมากกว่าความจำเป็น

สเคอเทล - จังหวะประกบกองหน้าทำได้เยี่ยมมาก โซลดาโด้ถ้าไม่ขยับถอยไปต่ำหรือถ่างไปริมเส้นนี่จะหายไปจากเกมเลย จังหวะเข้าสกัดโอเคอยู่ เกือบทำเสียจุดโทษหนึ่งครั้ง ที่ด้อยลงไปหน่อยคือจังหวะเก็บบอลที่สลับกับซาโก้เลย คือพวกสาดทิ้งอย่างเดียว(ตอนเกมยังไม่ขาด) ก็ปลอดภัยดีแต่มันมากไป

จอห์นสัน - เกมรับครึ่งแรกพาทีมเครียดมาก หยุดคู่ต่อสู้ได้น้อย ปิดทางเิปิดเข้ากลางแทบไม่ได้ หลายจังหวะก็หุบเข้ากลางทั้งๆ ที่มีทั้งเซ็นเตอร์กับกองกลางถอยมาอยู่ แต่หลังจากทีมได้ประตูนำก็เล่นพอใช้ได้ เชื่อมเกมได้พอสมควร เกมรุกขึ้นสูงน้อยมาก โดยรวมแล้วเป็นเกมที่เล่นได้ธรรมดาค่อนไปทางไม่ดีนัก

อัลเลน - ผ่านบอลเอาตัวรอดและเชื่อมเกมแดนกลางได้ดีมากตลอดเกม เอาบอลจากกลางไปหน้าได้ ทำให้เฮนเดอร์สันมีโอกาสเติมขึ้นไปสูงได้บ่อยเพราะไม่ต้องคอยลงมาช่วยอัลเลน ผ่านบอล จ่ายพลาดนิดหน่อยเกือบทำทีมเจ็บเหมือนกัน นอกจากนั้นก็มีเรื่องการดักทางบอลที่ดักเก็บได้น่าพอใจ

ลูคัส - ก่อนที่สเปอร์จะเหลือ 10 คน ลูคัสเล่นพลาดเยอะกว่าคนอื่น ทั้งการผ่านบอลและการเข้าพรวดโดนพลิกไปได้ แต่วันนี้เขาโดดเด่นมากกับการเคลื่อนที่โดยเฉพาะการวิ่งเข้าไปซ้อนแบ็คทั้ง สองข้ามและการถอยลงไปในเขตโทษที่ช่วยทีมไว้ได้หลายครั้ง

เฮนเดอร์สัน - เป็นฟอร์มที่ดีที่สุดของเจ้าตัวในฤดูกาลนี้ ทั้งการเติมขึ้นหน้า การเล่นบอลจังหวะเดียว การเล่นในพื้นที่สุดท้าย ทำได้ยอดเยี่ยม อีกทั้งการวิ่งไล่บอลและคุมพื้นที่ในเกมรับไม่ได้หายไปไหนด้วย ที่น่าประทับใจมากคือการวางบอลยาว ไม่ว่าจะเปลี่ยนฝั่งหรือให้ไปที่ว่างที่ำทำได้เนียนตา ถ้าไม่นับซัวเรสนี่คือคนที่จะต้องได้ MOM แน่นอนที่สุด

สเต อริ่ง - ครึ่งแรกเล่นได้เหมือนกับช่วงแรกๆ ที่เขาได้เป็นตัวจริงตอนนู๊นนน~ เอาชนะแบ็คได้ ไปถึงเส้นหลังหรือเรียกฟาลว์ได้ ไม่ฝืนเล่นอะไรยากๆ จนเสียบอล ช่วยให้เกมด้านขวาของทีมไหลลื่นในครึ่งแรก และหลังจาก 2-0 เป็นต้นมาทำให้เกมโต้กลับของทีมมีประสิทธิภาพ ช่วงกลางครึ่งหลังเหมือนจะหมดแรกแต่ท้ายเกมก็ยังมีสปีดเหลือพอวิ่งเข้าไปยิง ปิดกล่องได้

คูตินโย่ - ผ่านบอลได้ดี มีบอลเข้าทำน้อยลงแต่ได้ความแม่นยำที่เพิ่มมากขึ้นมาแทน ที่เด่นคือการเก็บบอลและผ่านบอลขึ้นหน้า ช่วยให้เกมโต้กลับของทีมทำได้ดีในเกมนี้

ซัว เรส - ยังคงเป็นหัวใจในจังหวะเข้าทำ ทั้ง 5 ประตูเขามีส่วนร่วม ยิง 2 จ่าย 2 แถมอีกลูกที่เหลือก็ยิงไปติดเซฟยอริสจนเฮนเดอร์สันได้ซ้ำ ใบแดงที่เปาลินโย่โดนก็เป็นเพราะเขาแตะถึงบอลก่อน ซัวเรสเป็นคนที่เล่นในพื้นที่สุดท้ายของคู่ต่อสู้ได้ดีที่สุดของทีม สมาธิอยู่กับเกมตลอดเวลาด้วย

ตัวสำรอง 

อัลแบร์โต้ - ได้เวลาในสนามเยอะขึ้น รูปเกมก็เป็นใจ ได้โอกาสโชว์ลูกจ่ายเข้าทำสวยๆ หลายครั้ง 1 ในนั้นเป็นลูกแอสซิสด้วย

โมเสส - ได้เล่นแค่ 3-4 นาที ในช่วงเวลาที่คู่ต่อสู้เลิกเล่นไปแล้วแถมเพื่อนก็ไม่ได้เร่งถือเป็นความซวย ไม่น้อย ได้โอกาสเปิดจากสุดเส้น 1 ครั้งพอให้มีอะไรเขียนถึง

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...หลุยส์ ซัวเรส... คือเฮนเดอร์สันเด่นมากและเ่ด่นจริงครับ ทำได้ดีกว่านัดก่อนๆ มาก ในขณะที่ซัวเรสทำในสิ่งที่เขาทำได้ติดๆ กันมาหลายนัดแล้วเท่านั้นเอง(แฟนบอลทีมอื่นอ่านแล้วคงหมั่นไส้) แต่ในวันที่ทีมยิงได้ 5 ลูกแล้วเขามีส่วนร่วมกับทุกประตูแบบนี้ MOM ก็ไม่ควรเป็นคนอื่นเช่นกัน
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ลิเวอร์พูล 4 - 1 เวสต์แฮม (พรีเมียร์ลีค)


...พุ่งไม่หยุด ฉุดไม่อยู่...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

-------------------------ซัวเรส-------------------------
สเตอริ่ง----------------คูตินโย่-------------เฮนเดอร์สัน
---------------อัลเลน--------------เจอราร์ด------------
ฟลานาแกน-----ซาโก้---------สเคอเทล------จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเล่นในบ้านต่อเนื่องอีก 1 นัด คราวนี้ผู้มาเยือนเป็นเวสต์แฮม ร็อดเจอร์ปรับทีมแค่ตำแหน่งเดียวจากเกมนัดก่อนโดยซาโก้ได้ลงตัวจริงแทนแอก เกอร์ (ซึ่งได้ข่าวว่าป่วย) ลูคัสกับโมเสสยังคงต้องนั่งต่อไปอีก 1 นัด ส่วนทางเวสต์แฮมกำลังมีปัญหากับการขาดกองหน้า เลือกใช้ไมก้าเป็นหน้าเป้า ริมเส้นซ้ายขวาเป็นตัวถนัดโยนเข้ากลางทั้งยาวิสและดาวนิ่ง ชัดเจนดีว่าจะทำอะไร
-------------------------------------------------------

_______ เกมเร็วมากตั้งแต่เริ่ม เวสต์แฮมวิ่งไล่เต็มสนาม เกมรุกจะเน้นบอลโด่งโดยไปทางที่ว่างมุมธงสลับกับโยนใส่ตัวให้กองหน้าพักบอล ส่วนทางลิเวอร์พูลเน้นเกมรุกเต็มที่ แบ็คขึ้นทั้งสองฝั่ง พยายามออกบอลแดนกลางให้เร็วสลับกับออกบอลแนวลึกตั้งแต่แดนหลังเพื่อหนีการ วิ่งไล่ของเวสต์แฮม เกมเปิดแลกกันโดยเป็นลิเวอร์พูลที่พาบอลไปถึงเขตโทษได้มากกว่า แต่เวสต์แฮมเองก็วางบอลยาวไปมุมธงได้ผล แม้จะไม่ต่อเนื่องนักแต่ริมเส้นก็ได้ดวลตัวต่อตัวกับแบ็คอยู่หลายจังหวะ ได้ลุ้นเล็กๆ จากลูกจ่ายเข้าผ่านสเคอเทลไปแ้ล้วแต่ไมก้าชาร์จไม่ถึงบอลด้วย

_______ ผ่าน 15 นาทีแรกของเกมไป สเตอริ่งกับเฮนเดอร์สันสลับฝั่งกันเล่น โดยในจังหวะเล่นเกมรับสเตอริ่งจะไม่ไปไล่บอลริมเส้นแต่ยืนอยู่ตรงกลางเพื่อ รอรับบอลโต้กลับ ลิเวอร์พูเน้นโต้เร็วด้วยบอลยาวมากขึ้นซึ่งได้ผลไม่น้อย ทำให้เวสต์แฮมต้องถอยลงไปรับต่ำขึ้น รวมไปถึงทำให้ลิเวอร์พูลตัดบอลกลับคืนมาได้เร็วขึ้นด้วยเพราะเวสต์แฮมสกัดบอลออกมาได้ก็ไม่มีคนเก็บบอลในแดนหน้า ลิเวอร์พูลมีโอกาสมากกว่าแต่เป็นเวสต์แฮมที่เกือบขึ้นนำก่อนในนาที 21 ที่ได้โยนจากริมเส้นแล้วไมก้าขึ้นโหม่งเช็ดได้ไปติดเซฟมินโยเล่

_______ เวสต์แฮมยิ่งเล่นก็ยิ่งถอยไปรับแน่นในเขตโทษ ทำเกมของตัวเองไม่ได้ บอลยาวที่วางใส่กองหน้าก็โดนดักโหม่งหมดเก็บบอลไม่ได้ แต่ยังปิดพื้นที่สุดท้ายได้ดีพอสมควร ส่วนลิเวอร์พูลการดันแผงหลังสูง, แบ็คลอย, บอลทะลุของเจอราร์ดและการวิ่งทำทางของซัวเรสกับสเตอริ่งทำให้เกมรุกของลิ เวอร์พูลดีขึ้นเรื่อยๆ และหาโอกาสได้หลายครั้ง แต่คนที่มีโอกาสเยอะที่สุดอย่างสเตอริ่งเล่นจังหวะสุดท้ายไม่ได้เรื่องเลยจนทำให้ทีมยังไม่สามารถทำประตูได้

_______ เกมครึ่งแรกทำท่าจะจบที่สกอร์ 0-0 แต่แล้วนาที 42 จากจังหวะที่เวสต์แฮมจะตั้งเกมแต่โดนวิ่งไล่บอลเร็ว ซัวเรสไปแซะจนบอลกระดอนออกมาเข้าทางจอห์นสันโหม่งชงกลับไปให้ซัวเรส ก่อนพาบอลเข้าไปในเขตโทษกดยิงมุมแคบ ยัสเคไลเน่นเซฟได้แต่บอลกระดอนมาโดนเดเมลที่วิ่งลงมากลับเข้าประตูไป ลิเวอร์พูลขึ้นนำแบบโชคช่วยนิดๆ 1-0 นาที 44 ลิเวอร์พูลยังมีโอกาสดีอีกครั้งเมื่อสเตอริ่งปั้มบอลมาได้จนหลุดขึ้นไปพร้อม ซัวเรส สเตอริ่งไม่พาบอลไปเองแต่โหม่งชงให้ซัวเรสหลุดได้ยิงแต่บอลข้ามอัฒจันทร์ไป นิดเดียว จบครึ่งแรกลิเวอร์พูลนำ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ยังไม่ทันดูว่าอะไรเป็นอะไร นาที 47 ซัวเรสโดนทำฟาลว์ เจอราร์ดเปิดฟรีคิกลึกข้ามไปโคนเสาสอง ซาโก้เติมขึ้นไปยิงโดนไม่เต็มแต่บอลกระดอนสูงเข้ากรอบกำลังจะข้ามเส้นประตู คอลลินเตะสกัดโดนบอลแต่งัดไม่ออก ลิเวอร์พูลนำห่าง 2-0

_______ หลังจากถูกนำห่างเวสต์แฮมก็น็อคไปทันที อย่าว่าแต่ทำเกมรุกไม่ได้ แค่จะพาบอลขึ้นไปให้พ้นครึ่งสนามยังทำไม่ได้ แนวรับได้แต่สกัดไม่สามารถเก็บบอลหรือจ่ายขึ้นหน้าแบบมีทิศทาง บอลยาวบอลโด่งที่วางไปให้กองหน้าก็โดนคู่เซ็นเตอร์ดักโหม่งกินเรียบ ถึงตรงนี้เป็นลิเวอร์พูลที่พับสนามบุกใส่อยู่ข้างเดียว ตัดบอลกลับมาได้เร็วและหาโอกาสจบสกอร์ได้เรื่อยๆ แต่ยังไม่ดีพอจะเป็นประตู

_______ นาที 56 ลูคัสได้ลงมาแทนเจอราร์ดที่ขอเปลี่ยนตัวออกเพราะมีอาการเจ็บ ลิเวอร์พูลยังครองบอลและเล่นเกมรุกได้ต่อเนื่อง แบ็คสองฝั่งเติมขึ้นมาได้สบายเพราะเวสต์แฮมกองกันอยู่แถวเขตโทษหมด แต่จนแล้วจนรอดลิเวอร์พูลก็ยังทำสกอร์เพิ่มไม่ได้ ทั้งสเตอริ่งที่ยิงทิ้งยิงขว้างอยู่เรื่อย คูตินโย่ที่พอทีมนำสองลูกแ้ล้วเริ่มฝืนจะหาโอกาสยิงเองและทำได้ไม่ดีพอ ไม่หลุดกรอบก็ติดบล็อคแนวรับ

_______ ด้วยความที่บุกมากแล้วทำไม่ได้สักที แถมเกมรับเล่นกันไม่ค่อยระวัง นาที 66 เวสต์แฮมบุกขึ้นมาครั้งเดียว ได้โอกาสโยนบอลจากทางฝั่งขวา(ฟลานาแกน) ซึ่งโยนเร็วตั้งแต่หน้าเขตโทษ บอลลึกข้ามไปเสาสองมีตัวโหม่งชงกลับเข้ากลางแล้วเป็นสเคอเทลที่ยืนเท้าสกัด ถึงบอลแต่ผิดเหลี่ยมเข้าประตูไป เวสต์แฮมตีตื้นขึ้นมาได้ 2-1

_______ หลังจากสกอร์ขยับใกล้ขึ้นมา เกมเปลี่ยนทันที เวสต์แฮมกลับมามีฮึดอีกครั้งหลังจากเล่นแบบซังกะตายอยู่ร่วมครึ่งชั่วโมง ส่วนลิเวอร์พูลเริ่มออกอาการสะเปะสะปะ ลนลานและผิดพลาดมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เวสต์แฮมเริ่มทำเกมกดดันได้อย่างต่อเนื่อง นาที 72 โมเสสลงมาแทนสเตอริ่งแต่ยังไม่มีอะไรดีขึ้น แถมเกมยังแย่ลงเข้าไปอีกเพราะสเตอริ่งพลาดแค่จังหวะสุดท้ายแต่การเชื่อมเกม และวิ่งทางทำได้ดีกว่าโมเสสเยอะ

_______ นาที 78 เคลลี่ได้ลงมาแทนฟลานาแกนในตำแหน่งแบ็คซ้าย นาที 81 เวสต์แฮมที่บุกอยู่ดีๆ เติมกันขึ้นมาไม่ระวังจนพลาด คูตินโย่วางบอลออกทางริมเส้นให้จอห์นสันที่วิ่งเติมขึ้นมารับบอลในแดนเวสต์ แฮมแบบว่างโล่งไร้คนประกบก่อนที่จะวางบอลยาวข้ามไปเสาสอง บอลข้ามหัวคอลลินและไปเข้าหัวซัวเรสพอดิบพอดีและซัวเรสก็โหม่งจ่อๆ ไม่พลาด 3-1

_______ พอสกอร์ขยับห่างอีกครั้ง เกมก็วนกลับไปเป็นเหมือนช่วง 2-0 เวสต์แฮมเกมดับอีกครั้ง สวนทางกับลิเวอร์พูลที่พอไม่กดดันแล้วความผิดพลาดก็น้อยลง กลับมาครองบอลและหาจังหวะจบสกอร์เป็นชุดๆ ได้เหมือนเดิม นาที 82 โนเบิลวิ่งมาย่ำน่องเฮนเดอร์สันเล่นจนตัวเองโดนไล่ออก เวสต์แฮมเหลือ 10 คน นาที 84 ลิเวอร์พูลมาได้อีกประตูเมื่อซัวเรสได้บอลหน้าเขตโทษ แตะบอลหาพื้นที่ยิงจนได้ บอลไปแฉลบโอไบรอันเข้าประตูไป 4-1 และปิดเกมไปได้ด้วยสกอร์ดังกล่าว
-----------------------------------------

_______ สกอร์ขาดแต่เกือบตายเหมือนกันครับ

_______ 11 ตัวจริงวันนี้ร็อดเจอร์ปรับตำแหน่งเดียวคือซาโก้แทนแอกเกอร์ แต่วิธีการเล่นปรับเปลี่ยนไปเล็กน้อย ร็อดเจอร์เลือกวิธีการเล่นช่วงต้นเกมด้วยการเน้นบอลเร็วและหันมาแทงบอลลึก จากแดนหลังไปแดนหน้ามากขึ้นซึ่งตรงนี้ทำได้ดีเพราะหนีการไล่บอลเร็วของเวสต์ แฮมได้ยอดเยี่ยมมาก แต่การดันแผงหลังขึ้นสูงมันเสี่ยงมากเกินไป เพราะถึงจะบุกได้แต่เจาะพื้นที่สุดท้ายไม่ได้อยู่ดีแถมเกมรับยังมีปัญหากับ พื้นที่ริมเส้นที่โดนเวสต์แฮมวางยาวมาได้เป็นระยะ เกือบจะเสียประตูก่อนด้วยซ้ำดีว่ามินโยเล่ช่วยไว้ได้ ถ้าเวสต์แฮมนำก่อนละงานเข้าแน่ครับ

_______ มองเลยมาถึงครึ่งหลัง หลังจากนำ 2-0 แล้ว ลิเวอร์พูลทำเกมรุกได้ดุดันและสนุกมากก็จริงอยู่แต่เล่นกันแบบขาดวินัย โอกาสมากมายที่หาได้ก็ทำพลาดกันไปหมด บางจังหวะก็ฝืนจะทำเองเล่นเอง เพื่อนครองบอลอยู่ก็ไม่วิ่งเข้าไปช่วย แผงหลังที่ควรจะเติมขึ้นอย่างระวังกว่านั้นก็ลอยกันขึ้นไปหมด สุดท้ายนอกจะไม่ได้ประตูที่สามแล้วยังมาเสีย 2-1 ทำให้ตัวเองกดดันในที่สุด ซึ่งตรงนี้ร็อดเจอร์น่าจะช่วยเตือนลูกทีมได้แต่ก็ไม่

_______ การเปลี่ยนตัวลูคัสแทนเจอราร์ดนั้นเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว แต่ส่วนหนึ่งมาจากการใช้งานเจอราร์ดหนักไปหรือปล่าว? ส่วนการเปลี่ยนตัวอีกสองครั้งนั้นไม่ช่วยให้ทีมดูดีขึ้นเลย อีกทั้งในรายของโมเสสแทนสเตอริ่งนอกจากจะไม่ดีขึ้นแล้วยังแย่หนักเข้าไปอีก ถ้าเขาเปลี่ยนตอนนำ 2-0 จะเข้าใจได้ว่าให้โอกาสโมเสส แต่เปลี่ยนตอน 2-1 ทั้งที่สเตอริ่งจะเล่นได้(ห่วยเฉพาะจังหวะสุดท้าย)นี่มันไม่ควรจริงๆ

_______ สิ่งเดียวที่ร็อดเจอร์ทำได้ดีเอามากๆ คือการวางแท็คติคการเข้าทำ ในจังหวะเกมรับเขาไม่ให้สเตอริ่งลงมาไล่บอลเลยแต่ให้ไปยืนรอรับลูกยาวโต้ กลับซึ่งใช้ได้ผลหลายครั้งมากๆ ในเกมรุกดันเจอราร์ดขึ้นมาเกินครึ่งสนามช่วยออกบอลเกมรุกมากขึ้นกว่านัด ก่อนๆ ที่จะยืนต่ำกว่านี้ โอกาสยิง 30 กว่าครั้งในนัดนี้แทบทั้งหมดมาจากการเข้าทำแบบที่ว่า ซึ่งใช้งานได้ดีกับเวสต์แฮมที่คู่เซ็นเตอร์ช้าและไม่เน้นการต่อบอลแดนกลาง เท่าไหร่(เน้นวางข้ามไปข้างหน้าอย่างเดียว) เฉพาะส่วนนี้ร็อดเจอร์ทำการบ้านมาดีครับ

_______ จุดเปลี่ยนสำคัญของเกมในวันนี้มีอยู่ 3 จุดคือลูก 2-0, การเสียเจอราร์ด, ลูก 2-1 และลูก 3-1 ซึ่งทำให้เกมพลิกกลับไปกลับมา การเสียเจอราร์ดทำให้บอลแทงลึกของทีมมันหายไปหมดได้แต่เคาะสั้นเชื่อมเกม ซึ่งบอลไปข้างหน้าช้ากว่า แถมไม่มีคนออกไปพื้นที่ว่างได้ดีเท่าเจอราร์ดทำให้เกมรุกตันขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ในช่วงเวลาที่ไม่มีเจอราร์ด คูตินโย่เองก็ทำดีมากๆ แค่ลูกที่จ่ายให้จอห์นสันที่นำมาซึ่งประตูที่ 3 ส่วนลูก 2-1 ทำให้เวสต์แฮมที่ตายสนิทแหงแก๋ไปแล้วฟื้นกลับขึ้นมากดดันได้อย่างไม่น่า เชื่อถ้าดูจากรูปเกมตั้งแต่ได้ 2-0 เป็นต้นมา เรื่องเล่นไม่ระวังหลังขึ้นนำได้นี่เห็นค่อนข้างบ่อยและควรรีบแก้โดยเร็วที่ สุด

_______ สำหรับชัยชนะวันนี้, ชนะขาด และเป็นจุดที่ตัดสินเกมหนีไม่พ้น หลุยส์ ซัวเรส ในช่วงเวลาที่ยากลำบากทั้งลูกยิงปลดล็อค 1-0, 3-1 และปิดกล่อง 4-1 ก็ฝีมือเขาทั้งนั้น นอกจากนั้นตลอดเกมเขายังมีส่วนร่วมกับเกมรุกค่อนข้างมาก การวิ่งหาพื้นที่ว่างช่วยให้แดนกลางจ่ายบอลให้ง่ายแถมยังช่วยดึงแนวรับออกมา จนสเตอริ่งมีโอกาสวิ่งทำทางขึ้นไปได้ยิงหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งถ้าสเตอริ่งจบสกอร์ดีกว่านี้ ลิเวอร์พูลชนะครึ่งโหลไปแล้วครับ (จะชอบไม่ชอบก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าซัวเรสแบกทีมอยู่ )

_______ ...ฟอร์มซัวเรสกำลังพุ่งกระฉูด หยุดไม่อยู่จริงๆ ครับ...

 -------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดีเป็นส่วนใหญ่

มินโยเล่ - เซฟลูกสำคัญและยากมากๆ เอาไว้ได้ในครึ่งแรกทำให้ทีมไม่ต้องตามหลัง ขว้างบอลเร็วจังหวะโต้กลับได้ดีครึ่งนึงทีมเกือบได้ประตู แต่นอกนั้นก็ไม่มีอะไรให้ทำมาก การเปิดบอลยาวส่วนใหญ่ยังไม่ดีแต่บอลสั้นที่เล่นกับกองหลังทำได้ดีขึ้น เรื่อยๆ

ฟลานาแกน - เกมรับไม่ค่อยมีให้เล่น จังหวะที่มีก็เล่นได้ไม่ดีนัก อ่านเกมพลาดพอสมควร เกมรุกวันนี้ขึ้นเยอะที่สุดตั้งแต่เป็นตัวจริงมา ถ้าแค่เชื่อมเกมก็ถือว่าดีแต่ถ้าคิดจะเล่นจังหวะสุดท้าย...ไม่เล่นน่าจะดี กว่า...ไม่ว่าจะยิงหรือจ่าย

ซาโก้ - เล่นได้ดีมากจนงงว่าทำไมถึงต้องนั่งสำรองมา 3 นัดติด โดดเด่นกับการชิงโหม่งจังหวะคู่ต่อสู้โยนมาให้กองหน้าพักบอลที่ซาโก้ดักได้ แทบทุกลูก จังหวะเข้าสกัดหรือดักทางจ่ายบอลก็ทำได้ดีไม่ผิดพลาด การผ่านบอลสั้นตั้งเกมก็ไม่สยองขวัญแบบสเคอเทล

สเคอเทล - อ่านเกมและประกบพลาดนิดหน่อยแต่นิดหน่อยที่ว่านั่นเป็นจังหวะสำคัญทั้งนั้น สกัดบอลพลาดเข้าประตูตัวเองอีกต่างหาก แต่การผ่านบอลดีขึ้นกว่านัดก่อน ที่ทำได้ดีในนัดนี้คือการชิงจังหวะโหม่งก่อนกองหน้าพักบอลซึ่งทำได้ดีไม่แพ้ ซาโก้

จอห์นสัน - ขึ้นไปช่วยเชื่อมเกมได้ดี จังหวะสุดท้ายกดดันคู่ต่อสู้ได้แต่ก็ไม่ถึงกับดีนัก มาดีมากๆ ก็จังหวะที่โยนเข้าไปให้ซัวเรสโหม่งที่น้ำหนักทิศทางสุดยอด ส่วนเกมรับทำดีในการวิ่งขึ้นลง มีจังหวะที่วิ่งตามหลังคู่ต่อสู้น้อยมาก แต่ห่วยสุดขีดกับการปิดทางการโยนบอลเข้ากลางที่บล็อคหรือบีบให้คู่ต่อสู้เปิดพลาดแทบไม่ได้เลย ... จังหวะที่เสียประตูก็มีส่วนพลาดด้วย

อัลเลน - เชื่อมเกมได้ดีมาก เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้คูตินโย่กับเจอราร์ดแทบไม่ต้องลงมาล้วงบอลต่ำเลย ครองบอลได้ค่อนข้างดี มีพลาดบ้างโดนแซะไปได้พอสมควรแต่ไม่มากนัก(แต่มากกว่ากลางคนอื่น)

เจอราร์ด - ออกบอลได้ดีมาก ความแม่นยำก็เรื่องนึงวันนี้ไม่ค่อยพลาด แต่ที่เด่นมากๆ คือทางบอลที่มองได้ลึกและกว้าง ให้ไปในตำแหน่งที่เพื่อนได้เปรียบ ไม่ใช่จ่ายไปในจังหวะเพื่อนทำอะไรไม่ได้นอกจากเคาะคืนหลัง เปิดฟรีคิกได้ดีด้วย

เฮนเดอร์สัน - ยังวิ่งอยู่ ไล่มากที่สุดใน แดนกลางด้วยแต่ก็น้อยลงกว่านัดก่อนๆ แล้ว ... คงเหนื่อยบ้างอะไรบ้าง... เชื่อมเกมได้ดี ออกบอลได้เร็วขึ้น ขาดแต่การออกบอลจังหวะสุดยังทำไม่ได้เหมือนเดิม เช่นเดียวกับการจบสกอร์

สเตอริ่ง - วิ่งทำทางได้ดีและพาบอลไปเสียน้อย จะว่าไปทำได้ดีทุกอย่างยกเว้นจังหวะยิงประตูที่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ ถึงอย่างนั้นนี่เป็นวันที่สเตอริ่งเล่นดีที่สุดในฤดูกาลนี้

คูตินโย่ - ครึ่งแรกเล่นได้ดี การเคลื่อนที่, ผ่านบอลทำได้ต่อเนื่องและกดดันคู่ต่อสู้ได้ แต่ครึ่งหลังครองบอลนานเกินไป เน้นจะยิงเองจนทำให้ทีมเสียโอกาสหลายครั้ง มาแก้ตัวได้ในจังหวะลูก 3-1

ซัวเรส - ย้อนกลับไปอ่านด้านบน

ตัวสำรอง 

ลูคัส - ดักตัดบอลในเขตโทษได้ดี เชื่อมเกมใช้ได้แต่ไม่ดีเท่าอัลเลน เพื่อนโดนประกบบางทีก็จ่ายยัดไปให้

โมเสส - ถ้าไม่ขยับฟอร์มขึ้นมามากๆ น่าจะตามรอยซิสโซโก้ไปในไม่ช้า

เคลลี่ - ไม่ได้ทำอะไรมากนัก ไม่เห็นความต่างอะไรเทียบกับการใช้ฟลานาแกน

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...หลุยส์ ซัวเรส... ครับ! (ไม่ได้ตั้งใจก็อปนัดที่แล้ว แต่มันอดไม่ได้จริงๆ)

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันพุธที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ลิเวอร์พูล 5 - 1 นอริช ซิตี้ (พรีเมียร์ลีค)


...ถูกโฉลกสุดๆ...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

-------------------------ซัวเรส-------------------------
สเตอริ่ง----------------คูตินโย่-------------เฮนเดอร์สัน
---------------อัลเลน--------------เจอราร์ด------------
ฟลานาแกน-----แอกเกอร์-----สเคอเทล------จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับทีมโปรดของซัวเรสอย่างนอริช นัดนี้ร็อดเจอร์เปลี่ยนทีมจากนัดก่อนหลายตำแหน่ง แอกเกอร์ได้ลงแทนตูเร่ อัลเลนแทนลูคัส และคูตินโย่ได้เป็นตัวจริง
-------------------------------------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเริ่มเกมได้อย่างกระตือรือร้น เป็นฝ่ายวิ่งไล่เร็วตั้งแต่แดนหน้า พยายามเร่งจังหวะเกมให้เร็วจนพลาดในจังหวะขึ้นเกมเยอะพอสมควรและเล่นใน พื้นที่สุดท้ายไม่ค่อยได้แต่ก็ครองเกมได้ดีกว่า ส่วนนอริชพยายามจะคุมพื้นที่และไล่บอลเร็วในแดนตัวเอง สามารถตัดบอลกลางสนามมาเล่นเกมรุกเร็วได้ดีพอสมควร แต่ก็หาโอกาสจบไม่ได้

_______ ลิเวอร์พูลเริ่มทำเกมได้ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเกมริมเส้นขวาจากการเติมเกมของจอห์นสันแล้วมีเฮนเดอร์สันหุบเข้าตรง กลางสลับทำทางขึ้นหน้า แต่มาได้ประตูจริงๆ จากความผิดพลาดของนอริชบวกกับความยอดเยี่ยมของซัวเรส นาที 15 รัดดี้เตะเปิดเกมลึกมาในแดนลิเวอร์พูล เจอราร์ดขึ้นโหม่งสกัดไปข้างหน้า กองกลางนอริชจับบอลไม่อยู่เข้าทางซัวเรสเอาบอลลงแล้วสวมวิญญาณซึบาสะ ยิงไดรฟ์ชู๊ตระยะไกลข้ามตัวรัดดี้เข้าไปได้ 1-0

_______ หลังได้ประตูขึ้นนำ เกมของลิเวอร์พูลดีขึ้นต่อเนื่อง เริ่มตัดบอลกลับมาได้เร็วขึ้น แดนกลางมีเวลามากเพราะคู่ต่อสู้เข้าบอลค่อนข้างช้า แถมเกมริมเส้นยังขึ้นได้ทั้งสองฝั่ง(โดยเฉพาะฝั่งขวา)ทำให้เล่นง่าย ส่วนนอริชทำเกมได้น้อยลง เน้นการขึ้นบอลทางริมเส้นซ้ายโดยเรดมอนด์แต่จอห์นสันยังดักทางได้ดี เรดมอนด์สลัดไม่หลุดทำดีที่สุดคือแค่โยนบอลเข้ากลางซึ่งไม่ค่อยแม่นนัก

_______ นาที 29 ลิเวอร์พูลได้ประตูนำห่างจากจังหวะเตะมุม คูตินโย่เปิดเข้ามาเสาแรกแถวกรอบ 6 หลา บอลมาต่ำ เจอราร์ดที่ว่างอยู่ไม่มีคนประกบก้มลงแทบติดพื้นจะโหม่งหรือก้มหลบไม่แน่ใจแต่บอลข้ามหัวไปเข้าทางซัวเรสตรงกลางประตูซึ่งก็ไม่มีคนประกบข้างหน้าเช่นกันวอลเล่ย์เสยเพดานเข้าไปได้ 2-0

_______ ถึงตรงนี้นอริชพยายามเปิดเกมรุกมากขึ้นแต่นอกจากจะทำเกมรุกไม่ได้แล้วยัง เปิดพื้นที่ให้ลิเวอร์พูลเล่นง่ายหนักกว่าเดิม แถมเกมรับยิ่งเล่นยิ่งรวนหยุดตัวรุกลิเวอร์พูลไม่ค่อยได้ แค่นาที 35 ซัวเรสก็ทำแฮททริคได้สำเร็จจากจังหวะทำเกมโต้เร็ว บอลเรียดลึกมาจากแดนหลัง สเตอริ่งพักบอลให้ซัวเรสพาบอลไปเอง กระดกบอลข้ามหัวกองหลังแล้วยิงไกลหน้าเขตโทษพุ่งเสียบเสาสองไปได้ 3-0

_______ นอริชพยายามจะเร่งเกมรุกเต็มที่แต่ผลลัพธ์แย่หนักกว่าเดิม ท้ายครึ่งแรกเป็นเกมของลิเวอร์พูลหมดแต่ยังยิงเพิ่มไม่ได้จบครึ่งแรกที่ สกอร์ 3-0

_______ เข้าครึ่งหลัง เฮนเดอร์สันกับสเตอริ่งสลับฝั่งกัน ลิเวอร์พูลเล่นช้าลงบ้าง เกมค่อนข้างเปิดเพราะนอริชลงมาบุกเหมือนเดิมแล้วก็ห่วยเหมือนเดิม เข้าบอลช้าและประกบหลวม กลายเป็นลิเวอร์พูลค่อยๆ ครองบอลและคุมเกมได้มากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านไปแค่ราวๆ 10 นาทีก็คุมเกมได้เด็ดขาด แดนกลางและแดนหลังว่างจัดและไม่ถูกกดดันจนสามารถเติมขึ้นมาเล่นเกมรุกได้ สบาย มีช่องให้เลือกเล่นเต็มไปหมดทั้งตรงกลางและริมเส้น

_______ ลิเวอร์พูลเล่นเอามันไปเรื่อยๆ แทบไม่ได้สนใจเกมรับ ผ่าน 1 ชั่วโมงของเกมไปนอริชเริ่มหาทางไปเจอด้วยความอนุเคราะห์จากลิเวอร์พูลที่ เติมกันขึ้นไปเพลินจนเปิดพื้นที่ไว้ให้เยอะ เริ่มพาบอลไปใกล้เขตโทษได้เยอะขึ้นแต่หาประโยชน์เป็นชิ้นเป็นอันได้ไม่มาก นาที 69 อัลแบร์โต้ได้ลงแทนเฮนเดอร์สันโดยให้เล่นตรงกลาง ขยับคูตินโย่ไปซ้าย

_______ นาที 72 เจอราร์ดเติมขึ้นไปสูงแล้วเรียกฟาลว์ได้หน้าเขตโทษ ซัวเรสรับหน้าที่ยิงฟรีคิกข้ามกำแพงเข้าไปได้เป็น 4-0 และเป็นลูกที่สี่ของเขาด้วย หลังจากนั้นรูปเกมไม่เปลี่ยน เกมเปิดแลกกันโดยเป็นลิเวอร์พูลที่ดีกว่าชัดเจน พาบอลเข้าไปเขตโทษเกือบตลอด นาที 83 นอริชมาตีไข่แตกได้จากจังหวะขึ้นบอลทางฝั่งซ้าย เรดมอนด์เปิดเข้ากลางได้แม่น (ทั้งเกมแม่นอยู่ 2 ครั้ง) แบรดดี้ จอห์นสันขึ้นโหม่งเข้าไปได้ 4-1

_______ เวลาที่เหลืออยู่เกมยังไม่เปลี่ยน ลิเวอร์พูลยังหาโอกาสได้มากกว่าและมาทำประตูปิดกล่องได้อีกในนาที 88 ซัวเรสพาบอลเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนเปิดเข้ากลางมาเข้าทางสเตอริ่งที่ยืน รออยู่กลางประตูวอลเล่ย์เข้าไปได้เป็น 5-1 นาที 91 อัสปาสได้ลงมาแทนซัวเรส เข้าใจว่าเพื่อให้แฟนบอลในสนามได้ปรบมือให้เจ้าตัว แล้วก็จบเกมไปแบบน่าปรบมือให้ซัวเรสจริงๆ ที่ 5-1 โดยที่ซัวเรสยิง 4 จ่าย 1
-----------------------------------------

_______ เกมมันขาดเร็วเหลือเกินครับนัดนี้

_______ 11 ตัวจริงวันนี้ร็อดเจอร์ปรับทีมเยอะ ที่เห็นผลจริงๆ คงหนีไม่พ้นคูตินโย่ที่ฟิตสมบูรณ์เป็นตัวจริงได้ สร้างความแตกต่างในแดนกลางให้กับทีมเยอะมาก แต่รายอื่นๆ ไม่แน่ใจว่าดีกว่าทีมชุดเดิมหรือปล่าว อัลเลนลงแทนตำแหน่งลูคัสไม่เห็นความแตกต่างสักเท่าไหร่ แอกเกอร์แทนตูเร่เองก็เช่นกัน ที่สำคัญคือในฟอร์มนัดล่าสุดดันกลายเป็นสเคอเทลยังอยู่แต่ตูเร่หลุดซะ อย่างนั้น ถึงจะ 2 นัดใน 3 วันและตูเร่อายุมากแล้วแต่ตำแหน่งที่เล่นก็ไม่น่ามีปัญหา ยังไม่ต้องพูดถึงซาโก้ที่ยังต้องเป็นแค่ตัวสำรองนะ ประเด็นที่ต้องการจะบอกคือ ถ้าไม่นับคูตินโย่แล้ว คุณภาพผู้เล่นชุดนี้แทบไม่ได้ต่างจากนัดก่อนเลย

_______ วันนี้ลิเวอร์พูลเล่นได้ดีกว่านัดก่อนเยอะ ดูจากมุมของลิเวอร์พูลอย่างเดียว สิ่งที่เห็นชัดและช่วยให้ทีมเล่นง่ายในวันนี้คือความมุ่งมั่นของตัวผู้เล่น ที่วิ่งไล่เข้าใส่ได้ดีตลอดเกม โดยเฉพาะการไล่บอลจังหวะคู่ต่อสู้ตั้งเกมที่ทำได้ดีจนคู่ต่อสู้ขึ้นเกมลำบาก หลายครั้งก็ตัดบอลมาทำเกมเร็วได้ แต่สิ่งที่ตัดสินเกมคงหนีไม่พ้นฟอร์มของซัวเรสคนเดียวเพียวๆ การทำแฮททริคได้ตั้งแต่นาที 35 ทำให้เกมขาด และ 2 ใน 3 ลูกก็เป็นความสามารถเฉพาะตัวล้วนๆ ด้วย วันไหนที่ซัวเรสฟอร์มเข้าฝักแบบนี้ ถ้าคนอื่นไม่ได้พลาดง่ายๆ บ่อยๆ ยังไงลิเวอร์พูลก็ชนะอยู่แล้วครับ

_______ มองทางฝั่งนอริช วันนี้เล่นได้ไม่ค่อยดีนักตั้งแต่ต้นเกม เกมรุกเล่นแค่มิติเดียวคือยัดบอลไปให้เรดมอนด์ทางฝั่งซ้าย ซึ่งก็โดนจอห์นสันประกบติด ทำอะไรไม่ได้มาก พอเรดมอนด์เล่นไม่ถนัดเกมของนอริชก็น๊อคสลบไปเลย การเล่นเกมรับก็เข้าขั้นแย่มาก ไม่ได้ถอยไปรับต่ำ คุมพื้นที่สูงเหมือนจะไล่บอลเร็วแต่ก็เข้าบอลช้ามาก ยืนห่างแดนกลางลิเวอร์พูล จนกดดันอะไรไม่ได้เลย กลางลิเวอร์พูลทุกคนพลิกบอลเงยหน้ามองเพื่อนก่อนจ่ายได้ตลอด 5 ลูกที่โดนไปก็ไม่น้อย แต่ถ้าดูการเล่นของนอริชแล้วคงไม่มีใครแปลกใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น

_______ เกมในช่วงครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลเปิดพื้นที่ให้คู่ต่อสู้เยอะมากและไม่ค่อยพะวงเกมรับกันเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่เกมมันขาด รวมไปถึงเกมรุกที่ไม่ได้เรื่องของนอริชด้วย แบ็คที่ไม่ค่อยขึ้นอย่างฟลานาแกนขึ้นมาถึงสุดเส้น-หน้าเขตโทษบ่อย มาก เจอราร์ดกับอัลเลนที่ครึ่งแรกแทบไม่ได้ขึ้น เติมกันขึ้นมาทำชิ่ง-ยิงไกลหน้าเขตโทษนอริชอย่างสนุกสนาน สุดท้ายแม้จะส่งผลให้เสียประตูไปแต่ก็ทำให้เกมรุกดุดันและเกมนี้สนุกมากขึ้น เยอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดีกว่าการนำ 3-0 แล้วเล่นพินบอลปิดเกมในแดนตัวเอง

_______ นัดหน้าเจอเวสต์แฮม ได้เล่นในบ้านอีกแล้ว ตัวจริงคงต้องเปลี่ยนอีกพอสมควรเพราะเตะค่อนข้างถี่ แต่ใครจะลงใครจะนั่งก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง คนที่ได้ลงและต้องลงแน่ๆ คือซัวเรส เพราะสเตอริดจ์ยังเจ็บอยู่ อัสปาสห่างเกมไปนาน อาจจะฟังดูพึ่งพาฮีโร่และปล่อยให้ผู้เล่นคนเดียวแบกทีมไว้ แต่ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ...

_______ ...ถ้าซัวเรสเล่นได้ ทุกอย่างจบเลย...

 -------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดี บางคนดีมาก

มินโยเล่ - เป็นผู้รักษาประตูแนวเฝ้าเส้นชัดเจน ไม่ค่อยยอมออกมาเล่นไกลเส้นนักทั้งที่บางจังหวะน่าจะออก แต่นอกนั้นก็ทำได้ดี การยืนตำแหน่งและเซฟยังยอดเยี่ยม ลูกที่เสียไปทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว การเล่นบอลด้วยเท้าแม้จะโดนกดดันบ้างก็ไม่ลนลาน

ฟลานาแกน - เกมรับไม่ค่อยมีงานมากนักเพราะคู่ต่อสู้ไปเน้นขึ้นทางฝั่งจอห์นสันอยู่ตลอด ทางบอลใช้ได้และเข้าสกัดเด็ดขาดดี จะมีก็แค่จังหวะประกบที่ทำได้ไม่ค่อยดีนัก ที่ทำได้ดีขึ้นมากคือการเชื่อมเกมและเกมรุก ถึงแม้ว่าจังหวะสุดท้ายจะยังหาสาระอะไรไม่ได้ก็ตาม

แอกเกอร์ - โดยรวมแล้วไม่ได้ถูกกดดันมากนัก ประกบตัวไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่ก็ไม่ถึงกับน่าเกลียด ที่ทำได้ดีคือการสไลด์ตัดบอลและซ้อนแบ็ค รวมไปถึงการผ่านบอลขึ้นหน้า

สเคอเทล - ไม่ต่างกับแอกเกอร์เท่าไหร่ แต่ที่สยองขวัญสั่นประสาทสุดๆ คือการผ่านบอลให้เพื่อน เกือบหางานให้มินโยเล่อยู่ 2-3 ครั้ง และแจกใบเหลืองให้อัลเลนไป 1 ครั้ง

จอห์นสัน - เกมรับทำได้ดีในเรื่องการประกบตัวหลักของนอริชอย่างเรดมอนด์ คู่ต่อสู้กระชากผ่านหรือวิ่งตัดหลังเขาไปไม่ได้เลย แต่ที่แย่เอามากๆ คือการปิดบอลเปิดเข้ากลางที่จอห์นสันบล็อคแทบไม่ได้เลย ทั้งเกมบล็อคได้แค่ 2-3 ครั้ง ลูกที่เสียประตูไปนั่นก็ใช่ ถ้าเจอปีกเปิดบอลเข้ากลางดีๆ ลิเวอร์พูลมีพรุนแน่ ส่วนการเชื่อเกมกลับมาทำได้ดีตามมาตรฐาน เกมรุกยังดูไม่จืดในจังหวะสุดท้าย แต่อย่างน้อยยังมีทิศทางและกดดันแนวรับได้ ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตายิงๆ เปิดๆ ไปไหนไม่รู้แบบฟลานาแกน

อัลเลน - การเข้าสกัดแย่งบอลมีไม่มากนักแต่การอ่านเกมทำได้ดีมาก คู่ต่อสู้จับยาวหรือแตะบอลไม่ระวังเมื่อไหร่แย่งได้ทันที ที่ไม่ดีคือโดนเลี้ยงจี้เมื่อไหร่บรรลัย เมื่อนั้น ถอยหลังบังทางจ่ายได้อย่างเดียวแย่งบอลไม่ได้ รวมไปถึงโดนกระชากหนีไปได้ก็ไม่น้อย ส่วนการเชื่อมเกมถือว่าทำได้ดีกว่าลูคัสเยอะ ครองบอลได้ดีกว่าและจ่ายไปในตำแหน่งที่เพื่อนเล่นต่อได้ง่าย

เจอราร์ด - ครึ่งแรกยืน เชื่อมเกมคุมจังหวะขึ้นเกมรุกให้กับทีม คอยจ่ายออกทางพื้นที่ว่างซึ่งทำได้ดีมาก พลาดน้อยและบอลไปถึงที่ว่างจริงๆ เพื่อนเอาไปกดดันคู่ต่อสู้ได้เลย ครึ่งหลังเริ่มลอยขึ้นไปเล่นเกมรุกบ่อยขึ้น ทำได้ดีด้วยกับการจ่ายบอลเข้าทำและหาจังหวะยิงเอง ...แม้ว่าความเร็วในการเข้าถึงบอลจะช้าลงไปบ้างก็ตาม

เฮนเดอร์สัน - ครึ่งแรกประสาน งานกับจอห์นสันได้ดี เกมริมเส้นฝั่งขวาของทีมไหลลื่น วิ่งไล่บอลได้ดีโดยเฉพาะจังหวะที่แนวรับคู่ต่อสู้สกัดได้แล้วจะตั้งเกมรุก เฮนเดอร์สันเร่งเข้าไปได้ดีหลายครั้ง และวันนี้วิ่งทำทางได้ดีมาก แต่หลายครั้งบอลไปไม่ถึงอย่างน่าเสียดาย การผ่านบอลในวันที่ไม่ต้องรับภาระการจ่ายบอลเข้าทำมากนัก เฮนเดอร์สันเล่นได้เป็นประโยชน์กับทีมมากกว่าวันที่เขาต้องเป็นตัวหลักในการ เล่นเกมรุก

สเตอริ่ง - จับบอลได้ดี ตะบี้ตะบันพาบอลไปเองน้อยลง ใช้ความเร็วแบบเป็นที่เป็นทางมากขึ้นซึ่งทั้งหมดนี้สร้างประโยชน์ให้กับทีม ได้มากกว่าวันที่เขานึกว่าตัวเองเป็นกาเร็ธ เบลแบบที่ผ่านมา จังหวะสุดท้ายไม่เฉียบขาด ไม่ได้กระชากแนวรับหลุดเป็นวิ่นๆ หรือจ่ายบอลฆ่าแนวรับตายเป็นเบือแบบโอซิล แต่ทำให้บอลไปข้างหน้าได้ดี ถ่างแนวรับคู่ต่อสู้ได้ วันนี้ยิงได้ 1 ลูกด้วย

คูตินโย่ - มีเวลาและพื้นที่ให้เล่นเพียบ คู่ต่อสู้ประกบห่างและเข้าบอลช้า ที่เหลือนึกภาพต่อเอาเองได้เลย

ซัวเรส - ไม่ค่อยค้ำอยู่ข้างหน้า วิ่งลงมาต่ำบ้าง ถ่างออกไปริมเส้นบ้าง แต่วันนี้เล่นได้ยอดเยี่ยม พลาดน้อยมาก ประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมตลอดไม่หวงบอลเลย พาบอลไปเองได้ดี จบสกอร์ได้เด็ดขาด ยิง 4 จ่าย 1 เป็นบทสรุปฟอร์มการเล่นในวันนี้ที่สมเหตุสมผลมาก

ตัวสำรอง 

อัลแบร์โต้ - เทียบกับเฮนเดอร์สันแล้วต่างกันนิดหน่อยตรงออกบอลจังหวะเข้าทำ, ครองบอลได้ดีกว่าเล็กน้อย และไล่บอลได้ไม่ดีเท่า

อัสปาส - ลงมาให้แฟนบอลปรบมือให้ซัวเรส...เศร้าแทน

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...หลุยส์ ซัวเรส... ครับ!
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ฮัลล์ ซิตี้ 3 - 1 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


...หงส์ปีกหัก...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-2-1

-------------------------ซัวเรส-------------------------
โมเสส----------------เฮนเดอร์สัน--------------สเตอริ่ง
---------------ลูคัส----------------เจอราร์ด------------
ฟลานาแกน------สเคอเทล-------ตูเร่----------จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเล่นเกมเยือนต่อไปอีกหนึ่งนัด คราวนี้ออกไปเยือนฮัลล์ มีตัวผู้เล่นเจ็บและไม่ฟิตพอสมควรจนร็อดเจอร์ต้องปรับทีมหลายตำแหน่ง หน้าตาก็ออกมาเป็นอย่างที่เห็น โดยกลาง 3 คนเป็นเฮนเดอร์สันที่ยืนสูงกว่าคนอื่น
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาก็เป็นลิเวอร์พูลที่ได้ลุ้นประตูก่อนแต่ตัวชาร์จเข้าไปถึงบอล ก่อนที่จะเป็นฮัลล์ที่วิ่งไล่บีบเร็วตั้งแต่แดนหน้า ตัดบอลกลางสนามมาใช้เข้าทำเร็วกดดันได้ดี ส่วนลิเวอร์พูลตั้งเกมได้ลำบากมาก เกมรุกที่ทำได้ส่วนใหญ่อาศัยเจอราร์ดคอยออกบอลยาวไปที่ว่างข้างหน้าซึ่งก็มี ไม่มากนัก แต่ทั้งสองฝ่ายก็ยังพาบอลเข้าไปถึงเขตโทษได้น้อยทั้งคู่

_______ ฮัลล์ไล่บอลได้ผล ทำได้เร็วและช่วยกันทั้งทีม สุดท้ายก็ทำประตูขึ้นนำได้สำเร็จ นาที 20 จากจังหวะที่ลิเวอร์พูลสกัดบอลได้จะโต้กลับ โมเสสเล่นยากแล้วโดนตัดบอลในแดนตัวเอง แล้วเป็นลิเวอร์มอร์ที่ได้บอลแล้วยิงไกลหน้าเขตโทษ บอลไปแฉลบสเคอเทลที่พยายามเข้ามาบล็อคแล้วบอลกระดอนข้ามมินโยเล่เข้าไป 1-0

_______ หลังเสียประตู รูปเกมยังไม่เปลี่ยน ลิเวอร์พูลยังบุกได้ลำบาก แต่ก็ยังอุตส่าห์ทำประตูได้จากลูกฟรีคิก นาที 27 เฮนเดอร์สันเข้าถึงบอลก่อนแล้วได้ฟาลว์ เจอราร์ดรับหน้าที่ยิงฟรีคิกเสียบหน้าต่างเสาสองเข้าไปได้ 1-1 แต่แม้สกอร์จะกลับมาเสมอแต่รูปเกมโดยรวมยังเป็นฮัลล์ที่กดดันได้ดีกว่า เน้นการตัดบอลและเข้าทำเร็ว โดยเฉพาะการพักบอลและวิ่งหาที่ว่างของซันโบที่กดดันแนวรับได้เป็นระยะ

_______ เกมริมเส้นของลิเวอร์พูลดับสนิททั้งสองฝั่ง โมเสสกับสเตอริ่งทำอะไรแทบไม่ได้เลย ในขณะที่การสนับสนุนจากแบ็คก็มีไม่มากนัก ทำให้เกมกระจุกอยู่ตรงกลาง ซัวเรสต้องคอยขยับลงมาช่วยเชื่อมเกมกับแดนกลางซึ่งก็ทำให้ข้างหน้าไม่มีคน ค้ำ,ทำทางอีก จนกระทั่ง 5 นาทีท้ายที่ลิเวอร์พูลเริ่มหันมาวางยาวไปทางพื้นที่ว่างแถวมุมธงจนทำให้เกม รุกดูดีขึ้นแต่ก็ยังไม่ทันได้อะไรมากนักก็หมดเวลาครึ่งแรกไปก่อนที่สกอร์ 1-1

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลกลับลงมาดันแผงหลังสูงขึ้นเล็กน้อย ดันเจอราร์ดขึ้นไปเล่นข้างหนามากขึ้น รวมไปถึงเน้นการไล่บอลเร็วในแดนหน้า ช่วงต้นเกมลิเวอร์พูลดูดีขึ้นกว่าครึ่งแรกพอสมควรแต่ก็ไปไม่ค่อยถึงเขตโทษ เหมือนเดิม ทางฝั่งฮัลล์ยังไม่เปลี่ยนวิธีการเล่น แม้จะตัดบอลแดนกลางได้ช้าลงแต่สามารถปิดเกมไม่ให้บอลของลิเวอร์พูลเข้าใกล้เขตโทษได้มากนัก

_______ ลิเวอร์พูลยิ่งเล่นยิ่งตัน เกมรุกหาช่องเจาะเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้ มีจังหวะฉาบฉวยและการเปิดบอลเข้ากลางให้ลุ้นบ้างแต่ก็กดดันไม่ได้มากนัก ส่วนฮัลล์ยิ่งเล่นยิ่งดีขึ้น ตัดบอลได้เร็วขึ้นจนเกมกลับมาคล้ายครึ่งแรก ครองบอลน้อยกว่าแต่พาบอลไปใกล้เขตโทษได้มากกว่า

_______ นาที 66 คูตินโย่ได้ลงแทนสเตอริ่งโดยยืนทางซ้ายตามตำแหน่ง ลิเวอร์พูลเร่งเกมรุกอีกครั้งและเกมดีขึ้นแบบทันตาเห็น เริ่มพาบอลไปใกล้เขตโทษได้มากขึ้นและเริ่มมีโอกาสจ่ายบอลเข้าทำมากขึ้นด้วย จนกระทั่งเกือบจะทำประตูได้เมื่อโมเสสวิ่งเข้าไปชาร์จระยะใกล้แต่ติดเซฟผู้ รักษาประตู อย่างไรก็ตาม จังหวะต่อมา (นาที 72) ฮัลล์วางบอลโด่งเข้าเขตโทษ กองหลังเบียดกับซันโบแล้วสกัดบอลไม่ขาด 2-3 จังหวะ สุดท้ายกลายเป็นเมเยอร์ที่เก็บบอลได้ในเขตโทษยิงหักข้อเข้าไปสำเร็จ 2-1

_______ พอเสียประตูอีกครั้ง นาที 74 ร็อดเจอร์ส่งอัลแบร์โต้ลงมาแทนโมเสสทันที เร่งเกมรุกและเปิดหน้าแลกเต็มตัว ส่วนฮัลล์หันมาเน้นครองบอลและตั้งรับแน่นในแดนตัวเองทันที ลิเวอร์พูลแม้จะต้องการประตูแต่ยิ่งเล่นยิ่งพลาด หาช่องเจาะอีกแทบไม่ได้ กว่าจะได้ยิงแต่ละลูกลำบากยากเย็น ไม่มุมแคบก็โดนเร่ง ยิ่งเวลาน้อยลงก็เริ่มสะเปะสะปะ กลายเป็นฝั่งฮัลล์ที่โต้ขึ้นมาได้ลุ้นอยู่ตลอด และมาทำได้ในที่สุดในนาที 87 จากลูกเคลียร์ที่ทิ้งแต่ซันโบวิ่งเข้าไปเก็บบอลได้ ก่อนจะพาเข้าเขตโทษรอจนกระทั่งฮัลเดิลสตันเติมขึ้นมาจึงผ่านให้ยิง สเคอเทลพยายามจะโหม่งสกัดแต่กลายเป็นโหม่งเปลี่ยนทางเข้าประตูไป 3-1 และจบเกมด้วยสกอร์ดังกล่าว
-----------------------------------------

_______ นี่มันอัลไลยยย~

_______ ว่ากันเป็นเรื่องๆ 11 ตัวจริงวันนี้ด้วยข้อจำกัดเรื่องความฟิตและอาการบาดเจ็บ ตัวจริงที่ออกมาก็พอเข้าใจได้ การเลือกใช้โมเสสกับสเตอริ่งเป็นตัวจริงก็ดูจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องถ้า ดูจากวิธีการเล่นของทั้งคู่ที่น่าจะเหมาะกับการยืนริมเส้นมากกว่าใช้อัลแบร์ โต้,อัลเลนหรือเฮนเดอร์สัน แต่...

_______ ทางฝั่งฮัลล์ลงมาเล่นด้วยวิธีการที่ไม่เหนือความคาดหมายคือวิ่งไล่บอลเร็ว แต่ที่ทึ่งเล็กๆ คือเลือกไล่ตั้งแต่แดนหน้า นอกจากจะช่วยกันไล่ทุกคนแล้ว ยังไล่ได้ดีตลอดเกมด้วย ทั้งยังมีทีเด็ดจากหน้าเป้าอย่างซันโบที่พักและเอาบอลลงได้ดี รวมไปถึงสปีดเข้าหาบอลได้ไม่ขี้เหร่ แม้จังหวะตัวต่อตัวเขาจะเอาชนะคู่เซนเตอร์ไม่ได้ แต่เกมการเข้าทำของฮัลล์เริ่มที่เขาตลอดและทำได้ดีด้วย นอกจากนั้นฮัลล์ยังมีโชคนิดๆ กับ 2 ประตูที่แฉลบสเคอเทลด้วย ถึงอย่างนั้นแทคติคการเล่นกับฟอร์มของซันโบเป็นสาเหตุหลักเลยที่ทำให้รูปเกม และผลลัพธ์ออกมาอย่างที่เห็น

_______ มองกลับมาทางฝั่งลิเวอร์พูล วันนี้พวกเขารับมือกับการวิ่งไล่ได้ไม่ดีเอามากๆ ไม่ใช่เฉพาะตรงกลาง แต่เป็นกันทั้งทีม มันไม่ใช่ปัญหาเรื่องจังหวะเข้าทำที่ไม่เด็ดขาด แต่พวกเขามีปัญหาตั้งแต่พาบอลขึ้นไปในแดนคู่ต่อสู้แล้ว อย่างไรก็ตาม สิ่งที่(ผมมองว่า)เป็นปัญหาสำคัญที่สุดของลิเวอร์พูลในวันนี้คือเกมริมเส้น ซึ่งเล่นไม่ได้เลย ปีก 2 คน แบ็ค 2 คนดับสนิทแบบสร้างประโยชน์อะไรเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้ หนักกว่านั้นคือสร้างปัญหาให้กับทีมอีกต่างหาก ครึ่งแรกโมเสสทำบอลเสียบ่อยมาก และสเตอริ่งวิ่งพาบอลขึ้นไปข้างหน้าคืนให้คู่ต่อสู้อยู่เป็นระยะ ฟลานาแกนเล่นเกมรุกไม่ได้่อยู่แล้ว ส่วนจอห์นสันที่เคยเล่นเกมรุกได้ วันนี้ก็ไปไม่เป็น ไม่ว่าจะพาบอลไปเองหรือผ่านบอล พอถ่างแนวรับไม่ได้ คู่ต่อสุ้ก็แพ็คตรงกลางแน่นได้สบาย  บอลที่จ่ายขึ้นหน้าตรงกลางเหมือนเตะอัดกำแพง และเป็นอย่างนี้อยู่แทบทั้งเกม...แพ้สิครับ

_______ เกมนี้อาจจะพลิกไปอีกทางได้เมื่อคูตินโย่ถูกส่งลงสนาม ทั้งจากการเล่นของคูตินโย่เองที่เก็บบอลและจ่ายบอลได้ดีกว่าสเตอริ่ง และการดันสูงเต็มตัวของแบ็คทั้งสองข้าง ช่วงก่อนที่ฮัลล์จะได้ลูกที่สอง โมเสสมีโอกาสก่อนซึ่งถ้าเขาทำได้แล้วลิเวอร์พูลขึ้นนำ เกมอาจไม่จบแบบนี้...แต่สุดท้ายก็พลาดไปเรียบร้อยครับ

_______ การแก้เกมช่วงพักครึ่งและการเปลี่ยนตัววันนี้ผมว่าโอเคแล้วถ้าดูจากตัวสำรอง ที่มีอยู่ การใช้เจอราร์ดเล่นสูงมากขึ้นและบอลจากแดนหลังที่ผ่านขึ้นหน้าในแนวลึุกมาก ขึ้นในช่วงต้นครึ่งหลังทำให้เกมดีขึ้นพอสมควร ส่วนคนเข้าคนออกและจังหวะการเปลี่ยนตัว ถ้าคูตินโย่ฟิตคงตัวจริงไปแล้ว ดังนั้นได้เล่นแค่ครึ่งชั่วโมงก็ไม่น่าแปลกใจ ส่วนอัลแบร์โต้แม้จะไม่ได้ลงมาทำให้เกมดีขึ้น แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ลองดูเพราะโมเสสก็ไม่ได้เล่นได้เล่นออกอยู่แล้ว

_______ ...เปิดตลาดหน้าหนาว ขอริมเส้นสักตัวก่อนได้มั้ย?...
 -------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ตามอัตภาพ

มินโยเล่ - 3 ลูกที่เสียไปไม่ใช่ความผิดเจ้าตัวเลย โดยเฉพาะบอลแฉลบ 2 ครั้งก็คงช่วยอะไรไม่ได้มากนัก (ดักถูกทางทั้งสองครั้งด้วย) การยืนตำแหน่งและการเซฟยังทำได้ไม่มีปัญหา แต่การออกบอลเร็วในจังหวะจะโต้กลับ...ให้เพื่อนออกบอลให้อาจจะดีกว่า

ฟลานาแกน - เกมรับพอใช้ได้ ไม่หลุด ไม่โดนเผา ปิดบอลเปิดเข้าพอใช้ได้ คู่ต่อสู้เปิดได้ก็จริงแต่ก็ไม่ได้ง่ายนัก เข้าสกัดน้อยไปหน่อย เอาตัวรอดจากการโดนไล่พอใช้ได้คือไม่ค่อยจะเสียบอล แต่การผ่านบอลหนีตัวไล่และการเชื่อมเกมจากหลังไปหน้านี่ทำได้ไม่ดีเลย

ตูเร่ - โดยรวมเล่นได้ดี โดยเฉพาะการวิ่งเบียดตัวต่อตัวกับซันโบที่เอาอยู่ทุกครั้ง รวมไปถึงการผ่านบอลขึ้นหน้าที่วันนี้ดูดีที่สุดในแผงหลัง แต่มีปัญหากับการเบียดโหม่งที่ตัดบอลไม่ค่อยได้ และการสกัดบอลคลุกคลิกในเขตโทษไม่ขาดจนเสียประตู

สเคอเทล - เล่นพอใช้ได้แต่ฟอร์มเริ่มถอยลงจากช่วงแรกๆ ที่กลับมาเป็นตัวจริง ตัดเกมการพักและเอาบอลลงของคู่ต่อสู้ได้น้อย จังหวะบล็อคที่ทำให้เสีย 2 ประตู จะว่าพลาดก็พลาดที่เข้าช้า แต่เข้าไปบล็อคถึงบอลได้จะบอกว่าแย่ก็คงใช่ที่ อันนี้แล้วแต่ใครจะมองก็แล้วกัน

จอห์นสัน - คู่ต่อสู้เน้นโยนเข้ากลางให้ซันโบเล่น สลับกับบุกทางฟลานาแกนมากกว่า ทำให้เกมรับไม่มีอะไรพลาดให้เห็นสักเท่าไหร่ แต่เกมรุกโดยเฉพาะการเชื่อมเกมที่เคยทำได้ดี วันนี้ทำไม่ได้เลย

ลูคัส - ทำได้ดีมากกับการถอยลงไปลึกในเขตโทษจังหวะที่คู่ต่อสู้ผ่านบอลเข้ามาที่เจ้า ตัวตัดได้หลายลูก แต่การหยุดเกมแดนกลางวันนี้ทำได้ไม่มากนัก และการเคลื่อนที่หาตำแหน่งรับบอลเชื่อมเกมเคยทำได้ดีกว่านี้

เจอราร์ด - ครึ่งแรกเป็นคนเดียวที่หาจังหวะสร้างเกมรุกให้กับทีมได้ มีออกบอลพลาดบ้างประปราย เกมรับก็ต้องช่วยวิ่งไล่เยอะ ครึ่งหลังก่อนคูตินโย่ลงมา ช่วยทำให้เกมแดนกลางเคลื่อนบอลเข้าไปในแดนคู่ต่อสู้ดีขึ้นกว่าครึ่งแรก แต่หลังจากคูตินโย่ลงมาแล้วหายไปจากเกมเลย วันนี้ยิงฟรีคิกเป็นประตูได้

เฮนเดอร์สัน - ครึ่งแรกพลิกบอลไม่ได้ เก็บบอลไม่อยู่ การออกบอลไม่ว่าจะเชื่อมเกมหรือทำเกมรุกดูไม่จืดทั้งนั้น ส่วนครึ่งหลังก็ช่วยอะไรทีมไม่ได้มากนัก วิ่งไล่ตามสปีดของบอลเร็วคู่ต่อสู้ไม่ทัน แต่อย่างน้อยที่สุด เจ้าตัวเป็นคนพุ่งเข้าไปตามบอลจนเรียกฟาลว์ได้จนเจอราร์ดยิงฟรีคิกตีเสมอ 1-1

โมเสส - ครึ่งแรกเล่นพลาดรัวๆ จนน่าตกใจ โดดเด่นมากในจังหวะที่งัดบอลข้ามหัวคู่ต่อสู้จนโดนตัดได้ไปโดนยิงลูก แรก ครึ่งหลังอาการก็ยังไม่ค่อยกระเตื้องเท่าไหร่จนโดนเปลี่ยนตัวออกในที่สุด จังหวะที่ดีที่สุดของเจ้าตัวคือการวิ่งเ้ข้าไปชาร์จติดเซฟในจังหวะก่อนเสีย ประตูที่ 2

สเตอริ่ง - พาบอลไปเสียบ่อยมาก แตะบอลไปเข้าทางคู่ต่อสู้ก็บ่อย มีช่วงปลายครึ่งแรกเท่านั้นที่ขยับมาเป็นตัวรับบอลและจ่ายต่อที่ทำได้ดี เข้าครึ่งหลังเล่นเหมือนจอยเสีย ปุ่มวิ่งเร็วค้างและปุ่มจ่ายกดไม่ติด

ซัวเรส - ต้นครึ่งแรกโดนตัดออกจากเกมสนิท กลางครึ่งแรกและต้นครึ่งหลังลงมาเล่นต่ำเชื่อมเกมมากขึ้นและกลายเป็นคนขับ เคลื่อนบอลไปข้างหน้าให้กับทีมแทนเหล่ากองกลางมันซะอย่างนั้น ซึ่งทำได้ดีด้วย หลังจากทีมโดนประตูที่ 2 ขึ้นไปค้ำข้างหน้ามากขึ้นและค่อยๆ หายไปจากเกม

ตัวสำรอง 

คูตินโย่ - โดนแย่งบอลและดักตัดบอลที่จ่ายออกไปเป็นระยะ แต่ยังเป็นคนที่ครองและพาบอลไปกับตัวที่ดีที่สุดของทีมในวันนี้ ลงมาแล้วเปลี่ยนเกมได้

อัลแบร์โต้ - ลงมาในจังหวะที่เกมไม่เป็นใจให้ได้ทำอะไรมากนัก จับบอลได้ จ่ายบอลโอเค แต่ช่องให้เล่นมันไม่เหลือแล้ว
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เอฟเวอร์ตัน 3 - 3 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


...ศึกวันทรงชัย...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-2-1

-------------------------ซัวเรส-------------------------
คูตินโย่-------------------------------------เฮนเดอร์สัน
------------ลูคัส-------เจอราร์ด-------อัลเลน----------
ฟลานาแกน---แอกเกอร์-------สเคอเทล------จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเดินไปเยือนเอฟเวอร์ตันที่กูดิสันพาร์คหลังพักยาวมาจากเกมทีมชาติ นัดนี้สเตอริดจ์ยังไม่ฟิตและเอนริเก้ผ่าเข่าพักยาว 2 เดือน ร็อดเจอร์ตัดสินใจใช้ฟลานาแกนลงตัวจริงในตำแหน่งแบ็คซ้าย หันมาใช้หน้าเดี่ยวคือซัวเรส แล้วใส่อัลเลนเพิ่มเข้ามาในแดนกลาง
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาก็วิ่งไล่อัดกันแบบไม่รอดูเชิงมวย เกมเร็วแต่ไม่ปะติดปะต่อด้วยกันทั้งคู่ แล้วก็เป็นลิเวอร์พูลที่ทำได้ก่อนอย่างรวดเร็วในนาที 5 จากลูกเตะมุม เจอราร์ดเปิดเข้ามาหน้าเขต 6 หลา บอลโดนซัวเรสแล้วตกมาเข้าทางคูตินโย่ดีดบอลข้ามเส้นเข้าไปได้ 1-0

_______ ทางเอฟเวอร์ตันเองก็ใช้เวลาไม่นานนัก เพียงนาที 8 จากลูกฟรีคิก เปิดบอลลึกเข้าไปในเขตโทษ บาคลี่ย์ขึ้นโหม่งกับแนวรับแล้วบอลไปเข้าทางมิราลาสที่เติมขึ้นมาทางมุมเสา ชาร์จเข้าไปได้เป็น 1-1

_______ ช่วงต้นเกมนี้เป็นเอฟเวอร์ตันที่ทำได้ดีกว่า เมื่อสามารถเก็บบอลจังหวะ 2 ได้ ตัดบอลคืนได้เร็วกว่า ครองบอลและบุกใส่ได้ค่อนข้างดีโดยเฉพาะบอลเปิดจากริมเส้นและการพักบอลเล่น ของลูกากู ส่วนลิเวอร์พูลช่วงต้นเกมเน้นคุมโซนหน้าเขตโทษเยอะ ไล่บอลแดนกลางน้อยและเก็บบอลไม่ได้มากนัก

_______ อย่างไรก็ตาม แม้ในเกมเปิดจะไม่ค่อยมีโอกาสแต่ลิเวอร์พูลมาขึ้นนำได้อีกครั้งจากลูกตั้ง เตะ นาที 19 ซัวเรสรับหน้าที่ยิงฟรีคิกระยะไกล บอลมุดเข้าช่องว่างระหว่างกำแพงที่แคบนิดเดียวแถมเลี้ยวเบียดเสาเข้าไปได้ อย่างสุดยอด ขยับหนีเป็น 2-1 ได้สำเร็จ

_______ หลังจากขึ้นนำได้อีกครั้ง เกมของลิเวอร์พูลดูดีขึ้น แม้การตั้งเกมรุกและการครองบอลยังไม่ค่อยกระเตื้องสักเท่าไหร่ แต่เกมรับแน่นขึ้น โดยเฉพาะแดนกลางสามารถดักตัดบอลได้ก่อนที่จะโดนเอฟเวอร์ตันเปิดบอลเข้าทำ ถ้าเล่นหลายจังหวะเอฟเวอร์ตันจะโดนตัดก่อนได้ลุ้นเปิดหรือยิง ถ้าทำเร็วก็ไม่แม่นยำพอ ทำให้ลิเวอร์พูลที่ไม่ได้บุกเยอะดูเป็นคุมเกมได้ดีกว่า ก่อนจะจบครึ่งแรกไปที่สกอร์ 2-1

_______ เข้าครึ่งหลัง เอฟเวอร์ตันเปิดเกมรุกมากขึ้น ส่วนลิเวอร์พูลไม่ได้เน้นเกมรับเท่าไหร่ ยังคงเล่นไม่ตามจังหวะ ถ้ามีช่องวางยาวก็โยนให้ซัวเรสทัีนที ถ้าไม่มีก็พยายามเคาะตั้งบอลบุก ไม่ได้ถอยไปรับลึก ช่วงต้นครึ่งหลังเป็นเอฟเวอร์ตันที่ทำได้ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปลี่ยนดิโลโฟลลงมาแทนเบนห์ในนาที 50 การพาบอลขึ้นมาเองสามารถฝ่าแดนกลางของลิเวอร์พูลได้น่ากลัวมากขึ้น ทำให้ช่วงนี้เกมเปิด ทั้งสองฝ่ายหาโอกาสได้พอๆ กัน แต่ยังทำอะไรกันไม่ได้

_______ ผ่าน 1 ชั่วโมงของเกมไป เอฟเวอร์ตันเริ่มทำได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ บอลริมเส้นได้เปิดต่อเนื่อง แม้ลิเวอร์พูลจะยังหาโอกาสได้เป็นระยะ แต่ถ้าพูดถึงรูปเกมเริ่มเป็นรองแล้ว นาที 68 ร็อดเจอร์ปรับเกมเอาโมเสสลงมาแทนอัลเลน หุบเอาเฮนเดอร์สันมาเล่นข้างในแล้วใช้โมเสสที่ริมเส้นขวา ซึ่งปรับแล้วยังดูไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่

_______ นาที 72 เอฟเวอร์ตันตามตีเสมอได้สำเร็จจากจังหวะต่อเนื่องจากลูกฟรีคิกที่แนวรับลิ เวอร์พูลสกัดกันไม่ขาดประกอบกับบอลเป็นใจให้เอฟเวอร์ตันนิดๆ จังหวะสุดท้ายเป็นลูกากูที่ได้แถวหน้าจุดโทษเข้าไปได้ 2-2 หลังจากนั้นรูปเกมยังไม่เปลี่ยน นาที 79 ร็อดเจอร์ตัดสินใจเสี่ยงส่งสเตอริดจ์ลงมาแทนลูคัสซึ่งโดนเหลืองไปแล้ว รวมไปถึงเน้นเล่นเกมบุกมากขึ้น ทำให้เกมเปิดแลกแบบตายกันไปข้างไม่ยอมจบ 2-2 ทั้งคู่

_______ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่การเร่งเกมบุกจะได้ผล กลายเป็นเอฟเวอร์ตันที่แซงนำได้ก่อนจากลูกตั้งเตะ นาที 82 ลูกเตะมุมที่เปิดเข้ามากลางประตู ลูกากูสลัดหลุดจอห์นสันและขึ้นได้ดีกว่าฟลานาแกนโหม่งเข้าไปได้ 3-2 ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลดันเกมรุกเต็มที่ ซึ่งเกมรุกกดดันได้มากขึ้นแต่คุมเกมกับคุมบอลไว้ไม่ค่อยได้ ทำให้ทั้งสองฝ่ายยังมีโอกาสทำประตูอยู่ตลอด แต่ในที่สุดก็เป็นลิเวอร์พูลที่ตีเสมอได้สำเร็จในนาที 89 จากลูกฟรีคิก เจอราร์ดเปิดเข้าหัวสเตอริดจ์โหม่งเช็ดเข้าไปได้ 3-3 หลังจากนั้นแม้จะเหลือไม่กี่นาทีแต่ทั้งสองฝ่ายก็ยังมีโอกาสได้ลูกที่ 4 กันอีกไม่น้อยแต่ทำไม่สำเร็จ จบเกมไปแบบสุดมัน 3-3
-----------------------------------------

_______ ตัดเรื่องมิราลาสน่าจะโดนใบแดงตั้งแต่ครึ่งแรกออกไป นัดนี้เสมอได้ก็ถือว่าสมเหตุสมผลแล้วครับ

_______ วันนี้ร็อดเจอร์ปรับ 11 ตัีวจริงตามสภาพทีม ฟลานาแกนได้ลงตัวจริงก่อนซาโก้และซิสโซโก้อาจจะน่าแปลกใจไปหน่อย แต่ร็อดเจอร์ก็บอกก่อนแล้วว่าตอนซ้อมฟลานาแกนทำได้ดี อันนี้ก็ต้องปล่อยให้คนที่เห็นผู้เล่นอยู่กับตาว่ากันไป ส่วนในเรื่องที่อัลเลนได้ลงและโมเสสต้องนั่งเป็นเพราะทีมต้องการคุมแดนกลาง ให้แน่นก่อนมากกว่า ดังนั้น 11 ตัวจริงดูโอเคแล้วครับสำหรับผม

_______ ช่วงต้นเกมนั้นลิเวอร์พูลดูจะเน้นคุมโซนมากไปสักนิด ในขณะที่เอฟเวอร์ตันดูขยันและฟิตกว่า แต่หลังจากเกมผ่านไปได้สักราว 20 นาที ลิเวอร์พูลก็ทำได้ตามแทคติคที่วางไว้คือไม่ได้ปล่อยให้เอฟเวอร์ตันมีโอกาสจบ มากนัก ตัดเกมได้ก่อนโดนเปิดเข้าทำ บุกไม่ค่อยได้แต่คุมเกมได้ แต่ครึ่งหลังโดยเฉพาะช่วงต้น ผมคิดว่าร็อดเจอร์พลาดที่ปล่อยให้ทีมเล่นตามสบายมากไปนิด แดนหลังยืนค่อนข้างสูงจังหวะตั้งเกมรุก คุมโซนหลวมกว่าในครึ่งแรก และการวิ่งไล่ก็ทำได้ไม่ดีนัก ยิ่งพอเจอเดโลโฟลลงมาอีกยิ่งไปกันใหญ่ โดนบอลทำเร็วเล่นงานหลายต่อหลายครั้ง ทำให้รูปเกมที่ดูได้เปรียบในครึ่งแรกสลายหายไปเรียบ

_______ ส่วนการเปลี่ยนตัวและแก้เกม ตอนเปลี่ยนโมเสสนั้นดีแล้วเพราะช่วงนั้นลิเวอร์พูลมีพื้นให้เล่นค่อนข้าง เยอะจากการเติมเกมสูงของเอฟเวอร์ตัน ใช้โมเสสน่าจะได้ลุ้นกับความเร็วความคล่องมากกว่าใช้เฮนเดอร์สัน(แต่ผลดัน ไม่ออกมาตามต้องการ) ส่วนการเปลี่ยนสเตอริดจ์แทนลูคัสหลังจากโดน 2-2 ตรงนี้คงต้องบอกว่าร็อดเจอร์เลือกเสี่ยงมากกว่าผิดพลาด เพราะ 1. ลูคัสเหลืองไปแล้วในเกมที่เสี่ยงจะต้องตัดฟาลว์อีก 2. โอกาสชนะมันก็มี

_______ จุดเปลี่ยนสำคัญของเกมขอวกกลับมาที่จังหวะได้ใบเหลืองของมิราลาส ลูกนั้นซัวเรสแตะบอลไปแล้วและมิราลาสจิ้มเข้าไปที่เข่า ยังไงก็แดงไม่ต้องสืบแต่ดันได้แค่ใบเหลือง ถ้าเอฟเวอร์ตันเหลือ 10 คนทั้งยังตาม 2-1 ครึ่งหลังลิเวอร์พูลน่าจะปิดเกมได้ไม่ยาก ถือว่าโชคร้ายครับสำหรับเรื่องนี้

_______ แต่เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้น ถ้ามัวแต่โวยวายคร่ำครวญถึงการตัดสินของกรรมการก็ไม่ต้องเล่นกันแล้วครับ ฟุตบอล อีกทั้งจังหวะนั้นแม้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญแต่ผมไม่คิดว่าเป็นจุดตัดสินเกม ที่ตัดสินเกมเป็นแท็คติคของผู้จัดการทีมทั้งสองคนมากกว่า ทั้งคู่กล้าเล่นแบบจะเอาชนะ ทางเอฟเวอร์ตันหลังจากตีเสมอได้ 2 ครั้งพวกเขาเดินหน้าต่อตลอด พึ่งจะมาพยายามปิดเกมเอาตอนที่ขึ้นนำได้ในนาที 82 นี่เอง ส่วนทางลิเวอร์พูลช่วงที่ขึ้นนำ 2-1 แล้วพวกเขายังเดินหน้าต่อ(แม้จะไม่ได้คลั่งดันกันขึ้นไปทั้งทีม) ไม่ได้พยามชะลอเกมแต่อย่างใด แถมตอนที่เกมอยู่ที่ 2-2 ยังเปลี่ยนตัวแบบจะเอาอีกต่างหาก

_______ ... 3-3 นี่ก็เหมาะสมแล้ว เป็นเกมที่สนุกมากด้วย

_______ อ้อ เกือบลืม นัดนี้เป็นศึกดวลลูกตั้งเตะด้วยนะ ทั้ง 6 ลูกมาจาก / ต่อเนื่องจากลูกตั้งเตะทั้งนั้น

 -------------------------------

นัดนี้เล่นกันพอใช้ได้

ร็อดเจอร์ - วาง 11 ตัวจริงดี มีแค่แบ็คซ้ายเท่านั้นที่อาจโดนสงสัยบ้างว่าซาโก้จะดีกว่าไหม แท็คติคเริ่มเกม, การแก้เกมทำได้ค่อนข้างดี มีพลาดหน่อยก็ตอนต้นครึ่งหลังที่ปล่อยให้ลูกทีมเล่นหลวมเกินไป ปล่อยให้กลางเอฟเวอร์ตันเล่นง่าย

มินโยเล่ - เซฟลูกหลุดเดี่ยวได้ถึง 3 ครั้ง สุดยอดมากกับเรื่องการเซฟ ออกมาตัดบอลโด่งวันนี้ก็ทำได้ดีและออกบอลไม่พลาด ที่ดูจะไม่ค่อยดีนักคือการวิ่งออกมาจากเส้นที่ทำได้ช้า หลายครั้งควรออกมาได้เร็วกว่านั้นและตัดบอลได้ก่อนที่บอลจะถึงกองหน้า ... แต่ถึงงั้นก็เถอะ ออกช้าแต่บล็อคได้ตลอดนะ

ฟลานาแกน - โดนเลี้ยงจี้ใส่จังหวะตัวต่อตัวนี่โดนสลัดหลุดได้เกือบทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นใครมา แต่ทำได้ดีมากในเรื่องการอ่านเกม ตัดบอลก่อนถึงคู่ต่อสู้ได้ดีและผละจากตำแหน่งมาตัดบอลได้เยี่ยม เชื่อมเกมพอใช้ได้ เกมรุกอย่าไปยุ่งอะไรกับคุณน้องเธอ ฟอร์มยังไม่ถึงกับฝากผีฝากไข้ได้ แต่ก็ไม่ได้แย่จนควรโดนดองเค็ม

แอกเกอร์ - พลาดเยอะพอสมควรกับการอ่านเกมและอ่านทางบอล ไม่ถึงกับรั่วแต่เจ้าตัวเคยทำได้ดีกว่านี้เยอะ

สเคอ เทล - การสกัดและประกบยังดีอยู่ หยุดไม่ให้ลูกากูพลิกได้แล้ว แต่คู่ต่อสู้ยังเก็บบอลได้เยอะอยู่ (อันนี้คงไม่ใช่สเคอเทลคนเดียว บางจังหวะก็เป็นแอกเกอร์ที่ประกบเหมือนกัน)

จอห์นสัน - เกมรับเล่นได้ค่อนข้างดี วิ่งลงไม่ทันบ้างแต่ไม่มากนัก จังหวะโดนเลี้ยงจี้หยุดได้ พลาดหน่อยก็ต้องคู่ต่อสู้เปิดบอลเข้ากลางง่ายไปนิด การเชื่อมเกมทำได้ดี เกมรุกวันนี้ไม่ค่อยขึ้น ที่ขึ้นไปบ้างก็ทำพอใช้ได้

ลูคัส - ครึ่งแรกเล่นได้ดี โดยเฉพาะช่วงกลางจนถึงจบครึ่งแรกที่ดักตัดบอลได้ตลอดและหยุดเกมคู่ต่อสู้ได้ แต่ครึ่งหลังพอเจอจังหวะทำเร็วและการเลี้ยงจี้มากๆ เข้าเริ่มเข้าถึงบอลช้าจนเสียฟาลว์บ้าง สลัดหลุดไปได้บ้าง

เจอราร์ด - เล่นพลาดเยอะเหมือนกัน ไม่ว่าจะออกบอลหรือเข้าบอล แต่ยังมีบอลผ่านสวยๆ ให้เห็นเป็นระยะๆ อยู่ตลอดเกม วันนี้เปิดลูกตั้งเตะได้ดีด้วย

คูตินโย่ - ครึ่งแรกถ้าไม่นับลูกแรกที่ยิงให้ทีม แทบไม่รู้ว่าเธออยู่ตรงนี้ ช่วงครึ่งหลังโดยเฉพาะช่วงต้นจนถึงกลางครึ่งเริ่มได้บอลและเล่นได้มากขึ้นแต่ก็ัยังเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ไม่มากนัก

เฮนเดอร์สัน - เชื่อมเกมดี ตอนยืนริมเส้นก็ทำเกมรุกพอใช้ได้ เอาตัวรอดจากการโดนไล่ยังพอได้อยู่ ไม่ค่อยเสียบอลแต่บอลที่ออกไปส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ช่วยเพื่อนร่วมทีมมากนัก คุมพื้นที่ในช่วงที่ต้องเล่นด้านในได้ตามเนื้อผ้า คือไม่แน่นเท่าไหร่แต่ไม่ได้แย่ไปกว่าลูคัส(เวอร์ชั่้นครึ่งหลัง)

อัลเลน - ทำได้ดีในเรื่องการอ่านเกมและคุมพื้นที่ ครึ่งแรกหยุดเกมแดนกลางและเชื่อมเกมได้ดี พอเข้าครึ่งหลังเริ่มมีปัญหากับการโดนเลี้ยงจี้และการเล่นเร็วของเอฟเวอร์ ตันพอสมควร และตลอดเกมแทบหาบอลเกมรุกไม่ได้เลย มีจังหวะหลุดเดี่ยวแบบโคตรเดี่ยวครั้งนึงด้วยแต่ยิงหลุดกรอบไปซะอย่างนั้น

ซัวเรส - เล่นหน้าเดี่ยว โดนประกบติดตลอด ช่วงต้นเกมได้บอลน้อยแต่ทุกครั้งที่ได้ก็ทำประโยชน์ให้กับทีมได้ไม่ว่าจะ เก็บบอลไว้กับตัวหรือเรียกฟาลว์ และตลอดเกมทำเกมได้ดีโดยเฉพาะจังหวะที่ถอยลงมาเล่นร่วมกับกองกลาง ยิงฟรีคิกได้สุดสวยด้วย

ตัวสำรอง 

โมเสส - แทบไม่รู้ว่าลงมา ทำอะไรได้น้อยมาก มีโอกาสได้โหม่งตัดหน้าฮาเวิร์ดครั้งนึงแต่บอลมาแรงและวิ่งถลำไปหน่อยแล้วเลยโหม่งข้ามคาน

สเตอริดจ์ - จับบอลจังหวะแรกดีมาก วิ่งหาพื้นที่พอใช้ได้ แต่จังหวะจะเลี้ยงบอลดูไม่ค่อยจะเป็นประโยชน์เท่าไหร่ ขึ้นโหม่งลูกตีเสมอช่วยทีมไว้ได้

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ซิมง(หรือไซม่อน สรุปมันอ่านยังไง) มินโยเล่... หลุดเดี่ยวนะครับ หลุดเดี่ยว แถมเจอไปตั้ง 3 - 4 ครั้ง เซฟได้หมด ทำได้ยางงงง๊ายยย~
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ลิเวอร์พูล 4 - 0 ฟูแล่ม (พรีเมียร์ลีค)


...มีคนงอนค่ะ ดิฉันสัมผัสได้...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-2-2

----------------สเตอริดจ์-------ซัวเรส------------------
คูตินโย่-------------------------------------เฮนเดอร์สัน
---------------ลูคัส------------เจอราร์ด----------------
ซิสโซโก้------แอกเกอร์-------สเคอเทล------จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับมือฟูแล่มที่สภาพทีมไม่สมบูรณ์ขาดฮาเกอร์ลัน, รีทเธอร์และรูอิซ ร็อดเจอร์ปรับมาใช้หลัง 4 มีโดยมีแอกเกอร์กับสเคอเทลได้ลงตัวจริง จอห์นสันกับคูตินโย่ฟิตลงได้แล้ว นอกนั้นยังใช้ผู้เล่นชุดเดิม
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาก็เป็นลิเวอร์พูลที่เปิดฉากรุกใส่ก่อนเลย ตัดบอลกลับมาได้เร็วและครองบอลอยู่ฝ่ายเดียว เล่นเกมรุกเต็มที่เน้นขึ้นเกมทางริมเส้นขวา ซึ่งทำได้ต่อเนื่องไหลลื่นทั้งจากจอห์นสันและเฮนเดอร์สัน มีโอกาสเปิดบอลเข้าทำเรื่อยๆ แต่ยังติดกองหลังฟูแล่มอยู่

_______ ผ่าน 10 นาทีแรกของเกมไปฟูแล่มถึงได้โงหัวจากหน้าเขตโทษตัวเองบ้าง ครองบอลได้มากขึ้นแต่ก็พาบอลไปถึงเขตโทษแทบไม่ได้ มีโอกาสลุ้นประตูแค่ครั้งสองครั้ง และในเกมรับก็เอาแต่ยืนดูคุมพื้นที่เป็นหลัก ทำให้เกมรุกของลิเวอร์พูลเล่นกันได้ง่ายและพาบอลไปถึงเขตโทษอยู่ตลอด

_______ ลิเวอร์พูลยังจบสกอร์ในเกมเปิดไม่ได้ แต่มาทำได้จากลูกตั้งเตะ นาที 23 เจอราร์ดเปิดฟรีคิกวางเ้ข้ามาในกรอบหกหลาเสาแรก ซัวเรสกับแอกเกอร์ที่รออยู่ขึ้นไม่ถึงบอลแต่บอลไปตกใส่แขนอมอริเบียต้ากอง หลังฟูแล่มเข้าประตูตัวเองไปเป็น 1-0 หลังจากนั้นเกมของลิเวอร์พูลยังคงดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะทางขวาที่ผ่านตลอด แล้วในที่สุดก็มาบวกเพิ่มได้อีกอย่างรวดเร็วในนาที 26 จากลูกเตะมุมที่เจอราร์ดเปิดเข้ามาหน้าเส้น 6 หลา สเคอเทลวิ่งเบียดเอาชนะอมอริเบียต้าเข้าถึงบอลชาร์จโหม่งเข้าไปได้สำเร็จ 2-0

_______ พอนำห่างแล้วลิเวอร์พูลก็ยังไม่ได้ผ่อนเกม ในขณะที่ฟูแล่มเองยิ่งถอยต่ำมากขึ้นไปอีกทำให้โต้ไม่ขึ้น อย่าว่าแต่จะโต้ขึ้นมาลุ้นทำประตู แต่พาบอลเลยเส้นครึ่งสนามมายังลำบาก ลิเวอร์พูลยังคงเล่นกันสบายต่อไปจนกระทั่งนาที 36 ก็ทำได้อีกครั้ง จากจังหวะที่เจอราร์ดจ่ายบอลขวางสนามจากซ้ายไปขวา บอลเข้าเท้าเฮนเดอร์สันแตะหลบตัวประกบหนึ่งจังหวะก่อนจะแทงทะลุช่องให้ซัว เรสหลุดเข้าไปยิงในเขตโทษได้สำเร็จ 3-0

_______ โดนไปสามลูกแต่ฟูแล่มยังเล่นเกมของตัวเองไม่ได้ ลิเวอร์พูลยังคงบุกได้เรื่อยๆ แต่ยังไม่ได้ประตูเพิ่ม จบครึ่งแรกที่ 3-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ฟูแล่มลงมาเร่งเกมรุกมากขึ้น เติมขึ้นหน้ามากขึ้นแต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็กลายเป็นโดนลิเวอร์พูลทำเกมรุก เร็วขึ้นมาล่อเป้าแบบน่าได้ 2-3 ครั้งแต่ยังไม่เป็นประตู ฟูแล่มแทนที่เกมจะดีขึ้นแต่ยิ่งเล่นยิ่งแย่ ส่วนลิเวอร์พูลตัดบอลกลับมาทำเกมรุกเร็วได้ดีต่อเนื่องแล้วก็ทำได้ในเวลาไม่ นานนัก นาที 54 จังหวะที่ฟูแล่มจะขึ้นเกม เฮนเดอร์สันกับเจอราร์ดช่วยกันไล่แย่งบอลมาได้ก่อนจะเป็นเจอราร์ดจ่ายทะลุ ให้ซัวเรสหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงได้สำเร็จ 4-0

_______ หลังจากโดนไปอีกลูก ฟูแ่ล่มเล่นเหมือนถอดใจ ปล่อยเบอร์บาตอฟเหงาตายอยู่ข้างหน้าคนเดียวและครองบอลแทบไม่ได้ กลายเป็นลิเวอร์พูลที่ได้ครองบอลกันสบายและหาจังหวะเข้าทำได้เป็นระยะ ผ่านหนึ่งชั่วโมงของเกมไป ร็อดเจอร์ก็เริ่มเปลี่ยนตัวสำรองลงสนาม นาที 61 เอนริเก้ได้ลงแทนซิสโซโก้ ลิเวอร์พูลเริ่มเ้น้นเคาะครองบอล นาที 66 อัลเลนแทนเจอราร์ด ยิ่งเคาะมากขึ้นไปอีก นาที 76 โมเสสลงแทนสเตอริดจ์ ถึงตรงนี้ก็เปลี่ยนมาเล่นพินบอลกันแล้ว

_______ ครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของเกม (ตั้งแต่เริ่มเปลี่ยนตัวสำรอง) แม้ลิเวอร์พูลจะเน้นการครองบอลมากขึ้น แต่ก็ยังอุตส่าห์หาจังหวะได้ลุ้นยิงประตูเรื่อยๆ กว่าจะจบเกมได้ยิงรวมกันน่าจะราวๆ 30 ครั้งเห็นจะได้ แต่หลายครั้งก็เล่นออกฝืนๆ เหมือนพยายามจะปั้นสเตอริดจ์กันมากเกินไป บางครั้งก็ยิงกันไม่ดีเอง และหลายครั้งก็ติดเซฟผู้รักษาประตูบ้างติดบล็อคกองหลังบ้าง เลยทำประตูเพิ่มไม่ได้ ส่วนฟูแล่มอยากกลับบ้านกันตั้งแต่นาที 54 แล้ว ไม่ได้พยายามอะไรสักเท่าไหร่ ทำให้จบเกมลิเวอร์พูลเอาชนะไปได้ที่ 4-0
-----------------------------------------

_______ ฟูแล่มห่วยจัง แต่ลิเวอร์พูลก็เล่นดีจริงเหมือนกันครับ

_______ วันนี้ร็อดเจอร์ปรับกลับมาเล่นกองหลัง 4 ตัว และใช้คูตินโย่กับเฮนเดอร์สันทำเกมรุกหน้าเขตโทษเป็นหลัก ทางคูตินโย่นั้นจะหุบเข้ามาเล่นข้างในเยอะ ส่วนเฮนเดอร์สันจะถ่างไปเล่นด้านข้างเป็นระยะๆ เวลาที่จอห์นสันยังไม่เติมขึ้นมา และมีเจอราร์ดเติมขึ้นมาเล่นหน้าเขตโทษบ่อยครั้งด้วย ดันแผงหลังขึ้นสูง เสียบอลแล้วไล่เร็วในแดนหน้า ทีมเล่นเกมรุกตั้งแต่นาทีแรกยันนาทีสุดท้ายและทำได้ดีด้วย รูปเกมดีกว่าตลอด 90 นาทีและได้ถึง 4 ประตู...ที่ถ้าดูจากเกมแล้วน่าจะได้มากกว่านั้นด้วยซ้ำ สำหรับแทคติคแล้วต้องถือว่าร็อดเจอร์ทำได้ดีที่เลือกเน้นเกมรุกเต็มที่แบบ นี้ครับ เจอฟูแล่มฟอร์มไม่ดีแบบนี้จะมาดูเชิงอะไรกันให้เสียเวลา

_______ ขอเริ่มที่ฟูแล่มก่อน วันนี้พวกเขาเล่นได้แย่มากและเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกมออกมาเป็นแบบนี้ ทั้งรูปเกมและผลลัพธ์ เกมรุกหวังพึ่งเบอร์บาตอฟอย่างเดียว ไม่มีคนอื่นช่วยทำเกม แถมกองกลางยังไม่ค่อยจะช่วยขึ้นมารองบอลจากเบอร์บาตอฟด้วยยิ่งไปกันใหญ่ เกมรับก็เอาแต่ยืนดู เข้าบอลช้า ปล่อยใ้ห้กลางลิเวอร์พูลต่อบอลกันได้ง่ายเกินไป รวมไปถึงทั้งการเปลี่ยนรับเป็นรุกและเกมโต้กลับเร็วก็ดูไม่จืดทั้งนั้น โดนแค่ 4 ถือว่าปรานีสำหรับพวกเขามากแล้วครับ

_______ อย่างไรก็ตาม วันนี้สิ่งที่ตัดสินเกมคือฟอร์มของผู้เล่นลิเวอร์พูลเอง ส่วนหนึ่งที่ฟูแล่มเล่นแย่ก็เพราะโดนลิเวอร์พูลกดดันหนักด้วย และผู้เล่นลิเวอร์พูลเองก็ทำหน้าที่ของตัวเองกันได้ดีทั้งทีม ความผิดพลาดส่วนบุคคลมีน้อยมาก เล่นกันได้ตามแผนทุกอย่าง ทำได้ผลลัพธ์ตามต้องการไปในที่สุด

_______ ส่วนสิ่งที่ดีและเป็นหมัดเด็ดในวันนี้หนีไม่พ้นลูกตั้งเตะ นอกจากจะเล่นเกมรับลูกตั้งเตะ(ซึ่งไม่ค่อยจะมีอยู่แล้ว)ได้ดี ในจังหวะรุกยังทำประตูจากลูกตั้งเตะได้ถึง 2 ลูก ทำให้เกมเล่นง่ายตั้งแต่ครึ่งแรก จะบอกว่าอบอริเบียต้าพลาดก็ได้เพราะเจ้าตัวพลาดทั้ง 2 ลูก แต่บอลที่เปิดเข้าทำและทิศทางของคนที่วิ่งไปรอก็ถือว่าทำได้ดี ลูกแรกเฉียดทั้งหัวแอกเกอร์และซัวเรส ลูกที่สอง สเคอเทลก็วิ่งไปเข้าทางบอลได้ดี

_______ วันนี้ถ้าจะมีประเด็นอะไรให้หนักใจบ้างก็คงเป็นเรื่องของสเตอริดจ์ เจ้าตัวดูหงุดหงิดตั้งแต่ครึ่งแรกที่ได้บอลไม่มากนัก และครึ่งหลังก็หวงบอลเล่นเองแบบเห็นได้ชัด ทั้งยังมาโดนเปลี่ยนตัวออกอีก ช่วงครึ่งหลังเพื่อนหลายคนก็เพียรจะปั้นให้เหลือเกินจนหลายครั้งเสียโอกาส ที่ดีไปเพราะหลายครั้งที่ว่ามีซัวเรสและเฮนเดอร์สันวิ่งทำทางไปในตำแหน่งที่ ดีกว่าแล้วแต่บอลไปที่สเตอริดจ์ และทั้งเกมนี้การประสานระหว่างคู่กองหน้าแทบไม่มีเลยครับ ร็อดเจอร์คงต้องรีบปรับทัศนคติของสเตอริดจ์โดยด่วนเพราะนี่เป็นคนที่อยู่กับ ทีมไปอีกพักใหญ่ๆ (ซัวเรสน่าจะไปก่อน)

_______ ...งอนนานๆ จะพาลทีมป่วนนะริดจ์นะ
 -------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดี...มาก

ร็อดเจอร์ - คูตินโย่กลับมาแล้วมีคนทำเกมก็เลิกใช้ 3-5-2 วาง 11 ตัวจริงและแทคติคเริ่มเกมได้ดีที่เดินหน้ารุกเต็มที่ ที่ประทับใจคือให้เจอราร์ดสลับขึ้นมาเล่นเกมรุกด้วย ส่วนการเปลี่ยนตัว เกมไม่มีอะไรก็ให้ตัวสำรองมาเรียกความฟิตกันบ้างก็ดีแล้ว

มินโยเล่ - เตะเปิดบอลเสียไปพอสมควร แต่รับ-เล่นบอลคืนหลังได้ดี จังหวะเซฟไม่มีเพราะไม่มีอะไรให้เซฟ

ซิสโซโก้ - เล่นได้แย่ถ้าเทียบกับคนอื่นๆ แม้จะไม่ผิดพลาดในเกมรับ (ซึ่งก็ไม่ค่อยจะมีให้เล่น) และการผ่านบอล (ให้ไม่พลาด) แต่พาบอลขึ้นหน้าไม่ได้ไม่ว่าจะแตะไปเองหรือจ่ายบอลขึ้นไป ได้บอลเคาะคืนตลอด เกมรุกฝั่งซ้ายดับสนิท

แอกเกอร์ - งานน้อย คอยรอสอยจังหวะสองเป็นหลักและทำได้ไม่พลาด ดักบอลจ่ายขึ้นหน้าของคู่ต่อสู้ได้ดีด้วย

สเคอเทล - ฟอร์มดีต่อเนื่อง จังหวะชนกับกองหน้าใช้ได้ คู่ต่อพลิกไม่ได้ วันนี้ทำประตูได้ด้วย

จอห์นสัน - ครึ่งแรกเล่นได้โดดเด่นมาก ช่วยให้เกมรุกฝั่งขวาลื่นไหลผ่านตลอด เติมบ่อย, ไปเองได้ ผ่านบอลขึ้นหน้าได้ แต่เปิดบอลเข้ากลางไม่ค่อยดีนัก ครึ่งหลังเล่นพลาดมากขึ้นแต่ก็ยังพอทำอะไรได้บ้าง เกมรับไม่ค่อยจะมีให้เล่นแล้วก็เล่นไม่พลาด

ลูคัส - เข้าวิ่งไล่ถึงบอลได้เร็ว หยุดเกมได้ดี วันนี้ทำได้ดีขึ้นกว่านัดก่อนๆ ในเรื่องการผ่านบอล ทำได้แม่นยำและไปข้างหน้าได้ตลอด

เจอราร์ด - มีเวลาเยอะ ไม่ค่อยโดนกดดัน เลือกช่องให้บอลได้ดี มองเพื่อนทั้งสนาม (คนอื่นในทีมยังทำตรงนี้ไม่ได้) วันนี้มีทีเด็ดจากลูกฟรีคิกด้วย

คูตินโย่ - ครองบอลกับตัวได้ดี แย่งยาก จังหวะให้บอลเชื่อมเกมทำได้ดีแต่บอลจังหวะเข้าทำให้ผิดน้ำหนักหลายครั้ง หาโอกาสยิงเองได้ดีด้วย ได้ยิงหลายครั้งแต่ก็พลาดหลายครั้งเช่นกัน ครั้งที่ยิงดีแล้วก็ดันติดเซฟอีก

เฮนเดอร์สัน - เป็นวันที่เล่นได้ดีมาก ยืนตำแหน่งและเคลื่อนที่หาพื้นที่ได้ดี ช่วงครึ่งแรกแม้จะเปิดบอลเข้ากลางไม่ดีนัก แต่ประสานงานกับจอห์นสันได้ดีมากในการทำเกมรุกริมเส้น ให้บอลแม่น วิ่งไล่บอลก็ทำได้เร็ว หาโอกาสยิงประตูได้พอสมควร...แต่พลาดหมด ช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายที่เพื่อนเล่นกันแบบไม่ค่อยมีสมาธิแล้ว เฮนเดอร์สันยังมีสมาธิอยู่ วันนี้ทำได้ 1 แอสซิสต์และช่วยไล่บีบจนเจอราร์ดตัดบอลเอาไปจ่ายให้ซัวเรสในลูกที่ 4 ด้วย

ซัวเรส - เคลื่อนที่ได้ดีมากไม่ว่าจะลงมาเชื่อมเกมตรงกลาง, วิ่งหาพื้นที่ว่างริมเส้น หรือวิ่งทำทางขึ้นหน้า ซึ่งทำให้เกมรุกในพื้นที่หน้าเขตโทษของทีมทำได้ไหลลื่น เพื่อนจ่ายให้ได้ง่าย 2 ประตูที่ทำได้นอกจากคนให้จะให้ดีแล้วต้องชมซัวเรสด้วยที่ทางวิ่งสุดยอด

สเตอริดจ์ - เป็นคนที่ปักหลังค้ำอยู่กับแผงหลัง ตามแทคติคแล้วสเตอริดจ์นั้นช่วยดึงตัวประกบและค้ำแผงหลังได้ดีแล้ว เพื่อนมีพื้นที่เล่นกันมากขึ้น ที่เห็นๆ เลยก็คือคูตินโย่กับซัวเรสที่กองหลังไม่กล้าทิ้งสเตอริดจ์ขึ้นไปไล่มากนัก แต่ทำให้สเตอริดจ์พลอยไม่ค่อยได้บอลไปด้วยในครึ่งแรก ครึ่งหลังก็เล่นไปหงุดหงิดไป ฝืนหลายจังหวะด้วย

ตัวสำรอง 

เอนริเก้ - เกมรับแทบไม่ได้เล่น ส่วนการเชื่อมเกมและเกมรุกทำได้ดีกว่าซิสโซโก้ชัดเลย ไม่ต้องเคาะคืนหลังสักเท่าไหร่

อัลเลน - ราชาพินบอลคนนี้ยังรักษาจุดเด่นในการออกบอลไ้ว้ได้ ที่ทำได้ดีหน่อยก็เห็นจะเป็นการอ่านเกม เพราะมีหลายครั้งที่วิ่งเข้าไปบีบคู่ต่อสู้ได้ก่อนบอลจะถึงเท้าซะอีก แต่รวมๆ ก็เล่นได้ออกจะธรรมดา

โมเสส - ก็เชื่อมเกมพอได้ แต่ก็ทำเกมไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...สตีเว่น เจอราร์ด... ถ้าดูเฉพาะครึ่งแรกต้องจอห์นสันเท่านั้น จะดูกันเฉพาะประตูก็คงต้องซัวเรส และถ้าเกมจบแค่ 1 หรือ 2-0 ก็จะเลือกเฮนเดอร์สันแบบไม่คิดมาก แต่พอ 4-0 แบบที่เจอราร์ดเปิดลูกตั้งเตะเป็น 2 ประตูแรก, เป็นคนขวางสนามไปให้เฮนเดอร์สันจ่ายให้ซัวเรสในลูกที่ 3, ไล่บอลและจ่ายให้ซัวเรสในลูกที่ 4 รวมถึงมุมมองการผ่านบอลที่ทำได้ดีอยู่ตลอด .... ก็กัปตันเถอะครับวันนี้
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.