วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ 0 - 3 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


ก็ยิงแล้วมันเข้าน่ะ
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

----------------------ซัวเรส------------------------
สเตอริ่ง-----------เฮนเดอร์สัน-------------ดาวนิ่ง
------------อัลเลน-------------เจอราร์ด-----------
เอนริเก้----แอกเกอร์-----สเคอเทล----จอห์นสัน
-----------------------เรน่า-------------------------

               ลิเวอร์พูลเล่นเกมเยือนต่ออีกหนึ่งนัด คราวนี้เจอทีมบ๊วยอย่างคิวพีอาร์ นัดนี้ร็อดเจอร์ป่วยเลยไม่ได้คุมทีมข้างสนาม เป็นหน้าที่ของตาแว่น(ใครฟระ) ยืนหล่อโบกไม้โบกมืออยู่ข้างสนามแทน ผู้เล่นไม่มีใครเจ็บใครแบน โดยลูคัสกับเชลวี่ย์โดนดรอปไปเป็นโอกาสของอัลเลนและเฮนเดอร์สันที่กลับมา เป็นตัวจริง นอกนั้นยังเป็นผู้เล่นชุดเดิม
-------------------------------------------------------

               เปิดเกมมาก็เป็นลิเวอร์พูลที่ดาหน้าบุกใส่ทันที ดันกันขึ้นสูงและทำเกมรุกเต็มที่ ฝั่งคิวพีอาร์ถอยรับค่อนข้างลึกพยายามคุมพื้นที่ให้แน่น แต่แน่นไม่พอ นาทีที่ 10 ซัวเรสรับบอลแถวหน้าเขตโทษ แตะหลบตัวประกบหลุดเข้าไปยิงในเขตโทษง่ายๆ ให้ทีมนำเร็ว 1-0 หลังจากได้ประตูนำแล้ว ลิเวอร์พูลเคาะบอลในแดนกลางและเ้น้นครองบอลมากขึ้นเล็กน้อย แต่ยังดันแผงหลังสูงอยู่

               ทางฝั่งคิวพีอาร์ยังตั้งเกมของตัวเองไม่ขึ้น และยังหยุดเกมรุกของลิเวอร์พูลไม่ค่อยได้ บอลยังมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวเขตโทษบ่อยครั้ง แล้วคิวพีอาร์ก็มาโดนอีกจนได้ในนาที 16 ซัวเรสรับบอลคืนจากดาวนิ่งได้หลุดเข้าไปถึงสุดเส้นในเขตโทษ หักเข้ากลางให้สเตอริ่งชาร์จแต่ติดกองหลัง บอลเด้งกลับมาเข้าทางซัวเรสซ้ำง่ายๆ 2-0 ถึงตรงนี้คิวพีอาร์ยิ่งดูแย่ลงไปอีก เมื่อเกมรุกก็ยังตั้งไม่ได้ ส่วนเกมรับก็คุมพื้นทีไ่ด้ไม่ดีนัก เกมกลายเป็นของลิเวอร์พูลฝ่ายเดียว

               ถึงนาที 28 ลิเวอร์พูลมาได้ประตูนำห่างอีก จากลูกเตะมุมที่เล่นสั้นเปลี่ยนจุด เจอราร์ดเปิดเข้ากลางให้แอกเกอร์ขึ้นโหม่งได้สำเร็จ 3-0 และยังเป็นฝ่ายครองบอลมากกว่า บุกได้มากกว่าอย่างต่อเนื่อง กว่าคิวพีอาร์จะเริ่มโงหัวขึ้นมาได้บ้างก็ต้องรอถึง 5 นาทีสุดท้ายที่เริ่มครองบอลได้และบุกได้เป็นชิ้นเป็นอันขึ้น แต่ยังเจาะแนวรับเข้าไปลุ้นยิงไม่สำเร็จ ก่อนจะจบครึ่งแรกที่ 3-0

               เข้าครึ่งหลัง คิวพีอาร์ลงมาทำเกมบุกมากขึ้นและเปลี่ยนมาเน้นการขึ้นเกมเจาะตรงกลางมากกว่าในครึ่งแรก ซึ่งทำให้เกมของคิวพีอาร์ค่อยๆ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนทางฝั่งลิเวอร์พูลเริ่มครองบอลได้น้อยลงและจ่ายบอลผิดพลาดมากขึ้น บอลไปไม่ค่อยถึงเขตโทษคู่ต่อสู้แล้ว พอเกมเข้าสู่ครึ่งชั่วโมงสุดท้ายก็กลายเป็นคิวพีอาร์ที่เริ่มบุกได้มากกว่า เกมเลี้ยงจี้เจาะตรงกลางผ่านตลอดและได้ลุ้นจากลูกยิงไกลสลับฟรีคิกอยู่เป็น ระยะ

               นาที 64 ตาแว่นส่งลูคัสลงมาแทนเฮนเดอร์สัน หวังจะขันแนวรับแดนกลางให้แน่นขึ้นแต่ดูจะไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไหร่ คิวพีอาร์ยังบุกขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษ ยังดีว่าแผงหลังวันนี้เล่นใช้ได้ สามารถสกัดไม่ให้บอลหลุดเข้าไปในเขตโทษและบังทางยิงไกลได้ค่อนข้างดี ทำให้ลิเวอร์พูลยังไม่ถึงกับโดนกดดันมากนัก นาที 71 ซูโซ่ได้ลงมาแทนเอนริเก้ที่วิ่งๆ ไปแล้วเจ็บเอง ดาวนิ่งถูกถอยลงไปเป็นแบ็คและซูโซ่ได้เล่นริมเส้นฝั่งซ้าย

               เกมช่วงนี้ค่อนข้างสูสี คิวพีอาร์บุกได้ไม่น้อยก็จริงแต่หาจังหวะทำประตูแทบไม่ได้ เก็บบอลจังหวะสองก็ไม่ค่อยได้ ทำให้บุกไม่ค่อยต่อเนื่องและได้ลุ้นน้อย ส่วนลิเวอร์พูลที่แม้จะพาบอลไปถึงเขตโทษได้ไม่มากนักแต่ก็ยังครองบอลได้ค่อน ข้างดี ไม่เสียบอลเร็ว และหาช่องลุ้นทำประตูได้บ้างเหมือนกัน ยิ่งเล่นไปเรื่อยๆ คิวพีอาร์ก็เหมือนค่อยๆ ถอดใจไป วิ่งหาช่องกันน้อยลงและช่วยกันเติมเกมน้อยลง ท้ายเกมนาที 87 คาราเกอร์ได้ลงมาแทนอัลเลน ก่อนที่ลิเวอร์พูลจะสามารถปิดเกมเอาชนะไปอย่างไม่ยากเย็นนัก 3-0
 -----------------------------------------

               11 ตัวจริงวันนี้เชลวี่ย์หลุดไปตามคาดเพราะฟอร์ม 2-3 นัดหลังมานี่ดูไม่จืดจริงๆ แต่อัลเลนยังรักษาตำแหน่งตัวจริงได้เหนียวแน่นทั้งๆ ที่ดูเหลี่ยมไหนฟอร์มช่วงนี้ก็ยังสู้ลูคัสไม่ได้ ถ้าจะเลือกใช้แค่คนใดคนหนึ่งน่าจะเป็นลูคัสที่ได้ลงสนามก่อน ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง รวมไปถึงแทคติคดาหน้าบุกใส่ แผงหลังยืนสูงเกือบครึ่งสนามและแบ็คเติมเกมรุกสุดเส้นเหมือนเดิม

               การเปลี่ยนตัววันนี้เสียดายที่ไม่ได้เห็นโคลลงสนาม เขาน่าจะได้โอกาสลงเล่นในช่วงที่เกมขาดไปแล้วบ้าง ไม่ใช่ได้ลงเฉพาะเวลาเข้าตาจนคิดอะไรไม่ออก และคาราเกอร์น่าจะได้ลงเร็วกว่านั้นสัก 10 นาที ถ้าจะหวังให้คาราเกอร์ได้ทำอะไรมากกว่าเพิ่มสถิติบ้าง เพราะตั้งแต่เปิดครึ่งหลังมา คิวพีอาร์ใช้วิธีเลี้ยงจี้เจาะตรงกลางได้ผลตลอด ถ้าส่งคาราเกอร์ลงเร็วกว่านั้นคงจะได้รู้กันว่าคาราเกอร์จะช่วยแก้เกมตรงนี้ ได้มั้ย เผื่อจะเป็นทางเลือกไว้บ้างเพราะช่วงนี้เกมรับแดนกลางอ่อนยวบเหลือเกิน

               ด้านแทคติค เวลาเจอกับทีมท้ายตารางแล้วกล้าดันสูงบุกใส่ไม่ลังเลนั้นดีแน่ รวมไปถึงหลังจากได้ประตูแล้วยังบุกต่อไม่ได้ลงไปอุด ทรงบอลก็ดูเหมือนจะได้วิธีเล่นกันชัดเจนดีแล้ว เมื่อเกมริมใช้แบ็คช่วยเยอะ ฝั่งขวาให้จอห์นสันเล่นถึงสุดเส้น ดาวนิ่งหุบเข้ากลางบ่อยและลงมาช่วยเวลาจอห์นสันลงไม่ทัน ฝั่งซ้ายเอนริเก้ขึ้นแค่ครึ่งสนาม ด้านหน้าปล่อยสเตอริ่งเล่นไป ตรงกลางก็เคาะหนึ่ง วางยาวหนึ่ง เล่นหน้าเขตโทษหนึ่ง ก็เรียกได้ว่าเล่นกันเป็นทรงดีแล้ว (แต่ประสิทธิภาพก็ว่ากันเป็นวันๆ ไป) ไม่ได้สาดมั่ว เลี้ยงมั่ว สักแต่ว่าส่งๆ ให้มันพ้นๆ ตัว วันนี้ติดใจเรื่องเดียวคือช่วงกลางครึ่งหลังที่เกมตรงกลางเพลี่ยงพล้ำอย่างเห็นได้ชัด ทีมไม่สามารถแก้ปัญหาตรงนี้ได้เลย ไม่มีการปรับแทคติคมาช่วยอุดรูรั่วตรงนี้ (จะถอยแบ็คลงต่ำหน่อยมั้ยเผื่อเซนเตอร์จะวิ่งขึ้นไปซ้อนกลางรับได้เร็วขึ้น ไม่ต้องพะวงพื้นที่ริมเส้น หรือจะหุบปีกเข้ามาช่วยตรงกลางเพิ่มอีกสักคน หรืออื่นๆ) และตัวสำรองก็ลงมาแก้ปัญหาไม่ได้ ถ้านำอยู่ลูกเดียวรับรองได้ลุ้นกันตาตั้งครบ 90 นาที

               ส่วนสาเหตุสำคัญที่ทำให้ลิเวอร์พูลชนะได้ง่ายดายในนัดนี้ คงหนีไม่พ้นการจบสกอร์ได้เด็ดขาด อันที่จริงลิเวอร์พูลก็เล่นแบบนี้มาหลายนัด แต่พอมีโอกาสยิงทิ้งยิงขว้างกันไปเอง โดนคู่ต่อสู้บุกขึ้นมาเปรี้ยงเดียวจอด (เหมือนนัดวิลล่า) แต่พอมานัดนี้พอมีโอกาสแล้วทำได้สำเร็จ ทั้งยังทำได้ถึง 3 ครั้งจนเกมขาดตั้งแต่ครึ่งแรก เลยทำให้เล่นง่าย ลิเวอร์พูลยังคงต้องพึ่งฟอร์มการทำประตูของซัวเรสต่อไปอีกสักพัก เพราะวันไหนซัวเรสยิงแล้วเข้าเกมก็ง่ายไปเลย ส่วนวันไหนซัวเรสออกล่าสัตว์ก็ดูเหมือนว่าจะหาคนมาช่วยยิงได้ยากลำบากเหลือ เกิน

               อย่างไรก็ตาม ... 3-0 นะครับ 3-0, 3-0 พอแล้ว ดีใจแล้ว นัดหน้าว่ากันใหม่ ปัญหาเอาไว้ก่อน อนาคตไว้ทีหลัง วันนี้ดีใจส่งท้ายปีกันก่อน ฮ่าๆ
 ----------------------------------

นัดนี้เล่นกันพอใช้ได้ค่อนไปทางดี

เรน่า - ยืนตำแหน่งดี มีความมั่นใจมากขึ้น กล้ารับทุกลูกไม่มีชก ไม่มีปัด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคิวพีอาร์เจาะเข้ามาในเขตโทษแทบไม่ได้เลย และลูกยิงไกลแม้จะเข้ากรอบเยอะแต่ก็หนักไปทางตรงตัวแทบทั้งหมด เล่นบอลด้วยเท้าได้ดีเหมือนเดิมและเปิดบอลใช้ได้

เอนริเก้ - เกมรับเหนียวแ่น่น อ่านเกมและวิ่งเบียดบังบอลเก็บกินได้หมด มีจังหวะเก็บบอลไว้กับตัวแบบฝืนๆ ให้เห็นบ้างตามสไตล์ ขึ้นเกมรุกไม่มากนักและ ประสานงา กับสเตอริ่งเป็นส่วนใหญ่

สเคอเทล - เอาชนะซิสเซ่ได้เด็ดขาด จนซิสเซ่ได้เล่นแค่ครึ่งเดียว เข้าซ้อนตำแหน่งแบ็คขวาที่จอห์นสันลงไม่ทันได้ค่อนข้างดี เข้าบอลหนักและแม่น

แอกเกอร์ - มีปัญหากับเดอรี่ที่ลงมาตอนครึ่งหลังนิดหน่อยแต่ไม่นานนัก เบียดทำลายจังหวะคู่ต่อสู้ได้ดี ลูกกลางอากาศวันนี้ไม่มีปัญหา พาบอล ส่งบอลขึุ้นหน้าได้แม่นดี

จอห์นสัน - เติมเกมรุกเต็มที่เล่นถึงสุดเส้น แต่วันนี้ไม่ค่อยได้เล่นจังหวะสุดท้ายมากนักไม่่ว่าจะยิงหรือจ่าย ใช้ความเร็วกับความขยันช่วยเกมรุกริมเส้นได้ดี ส่วนเกมรับก็ปล่อยสเคอเทลงานเข้าไป

อัลเลน - กลิ้งหลุนๆ เป็นลูกขนุนตกจากรถบรรทุกทุกครั้งที่มีการปะทะ อ่านเกมปิดพื้นที่ในจังหวะรับได้ไม่ดี แต่การผ่านบอลและการเคลื่อนที่ไปรับบอลถือว่าทำได้ดีมาก

เจอราร์ด - ชั่วโมงแรกขึ้นไม่สูงนัก นานๆ จะเติมที ทำเกมด้วยบอลเร็วกับบอลยาวไปที่ว่างได้สุดยอด ครึ่งหลังพอเฮนเดอร์สันถูกถอดออกก็ขึ้นไปเล่นสูงมากขึ้นและทำได้ดุดันดี ขยันวิ่งทั้งไล่บอลและหาช่องมากกว่าคนอื่น วิ่งขึ้นลงเยอะ เป็นกองกลางที่เล่นได้เด่นที่สุดในทีมวันนี้แล้วไม่ว่าจะรุกหรือรับ

เฮนเดอร์สัน - กล้าออกบอลเร็วจังหวะเดียวไปข้างหน้ามากขึ้น ข้อผิดพลาดน้อย แต่ลูกทีเด็ดทีึขาดไม่มี ขยันวิ่งไล่บอลและลงมาช่วยปิดพื้นที่ได้ค่อนข้างดี แต่ค่อยๆ หายไปในครึ่งหลัง

ดาวนิ่ง - ไม่ค่อยกระชากไปเอง ทำเกมด้วยตัวเองได้น้อย แต่หุบเข้ากลางเยอะและช่วยเปิดทางให้จอห์นสันกับซัวเรสเล่่นได้ดี เกมรับลงมาช่วยตลอด ถอยลงไปเล่นแบ็คได้ไม่เลวด้วย ฟอร์มไม่ถึงเด่นเหมือนนัดสองนัดที่ผ่านมา แต่ก็ไม่น่าเกลียด

สเตอริ่ง - จับและบังบอลได้ดี จังหวะกระชากไปเองพอมีให้เห็นบ้าง แต่เล่นบอลจังหวะสุดท้ายได้ไม่ดีเอามากๆ หลายครั้งคิดนานไป และหลายครั้งที่จ่ายไม่ตรงเพื่อน, จ่ายไม่ผ่าน เล่นในฟอร์มที่ไม่น่าได้อยู่ครบ 90 นาที

ซัวเรส - ใช้โอกาสไม่เปลือง ครึ่งแรกลงมาเชื่อมเกมแดนกลางได้ดีมาก หาพื้นที่ว่างรับบอลได้ดีและพลิกบอลหลบได้ดีหลายครั้ง ครึ่งหลังได้บอลน้อยลงไป แต่ถ้าบอลไปถึงก็ยังเก็บบอลเล่นได้, เรียกฟาลว์ได้

ตัวสำรอง

ลูคัส - ช้า ถูกกระชากผ่านไปได้หลายครั้ง ยังเรียกฟอร์มเดิมกลับมาไม่ได้

ซูโซ่ - เงียบกริบ

คาราเกอร์ - +1

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...สตีเว่น เจอราร์ด.. ซัวเรสยิงได้สองลูกและทำให้ทีมชนะก็จริงอยู่(ถ้าครึ่งหลังไม่เงียบไปก็จะเลือกอยู่หรอกครับ) แต่ฟอร์มของเจอราร์ดวันนี้โดดเด่นเหลือเกิน ผ่านบอลแบบที่พูดได้เต็มปากว่า "ทำเกมรุก" ได้อยู่ตลอด วิ่งไม่หยุด ช่วยเกมรับได้ดีกว่าตัวรับตามตำแหน่งเสียอีก คุมจังหวะเกมได้ดีด้วย ที่ถูกใจสุดคือเห็นน้อง(สเตอริ่ง)โดนสอย อุตส่าห์ไปเสียบเอาคืนให้อีกต่างหาก!
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สโต๊ค ซิตี้ 3 - 1 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


ทุบหม้อ หม้อไม่แตก มือแหกซะเอง
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

----------------------ซัวเรส------------------------
ซูโซ่-----------------เชลวี่ย์-----------------ดาวนิ่ง
-----------ลูคัส---------------เจอราร์ด------------
เอนริเก้----แอกเกอร์-----สเคอเทล----จอห์นสัน
-----------------------เรน่า-------------------------

               ลิเวอร์พูลออกไปเยือนสโต๊ค โจทย์เก่าเจ้าประจำที่ทำอะไรเขาไม่ค่อยได้ นัดนี้ร็อดเจอร์จัดผู้เล่นชุดเดียวกันกับนัดที่แล้วที่เจอฟูแล่มลงครบทุกคน ไม่มีการสลับตำแหน่งหรือเปลี่ยนแทคติคใดๆ ทั้งสิ้น
-------------------------------------------------------

               แค่ 40 วินาทีแรกของเกม ชอครอสก็พยายามจะถอดเสื้อซัวเรสในเขตโทษ ส่งผลให้เวปเป่าจุดโทษให้ไม่ลังเลและเป็นเจอราร์ดที่ยิงจุดโทษเข้าไปได้ 1-0 ชนิดที่แฟนบอลบางคนยังไม่ทันเดินถึงที่นั่ง แต่เพียงแค่นาทีที่ 5 สโต๊คก็ไล่ตีเสมอได้อย่างรวดเร็วจากการวางบอลโด่งจากแดนตัวเองถึงหน้าเขตโทษ โจนส์โหม่งชงให้วอลเตอร์หลุดเข้าไปยิงได้ 1-1 ชนิดที่แฟนบอลลิเวอร์พูลยังดีใจกันไม่ทันเสร็จเช่นกัน

               ช่วงต้นเกมนี้เป็นสโต๊คที่ทำได้ดีกว่า โดยเฉพาะการวิ่งเข้าไล่บอลเร็ว ซึ่งทำได้เร็วมากๆ และช่วยกันไล่ทั้งทีม ทำให้ลิเวอร์พูลแทบไม่มีโอกาสตั้งหลัง และไม่นานก็โดนแซงนำจนได้ในนาที 12 จากลูกเตะมุม โจนส์ขึ้นโหม่งที่เสาแรกเข้าไปเป็น 2-1 ผ่าน 15 นาทีของเกมไป ลิเวอร์พูลถึงพอจะเริ่มครองบอลได้ดีขึ้นแต่เกมยังไม่ดีกว่า ส่วนสโต๊คยังคงใช้บอลยาวเน้นให้บอลไปที่โจนส์สลับกับการขึ้นเกมทางริมเส้น ฝั่งขวา(เอนริเก้)เล่นงานได้ค่อนข้างดี

               ผ่านครึ่งชั่วโมงของเกมไป สโต๊คเริ่มไล่บอลในแดนหน้าน้อยลง แต่ยังไล่ในแดนตัวเองได้ดีอยู่ ส่งผลให้ลิเวอร์พูลที่แม้จะครองบอลได้มากขึ้นและพาบอลไปใกล้เขตโทษได้บ้าง ยังหาโอกาสจบสกอร์ได้ยากลำบากมาก และโอกาสที่พอมีบ้างก็จะโดนเร่งโดนบีบอยู่ตลอดทำให้ยังไม่สามารถไล่ตีเสมอ ได้ จบครึ่งแรกที่สกอร์ 2-1

               เข้าครึ่งหลัง สเตอริ่งได้ลงมาแทนซูโซ่ ลิเวอร์พูลยังบุกได้ค่อนข้างดีแต่ยังไม่ได้เปรียบและสโต๊คก็ไม่ได้ถอยลงไป อุด รูปเกมโดยรวมค่อนข้างสูสี และเป็นฝ่ายสโต๊คที่ขยับหนีห่างได้ก่อนในนาที 49 จากจังหวะทุ่มไกล โจนส์ขึ้นโหม่งชงให้วอลเตอร์ยิงเข้าไปได้เป็น 3-1 ถึงตรงนี้จากที่ลิเวอร์พูลดูเหมือนจะทำได้ดีขึ้นกว่าในครึ่งแรกกลับกลายเป็นเริ่มสะดุดไปอีกครั้ง ครองบอลได้ไม่ค่อยต่อเนื่องนัก

               นาที 59 เฮนเดอร์สันลงมาแทนลูคัส ลิเวอร์พูลยังพยายามบุกแต่ทำเกมได้ลำบาก แบ็คสองฝั่งที่เคยขึ้นมาช่วยเกมรุกได้ดีวันนี้ต้องเล่นแบบห่วงหน้าพะวงหลัง เพราะสโต๊คโต้ได้ดีตลอด รวมไปถึงเข้าไล่บอลในแดนกลางได้เร็วมาก แผงกลางของลิเวอร์พูลรวมไปถึงแบ็คที่พยายามจะเติมขึ้นมาแทบไม่มีเวลาจับบอล หรือคิดอะไรได้นาน หรือแม้แต่จังหวะที่พาบอลไปถึงหน้าเขตโทษได้แล้วก็หาช่องจ่ายบอลเข้าทำแทบไม่ได้

               เล่นไปถึงราวๆ นาที 70 ลิเวอร์พูลดูเหมือนจะเร่งเกมได้ดีขึ้น พาบอลไปถึงหน้าเขตโทษได้มากขึ้นแต่ยังครองเกมไว้ไม่ได้ สโต๊คเก็บบอลจังหวะสองได้ดีรวมไปถึงโต้ได้ตลอด ทั้งยังมีลูกเล่นเวลาที่ลิเวอร์พูลได้ทุ่มแถวมุมธงฝั่งตัวเอง สโต๊คจะดันกันขึ้นไปบีบพื้นที่ไม่ให้ลิเวอร์พูลตั้งบอลขึ้นมาได้ หลายครั้งถึงขั้นตัดบอลกลับมาเล่นต่อได้ด้วย ทำให้ลิเวอร์พูลที่แม้จะเป็นฝ่ายได้บอลและได้บุกมากกว่าดูจะถูกกดดันมากกว่า ฝั่งสโต๊คด้วยซ้ำ

               นาที 77 โคลได้ลงไปแทนดาวนิ่ง ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลดันสูงมาก ขึ้นไปช่วยกันเล่นเกมรุกเต็มที่แต่เปิดบอลจังหวะสุดท้ายไม่ผ่านแนวรับสโต๊ค บอลที่พอหลุดไปได้บ้างก็จะเข้าไม่ถึงบอล, มุมแคบเกินกว่าจะยิง, ถูกบีบให้ต้องเล่นเร็ว สุดท้ายเลยไม่สามารถทำประตูได้ ส่วนสโต๊คที่แม้เกมบุกดูจะเพลาลงไปบ้าง แต่การเก็บบอลจังหวะสอง, การวิ่งไล่เร็ว, การปิดพื้นที่อันตราย ยังทำได้ดีไม่มีที่ติ สุดท้ายเลยปิดเกมไปได้แบบไม่ยากเย็นนัก 3-1
-----------------------------------------

               สรุปสั้นๆ ว่าแพ้ละครับ นัดนี้ สโต๊คเป็นฝ่ายที่ทำได้ดีกว่าจริงๆ

               11 ตัวจริงใช้ชุดเดิมก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะทีมชุดนี้ก็ทำผลงานกันได้ดีอยู่แล้ว และฟอร์มปัจจุบันก็น่าจะดีกว่าคนที่นั่งสำรองอยู่จริงๆ แต่นัดนี้สาเหตุสำคัญที่ทำให้แพ้อยู่ที่จุดแข็งของสโต๊คดันเป็นจุดสลบของลิ เวอร์พูล บวกเข้าไปกับฟอร์มของผู้เล่นสโต๊คที่เล่นกันได้ดีด้วยก็เลยเป็นอย่างที่เห็น

               บอลโด่งและกองหน้าที่เล่นด้วยพละกำลังเป็นปัญหาที่ลิเวอร์พูลยังแก้ไม่ตก ลองนึกภาพตอนแนวรับลิเวอร์พูลเจอกองหน้าแบบตอเรสหรือเบอร์บาตอฟแทบไม่มี ปัญหาอะไรเลย แต่เวลาเจอคาร์ตัน โคล, เควิน โจนส์ อะไรแนวๆ นี้แนวรับล้มกลิ้งล้มหงายทุกที นอกจากนั้นการวิ่งไล่เร็วถึงแม้จะเป็นแทคติคง่ายๆ (แต่ทำให้ดีไม่ง่าย) ที่หลายทีมใช้ วันนี้ต้องบอกว่าสโต๊ควิ่งได้ดีกว่าการออกบอลของลิเวอร์พูล ผู้เล่นลิเวอร์พูลไม่สามารถเคาะบอลได้เร็วพอที่จะเอาตัวรอดจากการถูกไล่ได้

                มีเรื่องที่คาใจในนัดนี้อยู่สองเรื่องครับ เรื่องแรกคือทำไมแอกเกอร์เป็นคนขึ้นโหม่งเบียดกับโจนส์บ่อยเหลือเกิน มันเยอะเกินกว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ เพราะปรกติแล้วถ้าต้องขึ้นโหม่งชนลักษณะนี้คนเข้าจะเป็นสเคอเทลมากกว่า งานนี้ไม่ใครก็ใครต้องตั้งใจสั่งมาละครับ ไม่รู้ว่าร็อดเจอร์หรือพูลิส แต่ที่แน่ๆ คือแอกเกอร์เอาไม่อยู่เลยจริงๆ เรื่องที่สองคือ เชลวี่ย์ ร็อดเจอร์เลือกที่จะเสี่ยงกับเชลวี่ย์ทั้งๆ ที่การเปลี่ยนตัวสามครั้งในนัดนี้สามารถเปลี่ยนเชลวี่ย์ออกได้โดยไม่ต้อง ปรับแทคติค (ถ้าครั้งแรกก็เอาซูโซ่มาอยู่กลางได้, ครั้งที่สองก็ใช้เฮนเดอร์สันเล่นแทนตำแหน่งได้, ครั้งที่สามโคลก็เล่นตรงนั้นได้) คือเข้าใจว่าร็อดเจอร์ต้องการบอลเร็วจังหวะเดียวทะลุช่องของเชลวี่ย์มาเป็น อาวุธเจาะแนวรับ (ซึ่งสไตล์นี้เชลวี่ย์ถนัดกว่า 3 คนที่ว่ามา) แต่ปัญหาคือทั้ง 3 คนที่โดนเปลี่ยนออกไม่ว่าจะ ซูโซ่,ลูคัส,ดาวนิ่ง เล่นไม่ได้แย่ไปกว่าเชลวี่ย์เลย ออกจะดีกว่านิดๆ ด้วยซ้ำ สรุปว่าเสี่ยงคราวนี้นอกจากจะเสียหมดหน้าตักแล้วยังต้องรอดูว่าโอกาสลงสนาม ของเชลวี่ย์จะน้อยลงไปด้วยหรือปล่าว

               อ้อ...วันนี้ลิเวอร์พูลได้ลูกโทษในเกมพรีเมียร์ลีคเป็นครั้งแรกของฤดูกาลแล้วนะครับ
 ----------------------------------

นัดนี้เล่นกันพอใช้ได้ค่อนไปทางไม่ดี

เรน่า - 3 ลูกที่เสียไปใครโทษก็ใจร้ายแล้ว เพราะเป็นจังหวะหลุด, ระยะใกล้มากทุกลูก วันนี้ยืนตำแหน่งได้ค่อนข้างดีและเซฟได้พอสมควร แต่ที่ดูแย่ไปเลยคือการเปิดเกมและเล่นบอลด้วยเท้าที่โดนกดดันจนออกบอลพลาด เยอะมาก

เอนริเก้ - แทบไม่มีโอกาสได้เติมเกมรุกเพราะต้องระวังบอลยาวโต้กลับของสโต๊คอยู่ตลอด เวลา ในเกมรับนั้นวิ่งเบียดบังบอลแย่งบอลได้ดีมาก เก็บกินได้เกือบตลอด แต่ปิดทางการเปิดบอลเข้ากลางได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คู่ต่อสู้เปิดได้ง่ายและเปิดได้บ่อยไปนิด

สเคอเทล - มีปัญหากับลูกกลางอากาศตลอด สกัดและบอลจังหวะสองได้ไม่ค่อยดีด้วย ที่ยังดูดีอยู่คือการเข้าสกัดและอ่านทางบอลที่เปิดเข้ากลาง

แอกเกอร์ - สู้โจนส์ไม่ได้จริงๆ ขึ้นได้ไม่สูงเท่าและเบียดเอาไว้ได้ไม่ดีพอ เป็นวันที่เล่นได้ไม่ดีนัก

จอห์นสัน - เติมเกมรุกได้น้อยกว่าที่ผ่านมา พาบอลหนีการวิ่งไล่ของสโต๊คไม่ค่อยได้ โดนบีบจนหมดพื้นที่เล่นบ่อยครั้ง ช่วยทีมได้ไม่มากนัก

ลูคัส - แรงปะทะดูด้อยกว่าคู่ต่อสู้ ซึ่งแม้แต่ตอนที่ลูคัสสมบูรณ์ดีสุดการเจอกับกองกลางสโต๊คก็ไม่ใช่ง่ายอยู่ แล้ว ยิ่งสภาพยังไม่เต็มร้อยแบบนี้ลูคัสช่วยทำลายเกมแดนกลางได้น้อยกว่าที่ควรจะ เป็น

เจอราร์ด - ฟอร์มส่วนตัวไม่น่าจะแย่ลงเท่าไหร่ เพราะข้อผิดพลาดมีไม่มากนักและช่วยเกมรุกได้ดีอยู่(เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ) แต่ปัญหาคือพื้นที่ว่างให้วางบอลง่ายๆ แบบนัดก่อนมันไม่มีในนัดนี้ รวมไปถึงการโดนบีบให้ต้องลงไปช่วยเกมรับมากกว่าปรกติทำให้จังหวะที่เจอราร์ด ได้บอลส่วนใหญ่ค่อนข้างจะไกลจากเขตโทษ เลยทำอะไรไม่ได้มากนัก

ซูโซ่ - จับบอลแรกได้ดีมาก เก็บบอลได้ดีกว่าอีกหลายคนในทีม มีส่วนร่วมกับเกมมากกว่าที่ผ่านมา แต่จังหวะทีเด็ดทีขาดมีให้เห็นน้อยไปหน่อย

ดาวนิ่ง - ยังเล่นได้ดีต่อเนื่อง ช่วงครึ่งแรกกระชากบอลและเปิดบอลได้ลุ้นหลายครั้ง จังหวะเกมรับขยันลงไปช่วย แต่ดูเหมือนจะขยันไปนิดเพราะหลายครั้งที่ทีมตัดบอลกลับมาได้ ดาวนิ่งอยู่ต่ำเกินกว่าจะทำเกมรุกขึ้นไปได้ เข้าครึ่งหลังค่อยๆ หายไปจนถูกเปลี่ยนตัวในที่สุด

เชลวี่ย์ - เล่นพลาดหลายครั้ง บอลเร็ววันนี้ไม่ทำงานเลย

ซัวเรส - จังหวะไปเองวันนี้แทบไม่ผ่านผู้เล่นสโต๊คเลย (ยกเว้นครั้งแรกที่เรียกจุดโทษได้) โอกาสน้อยนิดที่พอจะหาเองได้หรือเพื่อนหามาได้ก็ทำได้ไม่ดีพอจะเป็นประตู ช่วยเชื่อมเกมได้ดีอยู่และยังเล่นไม่ถึงกับแย่ แต่กดดันแนวรับได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น

ตัวสำรอง

สเตอริ่ง - ใช้ความเร็วเลี้ยงจี้กดดันกองหลังได้ดี...อยู่ประมาณ 10 นาที

เฮนเดอร์สัน - ช่วยทำให้เกมรุกตรงกลางดูดีขึ้นนิดหน่อย แต่ก็ทำให้เกมรับตรงกลางดูแย่ลงไปนิดหน่อยเช่นกัน

โคล - ลงไปดับ
 ------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ลิเวอร์พูล 4 - 0 ฟูแล่ม (พรีเมียร์ลีค)


ฟูเละ
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

----------------------ซัวเรส------------------------
ซูโซ่-----------------เชลวี่ย์-----------------ดาวนิ่ง
-----------ลูคัส---------------เจอราร์ด------------
เอนริเก้----แอกเกอร์-----สเคอเทล----จอห์นสัน
-----------------------เรน่า-------------------------

               ลิเวอร์พูลได้เล่นในบ้านเจอกับฟูแล่ม นัดนี้ร็อดเจอร์ตัดสินใจพักอัล เลนกับสเตอริ่งเป็นแค่สำรอง เป็นโอกาสของซูโซ่กับเชลวี่ย์ที่ได้เป็นตัวจริงแทน โดยซูโซ่เล่นทางฝั่งซ้าย ย้ายดาวนิ่งไปขวา ส่วนตำแหน่งอื่นยังเป็นตัวหลักชุดเดิม
-------------------------------------------------------

              เริ่มเกมมาลิเวอร์พูลก็เปิดหน้าแลกบุกใส่ทันที แต่ฟูแล่มไม่ได้แลกด้วย ถอยลงไปเน้นเกมรับอย่างเดียว ทั้งยังขยับน้อย เคลื่อนที่ช้า เข้าบอลช้ามาก เลยกลายเป็นลิเวอร์พูลที่ได้ครองเกมอยู่ฝ่ายเดียว ต่อบอลบุกใส่อย่างต่อเนื่อง แต่วันนี้ลิเวอร์พูลมาแปลกด้วยการขึ้นนำได้อย่างรวดเร็ว ไม่เสียเวลาวืดวาดไปมากอย่างที่ผ่านมาแล้ว แค่นาที 8 จากลูกเตะมุม สเคอเทลได้บอลจังหวะสองหวดตูมเดียวหายให้ทีมนำ 1-0

              สกอร์ขยับแล้วแต่เกมยังไม่เปลี่ยน ฟูแล่มยังคงเล่นกันอย่างเอ้อระเหยลอยชายต่อไป ส่วนลิเวอร์พูลเล่นช้าลงนิดหน่อยแต่ก็ยังได้บอลมากกว่า บุกมากกว่า ได้โอกาสเป็นระยะ จนผ่านครึ่งชั่วโมงแรกของเกมไป ฟูแล่มถึงได้ครองบอลแบบเป็นชิ้นเป็นอันบ้างแต่ก็พาบอลมาไม่ถึงเขตโทษและครอง ได้ไม่นาน ยังคงเป็นลิเวอร์พูลที่เล่นกันไปตามจังหวะได้ดีกว่า และมานำห่างได้จากดาวนิ่งที่จ่ายทะลุให้เจอราร์ดวิ่งสอดขึ้นไปยิงหักข้อผ่าน มือผู้รักษาประตูได้สำเร็จ 2-0

              ฟูแล่มอาจจะดูสกอร์บอร์ดผิดข้างนึกว่าตัวเองนำอยู่ ยังคงเล่นกันแบบปิคนิคต่อไป ส่วนลิเวอร์พูลก็เล่นไปตามจังหวะ ไม่เร่งไม่ผ่อน ก่อนจะจบครึ่งแรกที่สกอร์ดังกล่าว

              เข้าครึ่งหลัง โยลส่งโรดาเยก้าลงมาช่วยเบอร์บาตอฟที่ว้าเหว่อย่างหนักในครึ่งแรก แต่เกมโดยรวมก็ไม่เปลี่ยน ยังคงเป็นลิเวอร์พูลที่ขยันกว่า วิ่งไล่บอลมากกว่า ตัดบอลกลับมาได้เร็วและครองบอลบุกได้ต่อเนื่อง ใช้เวลาไม่นานนักก็มาได้ประตูอีกครั้งในนาที 52 ดาวนิ่งรับบอลแถวริมเส้นก่อนจะตัดเข้ากลางยิงด้วยซ้ายเต็มข้อเข้าไปได้ 3-0

              ผ่านหนึ่งชั่วโมงของเกมไปลิเวอร์พูลก็เริ่มผ่อนเกมลงบ้าง เป็นโอกาสให้ฟูแล่มได้ครองบอลมากขึ้นแต่ฟูแล่มเองก็ทำเกมกดดันอะไรไม่ได้ กองกลางไม่สามารถสร้างสรรเกมรุกได้เลย กลายเป็นเบอร์บาตอฟที่ต้องลงไปทำเกมต่ำแต่ก็หาตัวเปิดให้ไม่ได้ แม้จะได้ลุ้นประตูอยู่บ้างนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้กดดันอะไรแนวรับ ก่อนที่ร็อดเจอร์จะทยอยเปลียนตัวสำรองลงมาบ้างหลังจากเกมเริ่มอืดและครองบอล ได้น้อยลง นาที 71 สเตอริ่งได้ลงแทนซูโซ่ ซึ่งทำให้เกมรุกกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นบ้างอีกครั้ง และนาที 74 อัลเลนแทนเชลวี่ย์ ทำให้ทีมครองบอลได้มากขึ้น

              เข้า 10 นาทีสุดท้ายแล้วแต่ฟูแล่มยังโหมเกมไม่ขึ้ัน แม้จะดันกันขึ้นมาเยอะและเปิดบอลเข้าไปใกล้เขตโทษได้มากขึ้นแต่หาโอกาสยิง แทบไม่ได้ นาที 83 ร็อดเจอร์ส่งคาราเกอร์ลงมาแทนลูคัส เกมทำท่าว่าจะจบแล้ว แต่ในช่วงทดเจ็บ นาที 92 จากลูกเตะมุมเล่นสั้น เอนริเก้พาบอลเลี้ยงไต่ไปตามเส้นหลังก่อนจะเปิดให้ซัวเรสได้ยิงลูกง่ายๆ เข้าไปได้สำเร็จ 4-0 และจบเกมไปด้วยสกอร์ดังกล่าว
-----------------------------------------

              11 ตัวจริงวันนี้ร็อดเจอร์เลือกพักทั้งสเตอริ่งและอัลเลน ซึ่งถ้าดูจากจำนวนที่ทั้งคู่เล่นมาก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ จะมีแปลกไปนิดหน่อยก็คือให้ดาวนิ่งไปเล่นขวา ซึ่งเจ้าตัวก็ทำผลงานได้น่าประทับใจซะด้วย ส่วนเรื่องเปลี่ยนตัวสำรองดูน่าขัดใจอยู่บ้าง เมื่อใช้ทั้งสเตอริ่งและอัลเลนลงมา ไม่ใช่ลงมาแล้วเล่นไม่ดี ออกจะตรงกันข้ามด้วยซ้ำเพราะสเตอริ่งลงมาแล้วทำให้เกมรุกดูดีขึ้นกว่าช่วง 5-10 นาทีก่อนหน้า อัลเลนลงมาแล้วเพิ่มเปอร์เซ็นต์การครองบอลได้ไม่น้อย แต่ที่บอกว่าน่าขัดใจเพราะเกมมันขาดไปแล้ว เวลาที่เหลืออยู่ 20 นาทีรวมกับฟอร์มของฟูแล่มเองดูยังไงก็ไม่น่าต้องเสี่ยงให้ลงมาเล่น

              อย่างไรก็ตาม ขัดใจก็ส่วนขัดใจ แต่สิ่งที่ร็อดเจอร์ใช้ว่าจะไร้เหตุผลซะทีเดียว การเปลี่ยนตัวแบบนี้แสดงให้เห็นสไตล์ของร็อดเจอร์ว่าเน้นกับเรื่องโมเมนตั้ม ของทีมมาก ที่เปลี่ยนทั้งคู่ลงมาประเด็นหลักน่าจะอยู่ที่อยากให้สัมผัสเกมอย่างต่อ เนื่อง ดังนั้นเรื่องโรเตชั่นขั้นเทพแบบเบนิเตซเราคงไม่ได้เห็นในยุคร็อดเจอร์ นอกจากนั้นร็อดเจอร์ดูจะให้ความสำคัญกับ 11 ตัวจริงมาก ใครก็ตามที่เล่นเข้าตาหรือทำผลงานได้ดีรับประกันซ่อมฟรีว่าจะได้ลงและไม่ถูก โยกตำแหน่งไปมา (คงได้เห็นหน้าอัลเลนกันจนเบื่อล่ะงานนี้)

              กลับมาดูเรื่องรูปเกมในวันนี้ สาเหตุสำคัญที่ทำให้ทีมชนะ ขาด ซะขนาดนี้มีอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกคือลิเวอร์พูลใช้โอกาสไม่เปลือง จะว่าไปแล้วมีวันที่ลิเวอร์พูลเล่นเกมรุกได้ดุเดือดกว่านี้อีกหลายนัด ดันยิงทิ้งกันไปเองเรียบ วันนี้กลับจบสกอร์กันได้(ค่อนข้าง)เด็ดขาด รวมทั้งขึ้นนำเร็วด้วยก็เลยยิ่งเข้าทางเพราะไม่ต้องเจอความกดดันเล่นงาน เหมือนที่แล้วๆ มา อย่างที่สองก็คือฟูแล่มเองที่เล่นได้แย่มาก ต้นเกมเหมือนจะมารับแต่คุมพื้นที่ไม่แน่น 1-0 แล้วจะรุกก็ไม่รุก จะรับก็ไม่รับ 2-0, 3-0 แล้วก็ยังไม่ไล่ กลายเป็นลิเวอร์พูลเสียอีกที่วิ่งมากกว่า ก็สมควรแล้วที่โดนไปซะ 4 ลูกแบบนั้น

              ช่วงนี้ก็ดีใจกันไปพลางๆ สัก 3-4 วันก่อน นัดหน้าเจอสโต๊คคงไม่มีโอกาสได้ยิงเยอะแบบนี้แน่ครับ
 ----------------------------------

นัดนี้เล่นกันค่อนข้างดี

เรน่า -ยืนตำแหน่งไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เซฟลูกยิงที่ไม่ถึงกับอันตรายมากนักได้แบบหวาดเสียวสุดๆ 2 ครั้ง และเซฟฟรีคิกที่ค่อนข้างยากได้ดีอีก 1 ครั้ง วันนี้เปิดบอลไม่ค่อยดีเท่าไหร่ โดยรวมแล้วไม่พลาดแต่ยังชวนหลอนอยู่บ้าง

เอนริเก้ - เกมรับที่ไม่ค่อยจะมีทำได้ดีเกือบทุกจังหวะ วิ่งเบียดแย่งบอลได้ดีมาก เกมรุกขึ้นน้อยกว่าทุกวันแต่ขึ้นไปแล้วเป็นชิ้นเป็นอันดี เปิดบอลให้ซัวเรสยิงได้ดีด้วย

สเคอเทล - บอลมาถึงเขตโทษน้อย งานก็เลยเบาไปด้วย เข้าบอลได้แม่นและหนักดี ยิงประตูขึ้นนำได้เยี่ยม ดูมีปัญหากับการขวางทางยิงไกลที่เข้าไปปิดมุมได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ให้เห็น นิดหน่อย

แอกเกอร์ - งานเบากว่าสเคอเทลอีก แค่ผ่านบอลขึ้นหน้าและเก็บลูกโหม่งเท่านั้น ทำได้ดีไม่มีข้อผิดพลาดอะไร

จอห์นสัน - เติมเกมรุกเยอะกว่าเอนริเก้ กระชากบอลสลัดตัวประกบได้ดีไม่ว่าจะไปริมเ้ส้นหรือตัดเข้ากลาง เกมรับมีลงไม่ทันนิดหน่อยแต่ไม่ถึงขั้นเสียหาย

ลูคัส - ผ่านบอลไปรอบๆ ได้ดี เข้าบอลหลวมและขยับตัวช้าไปหน่อย แต่โดยรวมแล้วถือว่าดูดีขึ้นกว่านัดสองนัดที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะคู่ต่อสู้ไม่ค่อยกดดันด้วยเลยเล่นได้ง่าย

เจอราร์ด - วันนี้ยืนค่อนข้างต่ำ หนักไปทางจ่ายบอลยาวเป็นหลักและทำได้ดีมาก ทั้งแม่นและเร็ว ดูมีประโยชน์กับทีมมากกว่าตอนยืนสูงเหมือนสองสามนัดก่อน แม้จะเติมสูงไม่มากนักแต่วันนี้เลือกเติมขึ้นไปได้ดีและทำประตูได้ด้วย

ซูโซ่ - เล่นไม่ค่อยออก ได้โอกาสยิงครั้งนึงก็หลุดกรอบแทบไม่ได้ลุ้น ทำได้ดีในเรื่องการวิ่งไล่, ช่วยเกมรับริมเส้น, ผ่านบอล แต่โดยรวมแล้วไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับเกมเท่าไหร่

ดาวนิ่ง - เล่นได้โดดเด่นมาก ได้บอลไม่เยอะถ้าเทียบกับเวลาที่สเตอริ่งลงสนาม แต่ดาวนิ่งวันนี้ใช้บอลที่ได้ให้เป็นประโยชน์ดีมาก 1 ประตู 1 แอสซิสและยิงเกือบเข้าอีก 2 ครั้ง ขยันวิ่งไล่บอลได้ดี เกมรับช่วยทีมตลอด ตัดบอลจากเท้าคู่ต่อสู้ได้พอสมควรทีเดียว

เชลวี่ย์ - วิ่งทำทางไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพื่อนจ่ายให้ได้ยาก มีส่วนร่วมกับเกมค่อนข้างน้อยถ้าเทียบกับตำแหน่งที่เล่นและจำนวนประตูที่ทีม ทำได้ นอกจากขยันวิ่งไล่แล้วก็ไม่มีอะไรพูดถึงมากนัก

ซัวเรส - เล่นได้ดีมากอีกคนหนึ่ง จ่ายบอลถวายพานให้เพื่อนได้หลายครั้ง แต่เพื่อนจบกันไม่ลง และจ่ายบอลสวยๆ ให้เพื่อนได้เปรียบอีกไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ถ้าเพื่อนร่วมทีมคมกว่านี้ซัวเรสน่าจะได้สัก 3 แอสซิสด้วยซ้ำ ครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของเกมเริ่มหายๆ ไปบ้าง แต่ก็ยังอุตส่าห์หาช่องยิงเป็นประตูจนได้

ตัวสำรอง

สเตอริ่ง - ใช้ความเร็วเลี้ยงจี้กดดันกองหลังได้ดี ทำชิ่งและหาพื้นที่จบสกอร์พอใช้ได้

อัลเลน - ลงไปช่วยให้ทีมครองบอลได้มากขึ้น

คาราเกอร์ - ลงไปเพิ่มสถิติลงสนาม

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...สจ๊วต ดาวนิ่ง... ฟอร์มเริ่มขยับกระดุ๊กกระดิ๊กให้เห็นบ้างแล้ว เล่นเกมรับได้ดีมาก ในขณะที่เกมรุกแสดงทีเด็ดทีขาดให้เห็น
 ------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันเสาร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ลิเวอร์พูล 1 - 3 แอสตัน วิลล่า (พรีเมียร์ลีค)


อันดับเลขตัวเดียวนี่ไกล๊ไกล
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-1-4-1

----------------------ซัวเรส------------------------
เชลวี่ย์------อัลเลน------เจอราร์ด-------สเตอริ่ง
-----------------------ลูคัส-------------------------
ดาวนิ่ง-----แอกเกอร์-----สเคอเทล----จอห์นสัน
-----------------------เรน่า-------------------------

               ลิเวอร์พูลเปิดแอนฟิลด์รับมือแอสตัน วิลล่าในเกมพรีเมียร์ลีค หากชนะนัดนี้ได้น่าจะไต่อันดับขึ้นเลขตัวเดียวได้ (สักที) สภาพทีมค่อนข้างพร้อม ซัวเรสพ้นโทษแบนกลับมาแล้ว ตัวหลักเลือกใช้ได้ทุกคนมีขาดไปแค่คนเดียวคือเอนริเก้ ร็อดเจอร์ตัดสินใจดาวนิ่งเล่นแบ็คซ้ายอีกหนึ่งนัด นอกนั้นก็ยังเป็นผู้เล่นชุดเดิม
-------------------------------------------------------

               เริ่มเกมมาก็เป็นลิเวอร์พูลที่บุกใส่อยู่ข้างเดียว เน้นเกมริมเส้นฝั่งขวาเป็นหลัก ปีกทั้งสองข้างหุบเข้ามาตรงกลางค่อนข้างเยอะ และแบ็คสองฝั่งขึ้นตลอด ทั้งยังตัดการขึ้นบอลของวิลล่าตั้งแต่กลางสนามได้บ่อยครั้ง ทำให้ช่วง 20 นาทีแรก บอลแทบจะอยู่ในฝั่งวิลล่าฝั่งเดียว และลิเวอร์พูลขึ้นเกมรุกได้อย่างราบรื่นโดยเฉพาะฝั่งขวา แม้จะเปิดบอลจังหวะสุดท้ายขาดๆ เกินๆ ไปบ้างแต่ก็พอได้ลุ้นอยู่เป็นระยะ อย่างไรก็ตาม จนแล้วจนรอดก็ทำประตูขึ้นนำไม่สำเร็จ

               ผ่าน 20 นาทีแรกของเกมไป วิลล่าเริ่มครองบอลได้มากขึ้นเล็กน้อย และเริ่มโงหัวขึ้นมาพาบอลผ่านครึ่งสนามมาได้บ้าง แต่ยังไม่มีอะไรใกล้เคียงกับคำว่าลุ้นประตู ทางฝั่งลิเวอร์พูลยังดูดีกว่า พยายามสลับปีกสองฝั่งเล่นและเปิดบอลเข้าเขตโทษได้เป็นระยะ (น้อยลงกว่า 20 นาทีแรกนิดหน่อย) แต่สุดท้ายก็จบสกอร์ไม่สำเร็จ กลายเป็นวิลล่าที่แทบจะเละคาเขตโทษตัวเองอยู่แล้วที่เป็นฝ่ายแสดงความเด็ดขาดให้เห็นในนาที 29 วิลล่าตั้งบอลโต้และพาบอลขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษ เบนเทเก้ได้โอกาสยิงไกลบอลเช็ดเสาแรกเข้าไปได้สำเร็จ ขึ้นนำไปก่อน 1-0

               หลังจากถูกขึ้นนำ เกมรุกของลิเวอร์พูลดูชะงักไปราวๆ 5 นาที วิลล่าได้ครองบอลมากขึ้นแต่ก็ไม่ได้ทำเกมกดดันอะไร ลิเวอร์พูลจึงค่อยๆ กลับมาครองบอลและเปิดเกมได้มากกว่าเหมือนเดิมและจังหวะสุดท้ายก็ยังเหมือน เดิมด้วย วิลล่าก็เลยทำเหมือนเดิมอีกรอบ ในนาที 40 วิลล่าทำเกมเร็ว เบนเทเก้ได้บอลลากเข้าเขตโทษก่อนจะตอกส้นให้ไวมันที่วิ่งเติมขึ้นมาได้ยิงโล่งๆ ไม่มีตัวประกบให้วิลล่านำห่าง 2-0 ก่อนจะจบครึ่งแรกที่สกอร์ดังกล่าว

               ช่วงพักครึ่ง ร็อดเจอร์ส่งโคลลงแทนเชลวี่ย์ เกมยังคล้ายเดิมคือลิเวอร์พูลครองบอลมากกว่าเป็นฝ่ายบุกใส่แต่จังหวะสุดท้าย ทำอะไรไม่ได้ วิลล่าเน้นรับมากขึ้นแล้วอาศัยพื้นที่แดนกลางที่ลิเวอร์พูลเปิดไว้ค่อนข้าง เยอะคอยโต้กลับแล้วก็มาทำได้สำเร็จอีกครั้งในนาที 50 เบนเทเก้(อีกแล้ว) ตัดบอลจากโคลได้ก่อนจะลากเข้าเขตโทษแตะหลบสเคอเทลยิงง่ายๆ แถวจุดโทษให้วิลล่านำลิบ 3-0

               ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลจากที่บุกมากและดันกันขึ้นมาเล่นเกมรุกเยอะอยู่แล้วยิ่ง เร่งเกมมากขึ้นไปอีก ส่วนวิลล่ายังคงเน้นรับปิดพื้นที่แน่นและรอโต้ต่อไป ลิเวอร์พูลยังคงบุกได้ดีเมื่อหาพื้นที่เปิดบอลเข้าเขตโทษ, จ่ายทะลุช่อง, ยิงไกลได้อยู่ตลอดแต่บอลจังหวะสุดท้ายยังไม่ผ่านกองหลังวิลล่า ส่วนวิลล่าเองแม้จะโต้ขึ้นมาได้ไม่มากนักแต่ขึ้นมาแต่ละครั้งได้ลุ้นเยอะ เหมือนกัน

               นาที 60 เฮนเดอร์สันได้ลงมาแทนลูคัสอีกคน ลิเวอร์พูลพยายามทุกวิถีทางในการเจาะแต่บอลสุดท้ายส่วนใหญ่จะกลายเป็นดาว นิ่งที่เติมขึ้นมาเปิดบอล สลับกับจอห์นสันที่ทำเกมเลี้ยงจี้ขึ้นไป ตัดเข้ากลางบ้างกระชากไปเปิดบ้าง แต่กองหลังวิลล่ายังจัดการได้หมด ไม่ว่าลิเวอร์พูลจะพยายามแค่ไหนแต่ยิ่งเล่นไปดูเหมือนวิลล่าจะยิ่งเล่นได้ ง่ายขึ้น ท้ายเกมลิเวอร์พูลมาได้ประตูปลอบใจในนาที 87 จากจอห์นสันที่ยิงไกลนอกเขตโทษ บอลไปเข้าทางเจอราร์ดโหม่งเปลี่ยนทางเข้าไปได้เป็น 3-1 และทำได้ดีที่สุดเพียงแค่นั้น จบเกมที่สกอร์ 3-1
-----------------------------------------

               ชินกันรึยังครับ?

               11 ตัวจริงไม่ต้องสืบ แทคติคไม่ต้องถามถึง ร็อดเจอร์ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรไปจากสิ่งที่เขาทำในนัดก่อนๆ และรูปเกมก็ยังเหมือนนัดก่อนๆ ด้วย ลิเวอร์พูลยังคงบุกได้ดี เมื่อสามารถพาบอลไปถึงพื้นที่สุดท้ายได้บ่อย แต่ตกม้าตายตอนจ่ายบอลเข้าทำ และความผิดพลาดเดิมๆ จากการโดนโต้กลับรวมไปถึงการปิดพื้นที่หน้าเขตโทษได้ไม่ดียังตามมาหลอกหลอน เช่นเคย

               ถ้ามองในมุมแทคติคเพียวๆ วันนี้อย่างเดียวที่ร็อดเจอร์เสี่ยงพลาด (ย้ำว่าเสี่ยงพลาดนะครับ ไม่ใช่ทำพลาด) คือการส่งลูคัสกับอัลเลนลงพร้อมกัน ลูคัสยังเรียกความฟิตและจังหวะการเล่นของตัวเองกลับมาได้ไม่เต็มที่ พอไปรวมกับอัลเลนที่เริ่มเล่นดรอปลงเรื่อยๆ ผสมกันเข้าไปเลยเป็นอย่างที่เห็น ทั้ง 3 ลูกที่เสียกองกลางตัวรับมีส่วนทั้งสิ้นเมื่อไม่สามารถเก็บกวาดหรืออย่างน้อย บีบให้คู่ต่อสู้เหลือทางเลือกน้อยกว่านี้หน่อย แต่ก็อย่างว่าละครับ พูดกันหลังเกม เกรียนก็กลายเป็นเทพได้ ถ้าจะบอกว่าทำไมไม่ใช่เฮนเดอร์สันลงแทนคนใดคนหนึ่ง  ส่วนเรื่องที่ดันสูงและเปิดเกมแลกใส่ตั้งต้นผมว่าร็อดเจอร์เลือกได้ดีแล้ว (และ 20 นาทีแรกควรจะำทำประตูขึ้นนำไปแล้วด้วย) ถ้าเล่นในบ้านเจอกับทีมที่ยิงได้น้อยที่สุดในลีค, อยู่แถวโซนตกชั้น ยังมาเล่นระวังตัวกันอีกสิแปลก ไม่น่าใช่เรื่องของความประมาทครับ

               สิ่งที่ตัดสินผลในวันนี้อยู่ที่ฟอร์มการเล่นของผู้เล่นเป็นหลัก นอกจากลูคัสกับอัลเลนที่พูดถึงไปแล้ว คู่เซ็นเตอร์ก็ดันฟอร์มหลุดกันไปทั้งคู่อีกต่างหาก รวมไปถึงสเตอริ่งที่น่าจะเป็นตัวรุกที่ได้บอลเยอะที่สุด แต่จังหวะสุดท้ายทำได้ไม่น่าประทับใจนัก เลยทำให้เกมนี้หลุดมือไปแบบ(ไม่)น่าเสียดายในที่สุด

               จะว่าไป สเตอริ่ง นี่เป็นผู้เล่นที่แสดงให้เห็นถึงภาพรวมของลิเวอร์พูลชุดนี้ได้ดีมากครับ คือเขาเล่นได้ไม่เลวทีเดียว มีส่วนร่วมกับเกมตลอด จับบอลและครองบอลได้ค่อนข้างดี กระชากบอลก็ทำได้ ความเร็วมี กดดันกองหลังได้ แต่จังหวะสุดท้ายคิดนานเหลือเกินด้วยความขาดประสบการณ์ทำให้ไม่มีความเด็ด ขาด อย่างที่รู้ สเตอริ่งเป็นดาวรุ่งอายุ 18 เล่นได้ขนาดนี้ก็ดีแล้ว ก็เหมือนกับลิเวอร์พูลชุดนี้ที่พึ่งปรับแทคติคเปลี่ยนสไตล์การเล่นกันใหม่ใน ฤดูนี้ เล่นได้ขนาดนี้ก็ดีแล้ว ถ้าจะให้เวลาลิเวอร์พูล เหมือนที่ให้เวลากับสเตอริ่งอีกสักปีสองปี ทีมชุดนี้น่าจะไปได้ไกลกว่านี้เยอะครับ...

               ถ้าจะถามต่อว่าทำไมต้องใช้สเตอริ่ง ทำไมไม่ลงทุนซื้อคนอื่นที่มันใช้ได้เลยหรือเก่งกว่านี้ เหมือนๆ กับที่จะถามว่าทำไมลิเวอร์พูลต้องทำทีมจากผู้เล่นระดับนี้ ไม่ลงทุนทุ่มให้มันมากกว่านี้ล่ะ คำตอบนั้นก็ชัดเจนอยู่แล้วครับว่า "เรา" ไม่ใช่คนตัดสินใจ แต่เป็นเจ้าของทีม ในเมื่อเจ้าของทีมตัดสินใจจะสร้างทีมแบบนี้ก็คงได้แต่ตามดูกันต่อไปเรื่อยๆ ละครับ ไม่ว่าจะเรื่อยๆ แบบดูไปเข้าข้างไป หรือดูไปบ่นไปก็ตาม ที่ไม่อยากให้ลืมกันคือ ถ้าทีมประสบความสำเร็จเราได้ดีใจกับเขาด้วย แต่ตอนเขาเจ๊งเราไม่ได้เจ๊งไปด้วย  อย่าไปคิดมากเลยครับ (นี่ผมบอกตัวเองอยู่ด้วยนะ 555+)

               นัดหน้าว่ากันใหม่
----------------------------------

นัดนี้เล่นกันพอใช้ได้ ค่อนไปทางไม่ดี

เรน่า - 3 ลูกที่เสียไป จะให้บินไปเซฟได้หมดคงไม่ไหว เพราะแต่ละลูกคู่ต่อสู้ได้ยิงแบบไม่มีคนประกบ สองในสามได้ยิงตรงจุดโทษด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากเห็นเรน่าพุ่งไปได้ใกล้เคียงกว่านี้หน่อยจะดีมาก นอกนั้นก็ขึ้นมาช่วยกองหลังต่อบอลได้ดี

ดาวนิ่ง - เล่นได้ไม่เลว เกมรับไม่หลงค่อยหลงตำแหน่งให้เห็นแล้ว เติมขึ้นไปช่วยเปิดบอลได้เยอะและค่อนไปทางดีด้วย แม้ว่าจะไม่มีบอลที่เรียกได้ว่าเอาชนะแนวรับได้เลยก็ตาม

แอกเกอร์ - อ่านเกมไม่ดีนัก ในฐานะเซ็นเตอร์ ดูจะพะวงการขึ้นไปช่วยเกมตรงกลางมากเกินไปหน่อย เข้าซ้อนได้ไม่ดีเอามากๆ แต่การผ่านบอลและพาบอลขึ้นไปตอนเพื่อนเล่นไม่ได้ทำได้ดีทีเดียว

สเคอเทล - โหม่งเบียดไม่ค่อยอยู่คู่ต่อสู้เอาบอลลงหรือชงต่อได้บ่อยทีเดียว ปิดเกมของเบนเทเก้ได้ไม่ดีพอ และอ่านทางบอลได้ไม่ดีนัก

จอห์นสัน - เกมรับลงมาเร็วอยู่แม้จะมีจังหวะลงไม่ทันอยู่พอสมควร เกมรุกเล่นได้ตามสภาพ พอไปได้แต่โดนซ้อนสองก็ไม่ไหว เลือกจังหวะตัดเข้ากลางได้ดีหลายครั้ง

อัลเลน - อ่านเกมได้ไม่ดี โดนคู่ต่อสู้สลัดผ่านไปได้ง่ายมาก เข้าถึงบอลช้า อย่างเดียวที่ยังดีอยู่คือการเชื่อมบอลที่ขยันวิ่งขึ้นลงและทำให้บอลเคลื่อน ไปรอบๆ ได้ดี

ลูคัส - เคลื่อนที่น้อยมาก ปิดพื้นที่หน้าเขตโทษไม่ดีและวิ่งไปแทนตำแหน่งเพื่อนที่ลงไม่ทันแทบไม่ได้เลย ต้องรอเรียกความฟิตต่อไป

เจอราร์ด - วางบอลไปที่ว่างได้ดีและออกบอลเร็วค่อนไปทางดี ที่หายไป(และไม่รู้ว่าจะกลับมาหรือปล่าว)คือการวิ่งสอดทะลุขึ้นไปในเขตโทษ ที่ดูจะช้าไปหนึ่งจังหวะอยู่ตลอด ไม่มีจังหวะทีเด็ดทีขาดให้เห็นเหมือนแต่ก่อน

เชลวี่ย์ - หุบเข้ากลางเยอะ และสอดเข้าไปในเขตโทษได้ดีอยู่หลายครั้งแต่บอลไปไม่ถึง มีส่วนร่วมกับเกมไม่มากนัก

สเตอริ่ง - ขึ้นไปอ่านข้างบนเอาได้เลย

ซัวเรส - เปิดบอลให้เพื่อนได้ดีมากๆ อยู่หลายครั้งในช่วงต้นเกม แต่เพื่อนเอาไปทำเสียหมด พอจะฝืนไปเองบ้างนัดนี้ก็ไม่สำเร็จ หาโอกาสยิงได้พอสมควรแม้ส่วนใหญ่จะยิงไม่ง่ายนักแต่ซัวเรสยิงได้แบบดูไม่จืด เลย ช่วยกดดันแนวรับได้ไม่มากนักเพราะวิลล่าเล่นส่งเซ็นเตอร์มาเพิ่มอีกคนจนหา พื้นที่เล่นแทบไม่ได้เลย

ตัวสำรอง

โคล - มีส่วนร่วมกับเกมและทำผลงานได้ดีกว่าเชลวี่ย์...นิดหน่อย

เฮนเดอร์สัน - ไม่รู้สถานการณ์บังคับหรือปล่าว ลยทำให้เฮนเดอร์สันเล่นได้ก้าวร้าวขึ้นในเกมรุก กล้าให้บอลเสี่ยงมากขึ้น แต่โดยรวมก็ไม่ถึงกับเด่นเด้งอะไรขนาดนั้น
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เวสต์แฮม 2 - 3 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


ใจสู้หรือปล่าว?
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-1-4-1

----------------------เชลวี่ย์------------------------
ดาวนิ่ง------อัลเลน------เจอราร์ด-------สเตอริ่ง
-----------------------ลูคัส-------------------------
เอนริเก้----แอกเกอร์-----สเคอเทล----จอห์นสัน
-----------------------เรน่า-------------------------

               ลิเวอร์พูลเล่นเกมเยือนอีกหนึ่งนัด คราวนี้ออกไปเยือนเวสต์แฮมในเกมพรีเมียร์ลีค โดยมีปัญหาเพียงแค่ตำแหน่งเดียว(แต่สำคัญมาก)คือซัวเรสติดโทษแบนจากการสะสม ใบเหลืองครบ 5 ใบ ร็อดเจอร์เลือกใช้เชลวี่ย์ลงมายืนแทนส่วนตำแหน่งอื่นๆ หน้าเก่าเจ้าประจำยังอยู่กันครบ ส่วนเวสต์แฮมไม่มีคาโรลและวาสเต แต่ยังมีนักเตะคนสำคัญอย่างโคล, ยาวิส, ดิยาเม่รอรับมืออยู่พร้อมหน้า
-------------------------------------------------------

               เริ่มเกมมาทั้งสองทีมพยายามเร่งเกมเร็วใส่กัน เวสต์แฮมเน้นขึ้นทางซ้ายด้วยยาวิสแล้ว เปิดบอลเข้ากลางเป็นหลัก ส่วนทางลิเวอร์พูลเน้นเกมริมเส้นเต็มที่โดยเฉพาะฝั่งขวาที่จอห์นสันเติมขึ้น มาทุกจังหวะ โดยเวสต์แฮมดูดีกว่าเล็กน้อยเมื่อยังได้โยนเข้าเขตโทษอยู่บ้างแม้บอลจะไม่ ค่อยถึงตัวโหม่ง ส่วนลิเวอร์พูลพาบอลขึ้นไปได้ถึงเกือบสุดเส้นแต่หาโอกาสเปิดบอลเข้าทำไ้ด้น ้อยกว่า

               จนกระทั่งถึงนาที 11 จอห์นสันเติมขึ้นไปรับบอลทางริมเส้นก่อนจะ ตัดเข้ากลางมีดาวนิ่งวิ่งทำทางดึงตัวประกบไปให้ จอห์นสันเลยยิงไกลหน้าเขตโทษเอาดื้อๆ บอลพุ่งเสียเสาสองให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-0 และหลังจากนั้นลิเวอร์พูลก็เริ่มบุกกดดันได้ต่อเนื่อง บอลทะลุทะลวงไปถึงเส้นหลังมากขึ้นและหาโอกาสเิปิดบอลเข้ากลางได้ดีขึ้นแต่ ยังจบสกอร์เพิ่มไม่ได้ พอเลย 20 นาทีแรกไปแล้วกลายเป็นเวสต์แฮมที่กลับมาตั้งเกมของตัวเองได้ดีขึ้นทีละน้อย

               นาที 27 โจ โคลลงไปแทนเอนริเก้ที่(น่าจะ)มีอาการบาดเจ็บ ถอยดาวนิ่งลงไปเป็นแบ็คแทน ใช้โคลเล่นฝั่งขวาแล้วโยกสเตอริ่งไปซ้าย ถึงตรงนี้เวสต์แฮมเริ่มใช้บอลยาวให้คาร์ตัน โคลพักบอลเป็นอาวุธหลักเล่นงานลิเวอร์พูลได้ต่อเนื่อง รวมไปถึงยาวิสที่หาช่องเปิดบอลเข้ากลางได้ดีอยู่ตลอด และเวสต์แฮมเข้าบอลได้เร็วจนลิเวอร์พูลเก็บบอลได้น้อยลง กลายเป็นฝ่ายตั้งรับมากขึ้น ใช้เวลากดดันอยู่พักใหญ่ สุดท้ายนาที 36 จากจังหวะที่กองหลังลิเวอร์พูลโหม่งสกัดบอลตกแถวหน้าเขตโทษเวสต์แฮมยิงสวน กลับเข้าไปโดนมืออัลเลนกลายเป็นจุดโทษ โนเบิลยิงไม่พลาดตีเสมอได้ 1-1

               ลิเวอร์พูลพยายามประคับประคองเกมของตัวเองด้วยการพยายามเล่นให้ช้าลง เน้นความแน่นอนมากขึ้นแต่สถานการณ์ไม่ได้ดูดีขึ้นสักเท่าไหร่ เวสต์แฮมยังคงบุกใส่ด้วยพละกำลัง จนผู้เล่นลิเวอร์พูลแทบจะแบนคาเขตโทษตัวเอง สุดท้ายก็ต้านไม่ไหว นาที 43 เวสต์แฮมได้โอกาสครอสบอลจากฝั่งซ้าย เจอราร์ดเบียดขึ้นถึงบอลได้แต่ทรงตัวคุมทางบอลไม่อยู่โหม่งเข้าประตูตัวเอง ไปให้เวสต์แฮมพลิกนำ 2-1 และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว

               เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลสลับฝั่งโคลกับสเตอริ่ง ยังคงพยายามเล่นให้ช้่าลงและสามารถครองบอลได้ดีขึ้น ส่วนเวสต์แฮมเริ่มเน้นคุมพื้นที่แนวรับมากขึ้นอาศัยจังหวะตัดบอลได้เข้าทำ เร็ว แม้ลิเวอร์พูลจะครองบอลได้มากกว่าแต่หาทางเจาะแนวรับได้ยากลำบากมาก หาโอกาสจบสกอร์แทบไม่ได้ ส่วนเวสต์แฮมที่เพลาเกมลงไปบ้างยังคงโต้กลับมากดดันได้เป็นระยะ นาที 71 ร็อดเจอร์ตัดสินใจปรับเกมด้วยการส่งเฮนเดอร์สันลงมาแทนลูคัสแล้วถอยอัลเลนลง ไปเล่นต่ำ ส่วนเวสต์แฮมเสียดิยาเม่ไปเพราะอาการบาดเจ็บทำให้เวสต์แฮมเริ่มโต้กลับมาได้ น้อยลงและลิเวอร์พูลบุกได้ลึกขึ้นจนหาช่องได้สำเร็จ นาที 76 สเตอริ่งทำชิ่งกับเชลวี่ย์ก่อนจะจ่ายทะลุช่องให้โคลหลุดเข้าไปยิงในเขตโทษ ได้สำเร็จ 2-2

               หลังจากตีเสมอได้แล้วลิเวอร์พูลยังเดินหน้าลุยต่อ ส่วนเวสต์แฮมยังกั๊กๆ จะบุกไม่บุก จะรับไม่รับ เลยเป็นโอกาสของลิเวอร์พูลที่กดดันได้ต่อเนื่องและไม่นานนักก็แซงนำได้ สำเร็จ นาที 79 เฮนเดอร์สันหาพื้นที่ว่างแถวริมเส้นขวาได้ก่อนจะเปิดเข้ากลางมาให้เชลวี่ย์ เข้าชาร์จ สุดท้ายเป็นตัวประกบอย่างคอลลินที่สกัดผิดเหลี่ยม(อีท่าไหนไม่รู้)บอลเด้ง ข้ามหัวยัสเคไลเน่นเข้าไปให้ลิเวอร์พูลนำ 3-2

               พอโดนแซงนำเวสต์แฮมก็เลิกคิดมากพยายามเปิดเกมรุกทันทีแต่ความแม่นยำลดลงจาก ช่วงครึ่งแรก พละกำลังในการวิ่งไล่หรือเข้าบอลเร็วลดลงอย่างฮวบฮาบทำให้ต่อเกมขาดๆ เกินๆ และการเปิดเกมรุกของเวต์แฮมทำให้กองกลางลิเวอร์พูลเริ่มมีพื้นที่เล่นมาก ขึ้่น มีเวลามากขึ้น สามารถบุกโต้กลับไปได้ดีและเกือบได้ประตูเพิ่มอยู่หลายครั้งแต่ทำไม่สำเร็จ นาที 86 โคอาเตสได้ลงแทนอัลเลนโดยรับหน้าที่ประกบโคลโดยเฉพาะ ลิเวอร์พูลเริ่มหันมาเล่นปิดเกมและเน้นเกมรับเหนียวแน่น ส่วนทางเวสต์แฮมเปิดเกมบอบม์ใส่เขตโทษเต็มที่แต่ความแม่นยำและพละกำลังไม่ เอื้ออำนวยแล้ว สุดท้ายลิเวอร์พูลเลยปิดเกมเอาชนะไปได้สำเร็จ 3-2
-----------------------------------------

               เกมวันนี้ประเด็นสำคัญคงหนีไม่พ้นเรื่องที่ลิเวอร์พูลไม่มีซัวเรส เพราะต่อให้หลับตาดูก็รู้ว่าซัวเรสสำคัญกับเกมรุกของลิเวอร์พูลมากขนาดไหน รวมไปถึงการทำประตูที่คนอื่นๆ ช่วยยิงได้จำกัดจำเขี่ยเหลือเกินในฤดูนี้ ในเรื่องของคนที่จะลงมาเล่นแทนตำแหน่งซัวเรส ร็อดเจอร์ตัดสินใจส่งเชลวี่ย์ลงมาเล่นในตำแหน่งดังกล่าว แต่เชลวี่ย์เองก็เล่นได้ไม่ค่อยดีนักเมื่อเก็บบอลไม่ได้และช่วยทำเกมรุกได้ น้อย อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการทำเกมรุกโดยไม่มีซัวเรส ลิเวอร์พูลทำได้น่าประทับใจทีเดียวเมื่อสามารถหาช่องเจาะเข้าทำได้ีแม้่ใน ช่วงที่คู่ต่อสู้ปิดพื้นที่แน่น และยังอุตส่าห์จบสกอร์ได้ถึง 3 ประตูอีกด้วย

               เรื่องแทคติคในสนามวันนี้ก็ดูสนุกดี เมื่อทั้งสองทีมสู้กันด้วยแทคติคอย่างแท้จริง ผลัดกันแก้เกมแก้ทางกันอยู่ตลอดตั้งแต่ต้นยันจบเกม ลิเวอร์พูลกองหน้าเก็บบอลไม่ได้ก็ไม่ฝืน เล่นเน้นแต่ริมเส้นเข้าว่ากองหน้าช่างหัวมันเลยได้ขึ้นนำก่อน เวสต์แฮมเห็นลิเวอร์พูลพึ่งไปเล่นยูโรป้ามาเลยวิ่งไล่กระทืบเสียตั้งแต่ ครึ่งแรก อัดเอาๆ จนนำได้สำเร็จก่อนจบครึ่งแรก พอเข้าครึ่งหลังจะเร่งต่อก็หัวใจวายตายกันพอดี หันมาผ่อนเกมปิดพื้นที่โต้ยาวตามสูตรตีหัวเข้าบ้าน  ทำได้ดีแล้วด้วยเพราะลิเวอร์พูลเจาะไม่เข้า ลิเวอร์พูลเห็นเวสต์แฮมเลิกไล่อัดเลยถอดตัวเคาะออกไปหนึ่ง ส่งตัวเคาะ(แต่หลังๆ ฟอร์มเริ่มกระเตื้อง)ที่เล่นเกมรุกดีกว่าลงมาแทนสุดท้ายเจาะเข้าแซงนำ เวสต์แฮมเข้าตาจนก็ปูพรมบอมใส่ซะ ลิเวอร์พูลเลยส่งเสาโทรเลขมาค้ำอีกต้นจบเกมรอดตัว ดูเฉพาะแทคติคนั่นสูสีและทันกันดีทีเดียวครับวันนี้ ถ้าดิยาเม่ไม่เจ็บซะก่อน หรือสเตอริ่งจ่ายทะลุลูกนั้นไม่สำเร็จ เกมนี้ก็จะจบอีกแบบแล้ว ผู้จัดการทีมทำได้ดีทั้งสองคนครับ

               สิ่งที่น่าสนใจในเกมนี้คือลิเวอร์พูลดูจะได้กุศลผลบุญจากการผจญกรรมในการ เล่นบอลถ้วย(โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกมยูโรป้า)มาไม่น้อย ตำแหน่งกองหน้าในวันที่ไม่มีซัวเรส ร็อดเจอร์ใช้เกมยูโรป้าลองมาหมดแล้วก่อนจะมาลงตัว(หมายถึงดูแย่น้อยสุด)กับ การใช้เชลวี่ย์เป็นหน้าเป้าแล้วเล่นบอลทรงเดิม ไม่ต้องใช้หน้าคู่ไม่ว่าจะ 4-4-2 หรือ 3-5-2 ตำแหน่งแบ็คซ้ายดาวนิ่งก็ได้ลองมาเต็มๆ หลายครั้งแล้ว อย่างน้อยที่สุดก็พอจะรักษาตำแหน่งตัวเองได้ รวมไปถึงโคลที่ได้ลงมาเคาะสนิมเป็นระยะในยูโรป้าเลยพอจะทำอะไรได้บ้างในนัด นี้ด้วย

               กระนั้นก็ตาม หากพูดถึงเรื่องในสนามล้วนๆ นัดนี้ต้องบอกว่าสิ่งที่ทำให้ลิเวอร์พูลพลิกกับมาได้ในที่สุดเป็นเรื่องของ ใจ ในช่วงที่โดนแซงนำลิเวอร์พูลยังพอประคับประคองตัวเองได้ในเกมรับ ไม่เหมือนช่วงต้นฤดูกาลที่ยิ่งโดนยิ่งรั่ว และเกมรุกในช่วงที่สถานการณ์บีบแบบนี้ก็อดทนและเล่นในเกมของตัวเองได้ดีพอ ไม่เหมือนช่วงก่อนที่ยิ่งเร่งยิ่งมั่ว เมื่อสติยังดีและใจสู้พอ สุดท้ายโชคก็ตามมาเมื่อดิยาเม่ร่วงไปก่อนเพื่อน, คาร์ตัน โคลหมดแรง ปิดท้ายด้วยคอลลินสกัดเข้าประตูตัวเอง

               ถ้าท้อไปก่อนก็คงได้โทษกรรมการ ทำไมผู้เล่นเวสต์แฮมถีบยอดอกสเตอริ่งแล้วได้แค่เหลือง ทำไมเสียจุดโทษจังหวะอัลเลนทั้งๆ ที่น่าจะเป็นจังหวะบอลทูแฮนด์ ทำไมเชลวี่ย์โดนขัดขาไม่ได้จุดโทษ ทำไมโน่น ทำไมนี่ แต่สุดท้ายแพ้...ไม่กลับมาชนะได้อย่างนี้หรอก

               ไม่สู้ก็ไม่มีโชคหรอกครับ
----------------------------------

นัดนี้เล่นกันค่อนไปทางดี

เรน่า - เล่นบอลกับเท้าได้ดีมาก ช่วยรักษาการครองบอลได้เยอะ ตัดลูกกลางอากาศได้ดีเกือบตลอดเกม จะมีช่วงท้ายๆ ที่เริ่มจั่วลมก็พอเข้าใจได้ ลูกยากไม่มีให้เซฟ 2 ลูกที่โดนก็ทำได้เต็มที่แล้ว

เอนริเก้ - เจ็บก่อนจะได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

แอกเกอร์ - มีปัญหากับโคลตลอด เอาไม่ค่อยอยู่ ทำได้แค่ประคองไม่ให้คู่ต่อสู้พลิกได้ ลูกกลางอากาศทำได้แค่ประคองตัวโหม่งได้แต่โหม่งไม่ค่อยขาด ช่วงกลางครึ่งหลังดันขึ้นไปช่วยเชื่อมเกมถึงกลางสนามได้ดีมาก

สเคอเทล - เอาโคลไม่อยู่เหมือนกัน (โคลคนเดียวเล่นงานคู่เซนเตอร์อ่วมเลย) ซ้อนแบ็คได้ช้ามาก แต่ยังสกัดจังหวะสุดท้ายได้แบบหวุดหวิดหลายครั้ง ลูกกลางอากาศแค่พอใช้ไม่ถึงกับดี

จอห์นสัน - ครึ่งแรกเติมเกมได้ดี โดยเฉพาะการพาบอลตัดเข้ากลางที่ทำได้ดีหลายครั้ง ทำประตูได้ด้วย ครึ่งหลังก็ยังขึ้นไปช่วยได้บ้างแต่น้อยลง อย่างไรก็ตาม เกมรับเล่นได้ไม่ดี ปิดทางการเปิดบอลเข้ากลางของยาวิสได้เข้าขั้นอนาถบาดใจมาก

อัลเลน - ขึ้นไปเล่นข้างหน้ามากขึ้นอีกหนึ่งนัด ทำได้ดีกว่านัดก่อนแต่ยังไม่ใกล้เคียงกับคำว่า "ดีแล้ว" หาช่องพาบอลขึ้นไปเองได้ดีแล้วแต่ทำบอลเสียบ่อยในแดนหน้า

ลูคัส - ความฟิตยังไม่สมบูรณ์ ความเด็ดขาดในการเข้าสกัดยังมีไม่มากเท่าช่วงก่อนเจ็บยาว แต่ยังพอหยุดเกมรุกคู่ต่อสู้ได้บ้าง ปิดพื้นที่หน้าเขตโทษได้ดีทีเดียว

เจอราร์ด - วางบอลไปที่ว่างได้ดี เป็นคนทำให้จอห์นสันเล่นได้โดดเด่นในครึ่งแรก และทั้งเกมจ่ายบอลขึ้นหน้าได้ดีที่สุดในทีม แต่พาบอลไปเองไม่ไหว การเลี้ยงลุยขึ้นไปเองหรือวิ่งทำทางไปรับบอลข้างหน้ากดดันคู่ต่อสู้ไม่ได้ แล้ว

ดาวนิ่ง - ตอนเล่นปีกไม่โดดเด่น ตอนเล่นแบ็คก็พอประคองตัวไปได้ในเกมรับ (เวสต์แฮมไม่ค่อยขึ้นทางขวา) รักษาตำแหน่งได้ดีขึ้น เก็บบอลจังหวะสองไม่ค่อยได้ เปลี่ยนรับเป็นรุกไม่ได้ แต่ยังเคลียร์บอลได้อยู่ แอบเติมขึ้นไปเปิดบอลเข้ากลางสวยๆ ได้บ้างนิดหน่อย

สเตอริ่ง - กลายเป็นตัวรุกคนสำคัญ ถูกโยกไปโยกมาอยู่ตลอด เดี๋ยวซ้ายเดี๋ยวขวาเดี๋ยวกลาง โดนอัดยับตั้งแต่ต้นเกม ครองบอลแทบไม่อยู่ แต่พอผู้เล่นเวสต์แฮมเริ่มล้า สเตอริ่งค่อยๆ ทำได้ดีขึ้นตามลำดับ จนกระทั่งเปิดให้โคลยิงตีเสมอได้ พอเวสต์แฮมเปิดพื้นที่ให้เล่นมากขึ้น สเตอริ่งเป็นตัวหลักในการทำเกมโต้กลับซึ่งทำได้ดีหลายครั้ง

เชลวี่ย์ - เก็บบอลไม่ได้ มีส่วนร่วมกับเกมน้อย หาช่องแทบไม่เจอ แต่ยังขยันวิ่งไปวิ่งมาทั้งทำทางทั้งพยายามขึ้นโหม่งและจ่ายบอลเร็ว ในฐานะกองหน้าเล่นได้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ในฐานะกองกลางที่โดนดันขึ้นไปเล่นข้างหน้าแบบสถานการณ์บังคับก็ถือว่าพอ ใช้ได้ เมื่อดูจากการมีส่วนร่วมกับ 2 ประตูหลัง

ตัวสำรอง

โคล - ทำเกมรุกได้ไม่ค่อยดีนัก ประสานงานกับเพื่อนผิดพลาดบ่อย(น้อยลงแล้ว) ที่ทำได้ดีคือความนิ่งในการเล่นในกรอบเขตโทษ ไม่ลนลานและไม่มั่ว จบสกอร์ให้ทีมตีเสมอได้ดี

เฮนเดอร์สัน - พยายามเล่นเกมรุกมากขึ้นและทำได้ดีเมื่อหาช่องรับบอลและเปิดบอลให้ทีมแซงนำได้สำเร็จ วันนี้จ่ายบอลไปข้างหน้าได้มากขึ้น

โคอาเตส - โหม่งน่ะโหม่งได้ แต่เสียฟาลว์ง่ายไปนิดนึง โดยรวมพอใช้ได้

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ราฮีม สเตอริ่ง... ต้นเกมดูไม่จืด แต่ยิ่งเล่นยิ่งดีขึ้น ใจสู้ัและสมาธิอยู่กับเกมดี
 ------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555

อูดิเนเซ่ 0 - 1 ลิเวอร์พูล


เอ่อ...มันต้องชนะแล้วล่ะ
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

----------------------ซัวเรส-----------------------
ดาวนิ่ง------------เฮนเดอร์สัน--------------ซูโซ่
-----------อัลเลน---------------ซาฮิน------------
เอนริเก้----สเคอเทล----คาราเกอร์----จอห์นสัน
-----------------------เรน่า-------------------------

               ลิเวอร์พูลออกไปเยือนอูดิเนเซ่ที่อิตาลีในเกมยูโรป้าลีครอบแบ่งกลุ่มนัดสุด ท้าย ลิเวอร์พูลถ้าชนะได้จะเข้ารอบแน่นอนแบบไม่ต้องรอดูผลอีกคู่ นัดนี้ร็อดเจอร์ใช้ผู้เล่นตัวหลักเยอะกว่าที่ผ่านมา แดนหลังมีคาราเกอร์ลงมาแทนแอกเกอร์นอกนั้นก็เป็นตัวหลักทั้งหมด แดนกลางไม่มีลูคัสกับเจอราร์ดเป็นโอกาสของซาฮินกับเฮนเดอร์สัน โดยมีอัลเลนกลับมาเล่นตำแหน่งถนัด ตัวริมเส้นซูโซ่กับดาวนิ่งได้ลงก่อนสเตอริ่ง และซัวเรสยืนเป็นหน้าเป้าแบบไม่ต้องคิดอะไรมากเพราะนัดต่อไปถูกแบนเล่นไม่ ได้ ส่วนทางฝั่งอูดิเนเซ่ที่ตกรอบแหงแก๋ไปเรียบร้อยส่งตัวสำรองลงมาพอสมควร เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งดินาตาเล่ที่ได้แค่รออยู่ข้างสนามเท่านั้น
-------------------------------------------------------

               เริ่มเกมมาลิเวอร์พูลดันกันขึ้นมาสูงพยายามจะเปิดเกมรุกใส่ตั้งแต่ต้นแต่ ผ่านบอลกันได้ไม่ดีพอเลยครองบอลได้ไม่ต่อเนื่องนัก ส่วนอูดิเนเซ่เล่นกันไปตามจังหวะ ขึ้นบอลค่อนข้างสะเปะสะปะ ตั้งเกมของตัวเองไม่ได้ แต่วิ่งไล่บอลได้ค่อนข้างดี รวมไปถึงเข้าบอลหนักหยุดเกมของลิเวอร์พูลได้พอใช้ ทำให้เกมโดยรวมเล่นกันค่อนข้างช้าและไม่ค่อยได้ลุ้นทั้งคู่ นาที 12 ซาฮินที่อุตส่าห์ได้เป็นตัวจริงเกิดอาการบาดเจ็บกลายเป็นเชลวี่ย์ได้ลงสนาม มาแทน โดยเชลวี่ย์ลงมายืนถอยเอาเฮนเดอร์สันลงไปเชื่อมเกมตรงกลางแทน

               ผ่าน 15 นาทีของเกมทั้งสองฝ่ายเริ่มหาโอกาสเจาะเข้าไปในเขตโทษได้บ้างแต่ยังได้ลุ้น ไม่มากนัก โดยเป็นลิเวอร์พูลที่ดูดีกว่าเล็กน้อย และในที่สุดก็มาได้ประตูขึ้นนำในนาที 23 จากจังหวะลูกเตะมุม ซัวเรสขึ้นโหม่งไปเสาสอง บอลเข้าทางซูโซ่แตะกลับมาให้เฮนเดอร์สันยิงเข้าไปได้ 1-0 หลังจากสกอร์ขยับรูปเกมก็ยังไม่เปลี่ยน อูดิเนเซ่ไม่ได้เร่งขึ้นมาและลิเวอร์พูลเองก็ไม่ได้เน้นจะเก็บบอลอะไรมากนัก

               เข้า 10 นาทีท้ายของครึ่งแรก ลิเวอร์พูลยังคงเจาะได้เป็นระยะ ได้ลุ้นนิดหน่อย ส่วนอูดิเนเซ่พยายามเน้นเกมริมเส้นเปิดเข้ากลางไปลุ้นในเขตโทษแต่ก็ไม่ได้กด ดันอะไร ก่อนจะจบครึ่งแรกไปแบบอืดๆ 1-0

               เข้าครึ่งหลัง อูดิเนเซ่ลงมาวิ่งไล่มากขึ้น เข้าถึงบอลได้เร็วขึ้น ทำให้ต้นเกมเป็นฝ่ายครองบอลบุกใส่ได้มากกว่า แต่จังหวะเข้าทำยังเจาะแนวรับไม่ค่อยได้ บอลที่เปิดเข้ามาจากริมเส้นก็ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้ลิเวอร์พูลที่ได้บอลน้อยลงก็ไม่ถึงกับโดนกดดันมากนัก ยังสามารถทำเกมรุกขึ้นไปถึงเขตโทษได้อยู่และได้ลุ้นประตูมากกว่าด้วย แต่เกมโดยรวมยิ่งเล่นยิ่งอืด อูดิเนเซ่ขึ้นบอลพลาดเยอะ ส่วนลิเวอร์พูลก็ยิ่งเล่นยิ่งช้า

               นาที 71 สเตอริ่งได้ลงมาแทนซูโซ่ รูปเกมยังคงไม่เปลี่ยนแต่อูดิเนเซ่มาพลาดเองอีกครั้งในนาที 79 ปาสควาเร่เข้าถึงบอลช้าไปสอยเอาข้อเท้าของสเตอริ่งที่บังไำว้ได้ดี ทำให้ปาสควาเร่โดนเหลืองที่สองและอูดิเนเซ่เหลือแค่ 10 คน อย่างไรก็ตาม แม้ตัวผู้เล่นจะมากกว่าแต่ลิเวอร์พูลไม่ได้เร่งเกมขึ้นมามากนักแต่เลือกที่ จะเล่นช้าลงและเน้นครองบอลเอาไว้กับตัวมากกว่า ยิ่งเวลาเหลือน้อยลิเวอร์พูลก็เล่นไปเกร็งไป ออกบอลพลาดบ้าง ครองบอลไว้กับตัวพลาดบ้าง โอกาสได้ลุ้นประตูที่มีมาเป็นระยะก็พลาดหมด แต่อูดิเนเซ่ก็ไม่สามารถทำเกมกดดันอะไรได้มากนัก

               ช่วงท้ายเกมอูดิเนเซ่เปลี่ยนเอาดินาตาเล่ลงมาแล้วก็เป็นดินาตาเล่ที่เกือบทำ เอาแฟนบอลลิเวอร์พูลกริบกันทั้งยวง ที่นาทีสุดท้ายของช่วงทดเจ็บสามารถพลิกบอลเข้าไปในเขตโทษมีโอกาสสับไกยิงแบบ ไม่มีคนขวางแต่บอลเหินข้ามคานไปนิดเดียว ทำให้ลิเวอร์พูลเอาตัวรอดมาได้ สำเร็จ 1-0 แถมได้เป็นแชมป์กลุ่มแบบงงๆ เมื่อผลอีกคู่ยังบอยส์เปิดบ้านอัดอันจิไป 3-1 ทำให้ลิเวอร์พูลกับอันจิมี 10 แต้มเท่ากัน เฮดทูเฮดเท่ากัน (ชนะในบ้าน 1-0 ทั้งคู่) และประตูได้เสีย +2 เท่ากัน แต่ลิเวอร์พูลยิงได้มากกว่า (ได้ 11เสีย9, อันจิได้ 7เสีย5)
-----------------------------------------

               11 ตัวจริงวันนี้ดูแล้วร็อดเจอร์ก็ไม่ถึงกับไม่ได้สนใจถ้วยนี้เสียทีเดียวเมื่อ จัดตัวหลักลงเกือบครบทีม (ถ้ามีเจอราร์ดกับสเตอริ่งลงมาก็ครบแล้ว) ประกอบกับโชคดีในโชคร้ายที่ซัวเรสโดนแบนในเกมลีคอยู่แล้วเลยมีซัวเรสแถมมา ด้วยอีกต่างหาก สวนทางกับฝั่งอูดิเนเซ่ที่จัดเต็มทั้งส่งตัวสำรองลงประปราย, เล่นแบบไม่ค่อยมีแรงฮึด, แฟนบอลก็ไม่ค่อยเข้ามาเชียร์ ทำให้ลิเวอร์พูลที่เล่นกันไม่ถึงกับดีนักสามารถควบคุมเกมอยู่ในมือได้ตลอด ตั้งแต่ต้นยันจบเกม

               วันนี้เกมรุกลิเวอร์พูลดูตะกุกตะกัก เกมริมเส้นที่ดีมาตลอดในช่วงหลังแทบดับสนิท ผ่านบอลขึ้นหน้าก็ช้าและพลาดบ่อย แต่ทั้งอย่างนั้นด้วยความที่แนวรับอูดิเนเซ่คุมพื้นที่ได้ไม่ดีเอามากๆ ทำให้ลิเวอร์พูลก็หาช่องเจาะขึ้นไปลุ้นประตูได้บ่อยโดยเฉพาะการวิ่งสอดจาก แถวสองเกือบจะทำประตู 2-0 ปิดเกมไปได้ไม่ต่ำกว่า 4-5 ครั้งแต่การจบสกอร์ยังคงเป็นปัญหาอยู่ต่อไป ส่วนเกมรับลิเวอร์พูลเองก็ทำได้แค่พอใช้ไม่ได้เหนียวแน่นอะไรมากนักแต่อูดิ เนเซ่ทำเกมรุกไม่ดีพอเอง ไม่มีเกมเจาะตรงกลางหรือยิงไกล เน้นขึ้นที่ริมเส้นเป็นหลักแต่พอได้โอกาสก็เปิดบอลเข้ากลางแทบไม่ได้ลุ้น ทั้งยังขึ้นบอลพลาดเองเยอะ เข้าบอลไม่ระวังจนเหลือ 10 คนอีกต่างหาก เยอะครับ อูดิเนเซ่เยอะมากครับนัดนี้

                ...อูดิเนเซ่จัดให้ขนาดนี้ ไม่ชนะอีกก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วครับ...
----------------------------------

นัดนี้เล่นกันพอใช้ได้

เรน่า - ไม่ได้เซฟลูกอันตรายสักลูก จังหวะที่ได้ลุ้นแบบจริงๆ จังๆ ของอูดิเนซ่พี่แกยิงหลุดกรอบกันเองหมด เอาตัวรอดในจังหวะโดนไล่ได้ดี แต่วันนี้เตะเปิดเกมได้แย่

เอนริเก้ - เกมรับก็ลงไปรับ เกมรุกก็ขึ้นไปรุก วิ่งขึ้นวิ่งลงตลอด จ่ายบอลได้เสียแบบมีลุ้นได้บ้างแต่ไม่ค่อยผ่านแนวรับ ครองบอลจังหวะรุกไม่ค่อยเหนียวแน่นเท่าไหร่ เกมรับไม่ผิดพลาดอะไร

คาราเกอร์ - ช้าไปบ้างแต่อ่านเกมได้ดี ตัดฟาลว์กลางสนามไม่ให้คู่ต่อสู้สวนกลับได้ดีหลายครั้ง (ถ้าเร็วกว่านี้คงไม่ฟาลว์แล้วล่ะ) ท้ายเกมเสียท่าโดนดินาตาเล่พลิกหลบไปได้ดีว่าทีมไม่เสียประตู

สเคอเทล - เสียฟาลว์บ่อยในจังหวะเข้าบอลตัดหน้าคู่ต่อสู้ รู้ว่ากรรมการนกหวีดเบาก็ไม่เปลี่ยนวิธีเข้าบอล แต่นอกนั้นก็ถือว่าเล่นได้ดี เข้าสกัดได้เด็ดขาดแม่นยำ ลูกกลางอากาศไม่มีพลาดให้เห็น

จอห์นสัน - ประกบตัวรุกพลาดโดนพลิกบอลไปได้หลายครั้งเหมือนกัน ปิดเกมริมเส้นทางแคบไม่ค่อยดีนัก เกมรุกพยายามเติมขึ้นไปบ่อยครั้งแต่ไม่ค่อยได้บอล

อัลเลน - มีปัญหากับการโดนวิ่งไล่ รวมไปถึงการผ่านบอลที่แม้จะพลาดไม่มากนัก แต่ทำได้ช้าลงกว่าที่ผ่านมา ทำให้บอลไปข้างหน้าช้า

ซาฮิน - ซวย

เฮนเดอร์สัน - วันนี้วิ่งทำทางเข้าไปในเขตโทษได้ดีหลายครั้ง นอกจากยิงประตูชัยได้แล้ว ยังได้ลุ้นอีกครั้งสองครั้ง และอีกหลายครั้งที่อยู่ในตำแหน่งแล้วแต่บอลมาไม่ถึง ส่วนจังหวะที่ลงไปช่วยเชื่อมเกมกลางสนาม ผนึกกำลังกับอัลเลนในการเคาะบอลอยู่กลางสนามเหมือนแข่งกันว่าใครเบื่อก่อนค่อยให้คนนั้นส่งบอลขึ้นมาข้างหน้า

ดาวนิ่ง - แปะบอลไปมา เกมรุกกลายเป็นเอนริเก้ที่ทำได้เป็นชิ้นเป็นอันกว่า เกมรับก็เป็นเอนริเก้ที่ลงไปเล่นไปไล่มากกว่า นอกจากทำให้ทีมมีครบ 11 คนแล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าดาวนิ่งลงไปทำอะไรในเกมนี้

ซูโซ่ - โดนเข้าบอลหนักอยู่ตลอด ครองบอลไม่ค่อยอยู่และไม่มีเวลาให้คิดมากนัก เล่นไม่ค่อยออกเท่าไหร่แต่ก็ยังอุตส่าห์วิ่งเข้าไปหาจังหวะจบได้ดี(แต่จบไม่ ดี) 2 ครั้ง และเป็นคนเปิดกลับมาให้เฮนเดอร์สันยิงประตูสำคัญด้วย

ซัวเรส - มีเหนี่ยวมีดึงอยู่ตลอดในจังหวะวิ่งเข้าไปหาบอล วิ่งทำทางและกดดันแนวรับได้ดี ดึงตัวประกบให้เพื่อนเติมได้ตลอด เก็บบอลได้ค่อนข้างดีและหาช่องยิงเองได้พอสมควร แต่พลาดเองหมดเช่นเคย

ตัวสำรอง

เชลวี่ย์ - เล่นได้ดีในครึ่งแรกที่เรียกฟาลว์ได้บ่อย วิ่งทำทางและหาที่ว่างดี มีส่วนร่วมกับเกมรุกเยอะ พอเข้าครึ่งหลังก็หายไปจากเกม หนักไปทางวิ่งไล่บอลคุมพื้นที่เป็นส่วนใหญ่

สเตอริ่ง - ลงไปเล่นตามแทคติคเมื่อสามารถดึงดูดสตั๊ดได้ตลอดเวลา นอกจากจะทำให้คู่ต่อสู้โดนไล่ออกไปคนแล้วยังสามารถเรียกฟาลว์และกดดันให้คู่ต่อสู้ต้องสกัดทิ้งได้หลายครั้ง แต่นอกนั้นก็ไม่ได้มีโอกาสทำอะไรมากนัก

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่... ขอบคุณที่ยิงหลุดกรอบฮะ :)
 ------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ลิเวอร์พูล 1 - 0 เซาท์แธมตัน (พรีเมียร์ลีค)


นาทีนี้ ชนะก็เอาแล้วครับ
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-1-4-1

----------------------ซัวเรส-----------------------
เชลวี่ย์------อัลเลน-------เจอราร์ด------สเตอริ่ง
-----------------------ลูคัส------------------------
เอนริเก้-----แอกเกอร์----สเคอเทล----จอห์นสัน
-----------------------เรน่า------------------------

               ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับทีมท้ายตารางอย่างเซาท์แธมตัน ร็อดเจอร์ปรับทีมอีกครั้ง คราวนี้ดูมีสมดุลมากขึ้นเมื่อถอยเอนริเก้กลับไปเป็นแบ็คและได้ลูคัสกลับมา ยืนหน้าแผงกองหลัง โดยตั้งใจเปิดเกมรุกเต็มทีด้วยการดันทั้งอัลเลนและเจอราร์ดขึ้นไปทำเกมรุก ปล่อยลูคัสไว้ด้านหลังคนเดียว มีแปลกไปตรงตำแหน่งริมเส้นที่ใช้เชลวี่ย์ นอกนั้นก็ยังเป็นผู้เล่นชุดเดิม
-------------------------------------------------------

               เริ่มเกมเซาท์แธมตันพยายามวิ่งเข้าหาบอลเร็วเพื่อชลอเกมของลิเวอร์พูล ทำได้ดีค่อนข้างดีแต่เก็บบอลเล่นเองไม่ได้ ส่วนทางด้านลิเวอร์พูลขึ้นบอลได้ค่อนข้างช้าเพราะโดนไล่ รวมไปถึงจ่ายบอลผิดพลาดกันเองเยอะ แต่ยังคงพาบอลขึ้นไปบุกใกล้เขตโทษได้อยู่เป็นระยะ โดยลิเวอร์พูลเน้นเกมรุกริมเส้น ใช้การเติมเกมรุกของแบ็คสองฝั่งเป็นอาวุธหลัก สเตอริ่งสลับไปเล่นซ้ายทีขวาที (อยู่ทางซ้ายเป็นส่วนใหญ่) เชลวี่ย์หุบเข้าไปช่วยตรงกลางและเติมเข้าเขตโทษ

               เซาท์แธมตันแสดงเจตนามาอุดอย่างเดียว แถมไม่ครองบอลตั้งเกมบุกเลย รวมไปถึงไม่สามารถโต้ขึ้นมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนทางลิเวอร์พูลหาช่องเจาะได้บ้างโดยเฉพาะทางฝั่งขวาที่แบ็คซ้ายดาวรุ่ง ของเซาท์แธมตันเล่นได้ไม่ดีนัก แม้จะได้ลุ้นได้ยิงบ้างแต่ก็ยังไม่จะแจ้งนักและยังไม่สามารถทำประตูขึ้นนำ ได้ เล่นไปเล่นมาทำให้เกมรุกของลิเวอร์พูลดูกดดันตัวเองมากขึ้น จ่ายบอลจังหวะสุดท้ายพลาดกันไปเองเป็นส่วนใหญ่

               เกมครึ่งแรกทำท่าจะจบแบบไร้สกอร์ แต่แล้วนาที 43 ลิเวอร์พูลมาได้ฟรีคิก ซัวเรสยิงไปชนคานแต่จอห์นสันเก็บบอลได้ หาช่องเปิดกลับเข้ามาให้แอกเกอร์ขึ้นโหม่งแถวๆ จุดโทษผ่านมือผู้รักษาประตูให้ทีมขึ้นนำได้สำเร็จ 1-0 และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว

               เข้าครึ่งหลัง เซาท์แธมตันเปิดเกมรุกมากขึ้น โดยเน้นบอลยาวและเข้าทำเร็ว รวมไปถึงแผงกลางแผงหลังวิ่งเติมกันขึ้นมามากขึ้น กดดันแนวรับลิเวอร์พูลได้พอสมควร แม้จะไม่มีโอกาสยิงเป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่แต่ก็พาบอลมาอยู่ในพื้นที่ อันตรายได้บ้างแล้ว ส่วนลิเวอร์พูลยังเล่นเหมือนเดิม ไม่ได้ลงไปอุด ทำให้เกมช่วงต้นครึ่งหลังเปิดแลกมากขึ้นและเร็วกว่าในครึ่งแรก

               เซาท์แธมตันเร่งได้ดีอยู่ราวๆ 15 นาทีก็เริ่มหมดมุขไปไม่เป็น ไม่มีจินตนาการในการเข้าทำ ยิ่งเล่นยิ่งบุกและครองบอลได้น้อยลง ส่วนลิเวอร์พูลก็ยังคงทำเกมรุกริมเส้นได้ดีเป็นระยะ และได้ลุ้นประตูอยู่อีกหลายครั้ง แต่จังหวะสุดท้ายไม่เด็ดขาดเอง นาที 69 เฮนเดอร์สันได้ลงมาแทนอัลเลน แต่รูปเกมไม่ได้เปลี่ยนมากนัก ลิเวอร์พูลยังคงทำเกมบุกได้มากกว่าและเป็นชิ้นเป็นอันกว่า ส่วนเซาท์แธมตันก็เล่นไปมั่วไปมากขึ้นเรื่อยๆ

               เข้า 10 นาทีสุดท้าย เซาท์แธมตันดันกันขึ้นมาหวังจะเล่นเกมรุกมากขึ้นแต่ผ่านบอลกันผิดพลาดเอง เยอะ กดดันได้ไม่ต่อเนื่อง ส่วนลิเวอร์พูลเริ่มเน้นเกมโต้เร็วมากขึ้น โดยทิ้งบอลไปที่ว่างหลังแนวรับที่เหลือเยอะเล่นงานคู่ต่อสู้ได้ดีหลายครั้ง มีโอกาสที่จะทำประตูปิดเกมได้หลายต่อหลายครั้ง แต่จ่ายบอลสุดท้ายพลาดเองเกือบหมด บอลที่ได้หลุดไปลุ้นถึงยิงบ้างก็หลุดกรอบเป็นส่วนใหญ่ นาที 88 คาราเกอร์ได้ลงมาแทนลูคัส ก่อนที่ลิเวอร์พูลจะปิดเกมไปได้สำเร็จ 1-0
-----------------------------------------

               11 ตัวจริงวันนี้ยังคงไม่มีอัสไซดี้ ซึ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในสนามซ้อมถึงทำให้ร็อดเจอร์มั่นใจในแบ็คที่ถูก ดันไปเล่นปีกอย่างเอนริเก้ในนัดก่อนๆ รวมไปถึงนัดนี้ที่กองกลางตัวรุกที่ถูกถ่างออกไปเล่นริมเส้นอย่างเชลวี่ย์ยัง อุตส่าห์ถูกเลือกก่อนตัวริมเส้นธรรมชาติอย่างอัสไซดี้ แต่นอกนั้นก็ถือว่าไม่มีอะไรผิดคาดและน่าจะเป็นลิเวอร์พูลชุดที่ดีที่สุด เท่าที่มีอยู่ตอนนี้แล้ว รวมไปถึงการเปลี่ยนตัวแบบตำแหน่งต่อตำแหน่งที่เปลี่ยนไปตามเกม อัลเลนเล่นไม่ค่อยออกและลูคัสดูมีปัญหาเรื่องความฟิตอยู่นิดหน่อย ก็ถือว่าร็อดเจอร์เปลี่ยนตัวได้น่าพอใจแล้ว

               รูปเกมในวันนี้ยังคงถอดแบบมาจากนัดก่อนๆ แต่ที่เปลี่ยนไปและเป็นจุดตัดสินเกมด้วยคือคู่ต่อสู้อย่างเซาท์แธมตันเล่น เกมของตัวเองได้ไม่ดี ครึ่งแรกมีโอกาสยิงเข้ากรอบแค่ครั้งเดียว และทั้งเกมมีโอกาสที่ได้ลุ้นประตูจริงๆ จังๆ แค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น ส่วนทางลิเวอร์พูลยังคงทำเกมรุกได้ค่อนข้างดีเมื่อสามารถเจาะแนวรับของคู่ ต่อสู้ที่พยายามมาอุด(ครึ่งแรก)ได้อยู่ตลอด ในขณะที่ช่วงเกมเปิดหรือคู่ต่อสู้บุกกดดันขึ้นมาบ้างก็ยังคงทำเกมสวนขึ้นไป ได้ลุ้นอยู่เป็นระยะเช่นกัน บอลสามารถหลุดไปถึงสุดเส้นหลังและหลายครั้งหลุดเข้าไปได้ลุ้นในเขตโทษด้วย แต่ปัญหายังคงอยู่ที่การจบสกอร์เช่นเเดิม...ไม่ใช่แค่การยิงที่หนักไปทาง หลุดกรอบ แต่เป็นการเปิดบอลเข้าทำที่ขาดๆ เกินๆ ด้วย

               อย่างไรก็ตาม นัดนี้ ชนะ! ครับ และัเล่นเกมรุกได้ดุดันล้างผลาญดีด้วย ตอนนี้เอาแค่นี้ก่อนแล้วกัน อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง
----------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดีเป็นส่วนใหญ่

เรน่า - แทบไม่ต้องเซฟอะไรเลย ไม่มีข้อผิดพลาดอะไรให้เห็น หนักไปทางคอยต่อบอลกับเพื่อนที่ส่งคืนหลัง ซึ่งก็ทำได้น่าพอใจ

เอนริเก้ - เกมรับเล่นได้เหนียวแน่นดี มีลงไม่ทันให้เห็นบ้างนิดหน่อยแต่ก็ไม่มากนัก เกมรุกขึ้นตลอดและขึ้นได้ถึงสุดเส้น วิ่งทำทางและยิงได้ดี ครองบอลและผ่านบอลพลาดบ้างนิดหน่อย

แอกเกอร์ - ดูมีปัญหาเล็กน้อยกับการประกบกองหน้า แต่ก็ไม่ถึงกับเสียเหลี่ยมเสียเปรียบอะไรนัก เข้าสกัดและบังทางยิงได้ดี โหม่งทำประตูไ้ด้ดีด้วย

สเคอเทล - เล่นเกมรับได้ค่อนข้างดี รอบอลมากไปนิดแต่ไม่ผิดพลาด ผ่านบอลขึ้นหน้าได้ค่อนข้างดีกว่านัดก่อนๆ

จอห์นสัน - เกมรับงานเยอะกว่าเอนริเก้แต่จอห์นสันก็เล่นได้ไม่ผิดพลาด เกมรุกขึ้นไม่สูงไม่บ้าคลั่งเท่าเอนริเก้แต่หันมาต้องเจอตลอด ผ่านบอลและเล่นกับเพื่อนได้ดี ทำพลาดน้อย

ลูคัส - เล่นพอใช้ได้ มีจังหวะคู่ต่อสู้สลัดหลุดไปได้บ้างแต่ไม่เยอะ ทำได้ดีในเรื่องการหยุดเกมคู่ต่อสู้ แม้จะเสียฟาลว์บ่อยไปหน่อยแต่บอลก็หยุดอยู่กลางสนาม เก็บบอลจังหวะสองได้ดีมาก อย่างไรก็ตาม ดูจะยังต้องจับจังหวะเกมและเรียกความฟิตอีกสักพัก จ่ายบอลพลาดค่อนข้างเยอะ(โดยเฉพาะครึ่งแรก) และเคลื่อนที่ไปปิดทางบอลได้ไม่มากเท่าที่เคยทำได้

อัลเลน - ถูกดันขึ้นไปเล่นสูงมากขึ้น ครองบอลได้ไม่เหนียวแน่นเท่าไหร่แต่จ่ายบอลเอาตัวรอดพอใช้ได้ ช่วยเคลื่อนเกมและรักษาการครองบอลได้ค่อนข้างดีแต่ไม่มีจังหวะเด็ดขาดให้เห็น เกมรับก็ช่วยไล่บอลได้ไม่ดีนัก

เจอราร์ด - อย่าให้วิ่ง วิ่งไม่ไหวแล้ว บอลที่เพื่อนเปิดให้วิ่งไปเอาบอลเจอราร์ดพลาดค่อนข้างเยอะ การออกบอลเร็วพลาดพอๆ กับดี ที่ทำได้ดีคือจังหวะปักหลักจ่ายและออกบอลเร็วไปที่ว่าง โดยเฉพาะช่วงที่เซาท์แธมตันดันสูง เจอราร์ดมีบอลยาวทิ้งไปริมเส้นที่ดีมาก

เชลวี่ย์ - ไม่ค่อยได้เล่นแถวริมเส้นมากนัก หนักไปทางหุบเข้ามาเล่นตรงกลางมากกว่า วิ่งเข้าหาตำแหน่งว่างในเขตโทษได้เยี่ยมมากแต่บอลมาไม่ค่อยถึง โดยรวมถือว่าได้บอลน้อยและวิ่งทำทางรอบอลได้ไม่ค่อยดีนัก

สเตอริ่ง - พลิกบอลได้สุดยอด นับเฉพาะจังหวะรับบอลแล้วพลิกหันหน้าเข้าหาประตูสเตอริ่งทำได้ดีที่สุดในทีม แล้ว จับบอลได้ดีและใช้ความเร็วเล่นงานคู่ต่อสู้ใช้ได้ แต่เปิดบอลสุดท้ายหาดีแทบไม่ได้ ตัดสินใจในจังหวะสำคัญช้าและหนักไปทางไม่ดี

ซัวเรส - เก็บบอลได้ดีมาก เล่นกับเพื่อนได้ดีกว่านัดก่อนๆ เลี้ยงบอลจี้กดดันกองหลังได้ดี พาบอลไปเสียไม่น้อยแต่ดึงตัวประกบและเรียกลูกเตะมุมได้เยอะอยู่ หาช่องยิงเองใช้ได้แต่ยิงแบบใช้ไม่ได้

ตัวสำรอง

เฮนเดอร์สัน - เฮนเดอร์สัน...ประมาณนั้นแหล่ะ

คาราเกอร์ - ลงมาปุ๊ป เตะสีข้างคู่ต่อสู้ร่วงตัวเองโดนใบเหลือง เป็นจังหวะทำฟาลว์ที่ดีที่สุดครั้งนึงในเกม ไม่เตะอาจโดนสวนถึงเสียประตู เพราะเพื่อนหลุดตำแหน่งไปหลายคน นอกนั้นก็ไม่ได้ทำอะไร

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ดาเนี่ยล แอกเกอร์ ... ถ้าชอบดุดันต้องเอนริเก้ ถ้าชอบบอลสวยๆ ต้องเจอราร์ด ถ้ารักเด็กต้องสเตอริ่ง ถ้าเห็นใจคนแบกทีมต้องซัวเรส แต่แอกเกอร์เป็นคนเปลี่ยนผลเสมอเป็นชนะ และนั่นสำคัญที่สุดสำหรับทีมตอนนี้แล้ว
 ------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

สเปอร์ 2 - 1 ลิเวอร์พูล


วัดกันที่ความเร็ว!
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

----------------------ซัวเรส-----------------------
เอนริเก้----------เฮนเดอร์สัน------------สเตอริ่ง
-------------เจอราร์ด--------อัลเลน--------------
ดาวนิ่ง-----แอกเกอร์----สเคอเทล----จอห์นสัน
-----------------------เรน่า------------------------

               ลิเวอร์พูลออกไปเยือนสเปอร์ในเกมพรีเมียร์ลีคนัดกลางสัปดาห์ เป็น 1 ในไม่กี่ครั้งที่ร็อดเจอร์ใช้ 11 ตัวจริงชุดเดิมจากนัดก่อนหน้า เฮนเดอร์สันยังคงได้รับโอกาสต่อไป รวมถึงดาวนิ่งที่ยังสิงสถิตย์อยู่ที่ตำแหน่งแบ็คตามเดิม
-------------------------------------------------------

               เริ่มเกมมานึกว่าไม่ได้ดูฟุตบอลแต่ดูวิ่งแข่งอยู่ เมื่อทั้งสองทีมต่างเร่งเกมเข้าใส่กันทั้งคู่ วิ่งไล่เข้าบอลเร็วเมื่อตัดบอลมาได้ก็ทำเกมเร็วขึ้นหน้าทันทีไม่มีลีลา โดยในช่วงต้นเกมเป็นสเปอร์ที่ดูจะทำได้ดีกว่า ไม่นานนักก็ออกนำได้สำเร็จ นาที 7 จากจังหวะที่สเปอร์ตัดบอลได้กลางสนาม เบลได้บอลก่อนจะกระชากผ่านผู้เล่นลิเวอร์พูล 3-4 คนจนถึงเขตโทษก่อนจะเปิดหักเข้ากลางให้เลนนอนชาร์จง่ายๆ ที่เสาสอง 1-0

               ลิเวอร์พูลเองยังคงพยายามเร่งเกมเร็วสู้สเปอร์ต่อไปแต่ขึ้นบอลผิดพลาด มากกว่า แม้จะพอหาโอกาสลุ้นได้บ้างแต่เกมยังเป็นของสเปอร์อยู่ นาที 16 สเปอร์ได้ฟรีคิกเบลรับหน้าที่ยิงข้ามกำแพงเข้าไปได้ให้เจ้าบ้านนำห่าง 2-0 ลิเวอร์พูลตามห่างแล้วแต่ยังต้องตกเป็นรองอีกพักใหญ่ๆ กว่าจะเริ่มครองบอลได้แบบต่อเนื่องก็ต้องรอถึงเกือบครึ่งชั่วโมงแรก รวมไปถึงเกมรุกทางฝั่งขวาโดยการเติมขึ้นไปของจอห์นสันก็เริ่มกกดันได้มาก ขึ้น

               ถึงตรงนี้ ลิเวอร์พูลพอจะเจาะแนวรับได้แต่จังหวะเปิดบอลสุดท้ายแทบไม่ผ่านแนวรับทำให้ ยังไม่สามารถตีตื้นได้ ส่วนสเปอร์เองก็ยังทำเกมของตัวเองรวมถึงครองบอลได้เป็นระยะ แต่เริ่มเจาะเข้าพื้นที่สุดท้ายไม่ได้เลยไม่ได้ประตูเพิ่ม จบครึ่งแรกที่สกอร์ 2-0

               เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลยังดาหน้าบุกต่อไป ส่วนทางฝั่งสเปอร์เริ่มเน้นคุมพื้นที่ในแดนตัวเองมากขึ้น ลิเวอร์พูลเร่งเกมได้ดี หาช่องทะลุแนวรับพอได้แต่ยังคงเปิดบอลสุดท้ายไม่ค่อยผ่าน ทำให้แม้จะได้ครองบอลมากกว่า ได้บุกมากกว่า แต่รูปเกมไม่ถึงกับได้เปรียบมากนัก นาที 63 เชลวี่ย์ได้ลงมาแทนเฮนเดอร์สัน ถึงตรงนี้สเปอร์ยิ่งคุมพื้นที่แน่นกว่าเดิม หน้าแผงหลังจะมีกองกลางสามคนคอยเล่นเกมรับหน้าเขตโทษอยู่ตลอด ทำให้ลิเวอร์พูลเริ่มเจาะได้ยากลำบากมากขึ้น ได้เพียงลูกเตะมุมซึ่งได้เป็นเข่งเป็นชุดเป็นกิโลอันเนื่องมาจากการเปิดบอล แล้วโดยสกัดออก แต่กดดันได้ไม่มากนัก ขึ้นโหม่งแทบไม่โดนบอล

               อย่างไรก็ตาม สเปอร์ก็มาช่วยกดดันตัวเองให้แทน นาที 72 จากลูกเตะมุม เชลวี่ย์เปิดข้ามมาเสาสอง เจอราร์ดได้โหม่งบอลไม่แรงนัก แต่เลนนอนที่คุมเส้นอยู่สกัดบอลอัดหน้าเบลเด้งเข้าประตูมันซะอย่างนั้น ช่วยให้ลิเวอร์พูลไล่ตามขึ้นมาเป็น 2-1 พอสกอร์ขยับใกล้ก็กลายเป็นสเปอร์เองที่เล่นไปหลอนไป ตั้งเกมโต้ได้ไม่ดีนักและโดนลิเวอร์พูลบุกกดดันอย่างต่อเนื่อง แต่จังหวะสุดท้ายยังคงเหมือนเดิม

               นาที 78 อัสไซดี้ได้ลงมาแทนดาวนิ่ง แต่เกมของลิเวอร์พูลแทบไม่เปลี่ยน ส่วนสเปอร์หันมาไล่สูงเต็มสนามในช่วงท้ายเกมไม่ให้ลิเวอร์พูลตั้งเกมได้ถนัด ได้ผลพอสมควรแต่ลิเวอร์พูลก็ยังพาบอลไปถึงแดนหน้าได้อยู่ดี(แค่ช้าไปบ้าง) อย่างไรก็ตาม...จังหวะสุดท้ายยังคงเหมือนเดิม(พิมพ์คำนี้เป็นครั้งที่เท่า ไหร่แล้วนะ) ทำให้จบเกมสเปอร์เฉือนเอาชนะลิเวอร์พูลไปได้ 2-1
-----------------------------------------

               11 ตัวจริงวันนี้ร็อดเจอร์จัดทีมชุดเดิมลงสนาม ขัดใจนิดหน่อยที่ใช้เฮนเดอร์สันก่อนเชลวี่ย์และใช้ดาวนิ่งแทนที่จะเป็นอัสไซ ดี้ แต่เหตุผลก็พอเข้าใจได้ตามที่พูดถึงไปแล้วในนัดก่อน การเปลี่ยนตัวก็ทำได้เท่าที่มี ไม่รู้สึกว่าช้าไปหรือเร็วไปหรือแปลกไป แต่ที่ไม่เข้าใจคือร็อดเจอร์ไปกินดีไก่หัวใจหงส์ที่ไหนมา ต้นเกมถึงได้เปิดหน้าซดใส่สเปอร์ถึงในเล้าแบบนั้น เล่นเกมเร็วสู้กันในวันที่สเปอร์มีตัวรุกฟูลทีมแบบนี้ ผมยังไม่เคยเห็นใครได้เปรียบเลย และสองประตูที่เสียไปก็เป็นผลมาจากการเปิดพื้นที่หลังแนวรับไว้เยอะมาก เน้นว่ามาก พอตามหลังสองประตูก็เล่นลำบากแล้ว

               เกมรุกของลิเวอร์พูลดูดีทั้งในเรื่องความหลากหลายที่มีทั้งบอลสั้น, ยาว, ทะลุ, กระชากไปเอง (ขาดอย่างเดียวคือลูกยิงไกล) และเกมริมเส้นที่เริ่มเห็นประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การเล่นในพื้นที่สุดท้ายยังเป็นปัญหาอยู่ โดยเฉพาะการเปิดบอลเข้าทำที่จ่ายแทบไม่ผ่านแนวรับเลย ส่วนเกมรับปัญหายังอยู่ที่เรื่องเดิมคือหยุดคู่ต่อสู้แทบไม่อยู่ บอลมาถึงหน้าเขตโทษได้บ่อยมาก

               ทำใจกันต่อไปครับ (อย่าบอกว่าท่านชินแล้วผมไม่เชื่อ 555+)
----------------------------------

นัดนี้เล่นกันดีบ้างไม่ดีบ้าง

เรน่า - พลาดเต็มๆ ในจังหวะเสียลูกที่สอง แม้จะต้องชมเบลด้วยว่ายิงได้แรงและบอลพุ่งเร็วมาก แต่เรน่าอ่านทางบอลพลาดและยืนตำแหน่งไม่ดี หลังจากนั้นหน้าตาดูไม่ค่อยมั่นใจนักแต่ก็ไม่มีข้อผิดพลาดอะไรอีก

ดาวนิ่ง - คนนี้พลาดในจังหวะเสียลูกแรกที่ตามเลนนอนมาไม่สุด แต่นอกจากนั้นวันนี้ดาวนิ่งเล่นได้น่าพอใจทีเดียว เกมรุกขึ้นได้สุดเส้น เปิดบอลเสียน้อยลง(เรื่องของเรื่องคือเปิดบอลเข้ากลางน้อยลงด้วย) เกมรับก็เล่นในจังหวะตัวต่อตัวได้ดี

แอกเกอร์ - อ่านเกมดี ดักทางบอลได้เยี่ยม เติมขึ้นไปช่วยเชื่อมเกมหรือแม้กระทั่งทำเกมรุกได้ดีเป็นระยะด้วย

สเคอเทล - ขยับมาช่วยเพื่อนช้าไปหน่อยในบางจังหวะ ปักหลักในเขตโทษมากไปนิด จับบอลพลาดไปครั้งหนึ่งทำทีมเกือบโดนลูกที่สาม แต่นอกนั้นก็เล่นได้เหนียวแน่น สกัดได้เด็ดขาดดีโดยเฉพาะการเก็บกินบอลยาว บอลโด่ง

จอห์นสัน - ครึ่งแรกขึ้นไปเล่นเกมรุกเยอะ และทำได้ดีทั้งพาบอลไปเองและทำชิ่งกับเพื่อน แต่ครึ่งหลังขึ้นน้อยลงและเล่นพลาดมากขึ้น ส่วนเกมรับวันนี้ช่วงที่เบลยังเน้นเล่นริมเส้นก็มีปัญหาเยอะอยู่ พอสเปอร์หันมาเน้นโต้มากขึ้น ตั้งเกมริมเส้นน้อยลงก็เอาตัวรอดได้สบาย

เจอราร์ด - ประสิทธิภาพในการผ่านบอลน้อยลงไป จ่ายและไปกับบอลพลาดอยู่พอสมควร แต่ยังมีบอลเร็วหรือบอลทะลุสวยๆ ให้เห็นอยู่เป็นระยะเหมือนกัน มีปัญหากับการโดนวิ่งไล่และรับมือกับเกมเร็วได้ไม่ดีนัก เกมรับตามไม่ทัน

เฮนเดอร์สัน - แม้จะไม่ค่อยพอใจที่เห็นเฮนเดอร์สันเป็นตัวจริงในตำแหน่งตัวรุก แต่วันนี้เจ้าตัวเล่นได้ดีขึ้น กล้าจ่ายบอลในพื้นที่แคบ, บอลไปข้างหน้ามากขึ้นและไม่ได้ลงมายืนต่ำเกินไป พอเข้าครึ่งหลังเริ่มหายไปจากเกม

อัลเลน - เป็นเกมที่อัลเลนเล่นได้แย่ที่สุดตั้งแต่เล่นให้ลิเวอร์พูลมา อ่านเกมไม่ค่อยดีนัก ยิ่งมาเจอเกมเร็วของสเปอร์ยิ่งไปกันใหญ่ ตามไม่ทัน หยุดไม่อยู่และเข้าบอลช้าไปจนเสียฟาลว์บ่อยครั้ง รวมไปถึงเบียดไหล่ต่อไหล่สู้ไม่ได้ คู่ต่อสู้เก็บบอลกับตัวไว้ได้เกือบตลอด ส่วนในเกมรุกอัลเลนยังทำหน้าที่ของตัวเองในการผ่านบอลไปรอบๆ ได้ดีอยู่

เอนริเก้ - หาพื้นที่ว่างในเขตโทษได้ดี ครองบอลได้เหนียวแน่นใช้ได้แม้จะโดนแซะเอาไปบ้าง กระชากบอลไปเองพอใช้ได้แต่ส่งบอลให้เพื่อนไม่ผ่านแนวรับเลยแม้แต่ลูกเดียว

สเตอริ่ง - แพ้แวร์ตองเก้นหมดรูป จังหวะที่มีพื้นที่เล่นยังพอทำได้ไม่ว่าจะกระชากไปเองหรือจ่ายบอลยัดเข้า กลาง แต่จังหวะที่ต้องดวลกับแวร์ตองเก้นโดนเบียดเอาบอลไปได้เกือบทุกครั้ง

ซัวเรส - ได้บอลน้อยมาก นอกจากเพื่อนจะจ่ายมาให้ได้น้อยแล้วยังต้องชมแนวรับของสเปอร์ด้วยที่รับมือกับซัวเรสได้สุดยอด โอกาสที่พอมีบ้างก็โดนเร่งโดนเบียดติดตลอด แม้จะยังมีส่วนร่วมกับเกมรุกเยอะแต่แทบไม่กดดันอะไรแนวรับเลย

ตัวสำรอง

เชลวี่ย์ - ลงมาเล่นได้ไม่ต่างกับเฮนเดอร์สัน

อัสไซดี้ - จับจังหวะการเล่นผิดพลาดบ่อยครั้ง แทบไม่ได้ช่วยอะไรทีมเลย
 ------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

สวอนซี 0 - 0 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


ดีที่สุดแล้ว...แต่ดีไม่พอ
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

----------------------ซัวเรส-----------------------
เอนริเก้----------เฮนเดอร์สัน------------สเตอริ่ง
-------------เจอราร์ด--------อัลเลน--------------
ดาวนิ่ง-----แอกเกอร์----สเคอเทล----จอห์นสัน
-----------------------เรน่า------------------------

               ลิเวอร์พูลออกไปเยือนสวอนซีในเกมพรีเมียร์ลีค นัดนี้ร็อดเจอร์ใช้ชุดหลักลงเต็มที่แต่มีปรับตำแหน่งเล็กน้อย โดยให้เอนริเก้ยืนปีกซ้ายต่อไปแล้วให้ดาวนิ่งลงในตำแหน่งแบ็ค รวมไปถึงเฮนเดอร์สันที่นอกจากจะได้เป็นตัวจริงแล้วยังได้ยืนสูงกว่าเจอราร์ด และอัลเลนด้วย
-------------------------------------------------------

               เริ่มเกมมาทั้งสองทีมก็พยายามเปิดเกมเข้าใส่กัน เล่นด้วยแทคติคเหมือนกันเป๊ะคือต่อบอลสั้นไล่เร็วแดนหน้าดันแบ็คสูงบีบ พื้นที่ตรงกลาง โดยฝั่งสวอนซีพยายามขึ้นเกมทางขวาเป็นหลัก(ทางดาวนิ่ง) ส่วนลิเวอร์พูลเน้นเกมทางซ้าย เกมเลยเล่นกันอยู่แค่ฝั่งเดียวของสนามเป็นส่วนใหญ่ 15 นาทีแรกเป็นสวอนซีที่ทำได้ดีกว่าในเรื่องการครองบอล แต่รูปเกมไม่ต่างกันมากนัก

               ผ่าน 15 นาทีของเกมไป ลิเวอร์พูลเริ่มขยับเกมของตัวเองได้ดีขึ้นแต่ก็ไม่ถึงขั้นได้เปรียบ ครองบอลกันได้สูสีและเริ่มหาช่องเข้าทำกันได้ มีโอกาสลุ้นทำประตูเป็นระยะทั้งสองฝ่าย โดยสวอนซีได้ลุ้นจากลูกยิงไกลเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ลิเวอร์พูลได้ลุ้นบ่อยจากบอลชิ่งทะลุเข้าเขตโทษสลับกับบอลเปิด จากริมเส้น เวลาผ่านไปลิเวอร์พูลแม้จะไม่ได้ครองเกมเหนือกว่าแต่หาช่องลุ้นทำประตูได้ดี ขึ้นเรื่อยๆ เกือบ(ที่แปลว่าเกือบจริงๆ ไม่ใช่แค่ยิงส่งๆ)ได้ประตูอยู่หลายครั้ง ทั้งจากจอห์นสัน, สเตอริ่ง รวมไปถึงเอนริเก้ที่ยิงเข้าไปได้ในนาที 34 แต่ล้ำหน้าไปเสียก่อน

               กลับกันทางฝั่งสวอนซีเกมไม่ได้เปรียบและผ่านบอลได้แม่นยำมากกว่าด้วยซ้ำ อาศัยพื้นที่ระหว่างช่องแบ็คกับเซนเตอร์พาบอลเข้ามากดได้เป็นระยะ แต่บอลเข้าทำจังหวะสุดท้ายเปิดไม่ผ่านแนวรับ ทำให้จบครึ่งแรกเสมอกันที่ 0-0

               เข้าครึ่งหลัง สวอนซีเร่งเกมมากขึ้น ดันกันขึ้นมาเล่นเกมรุกมากขึ้น ส่วนลิเวอร์พูลเน้นการผ่านบอลให้แม่นยำมากขึ้น แม้จะยังครองบอลกันได้สูสีแต่สวอนซีเริ่มบุกกดดันได้ต่อเนื่องกว่าครึ่งแรก ในขณะที่ลิเวอร์พูลถูกผลักให้ห่างจากเขตโทษและหาโอกาสยิงได้น้อยลง ทั้งสองทีมหาช่องลุ้นทำประตูกันได้ดี มีโอกาสลุ้นด้วยกันทั้งคู่อยู่ตลอดแต่ยังไม่สามารถจบสกอร์ได้สำเร็จ

               นาที 77 เชลวี่ย์กับโคลได้ลงมาแทนเฮนเดอร์สันกับดาวนิ่ง เอนริเก้ถูกถอยลงไปเล่นแบ็คตามเดิม ลิเวอร์พูลได้เกมการเล่นของเชลวี่ย์ช่วยเจาะเกมตรงกลางได้ดีขึ้นเล็กน้อย แต่รูปเกมโดยรวมยังไม่เปลี่ยนมากนัก ทั้งสองทีมยังคงสลับกันได้ลุ้นเป็นระยะ แต่สุดท้ายก็ทำอะไรกันไม่ได้ จบเกมที่ 0-0
-----------------------------------------

               เกมวันนี้เล่นกันสนุกครับ...

               11 ตัวจริงวันนี้น่าแปลกใจเล็กน้อยกับการใช้เฮนเดอร์สันเป็นตัวจริงด้วยการยืน สูงแทนที่จะใช้เจอราร์ดหรือไม่ก็เชลวี่ย์ ส่วนตำแหน่งแบ็คซ้ายในเมื่อร็อดเจอร์ตั้งใจจะดันเอนริเก้ไปเป็นปีก แบ็คซ้ายเลยกลายเป็นตำแหน่งที่ขาดแคลนไป ไม่ใช้ดาวนิ่งถัดไปก็เป็นโรบินสันซึ่งไม่รู้ว่าจะดีกว่ากันหรือปล่าว ก็นับว่าไม่ถึงกับขัดตามากนัก

               รูปเกมในวันนี้ทั้งสองทีมนอกจากจะเล่นคล้ายกันแล้ว ยังดูเหมือนว่าจะรู้ทันกันด้วย สวอนซีนั้นทำเกมสวนจังหวะแบ็คของลิเวอร์พูลเติมสูงได้ดีมาก รวมไปถึงการไล่ตัดบอลเร็วใน จังหวะขึ้นเกมของลิเวอร์พูลซึ่งทำได้ดีหลายครั้ง ส่วนลิเวอร์พูลก็ทำได้ีในการใช้ซัวเรสคอยดึงกองหลังเปิดทางให้ตัวริมเส้น รวมไปถึงการคุมพื้นที่สุดท้ายไม่ให้สวอนซีมีช่องจ่ายบอลในเขตโทษได้ค่อนข้าง ดี แต่ทั้งสองทีมมีปัญหาเดียวกันคือจบสกอร์ไม่เด็ดขาด ทั้งๆ ที่โอกาสมีมากพอสมควรด้วยกันทั้งคู่ ผลเสมอ 0-0 ก็ดูจะเหมาะสมดีแล้วเมื่อดูจากรูปเกม

               ในส่วนของลิเวอร์พูล ดูจะมีปัญหาหนักจริงๆ ในเรื่องขนาดทีมเพราะนอกจาก 11 ตัวจริงแล้วก็แทบไม่สามารถขยับแก้เกมหรือเปลี่ยนแทคติคอะไรได้มากนัก จะเปลี่ยนมาเล่น 4-4-2 คนที่จะมาเล่นคู่ซัวเรสก็ไม่มี จะเปลี่ยนตัวตัวริมเส้นเพื่อสไตล์การเล่นที่แตกต่างหรือเปลี่ยนเอาความสดก็ ไม่มี ขนาดจะหาแค่ 2 คนมาลงตัวจริงยังเลือดตาแทบกระเด็น กองกลางตรงกลางก็เป็นวันๆ ไป ยังไม่ชัดเจนว่าใครจะดีกว่าใคร ตำแหน่งตัวรุกที่ยืนสูง เชลวี่ย์อาจจะเล่นดุทะลุทะลวงกว่าเฮนเดอร์สันจริงแต่ เราก็ได้เห็นวันที่เชลวี่ย์เล่นไม่ได้เรื่องกันมาแล้ว (ใช้ได้กับกรณีซาฮินด้วย) จะใช้เจอราร์ดขนาดยืนอยู่แค่กลางสนามเป็นหลักยังเห็นอยู่หลายจังหวะที่ สังขารไม่เอื้อ จะให้ไปวิ่งขึ้นวิ่งลงคงลำบาก ส่วนอัลเลนเองคงไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะไปเล่นตำแหน่งอื่น เพราะตัวเชื่อมจากหลังไปหน้าที่ต้องเล่นเกมรับเป็นหลักตอนนี้ก็มีอยู่คน เดียว

               ตอนนี้คงต้องรอดูไปที่ช่วงมกราอย่างเดียวว่าร็อดเจอร์จะสามารถดึงนักเตะที่ ช่วยทีมได้เข้ามาได้มากแค่ไหน รวมไปถึงดาวรุ่งที่ได้ "ประสบการณ์" มาหลายนัดแล้วจะขยับฟอร์มไปได้แค่ไหนด้วย

               ช่วงนี้ก็ดูเกมรุกอย่างมีความสุข แต่ผลลัพธ์เศร้าๆ กันไปก่อนครับ
----------------------------------

นัดนี้เล่นกันค่อนไปทางดี

เรน่า - สวอนซีหนักไปทางยิงหลุดกรอบ งานของเรน่ามีไม่มากนัก วันนี้ไม่มีปัญหากับการเล่นลูกกลางอากาศ ใช้เท้าเล่นและเอาตัวรอดจากการโดนวิ่งกดดันได้ดี

ดาวนิ่ง - อ่านเกมและยืนตำแหน่งพลาดหลายครั้งอยู่ แต่ดูดีขึ้นกว่านัดก่อน เกมรุกทำอะไรไม่ได้นอกจากเชื่อมเกม เกมรับถ้าไม่นับเรื่องวิ่งหลุดตำแหน่งหรือลงไม่ทันก็นับว่าใช้ได้

แอกเกอร์ - ครึ่งแรกดูหลุดๆ ไปเล็กน้อย เข้าถึงบอลช้าไปหน่อย แต่ครึ่งหลังเล่นได้ดีไม่มีปัญหา

สเคอเทล - เข้าสกัดได้เด็ดขาดแม่นยำ ช่วยเคลียร์ลูกสำคัญได้หลายครั้ง ที่ดูด้อยไปคือการผ่านบอลขึ้นหน้าที่ดูมีปัญหากับการโดนวิ่งไล่

จอห์นสัน - เติมสูงและลงไม่ทันอยู่หลายจังหวะ ยืนค่อนข้างห่างจากเซนเตอร์ แต่จังหวะประกบหรือวิ่งเบียดก็ทำได้ดี วันนี้ขึ้นมาช่วยเกมรุกได้ดีมากในครึ่งแรก ส่วนครึ่งหลังขึ้นมาได้น้อยลง

เจอราร์ด - ประสิทธิภาพในการผ่านบอลน้อยลงไป จ่ายและไปกับบอลพลาดอยู่พอสมควร แต่ยังมีบอลเร็วหรือบอลทะลุสวยๆ ให้เห็นอยู่เป็นระยะเหมือนกัน มีปัญหากับการโดนวิ่งไล่พอสมควร

เฮนเดอร์สัน - ยังคงเล่นแบบปลอดภัยไว้ก่อนเป็นหลัก หลายครั้งที่ได้บอลอยู่ใกล้เขตโทษแต่ดันจ่ายย้อนกลับหลัง ช่วยคุมพื้นที่ในจังหวะรับแถวกลางสนามได้ค่อนข้างดี

อัลเลน - ผ่านบอลได้เร็วและแม่นกว่ากองกลางคนอื่นในทีม แต่หนักไปทางขวางสนามหรือแปะให้เพื่อน เล่นเกมรับไม่เนียนนัก เสียฟาลว์ในระยะอันตรายบ่อยและอ่านทางคู่ต่อสู้ไม่ค่อยดี โดยพลิกไปในเหลี่ยมเสียเปรียบอยู่บ่อยครั้ง คุมพื้นที่หน้าเขตโทษได้ไม่ดีเอามากๆ

เอนริเก้ - ครึ่งแรกเล่นได้อย่างดุดัน พาบอลไปเสียก็เยอะอยู่แต่ก็ะทะลวงผ่านแนวรับไปได้พอสมควร หาพื้นที่และใช้สปีดพาบอลไปเองค่อนข้างดี ครึ่งหลังเกมรุกแผ่วไป ส่วนเกมรับทำได้ดี ตอนยืนปีกก็วิ่งลงไปช่วยแบ็คได้เร็ว(ถึงบอลดาวนิ่งหลายครั้งด้วยซ้ำ) ตอนยืนแบ็คไม่มีปัญหาอะไร

สเตอริ่ง - ครองบอลและกระชากไปเองได้ดีมาก ติดอยู่ที่จังหวะสุดท้ายที่จ่ายให้เพื่อนไม่ค่อยได้เปรียบ เกมรับก็ขยันวิ่งไล่และลงไปช่วยแบ็คได้ดีอยู่หลายจังหวะ

ซัวเรส - เป็นวันที่ไม่มีประตูแต่เล่นได้ดีมาก ไม่ฝืนเล่นมากนัก ผ่านบอลให้เพื่อนได้ดีทั้งการจ่ายให้ตัวริมเส้นหรือตัวที่วิ่งเติมเข้ามาใน เขตโทษ พลิกบอลผ่านคู่ต่อสู้ได้น้อยกว่าที่ผ่านมาแต่ก็สร้างปัญหาให้แนวรับได้พอ สมควร

ตัวสำรอง

เชลวี่ย์ - ลงมาทำให้มีตัวรอเข้าทำแถวหน้าเขตโทษเพิ่มอีกหนึ่งคน ทำได้ดีพอสมควร

โคล - แทบไม่โดนบอลเลย
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ลิเวอร์พูล 2-2 ยัง บอย เบิร์น (ยูโรป้า)


เนย์มาร์, ออสก้าเราไม่เอา...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลปรับมาเล่น 4-2-3-1 (เชลวี่ย์,โคล,ซูโซ่ สลับตำแหน่งกันตลอด)

----------------------เชลวี่ย์-----------------------
อัสไซดี้--------------ซูโซ่--------------------โคล
-------------ซาฮิน--------เฮนเดอร์สัน-----------
ดาวนิ่ง-----คาราเกอร์----สเคอเทล------วิสดอม
-----------------------เรน่า------------------------

               ลิเวอร์พูลเล่นเกมยุโรปอีกครั้ง เปิดบ้านรับยัง บอย เบิร์นที่พึ่งอัดอูดิเนเซ่มาแบบไปกลับยิงได้ถึง 3 ลูกทั้งสองนัด วันนี้ร็อดเจอร์ปรับทีมค่อนข้างเยอะ เริ่มตั้งแต่แทคติคที่ไม่มีกองหน้าแท้ๆ แต่ให้มิดฟิลด์สลับกันขึ้นไปเล่นข้างหน้า ตัวผู้เล่นก็เปลี่ยนจากชุดหลัก(ในยูโรป้า)ไปเยอะ เรน่ากับสเคอเทลได้ลงเป็นตัวจริง ดาวนิ่งได้เล่นแบ็คซ้าย รวมไปถึงซูโซ่ที่ได้เล่นตรงกลางอีกหนึ่งนัด
-------------------------------------------------------

               ช่วงต้นเกมยังบอยเล่นเร็วไล่เร็ว พยายามใช้จังหวะฉาบฉวย แดนหน้าไม่เล่นหลายจังหวะ มีช่องจะยิงทันทีเล่นงานพอได้ลุ้น ส่วนลิเวอร์พูลเน้นขึ้นเกมทางซ้ายแต่ขึ้นบอลได้ช้าและเกมไม่ค่อยทะลุทะลวง เกมโดยรวมค่อนข้างสูสีเป็นยังบอยที่ดูจะได้ลุ้นมากกว่านิดหน่อย จนกระทั่งผ่าน 20 นาทีของเกมไป ลิเวอร์พูลถึงเริ่มได้ลุ้นมากขึ้นเมื่อเฮนเดอร์ดันขึ้นมาเล่นเกมรุกมากกว่า ในช่วงก่อนหน้า ทำเกมเจาะตรงกลางเข้าถึงเขตโทษแล้วแต่ยังทำประตูไม่ได้

               นาที 31 ร็อดเจอร์แก้เกมเร็ว(มาก)อีกครั้งด้วยการถอดวิสดอมออกแล้วส่งเจอราร์ดลงสนาม ถอยเฮนเดอร์สันไปเล่นแบ็คขวา และเพียงแค่ 2 นาทีถัดมา โคลทำชิ่งกับซูโซ่หน้าเขตโทษพาตัวเองหลุดเดี่ยวเข้าไปก่อนเปิดเข้ากลางให้ เชลวี่ย์ตั้งหัวยืนโหม่งโล่งๆ เข้าไป 1-0 หลังจากเสียประตูยังบอยดูจะเสียสมาธิไปไม่น้อย ต่อบอลกันพลาดและโดนลิเวอร์พูลตัดบอลได้เร็ว ซึ่งลิเวอร์พูลใช้ช่วงเวลานี้บุกใส่เป็นชุดแต่ยังไม่ได้ประตูเพิ่ม

               เข้า 5 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก ยังบอยค่อยเริ่มตั้งสติกลับมาได้ประคองเกมของตัวเองได้ดีขึ้น แต่ยังไม่ทันได้บุกตอบโต้ก็หมดเวลาครึ่งแรกไปก่อน ลิเวอร์พูลนำอยู่ 1-0

               เข้าครึ่งหลัง ยังบอยลงมาเร่งเกมมากกว่าในช่วงท้ายครึ่งแรก เน้นการยิงไกลมากขึ้น บอลไม่เข้ากรอบแต่ได้ลุ้นหลายจังหวะ ทางด้านลิเวอร์พูลเจอการเข้าไล่บอลเร็วของยังบอยก็ตั้งเกมรุกลำบากบอลไม่ ค่อยถึงเขตโทษทำให้เกมดูตกเป็นรองเล็กน้อย จนในที่สุดลิเวอร์พูลก็มาพลาด นาที 52 จากจังหวะที่ลิเวอร์พูลบุกขึ้นไปได้ลุ้นยิงในเขตโทษแต่ไม่สำเร็จ ยังบอยโต้กลับเร็วเล่นกันแค่ 3 จังหวะถึงหน้าเขตโทษ เฮนเดอร์สันลงไม่ทันและสเคอเทลไม่ได้ขยับออกไปช่วย ทำให้โบบาดิย่าเอาบอลลงได้ในเขตโทษก่อนจะอัดเต็มข้อบอลผ่านมือเรน่าเข้าเสา สอง 1-1

               หลังจากเกมกลับมาเสมอ ลิเวอร์พูลพยายามเร่งเกมมากขึ้นและเป็นฝ่ายบุกเข้าใส่ยังบอยได้มากกว่า ส่วนยังบอยก็ยังโต้กลับมาได้พอสมควร ทำให้เกมสูสีและเล่นกันเร็ว นาที 60 ซัวเรสได้ลงมาแทนซูโซ่อีกคน ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลบุกได้ถึงสุดเส้นหลัง ได้ลูกเตะมุมเป็นเข่งเป็นกิโล แต่กว่าจะมาได้ประตูจริงๆ ต้องรอถึงนาที 72 ซัวเรสเก็บบอลได้เขตโทษไหลออกมาให้เจอราร์ดจ่ายทะลุกลับเข้าไปให้โคลกลับตัว ยิงเรียดผ่านผู้รักษาประตูไปได้ 2-1

               นาที 75 สเตอริ่งได้ลงมาแทนโคล (สเตอริ่งกำลังจะลงตั้งแต่ยังไม่ได้ลูกที่สอง) ถึงตรงนี้ยังบอยเริ่มทยอยเปลี่ยนตัวและหันมาเล่นเกมรุกมากขึ้น บุกกดดันลิเวอร์พูลได้ดีมากเมื่อพาบอลมาได้ถึงหน้าเขตโทษบ่อยครั้ง ในขณะที่ลิเวอร์พูลเล่นเหมือนขาดความมั่นใจ ถอยกันลงมาตั้งรับต่ำมากขึ้นจนบอลไปถึงข้างหน้าน้อยลง แม้จะยังพอพาบอลหลุดขึ้นไปได้ลุ้นบ้าง แต่รูปเกมโดยรวมเป็นรองยังบอยอย่างชัดเจน

               ในที่สุดยังบอยก็มาทำได้สำเร็จในช่วงท้ายเกม นาที 88 กองกลางลิเวอร์พูลปิดพื้นที่หน้าเขตโทษไม่ดี โดนยังบอยยิงแถวๆ หน้าเขตโทษแบบไม่มีใครไปเร่ง บอลพุ่งด้วยความแรงเข้ากลางกรอบประตูผ่านมือเรน่าเสยเพดานตาข่ายเข้าไปเป็น 2-2 ลิเวอร์พูลพยายามเร่งเกมในช่วงเวลาที่เหลืออยู่และได้ลุ้นเล็กน้อยในจังหวะ สุดท้ายของเกมแต่ยิงผ่านแนวรับไม่สำเร็จ เสมอกันไป 2-2 ต้องไปลุ้นเข้ารอบต่อในนัดสุดท้ายกับการไปเยือนอูดิเนเซ่
-----------------------------------------

               ร็อดเจอร์ยังคงคอนเซปต์เดิมว่าด้วยการใช้ยูโรป้าในการให้โอกาสนักเตะตัว สำรองและลองระบบใหม่ๆ เลยไม่ถึงกับน่าแปลกใจที่ 11 ตัวจริงออกมาเป็นแบบนี้ แทคติคการเล่นในช่วงครึ่งชั่วโมงแรกก่อนได้ประตู ก็เป็นส่วนผสมระหว่างการขาดแคลนกองหน้าบวกกับความอยากเปลี่ยนทีมให้เป็นบาร์ ซ่าของผู้จัดการทีม ซึ่งแนวรุก 3 คน(ไม่รวมอัสไซดี้ที่ปักหลักอยู่ริมเส้นอย่างเดียว) ดูจะมีปัญหากับแทคติคนี้เยอะพอสมควรเมื่อโคลขาดความเร็ว, เชลวี่ย์เผลอขยับลงต่ำมากเกินไปหลายครั้ง รวมไปถึงซูโซ่ที่ดูจะถนัดเล่นแบบ "classic no. 10" จอมทัพที่รับบอลหน้าเขตโทษแล้วหาช่องทะลวงแนวรับ มากกว่าจะวิ่งสลับตำแหน่งไปมาแบบนั้น นี่ัยังไม่การเน้นขึ้นเกมทางซ้ายทั้งๆ ที่ดาวนิ่งกับอัสไซดี้เล่นเหมือนอยู่คนละทีมอีกต่างหาก ส่งผลให้ครึ่งชั่วโมงแรกของเกมลิเวอร์พูลทำเกมรุกได้ไม่ดีเอาเสียเลย อย่างไรก็ตาม เมื่อปรับเอาเจอราร์ดลงมา บอลของลิเวอร์พูลไปข้างหน้าได้เร็วขึ้นโดยเฉพาะตรงกลาง รวมไปถึงการเล่นของเชลวี่ย์ที่ปักหลักในแดนหน้ามากขึ้น ไม่ลงมาแดนกลางเท่าไหร่ ทำให้เกมของลิเวอร์พูลดูดีขึ้นมาก มีโอกาสปิดเกมได้ด้วยการขยับหนีห่างทั้ง 2-0 และ 3-1 พอสมควรเลยทีเดียว

               แต่ที่สุดแล้วเกมรับยังคงเป็นปัญหาต่อไป และถ้าจะว่ากันอย่างเฉพาะเจาะจงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการวางแผนของร็อด เจอร์เอง นัดนี้ถอดวิสดอมออกเฮนเดอร์สันเล่นแบ็คได้ตามสภาพและส่งผลให้เสียประตู แรก(หลังจากนั้นก็โดนเจาะตลอดด้วย) และกลางรับที่ร็อดเจอร์ไม่ได้พยายามขวนขวายหามาเพิ่มและในสถานการณ์ที่ แดนกลางหยุดการพาบอลเลี้ยงจี้แทบไม่ได้อย่างในนัดนี้ก็ยังคงยืนยันว่ากอง กลางตรงกลางในสนามนั้นเพียงพอแล้ว สุดท้ายก็เลยพลาดโดนตีเสมอในที่สุด

               ไม่ใช่ว่าร็อดเจอร์จะผิด เขาแค่มั่นใจในนักเตะที่มี(และมั่นใจในตัวเองด้วย) การไม่ส่งเจอราร์ดลงตั้งแต่เริ่มเกมคงมองว่า 11 ตัวจริงน่าจะพอเอาอยู่ ในขณะที่การใช้แบ็คเฉพาะกิจดาวนิ่งกับเฮนเดอร์สันก็น่าจะพอเอาอยู่ รวมไปถึงการส่งสเตอริ่งลงมาแทนที่จะเป็นอัลเลนคงเป็นเพราะคิดว่าจะโอกาสที่ จะได้ประตูที่สามมีมากกว่าโดนตีเสมอ ...แต่ก็ต้องให้เครดิตเขาด้วย ก็เพราะความมั่นใจแบบนี้แหล่ะที่ทำให้สเตอริ่งได้ติดทีมชาติ, วิสดอมกับซูโซ่ได้ลืมตาดูโลก, เอนริเก้ทำท่าว่าจะไปได้ดีกับปีกซ้าย

               พูดไปพูดมาก็ เฮ้อ...กลับมาสักทีเห๊อะ...ลูคัส ถ้านัดนี้มีลูคัสแทนตำแหน่งซาฮินรับรองว่าชนะไปแล้ว!
----------------------------------

นัดนี้เล่นไม่ค่อยดีนัก

เรน่า - เล่นบอลกับเท้าได้ดี ช่วยทีมในการขึ้นบอลจากแนวหลังได้มาก มีปัญหากับลูกกลางอากาศ 2 ประตูที่เสียไปโดนยิงอัดเข้าเต็มแรงจะโทษก็ไม่เต็มปาก แต่เจ้าตัวน่าจะทำอะไรได้ใกล้เคียงกว่านั้นหน่อย

ดาวนิ่ง - ขึ้นบอลพลาดเยอะในช่วงต้นเกม พอทีมเน้นเจาะตรงกลางก็ทำหน้าที่เชื่อมเกมพอใช้ได้แต่เติมขึ้นไปเล่นบอลแถว สุดเส้นได้ไม่ดีนัก เล่นเกมรับใช้ได้แม้จะไม่ถึงขนาดกินเรียบแต่ก็ไม่สร้างปัญหาให้ทีม

คาราเกอร์ - ความเร็วและพละกำลังคือปัญหาใหญ่ เข้าบอลค่อนข้างช้าและเบียดปะทะไม่ค่อยดีนัก แต่ถ้าบอลถึงตัวก็สกัดได้ไม่พลาด วันนี้ผ่านบอลได้ค่อนข้างดีมีพลาดน้อย

สเคอเทล - เล่นได้หนักหน่วง สกัดบอลเด็ดขาดทั้งลูกกลางอากาศและบนพื้น อ่านเกมพลาดไปหน่อยในจังหวะที่เสียลูกแรก วันนี้ขึ้นไปเล่นลูกเตะมุมไม่ค่อยดีนัก แทบไม่เจอบอล

วิสดอม - ช่วงที่อยู่ในสนามยังบอยไม่ได้รุกมากนัก เกมรับไม่ผิดพลาด เติมเกมรุกได้พอประมาณ ทำได้ดีในเรื่องสปีดไปเอาบอลในพื้นที่ว่างด้านหน้า

ซาฮิน - ยืนต่ำและต้องเล่นเกมรับมาก...จบกัน

เฮนเดอร์สัน - ต้นเกมก็เล่นแบบเฮนๆ ไปเรื่อยๆ มาเริ่มทำได้ดีตอนก่อนเจอราร์ดลงมาที่เจ้าตัววิ่งขึ้นไปทำเกมรุกได้ 2-3 จังหวะเกือบเป็นประตู หลังจากนั้นเล่นแบ็คยืนตำแหน่งพลาดเกือบทั้งเกม

อัสไซดี้ - ต้นเกมได้บอลไม่มากนัก ครึ่งหลังได้บอลมากขึ้น ชั่วโมงแรกของเกมไม่ค่อยมีเพื่อนช่วยไม่ว่าจะจากข้างหลังหรือข้างๆ ต้องไปคนเดียวบ่อย โดยรวมแล้วจังหวะกระชากไม่ค่อยผ่าน มีส่วนร่วมกับเกมน้อยและช่วยทีมได้ไม่มากนัก

โคล - ความเร็วเลือนหายไปหมดแล้ว ความฟิตก็มีกระปริบกระปรอยเล่นไปหอบไป แต่ใจสู้และเล่นอย่างมุ่งมั่นมากๆ วันนี้ผ่านบอลได้เร็วขึ้นและเล่นในเขตโทษได้โดดเด่น ยิง 1 จ่าย 1 กันเลยทีเดียว

ซูโซ่ - เล่นได้ดีตลอดช่วงที่อยู่ในสนาม ทำได้ดีที่สุดเมื่อได้ครองบอลอยู่หน้าเขตโทษ จ่ายทะลุผ่านพื้นที่แคบๆ ได้ดีให้เห็นหลายครั้ง สวนทางกับจังหวะหลุดเดี่ยวที่ยิงหลุดกรอบแบบไม่ได้ลุ้น ส่วนเกมรับแทบไม่ได้เล่นไม่ได้ช่วยเลย

เชลวี่ย์ - หาที่ว่างวิ่งสอดขึ้นไปรอยิงได้ดี นอกจากลูกที่ทำได้ก็ยังมีอีกหลายครั้งที่ไปถึงตำแหน่งยิงแล้วแต่บอลมาไม่ถึง ครึ่งแรกเล่นเกมรุกด้วยบอลจังหวะเดียวได้ดี ส่วนครึ่งหลังหลังจากซัวเรสลงมาแล้วถอยไปเล่นกลางช่วยทีมไม่ได้เท่าไหร่ พลิกรับเป็นรุกไม่ได้และวิ่งไล่ไม่ค่อยถึงบอล

ตัวสำรอง

เจอราร์ด - ทำได้ดีในการเปลี่ยนรับเป็นรุกและเร่งจังหวะเกมให้เร็ว เป็นแกนหลักของทีม แต่จังหวะที่ต้องอาศัยพละกำลัีงวิ่งไล่ก็ไปไม่ค่อยไหวแล้ว

ซัวเรส - ลงมาเล่นกองหน้าได้ดีกว่าเชลวี่ย์ในแง่การเก็บบอลและไปกับบอล อยู่คนเดียวได้ไม่ต้องพึ่งใครมากนัก ค้ำกองหลังได้ดีกว่าเชลวี่ย์ด้วย ปัญหาคือวันนี้หาโอกาสยิงไม่ได้เลยและทำบอลเสียบ่อย

สเตอริ่ง - วิ่ง วิ่ง วิ่ง

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...โจ โคล... เล่นให้เห็นว่ายังไม่อยากโดนเขี่ยทิ้ง แม้ความต่อเนื่องในเกมจะน้อยไปสักหน่อย หายไปเป็นระยะ ทำอะไรก็ไม่รู้ดูแล้วงงในบางจังหวะ แต่การยิง 1 จ่าย 1 แบบเหนือชั้นทั้ง 2 จังหวะนั้นก็งามเกินห้ามใจจริงๆ
 ------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.