วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2555

ลิเวอร์พูล 1 - 2 วีแกน



...ไม่มีสมาธิ...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-5-1

----------------------ซัวเรส----------------------

เค้าท์--สเปียริ่ง--เจอราด--เฮนเดอร์สัน--ดาวนิ่ง

เอนริเก้---สเคอเทล--คาราเกอร์---ฟลานาแกน

-----------------------เรน่า-----------------------

               ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับทีมหนีตกชั้นอย่างวีแกน ดัลกลิชเล่น 4-5-1 โดยใช้ซัวเรสเป็นหน้าเป้า ริมเส้นเป็นเค้าท์กับดาวนิ่ง ส่วนตรงกลางยังเป็นชุดเดิม ส่วนแผงหลังฟลานาแกนได้ลงเป็นตัวจริง
-------------------------------------------------------

               ลิเวอร์พูลเริ่มเกมอย่างช้าๆ เน้นขึ้นบอลทางขวาให้ดาวนิ่ง เกมค่อนข้างสูสีลิเวอร์พูลได้บอลมากกว่าแต่ก็ไม่ถึงกับได้เปรียบอะไรมากนัก ผ่าน 10 นาทีแรกของเกมไปวีแกนถึงได้โอกาสโต้กลับมาทางริมเส้นบ้างแต่ก็ยังกดดันอะไรไม่ได้มากเช่นกัน เค้าท์กับดาวนิ่งสลับตำแหน่งกันเป็นระยะ แต่ลิเวอร์พูลยังสร้างสรรค์โอกาสได้ไม่มากนัก

               นาที 26 วีแกนมาได้จุดโทษจากจังหวะที่คาราเกอร์สกัดบอลไม่ขาดแล้วสเคอเทลไปเตะสูงหวดเอาคางโมเสสเข้า มาโลนี่รับหน้าที่ยิงไม่พลาด 1-0

               ลิเวอร์พูลพยายามเร่งเกมเพื่อเอาคืนทันที แต่ก็เร่งก็ทำเสียไปเองบ่อย รวมไปถึงยังหาโอกาสจบสกอร์ได้น้อย จนกระทั่งจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ 1-0

               เข้าครึ่งหลัง ดัลกลิชส่งคาโรลลงมาแทนเฮนเดอร์สันทันที รวมไปถึงดันเจอราดขึ้นมาเล่นสูงมากขึ้นเปิดเกมรุกแลกเต็มที่และทำได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นาที 47 จากจังหวะวีแกนจะโต้กลับเร็ว สเคอเทลที่ตามกองหน้าขึ้นมาสูงล้มตัวสกัดบอลไว้ได้ ลิเวอร์พูลเลยได้โอกาสบุกต่อ บอลไปถึงเจอราดจ่ายให้ซัวเรสชาร์จตีเสมอได้สำเร็จ 1-1

               เกมลิเวอร์พูลยังดีต่อเนื่อง กดดันวีแกนได้ตลอด นาที 53 สเคอเทลโหม่งบอลเข้ากลาง ซัวเรสชาร์จเข้าไปได้แต่โดนกรรมการจับฟาล์วไปเสียก่อนชวดได้ประตูนำอย่างน่าเสียดาย หลังจากนั้นวีแกนค่อยๆ ตั้งสติกลับมาครองเกมได้ทีละน้อยจนกระทั่งรูปเกมกลับมาสูสีเหมือนเดิม

               วีแกนมาได้เพิ่มอีกประตูในนาที 63 จากจังหวะยิงไกลบอลไปแฉลบคาราเกอร์ไปเข้าทางคัลเวลล็อคหลบคาโรลยิงเข้าไปได้เป็น 2-1 หลังจากสกอร์เปลี่ยน เกมของลิเวอร์พูลดูช็อตไปทันทีึ ต่อเกมกันได้น้อยลงและจ่ายเสียมากขึ้นกลับกันกับทางวีแกนที่ต่อบอลในแดนกลางได้อย่างไหลลื่นและวิ่งไล่เพรซซิ่งได้ดีจนทำให้เกมเป็นของวีแกน

               นาที 73 เชลวี่ย์ได้ลงไปแทนดาวนิ่งและรูปเกมของลิเวอร์พูลยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น พยายามจะเน้นเจาะตรงกลางแต่ก็ฝ่าแนวรับวีแกนเข้าไปไม่ได้ นาทีั 85สเตอริ่งได้ลงมาแทนเค้าท์ ลิเวอร์พูลดันกันขึ้นมาเล่นเกมรุกหมดไม่ว่าจะเป็นสเปียริ่งหรือสเคอเทล กดดันได้มากขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ยังหาจังหวะจบสกอร์ได้ค่อนข้างลำบาก รวมไปถึงเก็บบอลจังหวะสองได้น้อยเลยทำให้วีแกนได้ครองบอลเป็นพักๆ ในที่สุดก็เลยทำอะไรไม่ได้ แพ้คาบ้านไปด้วยสกอร์ 2-1
------------------------------------------

               ลิเวอร์พูลเล่น 4-5-1 โดยมีซัวเรสเป็นหน้าเป้าอีกครั้ง และมีปัญหาเดิมตามมาหลอกหลอนอีกครั้งคือการหาโอกาสทำประตุได้น้อย ในช่วงครึ่งแรกโอกาสส่วนใหญ่คือการครอสเข้าไปซึ่งในเขตโทษมีแค่ซัวเรสคนเดียวก็แทบไม่ได้ลุ้นอะไร ส่วนในจังหวะที่ซัวเรสได้บอลทางริมเส้นหรือนอกเขตโทษ ไม่มีนักเตะของลิเวอร์พูลวิ่งเติมเข้าไปในเขตโทษสักเท่าไหร่จนทำให้ซัวเรสเองก็ทำอะไรไมไ่ด้มากนัก

               การเปลี่ยนเกมในช่วงพักครึ่งโดยส่งคาโรลลงมาแทนเฮนเดอร์สันได้ผลอย่างชัดเจน ซัวเรสมีอิสระมากขึ้นในการฉีกตัวไปรับบอลทำเกม และนักเตะคนอื่นๆ มีเป้าให้พักบอล รวมไปถึงการครอสที่กดดันแนวรับได้มากขึ้นด้วย แต่ความเสี่ยงที่ตามมาคือลิเวอร์พูลเปิิดพื้นที่กลางสนามเอาไว้มากเพราะแทบจะเหลือสเปียริ่งไว้คนเดียวในการปิดพื้นที่และไล่บอล ประกอบกับวีแกนเองก็ต่อบอลบนพื้นได้ดีทำให้ครองเกมเอาไว้ได้ต่อเนื่อง ทำให้เกมครึ่งหลังออกมาอย่างที่เห็น

               จุดเปลี่ยนสำคัญคงหนีไม่พ้นประตู 2-1 ที่ซัวเรสยิงได้แต่โดนจับฟาล์ว ดูจากภาพช้าบอลอาจจะไปโดนมือซัวเรสก็ได้ แต่ที่แน่ๆ ถ้าลูกนั้นเป็นประตู ลิเวอร์พูลคงหันมาเน้นคุมพื้นที่กลางสนามได้มากกว่านี้และวีแกนคงไม่สามารถครองบอลต่อเนื่องได้อย่างนั้น

               อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตัดสินเกมนี้จริงๆ คือเกมรับของลิเวอร์พูล รูปเกมโดยส่วนใหญ่ลิเวอร์พูลรับมือเกมรุกของวีแกนเอาไว้ได้เกือบทั้งหมดแล้ว จะมีก็แต่ลูกครอสจากริมเส้นฝั่งซ้ายโดยเบโซชูที่ฟลานาแกนยังดักเอาไว้ไม่ค่อยอยู่ซึ่งไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงของคู่เซนเตอร์ ปัญหาคือแนวรับลิเวอร์พูลพลาดง่ายในจังหวะเสียประตู ดูไม่ค่อยมีสมาธิ รวมไปถึงความผิดพลาดส่วนบุคคลด้วย เลยทำให้เสียไปถึง 2 ประตูซึ่งถือว่าเยอะมากถ้าดูจากรูปเกมที่เกิดขึ้น

               ...มากเกินกว่าเกมรุกจะตามทัน....
 ----------------------------------

นัดนี้เล่นได้ไม่ค่อยดีนัก

เรน่า - ลูกที่เสียไปโทษอะไรไม่ได้ โดยรวมอ่านเกมได้ดี ออกมาตัดบอลและรับบอลคืนได้ดี แต่การออกบอลยาววันนี้ไม่ดีเท่าไหร่ ขาดๆ เกินๆ อยู่ตลอด

เอนริเก้ - เกมรับมีพลาดให้เห็นบ้างแต่ไม่มาก ส่วนเกมรุกเติมขึ้นไปค่อนข้างน้อยกว่าที่ผ่านมา และพลาดในจังหวะสุดท้ายบ่อย

คาราเกอร์
- ไม่ใช่วันที่ดี แม้โดยรวมจะทำได้ดีกับการบังบอลและการซ้อนแบคในจังหวะโดนโต้ แต่มีปัญหากับการเข้าสกัด และมีส่วนรับผิดชอบกับสองประตูที่เสียไปด้วย

สเคอเทล - โดยรวมถือว่าเล่นใช้ได้ แต่ขาดความละเอียดในจังหวะเสียประตู เคยทำได้ดีกว่านี้

ฟลานาแกน - แม้จะปล่อยให้คู่ต่อสู้ครอสบอลง่ายไปสักหน่อยแต่โดยรวมก็เล่นเกมรับได้พอใช้ ส่วนเกมรุกทำได้ไม่ดี โดยรวมยังห่างไกลกับสิ่งที่เคลลี่หรือจอห์นสันทำเอาไว้

เค้าท์ - เล่นไม่ออก ได้บอลน้อย บอลจังหวะเดียววันนี้ทำไม่ค่อยได้ ไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับเกม

สเปียริ่ง - ครึ่งแรกเจองานไม่ยากและทำได้ดีระดับนึงโดยเฉพาะจังหวะที่ฉวยโอกาสขึ้นบอลเร็ว แต่พอครึ่งหลังที่ต้องรับผิดชอบพื้นที่กว้างขึ้น สเปียริ่งแทบไม่เจอบอลเลย

เจอราด
- แม้การเติมเกมรุกจะทำได้ดีพอใช้ แต่คุณภาพของบอลที่จ่ายให้เพื่อนดูด้อยลงไป เป็นวันที่ต้องทำเกมรุกอยู่แทบจะคนเดียวในแผงกลางและผลงานดูจะด้อยลงกว่าที่เคยทำได้

เฮนเดอร์สัน - ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการเชื่อมเกม เล่นได้เงียบสนิทอีกนัดหนึ่ง

ดาวนิ่ง - ทำเกมด้วยตัวเองได้บ้าง ผลงานดีกว่าเค้าท์ ด้อยกว่าเจอราดเล็กน้อย แต่ทางเลือกในแดนหน้าที่จะส่งบอลไปให้ไม่ค่อยจะมีก็ไม่รู้จะเล่นยังไง หลายครั้งที่ได้บอลไปแล้วไม่มีเพื่อนให้จ่ายไปในตำแหน่งที่ลุ้นทำประตู

ซัวเรส - ครึ่งแรกเจอประกบติดและค่อนข้างโดดเดี่ยว ถึงอย่างนั้นก็ยังทำผลงานพอใช้ได้ ครึ่งหลังช่วงต้นเกมลงมาเล่นได้อย่างสุดยอด แต่พอทีมเริ่มครองบอลได้น้อยก็ทำอะไรไม่ได้ มีโอกาสจบสกอร์ไม่มากนักแต่โดยรวมถือว่ายิงได้ค่อนข้างดีทีเดียว ติดเซฟในลักษณะได้ลุ้น

ตัวสำรอง

คาโรล - 10 นาทีแรกที่้ลงมาทำได้ดีมาก แต่ก็เช่นเดียวกันกับซัวเรสคือเมื่อทีมครองบอลได้น้อยลงก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก ยิ่งช่วงท้ายยิ่งทำอะไรไม่ได้เลย

เชลวี่ย์ - ลงมาเน้นเล่นบอลทะลุทะลวงเพื่อทำเกมรุก แต่บอลส่วนใหญ่ให้ไม่ผ่านแนวรับ

สเตอริ่ง - มีเวลาแค่ 9 นาทีในสนาม (รวมทดเจ็บ) ไม่ถึงกับเปลี่ยนเกมได้ แต่ก็เล่นได้น่าให้โอกาสมากกว่า 9 นาที

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555

ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส 3 - 2 ลิเวอร์พูล


...แหม...ทำไปได้ (โปรดอ่านด้วยท่วงทำนองของพิศิษฐ์ กีรติการกุลประกอบ)
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

--------------------ซัวเรส----------------------

------ดาวนิ่ง------เจอราด-------เค้าท์--------

--------------อดัม-------สเปียริ่ง--------------

เอนริเก้---สเคอเทล----คาราเกอร์-----เคลลี่

---------------------เรน่า-----------------------

               ลิเวอร์พูลกลับมาเล่นเกมลีคโดยออกไปเยือนทีมหนีตกชั้นอย่าง QPR ดัลกลิชปรับแทคติคด้วยการเล่น 4-2-3-1 ใช้ซัวเรสเป็นหน้าเป้า ตัวรุก 3 คนคือดาวนิ่ง, เจอราดและเค้าท์ ตรงกลางอดัมจับคู่กับสเปียริ่ง ส่วนแผงหลังยังใช้ชุดเดิมจากนัดก่อน ทางฝั่ง QPR จัดกองหน้ามาสองตัวคือซาโมร่าและเด็กเก่าลิเวอร์พูลอย่างซิสเซ่หวังมีคะแนนเช่นกัน
-------------------------------------------------------

               ช่วงเิริ่มเกมลิเวอร์พูเร่งเกมกดดันเข้าใส่จน QPR โงหัวแทบไม่ขึ้น ได้ลูกเตะมุมเป็นชุดๆ เก็บบอลจังหวะสองในเกมรุกได้ดีจนทำให้ QPR ตั้งเกมหรือเก็บบอลมาครองไม่ได้ ลิเวอร์พูลเน้นเข้าทำเร็วด้วยบอลจังหวะเดียวอยู่ตลอดและทำได้ค่อนข้างดีทำให้เกมรุกต่อเนื่อง พอหาโอกาสจบสกอร์ได้แต่ยังทำประตูไม่ได้

               ผ่าน 20 นาทีของเกมไปเกมรุกของลิเวอร์พูลเริ่มเพลาลง QPR ปิดช่องปิดพื้นที่กันได้ดีขึ้นและเก็บบอลจังหวะสองได้ดีขึ้น เกมของ QPR กระเตื้องขึ้นช้าๆ แต่ก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ นาที 34 เคลลี่มีอาการบาดเจ็บจนต้องเปลี่ยนเอาโคอาเตสลงมาแทนแล้วโยกคาราเกอร์ไปอยู่ทางขวา

               พอเข้าครึ่งชั่วโมงแรกของเกม QPR เริ่มหันมาไล่บอลสูงอย่างได้ผลจนทำให้ลิเวอร์พูลบุกได้น้อยลงไปอีก แต่เกมก็ยังแค่สูสี จนกระทั่ง 5 นาทีสุดท้าย QPR ถึงเริ่มบุกเข้ามากดดันแถวหน้าเขตโทษได้บ้างแต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ 0-0

               เข้าครึ่งหลัง เฮนเดอร์สันได้ลงมาแทนอดัมที่โดนเสียบจนเจ็บในช่วงทดเจ็บครึ่งแรก รูปเกมดูสูสีเป็นฝ่ายพลัดกันครองบอล แต่ลิเวอร์พูลมาทำได้ก่อนในนาที 54 จากจังหวะลูกเตะมุม กองหลัง QPR สกัดไม่ขาดบอลมาเข้าทางโคอาเตสได้กระโดดเอี้ยวตัววอลเล่ย์จากแถวๆ จุดโทษเข้าไปได้อย่างสวยงาม 1-0

               หลังจากได้ประตู ลิเวอร์พูลดูผ่อนเกมลงไปเล็กน้อย ส่วน QPR เองที่พยายามจะเร่งก็ขึ้นบอลพลาดหลายจังหวะจึงทำให้ยังบุกกดดันได้ไม่มากนัก และทำให้ลิเวอร์พูลเก็บบอลกลางสนามโต้ขึ้นมาได้เป็นระยะแต่เร่งออกบอลจนเสียเองไปเยอะเลยยังไม่ได้โอกาสลุ้นเพิ่มสกอร์สักเท่าไหร่

               กระทั่งนาที 72 ลิเวอร์พูลมาทำสำเร็จจนได้ ซัวเรสล็อคบอลจนหลุดเข้าเขตโทษแต่ยิงชนเสา บอลไปเข้าทางดาวนิ่งลากตัดเข้ามายิงแต่ติดเซฟ สุดท้ายเป็นเค้าท์ที่ตามซ้ำเข้าไปให้ทีมนำ 2-0 จนเกมนี้ทำท่าว่าลิเวอร์พูลจะเก็บชัยชนะได้ไม่ยากแล้ว

               ...แต่...

               QPR เครื่องช็อตไปพักใหญ่หลังเสียประตูที่สอง ลิเวอร์พูลยังขยับทำเกมรุกกดดันได้ดีกว่าเล็กน้อย แต่เล่นไปเล่นมาจากความเสียสมาธิในเกมรับทำให้ QPR ตีตื้นขึ้นมาได้ นาที 77 QPR ได้ลูกเตะมุม แนวรับลิเวอร์พูลตั้งรับได้ไม่ดีพอปล่อยให้คู่ต่อสู้ขึ้นโหม่งโล่งๆ คนเดียวเข้าไปได้เป็น 2-1

               นาที 82 ดัลกลิชส่งคาโรลลงมาแทนซัวเรส ส่วน QPR ดันกันขึ้นมาสูงเร่งจะเอาประตูตีเสมอ รูปเกมโดยรวม QPR ก็กดดันลิเวอร์พูลไม่ได้มากมายอะไรนักเพราะบอลที่ส่งเข้าเขตโทษยังไม่ดีเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามเมื่้อโดนโยนเข้ามามากๆ ในที่สุดลิเวอร์พูลก็พลาดจนได้ นาที 86 QPR ได้ครอสจากทางฝั่งซ้าย ซิสเซ่ขึ้นโหม่งเอาชนะสเคอเทลได้ทำประตูตีเสมอได้สำเร็จ 2-2

               เท่านั้นยังไม่พอ ลิเวอร์พูลที่ดูจะช็อคจากการถูกตีเสมอยังเก็บบอลหรือตั้งเกมบุกกลับไม่ได้ เป็น QPR ที่โยนบอมบ์เข้ามาเรื่อยๆ จนได้เรื่อง นาที 91 จากบอลโด่งแนวลึกแถวกลางสนาม สเคอเทลไปไม่ถึงบอลส่วนเอนริเก้สกัดพลาดทำให้ QPR ได้หลุดเข้าเดี่ยวเข้าเขตโทษยิงผ่านตัวเรน่าเข้าไปได้ แซงนำเป็น 3-2 สามารถพลิกกลับมาเอาชนะลิเวอร์พูลได้สำเร็จ
------------------------------------------

               ดัลกลิชปรับแทคติคครั้งนี้จะว่าไปมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือบอลจังหวะเดียวในแดนหน้าทำได้เร็วและแม่นยำขึ้นจากการที่มีผู้เล่นในแนวรุกยืนอยู่ใกล้กันมากกว่า 4-4-2 และทุกคนคือซัวเรส ดาวนิ่ง เจอราด เค้าท์ มีความคล่องตัวในการวิ่งทำทาง โดยเฉพาะการให้อิสระกับแนวรุก 3 คนที่ยืนหลังซัวเรสสามารถวิ่งหาที่่ว่างและสลับตำแหน่งกันได้อยู่ตลอดเวลา ทำให้ช่วงครึ่งชั่วโมงแรกลิเวอร์พูลสามารถฉีกแนวรับได้อย่างน่าพอใจ ถ้าซัวเรสคมกว่านี้อาจจะออกนำเร็วกว่านี้ด้วยซ้ำ รวมไปการได้ลูกเตะมุมเป็นเข่งด้วย

               แต่ข้อเสียก็มีเช่นกัน พอลิเวอร์พูลเล่นเร็วแบบนั้นกลายเป็นว่าเล่นเกมรุกกันด้วยนักเตะเพียง 4 คน อย่าว่าแต่แบคจะเติมขึ้นไป เอาแค่กองกลางอย่างอดัมหรือสเปียริ่งยังเติมขึ้นไปช่วยได้ยาก พอโดนแนวรับ QPR ปิดช่องกันได้ทำให้เกมเริ่มสะดุด ยิ่งไปกว่านั้นการใช้ซัวเรสที่เป็นหน้าเป้ายังขยับหาพื้นที่เล่นตลอดเวลาบวกกับการเข้าไปเติมในเขตโทษของคนอื่นๆ ยังทำไม่ทัน ทำให้หลายครั้งที่ได้บอลหลุดไปทางริมเส้นไม่สามารถเปิดหรือเปิดเข้ามาแล้วไม่มีคนจะเข้ามาชาร์จ ทำให้เสียโอกาสในจังหวะนั้นๆ ไป

               จุดเปลี่ยนของเกมคงหนีไม่พ้นประตู 2-1 ของ QPR ซึ่งทำให้พวกเขาเริ่มกลับมาได้ ทั้งๆ ที่รูปเกมตั้งแต่ต้นจนกระทั่งถึงนาที 77 QPR แทบจะทำอะไรได้ไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลย คือถึงแม้ว่าจะบุกได้บ้าง ได้ลุ้นยิงประตูบ้าง แต่การเข้าทำไม่แม่นยำและกดดันได้ไม่ต่อเนื่องนัก แต่พอมาได้เข้าลูกนึงทำให้พวกเขามีฮึดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

               อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะไล่มาเป็น 2-1 แล้ว เกมของ QPR ยังทำได้แค่โยนเข้ามาลุ้นเท่านั้น ไม่มีการยิงไกล ไม่สามารถเจาะตรงกลาง ไม่มีบอลชิ่งหรือบอลทะลุเข้าเขตโทษ แต่ถึงอย่างนั้นกองหลังลิเวอร์พูลก็ยังอุตส่าห์พลาดให้อีก 2 ครั้งทั้งๆ ที่ไม่น่าพลาดจนทำให้แพ้ไปในที่สุด

               ข้อสงสัยที่ไม่รู้ว่าจะมีคนสงสัยด้วยหรือปล่าวคือการเปลี่ยนคาโรลลงไปแทนซัวเรส ไม่แน่ใจว่าดัลกลิชเปลี่ยนทำไม คือทางมองไปถึงเรื่องเก็บบอลหรือกดดันแนวรับ นาทีนี้ซัวเรสยังทำได้ดีกว่าคาโรล โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้่ามองไปถึงเกมที่คาโรลลงมาเป็นตัวสำรองท้ายเกมเขาก็มักจะเล่นไม่ออกอยู่แล้วด้วย จะมองว่าเอาลงมาช่วยสกัดบอลโด่งที่พึ่งโดนไปลูกนึงก็ยังแปร่งๆ เพราะ QPR ยังไม่ได้โยนบอมบ์จนเป๋สักเท่าไหร่หรือถ้าจะเอาอย่างนั้นจริงๆ ดาวนิ่งหรือเค้าท์ก็ยังเป็นทางที่น่าเลือกกว่า นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ QPR กล้าดันกันขึ้นมาสูงจนทำให้เก็บบอลจังหวะสองที่ลิเวอร์พูลสกัดออกมาได้อย่างต่อเนื่องในช่วง 10 นาทีสุดท้าย

               ...โดนทีมท้ายตารางยิงแซง 3 ลูกรวดใน 23 นาทีนี่เล่นเอาเครียดเหมือนกัน...
 ----------------------------------

นัดนี้เล่นได้ดีใน 77 นาทีแรก แต่ไม่ค่อยดีในช่วง 23 นาทีหลัง

เรน่า - ลูกแรกกับลูกสองน่าจะออกมาช่วยตัดบอลได้อย่างน้อยหนึ่งครั้งเพราะบอลมาลึกถึงเขต 6 หลา แต่ลูกสุดท้ายนั่นจนปัญญาจริงๆ ออกบอลพอใช้ได้ถ้าเทียบกับคนที่รอข้างหน้าเป็นซัวเรสไม่ใช่คาโรล

เอนริเก้ - เล่นมาได้ค่อนข้างดีเกือบทั้งเกม มีจังหวะหลุดโดนครอสบ้างแต่ก็ยังประกบติดอยู่ มาตายตอนจบที่สกัดพลาดในช่วงทดเจ็บนี่เอง

คาราเกอร์ - แทบไม่โดนกดดันเลยมาตลอดเกม แต่ช่วงท้ายขึ้นโหม่งไม่ค่อยเจอบอล รวมไปถึงเอาไม่อยู่จังหวะที่โดนเลี้ยงจี้ด้วย

สเคอเทล - ดวลกับกองหน้า QPR ได้พอใช้ ไม่ถึงขั้นเอาชนะได้แต่ก็ยังพอทำให้กองหน้าเล่นได้ลำบากอยู่ แต่พอโดนบอมบ์เข้ามามากๆ เข้ามีพลาดให้เห็นหลายครั้งอยู่เหมือนกัน

เคลลี่ - ยังไม่ทันได้ทำอะไรมากนักก็เจ็บไปก่อน

อดัม - ทำได้แค่พอใช้กับการปิดพื้นที่และเชื่อมเกม ไม่มีอะไรผิดพลาดแต่ก็ไม่มีอะไรโดดเด่น

สเปียริ่ง - พรวดเป็นพักๆ มีดีตรงที่เข้าบอลเร็วจนทีมได้กลับมาครองบอลเล่นเกมรุกต่อเนื่องอยู่หลายจังหวะ แต่นั่นก็ทำให้อีกหลายจังหวะโดนล็อคหลบให้ QPR โต้ขึ้นมาได้เหมือนกัน ออกบอลในจังหวะถูกกดดันได้ดี เร่งออกบอลจนพลาดให้เห็นบ้างแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ ดูจะเกรงใจเจอราดมากไปนิด หลายจังหวะอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าก็ไม่เล่นเองแต่ปล่อยให้เจอราดเล่น

เจอราด - ทำเกมรุกได้ดีมากๆ ในช่วงครึ่งชั่วโมงแรก และหลังจากนั้นก็ยังเป็นตัวหลักในการกำหนดจังหวะการเล่นเกมรุก วันนี้วิ่งเติมเกมและทำทางได้ดี ไม่ต้องพะวงเกมรับมากนัก จนกระทั่ง... 2-1

ดาวนิ่ง - ได้อิสระในการเ่ล่นมากกว่าที่ผ่านมาและทำได้ดี มีส่วนร่วมกับเกมเยอะแม้จะไม่มีจังหวะกระชากหรือครอสสวยๆ ให้เห็นแต่การออกบอลทั้งบอลทะลุและบอลชิ่งทำได้ดีมาก จนกระทั่ง...ซัวเรสโดนถอดออกไป

เค้าท์ - เป็นเกมที่ได้บอลเยอะมากเกมหนึ่ง เล่นเกมรุกได้พอใช้ แต่ที่ดีมากคือการแย่งบอลเร็วในจังหวะที่เสียบอลในเกมรุก ทำให้เกมของ QPR ทำได้ไม่ต่อเนื่องนัก เข้าซ้ำได้ดีเหมือนเดิม

ซัวเรส - ทำเกมได้ดีเอามากๆ และกดดันแนวรับได้ทุกครั้งที่ได้บอล เป็นอาวุธหลักในการเข้าทำในวันนี้ ปัญหาคือพอได้โอกาสยิงเองไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้ เขามีโอกาสที่ไม่น่าพลาดถึง 2 ครั้งเป็นอย่างน้อยก็พลาดไปหมด รวมไปถึงโอกาสที่น่าจะได้ลุ้นมากกว่านั้นก็พลาดเรียบ

ตัวสำรอง

โคอาเตส
- วอลเล่ย์ทำประตูชนิดกองหน้าต้องอาย เคลียร์บอลได้เด็ดขาดดี แต่ 10 นาทีท้ายดูจะยืนตำแหน่งไม่ค่อยดีนัก

เฮนเดอร์สัน - มีส่วนพลาดกับประตูที่สองที่ควรจะขึ้นไปเบียดโหม่งบ้างแต่กลับไม่ขึ้น หลังจากนั้นพยายามจะแก้ตัวและทำได้ดีระดับนึง แต่ในแง่ปริมาณก็ออกจะน้อยไปหน่อย

คาโรล - เรียกฟาลว์ได้ครั้งนึงนอกนั้นแทบไม่ได้ทำอะไร บอลมาแทบไม่ถึงและบอลที่ถึงบ้างเก็บเอาไว้ไม่ได้

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2555

ลิเวอร์พูล 2 - 1 สโต๊ค ซิตี้


...ฤดูกาลนี้ยังไม่จบ...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2

-------------คาโรล-------ซัวเรส--------------

มักซี่-------สเปียริ่ง-------เจอราด-----ดาวนิ่ง

เอนริเก้---สเคอเทล----คาราเกอร์-----เคลลี่

---------------------เรน่า-----------------------

               เกม FA ที่ลิเวอร์พูลต้องเปิดบ้านรับทีมที่เตะกันมาจนเบื่อแล้วในฤดูนี้อย่างสโต๊ค ดัลกลิชจัด 4-4-2 เหมือนเดิมแต่เปลี่ยนแปลงผู้เล่นริมเส้นเล็กน้อยด้วยการส่งมักซี่ลงเป็นตัวจริงทางซ้าย แล้วโยกดาวนิ่งไปอยู่ขวา นอกนั้นก็ยังเป็นชุดเดิม
-------------------------------------------------------

               ช่วงเริ่มเกมเล่นกันค่อนข้างอืด ฟาลว์บ่อยและลูกตายบ่อย เกมไม่ค่อยปะติดปะต่อทั้งสองฝั่ง สโต๊คเล่นบอลไดเรกต์เต็มที่โยนยาวไปให้เคร้าช์เล่นเป็นหลัก โยนไปเรื่อยเปื่อยทำประโยชน์อะไรไม่ค่อยได้ส่วนทางลิเวอร์พูลยังเน้นเล่นบอลกับพื้นและขึ้นเกมด้วยการเติมขึ้นไปของแบคทั้งสองฝั่ง จังหวะเข้าทำเน้นการเล่นบอลจังหวะเดียวและการทำชิ่งก็ทำพลาดกันไปเองเกือบหมด ทำให้ 20 นาทีแรกของเกมยังทำอะไรกันแทบไม่ได้

               นาที 23 บอลจังหวะเดียวของลิเวอร์พูลก็มีจังหวะลงตัว(สักที) ซัวเรสทำชิ่งกับมักซี่จนได้จังหวะยิงไกลจากแถวๆ เส้นเขตโทษให้ทีมขึ้นนำได้สำเร็จ 1-0 แต่เพียงแค่ 4 นาทีถัดมาก็ถูกตีเสมอจากจังหวะที่สโต๊คได้ลูกเตะมุม(ที่ไม่ควรจะได้เพราะบอลโดนสโต๊คออก) เรน่าโดนขวางทำให้ขึ้นไม่ถึงบอล เคร้าช์ได้โหม่งเต็มๆ จากระยะแค่ 4-5 หลา สกอร์ขยับเป็น 1-1

               พอโดนตีเสมอกลายเป็นลิเวอร์พูลเร่งเกมกันขึ้นมาได้มากขึ้น เกมเปิดแลกกันมากขึ้น แบคทั้งสองฝั่งทำผลงานกันได้ดีจนลิเวอร์พูลเริ่มมีเกมรุกที่ต่อเนื่องกว่าช่วงต้นเกมแต่ยังหาจังหวะจบสกอร์กันแทบไม่เจอ  ก่อนที่ช่วง 5 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกเกมจะกลับไปช้าอีกครั้ง แล้วจบครึ่งแรกไปแบบจืดชืดเล็กน้อย 1-1

               เข้าครึ่งหลังรูปเกมยังคล้ายครึ่งแรกแต่ลิเวอร์พูลดูเร่งเกมและเข้าหาบอลกันเร็วมากขึ้น ส่วนทางสโต๊คโต้ไม่ค่อยขึ้นและครองบอลได้ไม่นาน ทำให้ลิเวอร์พูลกดดันแนวรับได้มากขึ้นกว่าครึ่งแรกเล็กน้อยก่อนจะมาทำได้สำเร็จในนาที 57 ดาวนิ่งได้บอลแถวมุมเขตโทษด้านขวาจ่ายให้เจอราด ซึ่งเจอราดไม่รู้ว่าตั้งใจชิ่งหรือจับบอลพลาดทำให้บอลปลิ้นมาข้างหลังเล็กน้อยแล้วเป็นดาวนิ่งที่วิ่งต่อเข้าไปเอาบอลแตะหลบกองหลังก่อนจะยิงย้อนทางเข้าไปได้ให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำอีกครั้ง 2-1

               แม้จะตามหลังอีกครั้งแต่สโต๊คก็ยังตั้งเกมของตัวเองไม่ค่อยจะได้ โทนี่ พูลิส ต้องตัดสินใจแ้ก้เกมด้วยการเอาชัตตันออกแล้วส่งแพนเน้นท์ลงมาทำเกมริมเส้นฝั่งขวา ในนาทีเดียวกันดัลกลิชก็ถอดมักซี่ที่ไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับเกมออกแล้วส่งเค้าท์ลงไปแทน โยกดาวนิ่งกลับมาด้านซ้ายอีกครั้ง

               สโต๊คยังคงก้มหน้าก้มตาโยนทิ้งโยนขว้างต่อไป เกมริมเส้นขึ้นไม่ค่อยได้ ทำให้บอลอยู่กับลิเวอร์พูลมากขึ้นแต่ลิเวอร์พูลเองก็ยังพลาดกับบอลจังหวะเดียวตอนเข้าทำเป็นส่วนใหญ่เช่นเดิม นาที 72 พูลิส พยายามเปลี่ยนเกมอีกครั้งเอาเจอโรมลงมาแทนเอทเทอริงตันที่เล่นไม่ออก รวมไปถึงดีแลปลงมาแทนไวท์เฮดหวังพึ่งลูกทุ่มไกล ถึงตรงนี้สโต๊คเริ่มหันมาเน้นการขึ้นบอลทางขวาด้วยเพนแนนท์มากขึ้นและทำเกมได้ดีกว่าการโยนบอลเข้าไปตรงกลาง แต่ก็ไม่ถึงกับกดดันอะไรได้มากนัก

               10 นาทีสุดท้ายของเกมลิเวอร์พูลเน้นครองบอลมากขึ้น ส่วนสโต๊คได้ลุ้นแค่จากลูกครอสแนวลึกเพราะขึ้นบอลไม่ถึงสุดเส้นและแทบไม่ได้ลุ้นประตูเลย นาที 89 โคอาเตสกับเฮนเดอร์สันได้ลงแทนเคลลี่และซัวเรสที่มีอาการบาดเจ็บ ก่อนที่ลิเวอร์พูลจะปิดเกมเอาชนะไปได้ 2-1
------------------------------------------

               แม้จะเล่นด้วยแทคติคเดียวกับ 2-3 นัดล่าสุด แต่ดูเหมือนการเลือกตัวผู้เล่นลงสนามของดัลกลิชในวันนี้ส่งผลต่อรูปเกมมากทีเดียว วันนี้เกมรุกของลิเวอร์พูลไม่ดุดันเท่าไหร่ และกดดันสโต๊คได้ไม่มากนักเพราะริมเส้นทั้งสองฝั่งทำเกมไม่ได้และมีส่วนร่วมกับเกมค่อนข้างน้อย มักซี่แทบจะหายจากเกมไปเลย ในขณะที่ดาวนิ่งก็หนักไปทางเคาะบอลเชื่อมเกมมากกว่าจะสร้างสรรค์เกมรุก

               อย่างไรก็ตาม ก็ด้วยแทคติคนี่เองที่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ลิเวอร์พูลได้ชัยชนะในนัดนี้ คาโรลแม้จะเล่นได้ไม่ดีนัก แต่มีประโยชน์มากในการรับมือลูกตั้งเตะ และที่สำคัญคือทำให้ซัวเรสได้มีโอกาสหนีตัวประกบไปทำเกมมากขึ้น จนมีส่วนร่วมกับทั้ง 2 ประตู ลูกแรกยิง ลูกที่สองก็เป็นคนเริ่มต้นผ่านบอลและทำทางให้ รวมไปถึงจังหวะอันตรายและได้ลุ้นส่วนใหญ่ก็มาจากการเล่นของซัวเรสที่ฉีกหนีตัวประกบไม่ต้องยืนค้ำในแดนหน้าทั้งสิ้น นอกจากนั้นการเน้นให้แบคเติมเกมสูงทั้งสองฝั่งอยู่ตลอดเกมก็เป็นการปิดเกมรุกของสโต๊คได้ดีเอามากๆ ริมเส้นของสโต๊คแทนที่จะได้ไปรอบอลโต้กลับหรือรับบอลแถวกลางสนามแล้วกระชากขึ้นไป กลับต้องคอยตามลงแบคลงมา ทำให้สโต๊คถูกบีบให้ต้องโยนบอลไปให้เคร้าช์ซึ่งก็แทบจะโดดเดี่ยวอยู่ในแดนหน้า ทำให้งานของสเคอเทลง่ายขึ้นตามไปด้วย

               นอกจากนั้นยังน่าประหลาดใจเล็กน้อยที่ 2 ประตูที่ได้มา ริมเส้นทั้งสองฝั่งที่เล่นไม่ออกนั่นแหล่ะที่มีส่วนร่วมด้วย ลูกแรกมักซี่เป็นคนชิ่งให้ซัวเรส(ถ้าดูไม่ผิดนะ เห็นผมดำๆ ตัวเล็กๆ คงไม่ใช่คาโรล และเอนริเก้คงเติมไปไม่ถึงในจังหวะนั้น) ลูกที่สองก็เป็นดาวนิ่งยิง พูดถึงดาวนิ่ง คงต้องบอกว่านี่เป็นอีกครั้งที่ถูกโยกไปเล่นทางขวาที่เจ้าตัวบอกว่าถนัดกว่าแต่กลับทำผลงานได้ไม่ดีเท่าตอนอยู่ฝั่งซ้าย อย่างไรก็ตามนี่เป็นครั้งแรก(ถ้าจำไม่ผิด) ที่ดาวนิ่งอยู่ฝั่งขวา - ตัดเข้ากลาง - ยิงด้วยซ้าย แล้วเป็นประตูได้สักที รอกันมาเกือบทั้งฤดู แต่พูดก็พูดเถอะนัดหน้า...

               ...ช่วยเอาดาวนิ่งไปยืนทางซ้ายเถอะครับ...
 ----------------------------------

นัดนี้เล่นพอใช้ได้

เรน่า - พลาดเล็กน้อยที่ไม่เรียกใครมาช่วยเบียดเปิดทางให้ในจังหวะที่เสียประตู แต่นอกนั้นก็ไม่มีอะไรให้ต้องเซฟ ขยันออกบอลเร็วอยู่ตลอด ดีบ้างไม่ดีบ้าง

เอนริเก้ - เติมเกมสูงตลอด ออกบอลพลาดน้อย ถึงจะพลาดหลุดตำแหน่งจนโดนโต้มาบ้างแต่ก็พอเอาตัวรอดไปได้

คาราเกอร์
- ไม่มีบอลเรียดกลิ้งเข้ามาในเขตโทษ คาราเกอร์ก็ไม่มีข้อผิดพลาดอะไร อันที่จริงนัดก็แค่คอยซ้อนเพื่อนเท่านั้นเอง

สเคอเทล - ดวลกับเคร้าช์อยู่ตลอดเกม ชนะบ้างไม่ชนะบ้างเสียฟาลว์บ้างแต่ก็ทำให้เคร้าช์เล่นยาก ทำผลงานพอใช้ได้

เคลลี่ - เช่นเดียวกับเอนริเก้ ที่ทำได้ดีกว่าคือทำอีท่าไหนไม่รู้แต่หาจังหวะหลุดเข้าเกือบได้ยิงในเขตโทษอีกแล้ว แต่ก็ยิงไม่สำเร็จอีกแล้วเช่นกัน รับมือกับเอทเทอริงตันได้ดีกว่าที่คิด

มักซี่ - รักษาฟอร์มมาตรฐานไว้ได้เหนียวแน่น...

สเปียริ่ง - เป็นวันที่เล่นเกมรุกเยอะ ทั้งการออกบอลเร็ว, วางบอลยาวและเติมขึ้นสูง จ่ายบอลพลาดเยอะ แต่ก็มีความขยันและกล้าได้กล้าเสียดี เกมรับงานเบาเพราะกลางสโต๊คไม่ค่อยดันกันขึ้นมาเท่าไหร่ เล่นไม่ถึงขึ้นยอดเยี่ยมแต่ก็นับว่าเป็นฟอร์มขาขึ้น

เจอราด - ทำงานหนักจริงๆ เนื่องจากสเปียริ่งในฐานะกลางรับเติมขึ้นมาค่อนข้างบ่อย รวมไปถึงแบคที่เติมสูงจนบางครั้งหลุดตำแหน่ง ทำให้หลายครั้งเจอราดต้องวิ่งถอยลงไปปิดพื้นที่ เกมรุกก็ต้องคอยสร้างสรรค์เกม ทั้งทำชิ่งกับเพื่อน, คอยหาช่องจ่ายทะลุและโยนบอลเข้าเขตโทษ ผลงานอาจไม่หวือหวา แต่นัดนี้ไม่มีเจอราดคาดว่าต้องเหนื่อยกว่านี้อีกหลายเท่า

ดาวนิ่ง - ตอนยืนฝั่งขวาทำได้แค่เชื่อมเกม ทำเกมด้วยตัวเองได้น้อยมาก มาฝั่งซ้ายดีขึ้นนิดหน่อยกับจังหวะกระชากบอลขึ้นไปเองแต่ก็ไม่ถึงกับเข้าตานัก ยังดีว่าทำประตูได้และเป็นประตูชัยด้วย

คาโรล - เป็นวันที่เล่นได้ไม่ค่อยดี แม้ว่าจะไม่ถึงขั้นกุมขมับเหมือนช่วงต้นฤดูกาลแต่ก็ไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่ ออกห่างจากเขตโทษมากเหลือเกิน หาพื้นที่และเคลื่อนที่ได้ไม่ดี ลูกกลางอากาศถ้ามองจากมุมว่าโดนเซนเตอร์ที่เด่นลูกกลางอากาศเป็นอับดับต้นๆ ของลีคคอยประกบ ทำผลงานได้เท่านี้ (โหม่งชงได้บ้างนิดหน่อย) อาจพอรับได้ แต่ถ้ามองจากมุมว่านี่คือกองหน้าตัวหลักของทีมที่หวังจะอยู่ใน Top4 หรือถึงลุ้นแชมป์ จุดเด่นที่สุดของตัวเองควรต้องทำได้ดีกว่านี้ ไม่ว่าคนประกบจะเป็นใครก็ตาม

ซัวเรส - ยิงลูกแรกได้ดี แต่หลังจากนั้นก็หนักไปทางหลุดกรอบ แม้จะทำบอลเสียบ่อยแต่จังหวะได้ลุ้นประตูก็ได้มาจากการเล่นของเขาแทบทุกลูก มีส่วนร่วมและเป็นส่วนสำคัญในเกมรุกของทีม

ตัวสำรอง

เค้าท์ - ทำผลงานแทบไม่ต่างกับมักซี่

โคอาเตส - ได้ลง 2 นาที โดยได้สกัด 2 ครั้ง หมดเวลาแล้ว

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : มาร์ติน เคลลี่ ... เจอราดกับซัวเรสมีความสำคัญกับทีมอย่างยิ่งยวด ดาวนิ่งยิงประตูชัย แค่เคลลี่เล่นได้โดดเด่นมากทั้งในเกมรับที่เก็บเอทเทอริงตันอยู่ และเกมรุกที่เติมได้น่ากลัวและเติมได้ตลอดเกม

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2555

ลิเวอร์พูล 3 - 0 เอฟเวอร์ตัน



...เจอราด 3 เอฟเวอร์ตัน 0...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2

-------------ซัวเรส-------คาโรล--------------

ดา่วนิ่ง----สเปียริ่ง----เจอราด---เฮนเดอร์สัน

เอนริเก้---สเคอเทล----คาราเกอร์-----เคลลี่

---------------------เรน่า-----------------------

               เมอร์ซี่ไซด์ดาร์บี้แมทช์ที่ลิเวอร์พูลได้เล่นในบ้าน ดัลกลิชกลับมาใช้ 4-4-2 ด้วยคู่กองหน้าคาโรล-ซัวเรสอีกครั้ง ในแผงกลางดาวนิ่งได้ลงเป็นตัวจริง และในแผงหลังก็มีคาราเกอร์กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้งเช่นกัน ทางฝั่งเอฟเวอร์ตันเปลี่ยนตัวจากนัดล่าสุดกว่าค่อนทีม เดรนเธ่กับเจลาวิชเป็นแค่ตัวสำรอง
-------------------------------------------------------

               เริ่มเกมมาทั้งสองฝ่ายก็ทำตามประเพณีดาร์บี้แมทช์ด้วยการวิ่งเข้าใส่กัน ไล่บอลตั้งแต่แดนหน้าและเปิดเกมแลกทั้งคู่ เกมเร็วมาก ลิเวอร์พูลดูขยันวิ่งกว่านัดที่เจอซันเดอร์แลนด์ผิดเป็นคนละทีม จังหวะรุกเร่งมากไม่ต่อบอลหลายจังหวะ ส่วนเอฟเวอร์ตันได้บอลน้อยกว่าแต่ก็โต้ขึ้นมาป้วนเปี้ยนแถวๆ ริมเขตโทษเป็นระยะเหมือนกัน

               ลิเวอร์พูลเริ่มครองเกมได้มากกว่าด้วยการเพรซซิ่งเร็ว ทำให้บีบแย่งบอลกลับมาได้เร็ว รวมไปถึงดันเกมขึ้นสูง แบคสองข้างขึ้นมายืนอยู่้แนวเดียวกับกลางรับอย่างสเปียริ่งเพื่อช่วยต่อบอล คู่กองหน้าก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีจนทำให้เอฟเวอร์ตันต้องถอยลงไปตั้งรับมากขึ้น แต่ก็ทำได้ดีเช่นกัน ลิเวอร์พูลแม้จะได้ลุ้นจบสกอร์บ้างแต่ก็ยังไม่จะแจ้งมากนัก

               ผ่านครึ่งชั่วโมงของเกมไป เอฟเวอร์ตันยังยันเกมรุกของลิเวอร์พูลเอาไว้ได้และเริ่มเก็บบอลมาโต้ได้มากขึ้นกว่าเดิม เน้นการขึ้นบอลทางริมเส้นทั้งสองฝั่งแต่ดูเหมือนว่าทางขวา (เอนริเก้) จะทำได้ดีกว่าอีกฝั่ง แต่ยังครอสบอลไม่เข้าเป้า กลายเป็นลิเวอร์พูลที่เริ่มบุกได้น้อยลงกลับมาได้ประตูก่อน ในนาที 34 จากจังหวะโต้เร็วซัวเรสจ่ายบอลทะลุแฉลบเจอราดเล็กน้อยไปเข้าทางเคลลี่ที่เติมขึ้นมายิงไปติดเซฟสองจังหวะแต่สุดท้ายบอลกระดอนมาเข้าทางเจอราดยิงซ้ำเข้าได้ 1-0

               พอโดนขึ้นนำไปก่อน เอฟเวอร์ตันหันมาเน้นการโยนยาวให้กองหน้ามากขึ้น ทำเกมได้ดีระดับนึงแต่ยังหาจังหวะจบไม่ค่อยได้ จนเข้า 5 นาทีสุดท้ายลิเวอร์พูลหันมาเก็บบอลมากขึ้นและตั้งโซนรับได้ดีจนกระทั่งจบครึ่งแรกที่สกอร์ 1-0

               เปิดฉากครึ่งหลังมาเอฟเวอร์ตันหันมาวิ่งไล่ตั้งแต่แดนหน้า เข้าบอลเร็วมากขึ้น จนรูปเกมออกมาสูสี เอฟเวอร์ตันเริ่มทำได้ีดีขึ้นกับการขึ้นเกมทางฝั่งซ้าย (เคลลี่) โดยเฉพาะการเติมขึ้นมาของเบห์นกดดันแนวรับได้พอสมควร ส่วนลิเวอร์พูลเล่นช้าลงกว่าในครึ่งแรกแต่ไม่ได้ตั้งรับลึกนัก ยังคงเปิดเกมรุกได้เป็นระยะ

               นาที 51 ลิเวอร์พูลมาทำได้ีอีกลูกจากจังหวะที่เฮนเดอร์สันจ่ายบอลทะลุให้ซัวเรสทางริมเส้น ก่อนที่ซัวเรสจะลากไปสุดเส้นและเลี้ยงล็อคเข้ากลางให้เจอราดที่วิ่งเติมเข้ามายิงเสียบคาน 2-0
              
               เกมของลิเวอร์พูลเริ่มกลับมาดูดีกว่า ในขณะที่เกมริมเส้นของเอฟเวอร์ตันเริ่มชะงักไปทั้งสองฝั่ง แม้จะได้ลุ้นบ้างจากการครอสเข้าเขตโทษแต่ก็กดดันได้ไม่ต่อเนื่องนัก นาที 61 มอยส์เปลี่ยนรวดเดียว 3 คนเอาเดรนเธ่,รอดเวลและเจลาวิชลงมาแทนอนิเชบี้,ซัคคูลาชี่และโคลแมน พยายามโหมบุกต่อเนื่องแต่เกมรุกยังทำได้ไม่ต่างจากเดิมมากนัก คือพอจะรุกได้และได้ครอสบ้างแต่บอลโด่งในเขตโทษยังไม่ผ่านคู่เซนเตอร์

               นาที 72 เค้าท์ได้ลงมาแทนเฮนเดอร์สัน ลิเวอร์พูลเริ่มเน้นการโต้กลับมากขึ้นไม่ค่อยตั้งเกมขึ้นมาเท่าไหร่ รูปเกมดูสูสีแม้เอฟเวอร์ตันจะบุกมากกว่าแต่จังหวะได้ลุ้นประตูลิเวอร์พูลดูดีกว่า ยิ่งเล่นไปเกมริมเส้นของเอฟเวอร์ตันเริ่มเจาะได้ลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ ทางขวาฝั่งที่ไปเจอเอนริเก้แทบดับสนิท ส่วนฝั่งซ้ายที่ขึ้นไปเจอเคลลี่ทำได้แค่ครอสตั้งแต่ยังไม่สุดเส้นหรือไม่ก็โดนเร่งในจังหวะเปิดทำให้หาโอกาสลุ้นประตูได้น้อยลง ท้ายเกมเอฟเวอร์ตันยังมาโดนอีกลูกจากจังหวะโต้กลับเช่นเคย นาที 93 กลางเอฟเวอร์ตันลื่นล้มกลางสนาม เจอราดเอาบอลมาได้ก่อนจะลากไปถึงหน้าเขตโทษ จ่ายให้ซัวเรสแต่ซัวเรสไม่ยิงเองล็อคบอลหลบกองหลังแล้วแปมาให้เจอราดยิงอีกลูกเป็น 3-0 และเป็นแฮททริคของเจอราดด้วย ก่อนจะจบเกมไปด้วยสกอร์ดังกล่าว
------------------------------------------

               ดัลกลิชปรับทีมค่อนข้างมากจากนัดก่อนทั้งแทคติคและตัวผู้เล่น เลือกเล่น 4-4-2 และเน้นไปที่เกมรุกเต็มที่ ตัวผู้เล่นก็เป็นตัวที่ฟอร์มกำลังดีที่สุด (นัดก่อนเค้าท์ก็เล่นไม่ดีเหมือนกัน จะเลือกเฮนเดอร์สันก็พอรับได้) ดันแบคขึ้นมาครึ่งสนามกว่าครึ่งชั่วโมง และไปกระตุ้นลูกทีมยังไงไม่รู้ แต่ผลคือนักเตะลิเวอร์พูลวิ่งกันเหมือนมีเค้าท์ 10 คนอยู่ในสนาม ทั้งการไล่บอลและวิ่งทำทาง จังหวะเล่นเกมรุกไม่เคาะมาก มีช่องก็จ่ายเลยผ่านก็ดีไป ไม่ผ่านก็ไปวิ่งไล่แย่งกลับมาใหม่ เล่นกันง่ายๆ แต่ได้ประสิทธิภาพ

               ในด้านแทคติค การส่งซัวเรสคู่คาโรลดูจะได้ผลดีในนัดนี้ การมีคาโรลค้ำอยู่ข้างหน้าทำให้ซัวเรสเล่นง่ายกว่านัดก่อนเยอะ  ซึ่งการเล่นของซัวเรสเป็นอาวุธหลักในการทำเกมวันนี้ เมื่อมีอิสระในการหาพื้นที่ว่าง ซัวเรสสร้างประโยชน์ให้กับทีมได้มากกว่าการเล่นเป็นหน้าเป้าในนัดก่อนอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนั้นการดันแบคขึ้นสูงยังทำให้เกมรุกดุดันมากขึ้นด้วยโดยเฉพาะการเติมขึ้นไปจนสุดทางของเคลลี่มีประโยชน์มากและกดดันได้มากกว่าการปล่อยให้ปีกทำเกมแต่เพียงฝ่ายเดียวอย่างที่ผ่านมา

               อย่างไรก็ตามสิ่งที่ตัดสินผลในวันนี้ไม่ใช่แทคติคแต่เป็นทัศนคติในการเล่นของนักเตะลิเวอร์พูล อันที่จริงแล้วถ้าพวกเขาวิ่งได้แบบนี้ และกระหายในชัยชนะได้แบบนัดนี้ในทุกครั้งที่ลงสนาม เรื่อง UCL คงไม่ต้องพูดถึงเพราะป่านนี้คงได้ไปแล้ว โจทย์สำคัญในตอนนี้ของดัลกลิชคงไม่ใช่ว่าจะหาใครมาเพิ่ม (ซึ่งต้องหาแน่ล่ะ) หรือเลือกแทคติคที่สลับซับซ้อน แต่เป็นการทำอย่างไรให้นักเตะเล่นได้แบบนี้บ่อยๆ  มากกว่า

               ดูทางฝั่งเอฟเวอร์ตันพวกเขาเล่นไม่ถึงกับแย่ แต่ปัญหาคือกองกลางที่หยุดเกมของลิเวอร์พูลไม่ค่อยได้ เฟอไลนี่ถูกดันขึ้นไปช่วยในแดนหน้ามากเกินไปจนทำให้คนที่จะมาชะลอเกมของลิเวอร์พูลในจังหวะที่ทำเกมโต้ขึ้นมาแทบไม่มี นอกจากนั้นจังหวะที่เจอราดยิงทั้ง 3 ประตูแทบไม่มีกลางเอฟเวอร์ตันตามลงมาวิ่งเบียดไว้เลย รวมไปถึงเกมริมเส้นที่เป็นอาวุธหลักดันมาเจอแบคลิเวอร์พูลในวันที่เล่นได้ค่อนข้างดีด้วยเลยยิ่งไปกันใหญ่

               ...เจอราดเลยมีต้องลำบากเก็บบอลกลับบ้านเลยดูสิ...
 ----------------------------------

นัดนี้เล่นได้ดี

เรน่า - มีปัญหากับการออกมาตัดบอลโด่งเล็กน้อย ถ้าไม่มีคู่เซนเตอร์ช่วยไว้อาจเก็บคลีนชีตไม่ได้ เตะเปิดเกมก็ไม่ค่อยจะดีนักถ้าเทียบกับนัดก่อนๆ แต่ไม่มีจังหวะให้ต้องเซฟหรือออกมาตัดบอลเร็วแม้แต่ครั้งเดียว

เอนริเก้
- เกมรับครึ่งแรกมีปัญหาเล็กน้อย แม้จะจัดการได้เป็นส่วนใหญ่แต่ก็ปล่อยให้หลุดหรือเปิดได้หลายครั้งอยู่ แต่ครึ่งหลังทำได้ดีขึ้น เกมรุกที่เด็ดทีขาดไม่มีแต่ขยันเติมดี

คาราเกอร์
- การเข้าซ้อนแบคเล่นได้เข้าขั้นหลอนประสาทกองเชียร์ แต่เล่นลูกกลางอากาศได้ดีทีเดียว ไม่มีลูกบนพื้นให้ต้องเครียดสักเท่าไหร่ เป็นวันที่เอาตัวรอดไปได้

สเคอเทล - เล่นได้ดี เข้าบอลหนักหน่วงและเล่นลูกกลางอากาศได้เยี่ยม ที่น่าประทับใจคือไม่เสียฟาลว์เลยแม้จะต้องเบียดปะทะกับนักเตะเอฟเวอร์ตันอยู่ตลอด

เคลลี่ - เติมเกมน้อยกว่าเอนริเก้แต่เลือกจังหวะเติมได้สุดยอด ถ้ายิงได้ดีกว่านี้คนที่แฮททริคอาจจะไม่ใช่เจอราดก็ได้ เกมรับจังหวะ 1-1 เอาอยู่สบายๆ แต่เวลาต้องรับมือกับตัววิ่งอ้อมดูจะยังทำได้ไม่ดีนัก โดยรวมแล้วยังนับว่าเล่นเข้าขั้นดีมาก

ดาวนิ่ง - ได้บอลน้อยมาก หายไปจากเกม สาเหตุหลักมาจากเกมรุกไปกองอยู่ที่คู่กองหน้าหมด เล่นไม่ได้แย่แต่ก็ไม่มีอะไรเด่น

สเปียริ่ง - ออกบอลได้เร็วดีไม่มีคิดเยอะ จังหวะเข้าปะทะทำได้ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวะที่ต้องเจอมวยเฮฟวี่เวทอย่างเฟอไลนี่ เฟเธอร์เวทอย่างสเปียริ่งทำได้ีดีเกินคาด แต่ที่ไม่ผิดคาดคือยังเข้าบอลพรวดและอ่านเกมไม่ค่อยดีเหมือนเดิม หลายครั้งที่ปล่อยให้เอฟเวอร์ตันจ่ายบอลหลุดไปหรือล็อคหลบไปง่ายๆ

เจอราด
- ทำในสิ่งที่อดัม,เฮนเดอร์สันทำไม่ได้นั่นคือการหาจังหวะเติมเข้าไปในเขตโทษ อันที่จริงเจอราดเข้าไปในเขตโทษไม่ได้เยอะสักเท่าไหร่ด้วยซ้ำ แต่จังหวะที่ควรเติมก็เติมตลอด รวมไปถึงจังหวะจบสกอร์ที่ทำได้ดีด้วย

เฮนเดอร์สัน - เล่นได้เป็นสัปปะรดในวันนี้ จ่ายบอลได้่ดีและทำได้ดีกว่าแค่เชื่อมเกม หลายครั้งที่ให้บอลซัวเรสได้สวยๆ รวมไปถึงการเคลื่อนที่มากขึ้นทั้งในเกมรุกและเกมรับ ไม่ถึงกับโดดเด่นแต่ก็อยู่ในขั้นที่พอรับได้

คาโรล - ล้มยากขึ้นบ้างแล้ว รวมไปถึงการโหม่งชงและพักบอลที่ทำได้ดีในวันนี้ ออกบอลดีด้วย แย่หน่อยที่หาบอลในเขตโทษแทบไม่เจอเลยตลอดเกม แต่สร้างประโยชน์ให้กับทีมได้มากและมีส่วนร่วมกับเกมเยอะมาก

ซัวเรส - ได้โอกาสยิง 2-3 ครั้งพลาดเรียบ แต่การวิ่งทำทางทำได้ดีสุดๆ รวมไปถึงการพาบอลไปกับตัวที่กดดันแนวรับได้ตลอดเกม เป็นเกมที่ได้บอลเยอะ, มีพื้นที่ให้เล่นเยอะ และสร้างเกมรุกได้น่าประทับใจ เล่นชวนให้คิดว่าอย่าได้จับซัวเรสเป็นหน้าเป้าอีกเลยเป็นทางเลือกที่น่าจะดีกว่า

ตัวสำรอง

เค้าท์ - ...ลงนะ...

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : สตีเฟ่น เจอราด...นักเตะ 22 คนในสนาม ยิงอยู่คนเดียว 3 ลูกด้วยไม่ให้เขาแล้วจะให้ใครล่ะ?

ป.ล. โฆษกในสนามให้ MOM คาราเกอร์...คือพี่แกก็ไม่ได้เล่นแย่นะ แต่ MOM เลยเหรอ? จะดีเหรอ?

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2555

ซันเดอร์แลนด์ 1 - 0 ลิเวอร์พูล





...ปลาทูแม่กลอง...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-2-1

--------------------ซัวเรส---------------------

เบลามี่-----------------------------------เค้าท์

-----อดัม-----สเปียริ่ง-----เฮนเดอร์สัน------

เอนริเก้---โคอาเตส----สเคอเทล-----เคลลี่

---------------------เรน่า-----------------------

               ลิเวอร์พูลออกไปเยือนซันเดอร์แลนด์ที่ฟอร์มระยะหลังเริ่มแกว่งเหมือนกัน ทั้งยังขาดนักเตะคนสำคัญอย่างแคทเทอโมลและซัสสิยง ดัลกลิชปรับผู้เล่นค่อนข้างเยอะ เข้าใจว่าด้วยอาการบาดเจ็บและสภาพความฟิต ในแผงหลังเคลลี่ได้ลงแทนจอห์นสันอีกหนึ่งนัด และโคอาเตสได้รับโอกาสลงเป็นตัวจริง ในแผงกลางเจอราดเป็นแค่ตัวสำรองโดยมีอดัม,สเปียริ่งและเฮนเดอร์สันลงประสานงานร่วมกัน ทางริมเส้นเป็นเบลามี่กับเค้าท์และหน้าเป้าเป็นซัวเรสแค่คนเดียว ดาวนิ่งกับคาโรลที่ฟอร์มเริ่มดีในระยะหลังเริ่มต้นที่ม้านั่งสำรอง
-------------------------------------------------------

               เริ่มเกมทั้งสองฝ่ายเปิดเกมแลกกันทันที เกมเร็วแต่ยังหาโอกาสลุ้นจบสกอร์กันไม่ได้ เป็นลิเวอร์พูลที่ดูดีกว่าเล็กน้อยแต่ก็ไม่ถึงกับได้เปรียบมากนัก ผ่าน 10 นาทีแรกของไปเกมถึงเริ่มช้าลง

               แม้ลิเวอร์พูลจะครองบอลได้มากกว่าเล็กน้อยแต่โอกาสเข้าทำมาจากการครอสบอลเป็นส่วนใหญ่ซึ่งกดดันแนวรับซันเดอร์แลนด์ไม่ได้ ส่วนซันเดอร์แลนด์เองเรียกฟาลว์บริเวณกลางสนามได้เป็นระยะและได้ลุ้นจากลูกนิ่งและบอลโยนเป็นส่วนใหญ่ซึ่งยังไม่ผ่านแนวรับลิเวอร์พูลเช่นกัน

               กองกลางซันเดอร์แลนด์เข้าไล่บอลเร็วทำให้กองกลางของลิเวอร์พูลขึ้นเกมไม่ได้โดนบีบให้ต้องโยนยาวจนเกมรุกไม่ปะติดปะต่อ ทั้งสองฝ่ายหาโอกาสทำประตูกันแทบไม่ได้ จนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 0-0

               เข้าครึ่งหลังอาการของลิเวอร์พูลยิ่งหนักขึ้น นอกจากจะตั้งเกมไม่ได้แล้วยังแทบครองบอลไม่ได้เลย กลายเป็นซันเดอร์แลนด์ที่บีบจนลิเวอร์พูลจ่ายบอลพลาดแล้วรุกเข้าใส่ได้มากกว่าจนกระทั่งทำสำเร็จแบบมีโชคช่วยในนาที 56 แคมเบลได้โอกาสแตะหลบสเคอเทลแล้วยิงไกลจากนอกกรอบ บอลพุ่งไปชนเสา - ชนหัวเรน่า - กลับไปชนเสา แล้วเด้งข้ามตัวเราน่ากลับมาเข้าทางเบนเนอร์ที่ตามเข้าไปซ้ำได้ ซันเดอร์แลนด์ขึ้นนำ 1-0

               หลังจากสกอร์เปลี่ยน ซันเดอร์แลนด์ลงไปตั้งรับในแดนตัวเองทันที ลิเวอร์พูลพยายามจะเร่งเกมเล่นเร็วมากขึ้นแต่ยังเจาะเข้าพื้นที่สุดท้ายไม่สำเร็จ นาที 69 ดัลกลิชเปลี่ยนเอาอดัมกับเบลามี่ออกแล้วส่งเจอราดกับคาโรลลงไปแทน ปรับมาเล่น 4-4-2 เน้นเล่นบอลไดเรกต์รวมไปถึงเล่นบอลยาวมากขึ้น เกมรุกลิเวอร์พูลทำกันได้เร็วขึ้น แต่ประสิทธิภาพยังไม่ต่างจากเดิมมากนัก

               นาที 79 ดาวนิ่งลงมาแทนเฮนเดอร์สันอีกคน แต่ช่วงเวลาทีเหลืออยู่ซันเดอร์แลนด์ช่วยกันหยุดลิเวอร์พูลเอาไว้ได้หมด ลิเวอร์พูลอย่าว่าแต่จะลุ้นประตูแค่หาจังหวะยิงยังทำกันแทบไม่ได้ ก่อนจะจบเกมไปด้วยสกอร์ 1-0 ชนิดที่ลิเวอร์พูลยิงเข้ากรอบไม่เกิน 5 ครั้ง
------------------------------------------

               วันนี้ดัลกลิชเลือกความเหนียวแน่นตรงกลางด้วยการใส่กลางมาถึง 3 คน(รวมริมเส้นด้วยก็เป็น 5) แต่กลายเป็นว่ากองกลางเอาชนะซันเดอร์แลนด์ไม่ได้ทั้งเกมรุกและเกมรับ ในขณะที่การปรับเกมเป็น 4-4-2 ในช่วง 20 นาทีสุดท้ายของเกมก็ไม่สามารถทำให้อะไรดีขึ้นได้ เป็นวันที่รูปเกมของลิเวอร์พูลไม่ดีและพ่ายแพ้แบบลุ้นไม่ขึ้นจริงๆ ไม่มีช่วงเวลาที่สามารถกดดันซันเดอร์แลนด์ได้อย่างเป็นชิ้นเป็นอันเลย

               อย่างไรก็ตามสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกมวันนี้ออกมาเป็นแบบนี้ไม่น่าจะใช่เรื่้องแทคติคหรือตัวผู้เล่น แต่เป็นเรื่องของความมุ่งมั่นมากกว่า ในขณะที่ซันเดอร์แลนด์วิ่งเข้าใส่อย่างบ้าคลั่งได้ตลอด 90 นาที เข้าบอลอย่างดุดันและมีสมาธิกับเกมตลอด แต่ทางฝั่งลิเวอร์พูลกลับเล่นกันแบบไร้แรงกระตุ้นและขาดความมุ่งมั่น เคลื่อนที่กันน้อยเกินไป ไม่ค่อยวิ่งทำทาง ไล่บอลค่อนข้่างน้อย หลายครั้งที่เสียบอลหรือจ่ายพลาดจะเห็นอาการหน้างอ คอหักแบบปลาทูแม่กลองอยู่เป็นระยะ ไม่รู้ว่าการขาดผู้นำในสนามอย่างเจอราดและคาราเกอร์(อย่างน้อยรายหลังก็โหวกเหวกโวยวายทั้งเกม) หรือการมีแต้มห่างจากพื้นที่ UCL ค่อนข้างเยอะ อะไรส่งผลกับนักเตะมากกว่ากัน แต่ที่แน่ๆ วันนี้ลิเวอร์พูลขาดความมุ่งมั่นที่เอาชนะอย่างเห็นได้ชัด

               มองทางฝั่งซันเดอร์แลนด์ โดยรวมแล้วพวกเขาก็ไม่ได้มีอาวุธอะไรมาบุกกดดันลิเวอร์พูลได้ แต่ที่ทำได้ดีมากๆ คือแดนกลางที่ไล่เพรซซิ่งเร็วได้ดีตลอด เสียฟาลว์น้อย ถึงแม้ัจะแย่งบอลจากเท้ากองกลางลิเวอร์พูลไม่ค่อยได้แต่สามารถบีบจนลิเวอร์พูลจ่ายเสียและตั้งเกมของตัวเองอย่างยากลำบากได้ตลอดเกม ถึงจะมีโชคช่วยนิดหน่อยกับจังหวะได้ประตู แต่สิ่งที่ซันเดอร์แลนด์แสดงให้เห็นในวันนี้ก็สมควรได้ 3 แต้มเต็มจริงๆ

               หลังจากนัดนี้ไปลิเวอร์พูลคงต้องหันไปเน้น FA Cup อย่างเต็มที่ (จากที่เต็มที่อยู่แล้ว) รวมไปถึงใช้เวลาร่วม 10 นัดที่เหลือในการทดลองและปรับจูนทีมชุดนี้ให้ลงตัวมากขึ้นเพื่อฤดูกาลหน้า จะลองแทคติคใหม่หรือดันเด็กดาวรุ่งหรืออาจจะลองเปลี่ยนตำแหน่งหรือบทบาทการเล่นของนักเตะบางคนก็น่าจะได้ลองกันตอนนี้ล่ะ ถ้าลิเวอร์พูลใช้เวลาตรงนี้ได้อย่างคุ้มค่าน่าจะมีส่วนช่วยให้ทีมมีฟอร์มการเล่นที่สม่ำเสมอมากขึ้น และพัฒนาไปในทิศทางที่ดีมากขึ้น ส่วนฤดูนี้เกมในลีค ...

               ...ก็ดูกันเพลินๆ แล้วกันครับ...
 ----------------------------------

นัดนี้เล่นได้ไม่ค่อยดี

เรน่า - ซวยกับจังหวะเสียประตู ถ้าบอลเข้ากรอบเรน่าปัดได้แน่ๆ เพราะพุ่งถึงเสาแล้วแต่เวรกรรมคือบอลดันไปโดนเสาแล้วเด้งไปเด้งมาชนิดที่เรียกว่า "เอาไปเถอะครับพี่" นอกนั้นก็ไม่มีอะไรให้ทำเท่าไหร่

เอนริเก้ - เิติมเกมรุกเยอะมาก แต่ประสิทธิภาพน้อยมากเช่นกัน แม้จะช่วยทำให้บอลมันเคลื่อนไปได้ แต่จังหวะทีเด็ดทีขาดอย่างการจ่ายบอลทะลุ, โยนหรือยิง ทำไม่ได้เลย ส่วนเกมรับมีสาดทิ้งให้เห็นค่อนข้างเยอะแต่ก็ไม่มีข้อผิดพลาดอะไรมากนัก

โคอาเตส - เริ่มเกมแบบหลอนๆ ดูไม่ค่อยมั่นใจ กะจังหวะบอลพลาดบ้าง สกัดบอลไม่ขาดบ้าง แต่เล่นไปๆ ก็ดูดีขึ้น

สเคอเทล -เล่นได้เหนียวแน่นที่สุดในแผงหลังแล้ว เข้าสกัดและเล่นลูกกลางอากาศได้ดี เท่าที่เห็นพลาดแค่สองครั้งในเกม คือจังหวะที่โดนแคมเบลแตะหลบไปยิงกับจังหวะที่เสียบเบนเนอร์ผิดจังหวะ โดยรวมยังอยู่้ในฟอร์มที่ดี

เคลลี่ - เกมรับทำได้ดีทีเดียว ส่วนเกมรุกเติมค่อนข้างน้อยแต่ขึ้นไปแล้วทำพอใช้ได้

เบลามี่ - แทบหายไปจากเกม ได้บอลน้อยมาก ไม่มีโอกาสได้ทำอะไรมากนัก

อดัม - ทำงานหนักในแดนกลาง เกมรับก็ต้องเป็นเข้าชนคนแรก เล่นหวุดหวิดจะเสียฟาลว์อยู่ตลอดแล้วก็เสียฟาลว์ค่อนข้างเยอะด้วย แต่โดยรวมก็ถือว่าเล่นเกมรับใช้ได้เลย ส่วนเกมรุกเอาตัวรอดจากการโดนไล่เร็วไม่ค่อยจะได้ ทำเกมรุกให้ทีมได้น้อยเกินไป

สเปียริ่ง - ขยันวิ่งไล่ก็จริงอยู่แต่ตัดบอลได้น้อยถ้าเทียบกับสัดส่วนการเข้าบอล วิ่งจนหลุดตำแหน่งบ่อยครั้ง แต่สิ่งที่ทำได้ดีคือการผ่านบอล แม้จะมีเสียบ้างแต่หลายครั้งก็ถือว่าจ่ายไปแล้วทำให้เพื่อนเอาไปเล่นต่อได้เลย ไม่ใช่แค่จ่ายแปะๆ ไป

เฮนเดอร์สัน
- ฟอร์มยังสม่ำเสมอ คือรักษาพื้นที่ได้ดี ผ่านบอลพอใช้ได้ไม่ค่อยเสีย แต่บอลดีที่เพื่อนจะเอาไปเล่นต่อได้ไม่ค่อยมี และไม่มีบอลทะลุทะลวงให้เห็น

เค้าท์ - ไม่รู้ว่าเพื่อนยืนห่างหรือยืนห่างเพื่อน แต่ที่แน่ๆ คือบอลชิ่งและบอลจังหวะเดียวของเค้าท์วันนี้สร้างประโยชน์ได้น้อยมาก

ซัวเรส - หลายครั้งโดนบังคับให้เล่นบอลชายเดี่ยว ได้บอลลากเข้าไปแล้วเงยหน้ามองเห็นแต่กองหลังซันเดอร์แลนด์ 3-4 คน ไม่มีใครรอกลางประตู ไม่มีใครรอเสาสอง เป็นเกมที่ยากลำบากมากของซัวเรส ไม่มีคนช่วยคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้

ตัวสำรอง

เจอราด - พยายามเล่นเองหลายจังหวะ ทำได้ค่อนข้างดี แต่เพื่อนคนอื่นช่วยอะไรไม่ได้เลย

คาโรล - โดนประกบ 2 เกือบทุกจังหวะ ช่วงแรกที่ลงไปยังเล่นได้บ้าง แต่สัก 5 นาทีผ่านไปก็ทำอะไรไม่ได้ บอลที่เพื่อนโยนมาส่วนใหญ่อาจทำให้คาโรลตัดสินใจซื้อบันไดหรือมอเตอร์ไซต์ในเร็วๆ นี้

ดาวนิ่ง - ไม่มีพื้นที่ให้เล่นและไ้ด้บอลน้อย ไม่มีโอกาสได้ทำอะไร

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2555

ลิเวอร์พูล 1 - 2 อาร์เซนอล


 ...จบข่้าว...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2 (หรือ 4-4-1-1 เค้าท์เล่นต่ำกว่าซัวเรส)

---------------ซัวเรส-----เค้าท์----------------

ดาวนิ่ง-----อดัม-----สเปียริ่ง-----เฮนเดอร์สัน

เอนริเก้---สเคอเทล----คาราเกอร์-----เคลลี่

---------------------เรน่า-----------------------

               ลิเวอร์พูลลงเปิดบ้านรับอาร์เซนอลที่กำลังลุ้นแย่งอันดับ 4 กันอยู่ เกมนี้ขาดทั้งเจอราด, แอกเกอร์ และจอห์นสันที่มีอาการบาดเจ็บโดยมีสเปียริ่ง,คาราเกอร์และเคลลี่ลงมาแทนตามลำดับ ส่วนคาโรลเริ่มต้นที่ม้านั่งสำรองและเป็นเค้าท์ที่ได้ลงเป็นตัวจริง ทางฝั่งอาร์เซนอลเพอร์ซี่ผ่านความฟิตลงเป็นตัวจริงได้ นอกนั้นก็ยังอยู่กันครบ
-------------------------------------------------------

               ลิเวอร์พูลเริ่มเกมอย่างช้าๆ เน้นความแน่นอนสลับกับการวางบอลยาวไปข้างหน้า ส่วนอาร์เซนอลเล่นดักล้ำหน้าเล่นระมัดระวังตัวไม่เปิดเกมรุกมากนัก เน้นเล่นจังหวะโต้ทางฝั่งขวาด้วยการเล่นของวัลคอนและซานญ่า

               เล่นไปได้สัก 15 นาทีลิเวอร์พูลเริ่มเร่งจังหวะเข้าทำมากขึ้น และครองบอลได้มากกว่าอาร์เซนอล  นาที 18 ซัวเรสทำชิ่งหลุดเข้าไปในเขตโทษโดนเชสนี่ย์ดักเอาไว้และกรรมการเป่าเป็นจุดโทษ เค้าทรับหน้าที่ยิงจุดโทษแต่พลาดติดเซฟ

               หลังจากนั้นลิเวอร์พูลยังครองบอลได้มากกว่า เข้าไล่บอลเร็วและแผงกลางสามารถเอาชนะกองกลางของอาร์เซนอลได้ นาที 23 จากจังหวะโต้กลับบอลไปถึงเฮนเดอร์สันทางริมเส้นด้านขวาได้ครอสโล่งๆ คอสเชียลานี่วิ่งไปสกัดบอลที่เสาแรกแต่ผิดเหลี่ยมเข้าประตูไปให้ิลิเวอร์พูลขึ้นำได้สำเร็จ 1-0

               หลังจากสกอร์เปลี่ยนรูปเกมยังไม่เปลี่ยนมากนัก แต่จากความผิดพลาดครั้งแรกอาร์เซนอลก็ฉวยเอาไว้ทันที นาที 31 เอนริเก้ที่หุบเข้าไปตรงกลางปล่อยให้ซานญ่าได้บอลและครอสเข้าไปจากริมเส้น คาราเกอร์เบียดเพอร์ซี่ไม่ดีพอทำให้เพอร์ซี่ขึ้นโหม่งเข้าเสาแรกไปได้ อาร์เซนอลตีเสมอได้สำเร็จ 1-1

               แม้จะตีเสมอได้แล้วแต่เกมของอาร์เซนอลก็ไม่ได้กระเตื้องขึ้น เป็นฝ่ายลิเวอร์พูลที่ครองเกมได้มากกว่าและบุกเข้าไปลุ้นในเขตโทษได้อีกเป็นระยะแต่ยังจบสกอร์ไม่สำเร็จ ก่อนจะจบครึ่งแรกไปที่สกอร์ 1-1 แบบลิเวอร์พูลยิงชนเสาไป 3 ครั้ง

               เข้าครึ่งหลังลิเวอร์พูลยัีงวิ่งไล่บอลเร็วเหมือนเดิม  นาที 50 อาร์เตต้าชนกับเฮนเดอร์สันจนเจ็บเล่นต่อไม่ไหว ดิยาบี้ได้ลงมาแทน อาร์เซนอลได้ครองบอลมากขึ้นเล็กน้อยแต่ยังบุกไม่ถึงเขตโทษ เกมค่อนข้างสูสีโดยลิเวอร์พูลได้บอลมากกว่า นาที 74 แชวินโญ่ได้ลงมาแทนเบนายูนอีกคน นักเตะอาร์เซนอลหลายคนในวันนี้ดูจะไม่ค่อยฟิตสมบูรณ์เล่นไปเจ็บไป แต่ก็ยังประคองตัวรอดมาได้เรื่อยๆ

               นาที 80 เชมเบอร์เลนได้ลงมาแทนดิยาบี้ที่พึ่งลงมาแต่มีอาการบาดเจ็บ ลิเวอร์พูลพยายามจะโหมบุกหนักช่วงท้ายเกมแต่จังหวะสุดท้ายก็ยังไม่ลงตัว ทำสกอร์ไม่ได้ นาที 88 เบลามี่ได้ลงมาแทนดาวนิ่ง แต่ยังไม่ทันจะทำอะไรมากนัก นาที 92 เพอร์ซี่หลุดล้ำหน้าได้โอกาสวอลเล่ย์มุมแคบเสียบเสาแรกเข้าไปได้อย่างสวยงาม ช่วยให้อาร์เซนอลพลิกกลับมานำได้ 2-1 อย่างไม่น่าเชื่อเมื่อดูจากรูปเกม

               ดัลกลิชส่งคาโรลลงมาแทนสเปียริ่งทันทีหวังโหมบุกเต็มที่ แต่ช่วงเวลาที่เหลือ (ทดเจ็บถึง 8 นาที) ลิเวอร์พูลเร่งกันจนเสียไปหมด หนักไปทางวางบอลโด่งไปให้คาโรลเล่นแต่นักเตะอาร์เซนอลก็ช่วยกันเบียดกันประกบไว้ได้หมด จนกระทั่งหมดเวลา อาร์เซนอลบุกมาเฉือนเอาชนะไปได้ 2-1 เป็นความพ่ายแ้พ้ในบ้านนัดแรกของลิเวอร์พูล
------------------------------------------

               ดัลกลิชจัดตัวผู้เล่้นชุดเดิมๆ ที่ลงเล่นมาตลอดในช่วงหลัง แม้ข้างหน้าจะใช้เค้าท์แทนคาโรลแต่ผลที่ออกมาดีเกินขาด วันนี้เกมของลิเวอร์พูลทำได้ต่อเนื่องจากการเล่นของเค้าท์เป็นส่วนใหญ่  ในขณะที่แผงกลางที่มีสเปียริ่งกับเฮนเดอร์สันลงมาก็ทำผลงานใช้ได้ เอาชนะกองกลางของอาร์เซนอลได้ รวมไปถึงผ่านบอลกันได้ดี การเปลี่ยนตัวช้าไม่น่าแปลกใจเพราะนักเตะที่อยู่ในสนามก็ทำผลงานค่อนข้างดีกันอยู่แล้ว แผนการเล่นและรูปเกมดูลงตัวหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าดูในเกมจะเห็นว่าลิเวอร์พูลเอาชนะอาร์เซนอลได้หมดแล้ว...แต่....

               ...อาร์เซนอลมี ฟาน เพอร์ซี่ ...

               นักเตะของอาร์เซนอลคนเดียวที่คอยประคองทีมมาตลอด ทั้งๆ ที่วันนี้เพื่อนร่วมทีมเล่นกันไม่ออก แต่เพอร์ซี่ที่มีโอกาสแค่สองครั้งสามารถเปลี่ยนประตูได้หมด ลูกแรกแม้คาราเกอร์จะมีส่วนพลาด แต่ก็ต้องให้เครดิตฟาน เพอร์ซี่ที่หาตำแหน่งได้ดีและโหม่งได้เฉียบขาด ในขณะที่ลูกที่สองกองหลังจะตามไปช้า (ก็คาราเกอร์อีกนั่นแหล่ะ) แต่การวอลเล่ย์ได้เฉียบขาดขนาดนั้นแม้แต่กองหน้าระดับแถวหน้าของโลกเองก็คงยิงไม่ได้บ่อยๆ ลิเวอร์พูลแพ้เพราะฟาน เพอร์ซี่จริงๆ

               มองย้อนกลับมาที่ลิเวอร์พูล ปัญหาเดิมๆ ตอนต้นฤดูกาลกำลังกลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง แม้จะครองเกมได้ หาจังหวะลุ้นประตูได้ แค่ขาดความเฉียบคมกันไปเอง ลูกโทษก็พลาด ทั้งยังยิงชนเสาไปสามครั้ง นอกจากนั้นยังมีจังหวะที่ควรจะใส่สกอร์ได้ก็พลาดนิดๆ หน่อยๆ จนชวดประตูไปหลายครั้ง ส่วนเกมรับที่ทำได้ดีทั้งเกม ก็มีความผิดพลาดเล็กน้อยให้เห็น บังเอิญมาเจอกับกองหน้าที่ใช้โอกาสไม่เปลืองด้วย เกมที่อย่างน้อยน่าจะได้ผลเสมอก็เลยแพ้ไปซะอย่างนั้น ไม่ได้ตั้งใจจะโทษคาราเกอร์คนเดียว แต่บางทีก็อยากเห็นโคอาเตสหรือให้เคลลี่ลงในตำแหน่งเซนเตอร์ดูบ้างเหมือนกัน

               ถึงจะเหลือเกมในมือ 1 นัด แต่ตามอาร์เซนอล 10 แต้ม, เชลซี 7 แต้ม (อาจจะเป็น 10ได้ ถ้าชนะ WBA) มันยากมากจริงๆ ไม่ว่าจะมองเข้าข้างตัวเองขนาดไหน...

               ... บายๆ UCL ...
----------------------------------

นัดนี้เล่นได้ค่อนข้างดี...เฮ่อ...

เรน่า - 2 ลูกที่เสียไม่ได้พลาด โอกาสได้เซฟนิดหน่อยก็ไม่มีพลาด วันนี้ออกบอลโ่ด่งค่อนข้างเยอะ ทำได้แค่พอใช้

เอนริเก้ - เล่นเกมรับได้ดีัทั้งเกม ปิดวัลคอตรวมไปถึงซานญ่าได้สนิท แต่พลาดประกบซานญ่าห่างครั้งเดียวกลายเป็นโอกาสให้ซานญ่าได้โยนบอลให้เพอร์ซี่โหม่งทำประตูแรกได้ ส่วนเกมรุกวันนี้ขึ้นแค่ครึ่งสนาม

คาราเกอร์
- ขยับตัวช้าไป 2 จังหวะเสร็จฟาน เพอร์ซี่ทั้ง 2 จังหวะ ช้าลงไปมากจริงๆ ถึงแม้ว่าโดยรวมจะไม่ถึงกับแย่ แต่ฟอร์มตอนนี้ไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่

สเคอเทล -เล่นได้ดีโดยเฉพาะลูกกลางอากาศ ดักสกัดได้ดี จังหวะที่ต้องประกบฟาน เพอร์ซี่ทำได้ดีทีเดียว แต่จะว่าไปก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรเท่าไหร่เพราะอาร์เซนอลไม่ได้บุกเข้ามาถึงเขตโทษมากนัก

เคลลี่ - เล่นได้ดีทั้งรุกและรับ ในเกมรับเจองานง่ายเพราะอาร์เซนอลไม่ค่อยจะขึ้นมาทางนี้สักเท่าไหร่ ส่วนเกมรุกเติมไม่มาก แต่เลือกเติมได้ดี หลายจังหวะมีส่วนร่วมกับการลุ้นทำประตูด้วย ไม่ว่าจะเปิดเข้ากลางหรือลุ้นยิงเอง

ดาวนิ่ง - มีส่วนร่วมกับเกมมากขึ้น ทำได้ดีในการกระชากบอลไปเอง ครอสบอลเข้ากลางพอใช้ได้ ฟอร์มส่วนตัวดูดีขึ้น

อดัม - เล่นค่อนข้างต่ำ ส่วนใหญ่จะปล่อยให้ริมเส้นกับกองหน้าเข้่าทำกันเอง มีหน้าที่แค่ผ่านบอลกับวางบอลยาว ดีบ้างเสียบ้างแต่ก็นับว่าเล่นพอใช้ได้ พลาดหนักครั้งเดียวคือจังหวะโต้กลับที่เฮนเดอร์สันวิ่งหลุึดเข้าไปจะถึงเขตโทษแล้วแต่อดัมดันไม่ส่งให้

สเปียริ่ง - ไล่บอลและอ่านเกมได้ดีขึ้น ออกบอลใช้ได้ทีเดียว เร็วและไม่ค่อยเสีย แต่ช่วงท้ายเกมโดยกลางอาร์เซนอลพลิกหลุดไปได้หลายครั้งเหมือนกัน

เฮนเดอร์สัน - เล่นได้ดีขึ้นกว่านัดที่แล้วมาก ครอสบอลได้ดีหลายครั้งและวิ่งเติมเข้ามาในเขตโทษได้ดีหลายจังหวะ แต่ทีเด็ดทีขาดยังไม่มี

เค้าท์ - กลับมาเล่นได้ดีอีกครั้ง มีส่วนร่วมกับเกมอยู่ตลอด เล่นบอลจังหวะเดียวและทำชิ่งได้ดี ... ถึงจะมีพลาดให้เห็นบ้างก็ตาม ช่วยวิ่งไล่ในแดนหน้าลดภาระกองกลางลงไปได้เยอะทีเดียว

ซัวเรส - เล่นใช้ได้ จังหวะ 1-1 และการบังบอลทำได้ดี เรียกฟาลว์ได้บ่อยและพลิกไปเล่นเองได้เป็นระยะ แต่จังหวะสุดท้ายยังทำได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก

ตัวสำรอง

เบลามี่ - ไม่มีโอกาสได้ทำอะไรมากนัก ไม่ค่อยได้บอล แทบไม่มีส่วนร่วมกับเกม

คาโรล - โดนประกบติด 2-3 คนทุกจังหวะ เล่นได้ลำบาก และบอลมาแต่ละลูกก็เล่นยากด้วย ช่วยอะไรทีมไม่ได้

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.