วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ลิเวอร์พูล 1-1 แมนฯซิตี้(ดวลจุดโทษ 3-1)(แคปปิตอลวันคัพ)


...ลิ่งอยากยกให้ แต่ยาย่าไม่ยอม….
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-2-3-1
---------------------สเตอริดจ์--------------------
----คูตินโย่---------เฟอมิโน่--------มิลเนอร์----
-------------ชาน---------เฮนเดอร์สัน------------
โมเรโน่-------ซาโก้--------ลูคัส----------ไคลน์
----------------------มินโยเล่---------------------

_______ เกมนัดชิงแคปปิตอลวันคัพ ดวลกับแมน ฯซิตี้ คล็อปยังยืนหยัดใช้ตัวจริงชุดเดียวกับเมื่อนัดยูโรป้าเป๊ะ
-------------------------------------------------------

________ ต้นเกมลิเวอร์พูลเน้นเกมรุกเร็วแต่ไม่เป็นผล บอลไม่ค่อยทะลุไปข้างหน้า ซิตี้เก็บบอลเล่นดีกว่า เปลี่ยนรับเป็นรุกได้เนียนตาไม่กลัวการไล่บอล ขึ้นเกมรุกทางริมเส้นได้ดี

________ สิบนาทีผ่านไป ลิเวอร์พูลหันมาเก็บบอลเล่นมากขึ้น เล่นช้าลงบ้างแล้ว เกมสูสีและได้ลุ้นน้อยทั้งคู่ แต่เป็นซิตี้ที่พาบอลมาหน้าเขตโทษได้บ่อยกว่า

_______ นาที 23 กุนกระชากบอลหนีคู่เซ็นเตอร์หลุดไปยิงในเขตโทษแต่ติดเซฟมินโยเล่ และจากจังหวะนั้นทำให้คล็อปตัดสินใจเปลี่ยนตูเร่ลงมาแทนซาโก้ทันที เพราะซาโก้ออกอาการมึนจากการปะทะกับชานในช่วงก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด เล่นต่อท่าจะแย่ ที่โดนกุนกระชากไปง่ายๆ นั่นก็เพราะมึนด้วย

_______ เกมครึ่งแรกยังเล่นกันไปในทรงนี้ โอกาสได้ลุ้นประตูมีไม่มากทั้งคู่ แต่ซิตี้ดูดีกว่าชัดเมื่อสามารถปิดการเล่นของสเตอริดจ์กับคูตินโย่ได้สนิท ในขณะที่ลิเวอร์พูลหยุดกุนกับซิลบาได้ลำบากเหลือเกิน กว่าจะตัดบอลได้นี่รอบเขตโทษตัวเองทั้งนั้น ยังดีว่ายังทำอะไรกันไม่ได้ จบครึ่งแรกที่ 0-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ซิตี้กลับลงมาเน้นการวิ่งไล่ตั้งแต่แดนหน้าและทำได้ดีตั้งแต่ต้น ลิเวอร์พูลตั้งตัวไม่ทัน เอาบอลขึ้นหน้าไม่ได้ แค่นาที 49 ก็เสียประตู จากจังหวะที่กุนไหลให้เฟอนันดินโย่เติมขึ้นในกรอบเขตโทษฝั่งโมเรโน่ เฟอนันดินโย่ตัดสินใจยิงยัดเสาแรก มินโยเล่ล้มช้าบอลลอดตัวเข้าไปได้ 1-0

_______ หลังสกอร์ขยับ รูปเกมเปลี่ยนทันที ซิตี้ผ่อนเกมรุกหันมาเน้นเล่นรับแล้วโต้ ส่วนลิเวอร์พูลเปิดเกมรุกมากขึ้น แผงหลังโดนเฉพาะแบ็คดันสูง ถอยคูตินโย่ลงมาช่วยเชื่อมเกมจากหลังไปหน้าเต็มตัว เรื่องเอาบอลไปหน้าดูดีขึ้นจริง แต่เกมรับมีปัญหากับเกมโต้ของซิตี้ตลอดเวลา

_______ นาที 60 ซิตี้น่าจะปิดเกมได้ไปแล้วเมื่อสเตอลิ่งได้หลุดไปยิงในกรอบโล่งๆ ไม่มีคนประกบแต่พวกยิงหลุดกรอบไปเองซะงั้น นาที 62 ก็ยังน่าได้จุดโทษ จากจังหวะที่กุนเลี้ยงหลบโมเรโน่ในเขตโทษ โมเรโน่เล่นท่ายาก เหยียดเท้าไปด้านหลังไม่โดนบอลแต่ไปโดนขากุน แต่ผู้ตัดสินไม่ให้จุดโทษ

_______ ลิเวอร์พูลมีปัญหากับพื้นที่ฝั่งโมเรโน่ตลอดเวลา คือตัวโมเรโน่เองอย่าเรียกว่าหลุดตำแหน่ง เรียกว่าช่างแ-่งจะตรงกว่า แต่ในขณะเดียวกัน ถ้ามองจากการที่ทีมต้องเปิดเกมรุก แบ็คต้องขึ้น เพื่อนร่วมทีมก็ควรจะมีส่วนมาช่วยปิดพื้นที่ตรงนี้ด้วย ซึ่งก็ไม่มีใครมาเลยเช่นกัน

_______ นาที 71 คล็อปแก้ปัญหานี้ด้วยการส่งลัลลาน่าลงแทนโมเรโน่ ดึงเอามิลเนอร์ไปยืนแบ็คซ้าย ลัลลาน่าไปยืนริมเส้นขวา นาที 80 โอริกิได้ลงแทนเฟอมิโน่อีกคน และตลอดช่วงเวลาดังกล่าว ลิเวอร์พูลเปิดหน้าแลกเต็มที่ เจาะแนวรับไม่ได้แต่อย่างน้อยก็ได้ลุ้นเปิดบอลเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นกว่าช่วงหนึ่งชั่วโมงแรกของเกม ส่วนซิตี้ก็ยังโต้ได้ลุ้นอยู่เรื่อย แต่จังหวะสุดท้ายถ้าไม่ติดเซฟก็ยิงหลุดกันไปเอง

_______ นาที 83 ลิเวอร์พูลตีเสมอได้สำเร็จจากจังหวะบอลเป็นใจ สเตอริดจ์เก็บบอลที่ซิตี้สกัดไม่ขาดได้ทางพื้นที่เขตโทษฝั่งขวา เจ้าตัวเปิดบอลเรียดลึกมาเสาสองให้ลัลลาน่าชาร์จไปชนเสา แต่บอลเด้งกลับมาตรงกลางเข้าทางคูตินโย่ยิงซ้ำเข้าไปได้ 1-1

_______ หลังจากโดนตีเสมอ ซิตี้เริ่มหันมาบุกมากขึ้นและมีโอกาสทั้่งยิงทั้งโหม่งในกรอบเขตโทษหลายครั้งมาก ส่วนใหญ่เป็นจังหวะชาร์จและซ้ำที่มีตัวเบียด ไม่มีพื้นที่และไม่มีเวลาให้เล็งอะไรมากนัก แต่ก็ถือว่าลิเวอร์พูลโชคดีมากที่ไม่เสียประตู

_______ จบเกม 90 นาทีต้องต่อเวลาพิเศษกันตามระเบียบ

_______ ช่วงต่อเวลาพิเศษครึ่งแรก ลิเวอร์พูลมีเซอร์ไพรส์เล็กๆ ด้วยการลงมาเน้นวิ่งไล่บอล ไม่รู้เอาแรงมาจากไหน แต่เซอร์ไพรส์กว่าคือซิตี้พลิกหนีเอาตัวรอดได้ดีมาก ลิเวอร์พูลไล่ไม่จน เกมกลับมาสูสีเพราะซิตี้เร่งไม่ค่อยขึ้น ส่วนลิเวอร์พูลเร่งขึ้นแต่ยังเจาะไม่ได้ ซิตี้น่าได้ประตูสุดๆ ในนาที 15 ของการต่อเวลาที่หลุดไปยิงในกรอบอีกครั้ง แล้วก็ยังติดเซฟอีกครั้ง

_______  ช่วงต่อเวลาพิเศษครึ่งหลัง ซิตี้เปลี่ยนมาคุมพื้นที่สูง และเป็นฝ่ายสร้างโอกาสลุ้นประตูได้มากกว่า ได้โหม่งได้ยิงในกรอบก็เยอะแต่ติดเซฟติดบล็อคหมด ขนาดนาทีสุดท้ายของเกมได้เตะมุม เปิดลึกเข้ากลางมาได้ขึ้นโหม่งกันสามคนเน้นๆ แบบไม่มีตัวลิเวอร์พูลขึ้นไปเบียด พวกยังโหม่งหลุดกรอบไปเองเฉย ต้องยิงจุดโทษจนได้

_______ ช่วงดวลจุดโทษ ลิเวอร์พูลได้ยิงก่อนและชานก็ยิงไม่พลาด คนแรกของซิตี้เฟอนันดินโย่ยิงชนเสา ถึงตรงนี้พล็อตเหมือนละครน้ำเน่า พระเอกโดนย่ำยีบีทาแต่ก็อดทนฝ่าอุปสรรคมาได้ตลอด 120 นาที น่าจะจบแฮปปี้เอนดิ้งในที่สุด แต่เปล๊า~

_______ พอคนต่อๆ มาเท่านั้นแหล่ะ พล็อตทวิสกลายเป็น Drag me to hell ไปเสียฉิบ ทั้งลูคัส คูตินโย่ ลัลลาน่า ยิงติดเซฟหมดทุกคน ส่วนทางซิตี้ แม้ว่ามินโยเล่จะพุ่งถูกทางทุกลูก แต่นาบาส กุน ยาย่าตูเร่ ยิงเบียดเสาเข้าหน้าต่างกันได้หมดทุกคน แซงกลับมาชนะในช่วงดวลจุดโทษได้ 3-1 แบบไม่ต้องพึ่งคนยิงคนสุดท้ายซะอย่างนั้น

_______ ลิเวอร์พูลพลาดได้แค่รองแชมป์ ด้วยสกอร์ 4-1 (ในเวลา 1-1, จุดโทษ 3-1) แชมป์แรกของคล็อปยังต้องรอต่อไป
-----------------------------------------

_______ ก็เสียใจ ก็บ่นนะ แต่ที่สุดแล้วยังคิดว่าทีมทำผลงานได้ดีในนัดนี้

_______ โปรแกรมแข่งกระชั้นกับนัดก่อน แต่สภาพความฟิตที่เห็นเล่นกันถือว่าดี ไม่ได้เป็นรองซิตี้มากนัก(เฉพาะในเรื่องความฟิต) มีช่วงที่ช่วยกันไล่เต็มสนามดีๆ อยู่บ้างด้วยซ้ำ

_______ ในส่วนของคล็อป ผมคิดว่าเขาทำได้ดีในเรื่องวางแทคติคที่เน้นเกมรับและไม่บ้าวิ่งไล่ตั้งแต่ต้นเกมแบบที่ชอบทำ การเปลี่ยนตัวทำได้ดีมาก แต่ดูจะแก้ปัญหาเรื่องแดนกลางไม่ตก

_______ นัดนี้เกมแดนกลางมีปัญหามากครับ ชานกับเฮนโด้เอาบอลขึ้นหน้าแย่มาก ช้า เพื่อนไม่ค่อยได้เปรียบ ในขณะที่เกมรับ พวกเขารักษาได้แค่ตำแหน่งของตัวเองคือกลางสนาม แต่กับตำแหน่งอื่นที่ต้องวิ่งตามไป ไม่ว่าจะพื้นที่ริมเส้นของแบ็ค(ที่ควรไปซ้อนบ้าง) การวิ่งตามตัววิ่งสอดเข้าเขตโทษ ทั้งคู่ทำได้ไม่ดีเลย

_______ อย่างไรก็ตาม ที่ผลออกมาแบบนี้ เราควรต้องให้เครดิตซิตี้ มากกว่าจะโทษว่าทีมเล่นไม่ดี นัดนี้ซิตี้เล่นดีมากครับ ยาย่าตูเร่คืนฟอร์มเล่นได้เหมือนช่วงพีคของเขาเมื่อหลายปีก่อน ซิลบา,  กุนจับบอลทีแทบอยากไล่ให้กลับไปเล่นคนเดียวที่บ้าน แย่งกลับแทบไม่ได้ ที่เจ๋งที่สุดของซิตี้อยู่ที่การพลิกบอลหนีตัวไล่ที่ทำได้เนียนทุกคน ไล่ไปเหอะ ไล่ไปเท่าไหร่ก็ไม่ได้บอล แถมมีบอลจ่ายสวนตัวไล่จนโต้กลับมาดีๆ หลายครั้ง ถ้าจบสกอร์เด็ดขาดกว่านี้ อย่าว่าแต่แพ้ในเวลาเลยครับ ถามว่าจะทนดูกันจนหมดเวลาไหวมั้ยจะดีกว่า

_______ สเตอลิ่งฟอร์มเทพมากกลับการยิงแบบยังไงก็ต้องเข้า 2 ครั้งหลุดมันทั้ง 2 ครั้ง ในขณะที่กุนยิงไม่แย่นะ แต่ดันมาเจอมินโยเล่ที่ฟอร์มกระฉูดแตก เซฟปลายมือได้ทุกลูก

_______ แต่ก็นั่นแหล่ะ สุดท้ายพวกเขาก็ชนะดวลจุดโทษได้อยู่ดี ดีใจกับเปเยฯ ด้วยครับที่ได้แชมป์ติดมือแน่ๆ แล้วอย่างน้อย 1 ถ้วยกับฤดูกาลสุดท้ายของเขากับทีมที่คิดได้ยังไงวะกับการประกาศตั้งผู้จัดการทีมใหม่ตอนคนเก่ายังทำงานอยู่เนี่ย

_______ ส่วนลิเวอร์พูล...ฤดูกาลที่เหลือก็ดูกันไปขำๆ แล้วกันครับ

-----------------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ค่อนข้างดี

มินโยเล่ - ถ้าเล่นได้แบบนี้ทุกนัดก็ไม่ต้องซื้อใครใหม่แล้ว เซฟดีมาก ดวลจุดโทษพุ่งถูกทางทุกครั้ง จะมีแผลหน่อยก็อีตรงลูกเสียประตูที่ล้มช้าเอง เข้าใจว่าคงคิดไม่ถึงจะโดนยิงยัด แต่ฟอร์มโดยรวมก็ยังยืนประโยคได้ดีอยู่

โมเรโน่ - ขยันวิ่งดี ทำทางได้ดีมากและเชื่อมเกมได้โอเค แต่เกมครับ..เกมรัด...เกมราบ...เอ้อ สะกดไม่เป็นแฮะ ถึงขนาดต้องเปลี่ยนออกเพราะเรื่องฟอร์มล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับแทคติคก็คิดดูเถอะ

ซาโก้ - เจ็บเร็วไปนิด ช่วงก่อนหน้าก็ดูแข็งแกร่งในลูกกลางอากาศดี

ลูคัส - คุมพื้นที่แบบเซ็นเตอร์เป็นแล้ว ซ้อนแบ็คได้ตามเนื้อผ้าด้วย (พอดีเนื้อผ้ามันกว้างไปหน่อยเพราะโมเรโน่เหลือไว้ให้เยอะ) แต่มีปัญหากับการดวลกับกุนมาก คือมันก็ใช่ กองหลังหน้าไหนดวลกับกุนก็มีปัญหาทั้งนั้นแหล่ะ แต่ขนาดมองแบบนี้แล้วก็ยังรู้สึกว่าลูคัสปิดการเล่นของกุนได้ไม่ดีจริงๆ

ไคลน์ - เจอของหนักมีปัญหาให้เห็นเหมือนกัน ยังเอาตัวรอดได้อยู่ ไม่มีพลาดหนัก แต่ไม่ได้เด่นแบบนัดก่อนแล้ว

ชาน - เชื่อมเกมไม่ดี เอาบอลขึ้นหน้าแย่ แต่เก็บบอลไว้กับทีมดี มีจังหวะพลิกหนีที่ดีให้เห็นเป็นระยะ

เฮนเดอร์สัน - เอาบอลขึ้นหน้าแย่เช่นกัน แต่เชื่อมเกมดูดีกว่าชาน ขยับหาที่รับบอลดีกว่า ที่น่าประทับใจคือมีแรงวิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพได้เต็มเกมเลย ยุบบ้างก็นิดหน่อย แต่ไม่มีเดินเล่น

คูตินโย่ - ครึ่งแรกโดนล็อคตาย ครึ่งหลังขยับลงมาช่วยเชื่อมเกมมากขึ้นและทำผลงานได้ดี (ดีกว่าชาน+เฮนโด้+เฟอมิโน่เยอะ) แต่พอลงต่ำมาช่วยก็กลายเป็นพื้นที่สุดท้ายไม่ค่อยได้เล่น ประตูตีเสมอเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เขามีโอกาสได้เล่นบอลในเขตโทษ

เฟอมิโน่ - เล่นไม่ออก ครึ่งแรกได้บอลเยอะกว่าแนวรุกตัวอื่นก็ทำอะไรไม่ได้ ครึ่งหลังก็หายไปเลย แถมมีอาการหมดแรงเร็วกว่าคนอื่นด้วย

มิลเนอร์  - มีปอดสี่ข้างหรือยังไง ถามว่าเร็วมั้ยมิลเนอร์ไม่เร็วนะแต่โคตรอึด ในพื้นที่ของเขา ถ้าบอลมาเมื่อไหร่มิลเนอร์วิ่งทำทางรับบอลได้ทันที ช่วยเกมรับก็ได้ เชื่อมเกมใกล้ๆ ก็โอเค มีส่วนร่วมกับการต่อบอลแดนกลางมาก แต่อย่าให้เล่นอะไรยากๆ แบบจ่ายทะลุ ขวางสนาม โต้ยาว พลาดหมด

สเตอริดจ์ - โดนประกบติดแล้วเล่นไม่ค่อยออก พยายามจะฉีกออกมารับบอลนอกเขตแล้วแต่ก็เอาบอลไปทำอะไรต่อไม่ได้มากนัก  มีความฟิตและคล่องตัวพอจะกดดันคู่ต่อสู้ได้แค่ราวๆ ชั่วโมงเดียวเท่านั้นเอง ถ้ามีโควต้าเปลี่ยนตัวสี่คนรับรองว่าโดนเปลี่ยนออก แต่อย่าลืมว่าเขาเปิดบอลเรียดเข้ากลางได้ดีในจังหวะได้ประตูตีเสมอด้วยนะ

ตัวสำรอง

ตูเร่ - เห็นเล่นนัดนี้แล้วอยากปล่อยให้แกเลี้ยงหลานอยู่บ้านมากกว่า สภาพร่างกายไม่พร้อมปะทะ ไม่พร้อมสปีด เหลือแต่ทางบอลกับการตัดสินใจที่เด็ดขาดแค่นั้นเลย เรียกว่าบอลห่างตัวหน่อย หรือคู่ต่อสู้พลิกได้แล้วตูเร่ช่วยอะไรได้น้อยมาก

ลัลลาน่า - เอาความสดลงมาช่วยทีมได้นิดหน่อย คือในส่วนของเขาเองน่ะทำดีแล้ว ขยันไล่ ขยันทำทางรับบอล แต่ซิตี้วันนี้เอาตัวรอดจากการวิ่งไล่ได้ดีมากจริงๆ พื้นที่ในเขตโทษก็ยืนกันได้แน่น

โอริกิ - เก็บบอลได้ดี รักษาตำแหน่งค้ำกับแนวรับได้ดีด้วย แต่ไปกับบอลหรือจ่ายบอลให้เพื่อนก็งั้นๆ ไม่ได้มีอะไร

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ซิมง มินโยเล่…เล่นแบบนี้ทุกนัดได้มั้ย? ซัมเมอร์จะได้เอาเงินไปซื้อตำแหน่งอื่น
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ลิเวอร์พูล 1-0 เอ๊าซ์บวร์ก (รวมสองนัด 1-0)(ยูโรป้า)



…สิบเบี้ยใกล้มือ….
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-2-3-1

---------------------สเตอริดจ์--------------------
----คูตินโย่---------เฟอมิโน่--------มิลเนอร์----
-------------ชาน---------เฮนเดอร์สัน------------
โมเรโน่-------ซาโก้--------ลูคัส----------ไคลน์
----------------------มินโยเล่---------------------

_______ ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับมือเอ๊าซ์บวร์กในเกมยูโรป้านัดที่สอง หลังจากนัดแรกเสมอกันมา 0-0 แม้ว่าปลายสัปดาห์จะมีเกมสำคัญคือนัดชิงลีคคัพกับซิตี้รออยู่แต่คล็อปก็จัดเต็มชุดใหญ่ไม่ยั้งตามรายชื่อที่เห็น ...นี่ถ้าลอฟเรนหรือสเคอเทลลงได้ก็ไม่น่ามีชื่อลูคัสเป็นตัวจริงในตำแหน่งเซ็นเตอร์ด้วย
-------------------------------------------------------

________ เริ่มเกมมาทางเอ๊าซ์บวร์ก(หลังจากนี้ขอพิมพ์ว่าเอ้าบวก ขี้เกียจยกชิฟต์ละครับ) พยายามวิ่งไล่บอลให้เร็วตั้งแต่แถววงกลม แต่ลิเวอร์พูลขึ้นเกมได้เร็ว โดยเฉพาะเกมทางขวาที่ลื่นปรื้ดไปได้ตลอด แค่นาที 3 ได้เตะมุม เปิดเข้ากลางมาปั๊บคู่ต่อสู้ทำแฮนด์บอล มิลเนอร์รับหน้าที่ยิงเปรี้ยงหาย 1-0 ขึ้นนำเร็วแบบยังไม่พ้นย่อหน้าแรก

________ สกอร์ขยับ เกมเปิดและเล่นกันเร็ว เอ้าบวก... (พอพิมพ์จริงๆ อ่านแล้วขำ ยกชิฟต์ก็ได้วะ) เอ๊าซ์บวร์ก วิ่งไล่เต็มสนามได้ดี แต่ลิเวอร์พูลเอาตัวรอดได้ แถมจังหวะที่คู่ต่อสู้ตัดบอลกลับได้แล้วก็วิ่งไล่ต่อในแดนหน้าจนคู่ต่อสู้ขึ้นบอลไม่ได้ พ้นนาที 15 ไปกลายเป็นเกมที่ลิเวอร์พูลเอาชนะได้ในเรื่องการวิ่งไล่และตัดบอลกลับมาได้เร็วกว่าเยอะ

_______ เกมริมเส้นสองฝั่งของลิเวอร์พูลทำงานได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะทางขวา ไคลน์เติมขึ้นมาได้บ้าคลั่งมาก วิ่งยันธงตลอด ลิเวอร์พูลเอาบอลขึ้นหน้าได้เร็ว เปิดบอลเข้าทำได้ต่อเนื่อง ได้จบสกอร์บ้างแต่ยังไม่ดีพอจะเป็นประตู ส่วนเอ๊าซ์บวร์กโต้ไม่ขึ้น ตั้งเกมไม่ได้ อาศัยลูกฉาบฉวยชนิดบอลเด้งเข้าทางบ้าง ลิเวอร์พูลจ่ายบอลในแดนพลาดบ้าง เอามากดดันได้นิดหน่อย ที่น่าพูดถึงก็มีลูกยิงไกลตกพื้นแล้วมินโยเล่เซฟได้ในนาที 25 และลูกที่ลูคัสจ่ายคืนหลังเบาโดนฉกไปได้ แต่มินโยเล่ออกไปปิดมุมเร็ว คู่ต่อสู้กระชากหลบได้จริงแต่ไม่เหลือมุมยิง

_______ ลิเวอร์พูลเหนือกว่าหมดทุกอย่าง แต่ยังไม่ได้ประตูเพิ่ม จบครึ่งแรกที่ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ทั้งสองทีมยังเล่นคล้ายเดิม ลิเวอร์พูลดูจะเน้นเก็บบอลมากขึ้นนิดนึง และเกมโดยรวมดูช้าลงนิดหน่อย แต่รูปเกมออกมาก็ไม่ต่างจากเดิมมากนัก นาที 48 ลิเวอร์พูลเกือบได้ประตูเร็วอีกรอบจากจังหวะที่ไปไล่บอลได้ในพื้นที่ใกล้เขตโทษ สเตอริดจ์ได้บอลดึงหลบจนได้ยิงโล่งๆ ในเขตโทษ ยิงหลุดเสาสองไปอย่างน่าเสียดาย

_______ เกมผ่านไปราว 10 นาทีก็เริ่มเห็นความต่างจากครึ่งแรก ลิเวอร์พูลแม้จะเก็บบอล ปิดเกมรุกได้ แต่จังหวะเข้าทำมีน้อยลง ทำได้แย่ลง แถมยิ่งเล่นยิ่งเห็นว่าแดนหน้าและกลางเริ่มวิ่งได้น้อยลงด้วย ส่วนเอ๊าซ์บวร์กยังไม่ได้เปิดบอลเข้าไปลุ้นแต่เอาบอลขึ้นหน้าได้ดีขึ้น

_______ นาที 66 โอริกิได้ลงแทนสเตอริดจ์ นาที 70 มินโยเล่ได้โชว์เทพอีกครั้งด้วยการออกไปบล็อคลูกยิงบนเส้นเขตโทษได้เร็ว

_______ หลังจากเกมอืดและเข้าทำย่ำแย่อยู่พักใหญ่ พอพ้นนาที 70 ไปเกมของลิเวอร์พูลมี่ก๊อกสอง บุกกดดันยันเขตโทษได้ต่อเนื่อง บอลเปิดเข้าไปทั้งเรียดทั้งโด่งตลอดเวลา บอลสองเก็บได้ตลอด บดอยู่ร่วมสิบนาที แต่ดีที่สุดทำได้แค่เฮนเดอร์สันวิ่งเข้าไปชาร์ฺจจ่อๆ ไม่ถึงสิบหลาติดเซฟในนาที 77

_______ นาที 79 เทเซร่าได้ลงแทนคูตินโย่

_______ ช่วงท้ายเกม ลิเวอร์พูลก็ยังโต้ขึ้นไปได้บ้าง แต่กดดันไม่ต่อเนื่อง และบอลที่ไปถึงข้างหน้าแล้วก็ทำเสียของเรียบ ส่วนเอ๊าซ์บวร์กพยายามจะเร่งเกมรุก แต่ดูเหมือนเกมรุกที่ดีที่สุดของพวกเขาคือโยนให้มันโด่งๆ เข้าไว้แล้วพยายามล้มตัวเอาฟาล์วหน้าเขตโทษ สลับกับยิงไกลแบบไร้อนาคต

_______ เอ๊าซ์บวร์กได้ลุ้นที่สุดในนาที 89 จากฟรีคิกหน้าเขตแล้วมุมกล้องหลอกตา นึกว่าตาย-่าไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ที่จริงคือเลี้ยวหลุดเสาสองออกไปนิดเดียว

_______ จบเกม ลิเวอร์พูลเอาตัวรอดไปได้ 1-0 ผ่านเข้ารอบต่อไปได้สำเร็จ

-----------------------------------------

_______ เป็นเกมที่ดูแล้วสนุกมากครับ บุกมัน เกมรับก็ไม่ต้องลุ้นเยอะ

_______ เห็นโปรแกรมมันใกล้กับนัดชิง ตอนแรกก็ยังสงสัยว่าคล็อปจะเอายังไง ถ้าเป็นผมผมทิ้งยูโรป้าไปแล้วครับ จัดเด็กลงทั้งแก๊งค์แน่นอน แต่คล็อปจัดเต็มทีมไม่มีกั๊ก แล้วผลลัพธ์ก็ออกมาดีด้วย เข้ารอบ ไม่ต้องต่อเวลา ไม่มีใครเจ็บเพิ่ม ได้ความมั่นใจ

_______ สำหรับเกมนี้ ทีมทำได้สุดยอดมากในเรื่องการวิ่งไล่บีบจังหวะที่คู่ต่อสู้ตัดบอลไปได้แล้ว คือบีบจนจ่ายขึ้นหน้าห่วยแล้วโดนตัดกลับอย่างรวดเร็วได้ตลอด ครึ่งแรกถ้ากองหน้าคมสักระดับซัวเรส ตอเรส เอ๊าซ์บวร์กคงไส้แตก ร้องขอชีวิต งอแงจะกลับเยอรมันตั้งกะพักครึ่งแล้วมั้ง แต่ที่มีอยู่ตอนนี้ผลลัพธ์ก็อย่างที่เห็น ...ได้ลูกเดียวจากลูกโทษ

_______ ที่แปลกหูแปลกตาก็เห็นจะมีเกมฝั่งขวา คือเกมฝั่งขวาลื่นนี่ยังเฉยๆ แต่ที่แปลกเพราะวันนี้ลื่นเพราะไคลน์ ปกติแกจะเติมแค่ราวๆ ครึ่งแดนคู่ต่อสู้ และไม่ค่อยจะทำทางล้ำขึ้นไปถึงแนวสุดท้าย แต่ครึ่งแรกวันนี้ไคลน์ไปสุดยันธง ขึ้นเร็ว ขึ้นตลอด พิสูจน์อีกครั้งว่าถ้าเค้าจะขึ้น เค้าขึ้นได้ โหดกว่าโมเรโน่ด้วย ...นัดอื่นๆ ทำไมไม่ขึ้นแบบนี้ล่ะ

_______ แต่ปัญหาไม่ใช่ไม่มี แดนกลางที่ไม่มีลูคัส ใช้เฮนโด้กับชานคู่กัน เปิดพื้นที่หน้าเขตโทษไว้เพียบ ขนาดเกมรุกง่อยๆ ของเอ๊าซ์บวร์กวันนี้ยังหาโอกาสยิงไกลหน้าเขตโทษได้บ่อยมาก (มากกว่าที่ควรจะเป็น) ทั้งชานทั้งเฮนโด้มีความฟิตในระดับที่ดี แรงปะทะไม่แย่ ขยันทั้งคู่ด้วย แต่กับการอ่านเกมรับก็ยังต้องยอมรับว่าทั้งคู่ยังห่างจากลูคัสเยอะอยู่จริงๆ

_______ ถ้าไปเจอกลางรุกที่เทคนิคดี ดึงบอลเล่นในพื้นที่แคบได้ ตายแน่ครับกลางคู่นี้

_______ ที่น่าหนักใจอีกเรื่อง แต่จะบอกว่าเป็นปัญหาคงไม่ใช่ บอกว่าเป็นอีกด้านของเหรียญก็แล้วกัน คือแดนหน้ากับกลางที่ยุบเร็ว หมดแรงวิ่งตั้งแต่ราวๆ นาที 60 อันนี้เป็นผลโดยตรงมาจากแทคติคเอาหน้ากลับกลางวิ่งไล่ในแดนหน้า (ก็เกเก้นเพรสซิ่งนั่นแหล่ะ) วิ่งกันไปขนาดนั้น หมดสิครับ ขนาดคุณพี่พลังม้าอย่างมิลเนอร์ หรือกัปตันมาราธอนอย่างเฮนโด้ยังออกอาการแข้งขาอ่อนเลย พวกมนุษย์ปอดปกติแบบเฟอมิโน่ สเตอริดจ์ คูตินโย่ จะไปเหลือเหรอ

_______ ยิงขาดได้ก็ดีไป (ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่) แต่พอไม่ขาด ช่วงกลางจนถึงท้ายครึ่งหลังนี่คู่ต่อสู้พลิกมาบี้เอาตายได้ง่ายๆ กับแทคติคแบบนี้ นัดนี้ท้ายเกมก็เห็นผลอยู่พอควร ดีว่าเอ๊าซ์บวร์กเองก็เกมรุกไม่ดุเท่าไหร่ด้วยเลยรอดมาได้แบบชิลๆ

_______ จากการจัดเต็มฟูลทีมนัดนี้ และกับแทคติคการเล่นแบบนี้ที่คาดว่าจะใช้ในนัดชิงลีคคัพกับซิตี้ บอกตรงๆ ว่าหลอนอยู่พอสมควรครับว่าจะคว้าแชมป์ไหวมั้ย แต่จะว่าไปซิตี้ตั้งแต่ประกาศว่าเปลี่ยนผู้จัดการทีมใหม่ปีหน้า ฟอร์มก็แกว่งๆ เป๋ๆ อยู่ เกมที่่เจอกันในลีคก็ชนะมาแล้วด้วย...

_______ ...ขออีกนัดน่า

-----------------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดี

มินโยเล่ - ออกมานอกเส้นได้เร็วหลายครั้ง หนึ่งในนั้นช่วยให้คู่ต่อสู้พลาดได้ยิงง่ายด้วย เซฟลูกยิงสำคัญได้สองหน ดูนัดนี้แล้วต้องขยี้ตากันเลยล่ะว่านี่มันใช่มินโยเล่ตัวจริงหรือใครปลอมตัวมา

โมเรโน่ - โดนไคลน์แย่งซีนหมด นัดนี้โมเรโน่เติมรุกได้ไม่มากนัก ขึ้นไปเปิดได้พอควรซึ่งเปิดไปติดเรียบ แต่เชื่อมเกมกลางสนามได้ดี ไม่ต้องเคาะกลับหลังบ่อยนัก และรักษาตำแหน่งตัวเองในเกมรับได้ดี

ซาโก้ - ไม่รู้ว่าอคติหรือยังไง ทั้งๆ ที่ซาโก้สกัดบอลได้เยอะมาก เยอะที่สุดในทีมด้วย ทั้งลูกกลางอากาศและการทิ้งตัวสกัดทิ้งก่อนคู่ต่อสู้ถึงบอล แต่กลับรู้สึกว่าเขาสกัดไม่ค่อยขาด บอลไม่ค่อยไปไหน ล้มในจังหวะที่น่าจะยืนบังได้ ทิ้งตัวสกัดในจังหวะที่น่าจะแค่วิ่งไปเตะทิ้งง่ายๆ ได้

ลูคัส - ออกมาดักบอลนอกเขตโทษได้สุดยอดมาก ครึ่งแรกจะเห็นได้หลายจังหวะเลย แย่งบอลเก่งมากเข้าไปแล้วได้บอลแทบทุกครั้ง ไม่เสียฟาล์วด้วย ตำแหน่งยืนก็ดีขึ้นไม่มั่วแบบนัดแรกๆ ที่ยืนเซ็นเตอร์ แต่ช่วงท้ายเกมที่เอ๊าซ์บวร์กเอาบอลมาป้วนเปี้ยนหน้าเขตโทษบ่อยๆ ก็เริ่มลนเริ่มได้แต่วิ่งตามกองหน้าเหมือนกัน

ไคลน์ - อย่างเดียวที่ทำได้ไม่ดีพอคือจังหวะสุดท้าย เปิดไม่คมเท่าไหร่ แต่นอกจากนั้นแล้ว ฟอร์มของไคลน์วันนี้คือการเล่นของแบ็คที่ครบเครื่องมาก รับแน่น เชื่อมเกมได้ วิ่งขึ้นลงเร็ว เติมเกมรุกสุดเส้น

ชาน - เล่นได้น่าพอใจ เก็บบอลสองได้ดีมาก เชื่อมเกมโอเคมีบอลขวางดีๆ ให้เห็นบ้างด้วย  มีปัญหากับจังหวะที่คู่ต่อสู้พลิกมาได้นิดหน่อย แต่ก็ยังวิ่งตามบอลไปได้เรื่อย ปิดพื้นที่หน้าเขตโทษหลวมไปนิด ทำได้ดีมากกับการไล่ผีเมสซี่กลับคัมป์นุไปได้ มันน่าพอใจก็ตรงนี้แหล่ะ

เฮนเดอร์สัน - ขึ้นมาเล่นเกมรุกเยอะกว่าชาน ทำได้ดีในเรื่องการเชื่อมเกมและเข้าไปเร่งบอลคู่ต่อสู้ที่กำลังจะพลิกขึ้นหน้าได้ถึงตัวตลอด แต่เรื่องการมีส่วนร่วมกับเกมรุก...ไม่ดีเลย จ่ายบอลเข้าทำไม่ได้ เติมขึ้นไปจะยิงยังยิงติดแล้วติดเล่าอีก

คูตินโย่ - พลิกบอลเล่นได้ต่อเนื่อง ประสานงานกับทั้งโมเรโน่และเฟอมิโน่ได้ลื่นไหล ออกบอลเข้าทำได้ลุ้นหลายครั้ง มีส่วนร่วมกับจังหวะสุดท้ายเยอะทั้งจ่ายให้ยิงและยิงเอง กดดันคู่ต่อสู้ได้ตลอดเวลาที่อยู่ในสนาม

เฟอมิโน่ - เทพครึ่งแรก ขยับหาที่ว่างได้ตลอด เชื่อมเกมได้ดี เล่นในพื้นที่แคบก็ได้ ขยันไล่บอลทุกจังหวะ พอเข้าครึ่งหลังเริ่มหายไปจากเกม พอพ้นหนึ่งชั่วโมงไปแทบไม่เจอหน้าอีกเลย

มิลเนอร์  - เล่นได้ทื่อมะลื่อ แต่ช่วยทีมได้เยอะ ไล่บอลได้มาก เข้าถึงบอลเร็ว วิ่งทำทางรับบอลช่วยเชื่อมเกมได้ตลอด กับเกมรุกจังหวะที่ขยับไปรับบอลเล่นด้านข้างกดดันคู่ต่อสู้ได้ เพราะกระชากได้ เปิดบอลได้ เปิดติดบ้างพลาดบ้างก็ยังเอาบอลเข้าไปลุ้นในเขตโทษได้เรื่อย

สเตอริดจ์ - หาที่ว่างรับบอลและประสานงานกับเพื่อนได้ดี หายไปอย่างเดียวคือจังหวะทำประตูที่วันนี้ไม่เด็ดขาดเท่าไหร่

ตัวสำรอง

โอริกิ - เก็บบอลพอได้แต่จังหวะวิ่งทำทางเริ่มกลับมาแย่อีกแล้ว พาบอลไปเองได้ติดเท้าดี เปิดบอลเมื่อไหร่โกลคิกเมื่อนั้น

เทเซร่า - ลงมาช่วยเชื่อมเกมเฉยๆ พยายามจะช่วยเปลี่ยนรับเป็นรุกอยู่หลายครั้ง แต่ช่วยไม่ได้มาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอีโอ้มันไม่วิ่งรับบอลด้วย เฟอมิโน่ก็หมด

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...เจมส์ มิลเนอร์… เอาเท่ต้องคูตินโย่ แต่ถ้าเอาส่วนร่วมกับเกมต้องมิลเนอร์ ลูกเท่ๆ ว้าวๆ ไม่มี แต่ช่วยได้หมดทั้งรุกทั้งรับและทั้งเกม 90 นาทีด้วย แถมได้เครดิตพิเศษจากลูกโทษที่กลายเป็นประตูชัยอีกต่างหาก
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

แอสตันวิลล่า 0-6 ลิเวอร์พูล(พรีเมียร์ลีค)


…Happy V[illa]’s Day….
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-2-3-1
-----------------------สเตอริดจ์-------------------
----คูตินโย่-----------เฟอมิโน่------มิลเนอร์----
-------------ชาน---------เฮนเดอร์สัน------------
โมเรโน่-------ซาโก้--------ตูเร่-----------ไคลน์
-----------------------มินโยเล่--------------------

_______ ลิเวอร์พูลออกไปเยือนทีมหนีตกชั้นอย่างวิลล่า นัดนี้เปลี่ยนแปลงทีมเยอะเพราะได้คนหายเจ็บกลับมาหลายคน เลยได้ 11 ตัวจริงอย่างที่เห็น ที่สำคัญอยู่ที่สเตอริดจ์ได้เป็นตัวจริง(ในรอบกี่เดือนวะเนี่ย)ซะที
-------------------------------------------------------

________ เริ่มเกมมาทางฝั่งวิลล่าเลือกรับในแดน ไม่ได้ไล่บอลอะไรนัก สว่นลิเวอร์พูลดันแบ็คขึ้นมาช่วยเชื่อมเกมสูงทั้งสองฝั่ง เอาบอลขึ้นหน้าได้ง่ายและต่อเนื่อง แต่พื้นที่หน้า-ในเขตโทษยังเจาะเข้าไปไม่ได้ เล่นได้แค่กลางสนามกับเส้นข้าง

________ผ่าน 10 นาทีแรกไป วิลล่าเริ่มเก็บบอลเล่นได้มากขึ้น โต้ได้บ้างแม้จะไม่ถึงเขตโทษ และจังหวะตั้งเกมรุก็ไม่รีบร้อนจ่าย พยายามครองบอลเล่น ในขณะที่ลิเวอร์พูลได้บอลน้อยลงแต่รูปเกมโดยรวมไม่ได้เปลี่ยน เกมกลับมาสูสี

_______ นาที 16 จากจังหวะขึ้นบอลทางซ้าย โมเรโน่พาบอลดึงแนวรับไปก่อนแปะคืนให้คูตินโย่เปิดบอลเข้ากลางอย่างแม่น ข้ามหัวเซ็นเตอร์ตัวแรกไปเข้าหัวสเตอริดจ์ได้โหม่งง่ายๆ ระยะประชิด 1-0

_______ สกอร์ขยับแต่เกมไม่เปลี่ยน วิลล่าเองก็ไม่เปลี่ยนวิธีเล่น ส่วนลิเวอร์พูลการต่อบอลแดนกลางวันนี้ไม่ค่อยแม่น แต่ความเชื่องช้าและขาดประสิทธิภาพในเกมรุกอย่างรุนแรงของกลางวิลล่าก็ทำให้ลิเวอร์พูลเอาบอลกลับมารุกได้เรื่อยๆ อยู่ดี

_______ นาที 25 ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิกทางฝั่งซ้าย มิลเนอร์รับหน้าที่เปิดบอลเข้ากลาง ซาโก้ขึ้นได้สูงสุดแต่ก็ยังโหม่งไม่โดน แต่ผู้รักษาประตูเองก็ออกมาช้าและผิดจังหวะไปด้วย บอลเลยลอยลึกเข้าไปทางเสาสองซะงั้น 2-0

_______ เวลาที่เหลือ วิลล่าเข้าบอลเร็วขึ้นบ้างแต่ทั้งวิธีการเล่นและประสิทธิภาพแทบไม่ได้กระเตื้องขึ้นเลย หลังกับกลางยังคงจับบอลแล้วคิดนาน โดนแซะอยู่เรื่อยๆ ส่วนลิเวอร์พูลเกมรุกไม่ได้ดุเดือดอะไรนัก อาศัยตัดบอลกลับมารุกได้ต่อเนื่อง ทำให้เกมดีกว่าชัดเจนจนกระทั่งจบครึ่งแรกที่สกอร์ 2-0

_______ เข้าครึ่งหลัง วิลล่าทำท่าจะมีฮึด วิ่งไล่มากขึ้น แต่วิ่งได้ไม่กี่นาทีก็ถอยไปรับในแดนอีก (พี่ๆ เค้ารู้ตัวมั้ยว่าตามอยู่สองลูก) ลิเวอร์พูลยังคงเล่นในจังหวะเดิมของตัวเองและเป็นฝ่ายทำได้ดีกว่า

_______ นาที 58 เกมก็ขาดจนได้ จากจังหวะโต้เร็ว เฮนเดอร์สันจ่ายบอลยาวขึ้นหน้าโดนกองหลังตัดได้แล้ว แต่จับบอลนานไปแถมชานเข้ามาปั้มได้เร็ว บอลทะลักไปเข้าทางเฟอมิโนพาบอลไปถึงมุมเขตโทษก่อนไหลกลับเข้าด้านหน้าเขตโทษให้ชานจับแล้วยิงจากหน้าเขตโทษเข้าไปได้เป็น 3-0

_______ พอ 3-0 ก็จบเห่เอวัง วิลล่าเล่นกันเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างไปเรียบร้อย ส่วนลิเวอร์พูลแค่เล่นไปตามช่องตามจังหวะ แถมยังมาได้ประตูเพิ่มรัวๆ อีก

_______ นาที 62 โอริกิได้ลงแทนสเตอริดจ์แล้วนาทีถัดมาคูตินโย่ก็จ่ายทะลุช่องให้โอริกิหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงได้เป็น 4-0

_______ นาที 65 เฟอมิโน่ได้บอลหน้าเขตโทษ จ่ายทะลุช่องมาทางขวาให้ไคลน์ที่เติมขึ้นมาได้หลุดไปยิงติด โอริกิเข้าไปซ้ำก็ยังติด แต่บอลทะลักกลับมาเข้าทางไคลน์ได้ซ้ำอีก เข้าจนได้ 5-0 ยิงได้ปุ๊บสจ๊วตได้ลงแทนคูตินโย่ทันที

_______ นาที 71 ลิเวอร์พูลได้เตะมุม เฮนเดอร์สันเปิดเข้ากลางมาแบบงงๆ บอลลอยต่ำเข้ากลางเขตโทษแต่แนวรับไม่มีสมาธิ ไม่มีคนโหม่งสกัดว่าแย่แล้วแต่ตูเร่ยืนโล่งไม่มีคนประกบอีกต่างหาก ตูเร่ไม่ได้กระโดดไม่ได้โหม่งเช็ดอะไร แค่ตั้งหัวแข็งๆ ยืนโหม่งอยู่กับที่ บอลเข้ากรอบก็ได้ประตูเลย 6-0

_______ นาที 74 เบนเทเก้ได้ลงมาแทนเฟอมิโน่ เป็นอันว่าถึงตรงนี้ตัวรุกทั้ง สเตอริดจ์ คูตินโย่ เฟอมิโน่ ออกไปหมดแล้ว เกมรุกของลิเวอร์พูลก็ออกแนวมั่วๆ มึนๆ แถมผ่อนเกมไม่เติมขึ้นมาแล้วอีกต่างหาก ส่วนวิลล่าไม่ต้องถามถึง พวกพี่แกมึนตั้งกะ 3-0 นั่นแหล่ะ ดีที่สุดใกล้เคียงสุดทำได้แค่ซินแคลร์ยิงไปชนสามเหลี่ยมในนาที 80 นอกนั้นไม่ได้ลุ้นอะไร และไม่ได้แสดงให้เห็นว่าพยายามจะทำอะไรด้วย

_______ จบเกม ลิเวอร์พูลชนะวิลล่าไปครึ่งโหล 6-0 สุขสันต์วันวาเลนไทน์กันไป
-----------------------------------------

_______ ยิงครึ่งโหลแต่เป็นเกมที่แทบไม่มีรายละเอียดเลยครับ

_______ นัดนี้ต้องบอกว่าการได้ทั้งสเตอริดจ์กับคูตินโย่กลับมาลงสนามได้ทำให้เกมรุกของทีดีขึ้นผิดหูผิดตา จากเกมรุกระดับหัวแถวแชมเปี้ยนชิพ กลายเป็นท้ายแถวท็อปโฟร์ได้เฉยเลย

_______ จังหวะเกมก็สุดแสนจะเป็นใจ ได้ประตูเร็วทั้งสองครึ่ง ครึ่งแรกทำให้เล่นง่าย ครึ่งหลังทำให้เกมขาด แล้วคนที่ยิงได้แต่ละคนนี่...ไม่ได้ดูถูก แต่ว่าบอลมันต้องเข้าทางจริงๆ ถึงจะยิงได้ ดันมาเข้าทางพร้อมกันหมดสกอร์เลยไปไกลเกินรูปเกมอยู่เหมือนกัน

_______ อย่างไรก็ตาม ทั้งรูปเกมและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ ต้องให้เครดิตวิลล่าสัก 7-80% กันเลยทีเดียว คือเล่นอะไรกันวะเฮ้ย ความมุ่งมั่นไม่มี ประสิทธิภาพไม่ปรากฎ ตัวความหวังอย่างอักบาลาฮอร์เล่นอย่างกับเป็นเซ็นเตอร์ตัวที่สามของลิเวอร์พูล บอลมาเสียหมด แนวรับยืนกันเยอะแต่ขาตาย มีช่องให้จ่ายทะลุเยอะมากทั้งเซ็นเตอร์-เซ็นเตอร์, เซ็นเตอร์-แบ็ค ที่เป็นไฮไลท์ที่สุดคือการเก็บบอลไว้กับตัวนานของบรรดากองกลางวิลล่า คิดช้าทำช้าเหลือเกิน หน้า-กลางลิเวอร์พูลวันนี้ปั้มบอลกันเพลินเลย ทั้งๆ ที่ไม่ได้เน้นไล่บอลอะไรมากมาย แต่กลางวิลล่าจับบอลล่อสตั๊ดดีเหลือเกิน โดนแซะบ่อยจนเล่นเกมรุกก็ไม่ขึ้น แถมต้องรับต่อมากเกินความจำเป็นด้วย

_______ ไปทัวร์แชมเปี้ยนชิพซะเถอะที่รัก

_______ ส่วนทางด้านลิเวอร์พูล ข่าวดีที่สุดคงที่อยู่สเตอริดจ์ไม่เจ็บเพิ่ม ...ไม่มีอะไรน่าดีใจไปกว่านี้แล้วครับ

_______ ...จะได้ไปลุยยูโรป้าอย่างสบายใจ
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดี

มินโยเล่ - แทบไม่ได้เล่น มีออกมาชกบอลไม่ดีหนนึงมั้ง แต่โดยรวมแล้วไม่ได้มีข้อผิดพลาดอะไร

โมเรโน่ - เกมรุกช่างมันส์ เกมรับช่างแม่ง

ซาโก้ - เข้าบอลได้โก๊ะๆ กังๆ บอกไม่ถูก จังหวะที่น่าจะแค่วิ่งไปแซะบอลง่ายๆ พี่ก็ทิ้งตัวล้มสกัดสุดเหยียดเยี่ยงเป็นจังหวะสุดท้ายในนาทีสุดท้ายของนัดชิงแชมเปี้ยนลีคยังไงยังงั้น พลาดบางนิดหน่อยกับการสกัดแล้วบอลไม่ขาด แต่ไม่ได้พลาดแบบใส่พานให้คู่ต่อสู้ และยังมีจังหวะตัดบอลก่อนถึงกองหน้าที่ดีให้ชื่นใจอยู่หลายครั้ง

ตูเร่ - จัดการกับอักบาลาฮอร์ได้ดี จังหวะสกัดบอลดูดีกว่าซาโก้แต่ช้ากว่ามาก เก็บบอลได้น้อยกว่าด้วย

ไคลน์ - เกมรับคุมพื้นที่คุมคนได้ดี เชื่อมเกมได้ลื่นไหล พื้นที่สุดท้ายขึ้นไปน้อยกว่าโมเรโน่แต่ก็อุตส่าห์หลุดเข้าไปได้ยิงและทำประตูได้ด้วย

ชาน - เล่นแปลกๆ คือชานในวันที่เล่นแย่คือเขาเก็บบอลไว้กับตัวนาน ดื้อจะไปเองอะไรทำนองนั้น แต่วันนี้ชานเล่นแบบไม่ค่อยขยับตัวรับบอล คู่ต่อสู้ได้บอลมาก็ไม่ค่อยวิ่งเข้าไปเร่ง เล่นเหมือนไม่ฟิตยังไงไม่รู้(ทั้งที่ก็ฟิตนะ ดูจากจังหวะที่วิ่ง) เล่นเน้นเกมรับมากกว่านัดอื่นๆ เชื่อมเกมก็งั้น น่าจะเพราะข้างหน้ามีเฟอมิโน่คอยเล่นเกมรุกอยู่แล้ว ชานทำดีมากกับจังหวะ 3-0 เพราะทั้งไปปั้มบอล วิ่งทำทาง ยิง แต่โดยรวมฟอร์มก็แค่ใช้ได้ไม่ถึงกับดี

เฮนเดอร์สัน - เป็นคนเดียวในแดนกลางที่มีบอลเปลี่ยนฝั่งที่ดี เชื่อมเกมพอใช้ได้โดยเฉพาะการขยับรับบอลที่ดีกว่าชานเยอะ ฟอร์มโดยรวมดูดีกว่าชานก็จริงอยู่ แต่เล่นธรรมดามาก ลูกเด็ดขาดไม่มี อย่าว่าแต่ขึ้นไปยิงแบบชาน เอาแค่บอลเกมรุกดีๆ ก็แทบไม่เห็นแล้ว

คูตินโย่ - ไม่พยายามแต่งหาจังหวะยิงเอง ซึ่งทำให้เจ้าตัวเล่นได้ดีมาก บอลเกมรุก บอลทะลุช่อง บอลเข้าทำ ดีหมด แถมทำได้ต่อเนื่องด้วย ถ้าไม่ได้โดนเปลี่ยนไปพักซะก่อนก็คงมีเจ็ดแปดลูกให้เห็นกันล่ะ ไม่หยุดแค่หกหรอก

เฟอมิโน่ - ช่วยเชื่อมเกมเยอะ เป็นคนถอยมารับบอลจากกลางเอาไปหน้า นอกจากเชื่อมเกมแล้วยังมีบอลเกมรุกที่ดี คูตินโย่กับสเตอริดจ์ได้บอลจากเขาบ่อย หรือแม้กระทั่งแบ็คสองข้างที่วิ่งขึ้นมาก็ได้บอลดีๆ บ่อยอยู่

มิลเนอร์  - เล่นไปเล่นมาจะกลายเป็นลูกหาบซะงั้น ช่วยวิ่งเข้าไปเร่งบอลจากคู่ต่อสู้ได้ดี ช่วยคุมพื้นที่ได้ตลอด แต่ได้บอลแล้วก็ต้องไปฝากให้คนอื่นเล่นแทน ตัวเขาเองไม่ได้เล่นกับบอลสักเท่าไหร่ ทำประตูได้ก็โชคช่วยเยอะอยู่ คนโหม่งโหม่งวืด คนชกชกวืด

สเตอริดจ์ - หาพื้นที่รับบอลดีมาก ในเขตโทษก็พอหาที่รับบอลที่ยิงได้บ้าง ทำประตูได้ด้วย

ตัวสำรอง

โอริกิ - หาที่ว่างรับบอลดี ยิงในจังหวะหลุดเดี่ยวได้ดี แต่นอกนั้นไม่ได้มีอะไร

สจ๊วต - เชื่อมเกมได้ธรรมดามาก แค่แปะไปแปะมา เกมรับไม่ดุดัน หนักไปทางถอยหลังรอคู่ต่อสู้พลาด

เบนเทเก้ - แทบไม่ได้บอล เพื่อนผ่อนเกมแล้วก็ใช่ แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้วิ่งทำทางช่วยเพื่อนเลย

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ฟิลิปเป้ คูตินโย่…วันนี้จ่ายบอลเกมรุกดีมากจริงๆ ขอแบบนี้ไปเรื่อยๆ ได้ไหม อย่าริยิงเองเลยพ่อคุณ
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

เวสต์แฮม 2-1 ลิเวอร์พูล (1-1, ต่อเวลา 2-1)(เอฟเอคัพ)



…’จารย์ช่วยก็แล้ว เพื่อนปั้นก็แล้ว กองหลังก็พลาดให้แล้ว จะต้องถึงขั้นโกล์วิ่งหนีให้เลยมั้ยเพ่~….
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-2-3-1

-----------------------เบนเทเก้-----------------------
----คูตินโย่-------เทเซร่า---คิงลอร์ดก็อดไอบ์--
-------------สจ๊วต----------ชิริเบย่า---------------
สมิธ-------ลูคัส--------อิลอริ-------ฟลานาแกน
-----------------------มินโยเล่-----------------------

_______ ลิเวอร์พูลเล่นเกมที่ 40 ในฤดูกาล ออกไปรีเพลย์เอฟเอคัพกับเวสต์แฮม คล็อปที่หายเจ็บกลับมาแล้วยังคงใช้ผู้เล่นสำรองเป็นหลักตาม มีการปรับใหญ่อยู่ที่ลูคัสเล่นเซ็นเตอร์เต็มตัว
-------------------------------------------------------

________ เริ่มต้นเกม ทั้งสองฝ่ายเล่นคล้ายกันคือไล่บนและเน้นเกมรุก เกมออกมาสูสี เวสต์แฮมทำได้ดีกว่าในเรื่องการเอาบอลกลับมาได้เร็ว การพาบอลขึ้นหน้า แต่จังหวะได้ลุ้นยังพอๆ กัน

________ นาที 16 เวสต์แฮมได้ยิงชนเสาไปรอบ ส่วนลิเวอร์พูลที่เกมเป็นรองยังดีว่ามีเกมโต้เร็วทางซ้ายด้วยการเล่นของ คูตินโย่+เทเซร่า+สมิธมาช่วยกู้หน้าเป็นระยะ ทำให้ไม่โดนกดมิดไมล์นัก นาที 34 คูตินโย่ได้โอกาสยิงในกรอบไปชนเสาด้วย

_______ เกมโดยรวมยังเป็นเวสต์แฮมที่ดูดีกว่าโดยเฉพาะการไล่ไม่ให้ลิเวอร์พูลขึ้นเกมได้ และบอลทางริมเส้นพาไปใกล้ธงได้บ่อย นาที 37 จากฟรีคิกก็ยิงไปชนเสาอีกรอบ ต่อด้วยโหม่งซ้ำแล้วมินโยเล่ยังชกทัน

_______ จากย่อหน้าข้างบน ไอ้เราก็นึกว่าจะรอดตลอดครึ่งแรก เปล๊า~ นาที 45 แบ็คซ้ายเวสต์แฮมอย่างไอบ์ตัดบอลจากลิเวอร์พูลได้ ก่อนเวสต์แฮมเอามารุกเร็วจนได้เปิดจากทางฝั่งฟลานาแกน บอลข้ามหัวแนวรับ 5 คนไปเสาสองโดนอันโตนิโอวอลเล่ย์ย้อนทางไปเสียบเสาแรก 1-0 จบครึ่งแรกด้วยสกอร์ดังกล่าว

_______ เข้าครึ่งหลัง ยังไม่ได้ทำอะไรกันมากนัก เบนเทเก้ก็มาเรียกฟรีคิกได้ในนาที 48 จุดตั้งเตะใกล้มากชิดเส้นเขตโทษ คูตินโย่หลอกยิงเรียดลอดกำแพงที่กระโดดเข้าไปได้อย่างเหนือ 1-1 แบบไม่ต้องเปลืองแรง

_______ พอสกอร์ขยับ เวสต์แฮมกลับมีฮึดเร่งเกมอีกครั้ง ในขณะที่ลิเวอร์พูลก็ยังมีจังหวะโต้ได้บ้าง แต่ให้ขึ้นเกมเองสู้ไม่ได้เลย เปลี่ยนรับเป็นรุกมีปัญหาตลอด และเกมรับก็สกัดบอลได้ภัตตาคารบ้านทุ่งมาก ขอแค่ให้โดนบอลพอ บอลไปไหนไม่แคร์

_______ นาที 59 คล็อปปรับทีมขนานใหญ่ โอริกิกับสเตอริดจ์ได้ลงแทนคูตินโย่กับเทเซร่า เข้าใจว่าคล็อปคงไม่เห็นว่าไอบ์ยังอยู่ในสนาม โอริกิลงไปยืนซ้าย สเตอริดจ์ยืนหลังเบนเทเก้ ส่วนไอบ์ยังปักหลักเล่นแบ็คซ้ายให้เวสต์แฮมต่อ

_______ ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลหันมาเล่นเกมโต้กลับเร็วเต็มตัว ไม่ตั้งเกมอีกแล้ว ซึ่งก็ได้ผลจริง คือครองบอลได้น้อยลง แต่จังหวะโต้ขึ้นไปได้ลุ้นมากขึ้น ส่วนทางเวสต์แฮมก็ไม่รู้เพราะเล่นในบ้านหรือยังไง ทีมยังไม่ได้เป็นรองแต่ดันสูงขึ้นมาเน้นเกมรุกมากขึ้น

_______ นาที 65 ไม่รู้ว่ากรรมการปราณีหรือตาถั่ว อิลอริดึงแขนตัวชาร์จในเขตโทษแต่ไม่โดนจุดโทษ นาที 75 คาโรลได้ลงสนามมาแล้วจากนั้นเวสต์แฮมก็หันมาโยนบอมบ์ขึ้นหน้าเต็มตัว กดดันแนวรับได้เยอะจริงเพราะแนวรับต้องถอยมารุมมารองบอลกันแน่น แต่กับจังหวะเปิดหรือยิงเวสต์แฮมยังหาแทบไม่ได้ ก่อนจบเกมที่สกอร์ 1-1

_______ ต่อเวลาครึ่งแรก เวสต์แฮมได้บุกเยอะกว่าแต่หาจังหวะไม่ได้ ลิเวอร์พูลได้โต้งามๆ หลายครั้ง ไฮไลท์อยู่ที่เบนเทเก้ได้วอลเล่ย์ในกรอบแบบไม่มีใครประกบ ต่อด้วยได้หลุดเดี่ยวไปดวลกับโกล์ ผลลัพธ์เป็นอย่างไรคงเดากันได้ และมิลเนอร์ได้ลงมาแทนชิริเบย่าในนาที 11 ขอการต่อเวลา นอกนั้นไม่มีอะไรน่าพูดถึง

_______ ต่อเวลาครึ่งหลัง เวสต์แฮมก็ยังบุกเยอะกว่าแต่ไม่ได้เปิดบอลเข้าทำเท่าไหร่ เกมทำท่าว่าจะจบ มินโยเล่น่าจะได้โชว์เทพเซฟลูกโทษอีกครั้ง แต่แล้วนาที 120+1 ลูคัสไปเสียฟาล์วกลางแดนตัวเอง เวสต์แฮมโยนลึกเข้ามาในเขตโทษ ลึกเข้ามาทางเสาสอง ลึกเข้าไปเข้าหัวอ็อกบอนนา ลึกเข้าประตูไป จบเกม ลิเวอร์พูลผ่านเข้ารอบ 3 ปีหน้าได้สำเร็จ 2-1
-----------------------------------------

_______ ใช่ครับ...อึ้งแดร๊กกก~ (ก๊อปมาจากนัดก่อน แต่คิดว่ายังใช้ได้อยู่)

_______ คือ..กับเกมถี่โคตรๆ แบบนี้ ใช้ใครที่ยังมีแรงวิ่งได้ก็ส่งๆ ลงไปเถอะครับ ผมไม่มีปัญหากับ 11 ตัวจริง รายชื่อผู้เล่นอาจดูแย่มาก แต่เรื่องนี้ผมว่าเราควรเข้าใจคล็อปกันนิดนึง

_______ แท็คติควันนี้ คล็อปช่วยทีมได้เยอะครับ อย่างแรกที่เห็นผลจริงคือการถอยฟลานาแกนยืนต่ำแนวเดียวกับเซ็นเตอร์แทบตลอด แนวเดียวกันเลยนะ ไม่ใช่แค่แบ็คที่ไม่รุก แต่เหมือนเซ็นเตอร์คนที่สามมากกว่า ทำให้เวลาคู่ต่อสู้จะโยนบอล/เปิดบอลเข้าเขตโทษ แท็คติคนี้ช่วยขันเกมรับได้ดีมากๆ ครับ

_______ อย่างที่สองคือสจ๊วตกับชิริเบย่าที่ยืนต่ำมาก เน้นเกมรับเน้นเก็บบอลสองอย่างเดียว ไม่ค่อยมีบทบาทกับการเปลี่ยนรับเป็นรุกหรือเกมรุก ซึ่งช่วยให้เกมรับแน่นขึ้นแล้วพาทีมอยู่รอดปลอดภัยได้นานอยู่ แม้จะต้องแลกมาด้วยเกมรุกพังๆ ตั้งเกมเองไม่ได้ก็ถือว่าคุ้มอยู่ เพราะทีมแบบนี้จะไปตั้งเกมรุกสู้ทีมระดับเวสต์แฮม(ตอนนี้)น่าจะลุ้นยาก

_______ ฟอร์มของผู้เล่นบางคน โดยเฉพาะลูคัสก็ทำได้ดีมากด้วย

_______ เรื่องที่ผมไม่เห็นด้วยกับคล็อปมีอยู่เรื่องเดียว เรื่องใหญ่ด้วย คือการเก็บไอบ์ไว้ตลอดเกม นาที 59 ที่เปลี่ยนสองคนนั้น คูตินโย่ออกไม่แปลกเพราะไม่ฟิต แต่กลับเลือกเปลี่ยนเทเซร่าออกด้วยแทนที่จะเป็นไอบ์ กลายเป็นว่าทีมไม่มีคนพลิกบอล/ออกบอลเกมรุก แต่ดันมีตัววิ่งทำทางรับบอลเพิ่มอีกสอง บอลเกมรุกที่เล่นกันกลายเป็นว่าต้องออกจากเท้าเบนเทเก้หรือสเตอริดจ์ ซึ่งในรายแรกแค่เชื่อมเกมได้ก็บุญโขแล้ว ส่วนสเตอริดจ์ให้บอลเกมรุกได้บ้างแต่ถ้าให้เป็นตัวจ่ายบอลหลักคงไม่ใช่

_______ อันนี้ไม่เข้าใจคล็อปจริงๆ

_______ ส่วนเรื่องมิลเนอร์แทนชิริเบย่า คือนาทีนั้นเอาใครลงแทนชิริเบย่าก็ได้ทั้งนั้นครับ และคล็อปน่าจะมองถึงเรื่องยิงจุดโทษบ้างแล้วด้วย

_______ คนที่อยากพูดถึงเป็นพิเศษในนัดนี้คือ ลูคัส ในฐานะเซ็นเตอร์ก็ยังมองว่าตำแหน่งพอใช้ได้ไม่ถึงกับดี เรื่องของเรื่องคือมีคนช่วยทำให้พื้นที่รับผิดชอบแคบลง แต่ลูคัสมีดีในเรื่องการสกัดที่ช่วยทีมได้เยอะมาก ทั้งดักบอลจ่าย ทั้งซ้อนเพื่อน ทั้งเข้าปะทะ จ่ายบอลขึ้นหน้าก็ดีกว่าแนวรับคนอื่น(วันนี้) ที่สำคัญคือลูคัสเป็นผู้นำในสนามที่ดีมาก เขาคอยบอกเพื่อนตลอดเวลาว่าให้ดูใครประกบใคร พื้นที่ในยังว่าง ใครกำลังวิ่งสอดมา ซึ่งเรื่องนี้ตั้งแต่พ้นคาราเกอร์ไปไม่ค่อยมีใครทำ(ได้ดี)

_______ สำหรับสุดยอดนักเตะของเกมนี้อย่าง เบนเทเก้ อยากจะอุทิศเวลาให้แกเต็มๆ สักบทความนึงเลย แต่ไม่รู้จะมีเวลามั้ย ที่แน่ๆ คือโดยรวมนัดนี้เล่นดีนะ แต่จังหวะจบสกอร์นี่แน่นอนจริงๆ ไม่หลุดก็ติด ถ้ามีโอกาสระดับนี้แล้วยังยิงไม่ได้อีก ลงไปเล่นเซ็นเตอร์ดีมั้ย น่าจะเป็นประโยชน์กับทีมมากกว่า

_______ ...ดูดาวรุ่ง ดูการประสานงาน ดูคนน่าได้ไปต่อฤดูหน้ากันไปครับกับฤดูนี้ที่เหลืออยู่ จะดูเอาอันดับเอาประตูนี่คงไม่ไหว
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดีเป็นบางคน

มินโยเล่ - ความมั่นใจน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่พลาดระดับงามไส้แบบนัดก่อนแต่มีลูกลนๆ เหวอๆ ให้เห็นเป็นระยะ

สมิธ - เกมรุกวิ่งสอดขึ้นไปเปิดบอลได้ดีมากๆ หลายครั้ง ส่วนเกมรับหวานชื่น รื่นรมย์ กรอบเกรียว เคี้ยวสมิธ

ลูคัส - อ่านข้างบนเลย

อิลอริ - จังหวะการเล่นดีขึ้น มั่นใจมากขึ้น การเข้าสกัดหรือดักบอลก็ทำได้โอเค แต่เกือบทำทีมเสียจุดโทษ และฟอร์มโดยรวมยังสู้เซ็นเตอร์สมัครเล่นอย่างลูคัสไม่ได้

ฟลานาแกน - เล่นบอลแหยงๆ บอกไม่ถูก ยืนห่างคนครองบอลหลายครั้ง จังหวะเข้าก็ถอนรากถอนโคนไม่ค่อยมีเชิง รักษาพื้นที่ได้ดี ยกเว้นลูกที่พลาดให้คู่ต่อสู้เปิดง่ายจนทีมเสียลูก 1-0 นั่นแหล่ะ ส่วนการเติมเกม ขึ้นเมื่อไหร่พลาดเมื่อนั้น

สจ๊วต - คนละเรื่องกับนัดก่อน นัดนี้พลิกบอลได้น้อย เลี้ยงเป็นพลาด ทำได้แค่เคาะคืนหลังกับช่วยเก็บบอลสองในเกมรับ

ชิริเบย่า - ช่วยปิดพื้นที่หน้าเขตโทษกับเก็บบอลสองเกมรับ ทำหน้าที่ได้โอเคตามแท็คติค แต่ฟอร์มโดยรวมก็ไม่ได้ทิ้งสจ๊วตเท่าไหร่

คูตินโย่ - ความฟิตยังน้อย ไม่ค่อยเก็บบอลไว้กับตัว ไม่เลี้ยงบอล แต่กลายเป็นว่าเล่นง่ายแล้วช่วยทีมได้เยอะ บอลไหลให้ตัววิ่งทำทางทำได้ดีหลายครั้ง นัดนี้ยิงครั้งเดียวเสียวกว่ายิงเป็น 10 ในบางนัด

เทเซร่า - ประสานงานกับคูตินโย่ได้ดี พลิกบอลใช้ได้ บอลเกมรุกไม่เด็ดขาดเท่าคูตินโย่แต่ก็พอทำได้

ไอบ์  - เป็นข้อพิสูจน์ว่าการมี 11 คนในสนาม ไม่แน่ว่าจะดีกว่าการมี 10 คนเสมอไป

เบนเทเก้ - เล่นได้ดี โดยเฉพาะในหนึ่งชั่วโมงแรกของเกม ค้ำกองหลังได้ โหม่งชงหรือเอาบอลลงเก็บบอลสาดมั่วๆ ของกองหลังไว้ได้ เชื่อมเกมแดนหน้าได้โอเคด้วย แต่หลังจาก 60+ ไปแล้วช้าลงกว่าเดิม แรงเบียดน้อยลง อย่างไรก็ตาม ไฮไลท์ของเบนเทเก้อยูุ่ที่การจบสกอร์...ซึ่งไม่สามารถบรรยายได้โดยที่ไม่มีคำผรุสวาจาหลุดออกมาด้วย เอ่อ...หลายคำด้วย

ตัวสำรอง

โอริกิ - ดูยังไม่ฟิตสมบูรณ์ แต่พาบอลไปหาที่ว่างได้โอเคอยู่ หาจังหวะเปิดบอลได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้กดดันแนวรับอะไรนัก

สเตอริดจ์ - พลิกบอลดี เก็บบอลดีกว่า หาที่ว่างรับบอลดีที่สุด เสียดายต้องลงมารับบอลเชื่อมเกมต่ำ ทำให้มีเวลาและโอกาสในเขตโทษน้อยกว่าที่ควร

มิลเนอร์ - ไม่รู้ว่าคล็อปสั่งงานเยอะหรือไงไม่ทราบได้(คุยเยอะจริงๆ ก่อนลงสนาม) พอลงมามิลเนอร์เหมือนทำอะไรไม่ถูกเลย นอกจากขยับคุมพื้นที่ไปเรื่อยๆ

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ลูคัส เลว่า…แม้จะทำเสียฟรีคิกจนโดน 2-1 แต่ฟอร์มโดยรวมช่วยทีมได้เยอะมาก เด่นกว่าคนอืนมากจริงๆ
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.