วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ลิเวอร์พูล 1-0 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (พรีเมียร์ลีค)



เกมรับก็เล่นเป็นนะเฮ้ย!
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-3-3

-------------------เฟอมิโน่-----------------
--------ลัลลาน่า-------------มาเน่---------
--------ไวนัลดุม----------ชาน-------------
-----------------เฮนเดอร์สัน---------------
มิลเนอร์---คลาวาน----ลอฟเรน----ไคลน์
------------------มินโยเล่-------------------

_______ ลิเวอร์พูลเล่นนัดสุดท้ายของปีด้วยการเปิดบ้านรับมือซิตี้ วันนี้คล็อปดร็อปโอริกิเป็นสำรอง เอาเฟอมิโน่ขึ้นไปข้างหน้าเหมือนเดิม ที่น่าสนใจคือโยกเอาลัลลาน่าไปริมซ้าย ไวนัลดุมกับชานได้ยืนคู่กันตรงกลาง
-------------------------------------------------------

_______ ช่วงต้นเกม วิ่งไล่ใส่กันแล้วเป็นซิตี้ที่ตัดบอลกลับได้เร็วกว่า เน้นโจมตีโดยใช้สเตอลิ่งบุกเจาะทางมิลเนอร์ เกมของซิตี้มาถึงมุมธงได้แต่เปิดไม่ได้ กลับกันทางลิเวอร์พูลที่เกมโดยรวมดูเป็นรอง แต่จากโอกาสครั้งแรกก็ทำได้เลย

_______ นาที 8 โคลารอฟจ่ายคืนเพื่อนพลาดแถวกลางสนาม โดนไวนัลดุมตัดได้ ก่อนที่บอลจะไปถึงลัลลาน่าทางซ้ายได้เอาบอลไปเปิดโด่งเข้ากลาง แล้วก็เป็นไวนัลดุมที่วิ่งโฉบขึ้นโหม่งตัดหน้าโคลารอฟเข้าไปได้ 1-0

_______ พอตามหลัง เกมของซิตี้เริ่มสะดุด สเตอลิ่งเริ่มเล่นไม่ได้เพราะโดนรุมกินโต๊ะจากทั้งลัลลาน่า เฮนเดอร์สันและมิลเนอร์ ตรงกลางต่อบอลกันไม่ค่อยติด ได้บอลเยอะกว่าจริงแต่ไม่ได้ยิงไม่ได้เปิด ส่วนทางลิเวอร์พูลเน้นเกมทำเร็วไม่ครองบอล บุกขึ้นไปกดดันถึงหน้าเขตโทษได้เป็นระยะ หาโอกาสเปิดเข้าทำได้นิดหน่อยแต่ไม่ได้ยิง จบครึ่งแรกที่ 1-0

_______ กลับลงมาครึ่งหลัง ซิตี้ค่อยๆ ต่อบอลกันได้ดีขึ้นเรื่อยๆ และใช้เวลาตั้งหลักอยู่ราว 10 นาทีก็เป็นฝ่ายครองบอลได้ต่อเนื่อง กดดันจนลิเวอร์พูลต้องรับกันในแดนเป็นส่วนใหญ่

_______ ทางด้านลิเวอร์พูลยิ่งเล่นยิ่งยุบ ตรงกลางวิ่งไม่ค่อยถึงบอล ทางด้านริมเส้นเริ่มปล่อยให้สเตอลิ่งเล่นได้ ซิลบากับเดอบรอยตรงกลางก็ได้บอลมากขึ้น ซิตี้บุกถึงหน้าเขตโทษได้ต่อเนื่อง ได้เปิดบอลเข้าทำรัวๆ แต่ลิเวอร์พูลยังปิดพื้นที่สุดท้ายกันได้ยอดเยี่ยม ไม่โดนส่องในเขตเลย

_______ นาที 64 โอริกิได้ลงแทนเฮนเดอร์สันที่น่าจะเจ็บ ลัลลาน่ากับชานถอยลงมาต่ำเล่นเกมรับมากขึ้น เกมโดยรวมยังเป็นซิตี้ที่บี้ลิเวอร์พูลได้ต่อเนื่องจนโต้ไม่ขึ้น นานๆ ถึงจะสามารถพาบอลไปถึงเขตโทษซิตี้ได้บ้างแต่ยังไม่ได้จบอยู่ดี แถมความฟิตในการวิ่งไล่บอลก็ดูจะน้อยลงกว่าครึ่งแรกอย่างเห็นได้ชัด

_______ ช่วง 15 นาทีสุดท้าย ลิเวอร์พูลยังคงโดนกดดันอยู่รอบๆ เขตโทษอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะด้านหน้าและฝั่งซ้าย(มิลเนอร์) แต่กองกลางวันนี้ช่วยกันปิดช่องไม่ให้ซิตี้เปิดบอลเข้าทำหรือยิงไกลได้ดีมาก ตลอดครึ่งหลังแม้จะบุกมากมายขนาดไหน แต่โอกาสของซิตี้ที่ได้ยิงเหน่งๆ ไร้คนเบียดบังหรือซัดในกรอบแทบไม่มีเลย (มีสเตอลิ่งสุดเหยียดมุมแคบที่นึงที่ไม่น่าเรียกได้ว่าลุ้นยิง กับโคราลอฟได้ซัดในเขตโทษไปไหนไม่รู้ทีนึง)

_______ ช่วง 5 นาทีท้ายลิเวอร์พูลเน้นครองบอลมากขึ้นและทำได้ดี ซิตี้เริ่มบุกไม่ถึงเขตโทษ นาที 89 ลูคัสได้ลงมาแทนมาเน่ช่วยขันเกมรับอีกคน สุดท้ายลิเวอร์พูลช่วยกันปิดเกมได้สำเร็จเอาตัวรอดไปได้ 1-0

-----------------------------------------

_______ เป็นเกมที่แปลกตาที่เดียว เมื่อทีมเก็บสามแต้มมาได้เพราะเกมรับ

_______ วันนี้จะว่าไปก็โชคดีนะครับที่ขึ้นนำได้เร็ว แม้ว่าการตัดได้แล้วบุกเร็วจนเป็นประตูอาจไม่แปลกนัก แต่ถ้าบอกว่าลัลลาน่าโยนโด่งจากริมเส้นให้ไวนัลดุมโขกทำประตูในจังหวะที่แนวรับอยู่ประจำแนวแล้วนี่คงไม่ใช่วิธีเข้าทำที่เราคุ้นตากันสักเท่าไหร่แน่

_______ ที่ทีมทำได้ดีมากๆ แถมไม่เคยคิดว่าจะทำได้ด้วยคือเกมรับ ช่วงครึ่งแรกทีมจัดการกับ Plan A ของซิตี้คือการใช้สเตอลิ่งบุกใส่มิลเนอร์ได้ดีมาก ล็อคตายกันไปเลย โดนกรองจากทั้งลัลลาน่ากับเฮนโด้ พ้นมิลเนอร์ไปได้ยังมีคลาวานที่รอซ้อนทุกจังหวะอีกดอก

_______ ครึ่งหลังที่โดนบุกใส่มากๆ เกมเป็นรองน่ะใช่ แต่พื้นที่เขตโทษเงียบสงบมาก รับขนาดนี้แค่ทั้งเกมมินโยเล่ไม่ต้องเซฟเลยแม้แต่ครั้งเดียวถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก

_______ อาจจะน่าเบื่อที่เชลซีไม่พลาดสักทีนะ แต่การได้ไล่ตามไปเรื่อยๆ ก็ทำให้ฤดูกาลนี้ยังพอได้ลุ้นอยู่ ที่สำคัญคือช่วยรักษาพื้นที่ Top4 ได้ดีขึ้นด้วย เพราะปีนี้ Top4 โหดสัสมากทีเดียวเมื่อไก่กับปืนมาตรฐานไม่ตกเลย ในขณะที่แมนยูไล่จนทันที่สี่แล้วด้วย ที่ห้าปีนี้ไม่ว่าใครน้ำตาร่วงหนักมากแน่นอน
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดีทุกคน

มินโยเล่ -  บอสอยากได้โกลเล่นบอลกับเท้า? เก๊างายยย  ผีนอยเออร์เข้าร่าง วันนี้เลิกเฝ้าเส้นออกมาเล่นนอกเขตได้ดีมากในครึ่งแรก มีช็อตกระดกหลบกุนโชว์ไปทีนึงด้วย

มิลเนอร์ - ดวลกับสเตอลิ่งได้สนุก จังหวะที่มีพื้นที่โดนจิ้มเผาไปบ้างแต่โดยรวมถือว่าตัดบอลได้บ่อยและดักทางเปิดบอลได้ดีมาก ในขณะที่ยังสามารถขึ้นมาช่วยต่อบอลเชื่อมเกมได้ประมาณนึงด้วย

ลอฟเรน - จัดการสกัดบอลที่ทะลักเข้าเขตโทษได้หมด จังหวะประกบแน่นดีไม่มีหลุดไม่มีฟาล์ว

คลาวาน - โดนเหลืองเร็ว แต่หลังจากนั้นก็ยังกล้าเข้าบอลและแม่นด้วย สกัดได้เด็ดขาด

ไคลน์ - รักษาพื้นที่ของตัวเองได้ดี โคลารอฟที่ขึ้นมาบ้างทำอะไรไม่ถนัดนัก (นอกจากพลาดโดนโคลารอฟได้กึ่งยิงกึ่งผ่านไปหนเดียวทั้งเกมนั่นแหล่ะ) เชื่อมเกมได้ไม่ค่อยถนัดนักและไม่ค่อยกล้าขยับขึ้นสูง ซึ่งดีแล้ว

เฮนเดอร์สัน - เข้าบอลหนักขึ้น หยุดเกมและตัดบอลกลับมาได้ดีหลายครั้ง ครึ่งหลังที่เจ้าตัวโดนเปลี่ยนออก ทีมเก็บบอลได้น้อยลง และเริ่มต้นจังหวะโต้ติดๆ ขัดๆ ไปเลย

ชาน - ตัดบอลโอเค เก็บบอลดี เชื่อมใช้ได้ ไม่บ้าเลี้ยง แต่ไม่มีอะไรเด่นเลย

ไวนัลดุม -  ช่วยเล่นเกมรับได้ดี ขยันวิ่งไล่วิ่งรับบอลได้มาก โขกทำประตูชัยได้ด้วย

ลัลลาน่า -  โดนสลับตำแหน่งไปมา ช่วยไล่บอลปิดช่องจ่ายได้ดีมาก การตัดบอลกลับมาหรือเก็บบอลให้ทีมอาจจะด้อยไปนิด แต่ชดเชยด้วยการขยับทำทางรับบอลได้ดีกว่าเพื่อน จ่ายเชื่อมเกมได้ลื่น และเปิดบอลให้ไวนัลดุมโขกได้สุดยอด

มาเน่ - ใช้ความเร็ววิ่งรับบอลที่ว่างกดดันคู่ต่อสู้ได้ดีในครึ่งแรก พอครึ่งเพื่อนเริ่มออกบอลไม่แม่นก็เริ่มได้บอลไปบุกน้อยลง แต่มีส่วนร่วมเยอะกับเกมรับและการเก็บบอลไว้กับทีม

เฟอมิโน่ - วิ่งไล่บอลในครึ่งแรกได้ดีมากๆ ครึ่งหลังไล่ไม่ถึงบอลแต่ถ้าแค่ปิดช่องหรือเร่งให้คู่ต่อสู้ออกบอลก็ยังใช้ได้ วิ่งรับบอลทำได้ดีแต่มาตกม้าตายเอาตอนเข้าทำนี่แหละ โดยเฉพาะจังหวะโต้เร็วเฟอมิโน่พาไปตายเพียบ มีจ่ายใส่คู่ต่อสู้อีกเป็นระยะด้วย

ตัวสำรอง

โอริกิ - หาโอกาสจบหรือเล่นจังหวะเข้าทำไม่ได้เลย แต่มาหล่อแล้วหล่ออีกอีตอนทีมจะปิดเกม เล่นสไตล์เผาเวลา คร่อมบอล วิ่งหามุมธงได้กวนประสาทคู่ต่อสู้สุดๆ เวลาบุกของซิตี้หายไปร่วมๆ 5 นาทีจากโอริกิคนเดียวเห็นจะได้

ลูคัส - เอ่ออออ รู้ว่าเค้าอยู่ในสนาม แต่กล้องไม่จับเลย เพราะช่วงที่ลงมาแล้วบอลไปอยู่แถวมุมธงกับริมเส้นในแดนซิตี้หมด

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...จอร์จินิโอ ไวนัลดุม… นัดนี้ชอบอยู่สามคนคือมิลเนอร์กับงานตามเก็บสเตอลิ่ง, ลัลลาน่าพ่อม้าน้ำสามตำแหน่งที่ทำงานตามหน้าที่ได้หมด แต่ขอเลือกคนทำประตูชัยแถมมีเกมรับมาช่วยทีมก่อนดีกว่า
------------------------------------------------------------

ป.ล. สวัสดีปีใหม่ หวังสิ่งใดขอให้สมปรารถนา ...โดยเฉพาะเวลาดูบอลครับ

เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ลิเวอร์พูล 4-1 สโต๊ค (พรีเมียร์ลีค)


เล่นดีสี่ประตูด้วย
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-3-3

--------------------โอริกิ--------------------
---------เฟอมิโน่-------------มาเน่--------
--------ไวนัลดุม--------ลัลลาน่า----------
-----------------เฮนเดอร์สัน---------------
มิลเนอร์---คลาวาน----ลอฟเรน----ไคลน์
------------------มินโยเล่-------------------

_______ ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับสโต๊ค นัดนี้ทีมมีตัวเลือกมากขึ้นทั้งชาน สเตอริดจ์ ลูคัส แต่สุดท้ายคล็อบยังใช้ชุดเดิมเป็นตัวจริง
-------------------------------------------------------

_______ ช่วง 10 นาทีแรกเกมแลกกันสนุก สโต๊ควิ่งไล่เร็วตั้งแต่แดนบน ได้บอลเมื่อไหร่บอมบ์ใส่ให้เคร้าช์กับวอลเตอร์ทันที ส่วนลิเวอร์พูลจ่ายบอลสวนตัวไล่ได้น่าพอใจ ครองเกมไม่ต่อเนื่องนักแต่บุกได้ถึงเขตโทษตลอด

_______ นาที 12 จากจังหวะกั๊กกันเองของลิเวอร์พูล โหม่งเคลียร์บอลออกมาได้แล้ว มาเน่ถอยลงมาช่วยตัดแต่ดันไม่ตามไปให้สุด เปิดโอกาสให้สโต๊คได้เปิดบอลจากริมซ้ายมาเสาแรก แล้วก็เป็นโจทย์เก่าอย่างวอลเตอร์โหม่งเช็ดเข้าไป 1-0

_______ พอสโต๊คขึ้นนำได้ก็เริ่มหันไปรับในแดนมากขึ้น ลิเวอร์พูลสะดุดอยู่พักใหญ่ก่อนจะค่อยๆ ต่อบอลกันขึ้นมาได้ด้วยความช่วยเหลือจากสโต๊คที่ไล่บอลแดนหน้าน้อยลง พอเริ่มได้บุกต่อเนื่องก็เหมือนเครื่องติด เก็บบอลสองจังหวะรุกได้ดีและบอลป้วนเปี้ยนอยู่หน้ากรอบสโต๊คบ่อยครั้ง

_______ สโต๊คยังรับมือกับจังหวะสุดท้ายได้ดี แต่ด้วยความที่เก็บบอลเล่นได้น้อย แนวรับเลยมาพลาดจนได้ นาที 35 จังหวะมาเน่จ่ายเข้ากลาง จอห์นสันดักบอลได้แล้วแต่โดนลัลลาน่าวิ่งโฉบตัดหน้าไปหักยิงมุมแคบเข้าไปดื้อๆ 1-1

_______ หลังเกมกลับมาเสมอเกมก็เป็นคนละเรื่อง ลิเวอร์พูลบุกกดดันได้ต่อเนื่อง ไล่บี้อย่างหนัก บอลทางขวามาเน่เล่นกับพื้นที่ได้ดี ทางซ้ายได้มิลเนอร์ตามขึ้นมารับบอลเปิด ตรงกลางลัลลาน่ากับเฟอมิโน่สลับกันวิ่งรับวิ่งทำทางกันสนุก สโต๊คตัดจังหวะสุดท้ายได้จริงแต่อาการเหมือนมวยพิงเชือกตั้งการ์ดรอโดนอัดอย่างเดียว

_______ สุดท้ายสโต๊คก็การ์ดตก นาที 44 ลัลลาน่ากับมิลเนอร์เล่นกันอยู่ทางซ้ายก่อนจ่ายยัดใส่เฟอมิโน่ในกรอบ กองหลังสโต๊คขาตายในขณะที่เฟอมิโน่พลิกยิงเร็ว บอลชนเสาสองกระเด้งมาชนเสาแรกแบบเข้าก็ได้วะ 2-1 จบครึ่งแรกด้วยสกอร์ดังกล่าว

_______ เข้าครึ่งหลัง สโต๊คกลับมาเล่นเกมรุกของตัวเองได้ดีขึ้น เกมรุกแลกกันสนุกเพราะลิเวอร์พูลเองก็ไม่ได้ถอยไปรับ เกมรุกเร็วแลกกันก็ไม่ต้องสืบล่ะครับ นาที 59 อิมโบล่าโหม่งบอลในแดนตัวเองพลาดเข้าทางเฮนเดอร์สันตามมาเก็บบอลก่อนจ่ายทะลุช่องให้โอริกิหลุดขึ้นไปทางซ้าย เปิดบอลเรียดเข้ากลางให้มาเน่ชาร์จ แล้วก็เป็นอิมโบล่าคนเดิมที่วิ่งมาขวางหน้ามาเน่ชาร์จบอลเข้าประตูไปเอง 3-1

_______ บอลห่างและเกมในสนามก็ขาด สโต๊คบุกได้ลำบากดีสุดทำได้แค่เอาบอลมาถึงมุมธงขวาแต่เปิดเข้าไปแทบไม่ได้ หาโอกาสยิงไม่เจอ (ตลอดครึ่งหลังมีอิมเฟลายได้ยิงไกลครั้งเดียวเองมั้ง) นาที 69 ชานกับสเตอริดจ์ได้ลงแทนลัลลาน่ากับโอริกิ และแค่นาทีถัดมา กองหลังสโต๊คก็จ่ายคืนหลังไม่ดู โดนสเตอริดจ์วิ่งโฉบไปเอาบอลก่อนแตะหนีผู้รักษาประตูยิงเข้าไปไม่พลาด 4-1

_______ เวลาที่เหลือสโต๊คต่อเกมกันไม่ติดแล้ว ลิเวอร์พูลเองก็บุกต่อเท่าที่ทำได้ นาที 78 โมเรโน่ได้ลงแทนเฟอมิโน่และได้เล่นตำแหน่งบนซ้ายซะด้วย ลิเวอร์พูลยังมีโอกาสได้ลุ้นประตูอยู่เป็นระยะ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เพิ่ม จบเกมที่ 4-1

-----------------------------------------

_______ ถ้าไม่มีประตูแรกของสโต๊ค ต้องบอกว่าวันนี้ลิเวอร์พูลเล่นได้ยอดเยี่ยมมากทีเดียว

_______ สโต๊คใช้บอลโด่งเล่นงานลิเวอร์พูลช่วงต้นเกม(และหลังจากนั้นประปราย) ก็จริงว่าได้ผลในแง่ว่าเอาบอลขึ้นหน้าจนถึงตำแหน่งเปิดบอลได้ แต่เกมรับลิเวอร์พูลไม่ได้พลาดมากไปกว่านั้น ไม่นับจังหวะเสียประตูที่เล่นกั๊กกันครั้งเดียวนั่น หลังจากนั้นสโต๊คไม่ได้จบในกรอบ นอกกรอบได้แค่ครั้งเดียว จะตั้งป้อมเปิดเป็นติด มีแต่โดนเร่งให้เปิดเท่านั้น เกมรับของลิเวอร์พูลเล่นได้ดีแล้วครับวันนี้ ดีกว่าบางวันที่ไม่เสียประตูอีก

_______ ต้องขีดเส้นใต้นิดนึง กับทีมที่มีเคร้าช์กับวอลเตอร์อยู่ข้างหน้าสองคนแล้วเล่นบอลโด่งให้พักเนี่ย ให้บาร์ซ่ามาดริดมาเจอก็ต้องมีปัญหากันมั่งล่ะแหม่ อันนี้ไม่โทษทีมนะ

_______ ส่วนเกมรุกลิเวอร์พูลก็อย่างที่เห็น แม้ประตูทั้งสี่ลูกแนวรับมีส่วนพลาดให้เยอะ แต่ก็ต้องชมว่าทีมฉวยโอกาสได้ และถ้าดูในเกมจริงๆ มันมีจังหวะที่เกมรุกเอาชนะแนวรับได้เองอีกหลายครั้งแต่ไม่เป็นประตู

_______ อ้อ สุดท้าย ช่วงท้ายเกมที่โมเรโน่ลงมา คุณน้องแกได้เล่นในบทบาทกองหน้าตัวริมที่จะเป็นคนโฉบเข้าชาร์จจังหวะที่อีกฝั่งขึ้นเกมริมเส้น ซึ่งนั่นหมายความว่าถ้าปีใหม่นี้เราไม่ได้ซื้อใครเพิ่ม ในช่วงที่มาเน่ไม่อยู่ ...เราอาจได้เห็นเซอร์ไพรส์นะครับ 555+
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดีทุกคน

มินโยเล่ - กลับมารอบนี้กลายเป็นโกล์ที่ออกมานอกเส้นเล่นบอลด้วยเท้าได้ดีทีเดียว ในขณะที่ลูกโด่งก็ออกมารับเข้ามือได้รัวๆ ความมั่นใจมาเพียบ  

มิลเนอร์ - เป็นฝั่งที่สโต๊คเพียรจะบุก มิลเนอร์รับมือลูกเปิดได้ค่อนข้างดี บล็อคได้เบียดได้ ในขณะที่เกมรุกขึ้นไปเติมรับบอลได้ตลอด

ลอฟเรน - ดักบอลโด่งให้กองหน้าพักได้ประมาณนึง แต่ทำได้ดีกว่าในการสกัดบอลที่ลอยเข้ามาในเขตโทษ รวมไปถึงกาารจ่ายบอลขึ้นหน้าด้วย

คลาวาน - วันนี้กะจังหวะบอลไม่ผิดแล้ว เคลียร์ขาดดีมาก ถึงบอลตลอด

ไคลน์ - เกมรับเล่นดีกว่ามิลเนอร์อีก คู่ต่อสู้ที่ไม่ค่อยจะขึ้นอยู่แล้วขึ้นมาบ้างก็ไม่ได้เปิดเลย ส่วนเกมรุกเข้าช่วยต่อบอลตรงกลางได้เยอะ

เฮนเดอร์สัน - นัดนี้หล่อสมเป็นกัปตัน เกมรับช่วยหยุดคู่ต่อสู้ได้บ่อยและบอลสองเก็บได้น่าพอใจ มีบอลวางยาวไปที่ว่างกับวางสวนจังหวะต่อเนื่องเตะมุมได้ดีหลายครั้ง

ไวนัลดุม -  ขยับหาที่รับบอลได้ดีขึ้น ช่วยเฮนโด้เชื่อมเกมได้ดีกว่าหลายๆ นัดที่ผ่านมา ในขณะที่เกมรุกหาโอกาสโผล่เข้าไปกดดันในพื้นที่สุดท้ายได้เป็นระยะ

ลัลลาน่า -  วิ่งเอาชนะแนวรับได้บ่อย วันนี้นอกจากการเข้าทำในกรอบแล้ว เจ้าตัวยังทำได้ดีในการถอยมารับบอลในจังหวะแดนหลังโดนไล่ได้ดีด้วย

มาเน่ - จังหวะตัวต่อตัวไม่ค่อยผ่าน แต่ใช้ความเร็วได้เป็นประโยชน์คือวิ่งไปรับบอลที่ว่างได้ดี เปิดบอลเข้าทำหรือหาจังหวะยิงเองก็ดีมาก แต่บอลเฉียดเสาออกไปสองสามหน

เฟอมิโน่ - ทำท่าจะสลัดรักคูตี้ได้แล้ว กลับมามีส่วนร่วมกับเกมรุกได้เยอะขึ้น วิ่งหาช่องและต่อบอลกับเพื่อนได้ดี ยิงได้ลูกนึงก็จริง แต่ถ้าจบสกอร์เนียนกว่านี้อีกหน่อยจะดีมาก

โอริกิ - หาโอกาสในกรอบแทบไม่ได้เลย แต่มามีดีตรงการขยับสลับตำแหน่งกับเพื่อน นัดนี้สลับวิ่งกับเฟอมิโน่ได้ลงตัวกว่าที่ผ่านมา ช่วยทำให้การต่อบอลแดนหน้าทำได้ไหลลื่นขึ้นไม่ไปกระจุกกันอยู่ตรงกลาง

ตัวสำรอง

ชาน - จังหวะการเล่นเข้าที่เข้าทางขึ้นกว่านัดก่อน

สเตอริดจ์ - เล่นฉลาดครั้งเดียวทำประตูได้เลย หลังจากนั้นก็หาที่ว่างรับบอลได้ดีแต่หาโอกาสยิงหรือจ่ายไม่ได้แล้ว

โมเรโน่ - จังหวะวิ่งโฉบยังไม่ตรงกับเพื่อนเท่าไหร่ แต่พอเห็นแววว่าน่าจะมีประโยชน์กับทีมกว่าการเอาลงไปเป็นบ่อตรงแบ็คซ้าย



แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...จอร์แดน  เฮนเดอร์สัน… นัดนี้เลือกใครก็ได้เล่นดีทุกคน แต่เลือกเฮนโด้เพราะเล่นดีตลอดเกม จุดแข็งมาครบทั้งดักบอลคู่ต่อสู้ เก็บบอล เชื่อมเกม วางยาว
------------------------------------------------------------

เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เอฟเวอร์ตัน 0-1 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


เล่นไม่ดีแต่มีประตู
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-3-3

--------------------โอริกิ--------------------
---------เฟอมิโน่-------------มาเน่--------
--------ไวนัลดุม--------ลัลลาน่า----------
-----------------เฮนเดอร์สัน---------------
มิลเนอร์---คลาวาน----ลอฟเรน----ไคลน์
------------------มินโยเล่-------------------

_______ ลิเวอร์พูลเดินทางไกลมากออกไปเยือนเอฟเวอร์ตัน นัดนี้คล็อปใช้ 11 ตัวจริงชุดเดิมจากนัดก่อน แต่ตัวสำรองมีชื่อของชาน สเตอริดจ์กลับมาแล้ว
-------------------------------------------------------

_______ ต้นเกม เอฟเวอร์ตันไล่บอลเร็ว เร็วมาก ถึงตัวตลอดและตัดบอลกลับได้เร็ว บุกขึ้นทางมิลเนอร์ได้อย่างน่ากลัวเพราะถึงมุมธงและได้เปิดบ่อยแต่ยังทำประตูไม่ได้

_______ ตลอดครึ่งแรก เป็นเกมของเอฟเวอร์ตันโดยแท้จริง พวกเขาใช้การไล่บอลเร็วและหนักเล่นงานลิเวอร์พูลจนอย่าว่าแต่จะบุก เก็บบอลเล่นยังไม่ได้ แม้ช่วงประมาณ 10 นาทีท้ายของครึ่งแรกจะผ่อนเกมไปบ้างแต่ลิเวอร์พูลก็ยังขยับทำเกมแทบไม่ได้ จบครึ่งแรกไปแบบสนุก(เจ้าบ้าน) 0-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลปรับเกมด้วยการดันกันขึ้นสูง ค่อยๆ ต่อบอลสั้นเน้นเก็บบอลไว้กับตัวก่อน ทำให้เกมโดยรวมกลับมาสูสี ลิเวอร์พูลครองบอลได้มากขึ้น แม้จะเจาะเข้าเขตโทษไม่ได้เลยแต่เกมรับพวกเขาก็แทบไม่โดนกดดันเลยเช่นกัน

_______ เอฟเวอร์ตันยังคงเน้นเข้าปะทะหนักและไล่บอลเร็ว แต่ความเร็วในการเข้าถึงบอลดูจะดรอปจากครึ่งแรกไปบ้าง เกมโต้แย่มาก ส่วนลิเวอร์พูลเล่นกันไม่ค่อยออก ไม่ค่อยกล้าครองบอลนานด้วย เกมรุกวันนี้ดูกร่อยมาก

_______ นาที 82 คล็อปตัดสินใจเปลี่ยนตัว ส่งสเตอริดจ์กับชานลงมาแทนโอริกิกับลัลลาน่า ทั้งคู่ลงมาเล่นพลาดกันแทบจะทุกจังหวะ จ่ายบอลไม่ตรง จับบอลไม่นิ่ง วิ่งไปคนละทางกับเพื่อน แต่เกมโดยรวมไม่ได้เปลี่ยนมากนักเพราะเหมือนเอฟเวอร์ตันไม่เหลือพลังจะมาบุกใส่แล้ว กลายเป็นลิเวอร์พูลครองบอลแทบจะฝ่ายเดียว

_______ เกมทำท่า(และน่า)จะจบที่ผลเสมอ แต่แล้วทดเจ็บนาที 4 (เกมนี้ทดเจ็บนาน 8 นาทีเพราะมีจังหวะสเคเทเลนเบิร์กเจ็บยาวกับเฮนโด้อีกประมาณนึง) จังหวะไม่น่ามีอะไร สเตอริดจ์รรับบอลแถวฝั่งขวาก่อนจะพาบอลลากดุ่ยๆ เข้ามากลาง ก่อนจะยิงหักข้อไปเสาหนึ่ง บอลเบาและทิศทางน่าจะหลุดกรอบด้วยซ้ำ แต่บอลเป็นใจไปเด้งโดนเสากลับมาเข้าทางมาเน่ที่พรวดเข้าไปซ้ำถึงบอลได้ก่อน 1-0

_______ ชนะมันดื้อๆ เงี้ยครับ 1-0

-----------------------------------------

_______ ครึ่งแรกสู้เอฟเวอร์ตันไม่ได้จริงๆ ครึ่งหลังดีขึ้นแต่ก็ไม่ได้มีวี่แววจะทำประตูได้เลยด้วยซ้ำ

_______ ลิเวอร์พูลวันนี้เป็นรองเอฟเวอร์ตันเรื่องพละกำลังอย่างเห็นได้ชัด เอฟเวอร์ตันวิ่งไล่ได้ดีกว่าก็เรื่องนึง แต่การเข้าปะทะในแทบทุกจังหวะพวกเขาอัดพวกเรากลิ้งเป็นลูกขนุนได้หมด แล้วที่บอกว่าเล่นหนักก็หนักในเกมทั้งนั้น ไม่ได้นอกเกมเลย

_______ ลิเวอร์พูลไม่มีช่องเล่นก็ใช่ แต่ก็โดนอัดจนแหยงเล่นไม่ออกด้วย จังหวะที่ปกติกล้าพลิกเล่นหรือกล้าไปเอง วันนี้หนักไปทางจ่ายคืนหลัง

_______ แต่ที่น่าพอใจคือสมาธิกับเกมของนักเตะลิเวอร์พูลดีมาก โดนอัดหนักๆ สติไม่หลุด ..คือหลุดบ้างแหล่ะแต่ไม่ถึงขั้นทำให้เกมเสีย เกมรุกเล่นไม่ได้แต่ก็ยังพยายามค่อยๆ ต่อบอลหาช่องกันไป ไม่บุ่มบ่ามโยนหรือยิงมั่วซั่วให้เสียของ

_______ จังหวะได้ประตูนี่ก็น่าคิดนะครับ สุดท้ายแล้วไม่ว่าระบบดียังไง ในสถานการณ์ยากลำบาก เรายังต้องการใครสักคนที่ส่งลงมาแล้วตัดสินเกมได้ สเตอริดจ์เล่นไม่เอาอ่าวเอาฝั่งอะไรทั้งนั้น แต่จังหวะที่เขาตัดสินใจยิงเขาทำได้ดี

_______ ...ถ้าตัวสำรองเป็นแบบนัดก่อนก็ 0-0 ไปแล้วครับ
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นแค่พอใช้ได้

มินโยเล่ - ไม่เจองานหนัก เล่นเนียนไม่มีพลาด  

มิลเนอร์ - ครึ่งแรกยับ ครึ่งหลังเรียบขึ้น แต่นอกจากต่อบอลไปมาแล้วก็ทำอย่างอื่นไม่ได้

ลอฟเรน - ประกบลูกากูพอไปวัดไปวาได้ เก็บไม่ได้แต่ลูกากูเล่นลำบากอยู่ เก็บบอลและผ่านบอลขึ้นหน้าได้ดี

คลาวาน - อย่าให้ประกบใคร พัง ครึงแรกมีดักบอลพลาดบ้าง แต่โดยรวมบอลจังหวะสุดท้ายกับจังหวะเข้าสกัดเขาทำได้ดีมาก ช่วยทีมได้เยอะทีเดียว

ไคลน์ - มีความเร็วช่วยปิดเกมโต้และการวางยาวของคู่ต่อสู้ได้ดี ขึ้นไปช่วยเชื่อมเกมได้โอเคอยู่

เฮนเดอร์สัน - ดักบอลได้น้อยกว่าทุกวัน ยิ่งครึ่งแรกนี่ดูไม่ได้เลย จ่ายบอลเชื่อมเกมก็ขึ้นหน้าช้า สิ่งที่ดีของเขาคือจ่ายไม่พลาดและเข้าบอลไม่พรวด

ไวนัลดุม -  ครึ่งแรกเก็บบอลแทบไม่ได้ บอลเกมรุกก็$*&# ครึ่งหลังดีขึ้นหน่อย รวมๆ มีดีแค่จังหวะปะทะ

ลัลลาน่า -  หาช่องเล่นไม่ได้ คือยังวิ่งรับบอลได้อยู่ แต่ต่อบอลลำบาก พลิกก็ไม่ได้

มาเน่ - ไม่มีพื้นที่ให้เล่น กระชากก็ไม่ค่อยพ้น โดนเบียดเป็นล้ม ทำได้ในแง่ช่วยวิ่งรับบอล ไม่งั้นบอลจะเคลื่อนไม่ได้หนักกว่านี้อีก ทำได้ดีจังหวะตามเข้าไปซ้ำเป็นประตู

เฟอมิโน่ - ไม่มีคูตินโย่ เหมือนมาริโอ้ไม่ได้กินเห็ด

โอริกิ - เล่นแบบตัวพักบอลพอไหว เก็บบอลได้นิดหน่อย เรียกฟาล์วได้บ้าง แต่แทบพลิกเล่นไม่ได้เลย จังหวะสลับตำแหน่งกับเฟอมิโน่ออกไปรับบอลไกลเขตโทษก็หาประโยชน์อะไรไม่ได้

ตัวสำรอง

ชาน - เน้นเรียกเสียงฮาและพาเพื่อนเครียด

สเตอริดจ์ - จับจังหวะเกมไม่ได้ แต่จับจังหวะยิงได้ มีไรมะ!?

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...เดเนียล สเตอริดจ์… คือออ วันนี้ดูเหลี่ยมไหนก็ต้องเสมอ ถ้านับคะแนนรูปเกมต้องแพ้ด้วยซ้ำ แต่พี่ริดจ์เรานี่เอาบอลไม่มีอะไรมาทำให้มีอะไรได้ซะงั้น มาเน่เป็นคนยิงก็จริง แต่ลูกนี้เครดิตสเตอริดจ์เกิน 80% แน่นอน
------------------------------------------------------------
ป.ล. รูปที่ใช้ไม่ใช่จังหวะยิงได้นะ แต่ดูจะเหมาะกับสกอร์+คนยิงดี

เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2559

มิดเดิ้ลสโบรห์ 0-3 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)



เล่นกับโบโร่ทุกสัปดาห์เลยได้มั้ย?
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-3-3

--------------------โอริกิ--------------------
---------เฟอมิโน่-------------มาเน่--------
--------ไวนัลดุม--------ลัลลาน่า----------
-----------------เฮนเดอร์สัน---------------
มิลเนอร์---คลาวาน----ลอฟเรน----ไคลน์
--------------คาริอุส(ไม่ได้ลง)------------

_______ ลิเวอร์พูลออกไปเยือนมิดเดิ้ลสโบรห์ ทีมที่เกือบจะทุกปืน แงะหอย สอยเรือมาได้ในฤดูนี้ คล็อปจัดการปรับทีมนิดหน่อย มาติปไม่พร้อมลงกลายเป็นคลาวานได้ยืนคู่มาติป แต่ที่เซอร์ไพรส์สุดเห็นจะเป็นมินโยเล่ที่ได้ลงตัวจริงแทนคาริอุส
-------------------------------------------------------

_______ ช่วง 10 นาทีแรก ลิเวอร์พูลตัดบอลในแดนคู่ต่อสู้ได้เยอะมาก เอาไปทำเกมรุกกดดันได้ดีแต่แทบไม่ได้ยิง ส่วนโบโร่ต่อบอลสู้ทุกจังหวะ ไม่ได้อุดไม่ได้สาดทิ้ง

_______ ผ่าน 10 นาทีแรกไป เกมของโบโร่ดีขึ้นเรื่อยๆ ไล่จนลิเวอร์พูลตั้งเกมขึ้นมาได้ช้าลง เน้นบุกด้วยการวางยาวไปที่ว่างริมเส้น ขึ้นบอลด้วยการใช้อาดาม่าโจมตีทางฝั่งมิลเนอร์อย่างได้ผล แต่จังหวะเปิดยังเปิดเข้ามาดีๆ ไม่ค่อยได้ ต้องลุ้นจากลูกตั้งเตะเอา ซึ่งก็ไม่ได้มีสัปปะรดอะไร

_______ เกมโดยรวมเป็นลิเวอร์พูลที่ได้บอลเยอะกว่าจริงแต่เกมไม่ได้เหนือกว่า กระทั่งนาที 29 จากจังหวะไคลน์เติมขึ้นไปรับบอลทางริมกรอบเขตโทษก่อนจะบรรจงโยนข้ามไปเสาสอง ลัลลาน่าชาร์จเข้ามาโหม่งปิดจ๊อบได้สำเร็จ 1-0

_______ หลังสกอร์ขยับ โบโร่เก็บบอลได้มากขึ้นแต่เกมโดยรวมทั้งสองทีมออกแนวทำอะไรกันไม่ค่อยได้ ทางโบโร่ใช้อาดาม่าบุกได้ถึงมุมธงได้บ่อยก็จริงแต่เปิดไม่ได้ ส่วนลิเวอร์พูลหนักไปทางครองบอลวนไปวนมาอยู่กลางสนาม จบครึ่งแรกที่ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลกลับลงมาเล่นเหมือนตามอยู่สักสามลูก เร่งเกมหนักตั้งแต่เขี่ยบอลแล้วทำได้ดีด้วย มีโอกาสเปิดบอลเข้าทำและยิงในเขตโทษอยู่เป็นระยะแต่ยังไม่ได้ประตู

_______ ลิเวอร์พูลเร่งอยู่ราว 10 นาทีก็เริ่มผ่อนลง กลายเป็นโบโร่ที่เริ่มดันกันขึ้นมาเล่นเกมรุกมากขึ้นแต่ยังทำอะไรไม่ได้ ซ้ำร้ายแผงหลังที่ดันสูงและแบ็คที่ลอยขึ้นมาครึ่งสนาม เปิดพื้นที่ริมเส้นให้ลิเวอร์พูลได้วางยาวแล้วใช้ความเร็วของมาเน่กับโอริกี้เล่นงานอย่างได้ผล นาที 60 จังหวะทำเร็วขึ้นมาทางขวา ไวนัลดุมทำชิ่งกับมาเน่แล้วมาเน่ล้มแต่กลายเป็นดี บอลไหลไปเข้าทางลัลลาน่าหลุดผ่านแนวรับเข้าไปเปิดให้โอริกิชาร์จ 2-0

_______ พอลิเวอร์พูลนำห่างเกมเริ่มขาด โบโร่เล่นเกมรุกกันไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แถมบุกอยู่รูปแบบเดียวคือขึ้นทางขวาให้อาดาม่าใช้ความสามารถเฉพาะตัวไปเอง ซึ่งลิเวอร์พูลก็รับมือได้ไม่ยากเพราะเอาทั้งลัลลาน่า เฮนโด้เข้ามาช่วยมิลเนอร์ แถมตัวมิลเนอร์เองก็ไม่เติมขึ้นหน้าบ่อยเหมือนที่ผ่านมาด้วย

_______  นาที 69 ลิเวอร์พูลมาได้อีกประตูด้วยจังหวะคล้ายเดิม บอลทำเร็วขึ้นทางขวา มาเน่แตะแล้วพลิกทำชิ่งกับโอริกิ มาเน่วิ่งตามไปรับบอลแต่โดนปะทะล้ม บอลไหลไปเข้าทางโอริกิได้ตามไปเปิดบอลจากเกือบเส้นหลังเรียดกลับเข้ากลาง ลัลลาน่าเติมเข้ามารับบอลจ่อยิ่งใกล้ๆ 3-0

_______ ถึงตรงนี้เกมขาดเรียบร้อย โบโร่ทำอะไรไม่ได้อีก ส่วนลิเวอร์พูลก็เน้นเคาะครองบอลสลับกับวางยาวไปที่วางเป็นระยะ ขนาดเล่นกันสบายๆ แล้วยังดูได้ลุ้นกว่าโบโร่ด้วยซ็ำ

_______ นาที 82 ลูคัสได้ลงแทนลัลลาน่า  นาที 87 อิจาเรียแทนไวนัลดุม  นาที 91 อาโนลด์ลงแทนโอริกิ แต่ทั้งหมดไม่ได้ส่งผลต่อรูปเกมอะไร จบเกมไปด้วยสกอร์ 3-0 ทั้งยิงเยอะ, คลีนชีท, สิบนาทีท้ายไม่ต้องลุ้นหนัก เป็นคืนที่คุ้มค่าแก่กับการอดนอนมาก

-----------------------------------------

_______ ครึ่งแรกเล่นเรื่อยๆ เหมือนไม่ค่อยมีสมาธิด้วยซ้ำ  แต่ครึ่งหลังเล่นดีมาก

_______ โบโร่วันนี้เล่นแปลกๆ นะ  คือเทียบกับนัดที่พวกเขาเจอทีมใหญ่ (เสมอปืน, เสมอซิตี้, เบียดแพ้เชลซี) สามนัดนั้นโบโร่เล่นดีมากโดยเฉพาะเกมรับ แต่นัดนี้เรียกว่าหลุดฟอร์มไปเลยดีกว่า เล่นกันกั๊กๆ เหมือนไม่รู้ว่าจะเอาไงแน่ จะบุกมั้ยหรือจะรับ จะโต้ยาวมั้ยหรือจะต่อบอลสั้น อันนี้ถือเป็นโชคดีของเราไปที่มาเจอโบโร่สภาพนี้

_______ ส่วนลิเวอร์พูลเอง ครึ่งแรกเจอความกดดันหนักมาก บอลง่ายๆ ไม่เชื่องเท้า แตะหลุดแตะลั่น เพื่อนให้ก็ขาตายไม่พร้อมวิ่งไปรับบอล แต่พยายามค่อยๆ เล่นกันไป ประคองเกมตัวเองใช้ได้ ถ้าดูจากเกมที่ออกมาถามว่าดีมั้ยคือไม่ดี แต่ถ้าดูจากความกดดันที่ทีมแกว่ง เล่นได้ประมาณนี้โอเคแล้ว

_______ แต่พอครึ่งหลังเนี่ย ลิเวอร์พูลที่เรารู้จักเมื่อต้นฤดูเลยครับ บอลเร็วเป็นจรวด ขึ้นหน้าตลอด จังหวะเดียวตลอด ประสานงานกันลงตัว ที่เหลือก็ไม่ต้องพูดอะไรกันอีกแล้ว

_______ ที่น่าห่วงก็บรรดาตัวเจ็บทั้งหลายเนี่ยแหล่ะครับ  คลาวานเล่นได้ไม่ดีเท่ามาติป ไม่ใกล้เลยด้วย ในขณะที่เฮนโด้ฟอร์มเลยแผ่วแต่หาคนแทนก็ไม่มี มาเน่กับโอริกิก็ชักล้มบ่อยลุกช้าให้เห็นหลายนัดแล้ว แล้วดูคนทีฟิตเล่นได้ในมานั่งสำรองสิ

_______ ส่วนทอล์คออฟเดอะทาวน์ ..คาริอุส… ถ้าดูจากฟอร์มไม่น่าแปลกใจหรอกจะถูกดรอปน่ะ แต่ถ้าใครตามการให้สัมภาษณ์ของคล็อปอยู่บ้างจะเห็นว่าเขาหนุนหลังคาริอุสเต็มที่ แม้แต่นักข่าวที่ใกล้ชิดสโมสรหลายคนก็พูดไปทางเดียวกันว่ายังไงคล็อปจะใช้คาริอุสต่อแน่ แต่ก็อย่างที่เห็น

_______ เราจะมีทีมที่ขลุกขลักกันต่อไปอีกพักใหญ่ๆ เลยครับ ตั้งแต่หน้ากลางหลังโกลเลยแหล่ะ ลุ้นกันไปทีละนัดก็แล้วกัน
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นได้ดี

มินโยเล่ - ซิมง ตรงเป็นปัด 555+ ….. โอเค เขาไม่ได้เจอลูกยาก แต่สำหรับผู้รักษาประตูแล้ว “ความไม่ผิดพลาด” คืองานเพียงอย่างเดียวของพวกเขา ซึ่งวันนี้มินโยเล่ทำได้ตามนั้น

มิลเนอร์ - ครึ่งแรกโดนอดาม่าเผาซะเกรียม ตัดไม่ได้ เบียดไม่ลง เสียฟาล์วรัวๆ แต่ครึ่งหลังพอเติมน้อยลง เพื่อนเทมาช่วยเพียบก็รักษาพื้นที่ได้แน่นขึ้น ส่วนการเชื่อมเกม เติมแบบระวังๆ เลยไม่ค่อยได้ช่วยอะไรเท่าไหร่

ลอฟเรน - ซ้อนได้ดี ตัดจังหวะสุดท้ายแม่น เป็นวันที่เล่นได้ดี

คลาวาน - มีปัญหากับการจ่ายบอลขึ้นหน้า จ่ายไม่พลาดแต่แถมเฝือกให้เพื่อนบ่อยอยู่ จังหวะประกบกองหน้ามีปัญหา ยังดีว่าจังหวะปะทะหรือตัดลูกจ่ายไม่มีอะไรผิดพลาด

ไคลน์ - เกมรับแทบไม่ได้เล่น ที่เล่นบ้างก็กินเรียบ เชื่อมเกมสะดวกสบายเพราะพื้นที่เพียบและทำได้ดี เปิดลูกแรกได้ดีด้วย

เฮนเดอร์สัน - เริ่มเข้าถึงบอลน้อยลง จ่ายบอลขึ้นหน้าน้อยลง แต่เก็บบอลสองยังดีอยู่ และเชื่อมเกมแบบเน้นชัวร์ได้ชัวร์มากจริงๆ ….เซ็นเตอร์กับแบ็คนี่ได้บอลกันรัวๆ เลย

ไวนัลดุม -  วันนี้มีส่วนร่วมกับเกมไม่มากเท่าไหร่ มีดีตรงช่วยปิดช่องและวิ่งไล่บอลมากขึ้น แต่เกมรุกก็พลอยหายได้ด้วยเช่นกัน หายไปหนักมากเลยล่ะถ้าเทียบกับนัดก่อน

ลัลลาน่า -  วิ่ง ชิ่ง ยิง เปิด จบเกมด้วยการยิงสองจ่ายหนึ่ง จะเอาอะไรอีกล่ะ

มาเน่ - ใช้ความเร็วกดดันแนวรับได้เยอะมาก ประสานงานกับเพื่อนได้ดีหลายครั้ง แต่เวลาอยู่ในเขตโทษเล่นหลายจังหวะเกินไปหน่อย ไม่งั้นคงยิงเองได้สักลูกสองลูก

เฟอมิโน่ - ครึ่งแรกแทบไม่รู้ว่าอยู่ในสนาม ครึ่งหลังเริ่มขยับรับบอลบ้าง เลี้ยงจี้หรือพลิกหนีตัวไล่ได้บ้าง

โอริกิ - มีพื้นที่เล่นซักทีและใช้ได้เป็นประโยชน์หลายครั้ง ไปกับบอลยังไม่น่ากลัว แต่ปล่อยบอลเร็วดีไม่เก็บไว้นาน หาช่องชาร์จทำประตูได้ดี เปิดลูกที่สามให้ลัลลาน่าได้ดีด้วย

ตัวสำรอง

ลูคัส - ได้เล่นกองกลางสักที

อิจาเรีย, อาโนลด์ - ไม่ได้ทำอะไรมาก

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...อดัม ลัลลาน่า…ยิงสองจ่า่ยหนึ่งอ่ะ
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.