วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เบซิคตัส 1-0 ลิเวอร์พูล (จุดโทษ 5-4) (ยูโรป้า)



...ฟ้าส่งยูโรป้ามาให้หงส์แล้ว ใยท่านต้องส่งอัสลานแถมมาให้ด้วย...
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่น 3-5-2

------------บาโลเตลลี่----------สเตอริดจ์-------------
-------------------------สเตอลิ่ง------------------------
โมเรโน่-------อัลเลน--------------ชาน-----------ไอบ์
-------ลอฟเรน-------สเคอเทล------------ตูเร่-------
-------------------------มินโยเล่------------------------

_______ หลังจากนัดแรกตุนสกอร์นำมา 1-0 นัดนี้ลิเวอร์พูลออกไปปิดจ๊อบเบซิคตัสที่ตุรกี นัดนี้ร็อดเจอร์ปรับทีมเยอะทั้งตัวจริงและตำแหน่งการเล่น ที่น่าสนใจก็มีการจับคู่กันเป็นตัวจริงครั้งแรกในรอบกว่าครึ่งปีของบาโลเตลลี่กับสเตอริดจ์ และชานที่ได้ดันขึ้นไปเล่นกองกลางเต็มตัวตั้งแต่ต้นเกม
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาแบบระมัดระวังทั้งสองฝ่าย เบซิคตัสไม่เร่งเกม แผงหลังไม่ดัน เล่นแบบไม่ได้ไม่เป็นไรขอไม่เสียไว้ก่อน ส่วนลิเวอร์พูลเน้นคุมพื้นที่ในแดนตัวเอง ไม่เร่งเกมและไม่ออกบอลเสี่ยงเช่นกัน

________ 20 นาทีแรกหาโอกาสยิงกันไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียว เป็นเบซิคตัสที่ทำได้ดีกว่าในแง่การครองบอลแต่เจาะเข้าเขตโทษไม่ได้ เกมริมเส้นฝั่งไอบ์ที่พยายามเจาะก็ยังไปไม่สุด ถูกบีบให้ต้องโยนตั้งแต่กลางแดนก็กดดันไม่ได้ ส่วนลิเวอร์พูลโต้ไม่ได้แต่เก็บรับยังปิดได้ดี และทำได้ดีสุดๆ กับบอลจังหวะสองในเกมรับที่เก็บได้หมด เบซิคตัสเปิดบอลเสร็จก็วิ่งกลับฝั่งตัวเองได้เลยทุกลูก

_______ ลิเวอร์พูลมาได้ยิงจริงจังหนแรกก็นาที 20 ที่โต้ขึ้นมาได้ถึงเขตโทษแล้วสเตอลิ่งได้ยิ่งหน้าเขตแต่ถูกเซฟได้ หลังจากนาที 20 เป็นต้นไปเกมโต้ของลิเวอร์พูลก็ดีขึ้นเรื่อยๆ มาได้บ่อยและมาได้ถึงเขตโทษ เบซิคตัสเริ่มครองบอลได้น้อยลงแถมเสียฟาล์วบ่อยขึ้นในการหยุดเกมรุก

_______ เวลาครึ่งแรกที่เหลืออยู่เป็นลิเวอร์พูลที่คุมเกมไว้ได้หมด บอลยาวบอลโต้ก็ทำงาน ได้ลุ้นยิงในกรอบเป็นระยะแต่ทำได้ไม่ดีพอโดยเฉพาะสเตอริดจ์ที่ได้โอกาสเยอะกว่าใครเพื่อนแต่ทำพลาดหมดทุกครั้งไป จบครึ่งสกอร์ยังอยู่ที่ 0-0

_______ เข้าครึ่งหลัง เบซิคตัสลงมาขยับเล่นเกมรุกมากขึ้น แบ็คเติมเกมมากขึ้น ค่อยๆ เร่งเกมขึ้นเรื่อยๆ พอแบ็คเติมขึ้นมาช่วยบ่อยเกมริมเส้นฝั่งไอบ์เริ่มกดดันได้ดีขึ้น ไปถึงสุดเส้นมากขึ้นและเริ่มได้เปิดบอลดีๆ เข้าเขตโทษเป็นระยะ ส่วนการเข้าทำก็เน้นการยิงไกลมากขึ้นไม่โยนเข้าไปแบบครึ่งแรกแล้ว กดดันแนวรับได้ดีกว่าครึ่งแรกชัดเจน

_______ ทางด้านลิเวอร์พูลโดนกดให้ต้องถอยมารับต่ำกว่าครึ่งแรก เกมโต้ดับสนิท บอลไปไม่ถึงแดนหน้าเลย เกมรับในเขตโทษยังดีก็จริงแต่บอลจังหวะสองเริ่มเก็บไม่ค่อยได้แล้ว รวมไปถึงพื้นที่หน้าเขตโทษที่ยังปล่อยให้คู่ต่อสู้ได้ยิงไกลง่ายเกินไปสักหน่อย

_______ ยิ่งเล่นเบซิคตัสก็ยิ่งดีกว่าอย่างชัดเจน ผู้เล่นลิเวอร์พูลยิ่งเล่นยิ่งยุบ วิ่งได้น้อยลง โดยเฉพาะการวิ่งทำทางรับบอลเชื่อมเกมแดนกลางนี่แทบจะไม่วิ่งกันเลย ทำให้ครองบอลไม่ได้ โต้ไม่ได้ ตั้งแต่เริ่มครึ่งหลังมานี่สามตัวรุกแนวหน้าแทบไม่ได้มีส่วนกับเกมเลย

_______ ผ่านชั่วโมงแรกของเกมไปก็กลายเบซิคตัสที่บดใส่อยู่ข้างเดียวแล้ว แผงหลังดันสูง แบ็คเติมเกมตลอด เจาะทางฝั่งไอบ์ได้ดีต่อเนื่องและตัดบอลกลับมาบุกต่อได้เร็วสุดๆ ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลบี้แบนติดเขตโทษแล้ว อาศัยแค่เกมรับในพื้นที่สุดท้ายยังเหนียวแน่นอยู่ประคองตัวรอดไปเรื่อยๆ

_______ สุดท้ายลิเวอร์พูลก็ทนพิษบาดแผลรูปเกมที่เป็นรองไม่ไหว นาที 72 จากจังหวะขึ้นเกมมาทางฝั่งไอบ์ ตูเร่โดนดึงออกไปไล่ริมเส้นแล้ว คู่ต่อสู้จ่ายบอลเรียดฝากมาให้บาหน้าเขตโทษ ซึ่งบาไขว้หลังล็อคหนีทั้งสเคอเทลกับอัลเลนให้ถลำไปได้หมด แต่บอลไปเข้าทางอัสลานที่วิ่งเข้ามายิงเต็มข้อจากบนเส้นเขตโทษหนีมือมินโยเล่เข้าไปได้ 1-0

_______ หลังได้ประตูนำ เบซิคตัสยังคงเร่งเกมต่อได้ดี นาที 76 ร็อดเจอร์นึกได้แล้วว่าต้องปรับเกม ส่งมานกีโย่มาแทนไอบ์ ลิเวอร์พูลเหมือนพยายามจะหันมาเล่นเกมรุกบ้างก็ต่อกันไม่ติดเพราะวิ่งทำทางกันไม่ออก จ่ายไปไม่ว่าให้ใครก็โดนแซะเร็วทิ้งไปได้หมด บอลไม่ไปข้างหน้า ไม่ต้องพูดถึงว่าจะลุ้นยิงหรือได้เปิด บอลไปแทบไม่ถึงเขตโทษคู่ต่อสู้เลยด้วยซ้ำ

_______ เบซิคตัสเร่งต่อหลังจากได้ประตูนำอยู่ราวๆ 10 นาทีก็กลับมาเล่นเน้นแน่นอนมากขึ้น แผงหลังไม่ดันสูงแล้ว แต่โดยรวมก็ยังเป็นพวกเขาที่ครองบอลได้เยอะกว่า บุกกดดันถึงหน้าเขตโทษได้พอควร แม้จะหาจังหวะยิงได้แต่ไกลๆ ไม่ถึงกับล่อเป้า แต่กับเกมรับพวกเขากินขาด ตัดเกมรุกของลิเวอร์พูลได้หมดจด

_______ นาที 82 ลัลลาน่าได้ลงมาแทนบาโลเตลลี่ การเชื่อมเกมแดนกลางของลิเวอร์พูลดูดีกว่าช่วงก่อนหน้าพอสมควร แต่บอลเข้าทำยังหามีไม่เหมือนเดิม ช่วงทดเจ็บนาทีแรก เบซิคตัสเกือบตัดจบได้แล้วเมื่อได้ลูกเตะมุมแล้วบอลตกเข้าทางบายิงเร็วไม่กี่หลาบอลชนคานเหลี่ยมในแล้วแต่ยังเด้งออกไม่เด้งเข้า จบเกมที่สกอร์ 1-0 ทำให้สกอร์รวมเป็น 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไป

_______ ช่วงต่อเวลาพิเศษทั้งครึ่งแรกครึ่งหลังกดฟอร์เวิร์ดไปได้เลยครับ วิ่งไม่ไหวและไม่เร่งเกมรุกทั้งสองฝ่าย ไม่ได้มีอะไรควรพูดถึงเลยนอกจากนาที 106 แลมเบิร์ตได้ลงมาแทนสเตอริดจ์แค่นั้น สุดท้ายต้องถึงฎีกา ยิงจุดโทษตัดสิน

_______ มือ(เท้า)ยิงจุดโทษของลิเวอร์พูลวันนี้เป็น แลมเบิร์ต, ลัลลาน่า, ชาน, อัลเลน, ลอฟเรน ตามลำดับ โดยเบซิคตัสเป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อน

_______ 4 คนแรกของทั้งสองทีมไม่มีใครพลาด ถึงคนที่ 5 อัสลานของเบซิคตัสก็ยังไม่พลาด ส่วนคนที่ 5 ของลิเวอร์พูลคือลอฟเรนยิงหลุดกรอบออกไป ตกรอบสิครัชจะเหลืออะไรล่ะ แทนที่จะมาปิดกล่องโดนจับหมกกล่องซะเอง เบซิคตัสพลิกผ่านเข้ารอบไปได้ด้วยสกอร์ 1-0, สกอร์รวม 1-1 ยิงลูกโทษตัดสิน 5-4
-----------------------------------------

_______ ครึ่งแรกเมสซี่ ครึ่งหลังลีซอ ครับนัดนี้

_______ ก่อนเกมก็เห็นแล้วครับว่ารายชื่อนักเตะเจ็บยาวเหยียด เจ็บข้อเท้า เจ็บสะโพก เจ็บใจ ฯลฯ ไหนจะมีเกมใหญ่กับซิตี้รออยู่อีกไม่กี่วัน ลงท้ายได้มาเป็นอย่างที่เห็นครับ โดยรวมแล้วผมยังคิดว่าเป็น 11 ตัวจริงที่ดีครับ คือชัดเจนว่าตั้งใจมาเล่นรับรอสวน

_______ ตอนเห็นรายชื่อผมยังกลัวว่าเกมจะสะดุดเพราะเปลี่ยนหลายจุด ทั้งหน้าคู่, ทั้งชานกลาง, ทั้งตูเร่โผล่มาเป็นตัวจริง, ทั้งอัลเลนคู่ชาน และการขาดหายไปพร้อมกันของคนที่ฤดูนี้เล่นเกือบทุกนัดอย่างเฮนเดอร์สันกับคูตินโย่ แต่เล่นออกมาแล้วก็ไม่มีสะดุดอะไรให้เห็นครับ ทีมเวิร์คใช้ได้เลยทีเดียว

_______ ครึ่งแรกเป็นเกมที่ดีของลิเวอร์พูล เล่นได้อย่างที่ต้องการทุกอย่าง แต่สเตอริดจ์ดันพลาดไป 2-3 หน ไม่งั้นเกมอาจจบตั้งแต่ครึ่งแรกนี่ด้วยซ้ำ พอไม่ได้แล้วครึ่งหลังบรรลัยเลยครับ

_______ มองทางลิเวอร์พูลอย่างเดียวก่อน ครึ่งหลังลิเวอร์พูลวิ่งไม่ไหวกันแล้วครับ หมดแรงกันให้เห็นตั้งแต่นาที 50 กว่าๆ ด้วยซ้ำ สามตัวรุกเห็นว่าขยับหาที่ว่างกันแล้วล่ะ แต่มันน้อยไป น้อยมากจากที่เคยทำได้ ที่หนักข้อที่สุดเห็นจะเป็นแผงกลาง 4 คน(กลาง 2 แบ็ค 2) ที่ไม่ขยับรับบอลเชื่อมเกมสักเท่าไหร่ ตัดบอลได้แต่ต่อบอลกันไม่ได้ เลยกลายเป็นโดนกดติดเขตโทษอยู่ตลอดครึ่งหลัง ซึ่งก็พลาดในที่สุดนั่นแหล่ะ

_______ น่าเห็นใจครับที่เกมเตะถี่ เดินทางไกล มันต้องมียุบกันบ้างล่ะ

_______ ที่ไม่ค่อยจะน่าเห็นใจเท่าไหร่ในวันนี้คือร็อดเจอร์ครับ 11 ตัวจริงถ้าดูในแง่ว่าจะมาเน้นรับ-โต้ก็โอเคล่ะ เปลี่ยนเยอะจริงแต่ก็เห็นภาพจริงว่ามันจะช่วยให้โต้ได้ดีขึ้นกว่าหน้าเดี่ยว รายชื่อตัวสำรองดูไม่จืดเลยก็ยังพอรับได้เพราะที่เหลือก็เจ็บกันไปเกือบหมด ก็เหลือแต่เด็กก๊องแก๊งกับกองหน้าส่วนเกินนี่ล่ะ

_______ แต่กับการแก้เกมวันนี้ร็อดเจอร์รับไปเต็มๆ ครับ เปลี่ยนน่ะไม่พลาด ผมก็เห็นด้วยว่าต้องเปลี่ยนแบบที่เปลี่ยนไปนั่น แต่มันช้ามากกก ช้าไปมากกกกก

_______ รูปเกมตั้งแต่ต้นครึ่งหลังนี่เห็นความพินาศมาเยือนแล้วครับ 1. ฝั่งไอบ์มีปัญหาอยู่แล้วตั้งแต่ครึ่งแรกดีว่าเบซิคตัสไม่ได้เติมเกมเยอะนัก พอครึ่งหลังที่เริ่มเติมขึ้นมาช่วยบ่อย เกมรับฝั่งนี้ชักทันที 2. เกมโต้ดับสนิท ตัวรุกสามคนไม่ได้บอล แล้วก็ไม่ได้มีส่วนกับเกมเท่าไหร่ ทีมเหมือนเล่นกันแค่ 8 คนด้วยซ้ำ 3. เกมแดนกลางไม่มีคนวิ่งไล่วิ่งรองบอล

_______ ทั้งสามปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาใหญ่ของเกมที่เห็นๆ กันอยู่ ทางเลือกในการปรับเกมก็มีอยู่ไม่ใช่ไม่มี แต่ 60 ก็แล้ว 70 ก็แล้ว ร็อดเจอร์กลับไม่ยอมเปลี่ยนตัวแก้เกม ต้องรอจนโดนไปก่อนนาที 72 นั่นละครับถึงจะยอมเปลี่ยน

_______ ถ้าส่งมานกีโย่มาเร็วกว่านี้ประตูนั้นอาจไม่โดนด้วยซ้ำครับ เพราะหลังจากมานกีโย่ลงมาเกมรับดีกว่าไอบ์เห็นๆ เลย ตูเร่ไม่ต้องหูตาเหลือกมาปิดซ้อนริมเส้นบ่อยนัก

_______ นาที 82 ที่เปลี่ยนลัลลาน่าแทนบาโลเตลลี่นั่นก็ช้าไปเยอะเลยเหมือนกัน น่าจะส่งลงมาไล่ๆ กับมานกีโย่แล้วเพราะเกมมันไปไม่ได้จริงๆ กับตัวที่เล่นอยู่ในสนาม ทุกคนหมดแรงแหงแก๋กันหมดแล้ว ชานนี่กลิ้งแล้วกลิ้งอีก อัลเลนก็สกัดด้วยสายตารัวๆ ถ้ามีลัลลาน่าลงมาช่วยเร็วกว่านี้น่าจะพอได้บุกไปลุ้นบ้าง หรือจะให้ดีถ้าลัลลาน่าลงมาก่อนตั้งแต่ยัง 0-0 น่าจะช่วยทีมได้เยอะเลย

_______ สำหรับเรืิ่องลูกโทษ แม้จะแพ้แต่น่าประทับใจ ขนาดตัวหลักที่เห็นใช้ยิงบ่อยๆ ไม่อยู่หลายคนทั้งเจอราร์ด เฮนเดอร์สัน บาโลเตลลี่ จอห์นสัน แต่กลายเป็นคนที่ลงมายิงได้เด็ดขาดดี ลอฟเรนเองพลาดก็จริงแต่ด้วยความกดดันขนาดนั้นก็อย่าไปโทษเขาเลย ทางมินโยเล่ยังเซฟลูกโทษไม่ได้แต่พุุ่งถูกทางมากขึ้น ถ้าเบซิคตัสยิงแย่กว่านั้นอีกนิดเดียวโดนเซฟไปแล้วครับ ถือว่าเป็นพัฒนาการที่ดีของมินโยเล่ถ้าเทียบกับตำนาน “ว่าว 13 ดอก” ตอนนัดที่ดวลกับโบโร่ในลีคคัพอ่ะนะ

_______ มองทางฝั่งเบซิคตัส วันนี้พวกเขาวางแผนมาดีกับการเล่นระวังตัวไม่เร่งแต่แรก และช่วงที่ได้แล้วก็ไม่ได้บ้าดันสูงมั่วซั่วแต่กลับไปเล่นระวังเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม ฟอร์มของผู้เล่นพวกเขาไม่ได้ดีเท่าแผน ครึ่งแรกก็เล่นพลาดเยอะโดยเฉพาะจังหวะประกบกองหน้าที่เสียฟาล์วมั่ง เปิดช่องให้ยิงมั่ง ครึ่งหลังช่วงที่เร่งแล้วก็เจาะเข้าเขตโทษไม่ได้ ลูกที่ได้ประตูนี่มันเข้าข้อพอดี ไม่ได้เป็นลูกที่ถึงกับเอาชนะแนวรับได้เด็ดขาดสักเท่าไหร่

_______ สรุปแล้ว...ลิเวอร์พูลพลาดเองครับนัดนี้...พลาดที่ไม่มีแรงวิ่ง...พลาดที่ปรับเกมช้า

_______ ตกรอบยูโรป้าไปเรียบร้อย อันที่จริงผมดีใจนะ เพราะจะได้มีแรงไปบดเกมลีคให้มันสุดลิ่มทิ่มประตูกันไปเลย โอกาสลุ้น Top4 น่าจะมีมากขึ้นอีกหลายขีดทีเดียว

_______ ...แต่ไม่รู้ทำไม จบเกมพิมพ์อะไรไม่ออกไปชั่วโมงครึ่ง T_T
-------------------------------

นัดนี้เล่นดีครึ่งเดียว

มินโยเล่ - เซฟลูกยิงไกลได้ดีหลายครั้ง แต่กับลูกที่เสียไปอัสลานมันยิงได้แบบต้องให้จริงๆ ต้องเตะสวนเปิดเกมเยอะทีเดียวทำได้พอใช้ กับลูกโทษอ่านด้านบนเอาได้เลย

ลอฟเรน - เล่นได้เหนียวแน่นเด็ดขาดดี เข้าบอลแต่ละทีถอนทั้งรากทั้งโคนทั้งโคตร ลูกกลางอาการก็ถึงบอลตอลด นัดนี้โชคดีด้วยที่โมเรโน่ช่วยเกมรับได้เยอะและคู่ต่อสุ้ไม่ค่อยบุกฝั่งนั้น

สเคอเทล - ฟอร์มส่วนตัวเขาเล่นได้ดีมาก ตัดบอลเปิดเข้ากลางได้หมดทั้งเรียดทั้งโด่ง ลูกกลางอากาศถึงก่อนคู่ต่อสู้ จะมีเป๋ๆ บ้างก็ช่วงกลาง-ท้ายครึ่งหลังที่เริ่มโหม่งบอลไม่ค่อยไปไหน แต่อย่างน้อยเขาก็ยังเป็นคนขึ้นถึงบอลได้ตลอดอยู่ดี

ตูเร่ - อย่ากระชาก ตูฯ แก่แล้ว เล่นไม่แย่แค่อย่าให้วิ่ง

โมเรโน่ - เล่นเกมรับได้โดดเด่นตลอดเกม อ่านเกมดี วิ่งเข้าหาบอลและปะทะได้ดีด้วย แต่ก็แลกมาด้วยเกมรุกที่เติมขึ้นไปช่วยน้อยมาก

ไอบ์  - อาการเหมือนวัยรุ่นมีเดทแรกยังไงยังงั้น เงอะๆ งะๆ งึกๆ งักๆ เอ๊ะจ่ายดีมั้ย เอ๊ะวิ่งดีมั้ย เอ๊ะทำอะไรดีหว่า เห็นความพยายามแต่ไม่เห็นสติ

อัลเลน - ครึ่งแรกนี่มันบุสเกตผสมชาบี้ชัดๆ ถึงบอลตลอด เก็บบอลได้เรียบวุธ อ่านเกมเด็ดขาด ผ่านบอลหนีตัวไล่ได้ลื่นไหล พอครึ่งหลังนี่กลายเป็นบิสกิตกับชาร้อนเลย
อ่อนนุ่มละมุนลิ้นฝั่งตรงข้ามเล่นง่ายทั้งรุกทั้งรับ

ชาน - ครึ่งแรกผลงานค่อนข้างดีแต่ไม่ดีเท่าอัลเลน บอลยาวที่พยายามวางก็พลาดบ่อย(ถ้าจำไม่ผิดพลาดหมดด้วยมั้ง) เกมรับเข้าถึงบอลเยอะแต่มีจังหวะเข้าบอลไม่เด็ดขาดให้เห็นอยู่บ้าง พอเข้าครึ่งหลังนี่จบกัน ยิ่งต้องเป็นตัววิ่งขึ้นลงและออกบอลเกมรุกด้วยยิ่งทำให้เขาเล่นลำบากมาก พยายามเลี้ยงบอลขึ้นไปเองก็ขาแข้งอ่อนโดนเก็บกินหมด

สเตอลิ่ง - เป็นตัวหลักในการเล่นโต้กลับ ครึ่งแรกทำหน้าที่ได้ดี วิ่งหาที่รับบอลได้ วิ่งไปประคองรับต่อบอลกับคู่กองหน้าพอใช้ได้ ครึ่งหลังนี่แทบลืมว่าอยู่ในสนาม ทั้งเกมไม่สามารถเลี้ยงจี้กดดันคู่ต่อสู้ได้เลย ทั้งๆ ที่ควรเป็นเรื่องที่เขาถนัดที่สุด

สเตอริดจ์ - ครึ่งแรกวิ่งทำทางได้ดี จับบอลจังหวะแรกเทพมาก หาโอกาสยิงในเขตโทษได้ 2-3 ครั้งแต่ยึกยักจนพลาดหมด ครึ่งหลังลืมไปเลยว่าอยู่ในสนาม รายนี้ลืมจริงอะไรจริงไม่ใช่แค่เกือบแบบสเตอลิ่ง

บาโลเตลลี่ - ครึ่งแรกเปิดสกิลดูดสตั๊ดเต็มพิกัด เรียกฟาล์วได้เยอะ เก็บบอลได้น่าพอใจแต่ดันเก็บใบเหลืองไปด้วย ครึ่งหลังเริ่มขยับน้อยลง แถมเริ่มออกอาการฮิปสเตอร์ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ยามได้บอลให้คู่ต่อสู้มาแซะเล่นบ้าง ออกไปใช้ชีวิตในที่ที่ไม่มีใครเหยียบย่างไปถึงบ้าง (บอลก็ไปไม่ถึง)

ตัวสำรอง

มานกีโย่ - ลงมาช่วยเกมได้เยอะ เกมรับดีกว่าไอบ์เยอะมาก หยุดเกมรุกริมเส้นได้น่าพอใจ เกมรุกขึ้นไปช่วยเชื่อมเกมตลอด ทำทางก็บ่อยแต่เงยหน้าไปไม่ค่อยมีใครให้เล่นด้วย อีโอ้มันไปสโลว์ไลฟ์อยู่ไหนไม่รู้ สเตอลิ่งก็อยู่ไกลโพ้น สเตอริดจ์ก็ยืนงงในดงเซ็นเตอร์ แล้วมานฯจะเล่นกะใคร มานฯก็ม้วนสิครัช

ลัลลาน่า - ลงมาช่วยเชื่อมเกมได้ดี แต่ก็ตกที่นั่งเดียวกันกับมานกีโย่คือ ชานก็จะตระคริวกินตายแล้ว อัลเลนก็เปลี่ยนจ๊อบจากนักบอลเป็นกองเชียร์แล้ว กองหน้าก็เป็นอย่างที่ว่าไว้ข้างบน แล้วลัลจะเล่นกะใคร ลัลก็ม้วนสิครัช

แลมเบิร์ต - ลงมายิงจุดโทษ

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...แบรนดอน ร็อดเจอร์…ท็อปฟอร์มมากครัชวันนี้ คือไม่รู้พี่เค้าคิดอะไรอยู่ช่วงนาที 45 -72 คือโต้ก็โต้ไม่ขึ้นเก็บตัวรุกไว้ทำไมตั้งสามคน, กลางหมดแรงวิ่งก็ทู่ซี้ใช้ต่อ, ไหนจะไอบ์อีก
------------------------------------------------------------

เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น