วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ซิกแธมป์ตัน 1- 6 ลิเวอร์พูล (แคปปิตอลวันคัพ)


...FMRTE...
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นในทรง 4-3-3 เป็นหลัก (ผังคล้ายไดมอนด์ไม่ได้ผิดครับ เดี๋ยวไปอธิบายข้างล่างโน่นนะ)

------------สเตอริดจ์----------------โอริกิ--------------
--------------------------ลัลลาน่า-----------------------
--------------อัลเลน----------------ชาน----------------
----------------------------ลูคัส--------------------------
โมเรโน่-------ลอฟเรน--------สเคอเทล------เรนเดล
-------------------------บ็อกดาน------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเล่นเกมแคปปิตอล วัน คัพ (จากนี้ขอเรียกว่าลีคคัพเพื่อความสะดวก) โดยต้องออกไปเยือนเซาท์แธมป์ตัน นัดนี้คล็อปปรับทีมเยอะโดยเฉพาะในด้านแทคติค ที่เห็นเด่นชัดคือการใช้โอริกิกับสเตอริดจ์เล่นคู่กันข้างหน้า
-------------------------------------------------------

_______ เปิดมาตู๊ม~ โดนเลย นาทีแรกเซาท์ฯ บุกขึ้นทางเรนเดล แบ็กเติมขึ้นมาช่วยด้วยจนทำให้ได้เปิดบอลเข้ากลางก่อนที่ชานจะเข้ามาบังทัน บอลข้ามไปเสาสอง โมเรโน่พยายามขึ้นโหม่งด้วยสายตา แต่มาเน่ไม่ตลกด้วย ขึ้นโหม่งตัดหน้าเต็มหัวเข้าไปให้เจ้าบ้านนำ 1-0

________ สกอร์ขยับ เซาท์ฯ ยังบุกเจาะทางเรนเดลรัวๆ ซึ่งเรนเดลก็ไม่ทำให้คู่ต่อสู้ผิดหวังด้วยการทำอะไรไม่ถูกเลย ทำได้แค่ไม่โดนเผาตัดหลังแต่กับการปิดบอลโยนนี่เรียกว่าไม่ปิดจะเห็นภาพกว่า แถมเซาท์ยังมีตัวขยับมามาช่วยเล่นทางริมเส้นตลอด ทำให้ได้เปิดเข้าไปบ่อย แถมเซ็นเตอร์กับโมเรโน่ก็รับมือลูกกลางอากาศได้ไม่ดี ตลอด 15 นาทีแรกของเกม เซาท์กดดันด้วยการโยนบอลจากริมเส้นฝั่งนี้ สลับกับการเล่นลูกตั้งเตะด้วยการโยนเข้าเขตโทษ กดดันจนลิเวอร์พูลเป๋อยากเห็นได้ชัด แต่ยังบวกสกอร์เพิ่มไม่สำเร็จ

_______ 15 นาทีแรกนั้นลิเวอร์พูลตั้งเกมของตัวเองไม่ได้ ตำแหน่งการยืนก็สับสนและไล่บอลได้ไม่ดีเลย แต่หลังจาก 15 นาทีผ่านก็เริ่มเก็บบอลได้ เกมรุกยังไม่ค่อยคืบ เกมขวาดับสนิทไม่ต้องถามถึง เกมตรงกลางไปไม่ถึงหน้าเขตโทษ จะมีแต่ทางซ้ายที่ได้การเชื่อมเกมของอัลเลน สลับกับการขยับออกไปรับบอลของสเตอริดจ์ที่ทำให้บอลไปถึงสุดเส้นได้บ้าง แต่โอกาสจบสกอร์ยังคงได้แต่จิ้นเอาเท่านั้น

_______ ยิ่งเล่น ลิเวอร์พูลยิ่งทำได้ดีขึ้นในการเก็บบอลสองโดยเฉพาะในเกมรับ ทำให้เซาท์ฯ ถึงราวๆ นาที 20 นี่ก็แทบไม่ได้โยนอีกแล้ว ในขณะที่เกมเร็วของลิเวอร์พูลเริ่มขยับเล่นได้บ้าง ในที่สุดนาที 25 จากจังหวะที่อัลเลนขยับขึ้นไปเล่นทางขวา เร่งเปิดบอลข้ามฝั่งไปให้สเตอริดจ์รับบอลในเขตโทษ ยึกยักๆ อยู่สองทีก่อนแต่งเข้ามุมแคบยิงหาย 1-1

_______ ต่อจากนี้ก็ไม่ต้องพิมพ์อะไรเยอะละครับ เซาท์ฯพาบอลไปหน้าได้น้อยลง ลิเวอร์พูลเก็บบอลเล่นได้มากขึ้น เกมบุกไม่ได้ดุดันอะไร แต่มีจังหวะแล้วทำได้เลย นาที 29 ชานลอกการบ้าน เปิดบอลแบบเดียวกับอัลเลนในลูกแรกแทบเป๊ะ สเตอริดจ์หลุดเดี่ยวเข้าไปชาร์จไม่พลาด 2-1

_______ รูปเกมยังไม่เปลี่ยน ที่เพิ่มเติมคือเซาท์ฯ เล่นเหมือนหมดแรง ขยับวิ่งกันไม่ค่อยออก ส่วนลิเวอร์พูลก็ครองบอลเล่นกันไป แต่ไม่ค่อยได้เปิดบอลไปกดดัน สุดท้ายก่อนหมดเวลา นาที 45 ยังมาได้เพิ่มอีกลูก จากจังหวะเตะมุม บอลโยนเข้ามาแล้วกระดอนออกไปเข้าทางโมเรโน่ยิงสวนจากแถวสอง บอลพุ่งไปสะกิดโดนโอริกิที่ยืนหน้าประตูเข้าไปได้ 3-1 จบครึ่งแรกแบบงงๆ ทั้งคนเล่นคนดูว่ามัน 3-1 ได้ยังไง

_______ เข้าครึ่งหลัง เซาท์ฯ ลงมาก็เจาะทางเรนเดลอีก ฮึดฮัดๆ โยนอัดๆ เข้ามาได้ลุ้นอยู่ 7-8 นาทีก็เข้าอีหรอบเดิม วิ่งน้อย เก็บบอลได้น้อย ปล่อยให้ลิเวอร์พูลครองบอลเล่นไป ส่วนลิเวอร์พูลเองครึ่งหลังกลับลงมาแนวรับสกัดเน้นตูมเดียวหายไม่เก็บบอลเล่น ส่วนเกมรุกไม่ได้ทำอะไรนอกจากให้ไปตามช่อง ซึ่งก็มีให้เล่นเยอะเหลือเกิน แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ยิงไม่ได้เปิด หนักไปทางเอาบอลไปตายใกล้ๆ เขตโทษคู่ต่อสู้เท่านั้น

_______ นาที 59 ไอบ์แทนสเตอริดจ์ ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลครองเกมได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว แม้นาที 63-64 เซาท์ฯ ทะยอยเปลี่ยนตัว พยายามจะฮึดอีกเฮือก วิ่งไล่ข้างหน้าให้มากขึ้น แต่แด่วๆ อยู่ได้แปปเดียว นาที 68 ก็จบข่าว จากจังหวะไอบ์รับบอลริมเส้นขวา ตัดเข้ากลางก่อนแทงตามช่องให้โอริกิวิ่งไปรับบอล เข้าเขตโทษปุ๊บ ยิงเปรี้ยง 4-1 ปั๊บ

_______ ถึงตรงนี้ เซาท์ฯ ที่พยายามจะดิ้นก็นิ่งไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ละคนเล่นเหมือนมีบอลลูนลอยอยู่บนหัวว่า “กูอยากกลับบ้านแล้ว”  นาที 73 โมเรโน่ตามขึ้นไปรับบอลเปิดที่สุดเส้นหลังในเขตโทษ มีเวลามากพอที่จะคิดว่าจบเกมแล้วจะไปกินข้าวที่ไหนต่อดี ก่อนเปิดบอลข้ามไปอีกฝั่งให้ไอบ์พักอกเอาบอลลงแถวหน้าๆ เขตโทษ แล้วตามไปยิงเปรี้ยง เข้าปั๊บ 5-1 ปุ๊บ

_______ นาทีถัดมาเฮนเดอร์สันลงแทนอัลเลนทันที นาที 77 สมิท เด็กดาวรุ่งอีกคนได้ลงแทนโมเรโน่ ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลปิดเกมเล่นไปตามจังหวะ แต่ตามจังหวะแล้วบอลเด้งไปเด้งมาก็เข้าทางตลอด แถมเล่นโชว์กันเป็นระยะ สมิทที่ลงมาใหม่ก็เติมเกมรุกอย่างเพลิน ดีบ้างไม่ดีบ้างก็ขึ้นไม่เลิก จนสุดท้ายนาที 86 สมิทก็ได้โอกาสเปิดบอลจากเส้นข้าง บอลโค้งเข้าหัวโอริกิที่วิ่งขึ้นโหม่งกลางประตูระยะเผาขนปั๊บ 6-1 กันไป

_______ นาที 90+1 ในที่สุด...ในที่สุด สเตเกเลนเบิร์กโกลของเซาท์ฯ ก็ได้โอกาสบอกให้โลกรู้ว่าเค้ามีมือและไม่ได้หลับใน ด้วยการเซฟเป็นครั้งแรกของเกม (ครับ...หลังจากโดนไปครึ่งโหล) ผู้โชคดีที่โดนเซฟได้คือชาน ที่ลากบอลเข้าไปยิงถึงในเขตโทษ

_______ จบเกม ผู้เล่นเซาท์ฯ ก็ได้กลับบ้านไปหาลูกเมียกันสักทีพร้อมสกอร์ 6-1 คาบ้าน...
-----------------------------------------

_______ ก่อนอื่น จากผังการเล่นด้านบน ลิเวอร์พูลเล่นทรง 4-3-3 ตลอดเกมนะ โดยเฉพาะในเกมรุกทั้งที่ตั้งเกมขึ้นไป, เล่นเร็วหรือโต้กลับ โดยจะมีโอริกิอยู่ตรงกลางเป็นหลัก สเตอริดจ์ขยับไปซ้าย (พอไอบ์มา เอาไอบ์ไปทางขวาแทน) แล้วจะมีลัลลาน่าที่จริงๆ แล้วยืนตรงกลางเป็นหลัก จะคอยสลับไปทางขวาบ้าง หรือเข้าตรงกลางเชื่อมระหว่างช่องของคู่กองหน้าบ้าง แล้วแต่ว่าตำแหน่งของบอลไปทางไหน แต่พอจังหวะที่ถอยลงไปเล่นเกมรับ ตัวรุกสามคนนี้ไม่ได้ตามลงไปคุมพื้นที่ริมเส้น เกมรับเป็นหน้าที่ของลูคัสที่ยืนคุมกลางและค่อนต่ำกว่าเพื่อน ชานจะขยับไปคุมพื้นที่ด้านขวา, อัลเลนซ้าย เรียกว่าแยกกลางกับหน้าออกจากกันเลย ถึงผังหน้าตาจะเหมือนไดมอนด์ แต่เล่นจริงคือทรง 4-3-3 เต็มตัวครับ ไม่ใช่แม้กระทั่ง 4-3-2-1 เลยด้วย

_______ ส่วนในเกม ถ้าถามว่าเซาท์แธมป์ตันเกมรับเล่นแย่มั้ย ใช่, ลิเวอร์พูลเล่นดีมั้ย ใช่, สมควรชนะมั้ย ใช่ แต่ 6-1 นี่เป็นผลลัพธ์เกินรูปเกมไปมากๆ ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพ (ความได้เปรียบเสียเปรียบในเกมนะ ไม่ได้หมายถึงโอกาสยิงที่เกิดขึ้นจริง) เกมนี้ควรจบครึ่งแรกที่ 1-1 และจบเกมที่ 3-1 อะไรประมาณนั้น

_______ 11 ตัวจริงของทีมในวันนี้ รวมไปถึงแท็คติคเริ่มเกม ผมคิดว่าคูมันทำได้ดีกว่าคล็อปด้วยซ้ำ คือเซาท์ฯ เริ่มเกมมาโจมตีได้ตรงจุดด้วยการเน้นโยนบอลจากเส้นข้าง ได้ผลตลอด ได้ประตูด้วย กดดันได้จริงด้วย 15 นาทีแรกนี่คือชนะหมดทุกแนวเลย ส่วนคล็อปกับการปรับทีมเยอะทั้งวิธีเล่นทั้งคนเล่นต้องใช้เวลาจูนกันในสนามอยู่นานมาก และถือว่าโชคดีเล็กๆ ด้วยซ้ำที่ไม่โดนเพิ่มอีกในช่วงเวลานั้น ทั้งๆ ที่โยนเมื่อไหร่บอลโดนหัวคู่ต่อสู้หมด

_______ ไม่ใช่ว่าคูมันทำผลงานดีกว่าเพราะคล็อปพลาดซะทีเดียว ลิเวอร์พูลผ่านเกมมาหนักกว่า ตัวเปลี่ยนก็น้อย แถมคูตินโย่ก็ลงไม่ได้ แผนบีอย่างเฟอมิโน่(เล่นแทนคูตินโย่) กับเบนเทเก้เป็นหน้าเป้าก็ยังไม่ค่อยจะเวิร์ค การจัดทีมออกมาแบบนี้ แบบที่พ่วงตัวหลักซะสลอนเต็มม้านั่งสำรองผมก็ถือว่าโอเคนะ

_______ ที่คล็อปพลาดจริงๆ อยู่ที่การรับมือเกมริมเส้นมากกว่า ต้นเกมปล่อยเด็กไปตายชัดๆ กองกลางกระจุกตัวอยู่ตรงกลาง แบ็คทั้งสองฝั่งต้องรับมือเกมรุกริมเส้นแทบจะตัวคนเดียว ซึ่งครึ่งหลังคล็อปมาแก้จุดนี้ได้ดี ชานขยับมาใกล้มากๆ ลูคัสนี่ยืนเอียงขวารอซ้อนมาเลย สเคอเทลก็พร้อมพุ่งเข้าไปช่วยเช่นกัน ทำให้ครึ่งหลังแม้แรนเดลที่เกมรับไม่ได้ดีกว่าครึ่งแรกเลย ก็ยังทำให้เกมในพื้นที่นั้นดูดีกว่าครึ่งแรกพอสมควร

______ จุดตัดสินเกมของวันนี้ แน่นอนอยู่ที่การยิงเป็นเข้าของบรรดาผู้เล่นลิเวอร์พูล อันนั้นแทบไม่ต้องพูดอะไรกันอีก แต่วันนี้ที่เกมออกมาเป็นแบบนี้ได้ ทั้งรูปเกมทั้งผลลัพธ์สาเหตุหลักก็มาจากเซาท์แธป์ตันเองนั่นแหล่ะครับ

______ ความห่วยของกองกลางนี่นำมาเลยครับ ตั้งแต่ช่วงกลางครึ่งแรกเป็นต้นมา กองกลางของเซาท์ฯ ขยับกันน้อยมากๆ ไม่ว่าจะวิ่งไล่บอลหรือวิ่งรับบอล กลายเป็นกลางลิเวอร์พูลทั้งสามคนที่ครองแดนกลางไว้ได้หมดตั้งแต่ช่วง 15+ ถึงก่อนได้ประตูแรกแล้ว โดยเฉพาะบอลสองเกมรับนี่แทบจะเก็บได้ 100% เลย เพียงแต่ก่อนได้ประตูแรกเกมรุกยังวิ่งทับๆ ชนๆ กันอยู่เท่านั้น เลยทำให้ดูว่ายังไม่ได้เปรียบ แต่พอได้ประตูแรก ที่เหลือก็ไม่ต้องพูดต่อแล้ว คือโอเคว่าเซาท์ฯ เองก็ไม่ได้มีตัวเปลี่ยนเยอะ แต่วิ่งไม่ออกตั้งแต่กลางครึ่งแรกก็ไม่ไหวนะ

______ ส่วนแผงหลัง จุดโจมตีหลักในครึ่งแรกของลิเวอร์พูลที่อยู่ตรงช่องระหว่างเซ็นเตอร์กับแบ็คขวาของเซาท์ฯ นั่นโคตรรั่ว โคตรว่าง จ่ายๆ ไปเถอะรับรองได้บอล ที่เกมรุกทางฝั่งซ้ายของลิเวอร์พูลไปได้ก็เพราะช่องเยอะด้วยนี่ล่ะ ทั้งสองประตูที่สเตอริดจ์ยิงก็ช่องนี้ ยิ่งพอเข้าครึ่งหลังยิ่งหนัก ขวายังโล่งอยู่ แถมซ้ายโล่งตามด้วย ซึ่งทำให้ลิเวอร์พูลต่อบอลเล่นกันได้ง่ายมากๆ  ครองบอลแต่ละทีนานเหลือเกิน บอลตายก็ตายสูงตลอด ไม่เคยโดนตัดในแดนตัวเองหรือกลางสนาม

______ ...สเทเกเลนเบิร์กก็นะ...ทั้งเกมเซฟได้หนเดียวนี่ไม่ได้ล้อเล่นครับ โคตรหมูเลย ตำแหน่งไม่ดี ปฏิกิริยาช้า จริงที่ว่าบางลูกก็ไม่น่ารอดหรอก ล่อเป้าซะขนาดนั้น แต่ก็ควรจะมีปฏิกิริยาที่พร้อมกว่านั้นอยู่ดี
______ มาผิดฟอร์มเอาตอนอีกฝ่ายผีสิงสตั๊ดแบบนี้ก็ครึ่งโหลสิ
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดี

บ็อกดาน - เล่นสไตล์โกลโบราณ บอลมาเตะทิ้ง โดนกดดึงช้า ไม่ออกนอกเส้น ซึ่งเขาเฝ้าเส้นมากไป ควรออกมาช่วยลูกกลางอากาศได้มากกว่านี้ แต่โดยรวมแล้วก็ไม่ได้มีข้อผิดพลาดอะไร

โมเรโน่ - การประกบตัวรุกยังคงไม่ดีเช่นเคย ต้นเกมนี่งามไส้มากทั้ง 1 ประตูกับอีก 1-2 ครั้งที่ปล่อยให้คู่ต่อสู้โฉบมาโหม่งเอาง่ายๆ แบบไม่โดนเบียด แต่หลังจากนั้นโดนกดดันน้อยมาก เชื่อมเกมได้ดีทั้งเกม เกมรุกไม่ค่อยขึ้นสูงเท่าไหร่ ส่วนลูก 3-1 นี่จริงๆ ควรเป็นเครดิตเขามากกว่า

ลอฟเรน+สเคอเทล - เอ่อ...จริงๆ แล้วการประกบกองหน้าก็ดี การเล่นบอลสั้นหรือเข้าสกัดก็ดี ทั้งคู่ผลงานโอเคเลยนะ แต่กับลูกกลางอากาศ ทั้งคู่เล่นได้ทรยศส่วนสูงและรูปร่างของตัวเองมาก คือถ้าตัวเท่าอัลเลนกันจะไม่บ่นสักคำ โหม่งไม่ค่อยจะโดน โดนไม่ค่อยจะเต็ม ทั้งโอเพ่นเพลย์และตั้งเตะโดยเฉพาะตั้งเตะนี่ดูคู่นี้เล่นแล้วอยากเอาหัวโขกกำแพงมาก

ไคลน์ - ห้ามเจ็บ ห้ามพัก ขาหักก็ต้องเล่น ถ้าสงสัยว่าชื่อโผล่มาได้ไงก็อ่านต่อบรรทัดข้างล่าง

เรนเดล - มองในแง่ดีสุดๆ อย่างน้อยเขายังรักษาพื้นที่สุดเส้นหลังได้ (โดนเผาไปหนเดียว), รักษาตัวรอดจากการโดนเหลืองใบที่สอง อนาคตยังอีกไกล แต่ปัจจุบัน(นัดนี้) กดดันแนวรับตัวเองได้มากกว่าปีกคู่ต่อสู้อีกน้องเอ๊ย~

ลูคัส - เป็นวันที่เล่นได้ดีที่สุดตั้งแต่เปิดฤดูกาลนี้มา ส่วนหนึ่งคือเจอโจทย์ง่ายด้วย คู่ต่อสู้มาทีละคนแถมไม่ค่อยช่วยกันวิ่งทำทาง นัดนี้ลูคัสตัดบอลได้เยอะ เก็บบอลได้มาก ด้วยตำแหน่งที่เล่นการเชื่อมเกมก็ไม่ต้องทำอะไรมากไปกว่าเคาะให้อัลเลนกับชานให้ได้เร็วๆ นั่นแหล่ะ ซึ่งเขาก็ไม่พลาด (จริงๆ แล้วพลาดนะ แต่ทั้งเกมแค่หนเดียว)

อัลเลน - นับเฉพาะบอลเชื่อมเกมอย่างเดียว อัลเลนทำได้ดีกว่าทุกคนในทีม เกมริมซ้ายที่พาทีมกลับมาได้เขาก็มีส่วนช่วยไว้เยอะ ในขณะที่ในเกมรับ เขาช่วยรักษาพื้นที่และสกรีนตัวรุกก่อนถึงแบ็คได้ดีกว่าชานด้วย จะด้อยหน่อยก็แค่เกมรุกเท่านั้น มี 1 แอสสิสซ์จริง แต่ฟอร์มเกมรุกธรรมดามาก

ชาน - เชื่อมเกมใช้ได้ไม่เด่น เกมรับครึ่งหลังดีกว่าครึ่งแรกที่ช่วยเกมรับริมเส้นได้น้อยกว่าที่ควร มีดีตรงเรื่องการขยับขึ้นมารับบอลและออกบอลเกมรุกที่ทำได้ดีกว่าอัลเลน ช่วยลัลลาน่าได้เยอะและในบางจังหวะทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ

ลัลลาน่า - วิ่งทำทางรับบอลได้บ้าคลั่งมาก บอลชิ่งหนึ่งสองหรือจังหวะเข้าทำอาจไม่ได้เห็นเขามีส่วนร่วมเท่าไหร่ แต่การวิ่งหาที่ว่างรับบอลของเขาช่วยทำให้บอลมาถึงข้างหน้าได้ง่าย แถมด้วยการวิ่งไล่ที่ดูเป็นสัปปะรดกว่าคู่กองหน้าสิบแปดล้านเท่าด้วย

สเตอริดจ์ - ปกติแล้วคนพึ่งหายเจ็บพึ่งกลับลงสนามเขาต้องจับจังหวะเกมก่อน จูนกับเพื่อนในเกมจริงบ้าง แต่สเตอริด์ลงมาปุ๊บ ยิงสองครั้งได้สองประตูหน้าตาเฉยๆ คือดูสเตอริดจ์ยิงแล้วรู้สึกว่าอะไรมันจะง่ายขนาดนั้น แถมด้วยการขยับไปเล่นริมเส้นก็เชื่อมเกมได้ดีด้วย ไม่ทำบอลเสีย

โอริกิ - อัลลัยยย~ แฮททริคได้ยังงัยย~ โอเค ลูกแรกมีชื่อด้วยโชค แต่ลูกสองสามต้องถือว่าเขาทำทางดี เข้าถึงบอลดี และ...เอ้อ..จบสกอร์ดีมาก นัดนี้ต้องยอมรับเลย และตลอดเกมสิ่งที่ทำได้ดีมากๆ คือการวิ่งทำทางดึงตัวประกบ ไม่ได้ยืนนิ่งเป็นหุ่นให้แนวรับเล่นง่าย

ตัวสำรอง

ไอบ์ - ลงมาแล้วหาที่รับบอลดี แต่เกมเลี้ยงจี้ไม่ดีเท่าที่ควรถ้าดูจากพื้นที่ที่มีให้ อย่างไรก็ตาม ยังส่งบอลต่อได้ดี ไม่ฝืนเก็บไว้จนเสียจังหวะ และหาโอกาสยิงเองได้เด็ดขาด

เฮนเดอร์สัน - ลงมาในช่วงที่เซาท์ฯ อยากกลับบ้านกันแล้ว ก็คุมจังหวะเคาะบอลกันไป ไม่พลาดไม่เด่น

สมิธ - พึ่งได้ลงแถมจังหวะเกมเป็นใจก็เลยเติมเกมรุกตลอดเวลาที่อยู่ในสนาม ก็ไม่ได้หวือหวาอะไรนัก ทางวิ่งก็ไม่ดี ความเร็วแค่พอใช้ แต่เปิดบอลลูก 6-1 ได้ดีชนิดที่อยากจะไปรีเพลย์ให้โมเรโน่ดูสักล้านรอบ บอลโค้งหนีทั้งตัวปิดและตัวประกบกองหน้าเข้าหัวเพื่อนเป๊ะ!

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ดีวอค โอริิกิ… อืมมมม~ จริงๆ แล้วสเตอริดจ์เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากไม่แพ้กัน เพราะยิงคมสองลูกพาทีมกลับมาได้ เชื่อมเกมได้ด้วย แต่ขอเลือกโอริกิเพราะว่ายิงคมสองลูกเช่นกัน(แม้จังหวะเกมไม่กดดันเท่า), มีชื่อว่าทำแฮททริค(ลูกแรกไม่ควรนับเลยที่จริงแล้ว) รวมถึงการค้ำแนวรับและวิ่งทำทางก็ทำได้ดีทั้งเกม อยู่ในสนามครบ 90 นาทีแบบมีทั้งประตูและประโยชน์
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น