วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ลิเวอร์พูล 1-0 สวอนซี (พรีเมียร์ลีค)



...เค้ากลับมาแล้ว!...
___________________________

ลิเวอร์พูลเริ่มด้วย 4-2-2-1

-------------------------เบนเทเก้------------------------
--------------------------ลัลลาน่า-------------------ไอบ์
----------------ชาน-------------มิลเนอร์-----------------
โมเรโน่--------ลอฟเรน--------สเคอเทล-------ไคลน์
--------------------------มินโยเล่------------------------

_______ ลิเวอร์พูลกลับมาเล่นเกมลีคเปิดบ้านรับสวอนซี นัดนี้คล็อปปรับทีมจากนัดก่อนเล็กน้อย ที่สำคัญคือการขยับมิลเนอร์มาเล่นกลางแทนที่ลูคัสที่โดนแบน
-------------------------------------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเริ่มเกมอย่างระวัง เคาะต่อบอลช้าเอาชัวร์ไม่เร่งเกม ส่วนสวอนซีบอกกันซื่อๆ ตั้งแต่ต้นเกมว่าจะเอาแค่แต้มเดียวนะ รับกันอยู่แต่ในแดนตัวเองและไม่ตั้งเกมรุก ทั้งยังโกงด้วยการส่งแบ็คลงสนามฝั่งละสองคน เล่นเอาเกมริมเส้นของลิเวอร์พูลดับสนิทได้แต่หาโอกาสเจาะตรงกลางเอา

________ ย่ิ่งเล่นลิเวอร์พูลก็ยิ่งกดดันได้มากขึ้น แดนหน้าและกลางไล่จนสวอนซีเก็บบอลเล่นไม่ได้ ลิเวอร์พูลครองบอลอยู่ข้างเดียว เกมรับไม่ถูกกดดัน ทั้งยังสามารถฉวยโอกาสเล่นบอลฉาบฉวยจนได้ลุ้นประตูจากไอบ์แต่ยังทำไม่สำเร็จ

_______ แต่หลังจากไล่อัดอยู่ร่วมครึ่งชั่วโมงแล้วไม่ได้ประตูสักที พอเข้า 15 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก เกมรุกลิเวอร์พูลก็เริ่มตันๆ ไป เป็นโอกาสให้สวอนซีเริ่มเก็บบอลเล่นได้บ้างและได้ลุ้นนิดๆ หน่อยๆ พอให้ตื่นเต้นบ้างจากการเร่งโยนบอลตั้งแต่ยังไม่สุดเส้น แต่บอลเข้าเขตโทษไปก็โดนคู่เซ็นเตอร์เก็บกินหมด จบครึ่งแรกที่สกอร์ 0-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ไอบ์สลับไปเล่นฝั่งซ้ายบ้าง แต่เกมรุกของลิเวอร์พูลยังเหมือนเดิมคือเจาะไม่ได้ พาบอลมาข้างหน้าได้ก็จริงแต่ช้า และจ่ายบอลเอาชนะแนวรับไม่ได้เลยไม่ว่าจะตรงกลางหรือโยนจากริมเส้น ส่วนสวอนซีกลับลงมาเล่นคล้ายเดิม เพิ่มเติมคือแดนกลางไล่ถึงบอลเร็วกว่าเดิมอีก

_______ ลิเวอร์พูลป้วนเปี้ยนอยู่รอบๆ เขตโทษอยู่นาน เจาะเองไม่เข้าสุดท้ายมาได้กรรมการช่วยเจาะ นาที 63 ไอบ์(ซึ่งสลับกับมาฝั่งขวา) เปิดบอลไปโดนแขนเทเลอร์ในเขตโทษ ผู้ตัดสินจะไม่เป่าแล้วแต่ผู้ช่วยให้สัญญาณก็เลยเปลี่ยนใจเป่าให้ มิลเนอร์ซัดไม่พลาดพาเด็กๆ ขึ้นนำ 1-0

_______ นาทีถัดมา เฮนเดอร์สันได้ลงสนามทำให้ทีมเล่นครบ 11 คนสักที ถึงตรงนี้รูปเกมเปลี่ยนไปมาก สวอนซีที่โดนแล้วหันมาเปิดเกมรุกทันที แบ็คเบิ๊คลอยขึ้นมาหมดเล่นเกมรุกเต็มตัว ส่วนลิเวอร์พูลเริ่มออกอาการแผ่วอย่างเห็นได้ชัด วิ่งไล่ถึงบอลได้ช้าลง ถอยลงไปรับมากขึ้น

_______ นาที 71 สเตอริดจ์ได้ลงแทนเบนเทเก้ ลิเวอร์พูลเล่นเน้นเอาชัวร์ เคาะบอลแดนหลังมาขึ้น ไล่ให้สวอนซีขึ้นมาไล่สูง ทำให้มีพื้นที่มุมธงให้เล่นแล้ว แต่ตัวเติมไม่มีสุดท้ายก็กลายเป็นพาบอลไปเปิดได้(บ้าง)แต่ไม่ได้ลุ้นอะไรจริงจัง

_______ ทางสวอนซียังได้ลุ้นบ้างจากการเปิดบอลจากริมเส้นตั้งแต่ยังไม่ถึงกรอบเขตโทษ แต่เข้าไม่ถึงบอล จังหวะหวาดเสียวส่วนใหญ่คือการโหม่งเคลียร์ไม่ขาดของแนวรับลิเวอร์พูลซึ่งสุดท้ายแล้วสวอนซีก็เก็บบอลไปส่องไม่ได้อยู่ดีนั่นแหล่ะ

_______ ช่วง 10 นาทีท้าย ลิเวอร์พูลเริ่มเก็บบอลสองได้แย่ลง ขยับตัวเข้าหาบอลช้าลงมาก เกมโต้ก็ไม่ค่อยมีและทำไม่ดี เก็บบอลเล่นก็ไม่ค่อยจะอยู่ แต่สิ่งที่ทำได้ดีต่อเนื่องคือเกมรับ พื้นที่สุดท้ายปิดได้เหนียวแน่น โยนเข้ามาก็โหม่งเคลียร์ได้ สวอนซีอย่าว่าแต่จะลุ้นประตู เอาแค่ง้างเท้ายิงหรือโหม่งให้โดนบอลยังแทบไม่มีโอกาส

_______ ช่วงทดเจ็บที่ทดกันตั้ง 5 นาที ลิเวอร์พูลยืนต่ำ คุมเกมไม่ได้ แต่อาศัยเกมรับเหนียวแน่นเอาตัวรอดมาได้แบบไม่ต้องเสี่ยงหัวใจวายนักและมินโยเล่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย นาที 90+4 ตูเร่ได้ลงแทนไอบ์ สุดท้ายลิเวอร์พูลเฉือนชนะสวอนซีไปได้ 1-0
-----------------------------------------

_______ เกมนี้เล่นใช้ได้นะ ถึงแม้ว่าเกมรุกจะดูแล้วเศร้าแต่เกมรับดูดีทีเดียว ยิ่งถ้าเทียบกับโจทย์คือ พึ่งเล่นยูโรป้ามา + ไม่มีคูตินโย่กับลูคัส + คู่ต่อสู้มาเน้นรับ แล้วยังชนะได้ต้องถือว่าทำได้ดีมากๆ หลังเกมยูโรป้านี่มันเป็นเกมยากมากจริงๆ นะ

_______ 11 ตัวจริงผมแปลกใจที่ไม่เลือกอัลเลนแต่กลับเลือกขยับมิลเนอร์เข้ามา คือด้วยสไตล์การเล่นก็ดี, คู่ต่อสู้(ที่จะมารับ)ก็ดี, ผลงานของมิลเนอร์ตอนเล่นตรงกลางก็ดี มันชวนให้คิดว่าอัลเลนน่าจะเหมาะกว่า แต่พอนึกถึงผลงานของอัลเลนยามลงสนามก็...อือ...เข้าใจคล็อป

_______ ส่วนในเกม อย่างที่บอกตอนต้น เกมรุกวันนี้ดูแล้วเศร้ามาก การประสานงานอย่าเรียกว่าไม่ดีให้เรียกว่าไม่มีจะตรงกว่า แนวรุกต่อบอลให้กันนับครั้งได้ แถวสองไม่มีมาเลย ลูกเตะมุมที่ได้เยอะแต่กดดันอะไรไม่ได้เลย

_______ แต่ในทางกลับกัน เกมรับของทีมวันนี้ดีมาก ในช่วงหนึ่งชั่วโมงแรกที่ยังมีแรงวิ่งกันอยู่ ทีมวิ่งตัดบอลกันได้ตั้งแต่สวอนซียังพาบอลไม่ถึงวงกลมด้วยซ้ำ คือบีบให้คู่ต่อสู้ต้องจ่ายขึ้นหน้ามาพลาดได้บ่อย จะวางมาให้เอเดอร์(หน้าเป้าสวอนซี)ก็จะโดนสเคอเทลตัดก่อน ต่อให้สเคอเทลพลาดก็ยังจะโดนลอฟเรนเก็บต่ออีกชั้น เรียกว่าเกมรุกของสวอนซีหมดพิษสงไปเลย

_______ และแม้แต่ในช่วงครึ่งชั่วโมงท้ายที่วิ่งไม่ออกแล้ว เกมรับมุมธงของทีมก็ถือว่าทำได้ดี ช่องระหว่างแบ็คกับเซ็นเตอร์ที่เคยมีปัญหาวันนี้ไม่เห็นช่องเลย การปิดพื้นที่หน้าเขตโทษก็ทำได้ดีคู่ต่อสู้เล่นงานอะไรไม่ได้ ที่มีปัญหาอยู่บ้างคือการโหม่งเคลียร์ไม่ขาดที่เห็นหลายครั้ง แต่ก็อย่างที่บอกคือต่อให้เคลียร์ไม่ขาดแล้ว จังหวะถัดมาก็ยังช่วยกันเคลียร์ซ้ำได้อยู่ดี

_______ เกมนี้คือเกมที่ทีมเล่นรับได้ ดีที่สุด ตัั้งแต่คล็อปคุมทีมมาเลยครับ

______ ...เป็นสามแต้มที่คู่ควรแล้ว
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นกันพอใช้ได้

มินโยเล่ - ไม่ได้เซฟเลย ไม่โดนกดดันด้วย ไม่ต้องออกมาเล่นนอกเส้น ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ถ้าจะมีอะไรที่ดูไม่ดีอยู่บ้างก็คงเป็นการไม่ยอมออกมารับบอลโด่งที่บางลูกบอลมาลึกและช้าพอที่เขาควรจะออกมารับได้

โมเรโน่ - ช่วงครึ่งแรกหาโอกาสเติมขึ้นมาเปิดบอลได้ดีได้ลุ้นอยู่หลายครั้ง ทั้งเกมเชื่อมเกมได้ดีไม่มีพลาด วันนี้เล่นเกมรับใช้ได้ พื้นที่มุมธงไม่โดนแหกและคู่ต่อสู้ได้เปิดแต่ลูกยากๆ ยิ่งถ้ามองจากมุมว่าสวอนซีพยายามจะขึ้นทางนี้ต้องถือว่าโมเรโน่เล่นได้ดีทีเดียว

ลอฟเรน - อยู่ในฟอร์มที่ดี ซ้อนแบ็คได้เร็ว สกัดลูกกลางอากาศได้หมด(แม้บางลูกจะไม่ค่อยไปไหนก็เถอะ) บอลตามช่องที่คู่ต่อสู้จ่ายเข้าเขตโทษมาในพื้นที่ของเขาก็ตัดได้หมด เล่นเป็นตัวสุดท้ายได้ไม่พลาดด้วย

สเคอเทล - เล่นจังหวะประกบเอเดอร์ได้เด็ดขาดดี แต่วันนี้สเคอเทลอ่านจังหวะบอลตกยังไม่รู้ กะพลาดไปหลายลูก ซ้อนแบ็คก็ช้ากว่าลอฟเรน ยังดีว่าการสกัดลูกกลางอากาศที่เป็นอาวุธหลักในการเข้าทำของสวอนซี สเคอเทลไม่พลาด

ไคลน์ - เกมรุกเติมไม่สุดและไม่ค่อยขึ้น เกมรับตอนสกอร์ 0-0 นี่เก็บกินเรียบ มีความเร็วที่จะตามไปปิดได้ทั้งลูกวางยาวหรือการพาบอลขึ้นหน้าเองของคู่ต่อสู้ แต่พอ 1-0 แล้วคู่ต่อสู้เปลี่ยนมอนเทโร่ลงมา+แบ็คเติมช่วย ไคลน์มีปัญหากับการปิดพื้นที่แถวสุดเส้นให้เห็นเหมือนกัน

ชาน - โอ้โห~ หล่อนะนัดนี้ โอเค ก็จริงว่ายังมีจังหวะจับบอลนานให้เห็นเป็นระยะ แต่ก็โดนแซะน้อย ที่สำคัญคือเขาสามารถวิ่งเข้าถึงบอลได้เร็ว หรือถ้าเข้าไม่ทันก็ยังปิดพื้นที่หน้าเขตโทษได้เยี่ยมเลย ไม่มีจังหวะโดนพลิกให้เซ็นเตอร์ต้องงานเข้า เป็นกองกลางที่ฟอร์มดีที่สุดของทีมวันนี้

มิลเนอร์ - ครึ่งแรกโชว์แซะสวยๆ จนทีมเอาไปบุกฉาบฉวยได้ดีหลายครั้ง และยังเป็นหัวหอกสำคัญในการวิ่งไล่จนสวอนซีไปไม่เป็นเล่นไม่ได้ แต่พอครึ่งหลังก็เริ่มแผ่ว วิ่งได้น้อยลง เข้าถึงบอลช้าลง และทั้งเกมมีส่วนร่วมกับเกมรุกน้อย ลุ้นให้กองหลังสวอนซีจ่ายบอลพลาดยังตื่นเต้นน่าลุ้นกว่ารอมิลเนอร์จ่ายบอลดีๆ ให้เพื่อนอีก

ไอบ์ - ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าไอบ์เป็นคนที่มีส่วนร่วมกับเกมรุกมากที่สุดในทีม เขาทำได้ยอดเยี่ยมในการว่ิ่งทำทาง หาที่ว่างรับบอล เป็นแนวรุกคนเดียวที่กดดันคู่ต่อสู้ได้ แต่พอได้บอลแล้วคิดพลาดทำพังตลอดเวย์ ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมว่าเขานี่แหล่ะเรียกจุดโทษให้ทีมได้

ลัลลาน่า - นัดนี้เล่นสไตล์แมงหวี่ คืองุ้งงิ้งๆ อะไรอยู่รอบเขตโทษคู่ต่อสู้ตลอดเวลาแต่หาสาระไม่ได้ หลังจากโชว์จ่ายทะลุตามช่องให้ไอบ์หลุดในช่วงต้นเกมแล้วหลังจากนั้นลัลลาน่าก็เหมือนลงมาวิ่งไล่อย่างเดียว

เบนเทเก้ - เก็บบอลเล่นได้น้อย ประสานงานกับเพื่อนไม่ได้ โหม่งชงหรือจ่ายเมื่อไหร่มีค่าเท่ากับส่งคืนคู่ต่อสู้หมด แม้จะรักษาตำแหน่งและค้ำแนวรับได้ดี แต่เวลาอยู่ในเขตโทษเคลื่อนที่น้อยไป เป็นเป้านิ่งให้ประกบง่ายและเพื่อนจ่ายให้ยาก

ตัวสำรอง

เฮนเดอร์สัน - ลงมาวิ่งไล่กลางสนามได้ดี แต่นอกนั้นก็ไม่ได้ทำอะไร

สเตอริดจ์ - เสียงปรบมือดังสนั่นแอนฟิลด์ตอนเขาถูกเปลี่ยนลงมานับเป็นจังหวะที่น่าตื่นเต้นที่สุดแล้ว

ตูเร่ - ถ้าทด 10 นาทีก็คงได้ลงตอน 90+9 คือเปลี่ยนเพื่อทำลายจังหวะเกมคู่ต่อสู้อย่างเดียวเลย

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...เดยัน ลอฟเรน… ไม่มีคู่แข่งเลยครับ แนวรุกแต่ละคนนี่ต้องไปแย่งมั่วออฟเดอะแมทช์กันมากกว่า ลอฟเรนเล่นดีกว่าสเคอเทลเห็นๆ เด่นกว่าชานที่ไม่ใช่จุดโจมตีของคู่ต่อสู้ (สวอนซีเน้นโยนยัด ไม่เจาะกลาง) และเป็นคนจัดการการเข้าทำของคู่ต่อสู้ได้มากที่สุดในทีม  อ่านถึงตรงนี้คงพอเดาได้แล้วนะว่าคำโปรยวันนี้ผมไม่ได้หมายถึงแค่คนในรูป
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น