วันอังคารที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ลิเวอร์พูล 1-1 บาเซิล (UCL)



...ได้ใจ ไม่ได้ชัย...
___________________________

ลิเวอร์พูลเริ่มด้วย 4-2-3-1

-----------------------แลมเบิร์ต-------------------------
---เฮนเดอร์สัน-------เจอราร์ด----------สเตอลิ่ง------
---------------อัลเลน-----------ลูคัส--------------------
เอนริเก้------ลอฟเรน---------สเคอเทล-----จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่--------------------------

_______ ลิเวอร์พูลได้เล่นในบ้านในเกม UCL นัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มซึ่งต้องชนะทีมเยือนอย่างบาเซิลให้ได้เท่านั้นจึงจะเข้ารอบ ร็อดเจอร์ปรับทีมเล็กน้อย น่าแปลกใจนิดหน่อยกับรายของเอนริเก้ที่โผล่มามีชื่อในเกมสำคัญ และการสลับฝั่งกันระหว่างเฮนเดอร์สันกับสเตอลิ่ง
-------------------------------------------------------

_______ ช่วงเริ่มเกมพยายามไล่บอลกันเร็วตั้งแต่แดนหน้าทั้งสองฝ่าย เกมยังไม่ปะติดปะต่อมากนักทั้งคู่ ลิเวอร์พูลเน้นเกมรุกทางฝั่งขวาเป็นหลัก ส่วนบาเซิลเน้นขึ้นบอลไปข้างหน้าเร็วและพยายามเล่นบอลจังหวะเดียว

_______ ยิ่งเล่นบาเซิลยิ่งเริ่มดูดีกว่าทีละน้อย ตัดบอลกลับมาได้เร็วกว่าและพาบอลไปถึงเขตโทษได้บ่อยกว่า ส่วนทางลิเวอร์พูลเอาบอลขึ้นหน้าได้น้อยลง แดนกลางเริ่มวิ่งไม่ถึงบอลเพราะบาเซิลจ่ายบอลหนีออกได้เร็ว แต่พื้นที่สุดท้ายแนวรับลิเวอร์พูลยังสกัดกันได้ดีอยู่

_______ ด้วยความที่แดนกลางตกเป็นรองและบาเซิลได้เปิดบอลเข้าทำอยู่เรื่อยๆ ในที่สุดแนวรับลิเวอร์พูลก็มาพลาดจนได้ นาที 25 จากการประสานงานต่อบอลของบาเซิลเปิดพื้นที่ฟรายให้ได้ยิงไกลหน้าเขตโทษเสียบเสาไกลเข้าไป 1-0

_______ หลังจากสกอร์ขยับ บาเซิลยังเล่นเหมือนเดิมไม่ได้ถอยไปรับ บอลตักข้ามแผงหลังกดดันแนวรับลิเวอร์พูลได้เยอะทีเดียว และแดนกลางก็ยังดูดีกว่าทั้งเกมรุกและรับ ลิเวอร์พูลพอได้ลุ้นจากจังหวะฉาบฉวยบ้างแต่ไม่มากนัก เกมรุกยิ่งเล่นยิ่งดับ มีเพียงเกมรับในพื้นที่สุดท้ายที่ยังพอประคองตัวเองรอดไปได้จนจบครึ่งแรกที่สกอร์ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ร็อดเจอร์ส่งโมเรโน่กับมาลโควิชลงมาแทนเอนริเก้กับแลมเบิร์ต โมเรโน่เล่นตามตำแหน่ง มาลโควิชลงมาเล่นทางขวาขยับสเตอลิ่งขึ้นหน้า รวมไปถึงดันแผงหลังขึ้นสูง เน้นขึ้นเกมริมเส้นทั้งสองฝั่งให้มากขึ้นกว่าครึ่งแรก และฝากบอลไปที่มาลโควิชเยอะมาก ส่วนทางบาเซิล เข้าครึ่งหลังแล้วก็ยังเล่นเหมือนเดิม ยังคงชะลอการขึ้นเกมของลิเวอร์พูลได้ดี และทำเกมรุกเร็วกดดันได้

_______ ลิเวอร์พูลทำได้ดีกว่าในครึ่งแรก พาบอลขึ้นหน้าได้ แม้จะช้าอยู่แต่เอาขึ้นไปได้ต่อเนื่องมากขึ้น และจังหวะเปิดบอลเข้าทำก็มีมากขึ้นตามไปด้วย ส่วนบาเซิลได้บอลน้อยกว่า บุกน้อยกว่า แต่ได้ลุ้นประตูไม่แพ้กัน

_______ เกมมาเปลี่ยนในนาที 60 มาลโควิชครองบอลอยู่แต่เอามือป่ายไปฟาดโดนหน้าคู่ต่อสู้ กรรมการควักใบแดงไล่ออกทันทีเล่นเอาอึ้งกันไปทั้งสนาม (และหน้าจอทีวีด้วย) ลิเวอร์พูลเหลือ 10 คน, ต้องการ 2 ประตู และเหลือเวลาแค่ 30 นาที

_______ หลังจากมีผู้เล่นมากกว่า บาเซิลพยายามครองบอลมากขึ้นและทำได้ดีพอควร ส่วนทางลิเวอร์พูลพอเหลือ 10 คนก็ไม่ได้หน้างอคอหัก ยังคงพยายามเดินหน้าบุกต่อ ซึ่งแม้จะโดนบาเซิลชิงบอลไปครองได้มากขึ้นกว่าช่วงก่อนหน้า แต่เกมรุกลิเวอร์พูลยังบุกได้ถึงหน้าเขตโทษเหมือนกัน

_______ นาที 74 คูตินโย่ได้ลงมาแทนลูคัส ลิเวอร์พูลปรับมาเล่นหลัง 3 เอาสเคอเทลยืนขวา ลอฟเรนกลาง ซ้ายเป็นจอห์นสัน และเล่นเกมรุกได้กดดันคู่ต่อสู้มากขึ้นกว่าเดิม แล้วก็มาทำได้สำเร็จในนาที 81 สเตอลิ่งเรียกฟาล์วหน้าเขตโทษได้ เจอราร์ดรับหน้าที่ยิงข้ามกำแพงเช็ดเสาแรกเข้าไปได้ ตีเสมอเป็น 1-1

_______  ถูกตีเสมอแล้วบาเซิลยังรักษาเกมของตัวเองได้ค่อนข้างดี ยังโต้ขึ้นมาได้และวิ่งไล่ให้ลิเวอร์พูลขึ้นเกมได้ลำบากเป็นระยะ เพียงแต่ว่าเริ่มเห็นความกดดันบ้างแล้ว การออกบอลพลาดหรือเตะสาดทิ้งมีให้เห็นมากขึ้น ส่วนทางลิเวอร์พูลที่มีอยู่ 10 คน เดินหน้าเล่นเกมรุกกดดันได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเจอราร์ดที่ตั้งแต่ทีมเหลือ 10 คน ยิ่งเล่นยิ่งดี โดยเฉพาะการให้บอลตามช่องกดดันคู่ต่อสู้ได้ตลอด

_______ ช่วงท้ายๆ เกม สเคอเทลถูกดันไปเล่นหน้าเป้า ลิเวอร์พูลยังบุกได้ลุ้นอยู่ตลอด มีโอกาสจบสกอร์ทั้งจากยิงและโหม่ง, เกมเปิดและลูกตั้งเตะ แต่แนวรับบาเซิลยังช่วยกันสกัดไว้ได้หมด ผู้รักษาประตูก็เซฟสำคัญได้หลายลูก สุดท้ายลิเวอร์พูลก็ทำไม่สำเร็จอย่างน่าเสียดายเพราะท้ายเกมได้ลุ้นเยอะจริงๆ จบเกมที่สกอร์ 1-1 ตกรอบ UCL และต้องไปตะลุยยูโรป้ากันต่อไป
-----------------------------------------

_______ ครึ่งแรกสู้ไม่ได้ ครึ่งหลังดีขึ้น แต่มาเริ่มดีกว่าจริงๆ ตอนเหลือ 10 คนครับ

_______ 11 ตัวจริงผมแปลกใจกับเอนริเก้ไม่น้อย คือเจ้าตัวไม่ค่อยได้ลงเล่น และครั้งสุดท้ายที่ลงก็ดูเหมือนยังมีปัญหาความฟิตอยู่นิดหน่อย ไม่คิดว่าจะได้เป็นตัวจริงเกมสำคัญแบบนี้ ส่วนการตั้งใจสลับฝั่งเอาสเตอลิ่งไปขึ้นขวา ทั้งๆ ที่เล่นซ้ายติดๆ มาหลายนัดแล้ว คงเป็นเพราะตั้งใจเน้นเกมรุกฝั่งขวาเท่านั้นเอง

_______ การวางอัลเลนกับลูคัสพ่วงเฮนเดอร์สันมาด้วย ชัดเจนว่าร็อดเจอร์จะยังไม่เปิดหน้าแลกในครึ่งแรกเน้นเล่นรัดกุมเป็นหลักซึ่งผมเห็นด้วย ซึ่งจะว่าไปเกมรับในครึ่งแรกไม่แย่(เทียบกับนัดก่อนๆ ไม่ได้บอกว่านี่ดีแล้ว) พื้นที่สุดท้ายตั้งรับได้รัดกุม แต่ตอนเล่นจริงเป็นบาเซิลที่ทำได้ดีกว่าเอามากๆ โดยเฉพาะการเล่นเป็นทีม ในเกมรับวิ่งไล่กันเป็นกลุ่มและทุกคนวิ่งได้ตลอด ในเกมรุกเล่นกันแบบรู้ใจ เล่นบอลจังหวะเดียวพลาดเองน้อยมาก ให้ถูกช่องได้น้ำหนักตลอด ทำให้แดนกลางเสร็จบาเซิลแหงแก๋ การครองบอลอาจไม่ต่างกันมาก แต่การได้บอลของบาเซิลนี่มาจ่อคอหอยอยู่หน้าเขตโทษบ่อย ในขณะที่การได้บอลของลิเวอร์พูลคือจ่อคอหอยตัวเองอยู่ในแดนเป็นส่วนมาก
_______ ครึ่งแรกบาเซิลดีกว่าชัดเจนครับ

_______ ครึ่งหลัง การเปลี่ยน 2 คนของร็อดเจอร์ผมเห็นด้วยมากๆ กับคนที่ลงมา แต่ค่อนข้างแปลกใจกับคนที่ออกไป ในรายโมเรโน่ลงมาแล้ววิ่งขึ้นลงได้ สภาพความฟิตดีกว่าเอนริเก้ชัดเจน เปิดบอลได้มากกว่าด้วย ประเด็นคือแล้วทำไมไม่เอาโมเรโน่ลงตัวจริงแต่แรก ส่วนในรายมาลโควิช ลงมาเปลี่ยนเกมได้จริง แต่ดันเอาแลมเบิร์ตออกซะงั้น จริงๆ แล้วแลมเบิร์ตครึ่งแรกเล่นไม่ดีเลยครับ แต่ถ้าดูว่าเราไม่มีกองหน้าเหลืออีกแล้ว การถอดกองหน้าออกไปในสถานการณ์นั้นมันเหมือนลดอาวุธในมือตัวเองไปซะอย่างนั้น ทำไมไม่เลือกเปลี่ยนแดนกลางคนใดคนหนึ่งออก

_______ ส่วนคูตินโย่ ผมว่าถ้ามาลโควิชไม่โดนไล่ออกไปก่อน คงได้ลงเร็วกว่านั้นอยู่แล้วครับ และการปรับเล่นหลัง 3 ถือว่าเสี่ยงได้ดีเช่นกัน

_______ ใบแดงของมาลโควิช ความเห็นผมคือแค่เหลืองครับ อย่างรู้เหมือนกันว่าคนอื่นคิดยังไง นี่ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเกมเลย เพราะก่อนหน้าโดนไล่ออก ลิเวอร์พูลก็มีแนวโน้มว่าเกมรุกดีขึ้นเรื่อยๆ อยู่แล้ว

_______ ส่วนรูปเกมที่ดูมากในช่วงที่เหลือ 10 คน เป็นสิ่งที่น่าประทับใจ ได้ใจมากครับ เพราะมันดีขึ้นจากผู้เล่นลิเวอร์พูลเอง วิธีเล่นและฟอร์มของผู้เล่นบาเซิลไม่ได้ดรอปลงไปสักเท่าไหร่ แต่เป็นลิเวอร์พูลที่ขยับฟอร์มตัวเองขึ้นมาได้ เกมนี้่เจอราร์ดเล่น 30 นาทีสุดท้ายได้บ้าคลั่งมากครับ ทำเกมรุกกดดันได้ตลอด แดนกลางจากที่เอาบอลขึ้นช้า กลายเป็นสถานการณ์บังคับแล้วเล่นเร็วได้ดี ในขณะที่แนวรับที่ต้องยืนห้อยกันสูงๆ จังหวะตัวต่อตัวเข้าบอลกันแม่นไม่น่าเชื่อ ในครึ่งหลังมันมีจังหวะไม่ต่ำกว่า 10 ครั้งครับที่บาเซิลวางยาวมาให้กองหน้าได้ด้วยตัวต่อตัว เบียดไหล่ต่อไหล่ไปกับกองหลังลิเวอร์พูล แต่ก็เอาตัวรอดจัดการคู่ต่อสู้ได้ โดนพาไปยิงในพื้นที่อันตรายน้อยกว่าที่ควรจะเป็น...ถ้าดูจากรูปเกมที่ต้องเปิดหน้าแลก+เหลือ 10 คน

_______ อยากให้ความมั่นใจและความดุดันที่เห็นตลอดครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของเกมนี้อยู่กับทีมไปนานๆ ครับ

_______ ส่วนตัวแล้วไม่อยากไปยูโรป้าเท่าไหร่ครับ ทีมจากอังกฤษไปเล่นยูโรป้าผลงานในลีคนี่อเน็จอนาจกันแทบทุกทีมทุกปี แต่ถึงตรงนี้ไม่อยากเล่น(หรือเชียร์)ก็ต้องเล่นละครับ จะลุ้นให้แพ้ตกรอบก็ยังไงอยู่
-------------------------------

นัดนี้เล่นครึ่งหลังได้ดี

มินโยเล่ - ลูกแรกยืนขาตายไปหน่อย แต่หลังจากนั้นก็เล่นได้ไม่ผิดพลาด ออกมาเล่นห่างเส้นได้ค่อนข้างดี เซฟลูกสำคัญได้ทำให้ทีมมีหวังจนถึงนาทีสุดท้าย

เอนริเก้ - ช่วยเชื่อมเกมได้ไม่ดีนัก เอาบอลไปตายพอควร เกมรุกไม่มี ส่วนเกมรับยังน่าพอใจไม่ได้รั่วหลวมอะไร

ลอฟเรน - ฟอร์มส่วนตัวเล่นได้ดี โดยเฉพาะครึ่งหลังที่ต้องประกบตัวต่อตัวหาจังหวะเข้าบอลได้แม่น หยุดคู่ต่อสู้ได้และบางครั้งก็ตัดบอลกลับมาได้เลยด้วยไม่ใช่แค่สกัดออก 

สเคอเทล - เป็นวันที่เล่นได้ดี ลูกกลางอากาศช่วยได้ไม่น้อย(ส่วนหนึี่งเพราะบาเซิลไม่เน้นโยนเข้าทำด้วย) ประกบคู่ต่อสู้และเล่นจังหวะตัวต่อตัวได้ดี ผ่านบอลใช้ได้แม้จะโดนวิ่งไล่อยู่ตลอด

จอห์นสัน - เติมขึ้นไปรับบอลเล่นเกมรุกได้ดีในครึ่งแรก แต่เล่นในพื้นที่สุดท้ายไม่ดีเลยไม่ว่าจะเปิดหรือเลี้ยงบอลจี้ รวมไปถึงการลงไปปิดพื้นที่ไม่ค่อยทัน ส่วนครึ่งหลังช่วงมี 11 คนก็ยังเชื่อมเกมได้พอใช้ ตอนเหลือ 10 คนหนักไปทางเล่นเกมรับและเชื่อมเกมในแดนหลังทำได้ไม่เลว

ลูคัส - เจอบอลจังหวะเดียวของบาเซิลเล่นงานจนหาบอลแทบไม่เจอ วิ่งตลอดแต่เข้าไม่ทันบอล เกมรับชะลอเกมแดนกลางของคู่ต่อสู้ได้น้อย การเชื่อมเกมก็ดูไม่ดีด้วย จ่ายบอลขึ้นหน้าไม่ได้/จ่ายพลาดให้เห็นพอควร

อัลเลน - ชะตากรรมคล้ายลูคัส วิ่งเยอะแต่วิ่งไม่ค่อยทันบอล การเชื่อมเกมดูดีกว่าลูคัสเล็กน้อย และในครึ่งหลังวิ่งหาที่ว่างรับบอลได้ดีขึ้นกว่าครึ่งแรก

เฮนเดอร์สัน - ตลอดเกมเกมรับช่วยได้ไม่มากนัก และการเชื่อมเกมหรือเล่นเกมรุกตลอดครึ่งแรกก็ไม่ดีเลย ครึ่งหลังฟอร์มกระเตื้องขึ้นบ้างและดีขึ้นเรื่อยๆ จนช่วงท้ายเกมมีส่วนร่วมกับจังหวะเข้าทำสุดท้ายของทีมไม่น้อยเลย

สเตอลิ่ง - ครึ่งแรกได้บอลเยอะมากแต่ทำเกมกดดันคู่ต่อสู้ได้ไม่มากนัก ครึ่งหลังไม่ต้องเลี้ยงจี้เองเหมือนครึ่งแรกแค่วิ่งทำทางไปเอาบอลซึ่งดูจะทำให้สเตอลิ่งเล่นได้เป็นประโยชน์กับทีมมากขึ้น แต่โดยรวมแล้วนอกจากการวิ่งไปรับบอลแนวลึกกับล้มเรียกฟาล์ว เจ้าตัวก็ไม่ได้ทำอะไรอื่นอีก

เจอราร์ด - ครึ่งแรกเงียบมาก เกมรุกพยายามออกบอลยากๆ หลายครั้งก็พลาดแทบทุกครั้ง ครึ่งหลังที่ทีมได้บอลมากขึ้นก็เริ่มเล่นเกมรุกได้ดีขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่เหลือ 10 คนเจอราร์ดออกบอลได้น่ากลัวกดดันแนวรับได้ตลอด ช่วยยิงฟรีคิกตีเสมอได้ด้วย

แลมเบิร์ต - เล่นได้นิ่งมาก คือแทบไม่รู้เลยว่าแกทำอะไรอยู่ในสนาม

ตัวสำรอง

โมเรโน่ - เล่นเกมรุกพอใช้ วิ่งทำทางรับบอลได้เรื่อยๆ และได้เปิดบอลบ้าง การเชื่อมเกมน่าพอใจ เกมรับออกแนวลูกทุ่งพุ่งอัดไปหน่อย ชั้นเชิงบังเบียดอะไรไม่ค่อยจะมี

มาโควิช - ลงมาอย่างพริ้ว เคลื่อนที่ได้ดูดีที่สุดตั้งกะย้ายมา มีส่วนร่วมกับเกมรุกเยอะ จังหวะใบแดงโชคร้ายไปหน่อยแต่ส่วนหนึ่งก็ต้องโทษตัวเองด้วยที่ไม่เนียนเอง

คูตินโย่ - พลิกบอลขึ้นหน้าได้ดี เคาะกลับหลังน้อยมาก แต่บทบาทส่วนใหญ่อยู่แค่เชื่อมเกม ไม่ค่อยได้เข้าไปมีส่วนร่วมในจังหวะสุดท้ายเท่าไหร่

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...สตีเว่น เจอราร์ด… ยังคงเป็นแบ็ทแมนของก็อดแธมต่อไป ในช่วงเวลาย่ำแย่อย่างตอนนี้ยังหาใครมาจุดประกายให้ทีมแบบที่เจอราร์ดทำไม่ได้เลย
------------------------------------------------------------

เครดิตภาพจาก FB ทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments. 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น