วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เบิร์นลี่ 0-1 ลิเวอร์พูล(พรีเมียร์ลีค)




...สะเทือนใจ น้ำตาไหลพราก พัง...
___________________________

ลิเวอร์พูลยังคงเล่น 3-4-1-2

------------------------สเตอลิ่ง-------------------------
-----------ลัลลาน่า--------------คูตินโย่---------------
มาร์โควิช-------ลูคัส-------เจอราร์ด-----เฮนเดอร์สัน
--------ซาโก้--------สเคอเทล-------ตูเร่-------------
-------------------------โจนส์---------------------------

_______ ลิเวอร์พูลออกไปเยือนเบิร์นลี่ในเกมพรีเมียร์ลีควันบ็อคซิ่งเดย์ นัดนี้ร็อดเจอร์เลือกใช้ 11 ตัวจริงชุดเดิมยกชุดจากนัดก่อน
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาทั้งสองฝ่ายเล่นกันแบบระวังตัวทั้งคู่ เกมช้า ค่อยๆ ต่อบอลเล่นกันไป เบิร์นลี่ได้ครองบอลบุกมากกว่าแต่เกมรุกก็ไม่ค่อยไปไหน ส่วนลิเวอร์พูลเอาบอลไปข้างหน้าได้น้อยเช่นกัน โอกาสได้ลุ้นประตูมีไม่มากนักทั้งสองทีม

_______ ประมาณนาที 14 เบิร์นลี่ย์ได้โอกาสยิงในกรอบเขตโทษ โจนส์ยืนขาตายแล้วแต่บอลไปชนเสา ลิเวอร์พูลรอดตัวไปอย่างหวุดหวิด และนาที 16 มินโยเล่ก็ได้ลงมาแทนโจนส์ (เข้าใจว่ามีอาการบาดเจ็บ)

_______ ยิ่งเล่นเบิร์นลี่ยิ่งทำได้ดีกว่ามากขึ้นเรื่อยๆ ขยันวิ่งไล่และวิ่งทำทางรับบอลกันมากกว่าลิเวอร์พูลอย่างชัดเจน เกมรุกริมเส้นก็พาบอลมาถึงมุมธงและได้เปิดเข้ากลางไปลุ้นในกรอบอย่างต่อเนื่อง ส่วนลิเวอร์พูลในเกมรับยืนกันต่ำมาก หยุดเกมคู่ต่อสู้ที่กลางสนามแทบไม่ได้ และครองบอลได้น้อยมาก

_______ เบิร์นลี่ครองบอลได้มากกว่า เก็บบอลจังหวะสองในเกมรุกของตัวเองได้แทบจะ 100% เรียกว่าถ้าบอลไม่หลุดออกข้างสนามต้องเด้งกลับไปเข้าเท้าเบิร์นลี่ มีโอกาสลุ้นประตูอยู่ตลอดแต่ยิงหลุดกรอบกันออกไปเอง ส่วนลิเวอร์พูลตั้งเกมไม่ได้ ครองบอลไม่ได้ เปลี่ยนรับเป็นรุกไม่ได้ โดนบีบให้ต้องวางยาวไปที่ว่างให้สเตอลิ่งก็เก็บบอลไม่ได้ ยังดีที่จบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 0-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ชานถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทนตูเร่ในช่วงพักครึ่ง โดยลงมาเล่นแทนตำแหน่งตูเร่เลยไม่ได้มีการปรับแทคติคหรือตำแหน่งการยืนแต่อย่างใด

_______ ลิเวอร์พูลเริ่มครึ่งหลังด้วยการดันกันขึ้นมาเล่นเกมรุกมากขึ้น เกมดูดีกว่าครึ่งแรกคือได้ครองบอลมากขึ้น ได้ต่อบอลกันในแดนคู่ต่อสู้มากขึ้น แต่รูปเกมโดยรวมยังเป็นเบิร์นลี่ที่ทำได้ดีกว่าอยู่เหมือนเดิม ยังดีว่าการเปิดบอลเข้าทำและการจบสกอร์ของเบิร์นลี่ก็ยังไม่ได้พัฒนาจากครึ่งแรก ทำให้เกมยังอยู่ที่ 0-0

_______ นาที 62 จากจังหวะไม่น่ามีอะไร แดนกลางเบียดโหม่งลูกโด่งกันปกติ บอลมาเข้าทางคูตินโย่ที่ยังหันหลังให้ประตูรีบกระดกบอลเร็วข้ามหัวแนวรับไปเข้าทางสเตอลิ่งที่วิ่งนำขึ้นไปพอดี ทำให้สเตอลิ่งได้บอลหลุดเดี่ยวไปกระชากหลบผู้รักษาประตูที่วิ่งสวนออกมาและยิงเข้าไปได้สำเร็จ 1-0

_______ หลังจากลิเวอร์พูลขึ้นนำ เบิร์นลี่เร่งเกมรุกมากขึ้นจนลนลานออกบอลผิดพลาดกันไปเองมากกว่าช่วงก่อนหน้า แต่เกมโดยรวมพวกเขาก็ยังดูดีกว่า เกมริมเส้นได้เปิดบอลอย่างต่อเนื่องและพื้นที่หน้าเขตโทษก็เอาชนะได้อย่างง่ายดาย ได้ลุ้นยิงจากแถวๆ หน้าเขตโทษบ่อยมาก รวมไปถึงโหม่งหรือยิงซ้ำจากจังหวะเก็บตกก็บ่อย ลูกเตะมุมก็ได้ลุ้นเป็นระยะ แต่ทุกครั้งที่ได้โอกาส พวกเขายิงหลุดกรอบหมด ส่วนทางลิเวอร์พูลแม้จะได้ประตูนำและเล่นกันได้มั่นใจขึ้นเล็กน้อย ออกบอลพลาดน้อยลง แต่เกมก็ไม่ได้ดูดีขึ้นตรงไหน เกมรุกยังคงไม่ต่อเนื่องและพาบอลไปไม่ค่อยถึงเขตโทษเหมือนเดิม

_______ นาที 74 แลมเบิร์ตได้ลงมาแทนคูตินโย่ สลับเอาสเตอลิ่งไปเล่นแทนตำแหน่งคูตินโย่แล้วใช้แลมเบิร์ตเป็นหน้าเป้า ลิเวอร์พูลเริ่มครองบอลได้เยอะขึ้นแต่ไม่ได้ครองเกมเหนือกว่า โอกาสลุ้นประตูยังคงน้อยมากและไม่มีโอกาสจะแจ้งเลย ส่วนทางเบิร์นลี่ก็ยังตั้งหน้าตั้งตากระหน่าฆ่าล้างโคตรนกต่อไปอย่างอำมหิต รวมทั้งเกมได้ยิงไม่น่าจะต่ำกว่า 20 ครั้งแต่มินโยเล่ไม่ได้เซฟเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทำให้จบเกมเบิร์นลี่แพ้ลิเวอร์พูลไปอย่างน่าสงสาร 1-0
-----------------------------------------

_______ ปกติแล้วถ้าได้ 3 แต้ม ยังไงก็ต้องดีกว่าได้แค่ 1 หรือไม่ได้เลยครับ แต่สำหรับนัดนี้...ขอยกเว้นที่จะคิดแบบนั้นไว้สักนัดเถอะ

_______ 11 ตัวจริงชุดเดิม เล่นแทคติคเดิม แต่ผลงานนี่คนละโลกคนละจักรวาลคนละกาลอวกาศกับนัดอาร์เซนอลเลย

_______ ไม่มีคำพูดใดจะอธิบายเกมของลิเวอร์พูลในวันนี้ได้ดีกว่าคำว่า “พัง” ครับ

_______ ถ้ายังจำกันได้ นัดก่อนผมเขียนไว้เองว่า ผู้เล่นยังเล่นเพื่อผู้จัดการทีมอยู่ ยังวิ่งไล่ ยังพยายาม แม้แต่ในสถานการณ์ย่ำแย่อย่างสกอร์ตามหลังหรือเหลือผู้เล่น 10 คน แต่นัดนี้ตรงกันข้ามเลยครับ พวกเขาไม่แสดงอาการอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าอยากชนะเลย

_______ เกมรับวิ่งไล่กันน้อยมาก ได้บอลแล้วก็วิ่งทำทางกันน้อยมาก ช่วยกันเติมเกมรุกน้อยมาก ต่างคนต่างเล่นกันไปคนละทิศละทาง ไม่รู้ว่าเหนื่อยกายเพราะเล่นติดๆ กันมาหลายนัด หรือว่าเหนื่อยใจกับผลงานของทีมก็ไม่ทราบได้ แต่สิ่งที่เห็นในสนามวันนี้แย่มากจริงๆ ครับ

_______ เกมรับวันนี้พีคมาก จี๊ดใจมาก เกมรับริมเส้นเปิดช่องให้คู่ต่อสู้ได้เล่นและโยนเข้ามาตลอดทั้งเกม เกมกลางสนามหยุดคู่ต่อสู้ไม่ได้เลย กว่าเบิร์นลี่จะทำบอลตายคือจังหวะสุดท้ายแล้วเป็นส่วนใหญ่ การสกัดบอลก็ไม่เด็ดขาดปล่อยให้คู่ต่อสู้เก็บบอลเอามารุกต่อได้ ก็คิดง่ายๆ ว่าเกมรุกระดับทีมรองบ๊วยอย่างเบิร์นลี่ได้ยิงร่วม 20 ครั้ง(ไม่ได้เชค stat แต่น่าจะราวๆ นั้น) ก็น่าจะพอเห็นภาพว่าเกมรับของทีมมันอ่อนนุ่มละมุนลิ้นแค่ไหน

_______ ส่วนเกมรุกก็สะเทือนซางไม่แพ้กัน เปลี่ยนรับเป็นรุกได้ช้า หลายจังหวะก็ออกแนวเปลี่ยนรุกเป็นรับเสียมากกว่า ไม่ช่วยกันเล่น ไม่วิ่งทำทาง เสียบอลเร็ว และเก็บบอลจังหวะสองในเกมรุกของตัวเองนับครั้งได้ มันไม่ใช่ปัญหาแบบ “จบสกอร์ไม่เด็ดขาด” หรือ “ไม่มีไอเดียเข้าทำ” แล้วนะครับนัดนี้ มันคือปัญหาแบบ “เกมรุกคืออัลยัยเหยออ~” แบบนั้นเลย โชคดีมากๆ นะครับที่ได้ประตู ซึ่งลูกนั้นก็ต้องชมคูตินโย่ที่พยายามจะเล่นเร็ว และสเตอลิ่งกับเจอราร์ดที่วิ่งทำทาง แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีโชคไม่น้อยเพราะคูตินโย่จ่ายไปตามสัญชาติญาณล้วนๆ ไม่ได้เล็งอะไรหรอก แต่บอลเข้าทางพอดี (อาจจะตั้งใจจ่ายให้เจอราร์ดด้วยซ้ำแต่บอลผิดเหลี่ยม) ซึ่งนั่นก็แทบจะเป็นครั้งเดียวในเกมที่ลิเวอร์พูลมีจังหวะเข้าทำแบบที่เรียกได้เต็มปากว่าเอาชนะคู่ต่อสู้

_______ นี่เราเล่นกับเบิร์นลี่นะครับ เกมรุกเจาะได้ครั้งเดียวนี่ไหวหรือ?

_______ ที่สะเทือนใจที่สุดของนัดนี้คือเบิร์นลี่...ก็ไม่ได้เล่นดีครับ คือถ้าเล่นได้แบบ...ดีที่สุดในฤดูกาลก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เล่นได้ธรรมดาสามัญประจำบ้านมากกกกกก ไม่ว่าจะเกมรุกเกมรับ ถึงอย่างนั้นเกมรุกพวกเขาได้ยิงเรื่อยๆ เกมรับก็แทบไม่โดนกดดันเลย และโชคดีสำหรับเราครับว่าพวกเขาจบสกอร์ได้พินาศอนาถใจมากๆ ไม่แน่ใจว่าตลอดเกมยิงเข้ากรอบได้สักครั้งมั้ยด้วยซ้ำ

_______ ย้อนกลับมาลิเวอร์พูล เรื่องตัวจริงกับแทคติคเริ่มเกมก็ปล่อยไปตามใจฝันเถอะครับ ร็อดเจอร์คิดว่าลงตัวก็ว่าตามเค้าแล้วกัน การเปลี่ยตัวโจนส์ออกเข้าใจว่ามีอาการบาดเจ็บ เพราะจังหวะก่อนหน้าที่เบิร์นลี่ยิงชนเสา โจนส์ทำไม่ได้แม้แต่ล้มตัวน่าจะเป็นเพราะบาดเจ็บจริงๆ ก็ขอข้ามไป แต่การเปลี่ยนตัวอีก 2 ครั้งนั้น...อึ้งเลยครับ

_______ ผมนึกหาเหตุผลอะไรใดๆ ไม่ออกทั้งสิ้นกับการเปลี่ยนเอา ชานแทนตูเร่ ในช่วงพักครึ่ง เพราะเปลี่ยนแล้วก็ไม่ได้ปรับแทคติคอะไร แล้วจะเปลี่ยนกองกลางลงไปเล่นกองกลังแทนกองหลังแท้ๆ ทำไม ต่อให้ตูเร่เจ็บ(ตอนพิมพ์ยังไม่ได้เช็คข่าว) ทางเลือกที่เป็นกองหลังแท้ๆ ก็ยังมีทั้งมานกีโย่และโมเรโน่ ทำไมไม่เลือกใช้ ยิ่งถ้ามองถึงการเติมเกมรุกหรือผ่านบอลขึ้นหน้า ยิ่งน่าใช้ 2 คนนั้นมากกว่าชานเข้าไปอีก เพราะแม้จะเป็นหลัง 3 แต่พื้นที่รับบอลตรงนั้นก็เป็นที่ที่ทั้งคู่เล่นประจำอยู่แล้ว ดูเหลี่ยมไหนก็น่าจะเข้าท่ากว่าชานที่ปกติจะรับบอลอยู่ที่กลางสนามแน่

_______ ส่วนในรายของแลมเบิร์ตแทนคูตินโย่ก็มีบางอย่างที่ไม่เห็นด้วยเช่นกัน คือผมยังเห็นด้วยว่าควรส่งแลมเบิร์ตลงมาเพื่อเก็บบอลในแดนหน้าให้ได้บ้าง แต่ไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนคูตินโย่ออก แดนกลาง 6 คนในนัดนี้ คูตินโย่เล่นได้แย่น้อยสุดแล้วครับ เป็นคนจ่ายบอลเข้าทำที่ทำให้ได้ประตูด้วย โดนเปลี่ยนออกซะงั้น

_______ ปกติแล้วต่อให้ไม่เห็นด้วยอย่างน้อยผมก็ยังพอเข้าใจได้ว่าทำไมถึงเลือกเปลี่ยน/ปรับแบบนั้นแต่กรณีชานแทนตูเร่, คูตินโย่โดนเปลี่ยนออกในนัดนี้ไม่เข้าใจเลยครับ

_______ ปกติแล้ว ถ้าได้ 3 แต้ม ไม่ว่าเกมมันจะแย่แค่ไหน ผมมักบอกว่า “เอาน่ะ...ดีกว่าเล่นดีแล้วไม่ชนะ” แต่กับนัดนี้ผมไม่สามารถคิดแบบนั้นได้เลยครับ เราเล่นได้แบบสมควรแพ้จริงๆ หรือว่าผมไม่ปกติซะเองล่ะนี่...เกมนัดนี้มัน “พัง” จริงๆ หรือปล่าว หรือผมแค่คิดมากไปเอง ใครได้ดูเกมนัดนี้ลองแชร์ความเห็นกันหน่อยครับ
-------------------------------

นัดนี้เล่นแย่ทั้งทีม

โจนส์ - ยืนรักษาตำแหน่งไม่ดี และโดนเปลี่ยนออกอย่างรวดเร็ว

ซาโก้ - จังหวะออกไปเล่นเกมรับริมธงทำได้ไม่ดี หลายครั้งก็ออกช้าเกินไป สกัดบอลไม่เด็ดขาดด้วย

สเคอเทล - ยังสกัดถึงบอลได้เยอะอยู่ แต่หลายครั้งสกัดไม่ไปไหน และเก็บบอลเล่นต่อได้น้อยครั้งมาก

ตูเร่ - ได้เล่นแค่ครึ่งแรก ไม่ใช่วันที่เล่นดีแต่ก็ไม่ได้แย่ไปกว่าซาโก้

มาร์โควิช - 2-3 นัดที่ผ่านมา พังเฉพาะเกมรับ วันนี้เกมรับก็ยังพังอยู่แต่พิเศษตรงที่เกมรุกก็พังด้วย จ่ายบอลสำเร็จนับครั้งได้ และเป็นแดนกลางที่เชื่อมเกมได้พินาศที่สุดในวันนี้

เฮนเดอร์สัน - เป็นวันที่เล่นเกมรับได้ต่ำกว่ามาตรฐานของตัวเองมาก คุมพื้นที่ริมเส้นได้หลวมตลอดเกม คู่ต่อสู้ขึ้นมาแค่คนเดียวก็ได้เปิดบอลบ่อยมากแล้ว ส่วนเกมรุกก็รักษามาตรฐานเดิมคือแทบไม่มีส่วนร่วม

ลูคัส - ยังตัดเกมได้มากกว่ากองกลางคนอื่นก็จริง แต่เข้าถึงบอลน้อยมาก ชะลอเกม หยุดเกมได้น้อยมาก เชื่อมเกมแย่สูสีกับมาร์โควิชเลยด้วย

เจอราร์ด - ไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับเกม เกมรับก็วิ่งไม่ถึงบอล เชื่อมเกมก็ไม่ค่อยไปข้างหน้าเท่าไหร่ เกมรุกพื้นที่สุดท้ายไม่มีส่วนร่วม

ลัลลาน่า - วิ่งเยอะกว่าคนอื่นพอควร แต่ได้บอลไม่มากนักและทำเกมรุกในพื้นที่สุดท้ายไม่ได้

คูตินโย่ - วิ่งหาที่ว่างรับบอลได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พาบอลขึ้นห้าไปเองได้น้อยครั้งมากในนัดนี้ ดูดีกว่าคนอื่นในทีมตรงที่หาพื้นที่เล่นจังหวะสุดท้ายได้มากกว่าคนอื่น เปิดบอลสำคัญให้สเตอลิ่งเอาไปยิงประตูชัยด้วย

สเตอลิ่ง - ไม่นับจังหวะทำประตูได้ สเตอลิ่งทำอะไรไม่ได้เลย วิ่งไม่เจอบอล จังหวะได้บอลอันน้อยนิดก็พาไปเสียหมด มาเล่นกระเตื้องขึ้นตอนขยับถอยลงไปเล่นตรงกลาง

ตัวสำรอง

มินโยเล่ - ความมั่นใจไปเที่ยวคริสมาสต์หมดแล้ว ทั้งเตะติดบล็อคง่ายๆ และไฮไลท์อยู่ที่ราวๆ นาที 66 ที่จับจังหวะบอลผิดปล่อยบอลไหลออกหลังเฉยเลย ยังดีว่านัดนี้คู่ต่อสู้ยิงไม่เข้ากรอบเลย ไม่งั้นก็ยังไม่รู้ว่าทีมจะรอดมั้ย

ชาน - ช่วยสกัดได้พอควรแต่ก็หลงตำแหน่งและคุมพื้นที่ไม่ดีเลย จังหวะเข้าบอลพรวดพราด ออกอาการลนลานอย่างเห็นได้ชัดไม่ว่าจะจังหวะเตะบอลทิ้งหรือจ่ายบอลขึ้นหน้า

แลมเบิร์ต - ช่วยทีมเก็บบอลในแดนหน้าด้วยการแตะกลับให้เพื่อนได้ดีกว่าสเตอลิ่ง(ที่ทำไม่ได้เลย) แต่โดยรวมแล้วก็สร้างประโยชน์ให้กับทีมไม่มากนัก ช่วยสร้างหรือช่วยในจังหวะเข้าทำไม่ได้เลย

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ราฮีม สเตอลิ่ง…เป็นวันที่ไม่มีใครเล่นได้น่าประทับใจเลย ใจจริงผมยังชอบฟอร์มโดยรวมของคูตินโย่มากกว่านิดๆ แต่ประตูชัยของสเตอลิ่งช่วยทำให้เกมพังๆ แบบนี้ได้ 3 แต้มเต็มน่าตาเฉยก็ต้องยกเครดติดให้เขาล่ะ
------------------------------------------------------------

เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น