...เทพครึ่งแรก...
--------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูลเล่น 4-1-4-1
-------------------------ซัวเรส-------------------------
คูตินโย่------เฮนเดอร์สัน--------อัลเลน--------สเตอริ่ง
--------------------------ลูคัส--------------------------
ฟลานาแกน-----ซาโก้---------สเคอเทล------จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่-------------------------
_______ ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับมือคาร์ดิฟ นัดนี้ร็อดเจอร์ใช้ 11 ตัวจริงชุดเดิมจากนัดก่อนเป๊ะ (สบายคนพิมพ์) ส่วนคาร์ดิฟวางโอเดมวิงกี้ไว้เป็นหน้าเป้าคอยโต้กลับ สนับสนุนด้วยเคร็ก นูน
-------------------------------------------------------
_______ ช่วงต้นเกมลิเวอร์พูลพยายามเร่งจังหวะเข้าทำเร็ว เน้นเกมริมเส้นฝั่งขวาสุดๆ จังหวะตัดบอลได้จะโต้เร็วทันทีและมีโอกสได้ลุ้นประตูไม่น้อย ส่วนทางคาร์ดิฟก็เน้นเกมริมเส้นฝั่งขวาของตัวเอง พยายามจะเจาะฟลานาแกน พาบอลมาถึงมุมธงได้แต่ยังหาโอกาสโยนเข้าไปลุ้นลำบาก
_______ ผ่าน 10 นาทีแรกของเกมไป การต่อบอลเร็วจังหวะเดียวของกองกลางลิเวอร์พูลเริ่มเห็นผล คาร์ดิฟไล่กันไม่ถึงบอลทำให้ต้องถอยลงไปรับถึงหน้าเขตโทษมากขึ้น ตั้งเกมได้น้อยลงแต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้ลิเวอร์พูลที่แม้จะครองบอลได้ต่อ เนื่องมากขึ้นแต่แทบไม่มีพื้นที่เล่นและหาโอกาสเข้าพื้นที่สุดท้ายได้น้อยลง มาก
_______ คาร์ดิฟตั้งรับได้ดี คุมพื้นที่แน่นจนลิเวอร์พูลเริ่มเจาะไม่เข้า หนักไปทางผ่านบอลวนไปวนมาอยู่หน้าเขตโทษคาร์ดิฟเป็นส่วนใหญ่ แถมคาร์ดิฟยังมีโอกาสลุ้นจากลูกโต้กลับเร็วอยู่ครั้งนึงแต่จังหวะสุดท้าย เคร็ก นูนยังยิงไกลไม่ผ่านเซฟมินโยเล่ ไม่นานหลังจากนั้นกลายเป็นลิเวอร์พูลที่เจาะได้สำเร็จ นาที 25 ทางหน้าเขตโทษฝั่งซ้าย ซัวเรสจ่ายบอลไปโดนแนวรับดักได้แต่ยังตามไปถึงบอล จ่ายยัดให้อัลเลนเบิ้ลบอลจังหวะเดียวไปให้เฮนเดอร์สันที่ขยับออกไปรับบอลทาง ริมเส้นซ้าย เฮนเดอร์สันเล่นจังหวะเดียวตักบอลข้ามมาแถวหน้าจุดโทษให้ซัวเรสที่รออยู่วอ ลเล่ย์เข้าเสาแรกไปได้สำเร็จ 1-0
_______ เสียประตูแล้วรูปเกมค่อยๆ เปลี่ยนไป คาร์ดิฟขยับเติมเกมรุกกันมากขึ้น แต่กลับกลายลิเวอร์พูลที่ทำได้ดีกว่า เข้าไล่บอลกันได้เร็วและตัดบอลกลางสนามได้มาก ทั้งยังมีพื้นที่เล่นมากขึ้นจนสามารถทำเกมรุกได้ทะลุทะลวงอีกครั้ง โดยเฉพาะการให้บอลทะลุช่องขึ้นไปทางฝั่งขวาที่ทำได้ต่อเนื่อง
_______ ลิเวอร์พูลมาได้ประตูเพิ่มจากจังหวะโต้กลับ นาที 42 คาร์ดิฟได้ฟรีคิกแล้วโยนลึกเข้าเขตโทษ แนวรับสกัดออกมาได้แล้วเป็นเฮนเดอร์สันที่วางบอลยาวโต้เร็วให้ซัวเรสหลุ ดเดี่ยวขึ้นไปได้ พาบอลจนเข้าไปในเขตโทษก่อนจะจ่ายให้สเตอริ่งที่วิ่งตีคู่ขึ้นไป(เกือบล้ำ หน้าหรือล้ำแล้วกรรมการไม่เป่าก็ไม่แน่ใจ)เป็นคนยิงง่ายๆ 2-1
_______ เท่านั้นยังไม่พอ นาที 45 ฟลานาแกนที่เติมขึ้นไปสูงได้บอลแถวเกือบถึงเส้นหลัง จ่ายมาให้ซัวเรสโดนปั้มบอลแต่เป็นเฮนเดอร์สันที่วิ่งตามเข้ามาถึงบอลก่อนแนว รับแล้วตอกส้นจังหวะเดียวให้ซัวเรสได้ปั่นไซร้จากหน้าเขตโทษฝั่งซ้าย บอลเลี้ยวหนีมือผู้รักษาประตูไม่เสียบโคนเสาสองอย่างสวยงาม 3-0 และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว
_______ เข้าครึ่งหลัง ช่วงต้นเกม คาร์ดิฟเร่งเกมและตั้งเกมรุกมากขึ้นแต่กลายเป็นลิเวอร์พูลที่ยังไม่ได้ เปลี่ยนวิธีเล่นที่ทำได้ดีกว่า ตัดบอลได้เร็ว บอลสั้นเร็วแดนกลางยังหนีตัววิ่งไล่ได้ดี ทำให้ช่วงราวๆ 10 นาทีแรกลิเวอร์พูลหาโอกาสได้เปิดบอลเข้าทำเป็นระยะ แต่ยังทำประตูเพิ่มไม่ได้
_______ นาที 55 ทั้งสองฝ่ายปรับทีม เคลลี่ได้ลงมาแทนฟลานาแกน ใช้เคลลี่เล่นทางขวาแล้วโยกจอห์นสันไปทางซ้าย ส่วนคาร์ดิฟถอดโอเดมวิงกี้กับกลางรับอย่างเมเดลออกแล้วส่งเฟรเซอร์ แคมเบลกับคิมโบเยือนลงแทน ซึ่งการเปลี่ยนของทั้งสองฝ่ายครั้งนี้ทำให้เกมเปลี่ยนไปจากช่วงก่อนหน้า
_______ คาร์ดิฟวิ่งไล่บอลในแดนหน้าและกลางได้เร็วขึ้น ทั้งยังช่วยกันไล่มากขึ้น เกมรุกพยายามเน้นขึ้นริมเส้น โดยเฉพาะทางฝั่งเคลลี่ ส่วนลิเวอร์พูลเริ่มขยับหาที่ว่างรับบอลกันน้อยลง เล่นช้าลง และบอลจังหวะรุกที่ให้ขึ้นไปข้างหน้าพลาดมากขึ้น ทั้งหมดนี้ทำให้คาร์ดิฟได้ครองบอลมากขึ้น เริ่มทำเกมของตัวเองได้และกดดันแนวรับได้มากขึ้นด้วย
_______ คาร์ดิฟไล่ตีไข่แตกได้เร็ว นาที 58 จากลูกฟรีคิกระยะไกลทางริมเส้นขวาเกือบกลางสนาม วางบอลลึกเข้าเขตโทษไปทางเสาสอง มัทช์ขึ้นโหม่งคนเดียวแบบไร้ตัวประกบย้อนทางผ่านมือมินโยเล่ได้สำเร็จ 3-1 ซึ่งพอได้ประตูตีตื้น คาร์ดิฟยิ่งมีแรงฮึดวิ่งไล่ตั้งแต่แดนหน้ากันแบบบ้าคลั่ง ในเกมรุกพาบอลไปถึงมุมธงได้ต่อเนื่อง ได้โยนเ้ข้าไปลุ้นบ้าง แต่จังหวะที่กดดันได้จริงส่วนใหญ่มาจากลูกตั้งเตะทั้งฟรีคิกและเตะมุม
_______ ลิเวอร์พูลพยายามเน้นความแน่นอนมากขึ้น จากที่โดนกดลืมอยู่ราวๆ 10 นาที (55-65) ก็พอจะหาโอกาสทำเกมโต้ได้บ้าง แต่ก็ทำได้ไม่ต่อเนื่องนัก นาที 75 จากลูกโต้เร็ว สเตอริ่งได้หลุดเดี่ยวแต่ก็ยิงไม่สำเร็จ ซัวเรสที่ตามเข้าไปได้ซ้ำมุมแคบบอลก็ไปชนเสา ส่วนทางคาร์ดิฟยังคงตั้งหน้าตั้งตาเจาะทางเคลลี่รัวๆ และได้ลุ้นเป็นระยะ แต่เริ่มกดดันได้น้อยกว่าช่วง 55-65 บ้างแล้ว
_______ นาที 83 แอกเกอร์ได้ลงแทน คูตินโย่ ลิเวอร์พูลปรับมาเล่น 3 เซ็นเตอร์ ต้องเล่นเกมรับมากขึ้น ส่วนเกมโต้ก็ขึ้นไปได้บ้างแต่ไม่เยอะนักและทำได้ไม่เฉียบคมพอ ส่วนคาร์ดิฟก็หนักไปทางได้แค่ลุ้น ทำให้ลิเวอร์พูลปิดเกมไปได้สำเร็จ 3-1
-----------------------------------------
_______ ครึ่งแรกสุดยอดมากครับ แต่ครึ่งหลังนี่แผ่วไปเยอะเลย
_______ 11 ตัวจริงวันนี้ร็อดเจอร์ยังคงคอนเซ็ปต์เดิม ใครเล่นได้ก็ได้เล่นต่อจนกว่าจะฟอร์มแผ่วหรือเจ็บกันไปเอง แท็คติคต้นเกมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังคงเดินเกมรุกด้วยบอลสั้นเร็วทะลุช่องและดันแผงกลางแผงหลังขึ้นสูง ช่วงครึ่งแรกการผ่านบอลเร็วและบอลจังหวะเดียวเอาชนะคู่ต่อสู้ได้เด็ดขาดมาก แต่พอเข้าครึ่งหลังที่คู่ต่อสู้ปรับเกมของตัวเองได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้าบอลที่ทำได้รวดเร็วขึ้นและการขยับเติมเกมมากกว่าเดิมทำ ให้ลิเวอร์พูลมีปัญหาไม่น้อยและปรับเกมตามไม่ทัน
_______ สิ่งที่ร็อดเจอร์พลาดและเป็นจุดเปลี่ยนของเกมในวันนี้คงหนีไม่พ้นการเปลี่ยน ตัวในนาที 55 ที่เอาเคลลี่แทนฟลานาแกน รวมทั้งการโยกเอาจอห์นสันไปเล่นฝั่งซ้าย จากตรงนั้นเกมริมเส้นของคาร์ดิฟเจาะแบ็คทั้งสองฝั่งได้ตลอด (ส่วนหนึ่งต้องชมคาร์ดิฟด้วยว่าเร่งเกมได้ดี, แบ็คขึ้นมาช่วยตลอด และแดนกลางไล่บอลได้เร็วขึ้น) และทำให้คาร์ดิฟที่ควรจะตายสนิทแบบไม่ต้องชักไปแล้วตั้งแต่จบครึ่งแรกกลาย เป็นมีกระตุกๆ ทำท่าจะฟื้นในครึ่งหลัง
_______ แต่ร็อดเจอร์เองก็ปรับแก้ได้ไม่เลวอีกครั้ง (ถึงจะช้าไปหน่อยก็ตาม) ในการส่งแอกเกอร์ลงมาแทนคูตินโย่ เล่นเซ็นเตอร์ 3 คนทำให้แบ็คทั้งสองฝั่งมีคนซ้อนตลอดรวมไปถึงสกัดบอลโ่ด่งที่เปิดเข้าไปในเขต โทษได้ดีขึ้นด้วย ตรงนั้นถ้าร็อดเจอร์ส่งอัสปาสหรือโมเสสลงมาแทนนี่อาจจะได้ลุ้นกันมากกว่านี้ ด้วยครับ
_______ อย่างไรก็ตาม ที่ว่าร็อดเจอร์พลาดก็เป็นแค่การมองถึงนัดนี้นัดเดียวเท่านั้น ต้องไม่ลืมว่าลิเวอร์พูลยังมีเกมใหญ่รออยู่ในอาทิตย์หน้า ทั้งผู้เล่นชุดนี้ก็เล่นติดๆ กันมาตลอด การผ่อนเกมรวมไปถึงให้โอกาสตัวสำรองอย่างเคลลี่บ้างก็คงไม่ใช่เรื่องผิดพลาด ซะทีเดียวถ้ามองถึงเป้าหมายในระยะยาว เพราะครึ่งหลังผู้เล่นลิเวอร์พูลก็เซฟตัวเองได้ดีไม่มีใครเจ็บ ใบเหลืองก็มีแค่สเตอริ่งที่โดนไปซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้โดนบ่อยอยู่แล้ว เคลลี่ก็ได้ลงมาเคาะสนิม...ถ้าเล่นในบ้านนำ 3-0 แล้วยังไม่ได้ลง จะให้ไปลงตอนไหน...
_______ ที่ยังเป็นหนังผีซีรี่ย์ยาวที่หลอนกันไม่จบสักทีคงหนีไม่พ้นการรับมือ ลูกตั้งเตะที่ทำได้ไม่ดีเอามากๆ วันนี้นอกจากจะเสียประตูจากจังหวะี้นี้แล้ว ยังมีอีกหลายครั้งที่คู่ต่อสู้ขึ้นถึงบอล, หวุดหวิดจะเสียจุดโทษอีกหลายครั้งด้วย คงต้องตามแก้กันต่อไป ไม่งั้นซัวเรสกระสุนด้านเมื่อไหร่แต้มคงหลุดมือไปแบบทะลักทะลายเป็นแน่
_______ ...แต่อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่วันนี้....
-------------------------------
นัดนี้ครึ่งแรกเล่นได้ดีมาก แต่ครึ่งหลังแค่พอใช้
มินโยเล่ - เซฟลูกยิงของเคร็ก นูนได้ดี ถ้าโดนไปก่อนนี่ไม่รู้เกมจะไปทางไหน ลูกที่โดนไปก็คงช่วยอะไรลำบาก วันนี้ยืนเฝ้าเส้นมากไปนิดบางลูกน่าจะออกมาช่วยตัดบอลโด่งได้มากกว่านี้ เตะเปิดเกมยาวไปไหนไม่รู้แต่บอลสั้นยังอยู่ในระดับดี
ฟลานาแกน - นัดก่อนยิงได้นัดนี้ความมั่นใจล้นทะลักมาก กล้าเติมเกมขึ้นมามากกว่านัดก่อนๆ และได้บอลจากเพื่อนมากขึ้นด้วย เล่นในจังหวะสุดท้ายดีขึ้นบ้างไม่ว่าจะยิงหรือจ่าย เชื่อมเกมได้ดีขึ้น กล้าเล่นมากขึ้นด้วย เกมรับทำได้ดีพอสมควรกับการหยุดไม่ให้คู่ต่อสู้โยนเข้ากลางได้ง่ายนัก
ซาโก้ - เล่นได้เหนียวแน่นทั้งการเข้าสกัดและลูกกลางอากาศ เข้าบอลแม่นและเด็ดขาดดี ผ่านบอลขึ้นหน้าด้อยกว่านัดก่อนๆ เล็กน้อย
สเคอ เทล - ครึ่งแรกเก็บโอเดมวิงกี้ได้ยอดเยี่ยมมาก เรียกว่าคู่ต่อสู้นี่หายไปจากเกมสนิท ครึ่งหลังโดยรวมแล้วก็ยังจัดว่าดีอยู่ ...ยกเว้นจังหวะรับมือลูกตั้งเตะ ประทับองค์คาราเกอร์มาเลย ดึงๆ เหนี่ยวๆ เสียวจะโดนจุดโทษหลายครั้ง
จอห์นสัน - ช่วงต้นเกมขึ้นไปช่วยเกมรุกถึงสุดเส้นหลังได้ดีหลายครั้ง พลาดบ้างแต่กดดันแนวรับได้ดี ส่วนเกมรับก็ไม่ได้มีงานมากนักและรับมือได้ดี พอช่วงท้ายครึ่งแรกกับต้นครึ่งหลังเติมเกมน้อยลงไป ช่วงที่โดนโยกไปเล่นฝั่งซ้ายเล่นเหวอไปหลายจังหวะต้องใช้เวลาร่วมๆ 10 นาทีถึงจะกลับมาเล่นเกมรับได้มีสติอีกครั้ง ส่วนช่วงกลางครึ่งหลัีงเป็นต้นไปก็เริ่มเติมเกมรุกมากขึ้นช่วยเชื่อมและทำ เกมรุกให้ทีมได้ดีพอสมควร
อัลเลน - ครึ่งแรกเล่นได้สุดยอด เป็นสาเหตุสำคัญเลยที่ทำให้แดนกลางคาร์ดิฟเข้าไม่ถึงบอล การออกบอลสั้นจังหวะเดียวของอัลเลนหนีได้ตลอด จังหวะทีมเสียบอลก็เร่งเข้าไปไล่ได้เร็วดีด้วย ครึ่งหลังพอถึงช่วงที่คาร์ดิฟบุกได้มากขึ้น อัลเลนที่ต้องเล่นเกมรับมากขึ้นทำผลงานได้ไม่ดีเท่าครึ่งแรก
ลูคัส - ครึ่งแรกนี่เป็นวันที่ลูคัสเล่นไปถ่ายรูปอัพ IG ไปด้วยก็ยังได้ แทบไม่มีคนไล่เพราะคู่ต่อสู้เน้นแค่ฝั่งตัวเอง แถมหลายจังหวะไม่ค่อยไล่แต่ถอยไปรับลึกอีกต่างหาก ลูคัสเล่นได้ง่ายสุดๆ และทำได้ดี พอครึ่งหลังที่คู่ต่อสู้บุกได้มากขึ้น ลูคัสดูจะเคลื่อนที่ในเกมรับน้อยไปหน่อย
เฮนเดอร์สัน - ครึ่งแรกฟอร์มสุดยอดเอามากๆ ออกบอลในเกมรุกได้ดีซึ่งทำได้ถึง 2 แอสซิสและอีกจังหวะก็เป็นคนเปิดเกมโต้ซึ่งนำไปสู่ประตูอีก 1 ในที่สุด ทั้งยังขยับหาพื้นที่ว่างรับบอลได้อยู่ตลอด พอครึ่งหลังทั้งตัวเองทั้งเพื่อนเคลื่อนที่กันน้อยลงและต้องถอยลงไปเล่นเกม รับมากขึ้น ยังไล่บอลในพื้นที่ของตัวเองได้น่าพอใจอยู่แต่การทำเกมรุกทำได้น้อยลง
สเต อริ่ง - ถ้ามีพื้นที่ให้เล่นก็เล่นได้ดี ใช้ความเร็วเอาชนะคู่ต่อสู้ได้และพาบอลไปถึงสุดเส้นได้เป็นระยะ เปิดบอลยังไม่ค่อยผ่านเหมือนเดิมแต่ดูมีทิศทางมากขึ้น จังหวะจบสกอร์ทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ลูกที่ยิงได้ก็แทบโดนเซฟ ได้หลุดเดี่ยวก็ยิงไม่สำเร็จ วันนี้ช่วยเกมรับได้ดี ช่วงกลางต่อท้ายครึ่งหลังช่วยเก็บบอลและเรียกฟาลว์ให้กับทีมได้พอ สมควร...ส่วนช่วงที่ไม่มีพื้นที่ให้เล่น ดับสนิท...
คูตินโย่ - เป็นวันนี้ที่ค่อนข้างเงียบ หนักไปทางเชื่อมเกมเป็นส่วนใหญ่ ทำหน้าที่นั้นได้ดีแต่ไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับจังหวะเข้าทำ จังหวะได้ยิงเองก็พลาดหมด ครึ่งหลังเล่นไปเล่นมาแล้วค่อยๆ หายไปจากเกม
ซัวเรส - ยิง 2 จ่าย 1 ทำได้ดีกับการเล่นเป็นทีมมากขึ้นเรื่อยๆ สมาธิอยู่กับเกมตลอดและวิ่งไล่ไม่หยุด ช่วงครึ่งหลังโดนตัดออกจากเกมไป นานๆ จะโผล่มาได้เล่นบ้าง
ตัวสำรอง
เคลลี่ - มีปัญหากับเกมรับเยอะทีเดียว อ่านเกมไม่ดีและหลุดตำแหน่งเป็นระยะ
แอกเกอร์ - ไม่ได้ผิดพลาดแต่งานก็ไม่ได้ชุกเช่นกัน
แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...จอร์แดน เฮนเดอร์สัน... ถ้าเกมจบแค่ครึ่งแรกจะเลือกซัวเรสครับ แต่ครบ 90 นาทีเป็นเฮนเดอร์สันที่ช่วยทีมได้มากกว่า ครึ่งหลังยังมีจังหวะเปิดบอลเกมรุกดีๆ บ้าง การวิ่งไล่, คุมพื้นที่และเก็บบอลก็ทำได้ไม่เลว
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น