วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เชลซี 2 - 1 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


...แพ้ทุกทาง...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

-------------------------ซัวเรส-------------------------
คูตินโย่--------------เฮนเดอร์สัน---------------สเตอริ่ง
----------------ลูคัส-----------อัลเลน------------------
แอกเกอร์-------ซาโก้---------สเคอเทล------จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลยังต้องเจอเกมหนักต่อเนื่องอีกหนึ่งนัด คราวนี้ออกไปเยือนเชลซีที่แสตมฟอร์ดบริดจ์ ร็อดเจอร์ปรับทีมตำแหน่งเดิมและตำแหน่งเดียว นั่นคือแบ็คซ้ายที่ส่งแอกเกอร์ลงเป็นตัวจริง นอกนั้นยังใช้ผู้เล่นชุดเดิม
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาพอให้กระพริบตาได้หลายทีอยู่ นาที 3 ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิกระยะไกลทางริมเส้น คูตินโย่เปิดลึกเข้ามาในเขต 6 หลาบอลค่อนข้างต่ำ ซัวเรสที่วิ่งเบียดไปกับอิวาโนวิชแต่ถึงบอลก่อนโหม่งเช็ดไปโดนตัวอิวาโนวิ ชแล้วกระดอนไปข้างหน้า ทำให้บอลไปเข้าทางสเคอเทลที่วิ่งนำขึ้นไปได้ยิงจ่อๆ โล่งๆ ไม่พลาด 1-0

_______ แม้จะเริ่มต้นเกมได้ลิเวอร์พูลสไตล์ (นำเร็ว) แต่ความจริงที่รออยู่มันโหดร้าย เชลซีเป็นฝ่ายเร่งเกม ไล่บอลเร็วตั้งแต่แดนหน้า แดนกลางทุกคนเข้าถึงบอลได้เร็วหมด รวมไปถึงงัดลูกหนักเอามาใช้เป็นระยะ ทำให้ลิเวอร์พูลครองบอลและตั้งเกมของตัวเองไม่ได้ และยังไม่สามารถโต้กลับได้เป็นชิ้นเป็นอัน บอลไปไม่ถึงข้างหน้า เกมจึงตกเป็นของเชลซีที่ตัดบอลกลับมาได้เร็วและพาบอลไปถึงหน้าเขตโทษได้บ่อย ครั้ง แต่จังหวะเข้าทำยังผ่านไม่ค่อยได้เท่านั้น

_______ เชลซีที่เป็นฝ่ายคุมเกมได้ดีกว่ามาตีเสมอได้สำเร็จในนาที 17 จากจังหวะที่ตัดบอลได้กลางสนามแล้วทำเร็ว วิลเลี่ยนพาบอลมาถึงหน้าเขตโทษแล้วโดนปั้มบอลแต่บอลกระดอนไปเข้าทางอาซาร์ ที่ว่างอยู่ยิงไกลจากหน้าเขตโทษเข้าเสาสองไปอย่างสวยงาม 1-1

_______ ถูกตีเสมอได้แล้วแต่เกมของลิเวอร์พูลยังไม่กระเตื้อง แม้จะได้ลุ้นจากจังหวะฉาบฉวยบ้างโดยเฉพาะการใช้สเตอริ่งสปีดขึ้นไปรับบอล แล้วพาไปเอง แต่ก็ไม่ต่อเนื่องและไม่ค่อยกดดันแนวรับมากนัก เกมแดนกลางก็ตกเป็นรองชัดเจน ครองบอลไม่อยู่ ตัดบอลกลับมาได้ช้า และเก็บบอลจังหวะสองไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ยังเป็นเชลซีที่ตัดบอลกลับได้เร็วและบุกกดดันเข้ามาเรื่อยๆ นาที 34 ก็แซงขึ้นนำได้จากจังหวะที่พาบอลไปถึงมุมธงด้านซ้าย(แอกเกอร์) เปิดเข้ากลางมาโดนบล็อคแต่เป็นออสการ์ที่ตามไปเอาบอลได้ก่อนเปิดเรียดเข้า กลางจากสุดเส้นหลัง เอโต้ฉีกหนีสเคอเทลที่ประกบอยู่เข้าถึงบอลก่อน ชาร์จบอลได้ไม่แรงนักและมินโยเล่พุ่งถึงบอลแต่ปัดไม่พ้นกรอบ บอลยังปลิ้นเข้าประตูไปได้ 2-1

_______ เวลาที่เหลืออยู่รูปเกมยังไม่เปลี่ยน ลิเวอร์พูลยังตามหาจังหวะของตัวเองไม่เจอ ส่วนเชลซีแม้จะเป็นฝ่ายคุมเกมเอาไว้ได้ก็ไม่ใช่ว่าจะเจาะพื้นที่สุดท้ายเข้า มายิงได้เป็นชุดๆ แต่นานๆ จะได้ลุ้นประตูสักทีเท่านั้น ทำให้จบครึ่งแรกที่สกอร์ 2-1

_______ เข้าครึ่งหลัง เชลซีเปลี่ยนเอาโอบี มิเกลลงมาแทนแลมพาร์ดที่มีอาการเจ็บ ช่วงต้นครึ่งหลังเกมของเชลซีเนือยลงไปมาก วิ่งไล่และเคลื่อนที่กันน้อยลง เปิดโอกาสให้ลิเวอร์พูลได้ครองบอลมากขึ้นผิดหูผิดตา พาบอลไปถึงเขตโทษได้บ่อยครั้งขึ้นแต่ยังหาโอกาสเจาะพื้นที่สุดท้ายได้ลำบาก อยู่ โอกาสลุ้นประตูส่วนใหญ่ยังมาจากลูกตั้งเตะเป็นหลัก ที่ใกล้เคียงที่สุดคือจังหวะนาที 51 ที่ได้ฟรีคิกแล้วสุดท้ายเป็นซาโก้ที่โหม่งไปชนสามเหลี่ยม ชวดได้ประตูอย่างน่าเสียดาย (แต่นาทีถัดมาก็เกือบโดนเอโต้ที่ล้ำหน้าแต่กรรมการไม่เป่า ได้หลุดเดี่ยวไปยิงติดเซฟมินโยเล่ เกือบโดนนำห่างเช่นกัน)

_______ ผ่านไปร่วม 10 นาที เชลซีถึงได้กลับมาวิ่งไล่มากขึ้น แม้จะไม่มากเท่าในครึ่งแรกแต่ก็เลือกไล่เป็นบางจังหวะซึ่งทำให้เกมของลิ เวอร์พูลที่ไหลลื่นในช่วงต้นเริ่มสะดุด ส่วนเกมรุกของเชลซีก็ไม่ค่อยจะเล่นเชื่อมกันสักเท่าไหร่ หนักไปทางอาศัยความสามารถเฉพาะตัวเป็นหลัก ถึงอย่างนั้นด้วยความสามารถของตัวรุกโดยเฉพาะอาซาร์ที่เด่นเป็นพิเศษใน วันนี้ก็ยังกดดันแนวรับได้เป็นระยะ

_______ นาที 60 แบรด สมิท ดาวรุ่ง(รุ่งจริงๆ ไม่ใช่เด็กโข่ง) เพราะอายุยังไม่ทัน 18 ได้ลงสนามมาแทนอัลเลนที่มีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว สมิทได้ลงเล่นเป็นริมเส้นซ้าย ขยับเอาคูตินโย่เข้ามาตรงกลาง รูปเกมโดยรวมส่วนใหญ่ยังคงสู้กันอยู่ตรงกลาง เกมไม่ค่อยต่อเนื่องทั้งคู่ ลิเวอร์พูลดูดีขึ้นเล็กน้อย ส่วนหนึ่งมาจากการมีคูตินโย่ที่เก็บบอลได้ดีกว่าอัลเลนเข้ามาช่วยตรงกลาง กับอีกส่วนหนึ่งคือเชลซีไล่แดนกลางน้อยลง แต่ลิเวอร์พูลก็ยังหาโอกาสได้ลุ้นประตูลำบากอยู่ดี เทียบกับเชลซีแล้วโอกาสได้ลุ้นก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่

_______ นาที 84 อัสปาสได้ลงแทนจอห์นสัน แต่รูปเกมแทบไม่มีอะไรเปลี่ยน โอกาสได้เปิดบอลเข้าทำยังน้อย ที่พอมีบ้างส่วนใหญ่ก็เปิดไม่ค่อยดี และที่เปิดดี(มีไม่มาก)ก็ยังยิงได้ไม่ดีพอ นาที 90 ตูเร่ลงมาแทนซาโก้ที่เจ็บไปอีกคน แต่ก็ไม่มีผลอะไรนัก เชลซีปิดเกมไปได้ด้วยสกอร์ 2-1
-----------------------------------------
_______ แพ้ทุึกทางครับเกมนี้

_______ 11 ตัวจริงวันนี้ร็อดเจอร์ยังคงใช้ชุดเดิม มีเปลี่ยนแค่ตำแหน่งเดียวคือแอกเกอร์ได้เป็นแบ็คซ้ายตัวจริง ทีมชุดนี้เล่นตัวจริงติดๆ กันมาหลายนัดมากแล้ว แม้แต่ช่วงโปรแกรมถี่แบบนี้ก็ไม่มีใครเคยได้สักพัก ดูจากชื่อผู้เล่นที่มีอยู่ก็พอเข้าใจได้และออกจะน่าเห็นใจร็อดเจอร์ไม่น้อย ที่ต้องตะบี้ตะบันใช้ผู้เล่นชุดเดิม เพราะว่าทางเลือกไม่ได้มีมากนัก ถ้าจะมีอะไรผิดพลาดก็คงเป็นเรื่องการเสริมและเตรียมทีมในช่วงซัมเมอร์ที่ทำให้ทีมมีขนาดค่อนข้างเล็กแบบนี้

_______ กลับมาพูดถึงนัดนี้ต่อ วันนี้ร็อดเจอร์สู้ลูกพี่เก่าของเขาแบบมูรินโย่ไม่ได้เลย แพ้ตั้งแต่นาทีแรกยันนาทีสุดท้าย ครึ่งแรกโดนเชลซีวิ่งไล่เอาเจียนตาย (จริงๆ ก็ตายไปแล้วล่ะ) ลิเวอร์พูลรับมืออะไรกับการโดนไล่เร็วผสมลูกหนักแบบนี้ไม่ได้เลย หยุดเกมของเชลซีลำบาก กว่าจะตัดได้ก็ต้องเป็นจังหวะสุดท้ายเป็นส่วนใหญ่ แดนกลางแพ้ทั้งเกมรุกและรับ ซัวเรสแทบจะถูกตัดออกไปจากเกม พอเข้าครึ่งหลัง เชลซีผ่อนเกมการไล่ลงไปบ้าง แต่ยังคุมพื้นที่กันได้แน่น ในขณะที่ลิเวอร์พูลเองแม้จะได้บอลมากขึ้น แต่ก็ยังคุมเกมไม่ได้ ครองบอลไม่ได้ต่อเนื่อง แถมยังปิดเกมรุกของเชลซีที่อาศัยความสามารถเฉพาะตัวเป็นหลักไม่ได้ด้วย

_______ การเปลี่ยนตัววันนี้ก็ทำไ้ด้ไม่ดีนัก ส่วนนึงต้องยอมรับว่าทางเลือกมีไม่มาก แต่ถึงอย่างนั้นการส่งแบรด สมิทลงมาเล่นในตำแหน่งริมเส้นซ้ายเป็นการเสี่ยงที่ดูจะเกินหวังเกินตัวไปสัก นิด เพราะถ้าจุดประสงค์คือแค่จะเอาคูตินโย่เข้ากลาง ทางเลือกอื่นยังพอมีไม่ว่าจะเป็นอัสปาสหรือซิสโซโก้ แต่เล่นส่งเด็กอายุไม่ถึง 18 ลงไปเจอเกมใหญ่ในสถานการณ์ที่ทีมเป็นรองแบบนี้มันโหดไปสำหรับเด็กครับ แล้วสุดท้ายสมิทก็เอาชนะความกดดันไม่ได้ ทำทีมพลาดโอกาสดีๆ ไปพอสมควรเลย ส่วนการเปลี่ยนอัสปาสแทนจอห์นสันดีกว่าไม่ทำอะไร แต่ไม่ใ่ช่หมัดเด็ดหรือลงมาพลิกเกมได้ ตูเร่แทนซาโก้ไม่มีให้พูดถึงเพราะซาโก้เจ็บ

_______ แม้แทคติคจะมีส่วนสำคัญมากๆ กับรูปเกมวันนี้ แต่จุดตัดสินเกมวันนี้คือความสามารถเฉพาะตัวครับ มองทางฝั่งลิเวอร์พูล แดนกลางไม่มีใครเอาตัวรอดได้ดีพอในสถานการณ์ที่โดนบีบเร็ว จริงอยู่ว่าเชลซีบีบได้เร็วด้วย แต่นึกภาพถ้าแดนกลางลิเวอร์พูลมีใครสักคนที่เอาตัวรอดได้ดีแบบที่ซิลบาในนัด ก่อน หรืออาซาร์ในนัดนี้ทำได้ โอกาสของทีมต้องมากขึ้นกว่านี้แน่ครับ มองทางฝั่งเชลซี ความสามารถเฉพาะตัวของแนวรุกช่วยพวกเขาได้มาก เล่นกันแค่ 3-4 คนก็ไปได้แล้ว เชลซีไม่จำเป็นต้องแห่กันขึ้นมาทั้งทีมเพื่อจะทำเกมรุก นัดนี้แบ็คสองฝั่งของเชลซีแทบไม่ขึ้นเลยครับ และกองกลางอย่างลุยซ์ก็ไม่ได้เติมเท่าไหร่ ทำให้โอกาสจะทำเกมโต้กลับแบบรวดเดียวถึงประตูของลิเวอร์พูลปิดสนิท ในเกมรุกและจังหวะได้ประตูทั้งสองลูกก็เป็นความสามารถเฉพาะตัวของพวก ออสก้า,วิลเลี่ยน, อาซาร์ ซึ่งผู้เล่นลิเวอร์พูลจัีงหวะตัวต่อตัวเอาพวกนี้ไม่อยู่ ต้องเข้ามารุมกัน ยิ่งไปกว่านั้น นั่นหมายถึงโอกาสจะเปลี่ยนรับเป็นรุกเมื่อตัดบอลได้ก็น้อยลงไปอีกเพราะข้าง หน้าไม่มีคน ลองนึกภาพเป็นนาธาน เรดมอนของนอริชเทียบกันดูครับ เรดมอนเร็วจริงคล่องจริง แต่ตัวต่อตัวก็ไม่ค่อยผ่านแล้ว โดนซ้อนตายทันที ถ้านอริชเล่นทรงนี้กับลิเวอร์พูล แม้จะชนะในแง่แทคติค แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงคือนอริชทำเกมไม่ขึ้นเพราะเรดมอนด์จะครองบอลได้ไม่ นานเท่าวิลเลี่ยน  โอกาสที่มีก็ยิงไม่คมเท่าอาซาร์และลิเวอร์พูลเปลี่ยนรุกเป็นรับได้ง่ายกว่า นี้เพราะแนวรับไม่ต้องกรูกันเข้าไปกินตับเรดมอนด์ ดังนั้นผมถึงสรุปว่าความสามารถเฉพาะตัวตัดสินเกมนี้ครับ

_______ นัดนี้แทคติคแพ้จริงครับ แต่คุณภาพผู้เล่นเองก็ยังห่างอยู่ด้วยเช่นกัน

_______ ...ตอนนี้หลุด TOP4 ไปแล้ว เก็บความแค้นไว้รอหักเขี้ยวเสือนัดหน้าเอาแล้วกัน
 -------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ไม่ค่อยดีนัก

มินโยเล่ - ยืนตำแหน่งได้ดี และเซฟลูกอันตรายได้พอสมควร โดยเฉพาะลูกหลุดเดี่ยวของเอโต้ที่ช่วยให้ทีมยังมีลุ้นยันหยดสุดท้าย แต่โดยรวมดูจะหวงเส้นไปนิด หลายจังหวะออกมาค่อนข้างช้า มีส่วนพลาดที่ทำได้ไม่ดีในจังหวะเซฟลูกชาร์จ 2-1 ของเอโต้ไม่อยู่ เพราะถึงมันจะใกล้แต่ก็ค่อนข้างเบา

แอกเกอร์ - เกมรับพอใช้ได้ ไม่ถึงกับยอดเยี่ยมแต่ก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้ทีมสักเท่าไหร่ แต่ที่เป็นปัญหาจริงๆ คือการเชื่อมเกมที่แบ็คควรจะช่วยได้มากกว่านี้ แอกเกอร์ช่วยเรื่องนี้ได้น้อยมาก ยิ่งเกมรุกยิ่งไม่ต้องไปพูดถึง

ซาโก้ - เป็นแนวรับที่เล่นได้เด่นที่สุดในวันนี้ สกัดช่วยทีมเอาไว้ได้เยอะมากไม่ว่าจะลูกโด่งหรือบอลทะลุช่อง การเข้าปะทะก็หนักแน่นแม่นยำดี ท้ายเกมโดนตอเรสเผาเกือบเสียประตูนั่นก็เพราะว่าเขาเจ็บตั้งแต่ก่อนที่ตอเรส จะกระชากบอลหนีแล้ว

สเคอเทล - ฟอร์มส่วนตัวเล่นได้ค่อนข้างดี ยังทิ้งตัวสไลด์สวยๆ ได้พอสมควรและนัดนี้รักษาตำแหน่งได้ค่อนข้างดีด้วย ไม่โดนใครจ่ายตัดหลังหรือเลี้ยงผ่านไปได้ง่ายๆ จังหวะเสียประตู 2-1 พลาดในการประกบเอโต้แต่นั่นก็เป็น 1 ในไม่กี่ครั้ง แถมเอโต้ถึงจะเลยช่วงพีคไปแล้วก็ไม่ใช่กองหน้าระดับอบต. ซะเมื่อไหร่ ...ถ้าจะมีอะไรพลาดจริงๆ ก็คงเป็นการผ่านบอลขึ้นหน้าที่เจ้าตัวผ่านไม่ค่อยดีนัก จ่ายไปทั้งๆ ที่เพื่อนโดนประกบติดอยู่หลายครั้ง

จอห์นสัน - หลุดตำแหน่งบ่อยครั้งทีเดียว บางครั้งก็ลอยสูงแบบไม่ได้เป็นประโยชน์แล้วก็ลงไม่ทัน บางครั้งก็หุบเข้ากลางแบบไม่ควรจะทำ เกมรุกช่วยทีมไม่ได้แม้จะยิงเข้ากรอบไปหนึ่งครั้ง และการเชื่อมเกมก็ออกจะทำได้พื้นๆ เท่านั้น

อัลเลน - ยังแก้ปัญหาเวลาเจอโดนไล่เร็วและเล่นหนักแบบนี้ไม่ได้ เชื่อมเกมได้ไม่ดีเท่า 2-3 นัดก่อนหน้า แถมทำเสียบอลโดยเฉพาะในครึ่งแรกเยอะพอสมควรเลย เติมขึ้นไปได้ดีมากๆ อยู่ 2-3 จังหวะ แต่จับบอลได้ไม่ดีจนชวดโอกาสยิงไปอย่างน่าเสียดาย

ลูคัส - ก็ยังเล่นพอใช้ได้ หยุดตัวรุกคล่องๆ ได้น้อยมากแต่การตัดบอลจังหวะเปิดและสกัดบอลจังหวะสองยังทำได้ดีอยู่ ที่ไม่ดีคือรักษาพื้นที่หน้าเขตโทษหลวม โดนคู่ต่อสู้เล่นงานตรงบริเวณนั้นเยอะ โดยเฉพาะในครึ่งแรก

เฮนเดอร์สัน - ดูดีกว่าอัลเลนเล็กน้อยตรงที่ยังเข้าปะทะได้แข็งแกร่งกว่า แต่ก็ทำเกมรุกให้กับทีมได้น้อยมาก และการวิ่งไล่วันนี้ก็ดูจะช้าลงไปกว่าที่เคยด้วย ล้าแล้วมั้ง

สเตอริ่ง - ครึ่งแรกใช้สปีดเล่นงานแนวรับได้ดี พาบอลไปเองได้ดีด้วย แต่จังหวะเปิดบอลนี่เห็นแล้วอยากร้องไห้ ครึ่งหลังเริ่มหายไป

คูตินโย่ - เจอไล่เร็วผสมลูกหนัก คูตินโย่เล่นไม่ออกเลย ผ่านบอลได้แทบไม่ต่างกับอัลเลนหรือเฮนเดอร์สัน แถมเกมรับยังช่วยได้น้อยกว่าสองคนนั้นด้วย

ซัวเรส - โดนตัดออกไปจากเกมพอสมควรโดยเฉพาะครึ่งแรก ได้บอลก็ไม่ใช่น้อยแต่ไม่ใช่จังหวะที่จะเล่นได้ถนัด  จังหวะที่พอจะพลิกบอลหรือหาที่พาบอลไปเองได้บ้างก็ขาดการสนับสนุนที่ดีพอจาก เพื่อนร่วมทีม เป็นวันที่สร้างความมหัศจรรย์อะไรไม่ได้แต่ไม่ได้เล่นผิดพลาดอะไรตรงไหนเลย ทำได้ค่อนข้างดีด้วยซ้ำถ้าเทียบกับสถานการณ์ที่เจอ

ตัวสำรอง 

สมิธ - ...ขวัญเอ๋ย ขวัญมา... อันนี้บอกเจ้าตัวด้วย บอกตัวเองด้วย

อัสปาส - ฟอร์มคงเส้นคงวาต่อเนื่องจากนัดที่แล้ว

ตูเร่ - ได้สกัดทีนึง แม่นด้วย
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น