วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2559

บียารีล 1-0 ลิเวอร์พูล (ยูโรป้าลีค รอบรอง เลคแรก)


ขาดทุนกำไร
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-3-2-1

--------------------เฟอมิโน่------------------
คูตินโย่------------------------------ลัลลาน่า
------อัลเลน-------ลูคัส-------มิลเนอร์-----
โมเรโน่------ตูเร่-------ลอฟเรน------ไคลน์
--------------------มินโยเล่-------------------

_______ ลิเวอร์พูลเยือนสเปนไปเล่นยูโรป้ารอบรองเลคแรกกับบียารีล จากสารพัดปัญหานู่นนี่นั่นทำให้คล็อปมีตัวเลือกน้อยลงและจัด 11 ตัวจริงออกมาอย่างที่เห็น โดยยังมีสองกองหน้าอย่างสเตอริดจ์กับเบนเทเก้อยู่ในม้านั่งสำรอง
-------------------------------------------------------

________ เริ่มเกมมาทั้งสองทีมเล่นกันอย่างระวังตัวเต็มที่ ไล่หน้า-กลางเร็วถ้าตัดไม่ได้บีบไม่อยู่ก็ถอยไปรับลึก แต่ถ้าตัดได้ก็เร่งเข้าทำ ทางบียารีลทำเกมรุกริมเส้นได้วูบวาบทั้งสองฝั่งบอลไปถึงมุมธง ส่วนลิเวอร์พูลเกมทางขวาลื่นไหลดี

_______ ทั้งสองทีมโต้กันไม่ค่อยถนัด ผลัดกันได้บุกเป็นชุดๆ ไม่มีใครครองเกมได้ชัดเจนนัก บียารีลได้บอลมากว่า เอาบอลไปใกล้เขตโทษได้บ่อยกว่า แต่เปิดเข้าไปลุ้นก็ไม่เยอะ ส่วนลิเวอร์พูลเกมทางขวาที่มีทั้งมิลเนอร์ขยับไปช่วย, ไคลน์เติมขึ้นตลอด, เฟอมิโน่ถ่างไปรับบอลคอยเชื่อม ทำให้ได้เปิดได้ลุ้นอยู่เรื่อย แต่จบครึ่งแรกทั้งสองทีมยังทำอะไรกันไม่ได้ 0-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ไอบ์ได้ลงมาแทนคูตินโย่ ลิเวอร์พูลลงมาเร่งได้น่ากลัว จังหวะเสียบอลแล้วรีบวิ่งบีบเอาบอลคืนทำได้ดีกว่าครึ่งแรกมาก กดดันช่วง 10 นาทีแรกของเกมครึ่งหลังได้ดี ขึ้นเกมตรงกลางและขวาได้ถึงเขตโทษแต่สุดท้ายไม่มีประตู

_______ ผ่านหนึ่งชั่วโมงของเกมไป ลิเวอร์พูลเริ่มออกอาการยุบ วิ่งทำทางและวิ่งไล่จังหวะเสียบอลกันน้อยลง แต่ยังเก็บแรงไว้ไล่ในแดนและเล่นเกมรับกันได้ดีอยู่ เกมโดยรวมยังแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนคือผลัดกันเล่นเป็นชุดๆ เกือบได้ประตูกันไปคนละหนสองหน ชนเสากันไปคนละรอบ แต่ก็ยังทำประตูกันไม่ได้สักที

_______ นาที 87 บียารีลโคตรน่าได้ประตูจากจังหวะที่บาคัมบูพลิกบอลเข้าเขตโทษ ตูเร่ประกบห่างแล้ว แต่โดนมินโยเล่เซฟได้แบบเหลือเชื่อ ในขณะที่นาทีถัดมา ลิเวอร์พูลก็พลาดโอกาสที่ดีที่สุดในเกมเช่นกันเมื่อโมเรโน่กระโดดปั้มบอลมาตรงกลางสนามเป๊ะ แล้วลากบอลยาวมาจนถึงเขตโทษ แต่จังหวะยิงวางเท้าไม่ดี และไม่ตัดสินใจเปิดไปเสาสองด้วย อดสิ

_______ นาที 89 เบนเทเก้ได้ลงมาแทนเฟอมิิโน่ ลิเวอร์พูลพยายามเร่งเกมรุกอีกสักนิด แต่กลายเป็นว่าโดนโต้ไส้แตกกลับอังกฤษ นาที 90+2 จากจังหวะลอยกันขึ้นไปสูง บียารีลพลิกหนีตัวไล่แล้วเปิดยาวขึ้นหน้าได้ ตูเร่พยายามถอยลงไปตัดบอลแต่ไม่ถึง โดนเดนิส ซัวเรสพาบอลเข้าเขตโทษไปเปิดเรียดให้โลเปซแปะบอลเข้าประตูไปง่ายๆ 1-0

_______ น่าเสียดายมั้ยล่ะ?

-----------------------------------------

_______ เป็นเกมที่เล่นระวังตัวและทำดีตามแทคติคกันทั้งสองทีม

_______ รายละเอียดในเกมอาจมีไม่มากนักเพราะไม่ได้เปลี่ยนวิธีเล่นกันสักเท่าไหร่ตลอด 90 นาที มีแค่ว่าตอนไหนเร่งตอนไหนผ่อนมากกว่า

_______ ลิเวอร์พูลดูใช้พลังงานหนักมากกับการวิ่งไล่จังหวะเสียบอล โดยเฉพาะต้นครึ่งหลังที่เร่งหนักมากอยู่ 10 เสียดายไม่ได้ประตู และพลอยทำให้ครึ่งชั่วโมงเริ่มหมดแรงเล่นกันไปด้วย

_______ นัดนี้จะบอกยิงไม่คมก็พอได้ โดยเฉพาะจังหวะของอัลเลนได้ยิงในกรอบครึ่งแรก กับโมเรโน่หลุดไปยิงท้ายเกม แต่ปัญหาเกมรุกวันนี้เรื่องการเปิดบอลเข้าทำดูจะเด่นชัดกว่า ทีมไม่มีคนเปิดบอลเข้าทำที่มีประสิทธิภาพเลยสักคน

_______ นอกเหนือจากเรื่องเกมรุก วันนี้ผมงงกะคล็อปมากกว่า คือหนีบกองหน้าไปสองคนแต่กว่าจะส่งเบนเทเก้ลงไปก็ล่อซะนาที 89 เวลาแค่นั้นจะให้คนลงไปทำอะไรได้ กองหน้าคนใดคนหนึ่งควรได้ลงเร็วกว่านั้น อย่างช้าก็ไม่น่าเกินนาที 80 เพราะเฟอมิโน่หมดแรงให้เห็นชัดๆ ตั้งกะช่วง 75-80 นี่ล่ะ

_______ ส่วนเรื่องที่เปลี่ยนไอบ์แทนคูตินโย่ตอนพักครึ่งขอตามข่าวอีกทีแล้วกัน เพราะดูยังไงไม่น่าเป็นการเปลี่ยนทางแทคติค คูตินโย่เล่นไม่ออกน่ะใช่แต่ยังดีกว่าไอบ์แน่(อย่างน้อยช่วงนี้นะ) ที่สำคัญคือไอบ์ลงมาแล้วทีมไม่ได้เปลี่ยนวิธีเล่นด้วย

_______ สำหรับนัดนี้ แพ้ 1-0 โอกาสในนัดสองยังเปิดกว้างก็จริง แต่ถ้าดูจากโอกาสที่ควรจะยันเสมอกลับไปได้เป็นอย่างน้อยก็นับว่าน่าเสียดายมาก ยิ่งถ้าดูจากรายชื่อผู้เล่นที่พร้อมเล่นได้ตอนนี้ยิ่งน่าหนักใจเข้าไปใหญ่

_______ แต่ก็นะ...โอกาสยังมีจะให้ปิดทีวีนอนก็คงไม่ใช่ล่ะ พฤหัสหน้าว่ากันใหม่กับเลคสองก็แล้วกัน
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นได้ดีตามแทคติค

มินโยเล่ - เป็นวันที่เล่นได้ดี ตำแหน่งดี ตัดบอลดี ออกบอลค่อนข้างเร็ว เซฟลูกยิงนาที 87 ได้เหลือเชื่อมาก ลูกนั้นกองหน้ายิงดีแล้วนะ จุดด่างพร้อยนิดเดียวคือจังหวะเสียประตูนี่ล่ะ ดันไปเน้นยกมือฟ้องจะเอาล้ำหน้า ถึงแม้จะเป็นจังหวะที่ไม่น่ารอดแน่ๆ แต่ถ้าตั้งท่าเตรียมพร้อมให้คนยิงลำบากกว่านี้ก็จะดี

โมเรโน่ - น้ำตาจะไหล เล่นเกมรับได้ดี คู่ต่อสู้พาบอลมาถึงมุมธงได้เยอะจริงแต่ไปถึงสุดเส้นได้น้อยมาก และเปิดบอลเข้าไปได้ลำบาก แต่วันนี้เชื่อมเกมได้ไม่ดี จ่ายบอลเพื่อนไม่ได้เปรียยบ รวมถึงจังหวะที่ได้ยิงท้ายเกมก็บ้าพลังไปนิด สติน้อยไปหน่อย

ตูเร่ - อ่านเกมได้ดี ดักตัดได้เยอะ สกัดบอลเด็ดขาด แต่สภาพร่างกายไม่ไหวแล้ว (กี่นัดๆ ก็ต้องพูดแบบนี้ล่ะ) ถ้าบอลเล่นกันแค่ 60 นาที ตูเร่เล่นได้ระดับ MOM เลยล่ะ แต่ถ้าดูตลอด 90 นาที ท้ายเกมตูเร่ขยับช้าไปเยอะ ความเร็วไม่เหลือความคล่องอย่าถามถึง ลูกนาที 87 เขาก็พลาด ลูกเสียประตูเขาก็พลาด ซึ่งเป็นความผิดพลาดเพราะความฟิตไม่เหลือทั้งนั้นเลย

ลอฟเรน - ดันขึ้นมาดักเล่นก่อนบอลถึงกองหน้าได้ดี สกัดลูกกลางอากาศดีกว่าเพื่อน จ่ายบอลใช้ได้ แต่ซ้อนเพื่อนช้าไปหน่อย ทั้งๆ ที่ฝั่งไคลน์ลอฟเรนไม่ต้องช่วยแล้ว (เพราะลูคัสดูแลตลอด) แต่ลอฟเรนก็ยังช่วยซ้อนตูเร่น้อยไปหน่อย

ไคลน์ -  เปิดบอลเข้าทำได้หมูตู้อู้หู อบต.มาก แต่นั่นเป็นเรื่องเดียวที่ไคลน์ทำได้แย่ในนัดนี้ นอกนั้นไม่ว่าจะเกมรับ เชื่อมเกม ทำทางไคลน์เล่นได้สุดยอดโดยเฉพาะครึ่งแรกนี่แทบจะเห็นปีกงอกแสงออกเท้ากันเลยทีเดียว

ลูคัส - เล่นเกมรับในพื้นที่หน้าเขตโทษได้ดี แย่งบอลคืนได้เยอะ ซ้อนแบ็คซ้อนกลางคนอื่นได้เร็ว ในขณะที่บอลเชื่อมเกมดูดีใช้ได้เลย ยิ่งตอนไม่โดนไล่นี่มีออกบอลยาวโชว์ด้วย

อัลเลน - อ่านเกมได้ดีเหลือเชื่อ ดักตัดบอลจ่ายได้เยอะมากๆ ตลอดเกม ช่วยวิ่งทำทางเชื่อมเกมได้ดีด้วย ถ้าจะด้อยอยู่บ้างก็เป็นเกมรุกที่ช่วยอะไรไม่ค่อยได้ ทั้งๆ ที่ตามตำแหน่งที่ยืนควรช่วยได้มากกว่านี้ นี่เน้นแค่ให้บอลเพื่อนไปทำต่อกันเองมากกว่า

มิลเนอร์ - กลายเป็นจอมทัพของทีมวันนี้ ขยับขึ้นไปเล่นเกมรุกเยอะ ได้บอลอยู่ตลอดเวลา เปิดบอลกดดันคู่ต่อสู้ได้มากที่สุดในทีมแล้วแต่ส่วนใหญ่ก็ได้แค่กดดัน ยังเอาชนะแนวรับที่คอยดักอยู่ไม่ได้ ส่วนเกมรับก็ยังลงไปช่วยได้ดีอยู่ ไม่รู้ว่าเอาแรงจากไหนมาวิ่งได้เยอะแยะ

คูตินโย่ - ลงมาช่วยเกมรับซะเยอะ ได้บอลแต่ละครั้งห่างประตูเหลือเกิน แต่ถึงอย่างนั้นจังหวะที่ได้บอลก็ทำอะไรไม่ได้มาก เงียบ เล่นผิดฟอร์มพอสมควร

ลัลลาน่า - จับบอลดี หนีตัวไล่ได้เยี่ยม แต่พอแตะหนีจังหวะแรกได้แล้วทำอะไรต่อไม่ได้ ไม่ลากบอลไปคืนเค้าก็ได้แต่แปะให้เพืือนใกล้ๆ เป็นคนคอยสลับลงต่ำเวลามิลเนอร์ขึ้น เล่นตามแทคติคได้ดีอยู่หรอกแต่ช่วยทีมได้ไม่มากเท่าที่ควรจะเป็น

เฟอมิโน่ - ฉีกตัวมารับบอลนอกเขตบ่อยครั้ง เก็บบอลรอเพื่อนเติมได้ดี แต่ปัญหาคือพอเฟอมิโน่ฉีกออกมาแล้วไม่มีใครทำทางเข้าเขตโทษ ซึ่งเป็นปัญหาหลักของเกมรุกวันนี้เลย และตัวเฟอมิโน่เองก็ทำเกมรุกเองได้ไม่มากนัก หมดแรงเร็วด้วย

ตัวสำรอง

ไอบ์ - เล่นได้ถูกจังหวะขึ้น เลิกบ้าเลี้ยงเลิกฝืนไปได้เยอะ แต่ประสิทธิภาพเกมรุกยังไม่มี

เบนเทเก้ - ไม่ส่งลงเล่นเกมหน้าซะเลยล่ะ แหม่

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...นาธาเนียล ไคลน์…ตัวเลือกมีมิลเนอร์ที่มีส่วนร่วมกับเกมเยอะสุด, อัลเลนกับเกมที่ดีที่สุดในฤดูกาลของเจ้าตัว แต่ยังไงก็คงต้องเลือกไคลน์ที่คงเส้นคงวาตลอดเกม รวมถึงช่วยเชื่อมเกมจากหลังไปหน้าได้โดดเด่นกว่าพวกกองกลางเสียอีก
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559

ลิเวอร์พูล 2-2 นิวคาสเซิล (พรีเมียร์ลีค)


นำสองลูกแล้วหลอนกว่าตอนยังเสมอ
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-2-3-1

-------------------สเตอริดจ์------------------
อัลเลน------------เฟอมิโน่---------ลัลลาน่า
------------สจ๊วต---------มิลเนอร์------------
โมเรโน่------ตูเร่-------ลอฟเรน-----เรนเดล
--------------------มินโยเล่-------------------

_______ ราฟายกพลทูนอาร์มี่มาเกยตื้นหนีตายที่เมอร์ซี่ไซด์  ทางด้านคล็อปจัดเรนเดลกับสจ๊วตไว้คอยต้อนรับ บวกกับตูเร่ที่บังเอิญต้องลงแทนซาโก้ที่กินยาไม่ดูตาม้าตาเรือ ชุดตัวจริงออกมาแบบที่เห็น
-------------------------------------------------------

________ ตู้ม เข้าเลย 1-0  โมเรโน่แอบเปิดฟรีคิกเร็วให้สเตอริดจ์พักอกแล้วกลับตัวยิงในเขตโทษอย่างเท่ตั้งแต่นาที 2

_______ หลังจากนั้นนิวคาสเซิลพยายามไล่แดนกลางให้หนัก แต่ก็ทำได้แค่ชะลอไม่ให้เกมของลิเวอร์พูลต่อเนื่อง ทำได้แค่นั้น ทางด้านลิเวอร์พูลครองบอลได้เยอะกว่า เน้นวางยาวให้สเตอริดจ์พักเล่น สลับกับวางไปทางมุมธงให้ลัลลาน่ากับอัลเลนตามเล่น ซึ่งทำให้บอลขึ้นหน้าได้เร็วดีทีเดียว จังหวะเสียบอลก็ไล่กันเอาเป็นเอาตาย ได้บอลคืนมาอย่างรวดเร็ว

_______ นิวคาสเซิลพยายามบุกเจาะทางโมเรโน่แต่ทำไม่ได้แม้แต่เปิดบอล ส่วนลิเวอร์พูลเอาบอลมาไว้ักับตัวได้แทบจะตลอดเวลา นาที 30 จากจังหวะทำเร็ว เฟอมิโน่พลิกบอลแล้วจ่ายต่อไปทางซ้ายให้โมเรโน่เติมขึ้นมารับ ก่อนเปิดเข้ากลางมาหน้าเขตโทษให้ลัลลาน่าจับหนึ่งจังหวะแล้วยิงอย่างงาม 2-0

_______ ลิเวอร์พูลยังครองทั้งเกมทั้งบอลได้เหนือชั้น เกมกลางสนามไล่ตัดเอาบอลกลับมาได้เร็ว เกมรับไม่มีอะไรระแคะระเรืองระคาย หยุดนิวคาสเซิลได้ตั้งแต่ยังไม่เปิดบอลด้วยซ้ำ เกมรุกอัลเลนเรียกฟาล์วได้ตลอด ลัลลาน่าโชว์สเต็ปจับบอลแล้วกระชาก สเตอริดจ์เก็บบอลได้เหมือนเอามือจับ และเฟอมิโน่พลิกบอลได้อย่างกับไม่มีใครมาเร่งเลย อย่างไรก็ตาม จังหวะเข้าทำดูจะไม่ค่อยเน้นกันเท่าไหร่ เล่นยากไปเองบ้าง จะเล่นเองบ้าง ทำให้โอกาสยิงน้อยกว่าที่ควรจะเป็นหากดูจากรูปเกม

_______ ท้ายๆ ครึ่งแรก นิวคาสเซิลเริ่มหันไปขึ้นทางเรนเดลบ้าง แต่ผลลัพธ์ไม่ต่าง จบครึ่งแรกที่ 2-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลกลับลงมาด้วยสภาพผ่อนคลายเต็มที่ วิ่งเหยาะๆ ราวกับสูดอากาศรับโอโซนยามเช้า การวิ่งหาบอลเอาเป็นเอาตายแบบต้นเกมแทบไม่เห็นแล้ว ส่วนทางนิวคาสเซิล เล่นเหมือนนึกขึ้นได้ว่ากรูจะตกชั้นแล้วนี่หว่า เลิกไล่แค่ในแดนตัวเอง หันมาวิ่งใส่ตั้งแต่ข้างหน้า ได้บอลก็เติมกันขึ้นมาเล่นหมด โดยเฉพาะแบ็คสองข้างที่ขึ้นมาช่วยเปิดบอลสูงผิดจากครึ่งแรก

_______ ไม่นานครับ ไม่นานเลย วีรบุรุษแห่งนิวคาสเซิลก็แผลงฤทธิ์ แค่นาที 49 จากจังหวะเล่นไม่เนียนทำบอลหลุดเองของลิเวอร์พูล นิวคาสเซิลได้เปิดบอลจากทางฝั่งโมเรโน่ บอลย้อยลึกข้ามไปเสาสองแบบไม่มีน้ำหนักนัก แต่มินโยเล่ก็ทำให้มันหนักได้ด้วยการขึ้นไปตัด...ไม่ถึงบอล โดนซิสเซ่โหม่งเข้ากรอบได้ประตูไปง่ายๆ 2-1

_______ ลิเวอร์พูลยังเล่นกันเอื่อยๆ ไม่ค่อยมีสมาธินักอยู่นาน กว่าจะเริ่มมีสติกลับมาเล่นได้ตามจังหวะของตัวเองก็ร่วมนาที 55 เข้าให้แล้ว ในขณะที่ทางฝั่งนิวคาสเซิล ได้โอกาสลุ้นเปิดมากขึ้น แต่โดยรวมเกมรุกของพวกเขายังแย่ การตั้งเกมยังดูไม่ดีนัก แต่บอลสองไม่เป็นรองแล้วและการเข้าหาบอลดูจะทำได้เร็วกว่า

_______ นาที 66 จากการผิดพลาดของสเตอริดจ์ที่พาบอลไปล้มหน้าเขตโทษจะเรียกฟาล์วแล้วไม่ได้ นิวคาสเซิลโต้เร็วกลับมาจนได้เปิดจากทางฝั่งโมเรโน่อีกครั้ง ลอฟเรนโหม่งสกัดได้แต่ไม่ขาด บอลตกในเขตโทษแล้วก็เป็นโคลแบ็ค นักเตะที่ทั้งฤดูกาลนี้ยังยิงไม่ได้สักลูก วิ่งเข้ามาอัดเต็มข้อ บอลพุ่งเข้ากลางประตูแล้วตกพื้นแฉลบ หรือแฉลบขากองหลังไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ คือบอลเปลี่ยนทางจากที่ควรจะพุ่งเข้าซองมินโยเล่ที่รอรับอยู่ กลายเป็นพุ่งเข้าหาตาข่ายแทน 2-2

_______ งานเข้าดิครับ นำอยู่ดีๆ ไม่ชอบ นาที 71 คูตินโย่กับลูคัสเลยได้ลงมาแทนแรนเดลกับอัลเลน มิลเนอร์ถูกโยกไปเล่นแบ็คขวา ลิเวอร์พูลหันมาขึ้นเกมรุกทางฝั่งขวาแบบสุดลิ่มทิ่มประตูอู้หูเล่นอยู่ข้างเดียวตลอดเวลาที่เหลืออยู่ ซึ่งก็ได้ผลด้วย พื้นที่มุมธงฝั่งนี้ของนิวคาสเซิลเน่าสุดๆ อ้าซ่า หลวมพรืด ใครขึ้นไปก็ถึงสุดเส้นหลังได้หมด ลิเวอร์พูลได้เปิดบอลเข้าไปลุ้นเยอะ แต่ติดกองหลังเรียบ

_______ ทางด้านนิวคาสเซิลเปลี่ยนมิโตรวิชลงมาแทนซิสเซ่ เปลี่ยนโหมดมาโยนยาวโต้เร็วใส่ เกมถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลยังดูดีกว่า ได้ลุ้นเยอะกว่า เกมขวาเจาะได้ตลอ แต่นิวคาสเซิลเองก็โต้ขึ้นมาพอหาโอกาสได้เหมือนกัน

_______ นาที 83 โอโจ้ได้ลงแทนลัลลาน่า ลิเวอร์พูลยังตั้งหน้าตั้งตาเจาะทางขวาต่อไป แต่สุดท้ายไม่มีอะไรดีไปกว่าบอลเฉียดเสา, ติดบล็อคกองหลัง, และโดนจับฟาล์ว จบเกมที่สกอร์ 2-2 เป็นอีกหนึ่งนัดที่นำห่างถึงสองลูกแล้วไม่ชนะ
-----------------------------------------

_______ ครึ่งแรกครึ่งหลังเป็นหนังคนละม้วนเลย

_______ ต่อให้ไม่มีถึงสองประตู เกมครึ่งแรกต้องบอกว่าลิเวอร์พูลชนะทุกอย่าง ทำเกมรุกเกมรับโอกาสการครองเกม ยิ่งพอบวกประตูที่ทำได้เข้าไปอีก ยิ่งต้องนับว่าเป็น 45 นาทีแรกที่สมบูรณ์แบบมาก

_______ แต่ครึ่งหลัง ยังไม่ต้องนับถือการเปลี่ยนวิธีเล่นของคู่ต่อสู้ เอาแค่ตัวเองก่อน ลิเวอร์พูลผ่อนเกมลงไปเยอะมากครับ ความกระตือรือร้นในการวิ่งน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะก่อนที่จะ 2-2 ยิ่งไปกว่านั้นคือพยายามจะเล่นลูกยาก เน้นเล่นเองกันอีกหลายจังหวะ พูดง่ายๆ คือสมาธิไม่ค่อยอยู่กับเกมตรงหน้านั่นแหล่ะ

_______ ถ้าพวกเขาเล่นเน้นกว่านี้ ต่อให้ไม่ได้ลูกที่สาม(ซึ่งน่าจะได้) อย่างน้อยก็ไม่น่าจะเสียได้ถึงสองประตู(ตั้งแต่นาที 66)

_______ ลิเวอร์พูลเป็นแบบนี้อยู่หลายนัดแล้ว ส่วนนึงมาจากแท็คติคที่ต้องวิ่งเยอะด้วยนั่นแหล่ะ พอได้ประตูแล้ว ความกระตือรือร้นมันต้องมีลดบ้างก็เข้าใจ คนไม่ใช่หุ่นยนต์ จะให้สมาธิเขม็งเกลียวกันตลอด 90 นาทีมันเป็นเรื่องยาก แต่อย่างน้อยก็ควรจะผ่อนให้อยู่ในระดับที่เอาตัวรอดได้ดีกว่านี้หน่อย และที่สำคัญกว่านั้นคือไอ้เรื่องเล่นยากเล่นโชว์ทั้งที่เวลาเหลืออีกเพียบนี่ต้องแก้ไขก่อนเลย

_______ สำหรับคล็อป เขาพลาดเรื่องปล่อยให้ลูกทีมผ่อนมากไป แต่ทำได้ดีกับเรื่องเปลี่ยนแท็คติคที่ถอดแรนเดลออกแล้วเอามิลเนอร์ไปเล่นแทน เกมรุกทางขวาดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด โอกาสลุ้นประตูกว่า 90% ในครึ่งหลังนี่มาจากเกมฝั่งนั่นล้วนๆ และการเปิดบอลเข้าทำก็ถือว่าฝ่าตัวบล็อคเข้ามาได้ในระดับน่าพอใจด้วย ไม่ใช่เปิดเป็นติดๆ

_______ อย่างไรก็ตาม เรื่องน่าดีใจที่สุดของวันนี้คงหนีไม่พ้น

_______ ไม่มีใครเจ็บเพิ่มครับ
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นได้ดีมาก...ในครึ่งแรก

มินโยเล่ - ลูกแรกงามไส้มาก เห็นก่อนตั้งนาน บอลก็ไม่แรง แต่ลูกที่สองนี่ยกประโยชน์ให้จำเลยไป

โมเรโน่ - ทำสองแอสซิสต์ได้สุดยอดในครี่งแรก เกมรับก็จัดว่าดีด้วยเพราะคู่ต่อสู้เปิดไม่ได้ แต่เข้าครึ่งหลังที่เจอตัวซ้อนบ่อยๆ เข้าโมเรโน่เริ่มหลง แถมช่วงที่สกอร์ใกล้กันแล้วโมเรโน่ปล่อยพื้นที่ตัวเองหลุดบ่อยไปด้วย สองลูกที่เสียก็เปิดมากจากฝั่งนี้หมดเช่นกัน

ตูเร่ - ครึ่งแรกบอลมาทางไหนกลับไปทางนั้น ไม่เก็บบอลเล่น แต่ครึ่งหลังพยายามเก็บมากขึ้น ผลงานพอใช้ได้ ส่วนเกมรับเทตามบอลมากไป(ไม่)หน่อย ไม่ค่อยดูคนเลย ที่เห็นว่าดีคือการซ้อนแบ็คซ้อนกองกลางที่ทำได้รวดเร็ว

ลอฟเรน - สกัดลูกเปิดได้ดีมาตลอดจนกระทั่งลูกที่สองที่เสียนั่นแหล่ะ ลูกนั้นโหม่งได้ค่อนข้างแย่ แต่โดยรวมฟอร์มจัดว่าดี สกัดได้แล้วยังเก็บบอลเล่นและเอาบอลขึ้นหน้าได้ด้วย จังหวะที่โดนโต้ก็มีความเร็วพอจะตามลงมาปิดพื้นที่ได้โอเคอยู่

เรนเดล - อ่านเกมดีขึ้น เติมถูกจังหวะจะโคนมากขึ้น แต่ประสิทธิภาพในพาบอลไปเองยังต้องรออัพแพทช์ใหม่ ส่วนประสิทธิภาพในการจ่ายบอลควรอันอินสตอลออกแล้วลงโปรแกรมอื่นไปเลย โปรแกรมที่ใช้อยู่สิ้นหวังแล้ว

สจ๊วต - ตำแหน่งยืนดี ไม่มีเท ไม่มีหลุด เกมรับรักษาพื้นที่หน้าเขตโทษได้น่าพอใจทีเดียว จ่ายบอลให้เพื่อนก็ไม่แถมเฝือกแล้ว แต่ออกบอลช้า เลือกตัวออกบอลได้แย่มาก แม้บอลจะอยู่กับทีมแต่ทีมไม่ค่อยได้เปรียบเท่าไหร่

มิลเนอร์ - ไม่ค่อยอยู่เป็นที่เป็นทาง วิ่งเยอะ เชื่อมเกมเยอะ แต่สาระจริงๆ อยู่ตอนที่แอบขึ้นไปเปิดบอลซึ่งทำได้ดีหลายครั้ง เพื่อนได้ยิงได้โหม่งกันไปคนละทีสองที

อัลเลน - เทพครึ่งแรก กลิ้งไปกลิ้งมาเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือเรียกฟาล์วได้ ทำให้เกมลื่นไหลดีทั้งจากการวิ่งดักบอลและวิ่งทำทางเชื่อมเกม แต่ครึ่งหลังเหมือนปลั๊กหลุด หายไปจากเกมดื้อๆ

เฟอมิโน่ - ครึ่งแรกพลิกบอลได้สุดยอด จะไล่อยู่กี่ตัว เบียดติดแค่ไหนเฟอมิโน่พลิกได้หมด จ่ายต่อให้เพื่อนเล่นง่าย ในขณะที่การวิ่งไล่ก็ทำอยู่ตลอด พอเข้าครึ่งหลังเริ่มวิ่งน้อยลง ยังเชื่อมเกมแถวหน้าเขตโทษได้อยู่แต่เอาชนะแนวรับแน่นหนาหลายชั้นไม่ได้

ลัลลาน่า - จับบอลแรกได้เนียนตามาก นับเฉพาะเรื่องนี้เรื่องเดียวดีที่สุดในทีมตอนนี้เลย บอลจะมาแบบไหนจับปุ๊บได้เปรียบและเล่นต่อได้ปั๊บ ช่วยเชื่อมเกมและทำเกมรุกได้มีประสิทธิภาพ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของครึ่งแรก

สเตอริดจ์ - สเตอริดจ์ตัวจริงโป้งเดียวจอด และสเตอริดจ์ตัวจริงเช่นกันที่ชอบฝืนเล่นลูกยาก แม้จะจบสกอร์ได้สุดยอดแต่การมีส่วนร่วมกับเกมของสเตอริดจ์วันนี้ไม่ดีเลย ช่วงที่หายก็หายไปเลย ช่วงที่โผล่มาก็มาทำเพื่อนเสียจังหวะจาการฝืนเก็บบอลนานไปหลายครั้ง

ตัวสำรอง

คูตินโย่ - เอาบอลขึ้นหน้าได้เร็วกว่าช่วงก่อนหน้า เกมรุกหาโอกาสได้น้อยไปหน่อย ได้ยิงเอง่แบบหวังผลได้ครั้งเดียวก็ติดบล็อค ได้เปิดเข้าทำหนสองหนก็ไม่แม่น

ลูคัส - ช่วยให้ทีมเก็บบอลได้ดีขึ้น แต่จังหวะโดนโต้เร็วก็ช่วยอะไรทีมไม่ได้เท่าไหร่ ตามไม่ทัน งานเข้าเซ็นเตอร์อยู่ดี

โอโจ้ - ใช้ความเร็วความสดช่วยประสานงานกับมิลเนอร์ได้ในระดับนึง ลงมาพอมีอะไรให้พูดถึงบ้าง

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ซิมง มินโยเล่…ต่อหน้าฉันเธอตัดลูกนั้นไม่ถึงได้อย่างไร~ โว้โอ่~
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2559

ลิเวอร์พูล 4-0 เอฟเวอร์ตัน (พรีเมียร์ลีค)


18+ รีบดูก่อนโดนลบ
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-2-3-1

----------------------โอริกิ--------------------
คูตินโย่------------เฟอมิโน่---------ลัลลาน่า
-------------ลูคัส---------มิลเนอร์------------
โมเรโน่-----ซาโก้-------ลอฟเรน-----ไคลน์
--------------------มินโยเล่-------------------

_______ เมอร์ซี่ไซด์ดาร์บี้แมทช์ที่ใจคอแฟนบอลไม่ได้อยู่ในลีคสักเท่าไหร่กันทั้งคู่ แต่ผู้จัดการทีมไม่คิดแบบนั้น ทางเอฟเวอร์ตันสภาพทีมไม่ดีเท่าไหร่ตัวหลักเจ็บเพียบ แต่ยังอุตส่าห์ส่งตัวจริงเท่าที่มีลงครบ ส่วนลิเวอร์พูลจัดเต็ม 11 ตำแหน่งแบบไม่มีดาวรุ่งมาเพ่นพ่านเลย
-------------------------------------------------------

________ เริ่มเกมมาก็เปิดเกมรุกเร็วแลกกัน บอลถึงเขตโทษทั้งสองฝ่าย เสียฟาล์วกันบ่อย แต่ลิเวอร์พูลดีกว่าตรงจังหวะเข้าทำที่บอลหลุดเข้าไปในเขตโทษได้เยอะกว่า ได้ยิงแบบควรเป็นประตูด้วย แต่ในรูปเกมผลัดกันรุกรับไม่ได้ต่างกันมากนัก

________ เอฟเวอร์ตันเน้นขึ้นเกมเจาะไคลน์และใช้บอลยาวให้ลูกากูพัก ไม่ได้ผลทั้งสองอย่าง ทำได้ลุ้นแค่จังหวะโต้เร็วทำเร็ว ส่วนลิเวอร์พูลนอกจากเกมเร็วที่ทำได้แล้ว  การเจาะตรงกลางด้วยบอลชิ่งและการรุกทางฝั่งซ้ายทำได้ดีมากเพราะพื้นที่มุมธงฝั่งนั้นของเอฟเวอร์ตันเน่ามาก

_______ ผ่าน 20 นาทีไป เอฟเวอร์ตันต้องหันมาเล่นช้าเพราะเร็วสู้ไม่ไหว สวนทางกับลิเวอร์พูลที่เร็วแล้วดีกว่าชัด แดนหน้าแดนกลางตัดกลับได้เร็วกว่าเยอะ แดนกลางเอาชนะได้ดีขึ้นๆ จนพอเข้า 10 นาทีท้ายเอฟเวอร์ตันก็โดนกดให้อยู่แต่ในแดนตัวเองแล้ว

_______ ลิเวอร์พูลมาได้ประตูติดๆ กันในช่วงท้าย นาที 43 มิลเนอร์เปิดจากริมเส้นขวาลึกข้ามไปเสาสองเข้าหัวโอริกิ 1-0 ต่อด้วยนาที 45+2 มิลเนอร์ทำชิ่งกับลัลลาน่าเข้าไปเปิดบอลจากสุดเส้นซ้าย บอลข้ามหัวกองหลังไปเข้าหัวซาโก้ได้โหม่งโล่งๆ 2-0 จบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้

_______ เข้าครึ่งหลัง ยังไม่ทันทำอะไรมาก โมริไปย่ำใส่โอริกิแบบไม่จำเป็น โดนใบแดงไล่ออกไป จากจังหวะนี้โอริกิเจ็บจนต้องส่งสเตอริดจ์ลงแทน ถึงตรงนี้จากที่เกมลิเวอร์พูลดีกว่าอย่างต่อเนื่องจากท้ายครึ่งแรกอยู่แล้ว คราวนี้เลยยิ่งคุมเกมได้หมดจด แดนกลางดักตัดได้หมด แถมยังเล่นเกมรุกกันต่อด้วย แบ็คเติมขึ้นไปรับบอลตลอด

_______ นาที 61 ลูคัสอ่านเกมดี วิ่งขึ้นมาฉกบอลกลางสนามได้ก่อนจ่ายตามช่องให้สเตอริดจ์หลุดไปยิงง่ายๆ 3-0 จากเกมที่ห่างและขาดอยู่แล้ว สกอร์ขยับอีกก็จบเห่เอวัง

_______ เอฟเวอร์ตันเล่นแบบ “ปล่อยกูกลับบ้านเถอะ” แถมมาติเนซยังเปลี่ยนสโตน (เซ็นเตอร์ตัวหลัก) ออกอีก แต่ทางลิเวอร์พูลยังเล่นแบบ “เดี๋ยวดิ กูยังมันส์อยู่” เวลากว่าครึ่งชั่วโมงที่เหลือจึงเป็นมหกรรมการโชว์จังหวะเข้าทำของลิเวอร์พูลที่ตอนซ้อมยังไม่ได้ยิงกันเยอะขนาดนี้เลยมั้ง และเป็นเวรเป็นกรรมของเอฟเวอร์ตันที่เวลาไม่หมดสักที ถ้ายกธงขาวแล้วเป่าหมดเวลาเลยได้มาติเนซคงทำไปแล้ว

_______ นาที 66 อัลเลนลงแทนเฟอมิโน่ และลิเวอร์พูลได้ลูกที่ 4 ในนาที 76 คูตินโย่แตะบอลหนีตัวประกบแล้วยิงไกลนอกเขตโทษเสียบเสาสองไปได้

_______ ผู้เล่นลิเวอร์พูลขยับมายืนในแดนเอฟเวอร์ตันกันหมดแล้วเพราะอยู่ข้างหลังก็ไม่มีอะไรทำ ทุกคนได้โอกาสยิงกันแทบทุกคน ทีมได้ลุ้นยิงแทบจะทุกนาที...นี่ไม่ได้เปรียบเปรยด้วยนะ แทบทุกนาทีจริงๆ ส่วนทางเอฟเวอร์ตันถ้าเป็นมวยก็โดนจับแพ้ TKO ไปนานแล้ว  กว่าจะจบเกมลิเวอร์พูลได้ยิงไปร่วมๆ สี่สิบครั้ง จบที่ 4-0
-----------------------------------------

_______ สูสีแค่ประมาณ 15 นาทีแรก หลังจากนั้นเกมดีกว่าเยอะเลย

_______ ชนะได้มันสะใจ แต่เฮไม่สุดเพราะโอริกิเจ็บครับ ถ้ามาเจ็บยาวตอนนี้ละยุ่งเลย ไม่ใช่แค่ฟอร์มที่กำลังดี แต่หมายถึงทีมจะเหลือแค่สเตอริดจ์อีกต่างหาก (ได้ยินผู้บรรยายบอกว่าเบนเทเก้เจ็บ)

_______ เกมนี้ลิเวอร์พูลทำได้ดีมากในแดนกลาง ทั้งทีมช่วยกันไล่บอลในแดนกลางได้ดีมากๆ โดยเฉพาะสามตัวรุกหลังกองหน้า บีบพื้นที่จ่ายบอลได้สุดยอด ในขณะที่แนวรับรวมลูคัสกับมิลเนอร์ด้วย เก็บบอลทะลักได้ดี บอลจ่ายแปะๆ มาวิ่งตัดหน้าได้บ่อย ทำให้เกมดีกว่าเยอะ

_______ ที่สำคัญคือ หลังจากเอฟเวอร์ตันเหลือ 10 คนแล้ว ลิเวอร์พูลก็ยังเล่นแบบเดิมอยู่ คือวิ่งบีบวิ่งตัดหน้าฉกบอลตลอด ทำให้เอฟเวอร์ตันไม่มีโอกาสทำอะไรนอกจากสกัดบอลทิ้งเลย ทีมเล่นดุมากครับ ปกตินำ 2-0 คู่ต่อสู้เหลือ 10 นี่ปกติยืนเคาะในแดนกันไปแล้ว ต้องบอกว่ายุคคล็อปนี่เล่นเอนเตอร์เทนแฟนบอลดีเหลือเกิน

_______ น่าสังเกตอยู่อย่าง ลิเวอร์พูลเล่นลูกตั้งเตะได้หลากหลายขึ้นเยอะถ้าเทียบกับต้นฤดู มีสั้นมียาวมีเป้าหมายในการเปิดบอลมากขึ้น อย่างนัดนี้มีจังหวะนึงที่เตะมุมแล้วเปิดมาให้ลูคัสยิงหน้าเขตโทษเงี้ย คือหลอกเอฟเวอร์ตันได้หมดจดเลย ไม่ได้เห็นทีมเล่นลูกตั้งเตะได้ดีแบบช่วงนี้มานานแล้วครับ

_______ นัดหน้า...ได้เจอราฟาแล้วนะ รู้ยัง
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นได้ดีมาก

มินโยเล่ - เหงามั้ย?

ลอฟเรน - เหงามาก!

ซาโก้  - ดักบอลเปิดเข้าเขตโทษได้ดีหลายครั้ง ดักบอลจ่ายได้แทบทุกลูก เก็บบอลเล่นได้เยอะ ทำประตูได้ด้วย

โมเรโน่ - ช่วยบีบพื้นที่จ่ายบอลได้ดี พื้นที่รับผิดชอบไม่โดนเจาะเยอะเอาตัวรอดได้สบาย  ขึ้นมาช่วยเชื่อมเกมได้ดี หันไปเป็นเจอ ให้บอลเพื่อนได้เปรียบ

ไคลน์ - โดนเจาะเยอะแต่รับมือได้ดี ตัวต่อตัวเอาอยู่ แม้แต่จังหวะที่ต้องดวลลูกกลางอากาศกับลูกากูบ้างก็ถือว่าเบียดใช้ได้ มาทำได้ดีจริงๆ คือการขึ้นไปช่วยเกมรุก ทำได้ทั้งเชื่อมเกมและเกมรุกแถวมุมเขตโทษฝั่งนั้น

ลูคัส - ต้นเกมออกบอลช้า มองนานเหลือเกินกว่าจะจ่าย เสียฟาล์วง่าย แต่ยิ่งเล่นจังหวะยิ่งดีขึ้น ประกอบกับเพื่อนช่วยกันไล่มาดี ทำให้เจอเกมง่าย แค่ดักเก็บบอลทะลักแล้วจ่ายให้คนอื่นเอาไปเล่นกันเอง  ทำได้ยอดเยี่ยมในจังหวะ 3-0

มิลเนอร์ - ต้นเกมอย่างพรวด โดนใบเหลืองอย่างเร็ว (นาที 8) เข้าไปแย่งบอลไม่ถึงกับดี แต่วิ่งไปถึงตัวคนครองบอลได้เร็ว บีบให้คู่ต่อสู้เล่นยาก แต่สิ่งที่มิลเนอร์ทำได้ดีที่สุดในวันนี้...ที่จริงก็หลายวันแล้ว คือการเปิดบอลจากด้านข้างเข้ากลาง ลูกแรกลูกสองนี่เป็นฝีมือเปิดของมิลเนอร์สุดยอดมาก หลังจากนั้นก็เปิดถึงเพื่อนอีกไม่รู้ตั้งกี่ลูก

คูตินโย่ - ต้นเกมเงียบมาก และตลอดครึ่งแรกก็ทำได้แค่เชื่อมเกม เล่นเกมรุกยังไม่ได้ดุดันเท่าไหร่ มาทำได้ดีมากก็ช่วงครึ่งหลังที่มีพื้นที่ให้เล่นเยอะ จับบอล จ่ายบอล เชื่อมเกม ออกบอลดีหมด ทำประตูได้ด้วย ที่สำคัญคือช่วงวิ่งไล่บอลได้ดีมากตลอดเกม

ลัลลาน่า - ครึ่งแรกจับบอลแรกเทพมาก เทพจริงๆ บอลยากบอลง่ายจับแล้วได้เปรียบทุกลูก แต่จังหวะสุดท้ายดีไม่พอ หลุดเดี่ยวยิงไม่ได้ ได้ยิงในกรอบก็ติดบล็อคติดเซฟ ส่วนเรื่องวิ่งไล่บอลก็ทำได้ดีตลอดเกมเช่นกัน

เฟอมิโน่ - วิ่งไล่ได้ดีพอๆ กับคูตินโย่และลัลลาน่า เชื่อมเกมได้อยู่ ประสานงานกับเพื่อนโดยเฉพาะคูตินโย่กับมิลเนอร์ได้ดีหลายครั้ง แต่กับเรื่องการเปิดเกมรุกวันนี้ค่อนข้างเงียบ

โอริกิ - ขยันวิ่งดี วิ่งหาพื้นที่รับบอลได้ดีด้วย แต่พอได้บอลแล้วทำอะไรไม่ค่อยเป็นโล้เป็นพาย ดีหน่อยตรงที่เก็บบอลได้ดีขึ้น โหม่งทำประตูได้ดี เสียดายที่โดนย่ำจนต้องเปลี่ยนออกไปเสียก่อน

ตัวสำรอง

สเตอริดจ์ - ยังคงยิงได้เด็ดขาด พอเกมขาดแล้วเพื่อนเน้นเล่นเองกันเยอะขึ้นก็เลยได้บอลน้อยลงไป

อัลเลน - ลงไปในจังหวะที่เข้าทางสุดๆ วิ่งเชื่อมเกมได้ดี วิ่งดักบอลก็ตัดได้เยอะ มีโอกาสได้ชาร์จได้ยิงในเขตโทษเป็นระยะด้วย

ไอบ์ - หาที่รับบอลได้ดี บ้าเลี้ยงน้อยลง เปิดบอลไม่ดีเท่าไหร่แต่ยังพอมีทิศทางบ้าง

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...เจมส์ มิลเนอร์…เจ้าพ่อลูกครอสตัวจริง เปิดได้ทั้งสองฝั่งทั้งสองเท้าทั้งตั้งเตะและโอเพ่นเพลย์
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2559

บอร์นมัธ 1-2 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


นี่พรีเมี่ยร์ลีคหรือ U21
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-2-3-1

-------------------สเตอริดจ์------------------
ไอบ์---------------เฟอมิโน่------------โอโจ
-------------อัลเลน---------สจ๊วต------------
สมิธ---------ลูคัส----------ตูเร่------แรนเดล
----------------------วอร์ด---------------------

_______ ลิเวอร์พูลกลับมาเล่นพรีเมียร์ลีคไปเยือนบอร์นมัท คล็อปจัดทีมซะ...อย่างที่เห็นด้านบน เจตนารมย์ชัดเจนมากว่าจะโชว์เด็ก
-------------------------------------------------------

________ เริ่มเกมมาทั้งสองทีมก็เล่นเหมือนวัยรุ่นยกพวกตีกัน กรูกันเข้าหาบอลอย่างบ้าคลั่ง ใกล้บอลเป็นปั้ม ได้บอลเป็นเปิด แม่นมั่งไม่แม่นมั่งทั้งคู่ ลิเวอร์พูลดูจะมีภาษีดีกว่าเมื่อไล่ถึงบอลและแย่งบอลได้เยอะ แต่บอลขึ้นหน้าก็ยังไม่ค่อยจะมีทิศทางอยู่ดี

________ ผ่านประมาณ 20 นาทีแล้วเกมถึงได้ช้าลง ทั้งสองทีมเกมไม่ต่อเนื่อง บอร์นมัทโดนไล่แล้วจ่ายเสียเละเทะ เพื่อนวิ่งไปรอเชียงใหม่จ่ายไปยะลา ด้านลิเวอร์พูลเน้นจ่ายขึ้นหน้าตรงๆ รัวๆ เพราะเกมริมเส้นดับสนิทสองฝั่ง บอลเกมรุกหาโอกาสยิงได้จริงแต่ไม่ได้กดดันคู่ต่อสู้เท่าไหร่

_______ จนกระทั่งนาที 41 ไอบ์ได้บอลจี้เข้าไปในเขตโทษด้านซ้าย จ่ายเรียดยัดใส่สเตอริดจ์ที่โดนล้อมอยู่สามพลิกเล่นไม่ได้ แต่สเตอริดจ์คิดไวตอกส้นไปเสาสอง บอลได้น้ำหนักและทิศทาง ถึงบูรุคปัดได้แต่บอลไม่พ้นกรอบ เฟอมิโน่เคาะเผาขนซ้ำเข้าไปง่ายๆ ไม่ต้องเล็ง 1-0

_______ เท่านั้นไม่พอ ทดเจ็บนาทีที่สองของครึ่งแรก ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิก ไอบ์เปิดเข้ามาที่จุดนัดพบแถวๆ หน้าจุดโทษ สเตอริดจ์ขึ้นโหม่งได้ถนัดถนี่ บอลพุ่ง พุ่งเลยล่ะไม่ใช่ย้อย เสียบเสาเข้าไปเป็น 2-0 และจบครึ่งแรกไปแบบงงๆ ด้วยสกอร์ดังกล่าว

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลลงมาเล่นเป็นระบบระเบียบขึ้น ยืนรักษาตำแหน่ง วิ่งไล่แค่ในพื้นที่รับผิดชอบ ไม่มั่วซั่วแบบครึ่งแรก แต่ก็ดูจะผ่อนทั้งการไล่บอลแดนหน้าและเกมรุกลงไปด้วย ถึงอย่างนั้นก็ยังคุมเกมได้ดีกว่าครึ่งแรกด้วยซ้ำ ได้โอกาสจะ 3-0 อยู่สองหนจากสเตอริดจ์แต่ชนเสาหนึ่งคานหนึ่งอย่างน่าเสียดาย

_______ เกมมาเปลี่ยนเอาตอนนาที 59 มาร์ค พิวจ์ของบอร์นมัทได้ลงสนาม คือลำพังตัวพิวจ์เนี่ยไม่ได้เปลี่ยนเกมอะไรขนาดนั้น แต่การเล่นของบอร์นมันนับจากนี้ไปตลอดครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของเกม เน้นเกมรุกได้ดีต่อเนื่อง เกมริมเส้นได้เปิด ไปถึงมุมธงบ่อยๆ บอลสองก็เก็บได้เป็นชิ้นเป็นอันขึ้นด้วย

_______ ตูเร่มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย นาที 67 ซากล้วยเลยได้ลงมาแทน ลงมาปุ๊บกล้วยโชว์บังบอลให้กองหน้าเข้าทำอย่างงดงาม ดีว่าไม่เสียประตู และหลังจากนั้นไม่ได้พลาดอะไรระดับนั้นอีก

_______ นาที 75 โอริกิได้ลงแทนเฟอมิโน่ นาที 78 ลัลลาน่าได้ลงแทนไอบ์ บอร์นมัทยังรุกกดดันได้ดีอยู่ตลอด แต่หลังจากทั้งโอริกิและลัลลาน่าแล้วดูเหมือนว่าลิเวอร์พูลจะหาโอกาสโต้ถึงหน้าเขตโทษได้มากขึ้น โดยเน้นการขึ้นเกมทางซ้ายมีโอโจเป็นตัวหลักในการเริ่มต้นเกมโต้

_______ ช่วงสิบนาทีท้าย เกมรุกทางซ้ายพาบอลไปถึงเกือบมุมธงได้บ่อย แต่เข้าทำอย่างแย่ ยังไม่นับว่าระหว่างทางโอโจก็ทำเสียจังหวะบ้างเสียบอลบ้างอยู่เรื่อย ส่วนทางด้านเกมรับ เริ่มหยุดการเปิดบอลเข้าเขตโทษของบอร์นมัทไม่ได้แล้ว ไม่ว่าจะริมเส้นหรือโยนลึกจากด้านหลัง ยังดีว่าในเขตโทษยังเก็บได้หมด

_______ บอร์นมัทมุ่งมั่นจะเอาให้ได้และทำได้สำเร็จจริงๆ ในช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้าย บอลตักโด่งจากแนวหลังขึ้นมาง่ายๆ ลูคัสเบียดอยู่กับคิงดีๆ แต่พอบอลมาถึง จะบอกโดนเบียดเสียหลักก็ไม่น่าใช่ จะบอกขึ้นโหม่งก็ไกลจากความจริง เอาเป็นว่าบอลตกใส่คิงพลิกจังหวะเดียวยิงตูมหาย 2-1

_______ หลังจากนั้นก่อนหมดเวลา บอร์นมัทได้โหม่งถึงบอลอีกครั้งแต่บอลหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย จบเกมลิเวอร์พูลเลยเอาชนะไปได้เฉียดฉิว 2-1
-----------------------------------------

_______ เล่นดีกว่านิดเดียว แต่สกอร์ห่างเลยเล่นง่ายทั้งเกม โชคดีไป

_______ ก่อนอื่น ต้องออกตัวเลยว่า เห็น 11 ตัวจริงชุดนี้แล้วก็คงรู้กันดีว่าหวังอะไรกับรูปเกมไม่ได้มาก และเป็นการให้โอกาสดาวรุ่งของคล็อปเท่านั้น ดังนั้นการบอกว่าอันนั่นไม่ดี อันนี้ไม่ได้เรื่องคือว่ากันไปตามที่เล่นในสนามนะ ไม่ใช่ว่าจะไล่ให้ขายทิ้ง หรือไม่ควรส่งลง เค๊?

_______ 1  เกมริมเส้นดับสนิท ทั้งสองฝั่งเลย การเล่นของแบ็คทั้งสองข้างวันนี้ทำให้เราเห็นว่า โมเรโน่ที่ว่าเกมรับแย่ๆ รั่วแล้วหลุดอีกนั่นน่ะ อย่างน้อยยังเชื่อมเกมได้ดีกว่าเด็กสองคนนี้อีกนะ และแม้จะเป็นตำแหน่งกองหลัง แต่แบ็คสองข้างมีส่วนสำคัญมากกับการตั้งเกม นี่ยังไม่ได้พูดถึงเกมรุกเลยด้วยซ้ำ ถ้าแบ็คสองคนนี้ยังยกระดับตัวเองไม่ได้ ฤดูหน้าก็เหนื่อยกันหน่อยล่ะถ้าจะหวังโอกาส

_______ 2  เด็กทุกคนที่ได้ลงสนามวันนี้ ...ไม่มีใครเข้าตาเลย (แม้แต่จะมองในฐานะดาวรุ่ง)

_______ 3  เอายังไงดีกับกองกลาง ยามนี้ที่ขาดทั้งเฮนโด้ทั้งชาน อัลเลนกับสจ๊วตในนัดนี้มีปัญหาเยอะ จะหวังให้มาแทนที่แม้แต่จะช่วงสั้นๆ ก็ดูถ้าจะลำบาก บางทีอาจจะต้องย้อนไปเล่น 4-3-2-1 ไปก่อนละมั้ง อัลเลน+ลูคัส+มิลเนอร์ ไม่งั้นกลางสนามโหว่ คู่ต่อสู้บุกทีถึงเขตโทษทุกครั้งก็ไม่ไหวนะ

_______ ดูนัดนี้แล้วถึงฟอร์มจะไม่เปรี้ยง แต่ก็สบายใจดีครับ คือดูเพื่อความบันเทิงจริงๆ คล็อปก็จัดให้บันเทิงเต็มที่ดีด้วย ไม่ต้องลุ้นผลมาก เน้นลุ้นฟอร์มเอา
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นไม่ค่อยดีนัก

วอร์ด - เด่นในเรื่องการออกบอลเร็ว ทำได้ดีหลายครั้ง อาจต้องปรับปรุงเรื่องความแม่นยำอีกหน่อย ส่วนเรื่องการป้องกันก็ยืนตำแหน่งได้ดี เซฟสำคัญได้หนนึงด้วย

สมิธ - วิ่งทำทางไปได้ดีหลายครั้ง...อย่างเหงาหงอย ...เพื่อนไม่ค่อยจ่าย เกมรับดีตรงไม่พรวด แต่รักษาพื้นที่ตัวเองไม่ค่อยดี อ่านเกมก็ไม่เด็ดขาด

ลูคัส  - มีปัญหากับการบังบอลหลายครั้ง ลูกที่เสียไปนั่นก็รับเครดิตไปค่อนลูกเลย แต่การผ่านบอลขึ้นหน้า การอ่านเกมแล้วเข้าไปบีบกองหน้าทำได้ดี

ตูเร่ - ได้เวลาเลี้ยงหลานแล้วล่ะ ฟอร์มไม่แย่แต่ร่างกายไม่ไหวแล้ว

แรนเดล - ถ้ามีตำแหน่ง มั่วออฟเดอะแมทช์ ก็คนนี้เลยจ่ะ

สจ๊วต - ช่วยอัลเลนได้น้อยมากกกก วิ่งก็น้อยกว่าแท้ๆ ยังอุตส่าห์จะเข้าพรวดจ่ายพลาดเป็นระยะ แม้จะเก็บบอลสองใช้ได้และรักษาพื้นที่หน้าเขตโทษได้อยู่ แต่เล่นได้แค่นี้ก็ไม่ไหว

อัลเลน - เด่นที่สุดในทีมแล้ว เข้าปะทะอย่าได้หวังพึ่ง แต่ดักตัดบอลวันนี้ทำได้เยอะมาก ในขณะที่การเชื่อมเกมและเล่นเกมรุกก็มีทิศทางกว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด เสียดายให้บอลเด็กๆ ไปแล้วบอลตายหมด

ไอบ์ - เปิดเรียดยัดให้สเตอริดจ์นำมาซึ่งประตูแรกได้ดี รวมไปถึงเปิดฟรีคิกจนได้ประตูที่สองด้วย แต่นอกนั้น...คือถ้าเล่นแบบนี้แถวบ้านนี่ยกบอลให้มันไปเลี้ยงเล่นข้างสนามคนเดียวแล้ว

โอโจ - ครองบอลไม่เหนียวเท่าไอบ์ แต่คายบอลเร็วกว่า เชื่อมเกมดีกว่า เปิดบอลเกมรุกก็ดีกว่า เสียตรงตัดสินใจค่อนข้างช้าจนคู่ต่อสู้มาปิดทางได้หลายครั้ง ทั้งๆ ที่ถ้าเปิดขึ้นหน้าไปเลย หรือจะกระชากไปเอง รับรองว่าคู่ต่อสู้ตามไม่ทันแน่ ที่น่าสยดสยองที่สุดคือดูเหมือนว่าโอโจจะเล่นคล้ายไอบ์เข้าไปทุกทีๆ ที่ได้โอกาสลงสนาม

เฟอมิโน่ - งงดิครับเจอไอบ์กับโอโจเข้าไปเนี่ย ชิ่งให้ก็ไม่ชิ่งกลับ ทำทางไปก็ไม่จ่าย เลี้ยงจี้ก็ไม่ทำทาง คือถ้าไม่ใช่จังหวะที่เล่นกันเองระหว่างเฟอมิโน่กับสเตอริดจ์(หรืออัลเลนที่ขึ้นมาบ้าง) เฟอมิโน่ประสานงานกับคนอื่นแทบไม่ได้เลย ไม่มีประตูที่ทำได้นัดนี้แทบลืมเฟอมิโน่ไปเลย

สเตอริดจ์ - ครึ่งแรกขยันวิ่งดี ทั้งตามบอล ทั้งทำทาง ลูกแรกทีมได้ประตูเขาก็มีส่วนอย่างมาก ลูกที่สองก็โหม่งดี ครึ่งหลังฝืนเล่นยาก ออกแนวโชว์พาวมากไปหน่อย ไม่ให้บอลใครแต่กับลูกยิงชนเสา ชนคานอย่างละหนก็ทำได้ไม่เลวเลย

ตัวสำรอง

ซาโก้ - ลงมาช่วยทีมได้ดีกว่าตูเร่ แต่ยังมีจังหวะพลาดให้เห็นเยอะอยู่ โดยเฉพาะการสกัดบอลเปิดเข้าเขตโทษที่ไม่สุดยอดเหมือน 2-3 ที่ผ่านมา

โอริกิ - ได้บอลน้อยมาก บอลไปหาสเตอริดจ์หมดแล้วสเตอริดจ์ก็ไม่ยอมจ่ายให้ด้วย อยู่ในสนามสิบห้านาที ได้เล่นจริงจังแค่จังหวะยิงไกลหนเดียวเอง นอกนั้นได้แต่ดู

ลัลลาน่า - ลงมาช่วยเปลี่ยนรับเป็นรุกและไล่บอลได้ระดับนึง แต่จังหวะเกมมันไม่เอื้อให้ลัลลาน่าได้โชว์บอลจังหวะเดียวที่ถนัดแล้ว

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...เดเนียล สเตอริดจ์…เด่นสุดยืนยันว่าเป็นอัลเลน แต่สองประตูที่ได้มานี่เครดิตสเตอริดจ์ล้วนๆ แล้วดูรูปเกมสิ ดูสกอร์สิ...
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.