วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2559

ลิเวอร์พูล 4-3 ดอร์ดมุนด์ (ยูโรป้าลีค) (รวมสองนัดลิเวอร์พูลเข้ารอบ 5-4)


ใจสู้ไม่แน่ว่าจะชนะ แต่ใจไม่สู้ก็แพ้แน่นอน
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-2-3-1

---------------------โอริกิ---------------------
คูตินโย่-----------เฟอมิโน่---------ลัลลาน่า
-------------ชาน---------มิลเนอร์------------
โมเรโน่-----ซาโก้------ลอฟเรน------ไคลน์
--------------------มินโยเล่-------------------

_______ ลิเวอร์พูลเปิดแอนฟิลด์เล่นยูโรป้าเลคสองกับดอร์ทมุนด์ จากที่นัดแรกเสมอที่เยอรมันมา 1-1 มานัดนี้เฮนโดเจ็บ มิลเนอร์เลยขยับมาเล่นตรงกลางแทน ตัวที่พักไว้จากเกมในลีคก็กลับมาเป็นตัวจริงหมดตามผังด้านบน
-------------------------------------------------------

________ เริ่มเกมมาทั้งสองทีมเล่นคล้ายกันคือไล่บนแล้วรุมบีบตัดบอลแถววงกลมกลางสนาม ดอร์ทมุนด์ไล่บอลได้ดีกว่า แถมยังได้ประตูออกนำเร็วตั้งแต่นาที 5 จากจังหวะลิเวอร์พูลขึ้นเกมไปทางซ้าย บอลอยู่ที่เท้าคูตินโย่จ่ายกลับให้โมเรโน่ที่เติมขึ้นมาแต่โมเรโน่ตัวถลำไปแล้ว ดอร์ทมุนด์โต้ไม่กี่จังหวะถึงหน้าเขตโทษ คากาวะตักให้โอบาเมยองยิงติดเซฟ เข้าทางมคิตายานซ้ำ 1-0

________ การเสียอเวย์โกลที่ได้มาอย่างยากเย็นในนัดก่อนหายวับไปกับตายังไม่เลวร้ายพอ นาที 9 ลิเวอร์พูลยังมาโดนซ้ำเข้าอีกดอกจากจังหวะเฟอมิโน่โดนรุมแย่งกลางสนามแล้วดอร์ทมุนด์โต้ขึ้นมาทางโอบาเมยองทางขวา ซาโก้ยืนผิดตำแหน่ง ทั้งไม่ดักล้ำหน้า ไม่ได้ประกบ ตัดบอลก็ไม่ได้ ทำให้โอบาเมยองแตะบอลเข้าไปยิงแสกหน้ามุมแคบมินโยเล่ในเขตโทษ 2-0

_______ โดนสองลูกไปอย่างรวดเร็วเกมของลิเวอร์พูลช็อคไปพักใหญ่ ทั้งเร่งทั้่งลน จ่ายเสียขึ้นเกมไม่ได้ กว่าจะตั้งสติเล่นเกมของตัวเองได้บ้างก็ต้องรอจนเกือบๆ นาที 20 แต่เกมก็ยังเป็นรองอยู่ดี

_______ ลิเวอร์พูลเสี่ยงดันทั้งแบ็คทั้งแผงหลังขึ้นสูงทำให้เกมรุกดีขึ้นแต่ก็เสี่ยงมากขึ้น ได้บอลยาวของชาน การเก็บบอลของโอริกิและบอลจังหวะเดียวของลัลลาน่าทำให้พอมีจังหวะวูบวาบได้ลุ้นประตูบ้างแต่บอลไม่เข้ากรอบเลย ส่วนดอร์ทมุนด์ยังคงไล่บอลแดนหน้าและกลางได้ดี กว่าลิเวอร์พูลจะเอาบอลขึ้นหน้าได้ต้องวนกันหลายตลบ และที่สำคัญคือบอลจังหวะสองดอร์ทมุนด์กินเรียบ คุมเกมได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด จบครึ่งแรกยัง 2-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ดอร์ทมุนด์ถอยไปรับในแดนมากขึ้นแต่ยังไม่ได้รับต่ำ ลิเวอร์พูลมาได้ประตูคืนเร็วตั้งแต่นาที 48 จากจังหวะที่ชานเติมขึ้นมาเล่นเกมรุกจากบอลชิ่ง 1-2 จังหวะสุดท้ายชานจ่ายทะลุช่องให้โอริกิหลุดไปยิง 2-1

_______ ลิเวอร์พูลเปิดหน้าแลกกว่าเดิม หลังลอยหมดแล้ว กลางก็ขึ้นไปช่วยเกมรุกหมดทั้งชานทั้งมิลเนอร์ ส่วนดอร์ทมุนด์โดนยิงแต่ไม่เสียกระบวน ทั้งสองทีมเล่นเกมเร็ว ไม่มีใครดึงช้า จนกระทั่งนาที 57 แนวรับลิเวอร์พูลเสียสมาธิไปหน่อย โดนบอลทะลุช่องทางฝั่งไคลน์ให้รอยซ์เติมเข้าไปยิงมุมแคบให้ดอร์ทมุนด์นำห่างอีกครั้ง 3-1

_______ ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลน่าจะบรรลัยแล้วในทางปฏิบัติเพราะโมเมนตั้มที่กำลังมาพังทลายลงอีกรอบ แต่คล็อปยังไม่ยอม นาที 62 ส่งอัลเลนและสเตอริดจ์ลงแทนเฟอมิโน่กับลัลลาน่า แถมยังตะโกนด่...เอ่อ...สั่งการลูกทีมอยู่ตลอดเวลา แทบไม่ได้นั่ง มือไม้นี่โบกไปโบกมาจะเป็นไวทยากรอยู่แล้ว และแฟนบอลในแอนฟิลด์ก็ยังคงส่งเสียงเชียร์อยู่

_______ ณ จุดนี้ ลิเวอร์พูลทิ้งคู่เซ็นเตอร์ไว้ข้างหลังแล้วดันทุกคนมายืนในแดนคู่ต่อสู้หมด ส่วนทางดอร์ทมุนด์ตัดสินใจพลาดอย่างใหญ่หลวงด้วยการหันไปรับลึกแล้วโต้ยาวซึ่งดูจะไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาทำได้ดีนัก เพราะแค่นาที 66 จากบอลชิ่งง่ายๆ คูตินโย่ได้พื้นที่ยิงไกลหน้าเขตโทษเสียบเสาสองให้ทีมไล่ขึ้นมาเป็น 3-2

_______ หลังสกอร์ขยับใกล้ ดอร์ทมุนด์รู้สึกตัวทันที เลิกรับต่ำแล้วหันมาไล่สูงไล่กลางเหมือนเดิมแต่ดูเหมือนจะสายไปหน่อย คือแม้ว่าดอร์ทมุนด์จะชะลอการขึ้นเกมของลิเวอร์พูลได้ และลิเวอร์พูลก็ดูจะเร่งจนขาดความแม่นยำไปเยอะ แต่สกอร์ที่ไม่ห่างทำให้ผู้เล่นลิเวอร์พูลยังเล่นได้แบบมีสมาธิมีกำลังใจเล่น โดยเน้นเปิดบอลขึ้นหน้าให้เร็ว หวังพึงการเก็บบอลในแดนหน้าของกองหน้า จังหวะเข้าทำเน้นบอลช่องบอลชิ่งเจาะตรงกลางตรงๆ ซึ่งก็ได้ผลพอสมควร

_______ ประมาณนาที 75 ลิเวอร์พูลได้กดดันอย่างต่อเนื่องหลายจังหวะจากลูกตั้งเตะและเตะมุม สุดท้ายลูกเตะมุมในนาที 78 บอลเปิดมาเสาแรกไม่โด่งนัก บอลตกพื้นเข้าทางซาโก้ยืนขวิดเข้าไปได้ไม่พลาด ตีเสมอให้ทีมเป็น 3-3 ลิเวอร์พูลต้องการอีกประตูเพื่อแซงชนะและเข้ารอบ

_______ นาที 80 ลูคัสลงแทนชานที่เจ็บจากจังหวะที่เล่นลูกเตะมุมก่อนได้ประตูตีเสมอ ส่วนดอร์ดทุมนด์ส่งกุยโดกันกับรามอสลงมาช่วยเกมรับเพิ่มและทำได้ดีด้วย ช่วงสิบนาทีท้ายดอร์ดมุนด์ครองบอลไว้กับตัวนานขึ้น เรียกฟาล์วได้มาก เกมรุกเข้าพื้นที่สุดอาจมีไม่มากนักแต่บอลไปป้วนเปี้ยนใกล้กรอบเขตโทษได้เป็นระยะ

_______ ทางด้านลิเวอร์พูลยังตั้งหน้าตั้งตาวิ่งไล่แล้วเปิดบอลขึ้นหน้าให้เร็ว เอาชนะแนวรับไม่ได้เท่าไหร่ ที่จริงเอาชนะตัวไล่ตรงกลางสนามยังลำบาก แต่แล้วในช่วงทดเจ็บนาทีแรก ลิเวอร์พูลมาได้ฟรีคิกกลางสนาม มิลเนอร์หลอกเปิดเรียดให้สเตอริดจ์วิ่งมารับบอลแถวข้างเขตโทษขวา จับบอลไม่ดีแต่ยังจ่ายตัดให้มิลเนอร์ที่วิ่งตามขึ้นมาได้เปิดบอลที่สุดเส้นหลัง บอลข้ามไปเสาสองแล้วก็เป็นลอฟเรนกระโดดขึ้นไปเปลี่ยนเกมนี้ให้เป็นตำนาน... 4-3

_______ นาทีสุดท้ายของทดเจ็บ ดอร์ดมุนด์ได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษ แต่ยังดีว่ายิงหลุดกรอบออกไปเอง จบเกม ลิเวอร์พูลเข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จด้วยผลรวมสองนัด 5-4

-----------------------------------------

_______ นัดแรกกว่าว่าเล่นคล้ายกันแล้ว นัดนี้นี่เรียกว่าเหมือนกันเลยก็ได้ครับ ทั้งข้อดี ข้อด้อยเลย

_______ โดยรวมแล้วเกมนี้ดอร์ดมุนด์เล่นได้ดีกว่า ครึ่งแรกชัดเจนอยู่แล้ว ครึ่งหลังแย่ลงแต่ก็มีช่วงที่เล่นได้ตามแผนพอควร แล้วทั้งเกมดอร์ดมุนด์มีทีมเวิร์คที่ดีกว่าอย่างชัดเจน แผนวิ่งไล่เหมือนกัน แต่ดอร์ดมุนด์ไล่เป็นทีมได้ดีกว่า บีบแดนกลางแล้วตัดทำเร็วเหมือนกัน แต่ดอร์ดมุนด์ต่อบอลหนีตัวไล่ดีกว่า

_______ อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงคิดว่า อ้าว? ไอ้นั้นก็ดีกว่า ไอ้นี่ก็ดีกว่า แล้วแพ้ได้ยังไง?

_______ ดอร์ดมุนด์ฺแพ้เพราะ (1) จุดอ่อนของพวกเขาเหมือนเราเป๊ะ คือเล่นเกมรับในแดนไม่เก่งและอ่อนรับมือลูกตั้งเตะ เดินหน้าไม่กลัว ถอยหลังเป็นล้มว่างั้นเถอะ ช่วงเวลาประมาณ 5 นาทีสั้นๆ หลังจากที่พวกเขาได้ลูก 3-1 ส่งผลต่อเกมมาก พวกเขาเลือกถอยไปรับ ถ้าพวกเขาเลือกลุยต่อ...ลิเวอร์พูลน่าจะเละครับ แต่พอสกอร์เป็น 3-2 โมเมนตั้มเกมมันก็เปลี่ยนแล้ว จะมาไล่สูงก็หยุดโมเมนตั้มไม่ได้แล้ว

_______ และทีมที่เสียประตูจากลูกตั้งเตะให้ทั้งลอฟเรนและซาโก้ ที่ไม่ใช่เซ็นเตอร์ที่โหม่งทำประตูเก่งอะไรอยู่แล้วนี่ก็เป็นข้อพิสูจน์ว่าพวกเขาแย่เรื่องนี้จริง ยิ่งถ้าดูในเกมจะยิ่งเห็นว่าลูกตั้งเตะลิเวอร์พูลหลอกได้หมด ถ้าเป็นลูกพลิกแพลงแบบเปลี่ยนจุด เปิดย้อน หลอกเปิดเรียด ดอร์ดมุนด์ตามไม่ทันเลยสักลูก  

_______ เวลาที่ลิเวอร์พูลพังในฤดูนี้ก็พังแบบเนี้ยครับ เหมือนกันเด๊ะ เกมดีกว่า แต่รับแปบเดียวพัง เจอตั้งเตะแปบเดียวพัง

_______ ทางด้านลิเวอร์พูลเอง ต้องชม (2) การแก้เกมของคล็อปด้วย การส่งสเตอริดจ์กับอัลเลนลงมาด้วยครับ คือส่งลงมาน่ะไม่แปลก แต่วิธีการเล่นหลังลงมาแล้วนั่นล่ะที่ต้องชม อัลเลนลงไปเล่นเป็นกองกลางตัวที่สามยืนด้านซ้าย ชานกลาง มิลเนอร์ขวา แล้วทำให้การต่อบอลจากหลังไปหน้าเปลี่ยนจากแย่มากเป็นแย่เฉยๆ (คือดีขึ้นแต่ยังไม่ดีกว่า), ขยับมิลเนอร์ไปเล่นริมเส้นมากขึ้นและมิลเนอร์ก็เล่นได้เป็นประโยชน์กว่ายืนตรงกลางเยอะ ส่วนสเตอริดจ์ลงไปก็ไม่ได้เน้นวิ่งช่องอะไร ...ไปค้ำให้จ่ายยัดเข้าตัวกันดื้อๆ นี่ล่ะ เน้นเจาะตรงกลางให้มากขึ้นไปอีกแล้วมันได้ผลด้วย ถ้าไปเลือกเล่นเกมริมเส้น คาดว่าทีมจะจบลงด้วยการเปิดบอลเข้าไปโดนโหม่งทิ้งรัวๆ

_______ แต่เหนือสิ่งอื่นใด สาเหตุที่สำคัญกว่าจุดอ่อนของดอร์ดมุนด์, สำคัญกว่าการแก้แทคติค นั่นคือ (3) ใจสู้ของผู้เล่นลิเวอร์พูลเอง ตอนที่โดน 2-0 ต้นเกมเนี่ย ถ้าจะถอดใจเล่นกันก็ไม่น่าแปลกใจแล้ว ยิ่งมาเจอช็อตวัดใจตอน 3-1 อารมณ์มันเหมือนปราสาททรายโดนคลื่นถล่มไปต่อหน้า จะรวมใจตั้งสมาธิมาก่อใหม่อีกรอบนี่พูดง่ายกว่าทำเยอะครับ แต่พวกเขาก็ทำได้จริงๆ

_______ แน่นอน ผมชื่นชมคนเล่น ไม่ได้คนที่อยู่ในสนาม คนอื่นจะเชียร์จะด่ายังไงก็เท่านั้นแหล่ะ แต่ในขณะเดียวก็ต้องชมแฟนบอลในสนามที่ยังเชียร์อยู่ (ใจโคตรถึงจริงๆ) และที่สำคัญไม่แพ้กันคือผู้จัดการทีมอย่างคล็อป...ที่แทบไม่นั่งเลย คำพูดมันประดิษฐ์กันไม่ยากครับ แต่ปฏิกิริยาตอบโต้กับเกมในสนามมันหลอกกันไม่ได้ คล้อปเชื่อจริงๆ ว่าทำได้และกระตุ้นลุกทีมอยู่ตลอดเวลา

_______ นักฟุตบอลไม่ใช่หุ่นยนต์ และฟุตบอลไม่ใช่เกมคอมพิวเตอร์ อารมณ์ ความมุ่งมั่น ความรู้สึก ส่งผลต่อเกมจริงๆ ...ไม่เชื่อย้อนดูเกมนี้อีกครั้งดูสิ
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นได้ใจมาก

มินโยเล่ - ลูกแรกเซฟได้ก็เก่งแล้ว จะบ่นว่าปัดไม่พ้นกรอบก็ใจร้ายไปหน่อย แต่ลูกสองกับสามนี่ออกมาปิดมุมช้าไป มาทำได้ดีกับจังหวะอื่นๆ โดยเฉพาะการเปิดบอลขึ้นหน้าเร็วที่วันนี้ทำได้ดีหลายครั้ง รวมไปถึงการดันสูงขึ้นมาช่วยสกัดบอลที่กองหลังโดนไล่ต้องจ่ายคืนให้ด้วย

ไคลน์ - ครึ่งแรกไม่ค่อยได้บอล ครึ่งหลังมีส่วนพลาดกับประตูที่สาม แต่ครึ่งหลังนี่ช่วยเชื่อมเกมได้ดีขึ้น เพื่อนหันมาคือโล่งและอยู่ในตำแหน่งพร้อมเล่นตลอด เกมรับก็ไม่ถึงกับทิ้งตำแหน่งไปเลยแบบคนฝั่งนู๊น~

ลอฟเรน  - เกมรับดักบอลเปิดใช้ได้ ลูกกลางอากาศดีมาก แต่ซ้อนเพื่อนแย่ทั้งแบ็คทั้งเซ็นเตอร์ ทำได้ดีกับการจ่ายบอลขึ้นหน้าที่ไม่ฝืนและไม่เสีย แต่การโหม่งประตูชัยได้ก็ทำให้อย่างอื่นไม่สำคัญอีกต่อไป

ซาโก้ - มีส่วนพลาดกับทุกประตูที่เสียเลยค้าบ ยืนตำแหน่งไม่ดีทั้งสามครั้ง ไม่งั้นไม่น่าเสียถึงสามประตู แต่ดักบอลเปิดเข้าเขตโทษได้เด็ดขาดดีมาก เท่ตรงเก็บบอลเล่นต่อได้ด้วย จ่ายบอลเน้นฝืนไปนิดแต่ยังไม่โดนแย่ง มาทำประตูตีเสมอแก้ตัวได้หมดจด

โมเรโน่ - เกมรุกไม่ถึงไหน เชื่อมเกมได้พอควรไม่ดี มีดีตรงการวิ่งไล่, วิ่งทำทาง, วิ่งขึ้นวิ่งลงนี่ล่ะ ทิ้งพื้นที่ตัวเองไปไม่ใยดีเลย ดูจากรูปเกมแน่นอนว่ามันต้องเปิดหน้าแลกล่ะ แต่ถ้าดูเทียบกับไคลน์จะเห็นชัดว่าแม้จะต้องบุก จะต้องเติมช่วยเพื่อน แต่เกมรับมันต้องรับผิดชอบได้บ้างในระดับนึงนะ

ชาน - เล่นได้หล่อมาก เกมรับเก็บบอลสองได้ดีกว่ากลางคนอื่น ครึ่งแรกโดนรุมกินโต๊ะเพราะเพื่อนไม่มีใครช่วยเอาบอลขึ้นหน้าชานก็พอเอาตัวรอดได้ บอลขึ้นช้าแต่อย่างน้อยไม่โดนแซะ แถมมีจังหวะวางบอลยาวดีหลายครั้งด้วย หาจังหวะเติมขึ้นมาเล่นเกมรุกได้บ้าง ทำได้ดีมากๆ ในจังหวะที่ทีมได้ประตูแรก

มิลเนอร์ - เล่นมิดฟิลด์ตัวกลางได้พินาศมาก เชื่อมเกมหลังไปหน้าไม่ได้ ไล่ใครก็ไม่จน แต่มิลเนอร์แก้ตัวได้ดีหลังจากมีอัลเลนลงมาแล้ว ชิ่งเปิดทางให้คูตินโย่ยิง และวิ่งหาที่ว่างอยู่ตอลด เปิดบอลเข้ากลางได้ดีโดยเฉพาะลูกสุดท้าย  

ลัลลาน่า - มีจังหวะจับบอลแรกแล้วเล่นต่อเร็วที่ดีหลายครั้ง ครึ่งแรกได้ลุ้นจริงจังมาจากลัลลาน่าทั้งนั้น แต่มีส่วนร่วมกับเกมน้อยไปหน่อย

เฟอมิโน่ - หาพื้นที่เล่นไม่ค่อยได้ เลี้ยงจี้ก็ไม่น่ากลัวนัก ที่ทำได้เด่นคือการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม บอลรับแล้วคืนให้คนวิ่งทำทางทำได้ดีหลายครั้ง ดึงจังหวะจ่ายบอลได้เก่งมาก เข้าครึ่งหลังหายไปจากเกมหนักขึ้นไปอีก

คูตินโย่ - โดนประกบติดจนทำอะไรไม่ได้เลย หาที่ว่างรับบอลแทบไม่ได้เพราะโดนไล่ตลอด พลิกขึ้นหน้าก็น้อย แต่จังหวะที่ได้บอลหันหน้าเข้าหาประตูแล้วคูตินโย่ก็ให้บอลเพื่อนได้ดีไม่ค่อยพลาด บอลทะลุช่องน้อยแต่บอลชิ่งกับบอลเกมรุกจัดว่าดี ทำประตู 3-2 ได้เยี่ยม

โอริกิ - เล่นตามแท็คติคได้ดี วันนี้เก็บบอลแดนหน้าได้เยอะ วิ่งทำทางเยี่ยม ได้ยิงก็พอสมควร ทำประตูได้ด้วย ที่ต้องปรับปรุงอีกหน่อยก็คงเป็นการตัดสินใจและการจ่ายบอลคืนเพื่อน โอริกิพอมั่นใจแล้วไม่ค่อยคืนบอล

ตัวสำรอง

อัลเลน  - ลงมาช่วยเชื่อมเกมจากหลังไปหน้าได้ดี ฟอร์มส่วนตัวอาจจะไม่ได้หวือหวาแต่ทางแทคติคช่วยทีมได้เยอะมากๆ มีส่วนสำคัญให้มิลเนอร์ได้เล่นเกมรุกเยอะขึ้นด้วย

สเตอริดจ์ - หาจังหวะยิงเองไม่ได้เลย ในกรอบเล่นไม่ได้ แต่เก็บบอลใช้ได้ ประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมดี เคลื่อนที่อยู่ตลอดไม่เดินเล่น  มีส่วนสำคัญในการให้บอลมิลเนอร์จนนำมาซึ่งประตูชัย

ลูคัส - ลงมาเพราะชานเจ็บ เล่นได้ตามเนื้อผ้าจนกระทั่งไปทิ่มผิดจังหวะเสียฟาล์วเสียฟรีคิกหน้าเขตโทษในนาทีสุดท้าย เกือบพังงานปาร์ตี้แล้ว

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...เจอเก้น คล็อป…บ้าพลังดีแท้ แค่ดูยังเหนื่อยแทน แต่คล็อปตะโกนโหวกเหวกกระตุ้นนักเตะได้ทั้งเกม แม้แต่ตอนสกอร์ห่างก็ยังไม่ท้อ!
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น