วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

บทสรุปลิเวอร์พูล ฤดูกาล 2015-2016



บทสรุปลิเวอร์พูล ฤดูกาล 2015-2016

_______ เป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในทีมเยอะเหลือเกิน ทีมเริ่มต้นกับร็อดเจอร์แบบไม่น่าเชื่อและการไล่ล่าโควต้า UCL ก่อนจะจบลงด้วยการชิงบอลถ้วย 2 ครั้ง กับผู้จัดการทีมคนใหม่ เจอร์เก้นคล็อป

_______ ระหว่างฤดูกาล ช่วงระหว่างเปลี่ยนผ่านผู้จัดการทีมทำให้ 11 ตัวจริงเปลี่ยนไปมา, อาการบาดเจ็บเล่นงานอย่างหนักหน่วง อิ้งค์กับโกเมสปิดเทอมยาวไปก่อนใคร, เฮนเดอร์สันที่ควรจะเป็นตัวหลักก็เจ็บไปหลายเดือน, คนอื่นๆ ก็เจ็บกันคนละสองสามอาทิตย์แบบถ้วนทั่วทุกตัวคน รวมไปถึงจำนวนนัดแข่งขันที่ีล่อไป 63 เกม!, นักเตะบางคนฟอร์มหายไปดื้อๆ และคำสาบ 2-0…. ทำให้ฤดูกาลนี้ทีมแกว่งไปมา ฟอร์มขึ้นๆ ลงๆ ให้เห็นเยอะอยู่

_______ เรามาย้ำเตือนความทรงจำกันดีกว่าว่าเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นบ้าง

สิงหาคม - “เอาจริงดิ”

_______ จากผลงานที่น่าผิดหวังอย่างที่สุดในฤดูกาลก่อน แถมตบท้ายด้วยการพ่ายแพ้หมดรูปต่อสโต๊ค 6-1 ในนัดปิดฤดูกาลก่อนหน้า ทั้งสื่อทั้งแฟนบอลต่างมั่นอกมั่นใจกันไปตามๆ กันว่าแบรนดอน ร็อดเจอร์ต้องเด้งแน่ ไม่รอดแน่ แต่สุดท้ายแล้วเขายังได้ทำทีมต่อในฤดูถัดมา แถมโชว์ของตั้งแต่เปิดฤดูฯ ด้วยการส่งโจ โกเมส เซ็นเตอร์ดาวรุ่งถนัดเท้าขวาจากลีคล่างที่พึ่งซื้อมา ลงเล่นเป็นแบ็คซ้ายตัวจริงให้กับทีมตลอดเดือนแรกของฤดูฯ ...ทั้งๆ ที่โมเรโน่ลงได้ ...เอาจริงดิ

กันยายน - “#saverodgers”

_______ เดือนถัดมาร็อดเจอร์ก็เก้าอี้ระอุขึ้นมาทันที เริ่มตั้งแต่แพ้เวสต์แฮมเละเทะ 3-0 คาบ้านแบบไร้รูสู้ช่วงปลายเดือนสิงหา, แพ้แมนฯยูในเกมแดงอุ่น เล่นกันมุ้งมิ้งๆ น่ารัก, ต่อด้วยเกมไม่เอาแล้วโว้ยยูโรป้าส่งเด็กไปเสมอบอร์กโดซ์, แล้วกลับมาเสมอทีมนางทาสอย่างนอริช 1-1, ร็อดเจอร์จวนไปมิไปแหล่ แต่นัดสุดท้ายของเดือน ยอดกุนซือสมองเพชร(เก๊)อย่างทิม เชอร์วู๊ด พาลูกทีมมาเล่นแบบปอดแหกจนแพ้ลิเวอร์พูล 3-2 บุกมาเป็นยิงเข้าแต่พี่แกไม่บุก ทำให้ร็อดเจอร์ผ่านเดือนนี้ไปได้อย่างเหลือเชื่อ ...แต่โกเมสไม่รอดแล้ว เริ่มหลุดจากทีมไป (คุณน้องหลุดทีมก่อน แล้วถึงจะไปขาหักเอากลางเดือนถัดไปในเกมทีมชาติ u21)

ตุลาคม - “เฮฟวี่เมทัล”

_______ แม้เชอร์วู๊ดจะช่วยร็อดเจอร์ไว้ได้แปปนึง แต่ทีมยังไม่ชนะต่อมาอีกสองนัดจนในที่สุดทีมก็ตัดสินใจครั้งใหญ่ที่ทำให้แฟนบอลทั้งโลกต้องตะลึง(ว่า-ึงไม่ทำงี้ไปตั้งแต่ซัมเมอร์ล่ะโว้ย) ด้วยการปลดร็อดเจอร์ ตั้งคล็อปเข้ามาคุมทีมแทน ซึ่งคล็อปก็ไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวัง สั่งทีมเดินหน้าลุยมันทุกเกม ไล่มันตั้งแต่นาทีแรก เป็นจังหวะการเล่นที่ไม่ได้เห็นจากทีมมานานมากแล้ว และที่สำคัญ เดือนนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความบ้าคลั่งของฤดูนี้ด้วยจำนวนการเล่นถึง 7 นัด! ภายในเดือนเดียว ซึ่งทีมจะเล่นเยอะแบบนี้ไปอีกตลอดฤดูที่เหลือ

พฤศจิกายน - “ทำได้ยังไง?”

_______ เป็นเดือนที่ผลงานของทีมพุ่งกระฉูดหยุดไม่อยู่เลยทีเดียว ในลีคเก็บชัยชนะได้อีกสองนัด ส่วนในเกมยุโรป คล็อปกเบนเข็มมาเน้นยูโรป้าเต็มที่ ซึ่งเอาชนะได้ทั้งคาซานและบอร์กโดซ์ การันตีการเข้ารอบของทีมก่อนจะไปเล่นนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มด้วยซ้ำ ความพ่ายแพ้ครั้งเดียวในเดือนนี้ต่อพาเลซเป็นความพ่ายแพ้ที่ “เข้าใจได้” เพราะพึ่งบินไกลไปรัสเซีย(เล่นกับคาซาน)มา แถมได้พักน้อยอีกต่างหาก แต่ที่เหลือเชื่อที่สุด และเป็นที่มาของคำโปรยประจำเดือนก็คือ… เดือนนี้คล็อปสลับสับเปลี่ยนคนเล่นและตำแหน่งที่เล่นกันให้วุ่นไปหมดเพราะยังหาทีมที่ดีที่สุดไม่ได้ แล้วดูผลงานที่ออกมาสิ!

ธันวาคม - “ลางร้าย”

_______ จากผลงานขาขึ้นเมื่อเดือนก่อน มาถึงเดือนนี้แม้จะจั่วหัวอย่างโหดด้วยการไล่ถล่ม “ซิกซ์แธมป์ตัน” ไป 6-1 ในเกมแคปปิตอลวันคัพ แต่หลังจากนั้นทีมมีปัญหากับการยิงประตูเหลือเกิน, เตะกับทีมเล็ก(หมายถึงพวกไม่ได้หวังลุ้นแชมป์หรือลุ้นไปยุโรป) แล้วมีปัญหามากอย่างเหลือเชื่อจนถึงขั้นแพ้ทั้งนิวคาสเซิล วัตฟอร์ดและเกือบตายในการเจอกับ WBA ...ความฮาในเดือนนี้คือทีมดันทะลึ่งชนะเลสเตอร์มันซะงั้น ทั้งฤดูนี้เลสเตอร์แพ้อยู่สองทีมเท่านั้นคือลิเวอร์พูลกับอาร์เซนอล! คุยกับพ่อ(กูนเนอร์ส)เรื่องนี้ทีไรฮากระจายทั้งน้ำตาทุกที

มกราคม - “เทพบอลถ้วย”

_______ 9 นัด! ใช่ครับ ทีมเล่นเดือนนี้เดือนเดียว 9 นัด ไม่รู้มีปอดอะไหล่เอาไว้เปลี่ยนกันรึยังไง ส่วนนึงก็ต้องบอกว่าทำตัวเองด้วยนั่นแหล่ะ ทั้งในด้านดีคือการหลุดเข้าไปถึงรอบรองแคปปิตอลวันคัพซึ่งต้องเล่นแบบไปกลับ, เข้ารอบเอฟเอคัพ ทั้งในด้านร้ายคือการไปเสมอทีมรองบ่อนอย่างเอ็กเซเตอร์ในเอฟเอคัพจนทำให้มีนัดรีเพลย์งอกขึ้นมาอีกหนึ่งนัด ผลลัพธ์ในบอลถ้วยต้องจัดว่าเยี่ยม เพราะนอกจากผ่านเข้ารอบยูโรป้าในเดือนก่อน ในเดือนนี้ยังผ่านสโต๊คเข้าไปชิงแคปปิตอลวันคัพได้สำเร็จ, เอฟเอคัพก็ยังไม่ตกรอบ ส่วนฟอร์มในพรีเมียร์ลีคก็ลืมๆ ไปก่อนแล้วกัน (ชนะ 1, เสมอ 1, แพ้ 2)

กุมภาพันธ์ - “คืนนั้น สวรรค์ล่ม”

_______ ไม่ใช่ล่มรอบเดียวแต่ล่มหลายรอบ ล่มกันทั้งเดือน เริ่มตั้งแต่นำสองลูกแต่โดนซันเดอร์แลนด์ ซันเดอร์แลนด์!!! (ถ้าเป็นซิตี้, สเปอร์จะไม่คิดเลย) ตีเสมอ แล้วยังมาล่มต่อในเอฟเอคัพที่โดนเวสต์แฮมยิงตอนทดเวลาบาดเจ็บของช่วงต่อเวลาพิเศษ นาที 120+1 ตกรอบเอฟเอคัพ เท่านั้นยังล่มไปพอ นัดชิงแคปปิตอลวันคัพกับซิตี้ แพ้ไปตอนดวลจุดโทษให้มันสะเทือนใจเล่นเข้าไปอีก เรียกว่าชัยนะ 6-0 ในการเจอกับแอสตัน “แชมเปี้ยนชิพ” วิลล่า หรือการผ่านเข้ารอบยูโรป้าในการเตะไปกลับกับเอ๊าซ์บวร์กไม่ได้ช่วยปลอบประโลมใจได้เลย

มีนาคม - “อย่างน้อยก็สะใจ”

_______ วืดแคปปิตอลไปแล้ว, เอฟเอคัพก็ร่วง, อันดับในลีค(ตอนนั้น) แม้คะแนนจะไม่ได้ห่างมากแต่ก็ยากจะลุ้นที่ 4 แต่กลายเป็นว่าเดือนนี้เป็นเดือนที่ทีมหันหัวเรือกลับฝั่งได้อย่างสวยงาม ชนะซิตี้(เท่ากับฤดูนี้ชนะไปกลับด้วย), ชนะพาเลซ และไฮไลท์สำคัญคือการเขี่ยแมนฯยูฯ ที่พึ่งตกรอบ UCL มาให้ตกรอบยูโรป้าต่อด้วยผลรวม 3-1 ในการเจอกันไปกลับ ...ก่อนที่จะเรียกเสียงฮาด้วยการนำ 2-0 แต่จบเกมแพ้ 3-2 ด้วยฟอร์มของกัปตัน(เรือ)สเคอเทลอันลือลั่นในนัดเจอเซาท์แธมป์ตัน จบนัดนี้ทั้งฟอร์มของสเคอเทลเอง, ความเชื่อใจของคล็อปที่ผ่านมาทางการจัดตัวจริง,ตัวสำรอง การเปลี่ยนตัวสำรอง ต้องบอกว่าสเคอเทลกับลิเวอร์พูล “จบแล้ว”


เมษายน - “#lucha libre”

_______ ทุกสายตาจ้องมองไปที่ยูโรป้าแต่เพียงอย่างเดียวแล้ว เพราะเรื่องราวทั้งหมดมาสุมอยู่ที่นี่ ทั้งการที่พึ่งเขี่ยแมนยูตกรอบไป เจอกับทีมเก่าและเต็งแชมป์ถ้วยนี้อย่างดอร์ทมุนด์ และเกมที่สุดยอดที่สุดอีกนัดนึงในประวัติศาสตร์สโมสรกับการกลับมาแซงชนะดอร์ทมุนด์ได้อย่างเหลือเชื่อ และจบเดือนด้วยการแพ้บียารีลในนัดแรกแค่ 1-0 ทำให้ยังมีหวังหลุดเข้าชิงได้อยู่ ส่วนพรีเมี่ยร์ลีคนะเหรอ?  เดือนนี้ทีมฟอร์มดีเหลือเชื่อ(เหลือเชื่อเพราะต้องแบ่งสมาธิและหมุนเวียนผู้เล่นกับถ้วยยูโรป้า) ชนะได้สองนัด เสมอกับทีมลุ้นแชมป์อย่างสเปอร์ ซึ่งทั้งสามนัดที่ว่ามาถูกพูดถึงน้อยกว่านัดที่นำ 2-0(อีกแล้ว) แต่เสมอ 2-2 กับ...นิวคาสเซิล

พฤกษาคม - “ความเจ็บปวด”

_______ เดือนสุดท้ายของฤดูกาล นอกจากชัยชนะต่อบียารีลที่ทำให้ทีมเข้าไปชิงยูโรป้าแล้ว เกมในลีคต้องเรียกว่า “ช่างแม่ง” ไปเรียบร้อย ทั้งคนเล่นคนดูก็เตะก็ดูแก้บนกันไป ขนาดเกมนัดสุดท้ายในแอนฟิลด์ หรือเกมสุดท้ายของฤดูที่ออกไปเยือน WBA ก็ล้วนไม่ได้ยินเสียงเชียร์ของแฟนบอลในสนามเท่าไหร่แล้ว ทุกคนรอแค่นัดชิงยูโรป้าและเมื่อเวลามาถึงก็…
________________________________________

_______ ฤดูกาลนี้จบไปเรียบร้อยแล้ว ลิเวอร์พูลจบอันดับ 8 ในลีค มี 60 คะแนน ตามหลังแชมป์อย่างเลสเตอร์อยู่ 21 คะแนน, ตามหลังซิตี้อับดับ 4 อยู่ 6 คะแนน, ไปถึงรอบชิงยูโรป้าลีคและแคปปิตอลวันคัพ, ในเอฟเอคัพตกรอบ 4 ด้วยการพ่ายเวสต์แฮม


_______ ถึงวันนี้ ตามข่าวเท่าที่ทราบ ทีมกำลังตะลุยตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์อย่างรุนแรงและเหมือนต้องการจะปิดดีลให้ได้ก่อนทัวร์นาเม้นต์ยูโรฯจะเริ่มขึ้น ตอนนี้ได้โกล์ใหม่มาคนนึงแล้ว และดูจากข่าวแบ็คซ้ายก็จะมาแน่ๆ ด้วยแต่ยังไม่รู้จะเป็นใคร ตำแหน่งอื่นๆ รอดูกันต่อไปครับ

_______ ขอบคุณที่ตามอ่านกันมาอีกหนึ่งฤดูกาล หวังว่าฤดูกาลหน้าทั้งคนอ่านและคนเขียนจะยังสามารถจัดเวลามาดู มาอ่าน มาคุยกันต่อได้นะครับ 555+

ป.ล. จะเขียนคอมเม้นต์นักเตะรายบุคคลอีกรอบนึงครับ ตั้งใจจะโพสพรุ่งนี้ช่วงหัวค่ำ(ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มเลย)  ถ้ายังไม่เบื่อกันซะก่อนไว้รออ่านกันได้นะ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น