วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ลิเวอร์พูล 1-3 เซบีย่า (ยูโรป้านัดชิงฯ)


“ถ้า”
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-2-3-1

-------------------สเตอริดจ์-----------------
คูตินโย่-----------เฟอมิโน่--------ลัลลาน่า
------------ชาน-----------มิลเนอร์----------
โมเรโน่-----ตูเร่-------ลอฟเรน------ไคลน์
--------------------มินโยเล่------------------

_______ เกมนัดชิงยูโรป้าลีคกับเซบีย่า นัดนี้ชานกับมิลเนอร์ยืนคู่กันในแดนกลาง เฮนเดอร์สันกับอัลเลนยังเป็นแค่ตัวสำรอง แดนหน้าสเตอริดจ์ได้ลงก่อนทั้งเบนเทเก้และโอริกิ
-------------------------------------------------------

________ ลิเวอร์พูลเริ่มต้นเกมด้วยการบีบแดนกลางให้แคบ หลังขึ้นมาถึงกลางแดน ตรงกลางเข้าบอลให้เร็ว ในเกมรุกไม่ต่อบอลแดนหลังเลยแต่รีบจ่ายขึ้นหน้า ส่วนเซบีย่าต่อบอลบุกได้มากกว่า เน้นการโยนลึกเข้าเขตโทษและเน้นการเล่นฟรีคิกด้วยการโยนยาว ทั้งสองทีมตัดฟาล์วกันบ่อยเพราะไม่อยากโดนโต้กลับ

_______ เซบีย่าดูดีกว่าในแง่การครองบอลบุกแต่การหาโอกาสลุ้นประตูลิเวอร์พูลทำได้ดีกว่า เกมทางขวาทำได้ไหลลื่นทั้งไคลน์ที่เติมขึ้นมาได้เยี่ยม ลัลลาน่ากับมิลเนอร์ที่ขยับช่วยกันออกไปรับส่งบอลได้ดี พอผ่าน 20 นาทีของเกมไปลิเวอร์พูลก็ครองบอลได้มากขึ้น ทำให้เกมเริ่มดีกว่าชัดเจนแล้ว

_______ นาที 35 ลิเวอร์พูลขึ้นนำได้สำเร็์จ เฟอมิโน่ได้บอลกลางแดนเซบีย่าก่อนส่งต่อให้คูตินโย่ต่อไปถึงสเตอริดจ์ที่ขยับไปรับบอลเยื้องไปทางมุมซ้ายในเขตโทษ ก่อนเจ้าตัวตัดสินยิงแบบเหนือชั้น คาดไม่ถึง ด้วยการใช้เท้าซ้าย(ทั้งๆ ที่ก็อยู่มุมซ้ายอยู่แล้วนะ) ปั่นไซร้ก้อย บอลเลี้ยวหนีมือผู้รักษาประตูเสียบเสาสองเข้าไปได้อย่างสวยและงงในเวลาเดียวกัน 1-0

_______ พอขึ้นนำได้ ลิเวอร์พูลเก็บบอลไว้กับตัวดึงให้เซบีย่าขึ้นมาไล่มากขึ้น คุมจังหวะเกมได้ เกมดีกว่าชัดเจน นาที 39 จากลูกเตะมุมลอฟเรนก็โหม่งเข้าไปแล้วแต่สเตอริดจ์ที่ล้ำหน้าอยู่ทางเสาหนึ่งดันไปยกขาจะเล่นเลยโดนจับล้ำหน้าอดได้ประตูที่สอง แถมตลอดครึ่งแรกนี่เซบีย่าทำแฮนด์บอลจะๆ ในเขตโทษถึงสามครั้งแต่ไม่เสียจุดโทษแม้แต่ครั้งเดียว ทำให้แม้เกมจะดีกว่าชัด เจาะเข้าไปได้ถึงเขตโทษ แต่สุดท้ายแล้วจบครึ่งแรก ลิเวอร์พูลนำอยู่แค่ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง เซบีย่าเป็นฝ่ายเขี่ยบอล และจากการรุกครั้งเดียวนี้ก็ตีเสมอได้อย่างรวดเร็วแค่ 18 วินาที จากจังหวะที่เปิดบอลมาทางโมเรโน่ซึ่งกระโดดตัดบอลได้แล้วแต่เคลียร์ไม่ขาด เซบีย่าเก็บบอลสองได้อีกจ่ายบอลขึ้นมาทางริมเส้น แล้วก็เป็นโมเรโน่อีกครั้งที่โดนแตะบอลลอดขาจนทำให้มาริอาโน่ได้หลุดเปิดเรียดเข้ากลาง กาเมโร่ชาร์จไม่พลาด 1-1

_______ พอตีเสมอได้ชนิดลิเวอร์พูลช็อคกันไปทั้งโลก เกมเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที เซบีย่าขยับขึ้นมาไล่ในแดนลิเวอร์พูลมากขึ้น ในขณะที่ทางฝั่งลิเวอร์พูลเสียสมาธิอย่างเห็นได้ชัด รับส่งต่อบอลติดขัด ตัดสินใจพลาด แม้จะพยายามรุกขึ้นไปทางขวาจนถึงมุมธงได้อยู่ แต่คุมเกมไม่ได้ และครองบอลบุกต่อเนื่องก็ไม่ได้ เป็นเซบีย่าที่ตัดบอลแล้วทำเร็วกดดันได้ดีกว่า

_______ ยิ่งเวลาผ่านไป ลิเวอร์พูลยิ่งแย่ลงๆ การวิ่งไล่บอลในแดนหน้าที่ทำได้ดีมากในครึ่งแรกหยุดไปแล้ว ซ้ำร้ายการต่อบอลจากหลังไปหน้าก็เริ่มทำได้แย่ลง เอาชนะการวิ่งไล่ไม่ค่อยได้จนทำให้ต้องวางบอลยาวบ่อย ซึ่งพลาดมากกว่าดี

_______ นาที 64 เซบีย่าพลิกนำได้สำเร็จจากการเข้าทำด้วยบอลชิ่งเข้ามาง่ายๆ จบด้วยโคเก้วิ่งตัดเข้ามาได้ยิงไม่พลาด 2-1 ถึงตรงนี้เซบีย่าคุมเกมได้หมดแล้ว ส่วนลิเวอร์พูลก็เป๋ไปหมดแล้ว รวมสมาธิไม่ได้ เล่นกันผิดพลาดไปหมด

_______ นาที 69 คล็อปส่งโอริกิลงมาแทนเฟอมิโน่หวังแก้สถานการณ์ แต่นาทีถัดมาทีมโดนไปอีกลูกจากจังหวะที่แนวรับสกัดบอลไม่ดีเอามากๆ บอลเด้งกลับเข้าไปในเขตโทษ แถมไปเข้าทางโคเก้ที่ยืนโล่งอีกต่างหาก ...3-1 สิครับ

_______ นาที 73 อัลเลนลงมาแทนลัลลาน่า ลิเวอร์พูลพยายามบุกต่อแต่เกมเสียหมดแล้ว ครองบอลไม่อยู่ เอาบอลขึ้นหน้ายังติดๆ ขัดๆ ไม่ต้องไปพูดถึงเปิดบอลเข้าทำด้วยซ้ำ บอลจากหลังไปหน้าโดนกดดันให้ต้องวางยาวแล้วกองหน้าก็เก็บไม่ได้ แถมอีกหลายจังหวะยังไม่ทันโดนกดดันแต่ลิเวอร์พูลใจร้อนจะเอาบอลไปข้างหน้าเร็วๆ ก็เปิดยาวพลาดกันไปเองเพิ่มเข้าให้อีก เกมรุกทางขวาที่หวังไว้แถมเอามิลเนอร์ไปยืนรอเปิดบอลตลอดก็ไม่ได้ผล

_______ นาที 82 คล็อปทิ้งไพ่ใบสุดท้ายด้วยการส่งเบนเทเก้ลงแทนตูเร่ ถอยชานไปยืนต่ำเป็นคนวางบอลยาว แต่ผลลัพธ์ออกมาแย่กว่าเดิม สิบนาทีท้ายนั้นสเตอริดจ์หมดแรงสนิท วิ่งทำทางไม่ได้ ไปไม่ถึงบอล หมดแรงเบียด ส่วนเบนเทเก้กับโอริกิลงมาก็หนักไปทางเสียฟาล์วบ่อยในจังหวะขึ้นโหม่ง และแดนหลังแดนกลางของทีมก็ไม่สามารถวิ่งทำทางรับส่งบอลสั้นกันได้แบบมีประสิทธิภาพอีกแล้ว ได้แต่วางยาว วางยาว วางยาว แล้วก็เสียฟาล์วไปเองบ้าง บอลไปเข้าเท้าคู่ต่อสู้บ้าง หาทางกลับไม่เจอและแพ้ไปด้วยสกอร์ 3-1
-----------------------------------------

_______ คุณต้องซาดิสม์ระดับนึงเลยนะถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ได้เนี่ย

_______ โอเค เราแพ้ครับ นั่นคือข้อเท็จจริง และถึงแม้ว่าถ้าดูครึ่งแรกจะเสียดายหนักมาก แต่ผมก็ยังคิดว่าเซบีย่าทำดีกว่าเราในนัดนี้จริงๆ นั่นแหล่ะ

_______ ในส่วนของคล็อป ทั้งการจัดตัว แทคติคเริ่มเกม เขาทำได้ดีที่สุดแล้ว ถ้ามีโชคอีกสักนิดเกมจบไปตั้งแต่ครึ่งแรกแล้วด้วยซ้ำ โดยรวมผมยังคิดว่าทำงานของเขาได้ดี แต่กับการเปลี่ยนตัวผมไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนลัลลาน่ากับเฟอมิโน่ออกแทนที่จะเป็นคูตินโย่ ส่วนนึงคือคูตินโย่เล่นไม่ออกจริงๆ (ฟอร์มแบบนี้มาหลายนัดแล้วด้วย) อีกส่วนนึงคือในรายของลัลลาน่า เขาช่วยวิ่งไล่และวิ่งทำทางให้ทีมได้ที่สุดในบรรดาแนวรุก พอเขาออกไปบอลสั้นจากหลังไปหน้าเราดับไปเลย ส่วนเฟอมิโน่นั้นถึงจะไม่ได้มีอะไรวูบวาบ แต่การขยับตัวหาที่รับบอลยังดูดีกว่าคูตินโย่อีก

_______ เก็บคูตินโย่ไว้ทำไม?

_______ แต่เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่ทำให้เราเป็นได้แค่รองแชมป์คือ “สมาธิ” ครับ ล้วนๆ เลยล่ะ

_______ ทั้งเกมครึ่งแรกที่ดีกว่า(แล้วได้แค่ลูกเดียว) ทั้งจุดโทษจากแฮนด์บอลที่ควรได้ถึงสามครั้ง (แล้วหลุดมือไป) ทั้งการเสียประตูแบบทำร้ายจิตใจในต้นครึ่งแรก ส่งผลแบบมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเลยว่านักเตะลิเวอร์พูลรับมือกับมันไม่ได้เลย

_______ ทีมสลัดความคิดที่ว่า “ถ้าได้จุดโทษ, ถ้านำสองศูนย์, ถ้าไม่โดนตีเสมอ, ถ้าฯลฯ” ไม่ออกเลย

_______ ฟุตบอลมันก็เป็นแบบนี้ กรรมการไม่ได้ตัดสิน “อย่างที่ควร” ไปเสียทุกครั้ง และบอลมันไม่เด้งเข้าทางเราทุกครั้ง คนที่รวบรวมสมาธิ ลืมความผิดพลาด ลืมโอกาสที่หลุดมือ แล้วจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้าได้ดีกว่าและเร็วกว่าก็มีโอกาสจะที่ชนะได้มากกว่า ...เหมือนอย่างที่เซบีย่าทำให้เราดูในวันนี้

_______ สมาธิที่แตกกระจายในครึ่งหลัง อันดับแรกคือนักเตะขาดประสบการณ์ หลายคนพึ่งพ้นช่วงดาวรุ่งมาไม่นาน หลายคนยังไม่เคยเจอเกมใหญ่ระดับนี้ (อย่าได้เอาเกมนี้ไปเทียบกับแคปปิตอลวันคัพทีเดียว) อันดับต่อมาคือการขาดผู้นำในสนาม อันนี้ไม่ได้พูดถึงคนที่จะมาเปลี่ยนหรือว่ายิงประตูให้ทีมได้ แต่พูดถึงคนที่สามารถกระตุ้นเพื่อน, คุมสมาธิ, สั่งการ, หรือกระทั่งด่า โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่ามิลเนอร์ทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่าเฮนเดอร์สันอย่างเห็นได้ชัด แต่ดีไม่พอ การหากัปตันคนใหม่ หรือกระทั่งตั้งมิลเนอร์เป็นกัปตันไปเลยน่าจะเป็นสิ่งที่คล็อปอาจต้องคิดเผื่อไว้บ้างแล้วเหมือนกัน

_______ ส่วนนักเตะ ...ก็ตามที่เห็น ก่อนจะไปไกลถึงฤดูหน้า ช่วงซัมเมอร์นี้ทีมน่าจะต้องซื้อนักเตะใหม่เพิ่มอีกหลายคนตั้งแต่ตัวจริงยันสำรองเลยทีเดียว นี่น่าจะเป็นซัมเมอร์ที่ลิเวอร์พูลยุ่งวุ่นวายกับตลาดนักเตะเยอะที่ทีเดียว ก็ตามดูกันต่อไปครับ
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นครึ่งแรกดี ครึ่งหลังดับ

มินโยเล่ - ฟอร์มส่วนตัวถือว่าใช้ได้ ตำแหน่งยืนโอเค ไม่ได้มีซูเปอร์เซฟอะไรให้เห็น แต่ก็เซฟได้บ้างไม่ใช่ตรงกรอบเป็นเข้า ลูกที่เสียไปคู่ต่อสู้ยิงดีด้วย

โมเรโน่ - เกมรับพลาดจังหวะสำคัญเยอะ โดยเฉพาะจังหวะเสียประตูแรก ยังคงเปิดพื้นที่ตัวเองไว้เยอะเกินไป แถมนัดนี้เชื่อมเกมไม่ดีไม่มีเกมรุกเข้าให้อีก กลายเป็นจุดบอดของทีมไปเลย

ตูเร่ - สกัดบอลได้เยอะ บล็อคและจิ้มบอลก่อนคู่ต่อสู้จะทำอะไรต่อได้เยอะมาก แต่ตูเร่เก็บบอลเล่นไม่ได้ หนักไปทางสกัดทิ้งขว้าง

ลอฟเรน - เล่นลูกกลางอากาศได้ดีโดยเฉพาะจังหวะที่ต้องขึ้นเบียดกับคู่ต่อสู้ สกัดบอลเปิดเข้าเขตโทษได้ดีมาก แต่จังหวะเจอเลี้ยงจี้หรือจังหวะที่ต้องซ้อนเพื่อนยังทำได้ไม่ดีนัก

ไคลน์ -  ครึ่งแรกเล่นได้อย่างหล่อ เติมขึ้นไปทั้งเชื่อมเกมทั้งเล่นเกมรุกได้ลื่นไหลตลอด ครึ่งหลังแม้ว่าเกมรับยังดูดีอยู่ แต่เริ่มเติมเกมรุกได้น้อยลง ได้บอลน้อยลง แถมเป็นคนที่วางบอลขึ้นหน้าแบบสะเปะสะปะ(ในครึ่งหลัง)ค่อนข้างบ่อยด้วย

ชาน - ช่วยเล่นลูกกลางอากาศได้ดี เก็บบอลสองได้มาก ครึ่งแรกยังทำได้ดีในแง่การเชื่อมเกม แต่ครึ่งหลังไปไม่เป็นเลย ได้บอลก็พลิกไม่ได้แถมไม่ค่อยขยับทำทางรับบอลด้วย ส่วนเกมรับเขาอ่านเกมได้ เบียดแย่งบอลได้ดี แต่กับคู่ต่อสู้ที่เลี้ยงจี้เข้าหาชานมีปัญหาเยอะเหมือนกัน รวมไปถึงการวิ่งไล่บอลที่ทำได้แค่ครึ่งแรก

มิลเนอร์ - ใช้แรงไปกับครึ่งแรกเยอะมาก มีส่วนทำให้ทีมได้บอลกลับมาเร็วและเชื่อมเกมได้ลื่นไหล่ ครึ่งหลังถึงจะยิ่งวิ่งอยู่แต่ถึงบอลช้าไปเยอะ เกมรับทำได้ดีกับการวิ่งไปเร่งให้คู่ต่อสู้ออกบอล แต่กับการแย่งบอลกลับมามีปัญหาไม่แพ้ชาน

คูตินโย่ - ครั้งเดียวในเกมที่คูตินโย่ทำได้ดีคือการไหลบอลให้สเตอริดจ์ยิง นอกนั้นคือดับ ดับสนิท เกมรุกไม่มี เชื่อมเกมธรรมดามาก เกมรับทำได้แค่วิ่งประคองคุมโซนไป พอรวมเข้ากับฟอร์มของโมเรโน่ยิ่งทำให้วันนี้เกมฝั่งซ้ายของทีมเดี้ยงสนิททั้งรับทั้งรุก

เฟอมิโน่ - ครึ่งแรกวิ่งทำทางได้ดี รับบอลและเชื่อมเกมได้ตลอด รวมไปถึงวิ่งไล่บอลได้ดีมากด้วย แต่ครึ่งหลังเริ่มหาพื้่นที่เล่นไม่ได้ สลัดตัววิ่งไล่ไม่ค่อยหลุดทำให้ได้บอลน้อยลงจนถูกเปลี่ยนตัวในที่สุด

ลัลลาน่า - วิ่งได้สุดยอด ครึ่งแรกทำทางรับบอลได้ดีที่สุดในบรรดาแนวรุก เสียแต่ออกบอลช้าไปนิด  เกมรับไล่ถึงบอลได้เร็วมากด้วย ครึ่งหลังดูเหมือนจะวิ่งได้น้อยลง ยังทำทางรับบอลก็ว่าน้อยแล้วแต่เรื่องไล่บอลนี่หายไปเยอะมาก

สเตอริดจ์ - ทำได้สุดยอดในจังหวะทำประตู ยิงคร่อมจังหวะชนิดที่ใครก็ไม่คิดว่าจะยิงได้ ครึ่งแรกยังเล่นได้ดีอยู่ เก็บบอลได้ ทำทางโอเค แต่ครึงหลังนี่แทบไม่รู้ว่าเลยอยู่ในสนาม หมดแรงเร็วมาก

ตัวสำรอง

อัลเลน - ลงมาจะช่วยเชื่อมเกแต่เพื่อนดันชอบวางบอลยาว ถึงอย่างนั้นจังหวะที่ได้บอลอยู่บ้างอัลเลนก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก และวิ่งสลัดตัวไล่ไม่พ้น

โอริกิ&เบนเทเก้- ลงมาทำฟาล์ว

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...เอ็มเร่ ชาน…นัดนี้มีชานกับตูเร่นี่ล่ะที่ดูดีกว่าคนอื่นอยู่ครึ่งช่วงตัว แต่ขอเลือกชานที่มีส่วนร่วมกับเกมแทบจะมากที่สุดในทีมก็แล้วกัน ...นี่เลือกเพราะต้องเลือกสักคนนะ
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

ป.ล. นัดนี้ต้องขอขอบคุณที่อ่านจนจบ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น