วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ลิเวอร์พูล 1-1 เชลซี (พรีเมียร์ลีค)


วันแมนทีม VS ใจลอยทีม
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-2-3-1

---------มาราโดน่ากลับชาติมาเกิด--------
คูตินโย่-----------เฟอมิโน่--------ลัลลาน่า
-------------ชาน--------มิลเนอร์------------
โมเรโน่-----ตูเร่--------ลอฟเรน------ไคลน์
-------------------มินโยเล่-------------------

_______ ลิเวอร์พูลเล่นในแอนฟิลด์เป็นนัดสุดท้ายของฤดูกาลเจอกับเอเดน อาซาร์ คล็อปจัดทีมชุดใหญ่เอาใจแฟนบอลเต็มที่ตามผังด้านบน ซึ่งเป็นผู้เล่นชุดที่น่าจะเป็นชุดออกสตาร์ทในนัดชิงยูโรป้าด้วย
-------------------------------------------------------

________ ลิเวอร์พูลเริ่มต้นเกมได้ดุดัน จ่ายบอล ทำทาง รุกเร็ว เกมริมเส้นด้านขวาลื่นปรื้ดเป็นปลาไหลไถลน้ำมันพืช บอลถึงหน้าเขตโทษตลอด ได้เปิดได้ยิงอยู่เรื่อย แต่ยังไม่คมพอจะได้ลุ้นอะไรจริงจังนัก ส่วนทางด้านเชลซี เน้นมาคุมพื้นที่สูง แต่ก็คุมหลวมๆ ไม่ได้ไล่อะไรมาก เล่นแค่ตามจังหวะ

_______ ผ่านไปราว 15 นาที เกมลิเวอร์พูลเริ่มผ่อนลงไป ส่วนทางกับเชลซีที่บีบแดนกลางและหน้าได้ดีขึ้น ทำให้เกมเริ่มสูสี บอลของลิเวอร์พูลยังไปข้างหน้าได้แต่น้อยและช้าลง ส่วนบอลของเชลซีเน้นให้อาซาร์เล่นได้อย่างมีอิสระ อยากเล่นตรงไหนอยากทำอะไรทำ ซึ่งเจ้าตัวก็เล่นได้สมกับความคาดหวังมาก กดดันได้แทบทุกจังหวะ

_______ นาที 32 เชลซีก็ออกนำไปก่อนด้วยการโซโล่เดี่ยวของอาซาร์ พลิกหลบ เลี้ยงจี้ กระชากหนี ผ่านผู้เล่นลิเวอร์พูลคนแล้วคนเล่าหลุดเข้าไปยิงเร็วในเขตโทษ 1-0 ...ลากเข้าไปยิงอย่างกับเล่น PES กับคอมระดับมีเดียมยังไงยังงั้น

_______ สกอร์ขยับแล้วแต่ลิเวอร์พูลยังไม่ขยับ การวิ่งไล่หรือวิ่งทำทางยังทำกันแบบขอไปที ไม่ดุดัน ไม่ครีเอท แถมยังไม่ค่อยเข้าปะทะด้วย เล่นแบบใจไปยูโรป้าแล้วเรียบร้อย ส่วนเชลซีก็ยังกดดันได้เรื่อยถ้าบอลอยู่เท้าอาซาร์ แต่เพื่อนร่วมทีมคนอื่นแทบไม่มีบทอะไร จบครึ่งแรกที่สกอร์ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลกลับลงมาปรับจังหวะการเล่นเล็กน้อย เน้นเอาบอลไปข้างหน้าให้เร็วขึ้น เล่นจังหวะฉาบฉวยมากขึ้นไม่ว่าจะวางยาวรวดเดียวถึงประตู หรือออกบอลโต้กลับทันทีที่ตัดบอได้ ผลลัพธ์คือเกมรุกดูดีขึ้นมาหน่อย แต่เกมเป็นของเชลซีหนักกว่าช่วงท้ายครึ่งแรกเสียอีก

_______ เชลซียังคงเล่นด้วยการใช้อาซาร์เป็นหลักเหมือนเดิมแล้วก็ลุ้นประตูอยู่เป็นระยะ คือที่ว่าได้ลุ้นนี่เป็นเพราะเพื่อนร่วมทีมเชลซีคนอื่นเล่นไม่ดีด้วย เข้าถึงบอลช้าบ้าง ได้บอลไปแล้วหาจังหวะยิงไม่ดีบ้าง ไม่งั้นก็คงสองศูนย์ไปแล้ว ส่วนทางลิเวอร์พูลคุมเกมไม่อยู่ แต่เกมรุกดูดีขึ้นจริง ได้ลุ้นประตูมากขึ้นกว่าท้ายครึ่งแรก โอกาสดีที่สุดคือนาที 60 ที่สเตอริดจ์วิ่งตัดกองหลังเข้าไปยิงในเขตโทษแต่ติดเซฟเบโกวิช ต่อด้วยลูกเตะมุมที่จบด้วยตูเร่ได้ยืนโหม่งแบบไร้คนประกบให้เบโกวิชรับง่ายๆ

_______ นาที 75 อัลเลนกับเบนเทเก้แทนลัลลาน่ากับมิลเนอร์ เกมของลิเวอร์พูลดูคึกคักขึ้น โดยเฉพาะแดนกลางที่ได้อัลเลนวิ่งขึ้นลงทำให้บอลจากหลังไปหน้าดูดีขึ้น แต่บอลแดนหน้ายังทำได้ไม่ดี กองหน้าเก็บบอลได้น้อย เก็บได้ก็ทำอะไรไม่ได้

_______ ลิเวอร์พูลเร่งเกมรุกได้ดีขึ้นก็จริง ได้เปิดบอลเข้าทำบ่อยขึ้น แต่เลือกที่จะเจาะตรงกลางมากกว่า ซึ่งเจาะไม่เข้า หนักไปทางทำได้แค่ยิงไกลแล้วติดบล็อค เกมริมเส้นไม่ค่อยไปให้ถึงสุดเส้นหลัง โยนมาก็ติดตั้งแต่ตัวบล็อคบ่อย ส่วนเชลซีไม่ได้ทำอะไรมาก แค่รับแล้วโต้ ซึ่งก็ได้ลุ้นประตูแบบจะจะ บ่อยกว่าลิเวอร์พูลด้วยซ้ำ

_______ นาที 87 โอโจ้ได้ลงแทนตูเร่ โดยลงไปเล่นริมเส้นซ้าย แล้วก็เป็นโอโจ้ที่เปิดบอลจากริมเส้น บอลโด่งมากแต่น้ำหนักดี เบโกวิชเหมือนจะเสียสมาธิไปเล็กน้อย ปัดบอลพลาด บอลไม่ไปไหนแถมยังทำให้บอลเบาลงไปตั้งให้เบนเทเก้ตามเข้าไปโหม่งเผาขนง่ายๆ ไม่มีคนเร่ง ไม่มีคนประกบ 1-1 และจบเกมไปด้วยสกอร์ดังกล่าว
-----------------------------------------

_______ เป็นนัดที่เล่นได้จืดชืดมากอีกนัดหนึ่ง ไม่น่าแพ้แต่ก็ไม่น่าชนะเช่นกัน ผลเสมอนี่สมควรแล้ว

_______ ทีมเล่นได้แบบไร้สมาธิและขาดความมุ่งมั่น แต่ก็นั่นแหล่ะ นัดนี้นอกจากเล่นโชว์แฟนบอลแล้วก็แทบไม่เหลือความสำคัญอะไรอีก จะบอกว่าอันดับยังลุ้นยูโรป้าอยู่ก็คงไม่ใช่ เพราะนัดสำคัญกว่าและเดิมพันสูงกว่ารออยู่ (ขนาดแฟนบอลในสนามยังไม่ซีเรียสเลย ปกติต้องมีโห่หรือฮือฮากว่านี้เยอะ นี้นั่งดูกันเรื่อยๆ ) เล่นเต็มที่กับนัดนี้แล้วใครเกิดเจ็บไปอีกสักคนละบรรลัยแน่ ดังนั้นการเล่นแบบนี้ในนัดนี้มันก็ไม่ได้ผิดอะไรตรงไหนหรอกนะ

_______ นัดนี้แดนกลางหลวมไปเยอะ มิลเนอร์ยืนสูงไปปล่อยชานเล่นรับคนเดียว พอรวมเข้ากับการที่แดนหน้าไล่บอลแกนๆ ไม่ดุดันด้วยแล้วยิ่งทำให้ทีมตัดบอลมาได้ช้ากว่าที่ควร รวมไปถึงการเอาบอลจากหลังมาหน้าที่ช้าไปด้วย คู่ต่อสู้รุมบีบชานก็พอแล้ว คนอื่นไม่ค่อยลงมาช่วยเชื่อมเกม

_______ แดนหน้า ท่านสเตอริดจ์ก็เปล่งรัศมีเทพตลอดหนึ่งชั่วโมงของเกม เล่นให้ยากเข้าไว้ แต่ละลูกแต่ละช็อตที่ท่านออกแบบมานี่เรียกได้ว่ามหัศจรรย์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการได้บอลแล้วไปๆ หยุดๆ เหมือนแผ่นดีวีดีกระตุก เล่นเอาหลายคนหัวทิ่มไปตามๆ กัน(แต่ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนร่วมทีมมากกว่าคู่ต่อสู้), การเก็บบอลได้แล้วม้วน 720 องศาก่อนจะคิดทำอะไรต่อ, การจ่ายบอลไปในช่องที่มนุษย์ธรรมดาไม่เข้าใจว่าท่านจ่ายไปทำไม, ยิงปั่นไซร้มาก, หลอกยิงไกลทั้งๆ ที่โดนขวางอยู่และมีเพื่อนรออยู่ซ้ายขวา, ยิงไกลค่อนสนาม ฯลฯ

_______ ยังดีว่าพอพ้นหนึ่งชั่วโมงของเกมไป พลังเทพท่านหมดเลยหันกลับมาเล่นแบบคนธรรมดาบ้าง เลยทำให้ทีมยังพอได้ประโยชน์บ้าง

_______ นัดนี้น่าจะเป็นนัดสุดท้ายทีมชุดนี้ได้เล่นด้วยกันครบ นัดหน้าคงจะเป็นทีมผสมแล้ว ดีไม่ดีทีมวันนี้อาจจะได้ลงแค่คนสองคนเท่านั้น ประโยชน์จริงๆ คงอยู่ที่การรักษาจังหวะการเล่นและเรียกความฟิต ซึ่งดูๆ แล้วก็น่าจะทำได้ตามเป้า อย่างน้อยๆ ที่เห็นได้ชัดก็เป็นตูเร่กับชานที่ดูสลัดอาการ “พึ่งลงสนาม” ไปได้เยอะทีเดียว อ้อ รวมไปถึงความมั่นใจของเบนเทเก้และอัลเลนด้วยนะ

_______ ส่วนเชลซี อาซาร์ทีมโดยแท้จริง ไม่ใช่แค่ประตูที่เขาทำได้ แต่การเล่นเกมรุกทุกจังหวะที่ได้ลุ้นมาจากเขาทั้งหมด ไม่ว่าจะจ่าย จะเลี้ยงจี้ เก็บบอล ชิงจังหวะจ่าย ทำได้หมด นึกถึงซัวเรสกันเลยทีเดียว อยากให้ปีหน้าหรือปีถัดไป ทีมสามารถหาหรือสร้างใครแบบนี้ขึ้นมาได้สักคนจริงๆ

-----------------------------------------

นัดนี้เล่นไม่ดีนัก

มินโยเล่ - เซฟลูกยากได้หลายครั้ง มีพลาดครั้งเดียวคือการออกไปนอกเส้นแล้วไม่ถึงบอลในนาที 37 บอลคืนหลังโดนกดดันอยู่พอควรแต่ก็เอาตัวรอดได้ดี เป็นฟอร์มของผู้รักษาประตูที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง

โมเรโน่ - ช่วงต้นเกมดูมีปัญหากับการเล่นร่วมกับตูเร่ ช่องระหว่างทั้งคู่กว้างขวางใหญ่โตมาก แต่เล่นๆ ไปแล้วดูดีขึ้น นัดนี้เกมรับโดยรวมไปได้มีปัญหา แต่ไปมีปัญหากับเกมรุก เพราะทั้งๆ ที่ยืนสูงลอยแต่กลับช่วยเชื่อมเกมหรือทำเกมรุกได้ไม่ดีเท่าที่ควร(เทียบกับตำแหน่งที่ยืน)

ตูเร่ - ต้นเกมยังดูหลงๆ อยู่ แต่ยิ่งเล่นยิ่งดี โดยเฉพาะการอ่านเกมและบังทางคู่ต่อสู้ ขวางลูกยิงหรือลูกเปิดในจังหวะสุดท้ายได้เยอะ

ลอฟเรน - สกัดบอลที่เปิดเข้ามาในเขตโทษได้ดีมาก ออกไปช่วยกองกลางสกัดหน้าเขตโทษมากขึ้นซึ่งถือเแป็นเรื่องดี

ไคลน์ -  เกมรับพอใช้ได้ คือปิดพื้นที่มุมธงได้ แต่การหยุดตัวรุกยังทำไม่ได้ คู่ต่อสู้ยังเล่นต่อได้ง่าย ครึ่งหลังเป็นตัวหลักในงานวิ่งตามไปชะลออาซาร์ก็ทำได้ตามหน้าที่ แต่โดยรวมเป็นวันที่รับไม่เด่น(แค่ไม่พลาด), เชื่อมเกมไม่ค่อยดี(ไม่จ่ายเสีย แต่เพื่อนไม่ได้เปรียบ), รุกไม่เห็นเลย

ชาน - อ่านเกมดี จังหวะพุ่งเข้าไปดักบังบอลยังทำได้เยี่ยม แต่ความเร็วกับความฟิตยังไม่ถึงกับดีนัก วิ่งไม่ได้มากและการเข้าไปปะทะไม่ว่าจะเสียบสกัดหรืออัดไหล่ต่อไหล่ยังหลวม ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะเสียใบเหลืองไปตั้งแต่ครึ่งแรกด้วยก็เป็นได้ (เลยไม่อัดมั่วซั่ว)

มิลเนอร์ - เล่นได้ “หลุด” ที่สุดในทีม เกมรับลงมาช่วยหน้าเขตโทษตัวเองน้อย เชื่อมเกมก็ไม่ค่อยลงมาล้วงบอล เกมรุกที่เล่นมากหน่อยทำได้ดีในแง่ทำทางรับบอลเอาไปเปิด แต่เปิดติดบล็อคแทบจะทุกลูก

คูตินโย่ - จังหวะการเล่นดูดีขึ้น การเชื่อมเกมดูดีกว่าหลายนัดที่ผ่านมา แต่การเล่นในพื้นที่สุดท้ายหรือบอลเข้าทำยังเงียบไปหน่อย การไล่บอลหรือทำทางก็ทำน้อยด้วย

เฟอมิโน่ - เชื่อมเกมและมีส่วนร่วมกับเกมพอใช้ แต่ไล่บอลน้อย ทำทางน้อย จังหวะเข้าทำก็เงียบๆ ไม่แพ้คูตินโย่

ลัลลาน่า - มีส่วนร่วมกับจังหวะเข้าทำของทีมเยอะกว่าเพื่อน ทั้งยิงทั้งจ่ายทั้งชิ่ง แต่ลัลลาน่าไม่คมไม่เด็ดขาด ยิงก็ไม่ดีพอ จะจ่ายก็ไม่คมพอ การวิ่งไล่และทำทางยังดูดีกว่าคูตินโย่กับเฟอมิโน่

สเตอริดจ์ - อ่านข้างบนโน่นเลยค้าบ

ตัวสำรอง

อัลเลน - วิ่งรับบอลและไล่บอลได้ดี ช่วยได้ทั้งเกมรับเกมรุก เชื่อมเกมจากหลังไปหน้าได้ลื่น เกมรุกอย่าถามถึง

เบนเทเก้ - ลงไปแล้วเพื่อนจ่ายตามช่องรัวๆ ไม่จ่ายยัดใส่ตัวหรือโยนจากสุดเส้น เบนเทเก้แทบจะหายไปจากเกมเลย บอลริมเส้นที่เปิดมาบ้างคุณภาพของบอลก็แย่สุดๆ ทั้งๆ ที่ถ้าบอลจากริมเส้นหรือสุดเส้นมีคุณภาพและปริมาณมากกว่านี้ เบนเทเก้ก็ช่วยทีมได้เหมือนกัน เหมือนลูกตีเสมอนั่นแหล่ะ

โอโจ้ - งานไม่ซับซ้อนแค่ลงมาเล่นกับพื้นที่ริมเส้น ถึงเวลาจะไม่มากนักแต่ได้เล่นหลายจังหวะอยู่ เปิดบอลนำมาซึ่งประตูตีเสมอด้วย จริงๆ ลูกนั้นเปิดไม่ถึงกับดีนักเพราะบอลโด่งมากไป แต่ทิศทางกับน้ำหนักใช้ได้ มีส่วนกดดันให้เบโกวิชปัดพลาด

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ซิมง มินโย่เล่…นัดนี้ที่เล่นดีก็คงเป็นคู่เซ็นเตอร์กับโกล์ ซึ่งเลือกมินโยเล่เพราะเซฟช่วยทีมไว้ได้เยอะทีเดียว
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น