วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 - 2 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


1 แต้่มที่ได้มา 2 แต้มที่เสียไป
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1 (4-4-1-1 ซัวเรสเล่นตัวฟรีหลังสเตอริดจ์)

----------------------สเตอริดจ์----------------------
เฮนเดอร์สัน-----------ซัวเรส-----------------ดาวนิ่ง
-------------ลูคัส---------------เจอราร์ด------------
เอนริเก้-----แอกเกอร์----คาราเกอร์-------จอห์นสัน
-----------------------เรน่า-------------------------

                ลิเวอร์พูลเจอเกมหนักต่อเนื่องอีกหนึ่งเกม คราวนี้ต้องออกไปเยือนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ร็อดเจอร์ปรับตัวผู้เล่นและแทคติคพอสมควร โดยให้ซัวเรสเล่นอยู่หลังสเตอริดจ์ เฮนเดอร์สันหุบเข้าไปช่วยตรงกลางเยอะ ไม่ค่อยได้เล่นเกมริมเส้น แผงหลังได้แบ็คตัวจริงลงตามตำแหน่งแล้ว แถมด้วยคู่เซนเตอร์ที่ใช้คาราเกอร์แทนสเคอเทล
-------------------------------------------------------

                เปิดเกมมาก็เล่นกันระวังตัวทั้งคู่ พยายามใช้จังหวะฉาบฉวยลุ้นประตูแทนที่จะดันกันขึ้นมาช่วยรุกทั้งแผง เมื่อเสียบอลในแดนหน้าจะช่วยกันไล่เร็วไม่ให้คู่ต่อสู้ตั้งเกมรุกโต้เร็วได้ ถนัด เกมออกมาสูสี โดยเป็นซิตี้ที่ดูจะกดดันได้มากกว่านิดๆ (ทั้งๆ ที่ลิเวอร์พูลครองบอลได้มากกว่าเล็กน้อย) แต่จังหวะได้จบแทบไม่มี

                ผ่าน 10 นาทีแรกของเกมไป ลิเวอร์พูลเริ่มพลิกกลับมากดดันได้ดีกว่าและพอจะได้ลุ้นประตูอยู่บ้าง และเกมรุกของซิตี้เริ่มแผ่วลงไปให้เห็นแล้ว แต่เล่นไปเล่นมากลายเป็นซิตี้ที่ได้ประตูนำก่อนในนาที 23 จังหวะลูกทุ่มในแดนลิเวอร์พูลแล้วโดนซิตี้เล่นชิ่งหนึ่งสองหลุดไปทางริมเส้น ก่อนเปิดเข้ากลางให้เซโก้ชาร์จจ่อๆ 1-0

                เกมรุกของซิตี้ดูจะดีขึ้นมาวูบหนึ่งแต่ทำได้ไม่ต่อเนื่อง ส่วนลิเวอร์พูลก็ยังไม่เสียขวัญ เล่นกันไปตามจังหวะของตัวเองได้ ไม่นานก็ตีเสมอได้สำเร็จ นาที 29 กองหลังซิตี้สกัดบอลไม่ขาดบอลเข้าเท้าสเตอริดจ์หน้าเขตโทษยิงสวนเข้าไปได้ เป็น 1-1

                หลังจากสกอร์กลับมาเท่ากันเกมก็กลับมาเล่นกันแบบระวังตัวและสูสีเหมือนเดิม โดยคราวนี้เป็นฝั่งลิเวอร์พูลที่ำทำได้ดีกว่าเล็กน้อย กดดันได้มากกว่า ซิตี้พยายามจะไล่ตั้งแต่แดนหน้าแต่ลิเวอร์พูลยังค่อยๆ ตั้งเกมกันขึ้นมาได้ พาบอลเข้าไปใกล้เขตโทษซิตี้ได้มากกว่า แต่ยังหาจังหวะจบได้ไม่ถนัดหนักก่อนจบครึ่งแรกที่ 1-1

                เข้าครึ่งหลัง ซิตี้ลงมาเน้นเกมรุกเข้าใส่และได้ลุ้นประตูอยู่ราว 2-3 นาที แต่หลังจากนั้นกลายเป็นลิเวอร์พูลที่พลิกกลับมาทำได้ดีขึ้น ทั้งยังดีกว่าครึ่งแรกเมื่อได้โอกาสลุ้นประตูอยู่เป็นระยะรวมไปถึงปิดเกมรุก ของซิตี้ได้ค่อนข้างดี เข้านาที 56 มันชินี่ปรับเกมให้เน้นรุกมากขึ้นโดยส่งริมเส้นที่ถนัดเกมรุกอย่างโคลาลอฟลง มาแทนเซ็นเตอร์อย่างนาสตาซิด รวมทั้งดันแผงหลังยืนสูงมากขึ้น เ่ร่งจังหวะเกมและวิ่งไล่มากขึ้นด้วย

                ความพยายามของมันชินี่ได้ผลพอสมควร ซิตี้สามารถพาบอลไปใกล้เขตโทษลิเวอร์พูลได้มากขึ้นแต่ยังหาจังหวะเปิดบอล เข้าทำได้ยากและลิเวอร์พูลเองก็ไม่ได้ตั้งรับอย่างเดียว ยัีงสามารถเก็บบอลแล้วตั้งเกมรุกสวนขึ้นมาได้ตลอด จนกระทั่งผ่านนาที 70 ซิตี้ก็เน้นเกมรุกเต็มที่และกดดันให้ลิเวอร์พูลต้องหันมารับมากขึ้นแล้ว เปลียนไปใช้เกมโต้กลับแทนที่จะตั้งเกมขึ้นไปเหมือนในช่วงก่อนหน้า

                ซิตี้พยายามบุกแต่ผลสุดท้ายยังคล้ายเดิมคือหาจังหวะจบไม่ค่อยได้ เป็นลิเวอร์พูลที่แซงนำได้ก่อนในนาที 73 เอนริเก้เติมขึ้นไปถึงสุดเส้นเปิดบอลเข้ากลางติดกองหลัีง แต่บอลไปเข้าเท้าเจอราร์ดตั้งป้อมยิงไกลตั้งแต่ระยะร่วม 30 หลา บอลพุ่งเสียบหน้าต่างอย่างสวยงามชนิดที่ฮาร์ทนั้นเห็นบอลตั้งแต่จังหวะยิง แต่ยังพุ่งไปปัดไม่ถึง 2-1

                หลังได้ประตูนำ ร็อดเจอร์ส่งสเคอเทลลงมาแทนเอนริเก้ ถ่างแอกเกอร์ไปเป็นแบ็ค แล้วหลังจากนั้นไม่นาน ในนาที 78 จากบอลยาวของซิตี้ที่ไม่น่าจะมีอะไร กุนวิ่งตามบอลไปโดยมีสเคอเทลวิ่งเบียดอยู่ เรน่าพุ่งออกไปจะเล่นบอล สเคอเทลชลอฝีเท้าแล้วกุนถึงบอลก่อนเรน่า พลิกยิงมุมแคบเสียบเสาเข้าไปได้อย่างงามหยด ตีเสมอได้สำเร็จแบบไม่น่าเชื่อ 2-2

               เกมกลับมาเสมอ ซิตี้เองก็พยายามจะโหมเกมรุกเต็มที่แต่ยังเจาะไม่ค่อยได้ มีจังหวะบอลหลุดเข้าเขตโทษบ้างแต่สุดท้ายก็แทบไม่ได้ยิง ส่วนลิเวอร์พูลเองก็ยังมีสมาธิกับเกมดี เก็บบอลได้พอสมควรและโต้ขึ้นไปได้ลุ้นบ้าง นาที 91 อัลเลนได้ลงมาแทนสเตอริดจ์ ก่อนจะจบเกมไปที่สกอร์ 2-2 ...แบบน่าเสียดาย
 -----------------------------------------

                เป็นเกมที่น่าชนะสุดๆ ครับ...พอๆ กับนัดแรกที่เจอกับซิตี้นั่นแหล่ะ

                เกมวันนี้เป็นโชคดีของร็อดเจอร์ด้วยที่ได้เอนริเก้กลับมา รวมไปถึงผู้เล่นในสนามก็เล่นได้ในฟอร์มที่น่าพอใจ ถ้าดูในส่วนของการวางแผนอย่างเดียวแล้ว สิ่งที่ร็อดเจอร์ปรับเปลี่ยนมีสองอย่าง อย่างแรกคือการใช้ซัวเรสเป็นตัวฟรีหลังกองหน้า (ก่อนเกมนี้ช่วงครึ่งหลังก็ปรับมาเล่นแบบนี้ให้เห็นบ้างแล้ว แต่นัดนี้ใช้ตั้งแต่เริ่ม) ไม่ใช่ริมเส้นอย่างที่ผ่านมา และการเล่นของแผงรับที่วันนี้เน้นการประกบติดและดักตัดบอลมากกว่านัดก่อนๆ ที่จะเน้นคุมโซนปิดพื้นที่เป็นหลัก

                แทคติคที่วางมานั้นได้ผลดีเอามากๆ ในเกมรับการเน้นประกบกองหน้าทำเอาคู่กองหน้าเล่นไม่ออก เซโก้ถ้าไม่นับลูกที่ยิงได้ก็แทบช่วยอะไรทีมไม่ได้เลย ส่วนกรณีกุน กว่าจะพลิกบอลหันหน้าเข้าประตูได้แต่ละครั้งก็เล่นเอาล้มกลิ้งล้มหงายไปหลาย รอบ รวมไปถึงหลายครั้งที่ถูกดันให้ไปรับบอลไกลจากกรอบเขตโทษจนลดความอันตรายลงไป ได้เยอะ ส่วนในเกมรุกการปรับเอาซัวเรสมาเล่นหน้าต่ำทำให้เปลี่ยนรับเป็นรุกได้ดีขึ้น ไม่ต้องพึ่งเจอราร์ดมากเหมือนนัดก่อนๆ

                สิ่งที่ตัดสินรูปเกม (รูปเกมนะครับไม่ใช่ผลลัพธ์) ในวันนี้คือฟอร์มการเล่นของผู้เล่นในสนาม ไล่มาตั้งแต่คู่เซนเตอร์ที่ประกบคู่กองหน้าได้โหดเอามากๆ ดักตัดและอัดร่วงได้บ่อย แบ็คสองฝั่งที่เกมไม่แย่แถมยังสามารถพาบอลผ่านบอลขึ้นหน้าได้ด้วย ไม่ต้องพึ่งกองกลางในการตั้งเกมรุกอยู่ฝ่ายเดียว ผึ้งงานอย่างเฮนเดอร์สันและดาวนิ่งที่ทีเด็ดทีขาดไม่มีให้เห็นก็จริงแต่วิ่ง ไล่ได้ตลอดเกม รวมไปถึงแนวรุก 2S ที่ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี ไม่ฝืนพาบอลไปเสีย

                อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ำทำให้ลิเวอร์พูลได้แค่ 1 แต้ม ในเกมที่น่าชนะ ไม่ว่าจะมองจากรูปเกมหรือการขึ้นนำ 2-1 ได้สำเร็จคือปัญหาที่หายไปพักใหญ่ๆ แล้วนั่นคือความผิดพลาดส่วนบุคคล ลูกแรกแอกเกอร์เชคไลน์พลาด แถมประกบห่าง ส่วนลูกที่สองนั้นพลาดกันทั้งเรน่าและสเคอเทล จังหวะนั้นเรน่าไม่ควรออกถ้าไม่มั่นใจว่าจะถึงบอลก่อน ส่วนสเคอเทลยังไงก็ควรจะวิ่งเบียดกุนไปให้สุดทาง ไม่รู้ว่าเรน่าตะโกนสั่งว่าจะเล่นเองหรือปล่าวถึงทำให้สเคอเทลชลอฝีเท้า ถ้าสั่ง เรน่าก็ผิดเต็มๆ ที่อ่านบอลพลาดและสเคอเทลผิดครึ่งนึงที่ดันไม่วิ่งประคองไปต่อทั้งๆ ที่มีกองหน้าอยู่แถวนั้น ถ้าไม่ได้สั่ง สถานการณ์ก็กลับกันจากประโยคข้างบน แต่ที่แน่ๆ 2 เหม่งนี่ผิดทั้งคู่รับไปเต็มๆ ละครับลูกนั้น

                ถึงแม้ว่าจะน่าเสียดายสำหรับผลเสมอ แต่วันนี้มีสิ่งที่ลิเวอร์พูลทำได้ดีและน่าชื่นชมมากคือสมาธิในเกม ไม่ว่าจะในช่วงที่ตามหลัง, ตีเสมอ, ขึ้นนำแล้ว, ถูกตีเสมอ ผู้เล่นทุกคนยังสามารถเล่นเกมของตัวเองได้ดีและทำตามแทคติดได้ไม่พลาด ไม่มีการลนลานเล่นพลาดให้เห็น ไม่จิตตกจนเล่นมั่วตอนที่ทีมเสียเปรียบ ไม่ว่าจะเสียเปรียบด้วยประตูหรือการโหมเกมรุกของคู่ต่อสู้ จนทำให้สุดท้ายแล้วเกมนี้เล่นได้ดีกว่าคู่ต่อสู้ น่าชนะ โอกาสก็มีแล้วด้วยเพราะขึ้นนำได้สำเร็จ...

                ...แต่ดันได้แค่แต้มเดียว (น้ำตาจะไหล ไม่ต้องแชร์นะครับ)
-------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดี

เรน่า - พลาดแบบน่าตบเหม่งมากในจังหวะเสียลูกที่ 2 แต่ทั้งเกมก็เล่นได้ดีโดยเฉพาะลูกกลางอากาศที่ถึงบอลตลอด ออกบอลสั้นได้ดี บอลยาวพอใช้ได้ โดนไล่ก็เอาตัวรอดได้

จอห์นสัน - เล่นเกมรับพอใช้ได้ มีหลุดตำแหน่งให้เห็นนิดหน่อยแต่น้อยมากแล้วสำหรับคู่ต่อสู้ระดับนี้ เอาตัวรอดจากการโดนไล่ได้ดีมากทั้งๆ ที่โดนไล่ทั้งเกมแต่เอาบอลขึ้นหน้าได้เกือบทุกครั้ง ทำได้โดดเด่นในการเชื่อมเกมจากหลังไปหน้า

แอกเกอร์ - พลาดพอสมควรกับลูกแรก ซึ่งจังหวะนั้นเพื่อนแถวริมเส้นก็ทำได้ไม่ดีด้วย ตอนที่โดนลูกที่สองแอกเกอร์ที่ยืนแบ็คอยู่ก็ไม่รู้หายไปไหน แต่ลูกนั้นก็เหลี่ยมของสเคอเทลอยู่แล้ว นอกจากจังหวะเสียประตูแล้วเกมนี้แอกเกอร์เล่นได้ดีทีเดียวโดยเฉพาะการประกบ กองหน้าที่กว่าคู่ต่อสู้จะพลิกเล่นได้แต่ละลูกเล่นเอาหืดจับ

คาราเกอร์ - กลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดี มีลูกโหดติดมาด้วย เข้าบอลได้หนักหน่วงถึงใจและไม่มีลังเลในจังหวะชิงเล่นบอลก่อนถึงกองหน้า จังหวะคู่ต่อสู้พลิกหันหน้าเข้าหากรอบประตูได้ดูจะมีปัญหาเล็กน้อย แต่โดยรวมคาราเกอร์จัดการกับกองหน้าได้สุดยอดมากในนัดนี้

เอนริเก้ - คล้ายกับจอห์นสัน แต่เข้าครึ่งหลังดูจะมีปัญหาเล็กน้อยในเรื่องความฟิต ไม่แน่ใจว่าเจ็บหรือหมดแรงเพราะก่อนถูกเปลี่ยนตัวออก แสดงอาการแข้งขาอ่อนและขยับตัวช้าให้เห็นอยู่บ้าง

เฮนเดอร์สัน - ช่วยวิ่งไล่บอลในแดนกลางได้ดีมาก เก็บบอลจังหวะสองในเกมรับใช้ได้ เกมรุกหาจังหวะเติมขึ้นไปใช้ได้แม้จะน้อยไปหน่อย ไม่ได้ออกบอลในเกมรุกเท่าไหร่แต่ก็ผ่านให้เพื่อนข้างๆ ได้แม่นดี

ลูคัส - อ่านทางบอลได้ดี สามารถเข้าถึงบอลได้เร็วและตามไปนัวเนียๆ คู่ต่อสู้ครองบอลอยู่ได้น่าพอใจ ปัญหาคือสกัดแย่งเอาบอลกลับมาได้น้อย ความเด็ดขาดประเภทดอกเดียวอยู่เหมือนตอนก่อนเจ็บยังไม่กลับมา

เจอราร์ด - เล่นเกมรับเต็มที่อีกนัดหนึ่ง (และดูท่าจะอีกหลายนัด) เข้าสกัดได้หนักหน่วงและค่อนข้างแม่น อ่านทางบอลได้ดี หาโอกาสดันขึ้นไปช่วยเกมรุกได้บ้าง ที่สำคัญคือยิงไกลได้สุดยอด แบบที่ไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่ในช่วงหลังๆ

ซัวเรส - เปลี่ยนมาเล่นเกมรุกอย่างเดียว ไม่เหมือนนัดก่อนๆ ที่ต้องเล่นเกมรับเยอะกว่านี้ เปลี่ยนรับเป็นรุกและเก็บบอลได้ดี ไม่มีฝืนเล่นยากหรือเสียบอลง่ายๆ ให้เห็น ทำเกมรุกไม่ว่าจะผ่านบอลหรือเลี้ยงไปเองได้ดีมาก

ดาวนิ่ง - เกมรุกเล่นได้ไม่เด็ดขาด สลัดตัวประกบไม่หลุด และทำเกมด้วยตัวเองได้ไม่ดีนัก แต่การเชื่อมเกมและเล่นเกมรับทำได้ดีมาก

สเตอริดจ์ - แม้จะทำเกมรุกด้วยตัวเองไม่ได้มากนัก แต่เก็บบอลได้ดีขึ้นกว่านัดก่อนๆ หาช่องและวิ่งทำทางได้ดี หาจังหวะยิงและยิงได้ดีด้วยเมื่อทำได้ 1 ประตูและทำให้ฮาร์ทต้องพุ่งไปเซฟแบบสุดตัวได้อีกครั้ง

ตัวสำรอง

สเคอเทล - นอกจากจังหวะโดนตีเสมอที่น่าหัวโขกกับเรน่าให้มันรู้แล้วรู้รอด สเคอเทลก็ทำได้ค่อนข้างน่าพอใจ แม้จะประกบคู่ต่อสู้ได้ไม่ดีเท่าแอกเกอร์ในช่วงก่อนหน้า แต่อ่านทางบอลและตัดบอลจ่ายเข้าเขตโทษใช้ได้

อัลเลน - ลงมาช่วยเก็บบอลได้

แมน ออฟ เดอะ แมตช์ : ...เจมี่ คาราเกอร์... อันที่จริงก็เล่นดีหลายคน คาดว่านัดนี้เสียงแตกในเรื่อง MOM แน่ แต่สำหรับผม การประกบกองหน้าระดับกุนกับเซโก้ให้ง่อยได้ขนาดนั้น รวมไปถึงสกัดลูกเปิดเข้าเขตโทษได้ตลอดเกม ไม่ใช่งานที่ใครก็ทำได้ครับ
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น