วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555

ลิเวอร์พูล 1 - 2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีค)


...ยอมแล้วครับ สู้ไม่ได้จริงๆ...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

---------------------ซัวเรส----------------------

-----บอรินี่---------เชลวี่ย์--------สเตอริ่ง------

-------------อัลเลน------เจอราร์ด------------

จอห์นสัน---แอกเกอร์---สเคอเทล-----เคลลี่

----------------------เรน่า-----------------------

               เกมแดงเดือดที่แอนฟิลด์ ร็อดเจอร์สที่พักตัวหลักจากเกมกลางสัปดาห์มานัดนี้ส่งลงมาครบครันด้วยแทคติคและตำแหน่งเดิมๆ ส่วนแมนฯยูไม่มีรูนี่ย์แต่ที่ลงมาอย่างฟาน เพอร์ซี่ไม่ได้เบาไปกว่ากัน
-------------------------------------------------------

               เริ่มเกมมากองกลางทั้งสองฝ่ายเข้าบอลกันเร็วมากจนแทบไม่มีเวลาหายใจ 5 นาทีแรกเป็นแมนฯยูที่ทำได้ดีกว่าแต่หลังจากนั้นเป็นลิเวอร์พูลที่เริ่มครองบอลและตั้งเกมของตัวเองได้ ลิเวอร์พูลได้ลุ้นเล็กๆ จากลูกเตะมุมที่ขึ้นถึงบอลก่อนอยู่ 2-3 ครั้งแต่ยังไม่ได้ประตู ส่วนฝั่งแมนฯยูที่เริ่มเก็บบอลแดนกลางไม่ได้ก็ถอยลงไปตั้งรับปิดพื้นที่ในแดนตัวเองแน่น

               ลิเวอร์พูลเจาะเข้าไปไม่ถึงพื้นที่สุดท้ายแต่โดยรวมยังเป็นฝ่ายที่ทำได้ดีกว่า แบ็คสองฝั่งที่ต้นเกมยืนต่ำคอยระวังเกมรับเริ่มลอยขึ้นสูงเรื่อยๆ และทำให้ลิเวอร์พูลเอาชนะได้ในแดนกลาง แมนฯยูทำได้แต่ตั้งรับแต่รูปเกมก็ยังไม่ถึงขั้นเพลี่ยงพล้ำอะไรมากนัก จนที่สุดเกมมามีจุดเปลี่ยนในนาที 39 เชลวี่ย์ปั้มบอลกับอีแวนส์ มาร์ค ฮาวซี่ย์ลังเลและคุยกับผู้ตัดสินข้างสนามผ่านทางหูฟังอยู่พักใหญ่ก่อนจะชูใบแดงไล่ออก ทำให้ลิเวอร์พูลเหลือ 10 คน

               เวลาที่เหลือแมนฯยูทำท่าจะทำเกมรุกมากขึ้น แต่การจ่ายบอลผิดพลาดในแดนกลางทำให้กลายเป็นลิเวอร์พูลที่ได้บุกกดดันมากกว่าแต่ยังทำสกอร์ไม่ได้และจบครึ่งแรกที่ 0-0

               ร็อดเจอร์ส่งซูโซ่มาแทนบอรินีก่อนเริ่มครึ่งหลัง หลังจากเริ่มเกมแบบพึ่งกระพริบตาได้ไม่กี่ครั้ง จอห์นสันพาบอลเข้าไปในเขตโทษ สุดท้ายบอลทะลักมาเข้าทางเจอราร์ดพักอกวอลเล่ย์เสียบเสาเข้าไปให้ลิเวอร์พูลที่มี 10 คนขึ้นนำก่อน 1-0 ทางแมนฯยูโต้ตอบทันทีและใช้เวลาไม่นานนัก แค่นาที 51 ราฟาเอลที่เติมขึ้นมารับบอลแถวๆ เส้น 6 หลาปั่นโค้งหนีมือเรน่าเช็ดเสาสองเข้าไปได้ให้เกมกลับมาเสมอ 1-1

               หลังจากนั้น แมนฯยูเริ่มครองบอลได้มากกว่าครึ่งแรกและเปิดเกมรุกมากขึ้น โดยเฉพาะสโคลที่ได้ลงมาแทนนานี่เล่นได้แน่นอนกว่าทำให้เกมของแมนฯยูไหลลื่นต่อเนื่องมากขึ้น ส่วนทางฝั่งลิเวอร์พูลที่มีตัวผู้เล่นน้อยกว่าก็ไม่ได้ถอยลงไปอุดแต่เลือกใช้วิถีวิ่งไล่บอลตั้งแต่แดนกลางและทำได้ดี รวมไปถึงยังพยายามตั้งเกมบุกขึ้นไปเป็นระยะ ทำให้เกมโดยรวมค่อนข้างสูสีและเกมเปิดมากกว่าครึ่งแรก

               นาที 66 เฮนเดอร์สันได้ลงแทนสเตอริ่ง เกมยังสูสีอยู่โดยเป็นฝั่งลิเวอร์พูลที่ดูจะมีโอกาสมากกว่าอยู่เล็กน้อยแต่ยังหาจังหวะยิงได้ไม่ถนัดนัก แต่แล้วการที่เหลือ 10 คนแล้วยังวิ่งไล่ในแดนกลางมากๆ ก็เริ่มส่งผล นาที 76 วาเลนเซียวิ่งฉกบอลที่จ่ายผิดน้ำหนักตัดหน้านักเตะลิเวอร์พูล 2 คนที่วิ่งเข้าถึงบอลไม่ทัน ก่อนที่จะลากไปถึงเขตโทษ จอห์นสันวิ่งตามจากข้างหลังพยายามจะทิ้งตัวขวางทางยิง วานเลนเซียล้มไป แล้วฮาวซี่ย์เป่าให้จุดโทษทันที ฟานเพอร์ซี่รับหน้าที่ยิงไม่พลาด 2-1

               จากจังหวะที่เสียประตูนั้นแอกเกอร์เจ็บ คาราเกอร์ได้ลงมาแทน แมนฯยูขึ้นนำแล้วก็ดึงช้าทันที พยายามปิดเกม ครองบอลไว้กับตัวเพื่อฆ่าเวลาและเรียกฟาลว์ ลิเวอร์พูลพยายามวิ่งไล่แย่งบอลกลับมาทำเกมรุกลุ้นประตูได้บ้างนิดหน่อย แต่โดยรวมแล้วก็เริ่มออกอาการล้า ท้ายเกมยังมาเสียเคลลี่ด้วยอาการบาดเจ็บอีก ที่สุดแล้วเลยไล่ทัน แพ้ฮาวซี่ย์คาบ้านไป 2-1
-----------------------------------------

               นัดนี้ต้องยอมแ้พ้จริงๆ เพราะลิเวอร์พูลสู้ไม่ได้และไม่มีทางจะสู้กรรมการได้ จังหวะแดงของเชลวี่ย์มากสุดก็น่าจะแค่เหลือง เหมือนกับที่ฟานเพอร์ซี่เข้าบอลคล้ายๆ กันในช่วงท้ายเกมแล้วได้ไป ลูกโทษนั้นจอห์นสันก็ระวังตัวที่สุดแล้วด้วยการกระโดดไปขวางทางยิงไม่ได้ไปเบียบโดนตัววาเลนเซียอะไรมากนักนอกจากมือที่แตะ(เน้นว่าแตะไม่ใช่ผลัก)ที่สะโพกวาเลนเซีย แต่สุดท้ายฮาวซี่ย์จัดเต็มทั้งใบแดงทั้งจุดโทษก็แพ้ไม่ต้องสืบละครับ

               ดูที่แทคติค ร็อดเจอร์สรับมือกับแมนฯยูได้ดีทีเดียว ช่วงที่มี 11 คนเท่ากัน (ด้วยความช่วยเหลือจากนานี่ที่เล่นพลาดเกือบทุกจังหวะ) ลิเวอร์พูลดันแผงหลังขึ้นมาบีบแดนกลางได้ดี ทำให้ฟาน เพอร์ซี่อยู่ห่างจากเขตโทษมากๆ และแดนกลางแพ้ลิเวอร์พูลแบบหมดรูป ช่วงที่เหลือ 10 คน การเลือกอัดแดนกลางต่อไป ไม่ได้ถอยลงมารับลึก ถือว่าประสบความสำเร็จมากๆ แม้ว่าจะเสี่ยงและเปลืองพลังงาน แต่ทีมที่เหลือ 10 คนแล้วถอยลงไปอุดรับมือแมนฯยูไม่เคยมีใครรอด การเสี่ยงแบบนี้มีส่วนทำให้ลิเวอร์พูลได้ลูกแรกและได้ลุ้นลูกที่สองอยู่เป็นระยะเหมือนกัน

               การเปลี่ยนของร็อดเจอร์สก็ถือว่าทำได้ดี ซูโซ่ลงมาแทนบอรินี่ก็ถือว่าช่วยเกมแดนกลางได้ จังหวะที่เฮนเดอร์สันแทนสเตอริ่งก็ต้องไม่ลืมว่านั่นลิเวอร์พูลเล่น 10 คนกันมาเกือบครึ่งชั่วโมงเข้าไปแล้ว (นาที 39-66) และแดนกลางมีรอยโหว่เพลี่ยงพล้ำให้แมนฯยูให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ  นับเฉพาะเรื่องแทคติค วันนี้ร็อดเจอร์สทำได้น่าประทับใจเอามากๆ

               มองทางฝั่งแมนฯยู ตัดเรื่องโกงหรือซื้อกรรมการซึ่งพิสูจน์ไม่ได้ออกไป ดูเฉพาะเกมอย่างเดียว วันนี้แทคติคของแมนฯยูมาดีมาก พวกเขาพยายามบู๊ใส่ในช่วงต้นเกมพอเห็นว่าไม่เป็นต่อก็ไม่แลกใส่ในช่วงเวลาที่ลิเวอร์พูลกำลังคึก แต่เลือกลงไปปิดพื้นที่แพ็คเกมรับแทน เปลี่ยนสโคลมาแทนนานี่ได้เร็ว และใช้ความเร็วความสดเข้าเล่นงานได้ดีในช่วงที่ลิเวอร์พูลเริ่มล้า ง่ายๆ แต่ได้ประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม พูดก็พูดเถอะ

               ...นัดนี้แพ้ มาร์ค ฮาวซี่ย์ คนเดียวเต็มๆ เน้นๆ เลยล่ะ...
----------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดี...มาก

เรน่า -เป็นแดงเดือดที่มีงานให้ทำน้อยมาก ลูกแรกที่เสียไปผู้รักษาประตูที่ไหนก็เซฟไม่ได้ ส่วนลูกโทษก็ทำได้ดีแล้วที่พุ่งถูกทางไปถึงบอลแต่ฟาน เพอร์ซี่อัดมาเต็มข้อก็ต้องยอมรับไป เตะเปิดเกมได้ดี ไม่มีอาการลนลานหวาดผวาให้เห็น

จอห์นสัน - เล่นได้ดีทั้งเกมรุกเกมรับ เกมรุกขึ้นไปมีส่วนช่วยทีมได้ดีกว่าแค่เชื่อมเกม เกมรับแม้จะมีจังหวะคู่ต่้อสู้หลุดไปทางด้านนั้นเป็นระยะ แต่ก็ทำได้ดีเท่าที่แทคติคจะอำนวยแล้ว เพราะแบ็คต้องลอยสูงถึงครึ่งสนาม ลูกโทษที่เสียไป แทนที่จอห์นสันจะพลาด น่าจะต้องชมด้วยซ้ำที่อุตส่าห์ลุกขึ้นมาวิ่งไล่ไปขวางบอลทัน

แอกเกอร์ - พาบอลขึ้นไปเองเป็นระยะ และเลือกที่จะครองบอลเรียกฟาลว์บ่อยไปนิด ซึ่งค่อนข้างเสี่ยงเพราะกรรมการไม่ได้เป่าให้ทุกครั้ง ยืนตำแหน่งได้ดี จังหวะเสียลูกแรก มีคากาวะยืนอยู่ข้างๆ จะเข้าไปขวางราฟาเอลให้ใกล้กว่านั้นก็ไม่แน่ว่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า โดยรวมแล้วเป็นวันที่เล่นได้ดี

สเคอเทล - จัดการฟาน เพอร์ซี่ได้ดีกว่าที่คิด เข้าปะทะได้แม่นและหนักหน่วงดี ลูกกลางอากาศไม่มีพลาด

เคลลี่ - เติมเกมรุกไม่มากนักแต่เลือกขึ้นไปได้ถูกจังหวะ เล่นเกมรับได้เหนียวแน่นดี ปิดเกมริมเส้นได้สนิท

อัลเลน - เล่นเสี่ยงมากขึ้น เป็นสไตล์ที่ต่างออกไปจากเชลวี่ย์และเฮนเดอร์สัน หลายครั้งที่พยายามจะจ่ายบอลได้เสีย และหลายครั้งที่กล้าพอจะวิ่งทำทางขึ้นไปข้างหน้า ออกบอลเกือบพลาดหลายครั้ง มีข้อผิดพลาดให้เห็นบ้างโดยรวมแล้วถือว่าเป็นวันที่ทำได้ดี

เจอราร์ด - กลับมาเล่นได้ดีอีกครั้ง เป็นหัวใจในการขึ้นเกมรุกของทีม ออกบอลได้ดีเอามากๆ เพื่อนได้เปรียบแทบทุกลูก ผ่านบอลไปที่ว่างได้ดี ขึ้นไปยิงประตูขึ้นนำได้ด้วย แต่เกมรับดูจะมีปัญหาอยู่ไม่น้อยเมื่อต้องวิ่งมากๆ พอเข้ากลางครึ่งหลังเริ่มออกอาการล้าอย่างเห็นได้ชัด

เชลวี่ย์ - วันนี้ยืนค่อนข้างสูง หาตำแหน่งได้ดี มีหลายครั้งที่อยู่ในตำแหน่งที่พร้อมจะทำประตูแต่บอลมาไม่ถึง เข้าหาบอลได้เร็วแต่เสี่ยงไปนิด จังหวะที่โดนแดงแม้จะไม่น่าโดน แต่ส่วนหนึ่งก็ถือเป็นความไม่ละเอียดของเชลวี่ย์เองด้วย บอลปั้มลักษณะนั้น ทั้งเสี่ยงฟาลว์และเสี่ยงที่จะข้อเท้าหักซะเอง ซึ่งมันไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น

บอรินี่ - หาตำแหน่งได้ดีและช่วยทีมได้มากกว่าหลาดนัดๆ ที่ผ่านมา ขยันเคลื่อนที่และมีส่วนกับเกมรุกไม่น้อย

สเตอริ่ง - กดดันเอฟร่าได้ดีตลอดอยู่ที่อยู่ในสนาม เปิดบอลเข้ากลางได้ดี พาบอลฝ่าไปได้ลำบากแต่ก็ดึงแนวรับมาได้ อย่างไรก็ตาม เป็นนัดที่ถือว่าสเตอริ่งยังไม่มีโอกาสออกอาวุธอะไรได้มากนัก

ซัวเรส - เล่นฝืนน้อยลงและควบคุมสมาธิให้อยู่กับเกมได้ดีขึ้น ไม่เสียเวลาไปโวยวายหรือหัวเสียกับคำตัดสินมากนัก เก็บบอลใช้ได้ หาโอกาสยิงได้บ้างและทำได้ดีเท่าที่โอกาสจะมีแล้ว

ตัวสำรอง

ซูโซ่  - ครองบอลไว้กับตัวได้เหนียวแน่น ดูจะชอบดึงช้ามากกว่าจะออกบอลเร็ว แต่การจ่ายบอลโดยรวมถือว่าทำได้ดี

เฮนเดอร์สัน - ลงมาช่วยคุมเกมแดนกลาง ช่วยทีมในจุดนั้นได้ดีกว่าสเตอริ่ง ปิดพื้นที่ส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบใช้ได้ แต่เกมรุกและการผ่านบอลก็ไม่มีอะไรให้พูดถึงสักเท่าไหร่

คาราเกอร์ - ลงมาในช่วงที่แมนฯยูไม่ได้บุกกดดันใส่อะไรมากนัก สกัดบอลได้ดี ไม่มีข้อผิดพลาดอะไรให้เห็น

แมน ออฟ เดอะ แมตช์ : ...มาร์ค ฮาวซี่ย์... แม้จะเป็นนัดที่แพ้ แต่ฮาวซี่ย์ฟอร์มร้อนแรงเกินห้ามใจจะยกตำแหน่งนี้ให้จริงๆ ครับ!
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น