วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2554

จะแบนซัวเรสก็แบนไปเถอะ แต่...

***เพื่อให้อ่านง่าย ขอตัดรายละเอียดอ้างอิงเยอะแยะวุ่นวายออก หากมีเนื้อหาส่วนไหนที่คิดว่าไม่ใช่ข้อเท็จจริง สามารถค้นหาข้อมูลที่มีอยู่ให้เกลื่อนโลกผ่านทาง google เพิ่มเติมได้ครับ***

ลำดับเหตุการณ์สำคัญคร่าวๆ

       - ในวันแดงเดือด ซัวเรสที่ฉีกตัวไปรับบอลทางริมเส้นบ่อยครั้ง ทำให้กระทบกระทั่งกับเอฟร่าอยู่ตลอดเกม แต่ในตอนนั้นยังไม่มีภาพหรือเหตุการณ์อะไรรุนแรงเกิดขึ้น ในรายงานของผู้ตัดสินก็ไม่มีเรื่องราวเกี่ยวกับการเหยียดผิวใดๆ

       - เรื่องมาเกิดหลังจบเกมไปแล้ว เอฟร่าไปให้สัมภาษณ์กับสื่อในฝรั่งเศสว่าซัวเรสใช้คำพูดเหยียดผิวเขาระหว่างเกมหลายครั้ง
       - FA นำเรื่องนี้ไปดำเนินการต่อ ระหว่างนั้นซัวเรสปฏิเสธว่าไม่ได้เหยียดผิวเอฟร่า
       - ระหว่างการดำเนินการของ FA เอฟร่าให้การว่าซัวเรสใช้คำพูดเหยียดผิว แต่ไม่มีภาพถูกบันทึกไว้ในกล้อง และไม่มีพยานยืนยันว่าได้ยินซัวเรสใช้คำพูดเหยียดผิว อย่างไรก็ตาม ซัวเรสยอมรับว่าตัวเขาเรียกเอฟร่าด้วยคำเดียวกับที่เพื่อนร่วมทีมแมนฯยูใช้ เรียกเอฟร่า โดยไม่ไ่ด้คิด/ไม่มีเจตนาจะเหยียดผิว
       - FA มีรายงานคำตัดสินอย่างเป็นทางการให้แบนซัวเรส 8 นัด ตัดสินว่าผิดจริงตามข้อกล่าวหา โดยปราศจากการชี้แจงในรายละเอียดและไม่ได้ระบุถึงหลักฐานที่ใช้ประกอบการ ตัดสิน

          หลังจากมีคำตัดสินออกมา มีทั้งผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย รวมไปถึงเห็นด้วยเพียงบางส่วน โดยมีสิ่งที่นำมาประกอบความเห็นของตัวเองแตกต่างกันไป


       - มองความสะใจและผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง แฟนบอลลิเวอร์พูลบางส่วนไม่ได้สนใจเนื้อหาแต่แรกแล้ว สนแต่่ว่าจะมาแบนซัวเรสไม่ได้ ในขณะที่แฟนบอลทีมอื่นๆ บางคนก็มองกลับกัน ประเด็นนี้จบข่าวไม่ต้องอธิบายอะไรกันอีก

       - มอง FA เป็นที่ตั้ง แฟนบอลบางกลุ่ม (ไม่ว่าจะแฟนบอลทีมไหน) ศรัทธาใน FA แบบไม่สนใจในรายละเอียด ถ้า FA บอกผิดคือผิด ถูกคือถูก ใครก็ตามที่ไม่เห็นด้วยกับ FA คือพวกดื้อแพ่ง หน้าด้านไม่ยอมรับความจริง ประเด็นนี้ยังพอมีเหตุผลอยู่บ้าง เพราะถ้าทุกทีมพร้อมใจกันไม่ฟังคำตัดสินของ FA ฟุตบอลอังกฤษคงไม่ต้องเตะกันแล้วล่ะ เพราะไม่มีใครยอมฟังใคร แต่สิ่งที่เป็นคำถามคือ ถ้าคนที่มีอำนาจ ตัดสินโดยพละการ ปราศจากข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้และยอมรับได้ในวงกว้าง มันเป็นสิ่งที่ควรจะเป็นแล้วหรือ

       - มองที่ำคำพูดของซัวเรส อันเนื่องมาจากซัวเรสยอมรับว่าเขาใช้เรียกเอฟร่าด้วยคำที่เจ้าตัวไม่ได้ คิด/ไม่ได้ตั้งใจจะเหยียดผิว ซึ่งเอฟร่า, บางส่วนในสังคมอังกฤษ และผู้พิจารณาคดีนี้เห็นว่าเป็นคำพูดเหยียดผิว สำหรับผู้ที่เห็นด้วยก็มองว่าเมื่อซัวเรสพูดจริง ก็ควรตัดสินว่าผิด จะมาบอกว่าไม่ตั้งใจ หรือไม่เข้าใจวัฒนธรรมอังกฤษเป็นสิ่งที่ฟังไม่ขึ้นเพราะซัวเรสมาเล่นฟุตบอล ในอังกฤษ ซัวเรสเป็นฝ่ายที่ต้องทำความเข้าใจและปรับตัว ควรรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม ไม่ใช่ให้ผู้คนในอังกฤษไปเข้าใจเขา ในขณะที่ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินมองว่า FA ควรใส่ใจกับเจตนาด้วย

          นอกจากนั้น การแบน 8 นัด ยังเป็นเรื่องที่ต้องถกเถียงกัน FA ใช้อะไรตัดสินว่าโทษต้องเป็น 8 นัด แม้แต่ในกลุ่มคนที่เห็นด้วยกับคำติดสิน ยังมีหลายคนที่คิดว่าการแบน 8 นัดมันมากเกินไป ส่วนคนที่เห็นด้วยอย่างเต็มที่มองว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนไปกว่าการ สร้างบรรทัดฐานและบทลงโทษที่รุนแรงเพื่อขจัดการเหยียดผิวออกไปจากฟุตบอลอังกฤษ คำถามที่น่าสนใจต่อจำนวนนัดที่แบนคือ ถ้าเทียบกับการเข้าปะทะคู่ต่อสู้ กรณีที่ไม่ตั้งใจแต่ปะทะรุนแรงโดนแบนแค่ 3 นัด ตั้งใจ(ในเกม)และรุนแรงอาจจะเป็น 5 ในขณะที่คนที่ตั้งใจทำร้ายนอกเกมยังโดนแบนยาวได้ ถ้าอย่างนั้นกรณีซัวเรสโดนไป 8 นักเตะที่มีกรณีคล้ายๆ กันอย่างเทอรี่ ที่มีภาพจับได้เป็นหลักฐานและเป็นคนอังกฤษใช้ภาษาอังกฤษเตะบอลในอังกฤษมาตลอด มิต้องโดนสัก 16 นัด (เกือบครึ่งฤดูกาล) ละหรือ? บ้าไปหรือปล่าว?

          ถ้า FA ปล่อยเรื่องนี้ไปกับสายลม ไม่คิดจะอธิบายใดๆ เพิ่มเิติม วันหนึ่งเกิดนักเตะที่พร้อมจะทำอะไร " แปลกๆ " อย่างบาโลเตลี่ลุกขึ้นมากล่าวหาลอยลมว่านักเตะฝั่งตรงข้าม 6 คนใช้คำพูดเหยียดผิว แล้วเรื่องมันจะเป็นยังไง แล้วถ้านักเตะผิวสีใช้เรื่องนี้เป็นอาวุธในการทำลายล้างคู่ต่อสู้ ฟุตบอลอังกฤษจะเป็นอย่างไร ทาง FA วันๆ คงไม่ต้องทำอะไรนอกจากตรวจสอบเรื่องพรรณ์นี้ ส่วนทางฝั่งทีมฟุตบอลเองมิต้องเซนสัญญาพวกนักเตะผิวสีเพื่อป้องกันข้อครหา เรื่องเหยียดผิวกันหรือ อีกสัก 5-6 ปี ฟุตบอลอังกฤษจะกลายเป็นนักเตะผิวสี 22 คนเล่นกันในสนามมั้ย

          จะดีกว่ามั้ย? ถ้า FA ทำอะไรให้มันชัดเจน ว่ากันตามหลักฐานที่พิสูจน์ได้ ชี้แจงรายละเอียดของกระบวนการตัิดสิน รวมไปถึงกรอบมาตราฐานในการลงโทษ

ป.ล. เขียนเรื่องนี้แต่ไม่บอกความเห็นส่วนตัวก็ยังไงอยู่ ผมคิดว่าเรื่องนี้ ซัวเรสควรโดนแบน อันเนื่องมาจากมีการใช้คำพูดที่ทำให้ผู้ถูกกระทำ(เอฟร่า)รู้สึกว่าโดนเหยียด ผิวจริง ถึงแม้ว่าจะไม่มีเจตนา เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนอันเนื่องมาจากความแตกต่างทางภาษาและวัฒนธรรมก็ตาม เพราะซัวเรสควรจะเรียนรู้และทำความเข้าใจกับวัฒนธรรมของประเทศที่เขากำลังทำ งานอยู่ โทษแบน 3 นัด และคาดโทษแบนเพิ่มเติมอีกสามนัด หากมีการตัดสินโทษในข้อกล่าวหาเดียวกันภายในระยะเวลาที่ค้าแข้งอยู่ในอังกฤษ


Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น