วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เดาก่อนเกม : ลิเวอร์พูล - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด


                นัดนี้เป็นแดงเดือดที่ลิเวอร์พูลจะได้เล่นในบ้านก่อน  การรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับทีมแมนฯยู ทำให้ผมกระอักกระอ่วนไม่น้อย  และเท่าที่จะรวมรวมและกัดฟันวิเคราะห์ออกมาได้ ต้องบอกว่าแมนฯยู ตอนนี้อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยจะดีนัก กองหน้าตัวหลักยังมีปัญหาอยู่คนละอย่างสองอย่าง ส่วนกองกลางยังแข็งแกร่งและปรับเปลี่ยนเกมได้หลากหลาย ส่วนกองหลังดูจะมีปัญหาอยู่บ้าง โดยเฉพาะคู่เซ็นเตอร์ที่ไม่แข็งแกร่งเหมือนฤดูกาลก่อน..แต่ไม่ได้ถึงขั้นอ่อนยวบ

พูดถึงแมนฯยู 1 ย่อหน้าก็รู้สึกว่าเยอะไปแล้ว มาพูดถึงเกมนัดนี้ดีกว่า ผมคิดว่าสิ่งสำคัญที่จะเป็นตัวตัดสินเกมมีอยู่ด้วย 3 สิ่งด้วยกัน ได้แก่

แทคติค – จะ 4-5-1 หรือ 4-4-2  แน่นอนว่าในฤดูกาลนี้ดัลกลิชจัดทีมเน้นมาทาง 4-4-2 และชัดเจนว่านี่จะเป็นแทคติคหลักของทีมของเขา แต่จากผลงานในฤดูกาลนี้ที่ผ่านมาโดยเฉพาะในลีค แทคติค 4-4-2 ส่งผลให้ลิเวอร์พูลยังไม่สามารถได้เปรียบในเกมแดนกลางได้อย่างที่ควรจะเป็น ถ้าดัลกลิชเลือก 4-5-1 คาดว่าเกมแดนกลางจะได้เปรียบ...หรืออย่างน้อยไม่เสียเปรียบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเติมเค้าท์หรือจะให้ดีเพิ่มสเปียริ่งเข้าไปด้วยน่าจะทำให้ลิเวอร์พูลสามารถปิดเกมรุกของแมนฯยูได้และครองบอลได้มากกว่า แต่โอกาสในการเข้าทำในพื้นที่สุดท้ายอาจจะน้อยลง ถ้าดัลกลิชเลือก 4-4-2 ซึ่งหลายคนคิดว่าเขาจะเลือก แดนกลางอาจจะครองบอลได้น้อยลงและทำเกมรุกได้ไม่มาก แต่เมื่อบอลหลุดไปถึงคู่กองหน้าหรือบริเวณหน้าเขตโทษแล้วน่าจะกดดันแผงหลังที่ตอนนี้ไม่แข็งแกร่งมากนักของแมนฯยูได้มากกว่า 4-5-1
โดยสรุปแล้ว ผมคิดว่าถ้าเลือก 4-4-2 เกมนี้ไม่น่าจบเสมอ ถ้าเลือก 4-5-1 เกมนี้ไม่น่าแพ้

                คาราเกอร์  สิ่งที่น่ากังวลที่สุดในเกมรับของลิเวอร์พูลคือตำแหน่งแบคขวา ไล่ตั้งแต่จอห์นสัน – เคลลี่ – ฟลานาแกน – สเคอเทล – คาราเกอร์ แต่ละคนก็มีความน่าหวาดผวาในเกมรับเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น จอห์นสันกับเคลลี่ถ้าอยู่ในช่วงร่างกายฟิตสมบูรณ์ก็แล้วไป แต่ฤดูนี้ก็ยังไม่เห็นว่าฟิตเต็มร้อยเลย ส่วนฟลานาแกนมีปัญหาเรื่องประสบการณ์ สเคอเทลดูจะมีภาษาดีที่สุดถ้าดูจากสภาพร่างกายแต่ฟอร์มนัดที่เจอสเปอร์ก็ยังชวนหลอนอยู่ ในขณะที่คาราเกอร์นั้นขาดความเร็วเอามากๆ ดังนั้น ผมค่อนข้างมั่นใจว่าดัลกลิชจะไม่ให้คาราเกอร์ลงในตำแหน่งแบคขวา เพราะนั่นหมายถึงการส่งโคอาเตสที่ยังไม่ได้เล่นให้ทีมมากนักต้องลงมาเจองานหนัก และผมคิดว่าไม่ว่าใครจะลงแบคขวาก็ต้อง “หลุด” แน่นอน จะมากจะน้อยก็ว่ากันไป แต่หลังจากหลุดมาแล้วจะเป็นหน้าที่ของคาราเกอร์ที่ปรกติแล้วยืนเซนเตอร์ฝั่งขวาจะทำได้ดีขนาดไหน ทั้งการวิ่งซ้อนเข้ามาและการสกัดบอลที่เปิดจากริมเส้น มีหลายนัดที่คาราเกอร์ทำหน้าที่นี้ได้ดีและคงต้องหวังให้วันนั้นเขาทำได้อีกครั้ง
                ถ้าคาราเกอร์ทำได้ดี ลิเวอร์พูลชนะแน่นอน เพราะเกมรุกลิเวอร์พูลตอนนี้น่าจะเจาะแนวรับแมนฯยูตอนนี้ได้อย่างน้อย 1 ลูก แต่ถ้าคาราเกอร์ออกลูกเหวออีก ลิเวอร์พูลยิงได้สัก 2 ลูกก็อาจจะแพ้อยู่ดี

ลูคัส  นัดนี้เขายืนอยู่บนทางแยกระหว่างแพะกับฮีโร่ ชะตาชีวิตครึ่งหนึ่งของเขาอยู่ในมือของดัลกลิช ถ้าดัลกลิชเลือกใช้ 4-5-1 ชีวิตของลูคัสจะง่ายขึ้นแต่ถ้าเป็น 4-4-2 มันจะกลายเป็นตรงกันข้ามทันที แต่ไม่ว่าจะเล่นแทคติคไหน ลูคัสคือคนที่กำหนด “รูปเกม” (ไม่ใช่ผลแพ้ชนะนะครับ) ในนัดนี้ ลูคัสจำเป็นต้องเล่นได้ดีกว่าทุกนัดที่เล่นมาในฤดูกาลนี้ หน้าที่สำคัญที่สุดคือต้องปิดพื้นที่บริเวณหน้าเขตโทษให้ดี ถ้าปล่อยให้แดนกลางของแมนฯยูได้ยิง หรือเงยหน้าก่อนจ่ายบอลเข้าไปในเขตโทษได้ง่ายๆ ลิเวอร์พูลคงมีสภาพไม่ได้ต่างไปจากนัดที่เจอสเปอร์มากนัก แต่ถ้าลูคัสทำงานของเขาได้ดี บีบให้บอลของแมนฯยูต้องออกไปเล่นด้านข้างได้บ่อยๆ หรือเสียบอลในแดนกลาง จะทำให้เกมเป็นของลิเวอร์พูลทันที
ถ้าลูคัสทำได้ดี ลิเวอร์พูลจะเล่นแบบเหนือกว่า แต่ถ้าลูคัสทำไม่ได้ ลิเวอร์พูลจะเล่นแบบรอโดน

...เหนือสิ่งอื่นใด โชคชะตาและนกหวีดของกรรมการเปลี่ยนเกมได้เสมอครับ...

ป.ล. โพสเอาเพลินๆ ครับ พอดีว่าจะโพสใน FB อยู่แล้ว หลังจากจบนัดนี้แล้วหลายท่านคงเข้าใจว่าทำไมผมถึงเลือกทำ "เก่งหลังเกม" มากกว่า...ที่คิดก่อนเกมน่ะไม่ค่อยจะถูกหรอ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น