วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554

สโต๊ค 1 - 2 ลิเวอร์พูล

สะ...สตาร์วอร์ส สินะ
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2

-------------ซัวเรส-------คาโรล----------------
มักซี่------สเปียริ่ง------ลูคัส------เฮนเดอร์สัน
แอกเกอร์---โคอาเตส----คาราเกอร์----เคลลี่
----------------------เรน่า-----------------------

       ลิเวอร์พูลปรับผู้เล่นหลายตำแหน่ง  นักเตะตัวหลักชุดบอลถ้วยได้ลงกันพร้อมหน้าทั้งโคอาเตส,สเปียริ่ง,มักซี่ มีเซอร์ไพรส์เล็กน้อยเมื่อมีชื่อแอกเกอร์ได้ลงในตำแหน่งแบคซ้าย
------------------------------------------------------

       เริ่มเกมมาก็แทบจะเป็นหนังม้วนเดิมจากภาคแรก ลิเวอร์พูลบุกเข้าใส่ เร่งจังหวะเข้าทำเร็ว ส่วนสโต๊คก็ใช้บอลยาวสาดไปเรื่อยๆ ช่วง 20 นาทีแรกลิเวอร์พูลบุกกดดันได้ดี แบคสองข้างเติมกันขึ้นมาหมด มีโอกาสยิงได้แต่ ซัวเรสยิงพลาดไปเอง
     
       พอผ่าน 20 นาทีไป  สโต๊คเริ่มใช้กับดักล้ำหน้า,การวิ่งไล่เร็วในแดนกลาง และการประกบกองหน้าอย่างเหนียวแน่นปิดเกมของลิเวอร์พูลได้ดี ทำให้ลิเวอร์พูลเริ่มบุกไม่ขึ้น (คุ้นๆ ไหม) นาที 34 สโต๊คโหม่งเข้าประตูไปได้แต่กรรมการเป่าฟาลว์ไปก่อน ด้วยสาเหตุลึกลับ...

       นึกว่ารอดแล้ว แต่นาทีสุดก่อนทดเวลาเจ็บ โคอาเตสบังบอลพลาดแถวริมเส้น โดนซัตตันแย่งไปได้ก่อนจะลากไปสุดเส้นแล้วเปิดกลับเข้ามาให้โจนส์โหม่งเช็ด เข้าไปได้ให้เจ้าบ้านนำ 1-0 และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว

       เข้าครึ่งหลัง สเคอเทลได้ลงมาแทนคาราเกอร์ สโต๊คเริ่มเกมได้อย่างคึกคักกว่า โยนใส่กดดันลิเวอร์พูลได้ดีกว่าในครึ่งแรก ลิเวอร์พูลได้แต่สกัดไปเรื่อยๆ บอลมาทางไหนไปทางนั้น ตั้งเกมของตัวเองไม่ได้ แต่แล้วในสถานการณ์ที่เป็นรองนั้น นาที 54 ซัีวเรสฉีกไปรับบอลทางริมเส้นซ้าย แตะลอดขากองหลังแล้วปั่นจากมุมเขตโทษเลี้ยวเข้าเสาสองไปอย่างสวยงามให้ทีมตี เสมอได้ 1-1

       หลังจากนั้นเกมเริ่มกลับมาเป็นของลิเวอร์พูลมากขึ้น แต่พอฝั่งสโต๊คเติมค่อยขยับส่งตัวรุกลงสนาม ทั้งแพนแนนท์ในนาที 60และเจอโรมในนาที 64 สโต๊คก็เริ่มตั้งเกมของตัวเองได้มากขึ้น ในขณะที่ลิเวอร์พูลเริ่มเล่นตามเกมของสโต๊คมากขึ้นเช่นกัน แต่ยังสกัดบอลจังหวะสุดท้ายเอาไว้

       นาที 82 เบลามี่ได้ลงแทนมักซี่ แล้วก็เหมือนนำโชคลงมาให้ นาที 85 กองหลังสโต๊คสกัดบอลไม่ขาด บอลไปเข้าทางเฮนเดอร์สัน เบิ้ลโด่งมาเสาสองทันที ซัวเรสยืนอยู่โล่งๆ โหม่งย้อนเข้าเสาแรกให้ทีมนำ 2-1 ได้สำเร็จ

       หลังจากเสียประตู สโต๊คยังคงพยายามโหมบุก นาที 88 สโต๊คส่งเคร้าช์ลงแทนโจนส์ ส่วนลิเวอร์พูลส่งเค้าท์ลงแทนซัวเรสที่เดินกระเผลกออกจากสนาม แล้วนาทีสุดท้ายก่อนทดเจ็บก็เป็นเคร้าช์ที่เกือบนำความซวยมาให้ ในจังหวะที่ได้ดีดบอลจ่อๆ หลุดกรอบไปนิดหน่อย ทำให้ลิเวอร์พูลเบียดเอาชนะสโต๊คไปได้ 2-1
------------------------------------------

 ...เมื่อยคอ...จะโยนอะไรกันนักหนา

       รูปเกมนั้นต้องบอก ว่าสโต๊คเป็นฝ่ายคุมเกมเอาไว้ได้มากกว่า ลิเวอร์พูลเล่นเกมของตัวเองได้แค่ 20 นาทีแรก แต่หลังจากนั้นก็ตั้งเกมของตัวเองไม่ได้เลย จังหวะการเล่นเป็นไปในแบบที่สโต๊คถนัดมากกว่า  แต่สาเหตุสำคัญที่ทำให้ลิเวอร์พูลชนะมาได้ คือตัวผู้เล่นที่ดัลกลิชส่งลงสนามช่วยทำให้ทีมรอดจากการโดนบอบม์ตายคาที่มา ได้ด้วยการส่งเซนเตอร์ถึง 4 แอกเกอร์ โคอาเตส คาราเกอร์ เคลลี่(อดีตเซนเตอร์) เข้าครึ่งหลังยังเปลี่ยนสเคอเทลลงแทนคาราเกอร์ ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไร แต่ที่แน่ๆ สเคอเทลลงมาเบียดปะทะเล่นลูกกลางอากาศกับกองหน้าสโต๊คได้ดีกว่าคาราเกอร์

       นอกจากนั้นคาโรลยังลงมาช่วยรับมือในลูกตั้งเตะได้ดีตลอดเกม ไม่น่าจะน้อยกว่า 1 ใน 3 ของการสกัดลูกตั้งเตะ ทั้งลูกทุ่ม เตะมุม ฟรีคิก เป็นคาโรลที่สกัดออกไปได้ ... ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องดีหรือเปล่า แต่เอาเป็นว่ามันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รอดมาได้ก็แล้วกัน

       สำหรับข้อด้อยในวันนี้คงจะเกมรับที่พลาดอีกแล้ว รวมไปถึงจังหวะการเข้าทำ แม้จะทำได้ 2 ประตู แต่ก็ไม่ได้มาจากการประสานงานที่ดีสักเท่าไหร่ ลูกแรกเป็นความสามารถเฉพาะตัว ลูกที่สองมีโชคนิดๆ ที่บอลมันเข้าทางเฮนเดอร์สันพอดี ในวันที่ไม่มีเจอราด ดาวนิ่ง อดัม กองกลางของลิเวอร์พูลดูจะด้อยในเรื่องการสร้างโอกาสทำประตูลงไปถนัดตา

       อาจมีบางคนคิดว่ารูปเกมเป็นยังไงก็ช่าง ชนะได้เป็นพอ แต่วันนี้ถ้าซัวเรสเกิืดยิงไม่เข้ากรอบเหมือน 2 นัดล่าสุดที่เสมอมารวด ลิเวอร์พูลก็แพ้ไปเีรียบร้อยแล้วนะครับ และสำหรับบางคนที่ไม่ชอบเรื่องโชคลาง วันนี้ลิเวอร์พูลโชคดีถึง 3 ชั้น เมื่อลูกที่สโต๊คทำได้ในนาที 34 ถูกเป่าฟาลว์ไปก่อน(หลังเกมอาจจะมีคำตอบว่าทำไม แต่ที่แน่ๆ ในนาทีนั้นถ้ากรรมการไม่เป่าก็คงไม่แปลก) ประตูที่สองในนาที 85 ก็เป็นกองหลังสโต๊คโหม่งชงมาให้เฮนเดอร์สันอย่างเหมาะเจาะ และนาทีสุดท้ายของเกมที่เคร้าช์ยิงพลาดไปนิดเดียวไม่งั้นก็เสมอแล้ว

...รูปเกมกับโชค เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้สำหรับฟุตบอลครับ...
----------------------------------

วันนี้ส่วนใหญ่เล่นกันได้แค่เสมอตัว...ค่อนไปทางไม่ดี

เรน่า - จิตตก หลอน หวาดผวา ตัดบอลพลาดหลายครั้งและเปิดบอลพลาดทั้งเกม ยังดีว่าไม่มีข้อผิดพลาดจนถึงขั้นทำให้ทีมเสียหายหนัก


แอกเกอร์ - เติมเกมรุกสูงมากทำได้ดีในเรื่องนั้น  แต่บางครั้งก็บุกเพลินจนลงไม่ทัน


โคอาเสต - จังหวะบังบอลพลาดแบบไม่น่าให้อภัย แต่นอกจากจังหวะนั้นก็เข้าบอลได้ดี และเล่นลูกกลางอากาศได้ดีด้วย


คาราเกอร์ - เบียดปะทะกองหน้าได้ไม่ดีนัก ยังดีว่าช่วงเวลาที่อยู่ในสนามสโต๊คยังไม่ได้เปิดเกมรุกสักเท่าไหร่


เคลลี่ - เหมือนแอกเกอร์

มักซี่ - ได้ลงสนามนะ กราฟฟิคก่อนเกมขึ้นไม่ผิด


สเปียริ่ง - ทำตัวเกะกะได้ดี มีความหนักและการสกัดที่หนักหน่วงใช้ได้ แต่การขึ้นบอลทำได้ช้าไป


ลูคัส - เหมือนสเปียริ่งแต่เล่นได้ดีกว่า ไม่เปิดโอกาสให้สโต๊คได้เก็บบอลหรือยิงไกลแถวๆ หน้าเขตโทษเลยตลอดเกม


เฮนเดอร์สัน : เป็นกองกลางคนเดียวที่ดูจะพึ่งพาให้เปิดบอลเข้าทำได้มากที่สุดแล้ว แต่โยนไปไหนไม่รู้ตลอดทั้งเกม ยกเว้นจังหวะเดียวที่แม่น คือจังหวะที่ได้ลูกที่สอง


คาโรล -  เก็บบอลได้ดี โหม่งชงและทำชิ่งกับเพื่อนเยี่ยม แต่หาตำแหน่งทำประตูได้น้อยไปหน่อย นัดนี้มีพิเศษใส่ไข่ในการลงมาช่วยเกมรับในจังหวะลูกตั้งเตะได้ดีตลอดเกม


ซัวเรส - แม้จะยิงพลาดไปไม่น้อย แต่ก็ยังทำได้ 2 ประตู ลงมาทำเกมแทนกองกลางอยู่ตลอดด้วย

สเคอเทล - เล่นได้แข็งแกร่งและไม่น่าเชื่อว่าเป็นกองหลังคนเดียวที่ดูจะสกัดบอลแบบมีทิศทางที่สุดของลิเวอร์พูลในนัดนี้

เบลามี่ - มีโอกาสได้ยิงถากเสาหนึ่งครั้ง นอกนั้นก็แทบไม่ได้บอล


เค้าท์ - มีเวลาอยู่ในสนามไม่มาก ไม่ได้ทำอะไร


แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : หลุยส์ ซัวเรส...เบื่อกันรึยัง ชื่อนี้?

----------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น