วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2558

สวอนซี 0-1 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


...โชคเป็นสิ่งที่ต้องสร้าง...
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่น 3-4-2-1

------------------------สเตอริดจ์-----------------------
--------------คูตินโย่-------------สเตอลิ่ง-------------
โมเรโน่-------ชาน--------เฮนเดอร์สัน------ลัลลาน่า
--------ซาโก้---------สเคอเทล--------จอห์นสัน-----
-------------------------มินโยเล่------------------------

_______ ลิเวอร์พูลออกไปเยือนสวอนซีในเกมพรีเมียร์ลีค นัดนี้ร็อดเจอร์กลับมาใช้ผู้เล่นชุดเดิมที่ใช้มาตลอด โดยวิงขวาช่วงเริ่มเกมเลือกใช้ลัลลาน่าก่อน
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาลิเวอร์พูลหลอกให้กองเชียร์ดีใจด้วยการวิ่งไล่อย่างคึกคัก แต่เจอสวอนซีที่ประทับทรง “สวอนซีโลน่า” เข้าไปก็ไล่ไม่ถึงบอล สวอนซีครองบอลได้ตั้งแต่เริ่ม, คุมเกมได้หมด และตัดบอลกลับไปได้เร็วมาก

________ ลิเวอร์พูลไล่ไม่เจอบอลก็ค่อยๆ ถอยกันไปกองรวมกันในแดนตัวเอง 10 นาทีก็แล้ว 15 นาทีก็แล้ว ก็ได้แต่มองหญ้าฝั่งสวอนซีอยู่ไกลๆ พาบอลไปไม่ได้ เล่นแบบไม่มีสมาธิ เต็มไปด้วยความกดดัน และอาการเกร็งจนพลาดเองกันไปหมด ส่วนทางฝั่งสวอนซีเองบุกมาได้ถึงเขตโทษ ได้เปิดบอลเข้าทำด้วย แต่ยังติดสเคอเทลที่ยังเล่นได้ดีมีสติอยู่  

_______ พอเข้านาที 20 ร็อดเจอร์คงทนดูไม่ไหว สลับตำแหน่งสเตอลิ่งกับลัลลาน่า เกมรุกด้านขวาของลิเวอร์พูลชักขึ้นมาดิ้นแด่วๆ ได้แป็บนึงราวๆ 3-5 นาทีก่อนที่จะแน่นิ่งสิ้นใจไปอีกครั้ง ส่วนเกมทางซ้ายก็มีแต่คูตินโย่ที่ทำอะไรได้บ้างแต่บอลก็ยังไม่ไปไหนอยู่ดี เกมส่วนใหญ่ยังคงเป็นของสวอนซีอย่างต่อเนื่อง และเริ่มได้ยิงแบบไม่มีคนขวาง, ได้ยิงในเขตโทษแล้ว แต่มินโยเล่เซฟเอาไว้ได้ถึง 2 ครั้งอย่างเหลือเชื่อ - อย่างเหลือเชื่อจริงๆ ไม่ใช่บรรยายไปงั้น

_______ ท้ายๆ ครึ่งแรก ลิเวอร์พูลขยับกันขึ้นมาเล่นเกมรุกกันได้ดูดีขึ้นอยู่พักนึง แต่ก็ยังไม่ได้กดดันอะไรเท่าไหร่ จบครึ่งแรกที่สกอร์ 0-0 ด้วยรูปเกมชนิดที่กองเชียร์ลิเวอร์พูลน้ำตาจะไหล ดีใจที่ไม่เสียประตู

_______ เข้าครึ่งหลัง ลัลลาน่าสลับไปเล่นทางฝั่งซ้าย เอาคูตินโย่ไปขวา ทีมพยายามจะเน้นเกมฝั่งซ้ายให้มากกว่าในครึ่งแรก รวมไปถึงขยับเติมกันขึ้นมาเล่นเกมรุกมากกว่าเดิมด้วย จังหวะเสียบอลในเกมรุกก็วิ่งเข้าไปไล่ต่อ ไม่วิ่งถอยหลัง โดยรวมแล้วคือการ “วิ่งขึ้นไปข้างหน้า” นั่นแหล่ะ

_______ จากการเปลี่ยนวิธีการเล่น ลิเวอร์พูลขยับฟอร์มของตัวเองขึ้นมาได้จากแย่มากเป็นใช้ได้ บอลเข้าใกล้เขตโทษคู่ต่อสู้มากขึ้นและเริ่มได้เปิดบอลเข้าไปลุ้นบ้าง ส่วนทางสวอนซีได้บอลน้อยลง จังหวะโต้ทำได้ช้าลง แต่โดยรวมยังเล่นในเกมของตัวเองได้ ต่อบอลแดนกลางได้ลื่นไหลดี

_______ ลิเวอร์พูลเริ่มเล่นดุขึ้นเรื่อยๆ กล้าวิ่งขึ้นมาไล่, วิ่งทำทางขึ้นหน้ามากขึ้น นาที 64 เจอราร์ดได้ลงมาแทนโมเรโน่ เอาลัลลาน่าไปเล่นทางซ้าย เจอราร์ดไปตั้งบอลจากแดนหลัง ขยับทั้งเฮนเดอร์สันและอัลเลนขึ้นมาเล่นเกมรุกมากขึ้น ถึงตรงนี้เกมรุกกดดันแนวรับสวอนซีได้ต่อเนื่องแล้ว

_______ ในที่สุดความพยายามของลิเวอร์พูลก็เป็นผล...แบบโชคช่วยนิดๆ นาที 68 สเคอเทลแตะบอลขึ้นมากลางสนามก่อนจ่ายยัดใส่ตัวสเตอริดจ์ สเตอริดจ์ชิ่งจังหวะเดียวทะลุช่องให้เฮนเดอร์สันวิ่งหลุดขึ้นไปข้างหน้า กองหลังสวอนซี(อาหมัด) ทิ้งตัวสกัดในจังหวะเฮนเดอร์สันเข้าไปปั้มถึงบอลพอดี บอลเด้งแข้งเฮนเดอร์สันย้อนข้ามหัวผู้รักษาประตูเข้าไปได้ 1-0

_______ ช่วงนาที 60-70 เป็นช่วงที่ลิเวอร์พูลทำเกมรุกได้ดีที่สุดในนัดนี้  เกมรุกดุขึ้นเร็วขึ้นและได้ลุ้นถึงประตู ในขณะที่เมื่อผ่านนาที 70 (ได้ประตูนำแล้ว) ลิเวอร์พูลเน้นครองบอลมากขึ้น ยังคุมเกมไม่ค่อยได้ สวอนซียังพอบุกได้ถึงเขตโทษอยู่ แต่ก็เป็นเกมที่ลิเวอร์พูลทำดีกว่าได้เปรียบกว่าอย่างชัดเจนแล้ว รวมไปถึงมีโอกาสได้ทำเร็วขึ้นไปลุ้นประตูเป็นระยะเช่นกัน

_______ นาที 87 ลิเวอร์พูลก็ชนะแน่นอนแล้วเมื่อจอห์นสันได้ลงมาแทนลัลลาน่า ไม่เชื่อลองไปถามเซาแธมป์ตัน เบิร์นลี่และแบล็คเบิร์นดูว่าการทำเกมรุกในขณะที่จอห์นสันอยู่ในสนามมันยากแค่ไหน และในช่วงทดเจ็บ ก็ถึงคราวอัลเลนแสดงอภินิหารให้พวกเราได้ชมกัน ด้วยการจ่ายบอลติดหน้าตัวเอง...ทำได้ไงครัช ลิเวอร์พูลปิดเกมไปได้ด้วยสกอร์ 1-0
-----------------------------------------

_______ ครึ่งแรกเล่นแบบได้แต้มเดียวยังเขิน แต่ครึ่งหลังก็เล่นสมควรเป็นผู้ชนะแล้วจริงๆ

_______ ตัวจริงและตำแหน่งการเล่นไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไป แต่วันนี้ผู้เล่นลิเวอร์พูลกดดันตัวเองมากจริงๆ ก่อนแข่งเห็นข่าวแว่บๆ ร็อดเจอร์บอกว่าทีมรับมือความกดดันได้ แต่ที่เห็นนี้มันตรงกันข้ามเลย วิ่งถอยหลังกันตลอด จ่ายบอลง่ายๆ พลาด จ่ายบอลยากๆ ก็เข้าเท้าไลน์แมนหมด รูปเกมในช่วงครึ่งแรกเป็นรูปเกมที่แย่ที่สุดตั้งแต่เริ่มปีนี้ (2015) มาเลย คือมันมีเกมที่ทีมแพ้(ยิงลูกโทษนะ) มีเกมที่ทีมบุกแล้วเจาะไม่ได้ แต่ไม่มีเกมไหนที่ถึงขั้นสู้ไม่ได้แบบในครึ่งแรกของเกมนี้

_______ ถ้าไม่มีสเคอเทลกับมินโยเล่ช่วยไว้ ลิเวอร์พูลสิ้นใจไปตั้งแต่ครึ่งแรกแล้ว

_______ แต่พอครึ่งหลังกลับลงมา ร็อดเจอร์สั่งลูกทีมมาดีครับ ไอ้เรื่องสลับตำแหน่งนักเตะนั่นเอาจริงๆ ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่หรอก แต่ที่ช่วยมากๆ เลยคือการสั่งให้ดันกันขึ้นมาสูงขึ้น แล้วก็เป็นจุดเริ่มที่หาทางกลับมาได้ในเกมนี้

_______ แต่จุดเปลี่ยนจริงๆ คือการลงสนามของเจอราร์ด

________เจอราร์ดลงมายืนต่ำคอยเชื่อมเกมจากหลังไปหน้า เอาจริงๆ เขาก็ไม่ได้โดดเด่นเท่าไหร่ แต่ที่ทีมได้มาคือการตั้งบอลจากแนวหลังที่ดูดีขึ้น และการเปิดโอกาสให้ทั้งเฮนเดอร์สันและอัลเลนขึ้นไปช่วยเกมรุกได้มากขึ้นกว่าช่วงก่อนหน้า รวมไปถึงความกล้า ความมั่นใจของทีมก็ดูดีขึ้นด้วย (อันหลังนี่ความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับฟังด้วย)

_______ ประตูที่ได้มาก็เพราะเฮนเดอร์สันวิ่งทะลุขึ้นไปถึงข้างหน้า ซึ่งช่วงก่อนหน้านั้นอย่าว่าแต่เขตโทษ แค่วงกลมกลางสนามเฮนเดอร์สันยังแทบวิ่งไปไม่ถึงเลย ถ้าจังหวะนั้นเฮนเดอร์สันไม่ทำทางขึ้นไป สเตอริดจ์ก็ชิ่งเสียของ หรือถ้าเฮนเดอร์สันไปหยุดวิ่งเพราะเห็นบอลไกลตัวก็จบข่าวเหมือนกัน

_______ โชคเป็นสิ่งที่ต้องสร้าง ยืนรอเฉยๆ บอลไม่มาหาหรอก

_______ ถึงตรงนี้ของฤดูกาล ทีมต้องรับมือความกดดันให้ได้ดีกว่านี้หน่อย เพราะตอนนี้ถึงจะเรียกว่าโค้งสุดท้าย (10 นัดสุดท้าย) แต่ก็ต้องเรียกว่าเป็นแค่ต้นโค้งเอง

_______ ...อย่าพึ่งทำท่าจะสะดุดล้มกันแบบนี่สิ

-------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดี...ถ้าไม่ดูครึ่งแรก

มินโยเล่ - เซฟสำคัญช่วยทีมไว้ได้ถึงสองครั้ง ซึ่งถ้าเป็นฟอร์มสมัยก่อนโดนดรอปเป็นตัวสำรองคงเข้ามันทั้งสองลูก ออกมาตัดลูกกลางอากาศได้ดีมาก และวิ่งออกมาเล่นนอกเส้นได้เร็วดีด้วย

ซาโก้ - ครึ่งแรกมีปัญหากับการจ่ายบอลขึ้นหน้ามากๆ แต่กับเกมรับเขาเล่นได้ดี ถึงตัวก็สกัดได้ ไม่ถึงตัวก็ยังบังทางได้ ครึ่งหลังจังหวะดักบอลก่อนถึงกองหน้าทำได้ดีมากเลยทีเดียว

สเคอเทล - เล่นได้เหนียวแน่นดี ตำแหน่งการยืนและการซ้อนเพื่อนทำได้ดีมาก ตัดบอลเปิดเข้ามาในเขตโทษได้เด็ดขาดตลอดเกม ครึ่งหลังที่ต้องมีจังหวะประกบกองหน้ามากขึ้นก็หยุดไม่ให้คู่ต่อสู้พลิกได้

ชาน - เล่นซะจอห์นสันตอนพีคยังต้องอาย คาราเกอร์วัยหนุ่มยังต้องคารวะ ลอฟเรนเมื่อต้นฤดูยังต้องสยิวกายด้วยความหนาวเหน็บว่าแย่กว่ากรูยังมีอีกเหรอ นัดนี้เป็นนัดที่ชานเล่นได้ไม่ดีเอามากๆ และคำว่า “ไม่ดีเอามากๆ” นี่ถือว่ารักษาน้ำใจกันสุดๆ แล้ว

โมเรโน่ - วิ่งได้น้อยมาก ทำทางไม่ค่อยดี อ่านเกมเข้าขั้นดีเลยแต่ขยับไปบังทางหรือขยับเข้าไปหาบอลช้าไปหนึ่งจังหวะตลอด ยังเป็นอีกหนึ่งนัดที่ผมตั้งคำถามกับสภาพร่างกายของโมเรโน่ว่ามันมีอะไรผิดปกติตรงไหนรึปล่าว

ลัลลาน่า - ก็เหมือนเดิม...โดนร็อดเจอร์พาทัวร์ทั่วสนาม บรรลัยทุกครั้งที่พาบอลไปเอง หาที่ว่างรับบอลก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มีส่วนร่วมกับเกมรุกน้อยไม่ว่าจะตอนอยู่ตรงไหน แต่ทำได้ดีในการวิ่งไล่บอล วิ่งปิดพื้นที่ และช่วยเชื่อมเกมในแดนกลาง

อัลเลน - เป็นหนึ่งในไม่กี่นัดที่เล่นดีกว่าเฮนเดอร์สัน นัดนี้เหมือนจะถูกสั่งมาให้ยืนสูงกว่าเฮนเดอร์สัน ครึ่งแรกผลงานแย่น้อยกว่าคนอื่น ขยับหาทีว่างพอใช้ได้ เชื่อมเกมก็พอไว้แม้จะไม่ไปข้างหน้า ครึ่งหลังวิ่งทำทางและมีส่วนร่วมกับการต่อบอลในพื้นที่หน้าเขตโทษคู่ต่อสู้เยอะทีเดียว

เฮนเดอร์สัน - โดนใบเหลืองเร็วมากตั้งแต่ต้นเกม และตำแหน่งยืนต่ำกว่าอัลเลน แต่ไม่ว่าจะเหลืองหรือไม่เหลือง ยืนสูงหรือยืนต่ำ นัดนี้เฮนเดอร์สันทำผลงานได้แย่ ต่ำกว่ามาตรฐานฤดูกาลนี้ของตัวเองมาก เชื่อมได้ไม่ดีเท่าไหร่ บอลยาวตายหมด เกมรับก็งั้นๆ ครึ่งแรกไม่ค่อยถึงบอลอีกต่างหาก ครึ่งหลังที่ขยับเล่นเกมรุกมากขึ้นก็ยังทำได้แค่พอใช้ คือเชื่อมเกมได้ดีแล้ว หาที่รับบอลได้ดีแล้ว แต่ก็ไม่ได้โดดเด่น ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ประตูชัยของทีมก็เป็นเครดิตเฮนเดอร์สันเกินครึ่งที่วิ่งทำทางได้ดีและไม่หยุดวิ่งจนปั้มถึงบอล

คูตินโย่ - เก็บบอลได้ดี พลิกบอลได้ตลอด แต่ครึ่งแรกไม่มีเพื่อนมาช่วยประคอง และครึ่งหลังที่มีแล้วก็ยังประสานงานกันไม่ค่อยได้ นัดนี้ค่อนข้างโดดเดี่ยว

สเตอริดจ์ - เก็บบอลใช้ได้ วิ่งทำทางได้น่าพอใจแต่ไม่เด็ดขาดเท่าไหร่ หาพื้นที่เล่นในเขตโทษได้ดีถ้าเทียบกับการโดนแผงหลังรุมประกบซะขนาดนั้น

ตัวสำรอง

เจอราร์ด - ลงมาช่วยเชื่อมเกมจากแดนหลังได้ดี ...ดีมากๆ ตรงที่ไม่ต้องไปพึ่งชานกับซาโก้ในการจ่ายบอลขึ้นหน้ามากนัก รวมไปถึงเฮนเดอร์สันกับอัลเลนได้ขึ้นไปเติมเกมรุกสะดวกด้วย

จอห์นสัน - เก็บบอลดี ฆ่าเวลาดึงเช็งดึงช้าเรียกหาฟาล์วได้น่ากระโดดถีบ อันนี้ชมจริงๆ นะเพราะเป็นประโยชน์กับทีมมาก พวกวัยรุ่นขาดประสบการณ์เล่นจังหวะแบบนี้ไม่เนียนเท่า

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ซิมง มินโยเล่…บอกตรงๆ ว่าใจอยากจะเลือกชาน เพราะเกมนี้นี่ MOM จริงๆ (ในอีกความหมายนึง) แต่ไหนๆ ก็ทีมชนะแล้ว จะมามัวงุ้งงิ้งกับข้อผิดพลาดก็ใช่ที่ ขอเลือกไปตามเนื้อผ้าคือมินโยเล่ที่เซฟสำคัญมากๆ ถึงสองครั้งในครึ่งแรกก็แล้วกัน
------------------------------------------------------------

เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น