วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557

ลิเวอร์พูล 1-1 มิดเดิ้ลสโบรห์ (2-2 ต่อเวลา, 14-13 จุดโทษ)(ลีคคัพ)



...ยิงกันขาแทบหักครับ...
__________________

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-3

--------------------แลมเบิร์ต----------------------
ลัลลาน่า-----------สเตอลิ่ง-------------มาโควิช
------------ลูคัส-------------รอทสิเตอร์----------
เอนริเก้------ซาโก้---------ตูเร่---------มานกีโย่
---------------------มินโยเล่-----------------------

_______ ลิเวอร์พูลเล่นลีคคัพรอบ 3 เปิดบ้านรับมิดเดิ้ลสโบรห์ นัดนี้ร็อดเจอร์หมุนเวียนผู้เล่นหลายตำแหน่ง แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นผู้เล่นชุดใหญ่ทั้งนั้น มีเพียงรอทสิเตอร์คนเดียวที่เป็นดาวรุ่ง
-------------------------------------------------------

_______ ต้นเกมลิเวอร์พูลบุกด้วยการใช้สเตอลิ่งเป็นตัวหลักในการทำเกมรุก  ทำทุกอย่างทั้งคอยวิ่งลงมาเชื่อมเกมจากหลังไปหน้า, พาบอลเลี้ยงจี้, วิ่งหาที่ว่างและประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม พาบอลไปกดดันถึงหน้าเขตโทษคู่ต่อสู้ได้เป็นระยะ ส่วนโบโร่ทำท่าเหมือนจะบุกสู้ แต่บอลไม่ต่อเนื่องและไม่เป็นชิ้นเป็นอันนัก

_______ แค่นาที 10 ลิเวอร์พูลก็มาได้ประตูนำ สเตอลิ่งพาบอลเข้าไปได้ยิงในเขตโทษติดบล็อค แลมเบิร์ตซ้ำก็ติดบล็อค แต่บอลยังเด้งไปเข้าทางรอทสิตเตอร์ซ้ำดาบ 3 จากระยะไกลเรียดผ่านผู้รักษาประตูไปได้ 1-0

_______ หลังจากสกอร์ขยับ กลายเป็นว่าโบโร่ถอยลงไปรับต่ำมากและไม่ได้พยายามเร่งเกม ส่วนลิเวอร์พูลได้โอกาสขึ้นมาเซตบอลกันสูง คู่กลางขึ้นมายืนต่อบอลกันเลยวงกลมกลางสนามอีกเพราะโบโร่ไม่ขึ้นมาไล่ ลิเวอร์พูลยังเป็นฝ่ายกดดันได้ดีกว่า โดยเฉพาะการเล่นของสเตอลิ่ง

_______ พอเข้าใกล้ครึ่งชั่วโมงของเกม สเตอลิ่งเริ่มผ่อนเกมของตัวเองลงไป ทำเอาเกมของลิเวอร์พูลก็ตันไปด้วย เจาะแนวรับไม่ได้แถมบอลไปถึงหน้าเขตโทษน้อยลง ยังดีว่าคุมเกมได้ดีอยู่ ส่วนทางโบโร่เกมรุกก็ไม่ได้มีอะไรมาก อาศัยตัดบอลจากความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ของลิเวอร์พูลเองเป็นหลัก พยายามขึ้นเกมรุกทางริมเส้นแล้วตะบี้ตะบันโยนเข้ากลางไปวัดดวง แต่เกมยังคงไม่ได้ต่อเนื่องนัก แม้ได้เปิดพอสมควรแต่ยังชาร์จไม่เจอบอล ช่วงท้ายๆ ครึ่งแรกลิเวอร์พูลมาเร่งเกมรุกอีกนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ประตูเพิ่ม จบครึ่งแรกที่ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง โบโร่กลับลงมาก็ไม่ได้เร่งเกมรุก ไม่ได้วิ่งไล่แดนหน้า เพียงแต่ขยับโซนรับขึ้ินมายืนสูงขึ้นกว่าครึ่งแรกเท่านั้นเอง เล่นเหมือนเกมยังอยู่ที่ 0-0 ส่วนลิเวอร์พูลกลับลงมาเล่นกันแบบช้าๆ ราวกับว่านำอยู่สัก 18-0 แบ็คสองข้างก็ไม่ค่อยเติมขึ้นมาแล้ว คนอื่นนอกจากสเตอลิ่งก็ทำเกมไม่ได้ หนักไปทางเคาะกลับหลัง ไม่ก็ฝืนเลี้ยงฝืนส่งคืนบอลให้คู่ต่อสู้ ส่งผลให้เกมช่วง 15 นาทีแรกเกมครึ่งหลัง ช้าและน่าเบื่อมาก

_______ แต่พอนาที 62 เท่านั้นละครับ ตื่นเลย จากจังหวะที่ลิเวอร์พูลตัดบอลได้แล้วในเขตโทษตัวเอง กำลังจะเปลี่ยนรับเป็นรุก ซาโก้(ดูตามตำแหน่งน่าจะใช่ ถ้าดูผิดทักด้วย)ทำงามไส้ด้วยการจ่ายใส่เอนริเก้ที่ยังไม่พร้อมโดนตัดบอลกลับไปได้แล้วเปิดบอลเข้ากลางซาโก้ก็ไปทำแฮนบอลด์เสียฟรีคิกแถวๆ มุมเขตโทษอีก โบโร่เปิดฟรีคิกมาทางเสาแรก คราวนี้เป็นเอนริเก้ที่ประกบตัวได้แล้ว ยืนข้างหน้าแล้ว แต่ยกเท้าสกัดผิดจังหวะ บอลจึงเลยไปถึงตัวชาร์จโหม่งเข้าไปได้ 1-1

_______ พอตีเสมอได้แล้ว โบโร่ก็ขนพวกขึ้นรถบัสวิ่งกลับไปหน้าเขตโทษตัวเองเหมือนครึ่งแรก ส่วนลิเวอร์พูลก็หาทางเจาะเข้าไปไม่ได้ แถมสเตอลิ่งเริ่มเงียบมากขึ้นเรื่อยๆ อาการเหมือนเหนื่อย ทำให้เกมรุกของลิเวอร์พูลเร่งไม่ขึ้นและกดดันคู่ต่อสู้ได้น้อยลงๆ

_______ นาที 74 บาโลเตลลี่ได้ลงแทนแลมเบิร์ต นาที 79 ดาวรุ่งอีกคนนึงคือวิลเลี่ยมได้ลงมาแทนรอทสิเตอร์ แต่ผลลัพธ์โดยรวมยังไม่ต่างจากเดิมมากนัก ซ้ำร้ายคือยังไม่ค่อยพยายามจะเร่งเกมกันอีกต่างหาก ช่วงนาทีสุดท้ายลิเวอร์พูลยังโชคร้ายอีกนิดหน่อย เมื่ออยาล่าทำวอลเล่ย์บอลในเขตโทษ(เรียกว่าแฮนด์บอลคงน้อยไป) แต่ผู้ตัดสินไม่เป่าให้จุดโทษ ทำให้เกมในเวลาจบที่สกอร์ 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษกันออกไปอีก

_______ เข้าช่วงต่อเวลาพิเศษครึ่งแรก ลิเวอร์พูลพึ่งจะเริ่มเร่งเกมรุกให้มากขึ้น แบ็คสองข้างเติมสูงกันมากขึ้น  ได้เปิดเข้าไปลุ้นในเขตโทษอย่างต่อเนื่องแต่ยังหาโอกสยิงเหมาะๆ ไม่ได้ ส่วนทางโบโร่ก็อุดอย่างเดียวเอาตัวรอดไปได้เรื่อยจนกระทบจบ 15 นาทีแรก

_______ เข้าช่วงต่อเวลาพิเศษครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลยังลงมาเร่งเกมกดดันได้ต่อเนื่อง บอลเฉียดหัวเฉียดเท้าเกือบได้จบเรื่อยๆ จนต้องสงสัยว่าแล้วในเวลา 90 นาที พี่ทำอะไรกันอยู่ครัชชช~ ทำไมไม่เร่งแบบนี้ และในที่สุดลิเวอร์พูลก็ทำได้สำเร็จจริงๆ ในนาที 119 สเตอลิ่งพาบอลไปสุดเส้นหลังก่อนจ่ายกลับมาให้เอนริเก้ได้ทำชิ่งกับลัลลาน่า หลุดเข้าไปถึงสุดเส้นหลังในเขตโทษก่อนจะหักเรียดเข้ากลางมา บาโลเตลลี่วิ่งเข้าจะชาร์จแต่กองหลังสกัดได้ก่อน บอลไหลไปเข้าทางซูโซ่ที่วิ่งเติมมาได้ซ้ำเข้าไปได้สำเร็จ 2-1

________ พอสกอร์ขยับ ลิเวอร์พูลก็เล่นปิดเกม หาโอกาสโต้ขึ้นไปได้ตลอดแต่ไม่เด็ดขาดพอจะทำประตูเพิ่ม ส่วนโบโร่ช่วงนี้ถือเป็นครั้งแรกของเกมที่พวกเขา เร่งเกมรุก ดันเกมสูง ซึ่งอันที่จริงก็ยังทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ เปิดพื้นที่ด้านหลังไว้เพียบ บุกไม่ค่อยต่อเนื่องนักและหาโอกาสยิงแทบไม่ได้  ...ทำให้ลิเวอร์พูลปิดเกมได้สำเร็จแบบหืดจับ ด้วยสกอร์ในเวลา 1-1 , 2-1 ต่อเวลาพิเศษ ผ่านเขา้รอบต่อไป…

________ ...มันควรจะเป็นแบบนั้นครับ แต่ชีวิตจริงมันไม่ง่ายเหมือนละคร…

________ ช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้าย(ของช่วงต่อเวลาพิเศษอีกต่างหาก) สเตอลิ่งจ่ายบอลคืนหลังพลาดแถวกลางสนามโดนตัดบอลไปได้ ซาโก้ดักพลาดโดนจ่ายทะลุช่อง ตูเร่ที่วิ่งเข้าซ้อนเป็นคนสุดท้ายวิ่งเข้าไปอัดดื้อๆ เสียจุดโทษแบบไม่ต้องเถียง เบนฟอร์ตรับหน้าที่ิยิงจุดโทษไม่พลาด ตีเสมอได้สำเร็จเป็น 2-2 ...ก็เตะจุดโทษตัดสินสิครับ

________ ในช่วงยิงจุดโทษตัดสิน ลิเวอร์พูลได้ยิงก่อน 5 มือวางแรกของทีมคือ บาโลเตลลี่, ลูคัส, ลัลลาน่า, ซูโซ่, สเตอลิ่ง ตามลำดับ ซึ่งบาโลเตลลี่ก็ยิงไม่พลาด ส่วนคนแรกของโบโร่คือเบนฟอร์ตที่พึ่งยิงจุดโทษมาเมื่อกี้ดันยิงไปติดเซฟมินโยเล่ทำให้ลิเวอร์พูลได้เปรียบก่อนตั้งแต่รอบแรก และหลังจากนั้นรอบ 2-3-4 ก็ยิงกันไม่พลาดในขณะที่โบโร่เองก็ไม่พลาดเพิ่มอีกเช่นกัน คนที่ 5 สเตอลิ่งออกมายิงถ้าเข้าก็ชนะ ...แต่เจ้าตัวก็ดันยิงพลาดติดเซฟ คนสุดท้ายของโบโร่ไม่พลาดก็เลยต้องยิงซัดเด้นเดทธ์กันต่อไปเป็นหนังชีวิต

________ ทั้งสองฝ่ายยิงกันยั๊นโกลล์ ยั๊นวนรอบสองทุกคนก็ยิงเข้ากันได้หมดไม่มีใครพลาด จนกระทั่งรอบที่ 14 ซูโซ่ที่ออกมายิงก่อนไม่พลาด แต่อโดม่าที่ยิงตามกลับยิงหลุดกรอบออกไปเอง ทำให้ลิเวอร์พูลผ่านเข้ารอบได้สำเร็จแบบหืดจับ หอบจับ ถ้าหัวใจวายก็ปั้มจนฟื้นแล้ววายกันไปอีกรอบแล้วด้วยสกอร์ในเวลาเสมอ 1-1, ต่อเวลาพิเศษเสมอ 2-2, ยิงจุดโทษตัดสินชนะที่ 14-13
-----------------------------------------

_______ นัดนี้เป็นเกมที่ตื่นเต้นครับ ไม่ใช่จากรูปเกม แต่จากสกอร์มากกว่า

_______ 11 ตัวจริงมีการปรับเยอะ แต่เกือบทั้งหมดก็เป็นทีมชุดใหญ่ มีดาวรุ่งโผล่มาหน่อเดียว เป็นชุดที่ไม่ใช่แค่ “ไม่ประมาท” แต่เป็นชุดที่เรียกว่า “กรูจะเอา” แล้วครับ ส่วนทางด้านแทคติคมีการปรับไปในทางที่ดีเล็กน้อย

_______ รูปเกมที่ออกมารวมๆ แล้วยังไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากช่วงหลายนัดที่ผ่านมา นั่นคือทีมยังไม่มีปัญหาเจาะแนวรับของทีมที่รับลึกยืนต่ำ รวมไปถึงจุดอ่อนในแนวรับและพลาดในลูกตั้งเตะ เหมือนนั่งดูหนังภาคต่อที่ไม่มีอะไรใหม่จะเล่าแล้วนั่นละครับ เกมรุกมีสเตอลิ่งคนเดียวที่กดดันคู่ต่อสู้ได้เป็นชิ้นเป็นอัน ช่วงเวลาที่สเตอลิ่งหายไปจากเกมหรือไม่ได้บอล เกมรุกของทีมตื้อต้นไปในบัดดล, แนวรับดูมีปัญหาเล็กน้อยกับตัวกลางรับที่ใช้ดาวรุ่งเล่น ในขณะที่ซาโก้และเอนริเก้ก็มีข้อผิดพลาดให้เห็นไม่น้อย

_______ ในเรื่องการรับมือลูกตั้งเตะอันที่จริงผมคิดว่าวันนี้ทำได้ดีขึ้นแล้วด้วยซ้ำเพราะคู่ต่อสู้ถึงบอลน้อยลง ไม่ใช่ถึงแทบจะทุกครั้งเหมือนนัดก่อนๆ แม้แต่ลูกที่เสียประตูก็ยังประกบกันได้ครบตัว คุมพื้นที่ได้หมด และตัวประกบอยู่ด้านหน้า ถูกต้องอย่างที่ควรจะเป็นหมดแล้วด้วย แต่เป็นความผิดพลาดของเอนริเก้เองมากกว่าที่จับจังหวะบอลพลาดเลยสกัดไม่สำเร็จ

_______ ส่วนแทคติค 4-3-3 ที่ใช้วันนี้ จะบอกว่าดีกว่าไดมอนด์คงไม่เต็มปาก เพราะใช้ผู้เล่นคนละชุดกัน และเจอคู่ต่อสู้คนละทีม (จะมองว่าต่อให้เล่นไดมอนด์ ด้วยผู้เล่นชุดเดิมแต่เจอทีมแค่ระดับโบโร่ก็เล่นแบบนี้ได้ก็คงได้ครับ) แต่ประเด็นคือผมมองเฉพาะผลลัพธ์ของเกมนี้ที่เกิดขึ้น คือมันดูดีกว่าเกมที่ผ่านๆ มาพอสมควร ถึงจะเจาะไม่ได้เหมือนกัน แต่เกมแดนกลางดีขึ้นมาก ไม่ว่าจะเกมรับที่หยุดคู่ต่อสู้กลางสนามและรับมือลูกโต้ได้ดีขึ้น, เชื่อมเกมจากหลังไปหน้าได้ดีขึ้นด้วย

_______ ปํญหาของ 4-3-3 ก็คงหนีไม่พ้นบาโลเตลลี่นั่นละครับ เพราะถึงตรงนี้เจ้าตัวลงมาเล่นในระบบนี้เมื่อไหร่ ผลงานสู้ตอนเล่นหน้าคู่ไม่ได้ อย่าว่าแต่ร็อดเจอร์มองภาพการใช้สเตอริดจ์กับบาโลเตลลี่พร้อมกันไว้แบบไหน ถ้าเขาคิดใช้เป็นหน้าคู่กันก็ไม่ควรปรับกลับมาเล่น 4-3-3 อีกแล้ว ควรเล่นหน้าคู่แบบนั้นต่อไปเลยจะบอรินี่หรือแลมเบิร์ต หรือจะดันสเตอลิ่งขึ้นไปก็เอาสักคน แล้วค่อยไปแก้ปัญหาแดนกลางเอา แต่ถ้าเขาคิดเล่น 4-3-3 อยู่แล้ว(ส่วนตัวคิดว่าไม่ใช่) ก็หาคนไปยืนใกล้ๆ บาโลเตลลี่และคอยวิ่งสอดเข้าเขตโทษเอา อย่างนัดนี้ที่ช่วง 20 นาทีแรกที่สเตอลิ่งฟอร์มดีสุดๆ และลัลลาน่าวิ่งทำทางเป็นม้าป่าหนีไฟไหม้ ถ้าบาโลเตลลี่อยู่ในสนามตอนนั้นสกอร์มันอาจจะขยับพรวดไปแล้วก็เป็นได้ แต่พอลงมาในช่วงที่ทั้งลัลลาน่าและสเตอลิ่งหมดแรงแล้วก็เป็นอย่างที่เห็น

_______ ส่วนตัวแล้วผมคิดว่า 4-3-3 เหมาะกับทีมชุดนี้มากกว่า แต่ถ้าจะเล่นไดมอนด์ต่อก็เล่นไปเถอะ ยืนยันความคิดเดิมว่าจะเล่นอะไรก็เอาสักอย่าง เล่นให้เข้าใจให้เข้าขากันไปก่อน แล้วพอประสานงานลงตัวแล้ว จะพลิกบิดวิธีเล่นตามสถานการณ์มันก็ง่าย แต่ถ้าพลิกไปพลิกมาตอนทีมยังไม่ลงตัวมันจะยิ่งจูนกันช้าหนักเข้าไปอีก

_______  พูดถึงการประสานงาน คาใจเล็กๆ (แบบไม่ซีเรียสนัก) ว่าลัลลาน่าแกเกลียดอะไรมาโควิชรึปล่าว  หลายครั้งเลยที่มาโควิชว่างและเป็นจังหวะควรจ่าย ลัลลาน่าไม่จ่ายให้ ในขณะที่จังหวะคล้ายๆ กัน เจ้าตัวจ่ายให้สเตอลิ่งรัวๆ เลย

_______ อีกอย่างที่น่าสนใจในวันนี้คือบทบาทของลูคัสในเกมนี้ นี่เป็นเกมแรกนับตั้งแต่ทีมปล่อยสเปียริ่งไป ที่เขาลงสนามมาโดยมีคนอื่นรับหน้าที่ลูกหาบคอยวิ่งไล่ให้ ทำให้เขาได้ขยับขึ้นสูงเป็นระยะ และได้ทำอะไรมากกว่าวิ่งไปไล่ตัดบอลแล้วแปะส่งๆ ให้เพื่อน เล่นคล้ายๆ กับอลอนโซ่ตอนนู๊นละครับ(วิธีเล่นนะ ไม่ใช่ประสิทธิภาพ) ไม่ต้องไล่มาก แค่คุมพื้นที่แล้วดักตัดบอล ส่งบอลขึ้นหน้าให้มากและขึ้นไปเล่นสูงถ้ามีโอกาส ซึ่งเจ้าตัวก็ทำผลงานนัดนี้ได้ดีทีเดียวและน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับร็อดเจอร์ว่าจะเอายังไงต่อไปในแดนกลาง

_______ ...นัดหน้าเมอร์ซี่ไซด์ดาร์บี้น่าสนใจมากครับว่าร็อดเจอร์จะจัดทีมยังไง, จะเอาใครลง และที่สำคัญอีกอย่างที่ต้องลุ้นคือ สเตอลิ่งจะฟิตแค่ไหนด้วย ขาดลิ่งจะขาดใจเอาครับช่วงนี้
-------------------------------

นัดนี้เล่นกันพอใช้ได้

มินโยเล่ - เซฟลูกไม่ยากมากได้หมด ทำหน้าที่ของตัวเองพอใช้ได้แม้จะมีความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ตลอดเกมก็ตาม ส่วนการเซฟจุดโทษช่วงดวลตัดสินทำได้ไม่ดีเลย เขาควรจะกดดันคนยิงได้มากกว่านั้น

เอนริเก้ - เกมรับพอใช้ได้ โดนเปิดผ่านไปได้พอสมควรแต่คู่ต่อสู้ก็ต้องเร่งเปิดและไม่ใช่จะทำได้ทุกครั้งด้วย เชื่อมเกมได้ค่อนข้างดีและเติมขึ้นไปเล่นเกมรุกได้ดีกว่ามานกีโย่ พลาดในจังหวะเสียลูกแรกและสภาพความฟิตยังไม่ดีมากนัก

ตูเร่ - เล่นเป็นตัวสุดท้ายได้โอเค เข้าซ้อนและสกัดจังหวะสุดท้ายได้พอสมควร มีจังหวะพลาดให้เห็นนิดๆ หน่อยๆ ไม่มากนัก แย่หน่อยก็เรื่องความเร็วที่ดูจะช้าลงไปบ้างแล้ว จังหวะทำเสียจุดโทษผมไม่คิดว่าเขาผิด

ซาโก้  - แบ่งเบาภาระในการทำเกมรุกของคู่ต่อสู้ได้ดีมาก -*-  อันที่จริงโดยรวมแล้วนัดนี้ซาโก้อ่านเกมได้ดีและเข้าสกัดถึงบอลได้บ่อย แต่ปัญหาคือเขาสกัดบอลไม่ค่อยขาดไม่ว่าจะลูกโหม่งหรือการแทคเกิ้ล

มานกีโย่ - เป็นนัดแรกตั้งแต่ย้ายมาที่ได้โชว์เกมรับมากกว่ารุก เล่นเกมรับได้ดี ปิดพื้นที่มุมธงได้ดีกว่าเอนริเก้ วิ่งขึ้นวิ่งลงได้ดีไม่ค่อยเสียตำแหน่ง เกมรุกทำอะไรไม่ได้มากนักแต่ก็คิดเร็วทำเร็ว ได้บอลแล้วรีบจ่ายรีบเปิดแล้วรีบวิ่งกลับลงมาพื้นที่ตัวเอง

รอทสิเตอร์  - เป็นตัวไล่บอลแดนกลางและยืนต่ำกว่าลูคัสเป็นส่วนใหญ่ ขยันวิ่งทั้งทำท่าเชื่อมเกมและวิ่งไล่ถึงบอลได้เร็วดี การเข้าบอลต้องปรับปรุงอีกเยอะ การเชื่อมเกมออกบอลจังหวะที่ตัดได้แล้วทำได้น่าประทับใจมาก

ลูคัส - เป็นเกมที่มีภาระในเกมรับไม่มากนัก ดักตัดบอลได้พอสมควร เชื่อมเกมได้โอเคบอลไปข้างหน้าได้มาก หยุดเกมโต้กลับได้ดีด้วยการเข้าไปชลอตัวเปลี่ยนรับเป็นรูกของคู่ต่อสู้ได้เร็ว พยายามออกบอลเกมรุกด้วยตัวเองเยอะขึ้น พลาดบ้างดีบ้างแต่ดีกว่าไม่ยอมเล่น

ลัลลาน่า - ถูกสั่งมาให้เน้นเกมเลี้ยงจี้ิหรือไงไม่รู้ เป็นวันที่พยายามจะไปด้วยตัวเองเยอะมาก พลาดเยอะมากด้วยเช่นกัน แต่มีจังหวะประสานงานที่ดีกับเพื่อนร่วมทีมเยอะขึ้น ขยันวิ่งทำทางตลอดและช่วยไล่บอลในเกมรับได้ดีด้วย

มาโควิช  - ได้บอลน้อยกว่าลัลลาน่า ยังเล่นร่วมกับเพื่อนได้ไม่ดีนัก หาที่ว่างในเกมรุกได้ดีทีเดียว แต่หลังจากได้บอลแล้วเอาไปทำต่อไม่ค่อยดี จ่ายจังหวะควรยิงบ้าง จ่ายพลาดบ้าง และยังคงไม่ค่อยช่วยเกมรับเหมือนเดิม

สเตอลิ่ง - เป็นทุกอย่างในเกมรุก ครองบอลดี เลี้ยงจี้ได้ ลงมาเชื่อมเกมก็ทำได้ไม่พลาด โดยเฉพาะ 20 นาทีแรกของเกม สเตอลิ่งฟอร์มสุดยอดมาก แต่เข้าครึ่งหลังแล้วสภาพความฟิตมีปัญหา(ส่วนหนึ่งคงเพราะวิ่งเยอะตั้งแต่ต้นด้วย) เริ่มออกอาการหมดแรงก่อนเพื่อนเลย พลาดหนักมากจังหวะคืนหลังพลาดจนเกมต่อเนื่องไปถึงทีมเสียจุดโทษ ยิงจุดโทษตัดสินก็เป็นคนเดียวที่ยิงพลาดอีกต่างหาก

แลมเบิร์ต - เก็บบอลไม่อยู่ ผ่านบอลให้เพื่อนไม่ดีเท่าไหร่ ยังควานหาฟอร์มตัวเองไม่เจอต่อไป

ตัวสำรอง

บาโลเตลลี่  - นัดนี้ไม่ถอยห่างจากเขตโทษแล้ว แต่ก็ยังจมหายไปกับกองหลังอยู่ดี หาที่ว่างหาช่องเล่นไม่ได้

วิลเลี่ยม  - ฟอร์มสู้รอตสิเตอร์ที่ทำเอาไว้ก่อนหน้าไม่ได้โดยสิ้นเชิง ข้อผิดพลาดไม่มีให้เห็นชัดๆ ก็จริงอยู่แต่แทบไม่มีส่วนช่วยทีมเลย

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ราฮีม สเตอลิ่ง... เป็นทุกอย่างในเกมรุกของทีมในช่วงนี้จริงๆ  ------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

EDIT เพิ่ม : ซูโซ่ : ขึ้่นไปมีส่วนร่วมกับเกมรุกพอควร ครองบอลได้ดี ยิงประตูสำคัญได้ด้วย 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น