วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2556

ลิเวอร์พูล 1 - 0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีค)


...แฮททริค!...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-3

----------------------สเตอริดจ์------------------------
คูตินโย่-----------------------------------------อัสปาส
--------ลูคัส----------เจอราร์ด-------เฮนเดอร์สัน-----
เอนริเก้-----แอกเกอร์---------สเคอเทล------จอห์นสัน
-----------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลได้เล่นในบ้านต่อเนื่องอีกนัด คราวนี้เป็นเกมพรีเมียร์ลีคนัดสำคัญเมื่อต้องเจอกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ร็อดเจอร์ปรับทีมจากนัดก่อนพอสมควร โดยเฉพาะสเคอเทลที่ได้ลงมาแทนตูเร่ที่ฟอร์มกำลังดีแต่เจ็บจากนัดก่อน ส่วนทางฝั่งยูไนเต็ดจัดทีมใช้กองหน้าคู่เป็นเวลเบคกับฟานเพอร์ซี่
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาต่างฝ่ายต่างวิ่งไล่บีบพื้นที่เร็ว อย่าว่าแต่ผู้เล่น คนดูยังแทบหายใจไม่ทัน บอลเคลื่อนที่เร็วมากยังไม่มีใครตั้งเกมหรือครองบอลได้ต่อเนื่อง แล้วก็เป็นลิเวอร์พูลที่ฉวยโอกาสได้ก่อนจากลูกเตะมุมในนาที 4 เจอราร์ดเปิดเข้ามาให้แอกเกอร์โหม่งเข้าไปกลางประตูใส่หัวสเตอริดจ์ที่ เบี่ยงตัวเช็ดบอลตามน้ำเข้าไปได้ 1-0

_______ สกอร์เปลี่ยนแต่รูปเกมยังไม่เปลี่ยน ทั้งสองฝ่ายยังคงเล่นตี่จับกันต่อไป คนครองบอลหันหน้าไปทางไหนก็เจอแต่สตั๊ดพุ่งเข้าหา ช่วงแรกลิเวอร์พูลดูดีกว่าเล็กน้อยเมื่อช่วยกันไล่มากกว่าและตัดบอลได้ มากกว่า แต่พอเลยนาที 10 ไป ยูไนเต็ดเริ่มเล่นช้าลงทำให้ครองบอลได้ต่อเนื่องมากขึ้นเรื่อยๆ

_______ ยูไนเต็ดไม่ได้เน้นแต่ตะบี้ตะบันบุกขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งขวา(ทางเอนริเก้) แล้วผ่านบอลเข้ากลาง บุกได้ต่อเนื่องแต่หาจังหวะจบได้ไม่มากนัก ถึงประมาณนาที 20 ลิเวอร์พูลเริ่มชะลอเกมลงบ้างทำให้การครองบอลกลับมาสูสี รวมทั้งขยับเอาอัสปาสมายืนตรงกลางมากขึ้น เล่นเป็น 4-4-1-1 พอลิเวอร์พูลปรับเกมแล้วทำให้ยูไนเต็ดบุกได้น้อยลงจนกระทั่งจบครึ่งแรกก็ทำ อะไรไม่ได้ สกอร์ยังอยู่ที่ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลเริ่มผ่อนเกมลงไปบ้าง ไล่สูงน้อยลง เน้นคุมพื้นที่กันมากขึ้น ส่วนทางยูไนเต็ดเริ่มเร่งเกมรุกใส่ ดันแผงหลังเติมขึ้นสูงเต็มตัว ทำเกมได้ดีพอสมควรเมื่อครองบอลบุกได้ต่อเนื่อง พาบอลไปได้ถึงสุดเส้นแต่เปิดเข้ากลางได้ลุ้นไม่มากนัก จังหวะได้ลุ้นส่วนใหญ่ได้มาจากลูกตั้งเตะโดยเฉพาะลูกเตะมุม

_______ ลิเวอร์พูลเน้นเกมโต้กลับมากขึ้นแต่โต้ได้ไม่ดีพอทำให้เสียบอลเร็ว ช่วงนี้เป็นเกมของยูไนเต็ดอย่างต่อเนื่องแต่แนวรับลิเวอร์พูลยังเล่นกันได้ ดี นาที 60 สเตอริ่งได้ลงแทนอัสปาสและกลายเป็นเป้าหลักของการทำเกมโต้กลับ ขยับเอาคูตินโย่ไปยืนตรงกลางมากขึ้น และเล่นรับลึก+โต้ยาวเต็มตัว

_______ ยูไนเต็ดยังครองบอลได้เป็นส่วนใหญ่ และลิเวอร์พูลเองก็ยังเล่นโต้กลับได้ไม่ค่อยดีนัก แต่ยังคุมพื้นที่สุดท้ายได้ดีอยู่ นาที 78 จอห์นสันเจ็บและวิสดอมได้ลงแทน ถึงตรงนี้ยูไนเต็ดเร่งเกมเต็มที่ แต่หาช่องผ่านบอลไม่ค่อยได้ ต้องหันไปโยนยาวออกริมเส้นอยู่ตลอด และบอลเปิดเข้ากลางยังไม่ผ่านแนวรับลิเวอร์พูลสักเท่าไหร่

_______ นาที 83 อัลแบร์โต้แทนคูตินโย่ เวลายิ่งเหลือน้อยยูไนเต็ดยิ่งเริ่มหมดไอเดียและดันสูงขึ้นเรื่อยๆ แม้จะพอมีโอกาสบ้างแต่ก็ไม่จะแจ้งนัก โดนบีบมุมแคบบ้าง ต้องยิงไกลเอาบ้าง ทำให้ได้ลุ้นประตูไม่มากนัก กลับกันเป็นลิเวอร์พูลที่นอกจากจะคุ้มพื้นที่และประกบตัวรุกได้ยอดเยี่ยม แล้ว เกมโต้กลับยังเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ จากพื้นที่ที่ยูไนเต็ดเปิดไว้ค่อนข้างมาก แต่สุดท้ายก็ทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกมลิเวอร์พูลเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 1-0 เป็นนัดที่ 3 ติดต่อกัน(เฉพาะในลีค) แถมคนยิงยังเป็นสเตอริดจ์คนเดิมและคนเดียวด้วย
-----------------------------------------

_______ ตอนเห็น 11 ตัวจริง ผมไม่ได้แปลกใจกับตัวจริงลิเวอร์พูลเท่าไหร่ แต่แปลกใจเล็กน้อยกับตัวจริงของยูไนเต็ด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเล่นจริง ยูไนเต็ดเล่น 4-4-2 เต็มตัว เน้นเกมริมเส้นแล้วเปิดเข้ากลาง...ทรงบอลเอฟเวอร์ตัน(ยุคก่อนที่เฟอร์ไลนี่ จะเล่นได้อย่างตอนนี้)เป๊ะๆ ซึ่งดูจะไม่ได้ผลสักเท่าไหร่ในเกมนี้

_______ ผมมองว่าแทคติคของมอยส์เป็น สิ่งที่ตัดสินรูปเกมในวันนี้ ครึ่งแรกมอยส์เลือกให้ลูกทีมขึ้นเกมริมเส้นก่อนเน้นไปที่ฝั่งขวา ที่ทำเอาผมงงมากๆ เพราะวัดเฉพาะเกมรับ เอนริเก้ดูดีกว่าจอห์นสันอยู่แล้ว แถมแบ็คของยูไนเต็ดเองก็เป็นฟิล โจนส์ที่แม้จะเล่นได้ แต่ถ้าเทียบกับเอฟร่าที่อยู่อีกฝั่ง เกมรุกไม่น่าจะดีกว่า ทำให้ครึ่งแรกเกมของยูไนเต็ดต้องหวังพึ่งฟาน เพอร์ซี่อย่างเดียวและทำอะไรได้ไม่ถนัดนัก ครึ่งหลังแม้ยูไนเต็ดจะเร่งเกมเต็มที่ แต่วิธีเข้าทำไม่เปลี่ยน เพียงแต่ย้ายไปขึ้นอีกฝั่งบ่อยขึ้น ฟานเพอร์ซี่กับเวลเบคอาจจะเป็นกองหน้าที่เล่นลูกกลางอากาศไม่ขี้เหร่แต่ก็ ไม่ใช่จุดเด่น ตัวสำรองที่ลงมาทั้งสามคนก็ไม่ได้มีผลกระทบในแง่แทคติค ถ้าจะเล่นกันแบบนี้อย่างเดียวไปซื้อเฟอร์ไลนี่มาเลยดีมั้ย?

_______ สาเหตุสำคัญที่ตัดสินรูปเกม รวมไปถึงตัดสินเกมในวันนี้ด้วย หนีไม่พ้นผู้ตัดสินอย่างอังเดร มาริเนอร์(หวังว่าจะฟังชื่อไม่ผิด) เกมวันนี้เข้าบอลกันค่อนข้างหนัก แต่ผู้ตัดสินปล่อยเกมไหลบ่อยครั้ง และผู้เล่นยูไนเต็ดโดนใบเหลืองกันเร็วและง่ายเหลือเกิน...4 ใบตั้งแต่ครึ่งแรก เทียบกับผู้เล่นลิเวอร์พูลที่โดนจับฟาลว์ในจังหวะเข้าบอลหนักๆ น้อยกว่า และโดนใบเหลืองกันแต่ 2 คน ทำให้เล่นง่ายไม่ต้องพะวงใบเหลืองเหมือนผู้เล่นยูไนเต็ด อย่าว่าแต่จังหวะจุดโทษที่ถ้าเป็นสมัยเซอร์อเล็กซ์ยังคุมอยู่ ดีไม่ดีโดนไป 2 จุดโทษแล้วครับ

_______ มองแบบเป็นกลาง (แต่โปรดอย่าลืมว่าคนพิมพ์เป็นเด็กหงส์) ผู้ตัดสินไม่ได้เป่าเข้าข้างลิเวอร์พูล แค่ไม่เข้าข้างยูไนเต็ดเท่านั้นเอง แต่ถ้ามองจากมุมเด็กผี...สงสัยจะหนีไม่พ้นคำกล่าวหาที่เด็กหงส์บางคนไปก่น ด่าเค้าไว้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี่ละครับ

_______ โอเค วกกลับมาที่ทีม วันนี้ลิเวอร์พูลโชคดีที่ได้ประตูออกนำเร็ว แต่ที่น่าประทับใจเอามากๆ คือสามารถเกาะกุมความได้เปรียบเอาไว้ได้จนจบเกม ผู้เล่นเล่นได้ตามแทคติคที่วางไว้ตลอดเกม ครึ่งแรกไล่บีบกันเร็วมากๆ และช่วยกันทุกคน ครึ่งหลังก็คุมพื้นที่สุดท้ายได้ดี ประกบคู่ต่อสู้ได้ยอดเยี่ยม แถมจังหวะที่ผู้เล่นยูไนเต็ดจับบอลหรืออกบอลไม่ดี ผู้เล่นลิเวอร์พูลก็พร้อมใจกันไล่ทันที แทบไม่มีจังหวะที่เห็นใครวิ่งไล่ดุ่ยๆ แบบไร้สาระอยู่คนเดียวให้เห็นเลย เรียกว่าวิ่งไม่เหนื่อยเปล่าครับ ที่สำคัญคือช่วงครึ่งหลังที่ยูไนเต็ดได้ครองบอลบุกใส่เยอะ แต่ลิเวอร์พูลกลับไม่ได้ถูกกดดันมากนัก (ไม่เหมือนนัดก่อนกับ 2 นัดล่าสุด ที่โดนกดหัวทิ่ม) นัดนี้โดนบุกเยอะก็จริง แต่กลายเป็นบอลที่ผ่านเข้ามาถึงเขตโทษเหมือนเตะอัดใส่กำแพง คู่ต่อสู้หาโอกาสยิงแทบไม่ได้เลย นี่ถ้าสเตอริ่งหรือคูตินโย่เล่นได้ท๊อปฟอร์ม มีสิทธิชนะขาด

_______ ดูในเกมอาจจะต้องลุ้นเหนื่อยหน่อย แต่ชนะรวด 3 นัด...ไม่เสียประตูอีกต่างหาก ดีกว่านี้ไม่มีแล้วครับ ไม่ต้องเล่นเหนือชั้นอลังการครองบอล 80 เปอร์เซ็นต์พับสนามบุกก็ได้
 -------------------------------

นัดนี้เล่นตามแทคติคได้ดี

ร็อดเจอร์ - ปรับแทคติคตามสถานการณ์ได้ดี โดยเฉพาะการตัดสินใจเปลี่ยนมาเล่น 4-4-1-1 ตั้งแต่ช่วงกลางครึ่งแรกที่ทำให้แดนกลางแน่นกว่า เก็บบอลจังหวะสองและบีบให้ยูไนเต็ดเล่นตรงกลางไม่ได้เลย ต้องวางยาวเป็นส่วนใหญ่

มินโยเล่ - ยืนตำแหน่งได้ดี มีลูกเซฟสวยมากๆ ให้เห็นอยู่ครั้งสองครั้ง ปิดมุมได้เร็ว ที่ยังดูไม่ดีนักก็เรื่องตัดลูกกลางอากาศที่ทุบไม่ค่อยไปไหน และการเตะเปิดเกมที่ได้ดีเท่าไหร่

เอนริเก้ - แทบไม่ได้ขึ้นมาเกินกว่าครึ่งสนาม เล่นเกมรับอย่างเดียวและทำได้ค่อนข้างดี ตัดบอลคืนมาได้น้อยกว่าที่ผ่านมาแต่ก็ไม่โดนเผาและคู่ต่อสู้ไปได้ไม่ค่อยถึง เส้นหลัง

แอกเกอร์ - เล่นได้เหนียวแน่นทั้งกลางอากาศและบนพื้น ประกบกองหน้าได้สุดยอดมาก คู่ต่อสู้แทบไม่มีจังหวะเล่นเลย

สเคอเทล - ประกบคู่ต่อสู้ได้ดีเช่นกัน เข้าบอลได้หนักแน่นและไม่เสียฟาลว์

จอห์นสัน - เกมรุกขึ้นน้อยกว่าที่ผ่านๆ มา ตัดสินใจเลี้ยงเองเมื่อไหร่บรรลัยเมื่อนั้น เกมรับมีจังหวะที่เล่นไม่ค่อยละเอียดเกือบทำทีมเสียจุดโทษ แต่โดยรวมนั้นคุมพื้นที่และเล่นเกมรับได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะการคุมเสาสองในจังหวะที่คู่ต่อสู้เปิดบอลเข้ามา

ลูคัส - เคลื่อนที่และอ่านเกมได้ดีมาก ตัดเกมในจังหวะสำคัญได้ดี ทำเสียฟาลว์ระยะอันตรายเยอะพอสมควรแต่ถ้าไม่ทำบอลก็ไปถึงเขตโทษแล้ว ตัดบอลและเชื่อมเกมได้โดดเด่น

เฮนเดอร์สัน - เคลื่อนที่ได้ดี ช่วยบีบพื้นที่กลางสนามได้เยอะ เข้าถึงบอลตลอด เก็บบอลและคุมจังหวะการเล่นในเกมโต้กลับได้ดี ส่วนเกมรุกในจังหวะเข้าทำแทบไม่ได้มีส่วนร่วมเลย...แหงล่ะ ต้องเล่นเกมรับเป็นหลักนี่

เจอราร์ด - วางบอลยาวได้ไม่ดีนัก ผ่านบอลเชื่อมเกมพอใช้ได้ แต่บอลเกมรุกก็ไม่ได้เด็ดขาดอะไร การอ่านเกมช่วยทีมไว้ได้เยอะ ดักตัดบอลกลางทางและเก็บบอลจังหวะสองที่กองหลังสกัดออกมาแล้วได้ดี

คูตินโย่ - ไม่มีพื้นที่และเวลาให้เล่น โดนเข้าเร็วตลอด เล่นเกมรุกไม่ออก แต่มาทำดีในเกมรับที่วิ่งไล่แล้วไม่เข้าพรวดพราด บีบพื้นที่ได้ดี แถมแอบแซะบอลได้พอสมควร

อัสปาส - เล่นไม่ค่อยออก โดนจับฟาลว์บ่อย มีดีตรงความขยันที่ขยันได้เิดิร์ค เค้าท์จริงๆ ช่วยงานกองกลางได้เยอะทีเดียว

สเตอริดจ์ - มีสติและปฏิกิริยาที่ดีจนทำให้ทีมได้ประตูแรก ถ้าลนลานหรือตกใจไปก่อนดีไม่ดีจะกลายเป็นช่วยคู่ต่อสู้สกัดเอา ช่วงท้ายครึ่งแรกต่อต้นครึ่งหลังโดนตัดออกจากเกมไปพอสมควร นัดนี้ดึงจังหวะเรียกฟาลว์ได้ดีหลายครั้ง ในเกมรุกไม่ค่อยมีคนช่วยเท่าไหร่และไปเองก็โดนรุมจนทำอะไรไม่ถนัด

ตัวสำรอง 

วิสดอม - เล่นเกมรับได้ดี สกัดได้เด็ดขาด

สเตอริ่ง - ลงมาทำประโยชน์อะไรไม่ได้เลยอยู่พักใหญ่ๆ เลี้ยงก็ไม่ผ่าน ทำทีมเสียบอลตลอด แต่ช่วง 4-5 นาทีก่อนหมดเวลาที่มีพื้นที่ให้เล่นเยอะๆ ก็เริ่มกระเตื้องขึ้น เกือบยิงปิดกล่องได้ด้วย

อัลแบร์โต้ - ไม่ได้ทำอะไรมากนัก พยายามจะช่วยเล่นแบบเผาเวลาก็ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...มาร์ติน สเคอเทล + ดาเนี่ยล แอกเกอร์... เพราะการเก็บฟานเพอร์ซี่ให้มีโอกาสยิงแค่ 2-3 ครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากนั้นยังลืมไปเลยว่าเวลแบคอยู่ในสนาม และชิชาริโต้ถูกเปลี่ยนลงมา
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments. 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น