วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ลิเวอร์พูล 2 - 2 น็อตเค้าตี้ (รวมทดเวลาลิเวอร์พูลชนะ 4-2)(ลีคคัพ)


...ให้ตายสิชีวิตหงส์...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-3

----------------------สเตอริดจ์------------------------
สเตอริ่ง-------------------------------------------ไอบ์
-------อัลเลน--------อัลแบร์โต้--------เจอราร์ด------
ซิสโซโก้-------วิสดอม---------ตูเร่่----------จอห์นสัน
-----------------------มินโยเล่------------------------

_______ ลิเวอร์พูลลงเล่นในบ้านในเกมลีคคัพ เจอทีมจากลีควันอย่างน็อตเค้าตี้ ร็อดเจอร์ส่งผู้เล่นตัวจริงผสมตัวสำรองและดาวรุ่งตาม รายชื่อด้านบน อัลแบร์โต้ยืนสูงกว่าอัลเลนและเจอราร์ดเล็กน้อย ในม้านั่งสำรองยังมีพวกตัวชุดใหญ่เผื่อเหนียวไว้อีกหลายคน เรียกว่าที่ให้ข่าวก่อนเตะว่าจะเน้นนี่ร็อดเจอร์ไม่ได้พูดเล่นเลย
-------------------------------------------------------

_______ ขอพักหายใจแปปนึงครับ มันยาวกว่าที่คิดครับนัดนี้

_______ ลิเวอร์พูลเริ่มต้นเกมอย่างช้าๆ เล่นไปตามช่องตามจังหวะไม่ได้เร่งอะไรมาก ทั้งอย่างนั้นก็ยังอุตส่าห์ได้ประตูนำเร็วตั้งแต่นาที 4 เป็นสเตอริ่งได้บอลแถวๆ กลางแดนคู่ต่อสู้แตะหลบลากไปถึงหน้าเส้นเขตโทษและยิงเข้าไปได้ 1-0 หลังจากได้ประตูนำลิเวอร์พูลเริ่มเร่งเกมขึ้น ไล่เร็วตั้งแต่แดนหน้า และเป็นฝ่ายคุมเกมเอาไว้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

_______ นาที 10 ซิสโซโก้เจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว แอกเกอร์ต่อลงมาแทนแล้วขยับเอาจอห์นสันมาเล่นแบ็คซ้าย วิสดอมเล่นแบ็คขวา แต่ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับรูปเกม ลิเวอร์พูลคุมเกมเอาไว้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แผงหลังดันสูงถึงครึ่งสนาม ตัดบอลกลับมาได้ไว นอตเค้าตี้อย่าว่าแต่จะบุก แค่ต่อบอลกันขึ้นมาให้ถึงครึ่งสนามยังทำแทบไม่ได้ กลายเป็นเกมของลิเวอร์พูลฝ่ายเดียว

_______ ลิเวอร์พูลมีจังหวะจบสกอร์บ่อยพอๆ กับโฆษณาคั่นละครหลังข่าว และมาทำประตูได้สำเร็จในนาที 29 จากจังหวะที่เจอราร์ด(มองไม่ชัด แต่เห็นท่าเปิดบอลคิดว่าใช่) จ่ายยาวทะลุช่องให้สเตอริดจ์หลุดเข้าไปยิงได้ 2-0 หลังจากนั้นรูปเกมก็ยังไม่เปลี่ยน ลิเวอร์พูลมีโอกาสได้ประตูนำห่างอีกแต่ทำกันไม่ได้ ทั้งยังมีเสาบ้างคานบ้างมาช่วยเซฟ ทำให้จบครึ่งแรกสกอร์อยู่ที่ 2-0

_______ เข้าครึ่งหลัง น็อตเค้าตี้กลับลงมาพยายามจะเปิดเกมสู้ ดันผู้เล่นขึ้นมาช่วยเกมรุกมากขึ้นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ต่อบอลกันไม่แม่น กลับเป็นลิเวอร์พูลที่เล่นไปตามจังหวะได้ลุ้นจบสกอร์มากกว่า แต่จังหวะเข้าทำเล่นฝืนกันไปเอง เพื่อนว่างไม่จ่าย บางครั้งก็พยายามจะทำเองมากเกินไปจนเสียบอล เกมกลางสนามที่ทำได้ยอดเยี่ยมในครึ่งแรกก็เริ่มเปิดพื้นที่ให้คู่ต่อสู้มากขึ้น แต่โดยรวมแล้วน็อตเค้าตี้ก็ยังทำอะไรไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่ากดดันได้เลย

_______ แต่แล้วนาที 62 จากจังหวะฟรีคิกระยะไกล น็อตเค้าตี้วางบอลไปทางมุมเขตโทษและโหม่งย้อนกลับเข้ากลางมา แนวรับลิเวอร์พูลสื่อสารกันผิดพลาด ตูเร่ถลำลงไปคุมพื้นที่แต่เพื่อนยืนขาตายเหมือนจะเชคล้ำหน้า จังหวะวิ่งตามลงมาเลยช้าไปหนึ่งก้าว ปล่อยให้กองหน้าชื่ออ่านยากอย่างอาแกงได้โหม่งโล่งๆ ผ่านมือมินโยเล่เข้าไปได้เป็น 2-1

_______ เท่านั้นยังไม่พอ นาที 65 อัลเลนมีอาการบาดเจ็บทำให้ต้องส่งเฮนเดอร์สันลงมาแทน ช่วงนี้น็อตเค้าตี้ดูจะมีกำลังใจกลับมา ต่อบอลครองบอลได้ดีขึ้นกว่าช่วงก่อนหน้ามาก แต่จังหวะสุดท้ายยังกดดันไม่ได้มากนัก ส่วนลิเวอร์พูลไม่ได้ถอยลงไปอุด ทั้งยังพยายามเล่นเกมรุกต่อ นาที 72 คูตินโย่ยังได้ลงแทนอัลแบร์โต้(ที่มีอาการเจ็บเล็กน้อยเช่นกัน) เพื่อเน้นเกมรุกมากขึ้นไปอีก

_______ ลิเวอร์พูลพยายามเร่งเกมรุก แต่ประสิทธิภาพการเข้าทำถดถอยลงไปมาก ตรงกันข้ามกับน็อตเค้าตี้ที่ไม่มีอะไรจะเสียก็เปิดเกมรุกแลกและทำได้ดีขึ้น เรื่อยๆ ในเกมโต้กลับ แม้จะได้ลุ้นไม่มากนัก โอกาสส่วนใหญ่เป็นการยิงไกลไกล๊ไกล แต่พาบอลมาป้วนเปี้ยนแถวเขตโทษได้ถี่ขึ้นแล้ว

_______ ในที่สุดน็อตเค้าตี้ก็ทำสำเร็จ จากจังหวะโต้กลับในนาที 84 แผงหลังลิเวอร์พูลยืนกันค่อนข้างสูง จอห์นสันเติมไปถึงเกือบสุดเส้นแล้วลงไม่ทัน ทำให้น็อตเค้าตี้สวนเข้ามาทางพื้นที่นั้นก่อนจะเปิดข้ามไปเสาสอง วิสดอมหุบเข้ากลางมากเกินไปทำให้ตัวชาร์จที่เสาสองได้ยิงโล่งๆ ตีเสมอได้สำเร็จ 2-2 แม้ลิเวอร์พูลพยายามจะบุกต่อแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เกมต้องลากยาวไปถึงช่วงต่้อเวลาพิเศษอีก 30 นาที

_______ เข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ ลิเวอร์พูลเดินหน้าบุกต่อ น็อตเค้าตี้ก็ไม่ได้ถอยไปรับ เกมค่อนข้างสูสี มีโอกาสด้วยกันทั้งคู่ แต่ความซวยของลิเวอร์พูลยังไม่หมด ช่วงกลางของการต่อเวลาครึ่งแรกตูเร่ยังมาเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ลิเวอร์พูลต้องเล่น 10 ในช่วงเวลากว่า 20 นาทีที่เหลืออยู่ ร็อดเจอร์ต้องแก้ปัญหาด้วยการดันวิสดอมเข้าไปเล่นเซ็นเตอร์ ถอยสเตอริ่งลงมายืนแบ็คขวา และหันมาเล่นเกมโต้กลับเป็นหลัก ส่วนทางน็อตเค้าตี้มีผู้เล่นเยอะกว่าก็ดาหน้าเข้าใส่เต็มที่ แม้จังหวะเข้าทำจะยังไม่ดีนัก แต่ก็สามารถครองบอลบุกได้ต่อเนื่อง

_______ สถานการณ์ของลิเวอร์พูลดูคับขันเต็มที่ เมื่อวิสดอมก็เหลืองไปแล้ว แบ็คขวาจำเป็นอย่างสเตอริ่งก็เข้าบอลหลอนๆ แถมมีใบเหลืองติดตัว เจอราร์ดก็หมดแรงวิ่งไปตั้งแต่ท้ายเกมช่วงเวลาปรกติแล้ว ไอบ์ก็ช่วยอะไรแทบไม่ได้ เหลือ 10 คนอีกต่างหาก แต่แล้ว นาที 105 ก็เป็นฮีโร่คนเก่าอย่างเจอราร์ดที่เก็บบอลจังหวะสองได้ในเขตโทษแต่ไม่หวด ทิ้งให้เสียของ ไหลให้ฮีโร่คนใหม่อย่างคูตินโย่รับบอลกระชากไปก่อนเปิดยาวให้สเตอริดจ์ลากไป มุมแคบ(มุมกว้างๆ รายนี้ไม่ชอบ) ยิงติดเซฟผู้รักษาประตูแต่บอลยังแรงพอที่จะเด้งเบาๆ กลิ้งช้าๆ แบบทำร้ายจิตใจแฟนบอลทีมเยือนสุดๆ เข้าไปได้เป็น 3-2

_______ น็อตเค้าตี้พอตามหลังอีกครั้งก็โหมบุกอย่างหนัก แต่ดีสุดได้แค่เปิดเข้ามาลุ้น หาโอกาสยิงจะๆ ไม่ค่อยได้ อีกทั้งยังโดนลูกโต้กลับเล่นงานอีกครั้ง คราวนี้เป็นเฮนเดอร์สันที่รับบอลจากไอบ์(หรือสเตอริ่งไม่แน่ใจ) จากเกือบๆ กลางสนามแล้วกระชากไปเอง แตะลอดขากองหลังแล้วตามไปยิงทันทีก่อนโดนปิดมุมเป็น 4-2 สุดท้ายลิเวอร์พูลก็เอาชนะไปได้แบบหืดจับด้วยสกอร์ดังกล่าว ผ่านเข้ารอบต่อไปได้สำเร็จ
-----------------------------------------

_______ ก่อนอื่นเลยต้องขอบอกว่าถ้าผมเป็นผู้จัดการทีม ป่านนี้ลิเวอร์พูลตกรอบไปแล้วครับ...

_______ ตอนเห็นรายชื่อ 11 ตัวจริง ผมยังสงสัยว่าเจอกับทีมระดับน็อตเค้าตี้ยังต้องส่งตัวจริงลงไปเยอะอะไรขนาด นั้น ยังไม่ต้องนับว่าจบครึ่งแรกผมคงเปลี่ยนเจอราร์ดไปเก็บแล้ว แถมคนที่ลงมาต้องไม่ใช่คูตินโย่แน่ แต่ร็อดเจอร์ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขารู้จักทีมของตัวเองดีเอามากๆ ทั้งทีมตัวจริงที่ส่งลงไป ทั้งตัวสำรองที่ส่งลงมา ถ้าประมาทอีกนิดก็บรรลัยละครับ

_______ ร็อดเจอร์ใช้ตัวจริงกว่าครึ่งทีม ครึ่งแรกต้องบอกว่าเล่นได้ตามแผนทุกอย่าง ต้นครึ่งหลังจนถึงก่อนเสียประตูก็ยังถือว่าทำได้ดีทีเดียว แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดตั้งแต่โดนลูก 2-1 ภายใต้สถานการณ์กดดัน ผู้เล่นดาวรุ่งทั้งสเตอริ่งและไอบ์แถมสร้างประโยชน์อะไรไม่ได้เลย ซ้ำร้ายการสนับสนุนจากแบ็คที่จำเป็นต่อแทคติคของทีมก็แหว่งไปข้างนึงเพราะวิ สดอมเล่นเกมรุกไม่ได้ สเตอริดจ์ก็ไม่ใช่คนที่ทำเกมได้ด้วยตัวเอง ทำให้เกมรุกทุกสิ่งอันพึ่งผู้เล่นแค่สองคนคือจอห์นสันกับเจอราร์ด (ดีว่ามีคูตินโย่ตามลงไปช่วย) โชคดีในโชคร้ายที่ทีมเหลือแค่ 10 คนในช่วงต่อเวลาเพราะทำให้น็อตเค้าตี้บุกไม่ดูตาม้าตาเรือ โดนโต้กลับสองดอกเน้นๆ เป็นสองประตูตกรอบไปซะอย่างนั้น ถ้าพวกเขาเล่นอุด รับรองได้มียิงลูกโทษครับ แต่อย่างว่า นาทีนั้นถ้าใครเล่นอุดก็บ้าแล้วครับ

_______ นัดนี้เราได้เห็นทั้งด้านสว่างและด้านมืด หนึ่งชั่วโมงแรกของเกมเป็นสิ่งที่ร็อดเจอร์พยายามทำมาตลอด คือ ดันแผงหลังสูง บีบพื้นที่แดนกลางให้แคบ ตัดบอลจากคุ่ต่อสู้ให้เร็วและบอลอยู่กับทีมแทบจะตลอดเวลา แต่พอครึ่งชั่วโมงหลัง ซึ่งหลังจากทีมเสียประตูแรกแล้ว ความกดดันที่โถมเข้ามาแสดงให้เห็นชัดว่าผู้เล่นชุดนี้โดยเฉพาะเหล่าบรรดาตัวสำรองกับดาวรุ่งรับมือกับสถานการณ์ได้ไม่ดีนัก

_______ ปัญหาของเกมวันนี้ เกี่ยวข้องกับผู้เล่นในสนามน้อยมาก เพราะแต่ละคนก็ทำไ้ด้ตามความสามารถของตนเองแล้ว ผมคงไม่หวังให้สเตอริ่งกับไอบี้เล่นได้นิ่งเหมือนปีกวัย 27-28 ที่ผ่านร้อนผ่านหน้าวกับเกมฟุตบอลระดับสูงมาร่วม 10 ปี ผมคงไม่หวังให้ผู้ เล่นที่พึ่งเข้ามาใหม่แถมยังอายุน้อยอย่างอัลแบร์โต้ลงมาปุ๊ปเล่นได้เหมือ นอิเนียสต้า ผมมองว่าปัญหาที่ทำให้ทีมต้องหัวหกกดขวิดหวิดจะเจ๊งมันอยู่ที่ขนาดทีมล้วนๆ จริงที่ว่าการมีผู้เล่นบาดเจ็บ 3 คนในเกมเดียวไม่ใช่เรื่องปกติ แต่ก็ต้องย้อนถามเหมือนกันว่า ผู้เล่นที่ดีที่สุดถัดจาก 11 ตัวจริง ควรเป็นผู้เล่นระดับไอบ์,วิสดอมแล้วหรือด้วยเช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้ผมไม่โทษร็อดเจอร์นะ เพราะพี่แกก็ร่ำร้องมาตลอดว่าจะเอาๆ แต่ก็ไม่ได้มาเพิ่มเท่าไหร่ ที่ได้มาก็พอๆ กับที่ออกไป

_______ ผมไม่ได้คิดว่าทีมจะต้องไปทุ่มซื้อผู้เล่นบิ๊กเนม ราคาระดับ 30-40 ล้านแบบทีมอื่น แต่ขอแค่ให้มีทางเลือก ให้มีคนลงไปเล่นได้ ที่อาจจะมีสไตล์การเล่นต่างจากคนที่มีอยู่แล้ว หรือเหมาะกับบางสถานการณ์ บางทีปีกกากๆ สักคนที่เล่นเกมรับได้ แบ็คห่วยๆ ที่เกมรับเหนียวแน่น(หรือไม่ก็รุกระเบิดระเบ้อไปเลย) กลางถึกๆ ที่จ่ายบอลเกินกว่า 10 หลาไม่แม่น เข้าบอลก็งั้นๆ แต่เก็บบอลได้ ชะลอเกมเป็น ดึงจังหวะได้ กองหน้าไม่เป็นสัปปะรดที่สักแต่ว่าโหม่งพักบอลแล้วยืนคร่อม วิ่งก็ช้า ยิงไม่คม แต่บอลไปถึงตัวแล้วใครก็แซะไม่ได้ อะไรทำนองนี้อาจมีส่วนช่วยให้ทีมมีทางเลือกมากขึ้น ปรับเปลี่ยนแทคติคนัดต่อนัดหรือระหว่างเกมได้ดีขึ้น มันน่าจะช่วยให้รูปเกมช่วงครึ่งชั่วโมงท้ายต่อทดเวลาของเกมวันนี้มีให้เห็นน้อยลงไม่มากก็มากๆ

_______ ...สัก 2-3 ตัวไม่น่าจะแพงมากนะครับ...
 -------------------------------

นัดนี้รวมๆ เล่นกันใช้ได้ บางคนดี บางคนแย่

ร็อดเจอร์ - จัด 11 ตัวจริงได้ดี จัดเบากว่านี้น่าจะเจ๊ง เลือกแทคติคเล่นครึ่งแรกได้ดี คุมเกมได้ ได้ประตู ไม่มัวมากั๊กให้เกมมันอืด แต่ต้นครึ่งหลังปล่อยให้ลูกทีมเล่นเพลินไปสักนิด น่าจะเตือนให้ระวังกว่านี้หรือเน้นความแน่นอนกว่านี้หน่อย อย่างการยืนต่ำลงหรือสั่งลดการเติมของแบ็ค การเลือกเล่นรุกต่อตอน 2-1 ก็แค่เลือกเสี่ยงจะไปโทษคงไม่ได้ เพราะถ้ายิงเป็น 3-1 ก็จบไปแล้ว ตูเร่ไม่เจ็บด้วย ส่วนการเปลี่ยนตัวทำได้ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้แล้ว

มินโยเล่ - เปิดบอลพอใช้ได้ มีปัญหาพอสมควรกับการตัดสินใจออกมาเล่นลูกกลางอากาศ มีหลายครั้งที่เหมือนจะออกแล้วเปลี่ยนใจ แต่จังหวะที่ตัดสินใจออกก็ทำได้ค่อนข้างดี ลูกแรกที่โดนก็ดูจะตัดสินใจไม่เด็ดขาด (แต่ที่เซฟไม่ได้นั่นปรกติ โหม่งเผาขนเหลือเกิน) ส่วนลูกที่สองไม่เกี่ยวด้วยเลย นอกนั้นการยืนตำแหน่งก็ถือว่าดูดี ตัดบอลเปิดหักเข้ากลางได้เฉียบขาด

จอห์นสัน - ครึ่งแรกไม่ต้องเล่นเกมรับแต่เกมรุกไม่มีเท่าไหร่ พอครึ่งหลังกลายเป็นตัวรุกหลักมันซะอย่างนั้น ดีบ้างติดบ้างแต่ก็สร้างโอกาสได้พอสมควร ทำเกมรุกดีกว่าตัวรุกตัวอื่นในแง่ปริมาณ ลูกที่สองที่เสียไปเพราะลงไม่ทันก็คงโทษได้ไม่เต็มปาก เพราะถ้าจอห์นสันไม่ขึ้น ช่วงนั้นทีมก็เล่นเกมรุกไม่ได้เลย

ซิสโซโก้ - นัดก่อนได้เล่น 20 นาทีหลัง นัดนี้ได้เล่นแค่ 10 นาทีแรก อะไรจะซวยขนาดนั้น

ตูเร่ - เล่นได้เหนียวแน่นตลอดเกมจนกระทั่งโดนเปลี่ยนออก เข้าสกัดได้เด็ดขาด ตัดบอลก่อนถึงกองหน้าได้บ่อยครั้ง จังหวะเสียประตูแรกผิดพลาดตรงการสื่อสาร ถ้าเขาไม่ลงไปก็ล้ำหน้าชัดๆ แต่เขาก็แค่ลงไปคุมพื้่นที่ไม่ได้ทำอะไรพลาด เสียดายจังหวะแบบนี้ถ้าเป็นคาราเกอร์คงได้ตะโกนลั่นสนามแล้วว่าจะให้เพื่อน ลงหรือไม่ลง

วิสดอม - เล่น 2 ตำแหน่ง แถมต้องสลับคู่เซ็นเตอร์อีกต่างหาก เกมรับโดยรวมเล่นได้ดีมาตลอด แต่หลังจากสกอร์ 2-1 แล้ววิสดอมยืนหลงตำแหน่งบ่อยครั้ง

เจอราร์ด - เล่นได้คงเ้ส้นคงวาที่สุดในทีมตลอด 120 นาที ครึ่งแรกอ่านเกมตัดบอลกลับมาได้ตลอด ครึ่งหลังก็ยังแบกทีมไว้ทั้งเกมรับและเกมรุก แถมยังมีบอลยาวไปที่ว่างดีๆ ให้เห็นอยู่ทั้งเกม ส่วนช่วงท้ายเกมต่อทดเวลาดูหมดแรงไปเหมือนกัน

อัลเลน - ครึ่งแรกเล่นได้สุดยอดเอามากๆ อ่านเกมได้ดี มีส่วนช่วยทำให้ลิเวอร์พูลพับสนามบุกอยู่ฝ่ายเดียว พอเข้าครึ่งหลังเริ่มเคลื่อนที่น้อยลงประกอบกับคู่ต่อสู้เติมขึ้นมามากขึ้น เลยทำให้เขาเริ่มถึงบอลน้อยลง แต่ก็ยังไม่ได้เล่นแย่ ถ้าไม่เจ็บจนโดนเปลี่ยนออกไปเสียก่อนน่าจะทำให้ทีมเล่นง่ายกว่านี้

อัลแบร์โต้ - มีจินตนาการเต็มเปี่ยม มองกว้างและเลือกช่องจ่ายได้ดีทีเดียว ปัญหาคือยังจับจังหวะเพื่อนไม่ค่อยได้ น้ำหนักกับทิศทางบอลไปไม่พอดีกับเพื่อนที่วิ่งทำทาง เคลื่อนที่น้อยไปสักนิดเลยพลอยได้บอลน้อยไปด้วย เกมรับเห็นว่าพยายามวิ่งไล่แต่ทำได้ไม่ค่อยดีนัก

สเตอริ่ง - ยิงลูกแรกได้ดี แต่หลังจากนั้นก็ทำอะไรไม่ค่อยได้

ไอบ์ - เหมือนสเตอริ่ง แต่ไม่ได้ทำประตู

สเตอริดจ์ - ทำเกมด้วยตัวเองไม่ได้ ช่วงครึ่งแรกเล่นได้ดีมากทั้งการเก็บบอล พาบอลไปกับตัว แต่ครึ่งหลังก็มีช่วงที่หายไปเหมือนกัน วันนี้ใช้โอกาสเปลืองไปหน่อย ถ้าคมกว่านี้อาจมีแฮททริคไปตั้งแต่ต้นครึ่งหลังแล้ว  สุดท้ายก็ยังดีพอที่จะยิงให้ทีมชนะ

ตัวสำรอง 

แอกเกอร์ - ผลงานเกมรับดีมากในเกมโอเพ่นเพลย์ ไม่ว่าจะประกบหรือสกัด มีจังหวะลอยสูงไปนิดให้เห็นเป็นระยะ เล่นลูกตั้งเตะได้ดีเกือบทำประตูได้ 2 ครั้ง

เฮนเดอร์สัน - อ่านเกมได้ไม่เด็ดขาดเท่าอัลเลน แต่ความดุดันมีเยอะกว่ามาก การเบียดปะทะทำได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทำประตูสุดสวยปิดกล่องได้ด้วย

คูตินโย่ - ทำอะไรไม่ได้มากนักเพราะสถานการณ์กับเพื่อนร่วมทีมไม่เอื้อ แต่ยังไว้ลายจ่ายให้สเตอริดจ์ยิงลูก 3-2 ได้สุดยอด

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...สตีเว่น เจอราร์ด... จะปล่อยใครไป จะได้ใครมา สุดท้ายก็ยังเป็นเจอราร์ดที่พึ่งพาได้ที่สุด โดยเฉพาะในสถานการณ์ยากลำบาก
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ป.ล. "ให้ัตายสิชีวิตหงส์" ยืมมาจากคุณ Tom Thew Nakub ใน FB นะครับ คือแบบเขียนเสร็จแล้วนึกถึงคำนี้เลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น