วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2556

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 1-0 ลิเวอร์พูล (แคปปิตอลวันคัพ)


...คืนนั้น สวรรค์ล่ม...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2 (ก็ไม่เชิงหรอก เดี๋ยวอธิบายทีหลัง)

----------------สเตอริดจ์-------ซัวเรส-----------------
โมเสส---------ลูคัส----------เจอราร์ด-----เฮนเดอร์สัน
เอนริเก้---------ซาโก้----------สเคอเทล-----------ตูเร่
-----------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเล่นเกมแคปปิตอลวันคัพรอบสามต้องออกไปเยือนแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่โอลแทรฟฟอร์ด นัดนี้ร็อดเจอร์ปรับทัพค่อนข้างมาก แดนหน้าได้ซัวเรสกลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง แดนกลางยังคงใช้ชุดเดิม และแผงหลังก็มีชื่อเอนริเก้เป็นตัวจริง ส่วนทางฝั่งยูไนเต็ดขาดฟานเพอร์ซี่(เจ็บ)กับเฟอร์ไลนี่(คัพไท) รวมไปถึงปรับ 11 ตัวจริงอีกพอสมควร
-------------------------------------------------------

_______ ช่วงต้นเกมยังคุมเกมครองบอลอะไรกันไม่ค่อยได้ทั้งสองฝ่าย รูปเกมสูสีโดยเป็นฝั่งยูไนเต็ดที่ทำได้ดีกว่าเมื่อสามารถเปิดบอลเข้าไปลุ้น และได้ยิงไกลบ้าง ทางด้านลิเวอร์พูลค่อยๆ จับจังหวะของตัวเองและเริ่มตั้งเกมได้เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นเมื่อผ่าน 15 นาทีแรกของเกมไป แม้รูปเกมจะไม่ได้ไหลลื่นแต่ก็ครองบอลได้มากขึ้นและพาบอลไปป้วนเปี้ยนแถวเขต โทษคู่ต่อสู้ได้

_______ ยิ่งเล่นลิเวอร์พูลยิ่งดูดีขึ้น ตัดบอลกลับมาได้เร็วกว่า บอลไปถึงเขตโทษมากขึ้นและหาจังหวะลุ้นจบสกอร์ได้บ้างแล้ว ในขณะที่ยูไนเต็ดเองก็เริ่มสะดุด ทำเกมของตัวเองได้น้อยกว่าในช่วงต้นเกม แดนกลางตกเป็นรองอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายมีจังหวะการเล่นที่ดูติดขัด ฝั่งลิเวอร์พูลตัวรุกสามคนเล่นหนักไปทางประสานงาเฉี่ยวชนคร่อมเล่นแทนที่จะ ช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างที่ควรจะเป็น ส่วนยูไนเต็ดแดนกลางก็ดูไม่จืดเพราะเกมรับดูไม่ได้และเกมรุกก็มีแค่รูนี่ย์ คนเดียวที่ดูจะเป็นสัปปะรดสำปะหลังสังขยาอยู่บ้าง ทำให้เกมในช่วงครึ่งแรกดูอึดอัดพอสมควร และยังทำอะไรกันไม่ได้ที่ 0-0

_______ เข้าครึ่งหลัง นกกระจอกได้กินน้ำแล้วแต่ยังไม่ทันอิ่ม ยูไนเต็ดก็ได้ลูกเตะมุม...มุึม...มุม(กรุณาอ่านด้วยเสียงเอคโค่) รูนี่ย์เปิดบอลเข้าเขตหกหลาแล้วก็เป็นชิชาริโต้ที่วิ่งหนีตัวประกบเข้าชาร์จ บอลเข้าไปได้สำเร็จ 1-0

_______ พอเสียประตูไป ลิเวอร์พูลเริ่มเร่งเกมรุกมากขึ้น และทำได้ดีขึ้นอย่างช้าๆ (เน้นว่าช้าๆ) ยิ่งเล่นไปแนวรับยิ่งลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนยูไนเต็ดก็หันมาเล่นรับแล้วโต้เร็วซึ่งทำได้ดีอย่างต่อเนื่อง โต้มาแต่ละทีถึงหน้าเขตโทษตลอดและหลายครั้งก็ได้ยิงแต่ยังไม่เป็นประตูนาที 67 เคลลี่ได้ลงมาแทนลูคัส โดยเคลลี่เล่นแบ็คขวาขยับเอาตูเร่เข้ามาเล่นแทนลูัคัส

_______ ช่วงครึ่งชั่วโมงท้ายลิเวอร์พูลเริ่มทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะแนว รุก 3 คนที่เริ่มประสานงานกันได้ดีมากขึ้น จังหวะกั๊ก วิ่งทับช่อง ให้บอลคนละทางเริ่มมีให้เห็นน้อยลงๆ ตูเร่ดันขึ้นมาช่วยด้านบนบ่อยๆ และเฮนเดอร์สันหาจุดยืนของตัวเองเจอ ทำให้เริ่มหาช่องเจาะเข้าไปได้บ้างแม้ยูไนเต็ดจะเน้นคุมพื้นที่อย่างเหนียว แน่น ลิเวอร์พูลได้ลุ้นประตูมากขึ้นกว่าในช่วงต้นครึ่งหลัง เกือบจะตีเสมอได้อยู่หลายครั้งเหมือนกัน

_______ ...แต่ไม่ได้

_______ จบเกม ยูไนเต็ดเอาชนะไปได้ 1-0 ลิเวอร์พูลตกรอบฟุตบอลถ้วยไป 1 รายการอย่างรวดเร็ว

_______ เฮ้ย เกือบลืม นาที 82 สเตอริ่งได้ลงแทนโมเสสนะครับ

-----------------------------------------

_______ อาฮะ เกมนี้เป็นเกมที่ดูแล้วออกจะแปลกตาไปสักหน่อยเพราะทั้งสองฝ่ายปรับทีมมาเยอะ และหลายๆ คนในสนามก็ฟอร์มหลุด ทำให้ครึ่งแรกเกมดูไม่ค่อยไหลลื่น และอันที่จริงถ้าไม่มีประตูเกิดขึ้นเร็วตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง คาดว่ารูปเกมก็คงไม่เปลี่ยน เล่นแบบตะกุกตะกักกันไปอย่างนั้นจนจบเกม แต่มันดันมามีประตูนี้สิ...ผิดฝั่งด้วย

_______ ทางฝั่งลิเวอร์พูลแม้จะเปลี่ยนตัวผู้เล่นไม่มากนัก หลักๆ ก็มีแค่ซัวเรสคนเดียวที่กลับมา แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าแทคติคการเล่นของทีมเปลี่ยนไปแบบคนละเรื่องจากนัดก่อนๆ ร็อดเจอร์ตอบโจทย์การได้ซัวเรสกลับมาด้วยการส่งลงเล่นคู่กับสเตอริดจ์ ตำแหน่งยืนที่ผมบอกว่า 4-4-2 ตอนเล่นจริงในเกมรุกโมเสสจะหุบเข้าในเล่นค่อนข้างใกล้กับซัวเรสและสเตอริดจ์ ทั้ง 3 คนจะสลับกันลงไปล้วงบอลกลางสนาม ทำชิ่ง ทำทางให้กัน ส่วนเกมริมเส้น ฝั่งซ้ายจะเป็นเอนริเก้ที่เติมมายันสุดเส้นตลอด ลูคัสกับเจอราร์ดจะไม่ขึ้นมาช่วยเกมแดนหน้ามากนักแค่คอยเชื่อมเกมอยู่แถวๆ กลางสนาม ส่วนเฮนเดอร์สันก็ไปยืนเหงาๆ อยู่ริมเส้นขวา

_______ ฟังดูก็น่าตื่นเต้นดีครับ แต่ตอนเล่นจริงน่าตื่นตระหนกมากกว่า แน่นอนว่าก่อนเอามาเล่นจริงต้องมีการซ้อมกันมาแล้วล่ะ แต่ลงมาแล้วตัวรุก 3 คน ประสานงานกันแทบไม่ได้ เฮนเดอร์สันที่ถูกตรึงไว้ที่ริมเส้น กลายเป็นว่าหน้าที่คือเปิดบอลเข้ากลางเท่านั้น ซึ่งถึงแม้จะเปิดแม่น(กว่าคนอื่นในทีม) แต่ดูเหมือนเล่นกันไปคนละคีย์กับคนอื่นไปเลย ไม่มีใครไปเล่นเชื่อมกับเฮนเดอร์สันมากนัก เพราะตูเร่ไม่ได้ขึ้นสูงเท่าเอนริเก้ คู่กองกลางไม่ได้เติม และตัวรุก 3 คนก็ไปวิ่งๆ ชิ่งๆ อยู่ด้วยกัน สรุปแล้วเลยกลายเป็นบอลเข้าทำในช่วง 1 ชั่วโมงแรกนี่กดดันแนวรับได้ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น (คนละคำกับ กดดันไม่ได้ นะครับ)

_______ ส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่กับการเปลี่ยนวิธีการเล่น "ทั้งดุ้น" แบบนี้เพียงเพราะว่าขาดใครไป หรือได้ใครมา ไม่งั้นคงต้องเปลี่ยนกันไปอีกหลายตลบแล้วความเข้าขารู้ใจกันแบบที่เคยเห็นในเกมนัดแรกๆ คงจะไม่ได้เห็นกันไปอีกนาน

_______ ลูกเตะมุมหวนกลับมาเป็นฝันร้ายของทีมอีกครั้ง หลังจากเคยดีขึ้นแล้วในช่วงปลายฤดูกาลก่อน, โดนนำแล้วก็ยังกลับมาไม่ได้เหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม การเล่นในสถานการณ์คับขัน เวลาเหลือน้อย ประตูตามอยู่ ดูจะกระเตื้องขึ้นมาบ้าง เพราะนัดนี้ได้ลุ้นยาวๆ อยู่เหมือนกัน หาช่องได้บ้าง เจาะได้บ้าง ไม่ได้อาศัยลูกฉาบฉวยอย่างเดียว อีกทั้งการใช้ สเตอริดจ์ ซัวเรส โมเสส พร้อมกันก็เริ่มเห็นตอเรสบ้างแล้วในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้่ายของเกม คือจะเอาแบบนี้ต่อก็ได้นะ น่าจะไหวอยู่ ขอแค่อย่าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาบ่อยๆ แล้วกัน

_______ ...ไม่งั้นเดี๋ยวได้ล่มอีก...
 -------------------------------

นัดนี้เล่นกันไม่ค่อยดีนัก

ร็อดเจอร์ - จัดแทคติคใหม่มาลองแล้วไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ แต่การเปลี่ยนเคลลี่ลงมาแทนลูคัสน่าประทับใจมาก

มินโยเล่ - เซฟช่วยทีมเอาไว้ได้ไม่น้อย จังหวะออกมาตัดบอลที่เปิดเข้ากลางทั้งโด่งและเรียดทำได้ดี

เอนริเก้ - วิ่งค่อนข้างเยอะ เชื่อมเกมได้ดีและเปิดบอลเข้ากลางพอใช้ได้ เกมรับหนักไปทางต้องวิ่งตามหลังคู่ต่อสู้เพราะตัวเองหลุดตำแหน่งซึ่งจะไปโทษ ก็คงไม่ได้เพราะต้องขึ้นตามแทคติค มีพลาดก็ตอนประกบชิชาริโต้จังหวะเตะมุมที่เสียประตูไม่ดี

ซาโก้ - จังหวะผิดพลาดลดน้อยลงไปมากแล้ว แต่ความเสียวไม่ได้น้อยลงเลย เข้าบอลพรวดหลายครั้งแต่ดีว่าแม่น เข้าไปซ้อนแบ็คได้ไม่ค่อยดีนัก

สเคอเทล - ฟอร์มส่วนตัวก็เล่นได้ไม่เลว อ่านเกมใช้ได้ ขวางทางยิงไกลได้ดี

ตูเร่ - เกมรับทำได้น่าพอใจ แต่ขึ้นมาช่วยเกมรุกแค่กลางสนาม ตอนที่ขยับเข้ามาเล่นกองกลางเล่นได้สะใจมาก เคลื่อนที่ได้ดีวิ่งขึ้นวิ่งลงตลอด

ลูคัส - ฟอร์มหลุดไปดื้อๆ หวังว่าลูคัส "คนนู๊นน" จะไม่กลับมานะ

เจอราร์ด - ไม่น่าเชื่อว่าจะเห็นเจอราร์ดเดินเล่นในเกมแดงเดือด ความดุดันที่เคยมีนัดนี้แทบไม่เห็นเลย การเชื่อมเกมกลางสนามยังทำได้ดีอยู่ แต่เขาเคยทำอะไรได้มากกว่านี้เยอะ

เฮนเดอร์สัน - ช่วง 1 ชั่วโมงแรกเล่นได้แค่มิติเดียวคือวิ่งไปที่ว่างๆ รับบอลแล้วก็เปิดเข้าไปในเขตโทษ แทบไม่ได้ทำอย่างอื่น แต่ครึ่งชั่วโมงหลังที่ทีมเร่งเกม มีเคลลี่และตูเร่ขยับเข้ามาช่วยดูเล่นได้ดีขึ้นหลากหลายขึ้นกว่าช่วงก่อน หน้า

โมเสส - ผ่านบอลมากขึ้น เล่นกับเพื่อนมากขึ้น (ตามแทคติค) แต่ความเข้าใจกับเพื่อนร่วมทีมยังมีไม่มากนัก

ซัวเรส - ประสานงานกับโมเสสและสเตอริดจ์ในช่วง 1 ชั่วโมงแรกไม่ค่อยดีนัก แต่ยังอุตส่าห์หาจังหวะลุ้นได้จากความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ของคู่ต่อสู้ ช่วงครึ่งชั่วโมงหลังเน้นไปที่การทำเกมมากขึ้น, ประสานงานกับเพื่อนได้ดีขึ้น

สเตอริดจ์ - ดูงงๆ กับชีวิต ซึ่งเจ้าตัวไม่ได้ผิด แค่ไม่รู้จะเอาตัวไปวางไว้ตรงไหนกับวิธีการเล่นแบบนี้ ตอนลงไปล้วงบอลถึงแดนกลางก็ดูไม่ใช่สิ่งที่เจ้าตัวถนัด จะวิ่งทำทางขึ้นไปก็ไปทับโมเสสบ้าง ซัวเรสบ้าง

ตัวสำรอง 

เคลลี่ - ลงมาในช่วงที่ยูไนเต็ดเริ่มถอยลงไปรับมากขึ้นแล้ว เกมรับไม่ได้ถูกทดสอบมากนัก วิ่งขึ้นมาช่วยเชื่อมเกมได้ดี

สเตอริ่ง - ก็ยังวิ่งเร็วอยู่นะ
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น