วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ลิเวอร์พูล 1 - 0 สโต๊ค ซิตี้ (พรีเมียร์ลีค)


...พรีซีซั่น ไม่ใช่ไม่มีความหมาย...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-3-3

----------------------สเตอริดจ์------------------------
คูตินโย่----------------------------------------อัสปาส
-----เฮนเดอร์สัน------เจอราร์ด----------ลูคัส--------
เอนริเก้------แอกเกอร์--------ตูเร่่-----------จอห์นสัน
-----------------------มินโยเล่------------------------

_______ ลิเวอร์พูลลงเล่นในนัดเปิดฤดูกาล 2013-2014 นัดนี้ซัวเรสยังลงไม่ได้เนื่องจากยังติดโทษแบนอีก 6 นัดค้างมาจากปลายฤดูกาลก่อน ร็อดเจอร์จัด 11 ตัวจริงที่น่าจะดีที่สุดเท่าที่มีอยู่ตอนนี้ แดนกลางเป็นเฮนเดอร์สันที่ได้ลงตัวจริงก่อนอัลเลน แดนหน้าริมเส้นอัสปาสได้ลงก่อนดูโอดาวรุ่งและบอรินี่
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาลิเวอร์พูลก็เล่นตามสไตล์ด้วยการบีบพื้นที่เร็วตั้งแต่แดนหน้า แผงหลังดันขึ้นไปค่อนข้างสูงและแผงกลางจะวิ่งไล่เข้าไปทันทีที่กลางสโต๊คได้ บอล ช่วงต้นเกมเป็นเกมของลิเวอร์พูลอยู่ฝั่งเดียว ตัดบอลกลับได้เร็ว ครองบอลต่อเนื่อง มีโอกาสได้ยิงเข้าไปก่อนแต่ถูกจับล้ำหน้ารวมไปถึงตูเร่ที่โหม่งชนคาน ส่วนทางฝั่งสโต๊คแทบไม่ได้ทำเกม แต่ยังมีโอกาสครั้งนึงจากลูกเก็บตกในเขตโทษแต่ยิงไปชนคาน

_______ ผ่าน 15 นาทีของเกมไป สโต๊คเริ่มครองบอลได้บ้างแต่ก็แค่กลับมาสูสี ลิเวอร์พูลยังคงบุกได้อยู่โดยเฉพาะเกมริมเส้นที่มีตัววิ่งทำทางตลอด แต่ก็กดดันสโต๊คได้น้อยกว่าช่วงต้นเกม ทางฝั่งสโต๊คขึ้นเกมรุกค่อนข้างและต่อบอลกันหลายจังหวะ หาโอกาสได้ลุ้นหรือกดดันแนวรับแทบไม่ได้เลย

_______ ในที่สุดก็เป็นลิเวอร์พูลที่เจาะได้สำเร็จ นาที 37 สเตอริดจ์รับบอลจากอัสปาสแล้วยิงไกลจากหน้าเขตโทษ บอลลอดขากองหลังพุ่งเบียดเสาเข้าไปได้ 1-0 หลังจากนั้นลิเวอร์พูลก็ยังรุกต่อ หาโอกาสได้เป็นระยะแต่ทำอะไรเพิ่มไม่ได้ ทำให้สโต๊คประคองตัวรอดจนจบครึ่งแรกได้ที่ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลถอยลงต่ำกว่าครึ่งแรกเล็กน้อย สโต๊คพยายามเล่นเกมรุกมากขึ้นแต่ยังขึ้นบอลช้าอยู่และยังคงหาโอกาสไม่ได้ ประกอบกับลิเวอร์พูลเองก็เน้นคุมพื้นที่ไม่ได้เร่งมาก เกมเลยช้าลง และเป็นลิเวอร์พูลที่ยังพอหาโอกาสได้บ้างแต่จบสกอร์ไม่เด็ดขาดกันเอง

_______ นาที 71 สเตอริ่งได้ลงแทนอัสปาส ลิเวอร์พูลหันมาเน้นเกมโต้กลับมากขึ้นกว่าเดิม แต่ไม่ได้ลงไปรับลึกเท่าไหร่ ยังคงเน้นอยู่ที่การบีบพื้นที่แดนกลางให้เร็วและยังทำได้ดี สโต๊คยิ่งเล่นยิ่งสะเปะสะปะ ได้ลุ้นนิดๆ หน่อยจากบอลโยนเข้ากลางสลับกับลูกตั้งเตะก็ไม่ได้กดดันอะไรมากนัก ยังคงเป็นลิเวอร์พูลที่ยังได้ลุ้นเรื่อยๆ แต่ทำสกอร์ไม่สำเร็จ

_______ ความไม่เด็ดขาดของลิเวอร์พูลทำให้ตัวเองต้องเสี่ยง นาที 88 สโต๊คได้ฟรีคิก อดัมโยนบอลเข้าเขตโทษ แอกเกอร์ขึ้นโหม่งแต่บอลดันไปโดนมือก่อนอย่างจัง ทีมเสียจุดโทษ แต่มิ นโยเล่ช่วยเซฟจุดโทษต่อด้วยลูกซ้ำระยะประชิดให้กับทีมได้ ทำให้ลิเวอร์พูลเอาตัวรอดไปได้หวุดหวิด (อย่างที่ไม่ควรจะต้องเสียวขนาดนี้) จบเกมไปด้วยสกอร์ 1-0
-----------------------------------------

_______ เป็นนัดเปิดฤดูกาลที่เล่นได้เพลินตา มีดราม่าท้ายเกม แต่สุดท้ายจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ลิเวอร์พูลนั้นเล่นด้วยแทคติคเดิมกับช่วงพรีซีซั่นที่เล่นมาตลอด รวมไปถึงผู้เล่นใหม่อย่างอัสปาสก็ได้ซ้อมร่วมกับทีมมาเต็มที่เพราะย้ายมา เร็ว ทำให้นัดนี้ไม่มีปัญหาเรื่องทีมเวิร์ค แบบวิ่งคนละทางกับบอลให้เห็นเลย ส่วนนี้ต้องยกให้ความดีความชอบให้กับการเตรียมทีมที่ทำได้ดี มีแนวทางชัดเจนและดึงตัวผู้เล่นมาได้เร็ว (อย่างน้อยนัดนี้ก็ในกรณีอัสปาส)

_______ ลิเวอร์พูลเล่นเหมือนช่วงพรีซีซั่นซึ่งแตกต่างจากฤดูก่อนเล็กน้อย แม้ตำแหน่งยืนยังคงยึดอยู่กับ 4-3-3 แต่รายละเอียดต่างออกไปจากฤดูที่แล้วพอสมควร ตัวริมเส้นอย่างคูตินโย่กับอัสปาสหุบเข้ากลางบ่อยครั้ง ส่วนเกมริมเส้นจริงๆ เป็นหน้าที่ของแบ็คที่เติมขึ้นมาช่วยมากกว่า กลาง 3 คนไม่ได้ทิ้งใครไว้หน้าแผงหลัง แต่ดันขึ้นมาไล่บีบเร็วในแดนกลาง ในครึ่งแรกจะเห็นชัดว่าทั้งลูคัสหรือเจอราร์ดยังขึ้นมาไล่สูงเลยวงกลมกลาง สนามบ่อยครั้ง และมีส่วนร่วมกับการช่วยเชื่อมเกมแดนหน้าค่อนข้างมากทีเดียว ที่น่าดีใจคือทุกคนดูจะเข้าใจแทคติคและเพื่อนร่วมทีมแล้ว ถือว่าออกสตาร์ทได้เร็วกว่าหลายฤดูที่ผ่านมา ซึ่งกว่าจะรู้ว่าจะเล่นกันยังไงก็ล่วงเลยไปยันเกือบนัดที่ 10

_______ นัดนี้ได้ทีมเวิร์คช่วยไว้เยอะครับ

_______ ส่วนปัญหาของลิเวอร์พูลที่เห็นจากนัดนี้มีพอสมควร ประการแรกเลยหนีไม่พ้นการจบสกอร์ที่ไม่เด็ดขาด จริงที่ว่าสโต๊คเล่นเกมรับได้ค่อนข้างดีและผู้รักษาประตูฟอร์มดีมาก แต่หลายจังหวะที่ได้ยิงแบบโล่งๆ ดันจบไม่ลงนี่จะไปโทษคนอื่นคงไม่ใช่ เล่นไปเล่นมากลายเป็นต้องมากดดันตัวเอง ทั้งๆ ที่คู่ต่อสู้แทบไม่มีอะไร ถัดมาเป็นเรื่องเกมริมเส้นที่แบ็คสองข้างอย่างเอนริเก้และจอห์นสันเล่นเกม รุกไม่ค่อยดีนัก ด้วยวิธีการเล่นที่ต้องหวังพึ่งให้ทั้งสองคนช่วยเล่นเกมรุกมากๆ แบบนี้แล้วทั้งสองคนทำอะไรไม่ได้ ก็น่าเป็นห่วงว่าลิเวอร์พูลจะต้องเล่นแบบอึดอัดๆ อย่างนี้อีกหลายนัด

_______ ส่วนปัญหาสุดท้ายที่เป็นปัญหาเรื้อรังอย่างการเล่นลูกเซตพีซ ซึ่งอันที่จริงก็เกือบทำให้ชวด 3 แต้มไปแล้วด้วยในนัดนี้ แม้จะยังคงเป็นปัญหาอยู่เมื่อมองจากโอกาสส่วนใหญ่ของสโต๊คเริ่มจากจุดนี้ ทั้งนั้น แต่ลิเวอร์พูลเองก็ดูจะปรับปรุงจุดนี้มาได้พอสมควร อย่างน้อยจังหวะที่คู่ต่อสู้ได้ขึ้นเล่นคนเดียวโล่งๆ ในเขตโทษก็ไม่มีให้เห็นแล้ว แต่ถ้าจะหวังบินสูงในฤดูนี้คงต้องปรับให้ดีขึ้นไปอีก

_______ ดูทางฝั่งคู่้ต่อสู้บ้าง นัดนี้สโต๊คแม้จะเล่นเกมรับได้ค่อนข้างดี แต่ภาพรวมยังดูด้อยกว่าฤดูที่แล้ว ยิ่งถ้ามองในเกมรุก มาร์ค ฮิวจ์เน้นการขึ้นบอลด้วยการผ่านบอลบนพื้น ซึ่งมันไม่ใช่ธรรมชาติของผู้เล่นสโต๊ค เหมือนเอากอริลล่าไปแข่งว่ายน้ำยังไงยังงั้น ถือว่าเป็นโชคดีเล็กๆ ที่ลิเวอร์พูลได้เจอกับสโต๊คก่อนที่พวกเขาจะปรับตัวกับแทคติคของฮิวจ์ได้ (ซึ่งไม่รู้จะมีวันนั้นหรือปล่าว)

_______ ...สิ่งที่เกิดขึ้นในสนามวันนี้ ชี้ให้เห็นว่าลิเวอร์พูลเตรียมทีมช่วงพรีซีซั่นมาดีกว่าสโต๊คครับ...
 -------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ค่อนข้างดี

มินโยเล่ - งานรองอย่างการออกบอลดูมีปัญหา โดยเฉพาะเวลาโดนวิ่งไล่ซึ่งเจ้าตัวเกือบพลาดหลายครั้ง แต่งานหลักอย่างการเซฟและออกมาตัดบอลโด่งทำได้ดี ขึ้นถึงบอลทุกลูก(แต่ปัดไม่ค่อยไปไหน) เซฟลูกสำคัญได้ 3-4 ครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเซฟจุดโทษและลูกซ้ำ

จอห์นสัน - เกมรับพอใช้ ตัดบอลกลับมาได้พอสมควรและไม่มีใครผ่านไปได้ง่ายๆ เชื่อมเกมได้ดี ส่วนเกมรุกดันขึ้นไปเล่นถึงหน้าเขตโทษบ่อยครั้งแต่ในพื้นที่สุดท้ายทำอะไรไม่ได้

แอกเกอร์ - นอกจากจังหวะที่พลาดทำให้ทีมเสียจุดโทษแล้วเล่นได้ค่อนข้างดี อ่านเกมได้ดีทีเดียวไม่มีหลง เข้าถึงบอลได้เร็วและเบียดปะทะพอใช้ได้ ลูกกลางอากาศวันนี้ดูจะหลวมไปซักนิด

ตูเร่ - เบียดแย่งบอลก่อนกองหน้าพลิกได้ดี ช่วยลูกกลางอากาศได้ดีทั้งในเกมรับและในลูกเซตพีซในเกมรุก

เอนริเก้ - เกมรับทำได้เยี่ยม เบียดแย่งบอลบังบอลได้เกือบทุกลูก ใครมาก็ไม่ผ่านแถมเสียบอลอีกต่างหาก เชื่อมเกมได้ดีเช่นกัน แต่พื้นที่สุดท้ายถ้าไม่ทำอะไรเลยอาจเป็นประโยชน์มากกว่า พลาดทุกลูก มีโอกาสหลุดได้ยิงโล่งๆ ครั้งนึงก็ไม่ดีพอจะเป็นประตู

เจอราร์ด - ถอยลงไปคุมเกมเต็มตัว แทบไม่ได้เล่นเกมรุกในแดนหน้า ปิดพื้นที่และกระจายบอลไปรอบๆ พอใช้ได้ มีการอ่านเกมที่ดีช่วยคุมจังหวะเกมได้

ลูคัส - ครึ่งแรกเคลื่อนที่ค่อนข้างเยอะเพราะต้องวิ่งบีบขึ้นไปถึงแดนหน้า ส่วนครึ่งหลังหนักไปทางคุมพื้นที่ในแดนตัวเอง เกมรับยังคงทำได้ดีอยู่ ตัดเกมได้มาก ที่ดีในวันนี้คือการเชื่อมเกมที่ทำได้เร็วและช่วยเกมรุกได้เยอะ

เฮนเดอร์สัน - รับบทผึ้งงานได้ยอดเยี่ยม เคลื่อนที่เยอะมากทั้งเชื่อมเกม รองบอล และวิ่งไล่คู่ต่อสู้ แม้จะตัดบอลได้ไม่มากนักและบอลคมๆ ก็แทบไม่มีให้เห็น แต่บีบให้คู่ต่อสู้เล่นยากขึ้นและช่วยให้เพื่อนเล่นง่ายขึ้น มีโอกาสช่วยเกมรุกมากกว่าลูคัสและเจอราร์ด เติมขึ้นไปได้ดีแล้วแต่ยิงพลาดหมด

คูตินโย่ - นอกจากบอลทะลุช่องที่ทำได้ดีแล้ว เจ้าตัวดูจะปรับตัวกับการเบียดปะทะได้ดีขึ้น ร่วมไปถึงการวิ่งไล่บีบพื้นที่ที่ทำได้ดีกว่าฤดูกาลที่แล้วแบบหน้ามือเป็น หลังมือ ที่ดูแผ่วลงไปคือการพาบอลไปกับตัวซึ่งวันนี้เลี้ยงไม่ค่อยผ่าน และการยิงที่ดูไม่จืดเท่าไหร่

อัสปาส - วิ่งทำทางได้ดีและเคลื่อนที่ไม่หยุด ไม่หวงบอลและไม่ออกบอลยาก ช่วยเกมรุกแถวหน้าเขตโทษได้ดี ผ่านบอลไปเพื่อนได้เปรียบ นัดนี้มีโอกาสยิงเองไม่มากนัก

สเตอริดจ์ - ดูยังไม่ฟิตเต็มร้อย วิ่งทำทางไม่มากนักถ้าเทียบกับฤดูก่อนและการเลี้ยงจี้ที่เคยทำได้ดีวันนี้มี ให้เห็นไม่มากนักและไม่กดดันคู่ต่อสู้เท่าไหร่ แต่อ่านเกมได้ดี อยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบและเพื่อนให้บอลง่าย ยิงประตูชัยได้เด็ดขาดด้วย

ตัวสำรอง

สเตอริ่ง - ได้บอลพอสมควรแต่ไม่ได้สร้างโอกาสเท่าไหร่

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ซิมง มินโยเล่... อันที่จริงอัสปาสกับคูตินโย่เล่ได้เด่นทีเดียว สเตอริดจ์ก็ยิงประตูชัย แต่การเซฟลูกโทษต่อด้วยลูกซ้ำช่วยให้ทีมเก็บ 3 แต้มเต็มได้นี่มันตรึงตราตรึงใจจริงๆ
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น