วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556

แมนฟิลด์ 1 - 2 ลิเวอร์พูล (เอฟเอ คัพ)


เอ่อ...นั่งดูวอลเล่ย์บอลอยู่รึปล่าวนี่
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1

---------------------สเตอริดจ์----------------------
ดาวนิ่ง---------------เชลวี่ย์-------------------ซูโซ่
--------------ลูคัส-------------อัลเลน--------------
โรบินสัน----คาราเกอร์-----โคอาเตส-----วิสดอม
----------------------โจนส์-------------------------

               ลิเวอร์พูลออกไปเยือนทีมนอกลีคอย่างแมนฟิลด์ในเกมเอฟเอคัพ ร็อดเจอร์ใช้ผู้เล่นชุดสำรองลงเล่นเป็นส่วนใหญ่ โดยโจนส์ได้ลงตัวจริง แผงหลัง 4 คนเป็นชุดสำรองล้วนๆ มีแบ็คดาวรุ่งลงทั้งสองฝั่งคือโรบินสันและวิสดอม ตรงกลางยังมีลูคัสกับอัลเลนแต่ตัวรุกใช้เชลวี่ย์ ส่วนริมเส้นดาวนิ่งยังได้ลงต่อเนื่องแต่ทางขวาใช้ซูโซ่ กองหน้าเป็นสเตอริดจ์ที่พึ่งมาร่วมทีมได้ไม่กี่วัน
-------------------------------------------------------

               เปิดเกมมาก็เป็นลิเวอร์พูลที่ได้ครองบอลตั้งแต่ต้น และทำเกมบุกเข้าใส่ทันที กองหลังดันสูงและแบ็คสองข้างเติมบ่อยและสูงมาก แถมกองกลางตรงกลางยังมีอัลเลนกับลูคัสสลับกันขึ้นมาเล่นสูงในบางจังหวะด้วย ฝั่งแมนฟิลด์นั้นคุมพื้นที่เกือบเต็มสนาม ไม่ได้ลงไปตั้งรับต่ำแต่ก็ไม่ค่อยไล่บอลมากนัก ทำให้เกมเป็นของลิเวอร์พูลโดยสิ้นเชิง

               ลิเวอร์พูลมาทำประตูนำได้สำเร็จตั้งแต่นาที 7 เชลวี่ย์ให้บอลทะลุช่องที่กว้างพอที่รถพ่วง 18 ล้อจะวิ่งผ่านได้ไปถึงเท้าสเตอริดจ์ในเขตโทษและยิงผ่านมือผู้รักษาประตูเข้า ไปได้ 1-0 หลังจากสกอร์ขยับทั้งสองฝ่ายก็เล่นกันไปตามจังหวะ ทำให้เกมช้าลงและไม่มีโอกาสทำอะไรกันมากนัก โดยเป็นฝั่งลิเวอร์พูลที่ได้ครองบอลมากกว่าแบบสุดกู่

               ลิเวอร์พูลยิ่งเล่นยิ่งผ่อน ขยับตัวกันน้อยลงและให้บอลกันไม่ค่อยดี ส่วนทางแมนฟิลด์ยิ่งเล่นยิ่งดูดุดันขึ้นเรื่อยๆ พอถึงประมาณ 15 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกลิเวอร์พูลก็เริ่มครองบอลได้น้อยลง กองหลังเริ่มโดนไล่จนเก็บบอลและขึ้นบอลได้ลำบาก แมนฟิลด์เริ่มได้บอลมากขึ้นแต่ยังทำเกมรุกได้ไม่ถนัดนัก ไม่ค่อยกดดันและไม่ต่อเนื่อง ก่อนจะจบครึ่งแรกที่สกอร์ 1-0

               เข้าครึ่งหลัง แมนฟิลด์เปลี่ยนจังหวะการเล่นจากหน้ามือเป็นหลังมือ ช่วยกันวิ่งไล่บอลเร็วกันทุกคนตั้งแต่แดนหน้า ทำเอาิลิเวอร์พูลตั้งตัวไม่ทัน ตั้งเกมและครองบอลไม่ได้ โดนแมนฟิลด์บุกเข้าใส่ด้วยบอลโด่งเป็นชุดๆ และได้ลุ้นประตู 2-3 ครั้ง รวมไปถึงบอลเด้งไปโดนแขนกองหลังลิเวอร์พูลจังหวะ 50-50 อยู่ 3-4 ครั้ง แม้จะไม่มีจังหวะไหนชัดเจนแบบที่เีรียกว่าต้องเป็นจุดโทษแน่ๆ แต่ลิเวอร์พูลก็โชคดีมากที่ไม่โดนเป่าแม้แต่ครั้งเดียว

               ผ่านไปแค่ 10 นาที ลิเวอร์พูลยังโงหัวจากเขตโทษตัวเองแทบไม่ขึ้น ร็อดเจอร์เห็นท่าไม่ดีรีบเปลี่ยนตัวเร็วทันทีถึงสองตำแหน่ง โดยส่งซัวเรส กับเฮนเดอร์สันลงมาแทนสเตอริดจ์และซูโซ่ ขยับเอาเชลวี่ย์ไปเล่นทางซ้ายมากขึ้น ดาวนิ่งมาขวา ให้เฮนเดอร์สันยืนเป็นกลางรุก และไม่นานหลังจากนั้น นาที 59 ลิเวอร์พูลก็ได้ประตูขึ้นนำแบบโชคช่วยจากจังหวะบอลวางยาวโต้เร็วที่เชลวี่ย์ โยนมาให้ ซัวเรสสะกิดบอลให้ดาวนิ่ง ดาวนิ่งตัดเข้ากลางก่อนผ่านให้ซัวเรสยิงจังหวะแรกติดผู้รักษาประตู บอลเด้งมาโดนมือซัวเรสตั้งให้ยิงซ้ำอีกครั้งจ่อๆ แต่กรรมการไม่เป่าฟาลว์ ลิเวอร์พูลนำห่างเป็น 2-0

               หลังถูกทิ้งห่าง แมนฟิลด์เกมสะดุดอยู่แค่ราวๆ 5 นาที ก่อนจะเริ่มวิ่งบี้เข้าใส่ได้ดีอีกครั้ง ลิเวอร์พูลเก็บบอลไว้กับตัวไม่ค่อยได้และตั้งเกมรุกขึ้นไปได้น้อย ส่วนใหญ่จะใช้การวางบอลยาวโต้เร็วเข้าสู้ ซึ่งได้ผลพอสมควรแต่พลาดจังหวะเข้าทำกันไปเองเป็นส่วนใหญ่ ทำให้แมนฟิลด์ยังคงตั้งหน้าตั้งตาโหมเกมเข้าใส่ได้ต่อเนื่อง กดดันแนวรับได้อยู่ตลอด จนกระทั่งนาที 79 แมนฟิลด์ได้ฟรีคิก (ในจังหวะเดียวกันฟลานาแกนได้ลงแทนวิสดอม) แล้วโยนเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะเก็บบอลจังหวะได้ในเขตโทษและยิงเข้าไปได้สำเร็จ 2-1

               เวลาที่เหลืออยู่แมนฟิลด์ยังโหมเกมรุกได้ดีและได้ลุ้นอยู่ตลอด รูปเกมดีกว่าชัดเจน ส่วนลิเวอร์พูลได้แต่สกัดบอลให้พ้นหน้าประตู พอมีจังหวะได้โต้ยาวให้ลุ้นบ้างนิดหน่อยแต่หาโอกาสจบแทบไม่ได้ สุดท้ายแมนฟิลด์ทำได้แค่ลุ้นไม่สามารถตีเสมอได้ จบเกมด้วยสกอร์ 2-1
 -----------------------------------------

               11 ตัวจริงวันนี้ไม่มีอะไรผิดคาด ร็อดเจอร์ใช้ผู้เล่นสำรองเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถ้าดูจากคู่ต่อสู้ที่ต้องเจอก็คงไม่ใช่เรื่องผิดพลาดอะไร ทั้งยังอุตส่าห์พ่วงเอาซัวเรสมานั่งรออยู่ในม้านั่งสำรองอีกต่างหาก ถ้าไม่มีซัวเรสให้เปลี่ยนลงมาอาจถึงขั้นต้องไปเตะรีเพลย์เป็นอย่างน้อยเลยที เดียว นอกจากนั้นร็อดเจอร์ยังเปลี่ยนตัวได้เร็วด้วย เพราะเกมต้นครึ่งหลังลิเวอร์พูลดูย่ำแย่หวุดหวิดเจียนตายสุดๆ ถ้าเปลี่ยนช้ากว่านั้นอีกแค่สัก 5 นาที อาจได้มีพาดหัวหน้า 1 กันได้(แต่แค่นี้คิดว่าคงมีแล้วล่ะ)

               ดูที่รูปเกมอย่างเดียว ลิเวอร์พูลวันนี้มีปัญหาในการตั้งเกมรุกมาก จากปรกติที่แบ็คสองฝั่งจะช่วยเชื่อมเกมได้เป็นอย่างน้อย บางเกมถึงขั้นเป็นตัวทำเกมได้เลย แต่วันนี้พอสลับมาใช้แบ็คดาวรุ่ง ทั้งคู่เชื่อมเกมแทบไม่ได้ กองกลางตัวคุมจังหวะ 2 คนคืออัลเลนกับลูคัสอาจจะพอเคาะบอลหนีได้แต่ผ่านบอลขึ้นหน้าได้น้อย ทำให้สุดท้ายบอลก็วนกลับมาที่เดิม ครึ่งแรกยังไม่เท่าไหร่เพราะไม่โดนไล่มากนักแต่พอครึ่งหลัง พอบอลวนไปวนมาแถวกลางสนามขึ้นไม่ได้ สุดท้ายก็โดนตัดได้แถวกลางสนาม เป็นเกมที่ลิเวอร์พูลเล่นเกมของตัวเองแทบไม่ได้เลยนอกจาก 7 นาทีแรกของเกม

               สิ่งที่ตัดสินเกมในวันนี้คงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากความมุ่งมั่นของผู้ เล่นสองฝ่าย แม้แมนฟิลด์ในครึ่งแรกยังดูกล้าๆ กลัวๆ อยู่แต่พอเข้าครึ่งหลังวิ่งกันได้แบบลืมตาย ไม่ว่าบอลจะห่างตัวแค่ไหนหรือมีแข้งรออยู่ข้างหน้าทุกคนพร้อมวิ่งเข้าไป ชาร์จถึงบอลเสมอ สลับกับทางฝ่ายลิเวอร์พูลที่พอได้ประตูขึ้นนำแล้วผ่อนเกมลงมาอย่างน่าใจหาย วิ่งน้อยลงไม่ว่าจะทำทางหรือไล่บอล สติสตังค์ไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวจับบอลปลิ้นไปดื้อๆ เสียบอลแล้วก็ไม่ค่อยไล่ตาม ยังดีว่าได้...ลูกนั้น...มาช่วยไม่งั้นคงต้องได้เหนื่อยกันอีกนัด ถ้าดูจากรูปเกมอย่างเดียวก็คงต้องบอกว่าแมนฟิลด์โชคร้ายเอามากๆ ที่แพ้

               จุึดเปลี่ยนที่สำคัญสุดๆ แน่นอนว่าเป็นประตู 2-0 ซึ่งได้มาแบบโชคช่วยและสุดท้ายแล้วเป็นประตูชัยด้วย แม้จะไม่มีใครรู้ว่าซัวเรสตั้งใจหรือปล่าว (ส่วนตัวผมคิดว่าตั้งใจ แต่ร็อบบี้ ซาเวจที่เป็นผู้บรรยายร่วมอยู่ด้วยบอกว่าซัวเรสไม่น่าจะตั้งใจ) และซัวเรสในฐานะที่เป็นนักฟุตบอลจังหวะนั้นก็ต้องยิงต่อให้เข้า จะมาชูมือบอกแฮนด์บอลคร๊าบแล้วหยุดเล่นคงไม่ใช่ที่ (อัีนนี้ในกรณีที่เขาไม่ได้ตั้งใจนะ) แต่ที่แน่ๆ ประตูนั้นไม่สมควรเป็นประตู ครับ ถ้าลูกนั้นไม่ได้ประตูสกอร์หยุดอยู่แค่ 1-0 อย่างน้อยๆ เกมนี้คงต้องกลับไปเล่นที่แอนฟิลด์แล้ว นี่ัยังไม่ต้องพูดถึงจังหวะที่บอลเด้งโดนมือคาราเกอร์, โรบินสัน, อัลเลน ในเขตโทษ ซึ่งทุกจังหวะไม่ชัดเจน แค่ 50/50 แต่ 50/50 3 ครั้งแล้วไม่โดนสักลูกเลยนี่ไม่เรียกโชคดีแล้วจะเรียกอะไรได้

               ...ก็หวังว่าโชคดีจะยังไม่หมดไปเสียก่อนตั้งแต่นัดนี้ครับ...
-------------------------------

นัดนี้เล่นกันไม่ค่อยดีนัก

โจนส์ - โดนกดดันมากๆ แล้วมีลนลานมือไม้อ่อนให้เห็นนิดหน่อย เตะบอลสาดทิ้งออกข้างสนามก็พอสมควร แต่ยืนตำแหน่งได้ดี เซฟลูกสำคัญได้หมด(ยกเว้นลูกที่เสียประตู) ออกมาตัดบอลโด่งแม้จะมียึกยักบ้างแต่ออกมาแล้วถึงบอลทุกครั้ง ช่วยทีมไว้ได้หลายต่อหลายครั้ง

วิสดอม - เกมรุกช่วยทีมไม่ได้เลย และเกมรับก็มีหลุดตำแหน่งให้เห็นพอสมควร เล่นลูกโด่งและสกัดบอลที่เปิดเข้ามาได้เด็ดขาดดี แต่หยุดการทำเกมของตัวริมเส้นได้ไม่ดีนัก

โคอาเตส - เข้าสกัดจังหวะคู่ต่อสู้พลิกบอลได้แล้วได้ค่อนข้างดี(แต่คู่ต่อสู้พลิกได้ ค่อนข้างง่าย) ลูกกลางอากาศช่วยทีมได้เยอะมากๆ แต่ดักบอลเล่นก่อนถึงกองหน้าแทบไม่ได้ และเก็บบอลได้น้อยมาก

คาราเกอร์ - คล้ายโคอาเตส แต่ช่วยทีมในจังหวะสำคัญไว้ได้พอสมควร สั่งการแนวรับได้ค่อนข้างดี เก็บบอลได้น้อยและผ่านบอลไปข้างหน้าแทบไม่ได้

โรบินสัน - เหมือนวิสดอม แต่เล่นลูกกลางอากาศไม่ดีนัก

ลูคัส - ครึ่งแรกเกมรับเสียฟาลว์ง่ายไปหน่อยแต่ส่วนใหญ่ก็หยุดเกมรุกคู่ต่อสู้ได้ค่อนข้างดี พอเข้าครึ่งหลังคู่ต่อสู้เน้นบอลโด่งข้ามแผงกลาง ลูคัสช่วยเก็บบอลจังหวะสองได้น้อยไปหน่อยและผ่านบอลขึ้นหน้าไม่ได้

อัลเลน - ครึ่งแรกได้เล่นในเกมง่ายและทำได้ดี เคลื่อนบอลไปรอบๆ ได้ตลอด เข้าครึ่งหลังโดนไล่หนักๆ แล้วโดนแซะเสียบอลไปไม่น้อย เก็บบอลจังหวะสองได้น้อยพอๆ กับลูคัส ครองบอลไว้กับตัวไม่ได้เลย

ซูโซ่ - ได้บอลน้อยเพราะบอลส่วนใหญ่เจาะตรงกลางสลับกับฝั่งซ้าย ไม่มีส่วนร่วมกับเกมมากนักและเกมรับก็ช่วยอะไรไม่ค่อยได้

ดาวนิ่ง - มีส่วนร่วมกับเกมมากทีเดียว ครึ่งแรกแตะบอลหลบกองหลังจนได้โอกาสเปิดหลายครั้ง ครึ่งหลังเป็นตัวหลักในการทำเกมโต้กลับและทำได้น่าพอใจเมื่อเก็บบอลได้และพา บอลไปข้างหน้าได้ รวมไปถึงเกมรับที่ช่วยซ้อนแบ็คที่ขยันหลุดตำแหน่งได้ค่อนข้างดี อย่างไรก็ตาม ไม่มีทีเด็ดทีขาดไม่ว่าจะยิงหรือจ่าย พอถึงพื้นที่สุดท้ายแล้วทำอะไรไม่ค่อยได้

เชลวี่ย์ - ครึ่งแรกจ่ายบอลเจาะทะลุตรงกลางได้ดีหลายครั้ง หนึ่งในนั้นเป็นประตูด้วย ครึ่งหลังพอขยับไปเล่นซ้ายมากขึ้นก็ทำได้ดีในการวิ่งเติมขึ้นไปในจังหวะโต้ กลับและได้โอกาสจบสกอร์อยู่บ้างแต่พลาดหมด แต่โดยรวมเป็นเกมที่เชลวี่ย์เล่นไม่ดีนัก จับบอลไม่ค่อยดี เสียบอลไม่ค่อยตาม และวิ่งทำทางในจังหวะที่ทีมตั้งเกมขึ้นไปได้ไม่ดีเลย (ต่อบอลขึ้นไปจากข้างหลัง ไ่ม่ใช้โต้ยาว)

สเตอริดจ์ - มีความคล่องตัวและวิ่งทำทางได้ดี หาโอกาสจบสกอร์ได้ดีมาก ลูกแรกยิงได้เฉียบขาด ครั้งที่สองที่มีโอกาสดันท่ามากไปนิด และครั้งหลังๆ จากนั้นก็ยิงได้ลุ้นแต่ไม่เข้ากรอบ

ตัวสำรอง

เฮนเดอร์สัน - ลงมาเล่นแทนตำแหน่งเชลวี่ย์แล้วดูดีกว่ามากในเรื่องการเคลื่อนที่และช่วยเกมรับ แต่จังหวะออกบอลไม่เด่นเท่า

ซัวเรส - ลงมายิงได้ หลังจากนั้นถอยลงมายืนต่ำไปนิดแต่ก็ช่วยเชื่อมเกมโต้กลับกับดาวนิ่งได้ดีหลายครั้ง

ฟลานาแกน - ลงมาแล้วอยากให้กลับไปอยู่ข้างสนาม

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...แบร็ด โจนส์... แม้จะไม่มีลูกเซฟชนิดว่าที่ต้องนั่งงงว่าเซฟไปได้ยังไง แต่ก็ช่วยทีมเอาไว้ได้หลายครั้งมาก (ย้ำว่ามาก) ทั้งหยุดลูกยิงและออกมาตัดบอลโด่ง
------------------------------------------------------------
Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น