วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ลิเวอร์พูล 1 - 1 คาร์ดิฟ (ต่อเวลา 2-2, จุดโทษ 3-2)


...ดราม่าไปมั้ย?...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2

---------------ซัวเรส-----คาโรล----------------

ดาวนิ่ง------อดัม------เจอราด------เฮนเดอร์สัน

เอนริเก้---สเคอเทล----แอกเกอร์-----จอห์นสัน

----------------------เรน่า-----------------------

               ลิเวอร์พูลลงเล่นเกมชิงชนะเลิศลีคคัพ ดัลกลิชจัด 4-4-2 ใช้ซัวเรสกับคาโรลเป็นคู่หน้า ริมเส้นขวาเืลือกส่งเฮนเดอร์สัน ส่วนริมซ้ายเป็นดาวนิ่ง คู่กลางเป็นอดัมกับเจอราด และแผงหลังยังอยู่กันครบ
-------------------------------------------------------

               เริ่มเกมมาคาร์ดิฟวิ่งใส่ทันที ส่วนลิเวอร์พูลขึ้นเกมช้าเล่นด้วยความระมัดระวัง เน้นขึ้นเกมทางริมเส้นโดยเฉพาะฝั่งขวาด้วยการเติมเกมขึ้นไปของจอห์นสัน เกมเป็นของลิเวอร์พูลมากกว่าแต่คาร์ดิฟอาศัยจังหวะผิดพลาดของแนวรับขึ้นนำไปได้ก่อนในนาที 19 คาร์ดิฟจ่ายบอลทะลุช่องเซนเตอร์กับแบคซ้ายเข้าไปยิงลอดขาเรน่าได้ 1-0

               เกมยังเป็นของลิเวอร์พูลมากกว่า โดยคาร์ดิฟครองบอลได้น้อยแต่ยังปิดพื้นที่อันตรายกันได้ดี ส่งผลให้ลิเวอร์พูลเริ่มบุกไปถึงเขตโทษได้น้อยลง ใช้บอลทางลึกโยนเข้าไปในเขตโทษไม่ค่อยได้ผล จังหวะลุ้นประตูส่วนใหญ่มาจากบอลครอสริมเส้น(โดยเฉพาะฝั่งซ้ายด้วยการเล่นและเปิดของดาวนิ่ง)และลูกเตะมุมซึ่งยังทำไม่สำเร็จ จนกระทั่งจบครึ่งแรกยังตามอยู่ 1-0

               เข้าครึ่งหลัง รูปเกมยังคล้ายครึ่งแรก แต่คาร์ดิฟลงไปรับมากกว่าและเน้นการเล่นจังหวะโต้กลับที่โยนยาวรวดเดียวถึงกองหน้ามากขึ้น ลิเวอร์พูลบุกได้ไม่ต่อเนื่องเพราะเก็บบอลจังหวะสองที่กองหลังคาร์ดิฟสกัดออกมาไม่ค่อยได้ นาที 58 เบลามี่ได้ลงมาแทนเฮนเดอร์สันที่เล่นไม่ออก เบลามี่ลงไปเล่นทางซ้าย ดาวนิ่งถูกโยกมาขวา

               แล้วก็เหมือนกับเป็นตัวนำโชค ไม่กี่นาทีถัดมา นาที 60 จากลูกเตะมุม คาโรลขึ้นเบียดกับกองหลังบอลตกใส่หัวซัวเรสที่สะบัดโหม่งไปชนเสา แต่บอลไปเข้าทางสเคอเทลจับหนึ่งจังหวะก่อนจะแปเรียดเข้าไป ลิเวอร์พูลตีเสมอได้เป็น 1-1

               ลิเวอร์พูลยังครองบอลได้มากและพยายามจะบุกอยู่ แต่เก็บบอลจังหวะสองได้น้อย รวมไปถึงกลางสนามหยุดเกมจังหวะโต้ของคาร์ดิฟไม่ได้ ทำให้รูปเกมโดยรวมออกมาดูสูสี นาที 87 แอกเกอร์ที่มีอาการบาดเจ็บถูกเปลี่ยนตัวออก คาราเกอร์ได้ลงมาแทน และครบ 90 นาทีไปด้วยผลเสมอ 1-1

               ช่วงต่อเวลาครึ่งแรก ต่างฝ่ายต่างหมดแรง ลิเวอร์พูลเล่นช้าและออกบอลพลาดมากขึ้น ส่วนคาร์ดิฟแทบไม่ขึ้น อาศัยบอลยาวให้กองหน้าพักอย่างเดียว นาที 103 เค้าท์ได้ลงมาแทนคาโรล และ 5 นาทีถัดมา เค้าท์ได้บอลเลี้ยงจี้เข้าไปถึงหน้าเขตโทษ ยิงไกลจังหวะแรกไม่ดีโดนสกัดออกมา บอลมาเข้าทางเค้าท์ยิงอีกครั้งก็ลื่นแต่บอลพุ่งเสียบเสาแรกเข้าไปได้ให้ลิเวอร์พูลพลิกนำ 2-1

               หลังจากนั้นคาร์ดิฟก็หันมาเปิดเกมรุกโหมใส่เต็มที่ ในขณะที่ลิเวอร์พูลไม่เก็บบอลไว้กับตัว หนักไปทางสกัดทิ้งอย่างเดียว แม้คาร์ดิฟจะกดดันได้ไม่ต่อเนื่องมากนัก แต่ก็มาทำสำเร็จจนได้ นาที 118 จากจังหวะทีไ่ด้เตะมุมติดๆ กัน 2-3 ครั้ง บอลโยนเข้ามาในเขต 6 หลาตกแถวเสาสอง เค้าท์เสียหลักสกัดไม่ถึงบอลแล้วเป็นนักเตะคาร์ดิฟจิ้มบอลลอดขาเรน่าเข้าไปได้ ตีเสมอลากเกมไปจนถึงการยิงจุดโทษได้สำเร็จ 2-2

               ในการยิงจุดโทษ ยิงทางฝั่งกองเชียร์ลิเวอร์พูลและลิเวอร์พูลได้ยิงก่อน

               เจอราดยิงไปติดเซฟ แต่มิลเลอร์ก็ยิงไปชนเสาด้านขวา ยัง 0-0

               อดัมยิงข้ามคานไปไกล  ส่วนฮาวี่ย์ยิงเข้า เป็น 0-1

               เค้าท์ยิงไม่พลาด แต่เกสเต้ยิงชนเสาด้านซ้าย ตีเสมอเป็น 1-1 สำเร็จ

               ดาวนิ่งก็ไม่พลาด แต่วิทติ้งแฮมก็ยิงตามมาได้ 2-2

               คนสุดท้ายจอห์นสันยิงเสียบคานได้แบบหวาดเสียว แต่ (แอนโทนี่) เจอราดแปบอลหลุดเสาไป สุดท้ายลิเวอร์พูลเลยเอาชนะไปได้สำเร็จ 3-2 ทั้งๆ ที่สองคนแรกยิงไม่เข้า คว้าแชมป์ไปได้สำเร็จ
------------------------------------------

               ดัลกลิชจัด 4-4-2 ในช่วงเวลาที่กองหน้าเริ่มกลับมาเล่นได้ดีขึ้นก็ไม่น่าแปลกใจนัก แต่วันนี้ตัวริมเส้นที่เลือกเฮนเดอร์สันลงมาก่อนทั้งเค้าท์และทั้งเบลามี่ถือเป็นจุดที่ทำให้เกมรุกเล่นได้แค่ฝั่งเดียว นอกจากนั้น การไม่ส่งกลางรับอาชีพอย่างสเปียริ่งลงมาถือว่าส่งผลกับเกมของลิเวอร์พูลมากเหลือเกิน การเก็บบอลจังหวะสองและการหยุดเกมของคาร์ดิฟที่กลางสนามวันนี้ลิเวอร์พูลทำได้แย่มาก ทำให้เกมที่ควรจะง่าย(กว่านี้) ยากขึ้นแบบไม่น่าเชื่อ

               แต่สิ่งที่สำคัญกว่าแทคติคและส่งผลต่อรูปเกมของลิเวอร์พูลในวันนี้คือฟอร์มของนักเตะเอง แบคที่เคยเล่นได้ดีวันนี้นัดกันหลุด เอนริเก้เล่นเหมือนไม่มีสมาธิในหลายจังหวะ (รวมถึงจังหวะที่เสียประตูแรก) จอห์นสันไม่สามารถปิดเกมริมเส้นของคาร์ดิฟได้เท่าที่ควรจะเป็น มองขึ้นมาถึงกองกลาง อดัมกับเจอราดไม่ค่อยมีใครเข้าบอลและไล่บอลน้อย ส่วนเฮนเดอร์สันทำอะไรก็ดูผิดไปหมด ทั้งโยนพลาด, ยิงวืด, ตัดบอลไม่ได้ เวลากลางคาร์ดิฟพาบอลขึ้นมาเกือบทุกครั้งที่ต้องกลายเป็นหน้าที่ของคู่เซนเตอร์ที่มาสกัดเอาไว้ ส่วนคู่กองหน้าก็โดนประกบติดจนพากันเล่นไม่ออก ยังดีว่าเอาตัวรอดได้ในการยิงจุดโทษ

               มองทางฝั่งคาร์ดิฟ พวกเขาเล่นได้ดีในเกมรับ ยืนตำแหน่งกันได้ดีอย่างกับเกมคอมพิวเตอร์ มีคนไล่ มีคนซ้อน แผงหลัีงยืนตรงเป๊ะ เข้าบอลแม่นเสียฟาลว์น้อย แต่สิ่งที่ต้องแลกคือเกมรุกที่ทำกันแทบไม่ได้เลย หน้าเป้าของพวกเขาโดนสเคอเทลเล่นงานจนเก็บบอลหรือโหม่งชงให้เพื่อนได้น้อยมาก แล้วก็ไม่ค่อยมีใครเติมขึ้นมาช่วยด้วย อย่างไรก็ตาม พวกเขาฉวยโอกาสจากความผิดพลาดได้ดี ในจังหวะที่ลิเวอร์พูลขึ้นบอลพลาดหรือยืนตำแหน่งไม่ดี คาร์ดิฟสามารถเอามาใช้ประโยชน์ได้เกือบตลอด เพียงแต่หาจังหวะจบสกอร์กันได้น้อยไปหน่อยเท่านั้นเอง แล้วยังมาพลาดจุดโทษกันตั้งสามคนอีก ทั้งๆ ที่ได้เปรียบก่อนด้วยซ้ำ

               ขอบคุณมาก...คาร์ดิฟ!
----------------------------------

นัดนี้เล่นได้ค่อนข้างแย่

เรน่า - 2 ลูกที่เสียไม่ได้พลาด ออกมาตัดบอลโด่งได้ดีมากๆ รวมไปถึงการเซฟจุดโทษที่ถึงแม้จะเซฟไม่ได้เลยสักครั้ง แต่พุ่งผิดทางแค่ครั้งเดียว!

เอนริเก้ - พลาดเยอะมากเหลือเกินจนแทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นคนๆ เดียวกับที่เคยเล่นมาก่อนหน้านี้ สมาธิในเกมรับไม่ดีเอามากๆ หลายครั้งที่ไม่วิ่งเข้าไปบังบอล (ซึ่งนำมาซึ่งการเสียประตูแรกด้วย) การขึ้นบอลก็พลาดเยอะ โดนตัดไปได้หลายครั้ง

แอกเกอร์ - ซ้อนแบค (และกองกลาง?) ได้ดี เข้าสกัดได้แม่นยำ หยุดไม่ให้บอลเข้าเขตโทษได้ดี

สเคอเทล - เล่นได้ดีมากที่สุดในทีมแล้ว กองหน้าคาร์ดิฟเล่นลูกกลางอากาศได้ดีแต่สเคอเทลก็เบียดโหม่ง ดักโหม่งก่อนกองหน้าจะเล่นได้เยอะ จนทำให้คาร์ดิฟบุกได้ไม่สะดวกนัก เป็นคนตีเสมอในเกม 90 นาทีได้ด้วย

จอห์นสัน - ช่วงต้นเกมขึ้นมาเติมเกมรุกได้ดีั ยิงชนคานแบบสุดสวยไปครั้งนึงด้วย แต่หลังจากนั้นก็ปล่อยให้ริมเส้น(ที่นานๆ จะขึ้นมาสักครั้ง) เล่นได้อย่างสะดวกเหลือเกิน ยืนผิดตำแหน่งและสกัดลูกครอสแทบไม่ได้เลย

ดาวนิ่ง - เป็นอาวุธหลักในเกมรุกของทีม ทำได้ดีทีเดียว หลายครั้งที่สลัดหลุดพาบอลไปถึงสุดเส้นได้ เปิดเข้ามาได้ดีเยอะมากด้วย ...แต่เพื่อนเข้ามาไม่ถึงบอล ช่วงที่ถูกโยกไปขวายังเล่นพอได้อยู่แต่เปิดบอลไม่ผ่านแล้ว

อดัม - หาจังหวะสอดขึ้นมายิงไกลได้ดี ได้ลุ้น 2-3 ครั้ง เชื่อมเกมพอใช้ได้ แต่การบีบพื้นที่และเ้ข้าสกัดแทบไม่มีเลย เก็บบอลได้น้อยไม่ว่าจะเป็นหน้าเขตโทษตัวเองหรือหน้าเขตโทษคู่ต่อสู้

เจอราด - เป็นคนคุมจังหวะเกมรุก ทำได้พอใช้ในเรื่องนั้น แต่วันนี้ยิงไกลโล่งๆ ที่ควรจะได้ลุ้น ยิงยังไงก็หลุดกรอบหมด (5-6 ลูกได้) ส่วนเกมรับทำได้ไม่ดีนัก

เฮนเดอร์สัน - เป็นวันที่ทำอะไรก็ดูไม่ดีจริงๆ ผิดพลาดไปหมดและแทบไม่มีส่วนทำให้เกมมันดีขึ้นเลยไม่ว่าจะรับหรือรุก มีโอกาสได้จบสกอร์ในเขตโทษโล่งๆ ครั้งนึงก็ยังอุตส่าห์ยิงวืดมันซะอย่างนั้น

ซัวเรส - โดยประกบติดและได้บอลไม่มากนัก ยังหาพื้นที่และกระชากบอลได้ดีแต่เล่นหลายจังหวะไปหน่อย ล็อคจนเสียบอลหลายครั้ง จังหวะสุดท้ายไม่ว่าจะยิงหรือชิ่งหรือเปิดทำได้ไม่ดีนัก

คาโรล - นี่ก็โดนประกบติด ยังเบียดโหม่งเอาชนะกองหลังได้ไม่น้อย ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี ...ยกเว้นเวลาอยู่ในเขตโทษ

ตัวสำรอง

เบลามี่ - ลงมาทำได้ดีกว่าเฮนเดอร์สัน พาบอลขึ้นไปได้ดีในบางจังหวะ ทำเกมริมเส้นไม่ค่อยได้ แต่เชื่อมเกมตรงกลางและเร่งจังหวะเข้าทำใช้ได้

คาราเกอร์ - บอลมาทางไหน เด้งกลับไปทางนั้น ไม่ค่อยเก็บบอลแต่นอกนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด

เค้าท์ - อาศัยที่ลงมาทีหลังและแรงยังดีกว่าชาวบ้าน พาบอลขึ้นไปเองได้ดีหลายครั้ง เปลี่ยนการยิงไกลเข้าขั้นแย่สองครั้งติดๆ เป็น 1 ประตูได้และทำให้ทีมเกือบชนะตั้งแต่ช่วงทดเวลา

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : มาร์ติน สเคอเทล...ถ้าเกมจบในเวลาคงจะเป็นดาวนิ่งหรือเค้าท์ไปแล้ว แต่เมื่อต้องเล่นครบ 120 นาที ขอยกให้คนที่เล่นได้เด่นที่สุดอย่างสเคอเทลแล้วกัน

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น