วันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2554

เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 2 - 1 ลิเวอร์พูล

ได้หน้า...ลืมหลัง
-------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2 ด้วยผู้เล่นชุดเดิมจากนัดก่อน

----------------ซัวเรส--------คาโรล----------------
ไมราเลส--------ลูคัส--------สเปียริ่ง---------เค้าท์
จอห์นสัน----แอกเกอร์----สเคอเทล----คาราเกอร์
-------------------------เรน่า-------------------------

หลังจากรอมาข้ามสัปดาห์ ลิเวอร์พูลกลับมาเตะอีกครั้งโดยออกไปเยือนเวสต์บรอมวิชที่คุมโดย รอย  ฮอดจ์สัน ใช้ผู้เล่นชุดเดิมล้วนๆ ในขณะที่เวสต์บรอมเกมแต้มมาได้อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงฮอดจ์สันเองก็เป็นกุนซือที่ทำเกมในบ้านได้ดีมาตลอดอยู่แล้วด้วย นับว่าเป็นเกมยากอีกเกมหนึ่ง
-------------------------------------------------------

เริ่มเกมมาไม่ทันไร นาที 7 จอห์นสันก็เจ็บจนต้องส่งกีเกียคอสลงมาแทน แอกเกอร์ถูกถ่างไปเล่นแบคซ้าย ลิเวอร์พูลพยายามเล่นบอลเร็ว ในขณะที่ เวสต์บรอมวิชเน้นเล่นบอลบนพื้นเน้นจ่ายบอลและทำกันได้ดีมาก นาที 25 ลิเวอร์พูลมาเสียแอกเกอร์ที่เจ็บออกไปอีกคน เป็นวิลสันที่ได้ลงมาแทน ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลเริ่มเล่นช้าลงและจ่ายบอลกันผิดพลาดหลายครั้ง ส่วนเวสต์บรอมวิชยังทำกันได้ดีอย่างต่อเนื่อง หาจังหวะยิงนอกเขตได้อยู่ตลอดแต่เป็นเรน่าที่คว้าติดมือไว้ได้เรียบ จบครึ่งแรกที่สกอร์ 0-0

เข้าครึ่งหลัง รูปเกมยังเหมือนเดิม แต่นาที 50 ลิเวอร์พูลได้ลูกเตะมุม สเคอเทลขึ้นได้สูงกว่ากองหลังโหม่งเข้าไปได้ ลิเวอร์พูลนำ 1-0 ถึงแม้จะได้ประตูขึ้นนำแต่รูปเกมลิเวอร์พูลยังไม่ได้กระเตื้องขึ้น เกมตรงกลางเอาชนะคู่ต่อสู้ไม่ได้ บอลของเวสต์บรอมวิชบุกขึ้นมาป้วนเปี้ยนแถวหน้าเขตโทษได้อยู่ตลอด

นาที 62 ลิเวอร์พูลก็พลาดจนได้ โอเดมวิงกี้จับบอลในเขตโทษแล้วพลิกเร็ว กีเกียคอสเสียบทั้งคนทั้งบอลจากด้านหลังเสียจุดโทษ ทำให้เวสต์บรอมวิชตีเสมอเป็น 1-1 หลังจากนั้นเกมก็เปิดแลกกันมากขึ้น แต่เป็นทางฝั่งเวสต์บรอมวิชที่ยังทำได้ดีกว่าเช่นเดิม ส่วนลิเวอร์พูลมีการปรับแทคติคเล็กน้อย โดยให้ไมราเลสมาเล่นทางขวาและซัวเรสถ่างมาเล่นริมเส้นฝั่งซ้ายมากขึ้น

เกมของลิเวอร์พูลดูดีขึ้นเล็กน้อยจากการเล่นของซัวเรสแต่ยังไม่ถึงขั้นได้ เปรียบ นาที 87 โคลได้ลงมาแทนเค้าท์ แต่นาทีถัดมา กีเกียคอสก็พลาดอีกครั้ง เบียดโอเดมวิงกี้ไม่อยู่ถูกฉกบอลไปได้ เรน่าเข้ามาขวางเสียจุดโทษอีกรอบ และเวสต์บรอมวิชไม่พลาดขึ้นนำได้สำเร็จ 2-1

ช่วงท้ายเกมลิเวอร์พูลมีโอกาสจากสเคอเทลที่ขึ้นโหม่งลูกเตะมุมแต่ไม่เข้ากรอบ และได้ลุ้นอีกครั้งจากลูกชิพข้ามหัวผู้รักษาประตูของซัวเรสแต่กองหลังเวสต์ บรอมวิชยังสกัดได้บนเส้น จบเกมเป็นทีมเจ้าบ้านแซงเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 2-1
------------------------------------------

ลิเวอร์พูลโชคร้ายที่เสียกองหลังสองคนไปตั้งแต่ต้นเกม ทำให้แผงหลัง 4 คนเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟทั้งหมด เรื่องการเติมเกมรุกของแบคลืมไปได้เลย ไล่ขึ้นมาถึงแผงมิดฟิลด์ ลูคัสกับสเปียริ่งเล่นกันได้ดีขึ้นกว่านัดก่อนแต่ยังไม่ดีพอ ทำลายเกมของเวสต์บรอมวิชแทบไม่ได้ปล่อยให้บอลเลยไปกดดันแผงกองหลังตลอด ริมเส้นสองฝั่งก็เล่นกันไม่ออกโดยสิ้นเชิง บอลไปแทบไม่ถึงกองหน้าเลย

ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับโชคสักเท่าไหร่ ในเมื่อลิเวอร์พูลมีโอกาสในช่วงมกราแต่ดันไม่ซื้อกองหลังเข้ามาเสริมทีม ตอนนี้แผลเริ่มเปิดออกอีกครั้งแล้วยังไม่รู้จะห้ามเลือดกันได้รึปล่าว ถ้าสามารถจบฤดูกาลได้ในอันดับที่ 5 นี่ต้องเรียกว่าเข้าขั้นปาฏิหารย์กันแล้ว
-----------------------------------

ผลงานแต่ละคนส่วนใหญ่ทำกันได้ไม่ดี

เรน่า - เซฟได้ตลอดเกมยกเว้นลูกจุดโทษ ไม่มีเรน่าทีมคงไม่ได้ลุ้นมีแต้มจนกระทั่งหมดเวลาแน่ๆ

วิลสัน - ไม่นิ่ง ตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด ยืนตำแหน่งไม่ดีเอามากๆ

สเคอเทล - เล่นได้ดีชนิดผีเข้า แทบไม่เสียฟาลว์เลย สกัดได้เด็ดขาด ทำประตูได้อีกต่างหาก (แต่ยิงทีไรทีมไม่ชนะ)

กีเกียคอส - เจอเล่นงานจนเสียคนถึงสองครั้ง สู้กับนักเตะที่มีความคล่องตัวไม่ได้จริงๆ

คาราเกอร์ - ในเกมรับยังช่วยทีมไว้ได้เยอะ ปิดเกมริมเส้นในฝั่งของตัวเองได้ดี แต่เกมรุก...ลืมๆ มันไปเถอะ...

ไมราเลส - เหมือนนัดที่แล้ว

ลูคัส - เล่นเกมรุกได้ดีขึ้นนิดหน่อย แต่เกมรับทำได้ไม่ดีเลย

สเปียริ่ง - ขาดพลังทำลายล้าง ปล่อยให้กลางเวสต์บรอมเล่นง่ายเกินไป แต่การเชื่อมเกมทำได้ดีขึ้น

เค้าท์ - เป็นวันที่ฟอร์มฝืดสนิท ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน

ซัวเรส - ช่วงที่ยืนสูงแทบไม่ได้บอลเลย แต่ตอนที่ออกไปรับบอลริมเส้นทำเกมได้ดีมาก ถ้ามีคนคอยทำชิ่งหรือวิ่งทำทางที่รู้ใจน่าจะทำได้ดีกว่านี้

คาโรล - กระโดดโหม่งจนปวดหัว เพื่อนส่งบอลมาแต่ละลูกไม่ได้เปรียบเลย ดูเสียสมาธิในช่วงครึ่งที่โดนอัดหนักๆ ด้วย

จอห์นสัน/แอกเกอร์ - เจ็บเร็วไปหน่อย ไม่ทันได้ทำอะไร

โคล - ได้ลง 6 นาทีโดนบอล 3 ครั้ง คงจะไปโทษอะไรโคลไม่ได้

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : เรน่า ... ถ้าจบฤดูย้ายจริงๆ ปีหน้าเตรียมบรรลัยกันได้เลย
----------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น