วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2560

แมนฯ ยูไนเต็ด 1-1 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)



เสียดายโอกาส ไม่เสียดายคะแนน
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-3-3

-----------------เฟอมิโน่------------------
--------โอริกิ------------ลัลลาน่า--------
--------ไวนัลดุม------------ชาน----------
----------------เฮนเดอร์สัน---------------
มิลเนอร์--คลาวาน--ลอฟเรน---อาโนลด์
-----------------มินโยเล่-------------------

_______ เกมแดงเดือดนัดสองที่โอลด์แทรฟอร์ด นัดนี้แบ็คขวาแหกโผอาโนลด์ได้ลงตัวจริงแทนไคลน์(ที่คงเจ็บ) นอกนั้นก็ยังเป็นชุดเดิม
-------------------------------------------------------

_______ เกมครึ่งแรกสู้กันที่กลางสนามอย่างดุเดือด ไม่มีฝ่ายไหนได้ครองบอลบุกยาวๆ และไปไม่ถึงกรอบสักเท่าไหร่ ไล่บอลกันเร็วแล้วเข้าเป็นเข้าไม่มียืนดู หนักไปทางลุ้นจากจังหวะเล่นบอลฉาบฉวยและพอได้ลุ้นทั้งคู่

_______ นาที 26 แมนฯยูนมาพลาดเสียจุดโทษ จากจังหวะเตะมุมแล้วป๊อกบากระโดดโหม่งพลาดเสียแฮนด์บอล มิลเนอร์รับหน้าที่ยิงไม่พลาด 1-0

_______ นาที 33 ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษ ซลาตันยิงกดเรียดเต็มแรงมินโยเล่ต์ล้มตัวเซฟได้ นาที 41 มคิตายานได้หลุดเดี่ยวก็โดนมินโยเล่ต์เซฟได้อีกด้วยความช่วยเหลือของมิลเนอร์ที่เข้ามาช่วยบีบมุมด้วย

_______ แมนฯยูบุกทางริมเส้นได้ค่อนข้างดีแต่แบ็คยังไม่ขึ้นเลยยังเปิดลำบาก จบครึ่งแรกที่สกอร์ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง แมนฯยูฯส่งรูนี่ย์ลงมาแทนคาริคแล้วเปิดหน้าบุกใส่เต็มอัตราศึก ดันสูง แบ็คลอย เร่งเกมเร็ว ส่วนลิเวอร์พูลรับมากขึ้นเน้นโต้แต่ดันโต้ไม่ค่อยขึ้น เป็นแมนฯยูฯที่โดนกดดันเปิดบอลได้เรื่อยๆ โดนเฉพาะทางฝั่งมิลเนอร์

_______ นาที 60 คูตินโย่ได้ลงแทนโอริกิ ลิเวอร์พูลมีจังหวะเก็บบอลโต้ขึ้นไปถึงเขตโทษแมนฯยูฯได้ดีขึ้น สร้างโอกาสได้ด้วยแต่ดันปิดไม่ลง

_______ นาที 65 มาต้าได้ลงมาแทนมาชิอัล จนเข้า 15 นาทีท้ายแมนฯยูฯ ส่งเฟอไลนี่ลงมาแล้วหันมาโยนยาวตรงมาหน้าเขตโทษแล้วได้ผล บอลมาข้างหน้าเร็วมาก ประกอบเกมริมเส้นโดยเฉพาะฝั่งมิลเนอร์ วาเลนเซียเติมขึ้นมาเปิดบอลได้บ่อย บอลมาป้วนเปี้ยนหน้ากรอบเขตโทษลิเวอร์พูลบ่อยมาก ลิเวอร์พูลโต้ไม่ค่อยขึ้นในแง่ปริมาณ แต่ในแง่คุณภาพ ก็ยังหาจังหวะพาบอลเข้าไปจนได้จบสกอร์ในเขตโทษอยู่บ้างเหมือนกัน

_______ ...แต่หลุดกรอบ ติดเซฟ ติดบล็อค

_______ จนกระทั่งนาที 84 จากจังหวะเปิดจากริมเส้นของวาเลนเซีย ที่จริงๆ แล้วล้ำหน้าอยู่ก่อน บอลเปิดกลับเข้ามาเข้าหัวเฟอไลนี่โหม่งไปชนเสา แล้วก็เป็นวานเลนเซียตามเข้ามาเก็บบอลที่เกือบหลุดเส้นหลัง จ่ายยัดให้ซลาตันย่อตัวโหม่งเสยคานเข้าไป ตีเสมอ 1-1

_______ เวลาที่เหลือก็ยังเป็นแมนฯยูฯที่กดดันได้น่ากลัว ในขณะที่ลิเวอร์พูลมีโอกาสได้ยิงในเขตโทษแบบน่าได้ของไวนัลดุมแต่ยิงคืนโกลมันซะงั้น จบเกมด้วยผลเสมอ 1-1 แบบเสียดายที่ไม่ชนะกันทั้งสองฝ่าย

-----------------------------------------

_______ ครึ่งแรกเป็นเกมคุณภาพของทั้งสองทีม แต่ครึ่งหลังเป็นอีกเรื่อง

_______ จุดเปลี่ยนของเกมมันอยู่ต้นครึ่งหลังมูรินโย่เปลี่ยนทีมมาเล่นเกมรุกเต็มตัวนี่ล่ะ รูนี่ย์แทนคาริคแถมด้วยแบ็คเติมสูงทำให้เกมแมนฯยูฯดุขึ้นมากๆ ในขณะที่ในจังหวะเกมคู่ต่อสู้เปิดหน้าแลกแบบนี้ ลิเวอร์พูลเคยเปิดหน้าสู้ด้วยแต่วันนี้ไม่ ทำให้ครึ่งหลังเกมแมนฯยูฯดีกว่าชัดเจน

_______ ส่วนทางคล็อป การเปลี่ยนคูตินโย่ลงเป็นการตัดสินใจที่ทุกคนเดาได้อยู่แล้ว การเลือกโอริกิออกก็แน่นอนว่าคล็อปซื้อการประสานงานของดูโอ้บราซิล มากกว่าการเก็บบอลของโอริกิ ถามว่าพลาดมั้ย? ก็คงไม่ใช่เพราะคูตี้เฟอมิโน่ประสานงานจนได้หลุดเข้าไปยิงเหน่งๆ รอบนึง และหลังจากนั้นถึงจะโต้ได้น้อยแต่มันมีครั้งน่าได้ประตูมากกว่าที่แมนฯยูฯบุกแทบตายเสียอีก

_______ แปลกใจอยู่หน่อยก็ตรงที่ท้ายๆ เกมสักห้านาทีสิบนาที ทำไมคล็อปไม่ลองส่งสเตอริดจ์ลงมาลุ้นดูหว่า ลูกพลิกแพลงและความเด็ดขาดของสเตอริดจ์ต่อให้ไม่มีส่วนกับเกมเลยก็ยังทำให้ได้ลุ้นอยู่นะ

_______ จังหวะเสียประตู มันน่าเสียดายที่จริงๆ วาเลนเซียล้ำหน้า แต่จังหวะก่อนหน้านั้นแมนฯยูฯไม่ล้ำหน้าแล้วได้ยิงในกรอบด้วย ผู้กำกับเส้นก็จับล้ำหน้าซะงั้น เพราะงั้นไอ้เจ้าผู้กำกับเส้นคนนี้พลาดได้สม่ำเสมอมาก 555+

_______ แม้จะเสียดายกับโอกาสจบสกอร์ที่ยิงให้เข้าสักดอกสิโว้ยยยยย...แต่ไม่ได้ แลกมากับเกมรับที่ฟอร์มระเบิดกระฉูดกันหลายคน จนโดนแค่ลูกเดียว ...ด้วยฟอร์มปกติของกองหลังเราเนี่ย ถ้าโดนกดขนาดนี้มีโดนแซงไปแล้ว ดังนั้นเฉลี่ยๆ รวมๆ จบเสมอก็...เอานะ

-----------------------------------------

นัดนี้เล่นพอใช้ได้

มินโยเล่ -  ฟอร์มเปล่งปลั่งปิ๊งปั๊งเป็นดาวประกายพฤกษ์ยามฟ้าเปิด ตำแหน่งดี มือเหนียวไม่กระฉอก ตัดบอลโด่งได้ขาดไม่ว่าจะรับเข้ามือหรือชก ซวยละเมิ๊งงงง พ่อหนุ่มเยอรมัน

มิลเนอร์ - ยิงจุดโทษได้เฉียบขาดเหมือนเดิม เชื่อมเกมวันนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ไม่ค่อยพลาดแต่ไม่ค่อยขึ้นหน้า ส่วนเกมรับพอเจอแบ็คเติมขึ้นมาช่วยปีกมิลเนอร์มีปัญหาเยอะมาก คือเจ้าตัวไม่ได้เล่นแย่(เรียกดีได้เลยล่ะ) แต่เพื่อนแทบไม่ช่วยเลย ไม่เหมือนอาโนลด์ที่มีคนช่วยเพียบ

คลาวาน - สกัดบอลที่เปิดเข้ากรอบได้ดี ดักเล่นก่อนถึงกองหน้าก็หลายครั้ง เป็นวันที่ผลงานส่วนตัวเล่นได้เนี๊ยบ

ลอฟเรน - เป็นอีกคนที่ฟอร์มกระฉูดมาก ประกบซลาตันได้ดีเกินคาด ซ้อนอาโนลด์ช่วยทีมไว้ได้หลายครั้ง เสียฟาล์วน้อย สกัดบอลเด็ดขาด

อาโนลด์ - มีข้อผิดพลาดเล็กน้อยเป็นระยะ ครั้งที่หนักหนาจริงๆ มีหนเดียว แต่ทั้งหมดนั้นได้เพื่อนช่วยซ้อนไว้ได้หมด จังหวะเล่นรวมๆ ไม่ลนลานและไม่ได้เป็นบ่อ ส่วนเรื่องเชื่อมเกมก็ช่างน้องเค้าเถอะ

ชาน - เล่นเกมรับได้ดีในแง่การวิ่งปิดช่องและเก็บบอลหน้ากรอบ แต่มีปัญหากับการเชื่อมเกมที่หาที่รับบอลได้น้อย ยิ่งเกมรุกที่ควรเติมขึ้นไปบ้างแทบไม่ขึ้นเลยทำให้เกมรุกหรือเกมโต้ของทีมมีตัวเลือกน้อย

ไวนัลดุม - เล่นเกมรับได้ดีเช่นเดียวกับชาน ด้อยกว่าหน่อยตรงเรื่องเข้าไปปะทะแย่งบอลที่หลวมไปนิด แต่ดีกว่าชานมากๆ ตรงเรื่องการวิ่งสอดขึ้นไปเล่นเกมรุก มีโอกาสได้ยิงหลายหนด้วย แต่ยิงแต่ละที….

เฮนเดอร์สัน -  ช่วยเกมรับได้ดี ปิดเกมหน้าเขตโทษตรงกลางได้ แต่จังหวะจะเปิดบอลขึ้นหน้าโดนไล่จนออกบอลไม่สะดวก หนักไปทางได้แค่เปิดบอลหนีตัวไล่

โอริกิ -  เก็บบอลดี เรียกฟาล์วได้ หาโอกาสยิงเองแทบไม่ได้เลยแต่มีส่วนร่วมกับเกมรุกเยอะ

ลัลลาน่า - เป็นผึ้งงานตัวสำคัญ เกมรับลงไปช่วยอาโนลด์ก็เยอะ ตรงกลางก็ช่วยไล่ ในขณะที่เกมรุกก็เป็นคนวิ่งทำทางรับบอลได้เยอะ แต่นั่นก็ทำให้เขาอยู่ไกลจากกรอบเกินไปจนไม่ค่อยได้เล่นเกมรุกมากเท่าที่ควร

เฟอมิโน่ - เล่นได้เป็นธรรมชาติขึ้น ได้บอลพอควร หาโอกาสได้ประมาณนึง แต่ลูกเด็ดขาดไม่ว่าจะจ่ายหรือยิงไม่มี

ตัวสำรอง

คูตินโย่ - ยังไม่ฟิตเต็มที่ ไม่ค่อยกล้าไปเองสักเท่าไหร่ แต่ออกบอลน่ากลัวอยู่หลายครั้ง

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...เดยัน ลอฟเรน… นัดนี้ไม่มินโยเล่ก็ลอฟเรนนี่ล่ะครับ แต่เลือกลอฟเรนเพราะโจทย์ยากกว่ามินโยเล่
------------------------------------------------------------

เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น