วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ลิเวอร์พูล 2-0 ซันเดอร์แลนด์ (พรีเมียร์ลีค)


โกลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล ริกิ
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-3-3

-------------------เฟอมิโน่-------------------
---------คูตินโย่-------------มาเน่-----------
---------ชาน-------------ไวนัลดุม-----------
-----------------เฮนเดอร์สัน-----------------
มิลเนอร์----ลอฟเรน-----มาติป------ไคลน์
--------------------คาริอุส--------------------

_______ ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับทีมท้ายตารางที่ฟอร์มเริ่มกระเตื้องชนะมาสองนัดอย่างซันเดอร์แลนด์ นัดนี้คล็อปใช้ตัวจริงชุดเดียวกับนัดเสมอทีมอคาเดมี่ในนัดก่อนยกชุด
-------------------------------------------------------

________ เริ่มเกม ซันเดอร์แลนด์ถอยหลังไปยืนยิ้มกันหน้าเขตโทษตัวเองเก้าคน ทิ้งอนิเชเบ้กับเดโฟไปตายคู่อยู่ข้างหน้า ส่วนลิเวอร์พูลเก็บบอลเล่นได้ตั้งแต่ต้น ดันขึ้นสูงเน้นเกมบุกทันที แต่ยังเจาะเข้าเขตโทษไม่ได้

_______ ลิเวอร์พูลพยายามใช้วิธีโยนบอลแนวลึกข้ามหัวคู่เซ็นเตอร์แต่ยังไม่ได้ผลนัก เช่นเดียวกับการยิงไกลที่หนักไปทางหลุดกรอบ ส่วนการเปิดจากริมเส้นแม้จะมีพื้นที่ให้เปิดได้ แต่เปิดไปก็ติดหมด ส่วนซันเดอร์แลนด์ไม่ครองบอลเล่น ใช้วิธีโยนยาวให้กองหน้าเก็บบอลเล่น แม้จะไม่ตัวเติมทำให้บุกไม่ได้ แต่ด้วยความที่กองหน้าพวกเขาเก็บบอลพอใช้ได้ทำให้ลิเวอร์พูลได้บุกไม่ต่อเนื่องนัก และได้บอลในแดนตัวเองเป็นส่วนใหญ่ ทำให้บุกกลับขึ้นไปได้ช้า

_______ นาที 34 ไมเกรนขึ้นกันไปตามๆ กันเมื่อคูตินโย่เจ็บจากการปะทะ ต้องเปลี่ยนตัวเอาโอริกิลงมาแทน เวลาที่รูปเกมยังเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือไม่มีคนกล้าจ่ายบอลขึ้นหน้า จบครึ่งแรกที่ 0-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลลงมาเดินหน้าฆ่ามันต่อ ทั้งทีมยืนล้ำเข้าไปในแดนคู่ต่อสู้ แบ็คลอยสูง เซ็นเตอร์สลับกันขึ้นมาช่วยต่อบอลในแนวเดียวกับเฮนเดอร์สันด้วยซ้ำ ส่วนซันเดอร์แลนด์ยืนรับต่ำมากชนิดที่อยากจะบอกว่าพี่ไปยืนตั้งกำแพงกันบนเส้นประตูเถอะครับ ทำให้ลิเวอร์พูลครองบอลฝ่ายเดียว แต่เจาะเข้าเขตโทษไม่ได้

_______ ยิ่งเล่นลิเวอร์พูลยิ่งเครียด เพราะไม่ว่าจะบอลสั้น บอลชิ่ง เตะมุม ยิงไกล ตักข้ามหัว เลี้ยงกินตัว แตะหาที่ยิงเอง สุดท้ายก็ยังไม่ได้ประตูสักที แต่แล้วนาที 75 ลิเวอร์พูลก็ทำสำเร็จ ด้วยผลงานของ...

_______ ...โอริกิ!

_______ จากจังหวะหนุนสวน โอริกิได้บอลแถวข้างเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนจะแตะหลบหนีตัวพรวดแล้วรีบยิงปั่นไซร้เข้าเสาสองทันที 1-0

_______ พอสกอร์ขยับ ซันเดอร์แลนด์พยายามปรับมาเล่นรุก แต่เกมรุกของพวกเขาก็แสดงให้เห็นว่าไอ้ที่หนีตกชั้นอยู่นี่ไม่ได้จับฉลากมา ส่วนลิเวอร์พูลพยายามจะสวนกลับเร็วทุกครั้งที่ตัดบอลได้ ทำให้เสียบอลกลับเร็วไปหน่อย และจังหวะโต้ยังขาดๆ เกินๆ

_______ อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูลก็ยังเป็นฝ่ายบุกได้น้ำได้เนื้อมากกว่าอยู่ดี ในขณะที่ซันเดอร์แลนด์ก็บุกแบบน่ารักน่าเอ็นดูไปเรื่อย นาที 87 ลูคัสได้ลงแทนเฟอมิโน่ที่โดนอัดน่วมมาทั้งเกม

_______ กระทั่งนาทีสุดท้ายก่อนทดเจ็บ ลิเวอร์พูลไปปั้มบอลได้แถวริมเส้นขวากลางสนาม มาเน่สปีดขึ้นไปเอาบอลแล้วแตะขึ้นหน้า แนวรับพยายามดึงแต่เอาไม่อยู่ มาเน่ลากไปได้ยันเขตโทษก่อนโดนเสียบชนิดถ้าไม่เป่าให้พี่ปานกหวีดทิ้งเถอะ มิลเนอร์รับหน้าที่ยิงจุดโทษไม่พลาด 2-0

_______ ช่วงทดเจ็บนาทีที่สอง วู๊ดเบิร์นได้ลงมาย่ำหญ้าเล่นขำๆ พอเป็นกำลังใจให้ดาวรุ่ง และเกมจบไปที่สกอร์ 2-0

-----------------------------------------

_______ นึกว่าจะเสมอล้าววว

_______ ซันเดอร์แลนด์มารับ แค่นั้นเลยจริงๆ ครึ่งแรกการวางยาวให้อนิเชเบ้เล่นดูเข้าท่าดีแต่พวกเขาดันไม่เอากองกลางเติมขึ้นมาช่วยเลยสักคนทำให้เกมรุกไร้ประสิทธิภาพโดยสิ้นเชิง ส่วนครึ่งหลังก็สร้างโอกาสหน้าได้แค่ชุดเดียวแถมยิงกันได้มาตรฐานทีมตกชั้นมาก

_______ ส่วนลิเวอร์พูล...ความตั้งใจและสมาธิกับเกมยังดีเหมือนเดิม แต่ที่ดูแย่ลงคือเกมรุก หลังจากไม่มีลัลลาน่า บอลจังหวะเดียวในพื้นที่หน้า-ในเขตโทษนี่หายไปเลย ยิ่งพอไม่มีคูตี้เข้าอีกคน การเอาบอลเข้าไปในเขตโทษทำได้แย่ลงกว่าเดิมมาก จริงอยู่ว่าคู่ต่อสู้รับได้ดีแต่ทีมเคยทำได้ดีกว่านี้

_______ เรื่องน่าหนักใจหนีไม่พ้นบรรดาแนวรุกที่เคยจัดจ้าน ลัลลาน่ายังไม่กลับมา มาเน่ฟอร์มตก คูตี้เจ็บไปแล้ว ซึ่งทำให้จุดขายอย่างการเข้าทำมันลดประสิทธิภาพไปเยอะ นี่เป็นเรื่องใหญ่ของคล็อปเลยทีเดียว

_______ แต่เรื่องดีๆ มีเยอะไม่แพ้กัน ทีมกลับมาชนะได้ในเกมที่ยากลำบากช่วยรักษาความมั่นใจให้ทีมได้อีกเยอะ ลองนึกภาพเกมนี้จบที่ผลเสมอแถมคูตี้เจ็บด้วย...ไม่อยากจะคิด นอกจากนั้นฟอร์มของผู้เล่นเกมรับโดยเฉพาะคู่เซ็นเตอร์ยิ่งเล่นยิ่งเด่น, ลูกตั้งเตะหวังผลกดดันได้ ซึ่งโดยรวมแล้วน่าจะทำให้ทีมสมดุลขึ้นมากกว่าช่วงต้นฤดูที่หวังพึ่งแนวรุกให้ต้องยิงเยอะๆ แต่เพียงอย่างเดียว

_______ ยังดีว่าช่วงนี้โปรแกรมไม่หนักนัก น่าจะยังพอหมุนเวียนนักเตะได้ หวังว่าทีมจะเก็บคะแนนเป็นกอบเป็นกำตุนไว้ก่อนเจอเกมยากๆ ในช่วงเดือนถัดไปครับ
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นได้ค่อนข้างดี แต่มีปัญหาเรื่องเข้าทำให้เห็นบ้างแล้ว

คาริอุส - เล่นได้มั่นใจขึ้น ทำได้ดีในจังหวะออกมาขวางลูกยิง,ตามเข้ามายิงซึ่งบล็อคได้หมด ในขณะที่การใช้เท้าเล่นทำได้เนียนขึ้น

มิลเนอร์ - เชื่อมเกมได้ เกมรับโอเค ยิงจุดโทษปิดกล่องได้เด็ดขาด แต่เล่นในพื้นที่สุดท้ายแย่ เปิดบอลติดหมด ทำชิ่งหรือวิ่งทำทางก็ไม่ค่อยเวิร์ค

ลอฟเรน - ยิ่งเล่นยิ่งหล่อ ไม่มีพรวดพราดเสียฟาล์วแล้ว ดักบอลได้เยอะ ตัดฟาล์วจังหวะสำคัญได้ดี(ครั้งที่โดนใบเหลือง) ออกบอลขึ้นหน้าได้ดีด้วย แต่จะให้ดีจังหวะโหม่งสกัดในเขตช่วยโหม่งไปไกลๆ หน่อยได้ม้ายยย

มาติป - วันนี้เล่นลูกกลางอากาศไม่ดีเท่าเดิม เจออนิเชเบ้เข้าไปมาติปมีปัญหาเหมือนกัน แต่การดักบอลจ่ายเข้าเขตโทษยังทำได้ดี ขึ้นมาช่วยต่อบอลข้างหน้าก็แม่นยำ

ไคลน์ - ขึ้นไปช่วยเชื่อมเกมข้างหน้าได้ดีกว่ามิลเนอร์  ออกบอลแม่นไม่ค่อยโดนตัด แต่ไม่ค่อยกล้าจ่ายบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายแค่นั้นเอง

เฮนเดอร์สัน - เก็บบอลสอง ต่อบอลสั้น ดักบอลโต้ อะไรพวกนี้ดีหมดแล้ว ที่ขัดใจคือบอลเกมรุกไม่ค่อยกล้าออกบอลเอง คือคู่ต่อสู้รับต่ำหมดแล้ว คนไล่ก็ไม่มี แต่แกเคาะฝากคนนั้นทีคนนี้ทีตลอด จังหวะที่จะตักข้ามแนวรับบ้างก็น้ำหนักผิดหมด

ชาน -  เติมเข้าไปแถวหน้า-ในกรอบได้ดีหลายครั้ง แต่จังหวะสุดท้ายทำได้ไม่ดีนัก เก็บบอลได้ เชื่อมเกมดี

ไวนัลดุม - ไม่ค่อยเล่นบอลจังหวะเดียวทำให้เพื่อนถลำล้ำหน้าแล้วจ่ายไม่ได้ เกมรุกสร้างก็ไม่ได้ จบเองก็ไม่ดี แต่มีดีตรงแรงปะทะที่เข้าไปช่วยแซะตัวครองบอลที่จะเปลี่ยนรับเป็นรุกได้หลายครั้ง วิ่งไปเก็บบอลสองดีด้วย

มาเน่ - ยิ่งเล่นยิ่งเงียบ บอลสุดท้ายไม่ว่ายิงหรือจ่ายคือแย่หมด ที่ยังดีอยู่คือความเร็วและจังหวะกระชากที่หนีตัวไล่ได้หลายครั้ง ครั้งที่เด่นสุดก็ตอนท้ายเกมที่เรียกจุดโทษนั่นแหล่ะ

คูตินโย่ - ยังเล่นได้ตามมาตรฐานของตัวเองเพียงแต่ยังจ่ายบอลเข้าเขตโทษไม่ได้ เสียดายที่เจ็บออกไปเร็ว

เฟอมิโน่ - ช่วยวิ่งรับบอลข้างหน้าได้เยอะมาก เชื่อมเกมในพื้นที่สุดท้ายได้ดีกว่าทุกคนในทีม แต่กับจังหวะเข้าทำเจ้าตัวหาช่องหาจังหวะแทบไม่ได้เลย ที่หาได้บ้างก็ยิงแบบดูไม่จืด

ตัวสำรอง

โอริกิ - ตำแหน่งการเล่นมึนมาก คือพยายามจะเล่นแบบเฟอมิโน่(วิ่งรับบอลนอกกรอบไปทั่ว)หรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่ที่ออกมาคือมั่วซั่วมาก ที่ดีคือจังหวะเล่นกับบอลที่จับได้ เก็บได้ จ่ายโอเค และที่หล่อที่สุดหนีไม่พ้นจังหวะ 1-0 ที่อัญเชิญวิญญาณสเตอริดจ์(ตอนพีค)มาสิงร่างได้ทันเวลาพอดี

ลูคัส - ไม่ค่อยเได้ทำอะไรนัก

วู้ดเบิร์น - เอาวะ อย่างน้อยก็ได้ลง สเตอริดจ์กับกรูยิชยังไม่มีโอกาสเลยนะเว้ย

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ดิวอก โอริกิ…ดูฟอร์มตลอดเกมผมประทับใจลอฟเรนที่สุด แต่โอริกิไม่ถึงกับแย่แถมยิงประตูสำคัญสุดๆ ที่ช่วยทีมเอาได้เยอะกว่าแค่ได้สามแต้ม
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น