วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2559

คริสตัล พาเลซ 1-2 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)

...เป็นแบทแมนไม่ไหว เป็นโจ๊กเกอร์ก็ได้(วะ)….
___________________________

ลิเวอร์พูลเล่นด้วย 4-2-3-1
-----------------------โอริกิ-----------------------
----ลัลลาน่า--------เฟอมิโน่--------มิลเนอร์----
-------------ชาน---------เฮนเดอร์สัน------------
โมเรโน่-----ซาโก้-------ลอฟเรน---ฟลานาแกน
----------------------มินโยเล่---------------------

_______ ลิเวอร์พูลออกไปเยือนเชือกกล้วย….คริสตัล พาเลซ นัดนี้คล็อปปรับผู้เล่นแค่สองคนคือซาโก้กับโมเรโน่ได้กลับมาเป็นตัวจริง
-------------------------------------------------------

________ ลิเวอร์พูลเริ่มเกมแบบเอื่อยๆ บุกนะแต่ไม่แสดงออก ไม่ค่อยวิ่งทำทางหรือไล่อะไรมากนัก ส่วนพาเลซรับลึก จังหวะเปิดเกมใช้บอลยาวจากแนวหลังบ่อย ได้ผลด้วย ลิเวอร์พูลตัดลูกกลางอากาศที่โยนมาไม่ค่อยดี โหม่งไม่ได้บ้าง โหม่งได้แต่บอลจังหวะสองเก็บไม่ได้บ้าง นาที 11 อเดบายอได้โหม่งชนคานไปทีนึง

________ ลิเวอร์พูลได้บอลมากกว่าจริงแต่เจาะเข้าเขตโทษไม่ได้ หยุดเกมโต้เร็วและการพลิกบอลเล่นของโบลาซี่กับซาฮาได้ไม่ดี ทำให้พาเลซที่ได้บอลนน้อยกว่าหาโอกาสลุ้นประตูมากกว่าด้วยซ้ำ จบครึ่งแรกยังทำอะไรกันไม่ได้ เสมอ 0-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลกลับลงมาขยันไล่บอลมากขึ้น แต่พาเลซดันมาได้ประตูนำก่อนจากลูกตั้งเตะ นาที 48 จากลูกเตะมุม ลิเวอร์พูลสกัดบอลไม่ขาด โดนพาเลซยิงสวนสามครั้งซ้อน โดยจังหวะสุดท้ายเป็นเล็ดลี่ย์ได้กดจากหน้าเขตโทษเข้าไปได้ 1-0

_______ ลิเวอร์พูลเดินหน้าขยับไล่ขยับทำทางต่อไป เกมดูดีขึ้น บอลจังหวะสองก็เก็บได้มากขึ้นด้วย แต่ยังฝ่าด่านสุดท้ายเอาบอลเข้าเขตโทษไม่ได้ ส่วนพาเลซรูปเกมแย่ลงนิดหน่อย โต้ได้น้อยลง แต่เกมรับพื้นที่สุดท้ายแน่นปั๊ก ไม่มีลูกหวาดเสียว โกลอย่างแม็คคาธี่ไม่เจองานยาก

_______ นาที 61 คูตินโย่ได้ลงแทนฟลานาแกน คล็อปขยับเอามิลเนอร์ลงไปแบ็คแทน แต่นาทีถัดมาก็งานงอก จังหวะเติมขึ้นไปสูง พาเลซเก็บบอลได้กำลังจะโต้ มิลเนอร์พุ่งเสียบจากด้านหลังโดนใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกไป ลิเวอร์พูลเหลือสิบคนตามอยู่หนึ่งลูก กับเวลาครึ่งชั่วโมงที่เหลืออยู่

_______ เกมของลิเวอร์พูลที่เหลือสิบคนกลับดูดีขึ้นในเรื่องการเอาบอลขึ้นหน้า จากการที่ขยับวิ่งกันมากขึ้นและมีคูตินโย่มาช่วยพลิกบอล ในขณะที่พาเลซไม่ได้อยากบุก เล่นกันไปชิลๆ แต่แค่เล่นตามจังหวะก็เอาบอลขึ้นหน้าได้เรื่อยๆ เพราะมีพื้นที่ให้เล่นเยอะ แต่การที่แดนกลางกับหลังไม่ได้ตามขึ้นมาด้วยก็ทำให้เกมรุกของพาเลซไม่ต่อเนื่องและไม่มีอะไรน่ากลัว

_______ นาที 72 ส้มทั้งไร่ก็หล่นใส่หน้าแข้งเฟอมิโน่ บอลคืนหลังให้โกลเตะทิ้งง่ายๆ แม็คคาธี่ลื่นแล้วเตะแป็ก บอลเรียดและเบาเข้าทางเฟอมิโน่ เจ้าตัวเก็บได้แล้วพาขึ้นไปยิงล่อเป้าผ่านแม็คคาธี่ ตีเสมอให้กับทีม 1-1

_______ พอสกอร์กลับมาเสมอ จังหวะการเล่นของพาเลซดูสะดุดไป บอลจ่ายบอลชิ่งหรือการวิ่งตามบอลเริ่มทำผิดพลาดมากขึ้น แต่ด้วยความที่ตัวเยอะกว่าก็เลยไม่ได้โดนกดดันเท่าไหร่ ส่วนทางลิเวอร์พูลเอาบอลขึ้นมาได้เร็วขึ้น เก็บบอลสองจังหวะรุกดีขึ้น แต่เจาะไม่เข้าเหมือนเดิม

_______ นาที 80 เบนเทเก้แทนโอริกิแต่ไม่ได้ส่งผลกับเกมรุกของทีมมากนัก พาเลซก็เปลี่ยนตัวรุกลงมา แต่เกมรุกไม่ต่อเนื่อง

_______ นาที 88 ตูเร่แทนเฟอมิโน่ จิกเอาชานที่ลงไปเล่นเซ็นเตอร์อยู่พักใหญ่ให้กลับมาอยู่ตรงกลาง ก็ยังเจาะไม่ได้เหมือนเดิม

_______ เกมทำท่าจะเสมอ แต่ทดเจ็บนาทีสุดท้าย จังหวะสุดท้ายของเกม เฮนโด้จ่ายบอลขึ้นหน้าตามช่องให้เบนเทเก้วิ่งตามบอลไปในเขตโทษ เดอลานี่ถลาเข้ามาหาแต่ตัดสินใจไม่สไลด์บอล ตัวไถลหัวเข่าไปสัมผัสโดนข้อเท้าเบนเทเก้ เบนเทเก้ร่วงทันที ผู้ตัดสินมารีเนอร์ไม่ได้เป่าให้ในอึดใจแรก แต่ไลน์แมนบอกว่าฟาล์ว มารีเนอร์เลยตัดสินใจให้จุดโทษ เบนเทเก้รับหน้าที่สังหาร ยิงสไตล์บาโลเตลี่เข้าไปได้สำเร็จ ส่งทีมให้พลิกกลับมาชนะพาเลซได้ 2-1 ทั้งๆ ที่เหลือสิบคน

-----------------------------------------

_______ จะบอกว่าคล็อปแพ้ทางพาร์ดิวก็คงพอได้มั้ง

_______ พาร์ดิวไม่ต่อบอล แต่เน้นวางยาวไปแดนหน้าซึ่งมันพอดีไปแก้ทางฟุตบอลวิ่งไล่ของคล็อปได้ ซึ่งต้องบอกว่าพาร์ดิวมีอาวุธครบมือจะเล่นได้แบบนั้นเพราะ โบลาซี่ ซาฮา อเดบายอ เอาบอลลงได้ไปกับบอลดี

_______ ปัญหาของพาเลซคือเข้าทำห่วยแตก เกมไม่ต่อเนื่อง และเกมรับพลาดง่าย ซึ่งนั่นก็ทำให้พวกเขาแพ้ในที่สุด ทั้งๆ ที่ไม่น่าแพ้

_______ ส่วนลิเวอร์พูล คล็อปเองก็คงอยากจะหมุนเวียนผู้เล่นบ้างถึงได้ส่งชุดนี้มา เขาแก้เกมได้ถูกจุดแล้วกับการส่งคูตินโย่ลงมาช่วย ส่วนการส่งเบนเทเก้แทนโอริกิ(แทนที่จะเล่นหน้าคู่) และส่งตูเร่ลงแทนเฟอมิโน่(แทนที่จะเก็บตัวรุกไว้ในสนาม) ก็ต้องไม่ลืมว่าทีมตอนนั้นเหลือ 10 คนนะครับ เปลี่ยนระวังตัวแบบนี้ก็โอเคแล้วน่า~

_______ ในเรื่องจุดโทษ เอ่อ...พุ่งครับ ถามว่ามีการสัมผัสตัวกันมั้ยผมเห็นว่ามีนะ หัวเข่าเดอลานี่ย์น่าจะไปเกี่ยวโดนข้อเท้าเบนเทเก้นิดหน่อย แต่ข้อสรุปผมยังเหมือนเดิมคือ พุ่งครับ

_______ ลูกนี้น่าจะคล้ายๆ กับจังหวะแอชลี่ย์ ยังโดนเกล็น จอห์นสันสะกิดเข้าให้ในแดงเดือดสมัยไหนสักปีจำไม่ได้ ครั้งนั้นผมว่าลูกนั้นไม่น่าเป็นจุดโทษ ลูกนี้ก็เช่นกัน

_______ ลิเวอร์พูลนัดที่ไม่ได้วิ่งไล่มากมายอะไรแบบนัดนี้ดูแล้วอึดอัดครับ แต่การชนะพาเลซได้(สักที) รวมไปถึงรักษาโอกาสได้ลุ้นที่ 4 ไว้ได้ต่อไปก็โอเคอยู่นะ
-----------------------------------------

นัดนี้เล่นดีแค่ครึ่งชั่วโมงสุดท้าย

มินโยเล่ - เอาบอลขึ้นหน้าแย่ ช้า ไม่ตรงเพื่อน แต่เรื่องตำแหน่งยืนหรือการออกมาเล่นลูกกลางอากาศไม่มีข้อผิดพลาด

โมเรโน่ - รักษาตำแหน่งได้ดีขึ้นกว่านัดก่อนๆ แต่เข้าบอลไม่ดี เสียฟาล์วง่าย เอาบอลกลับมาได้น้อยไปหน่อย เชื่อมเกมแค่พอใช้ได้ไม่ถึงกับดี

ลอฟเรน - เข้าบอลถึงลูกถึงคนดีเหลือเกิน หยุดได้เด็ดขาดมาก มีสกัดบอลไม่ไปไหนให้เห็นนิดหน่อยแต่ไม่ได้แย่มากเหมือนช่วงพีคๆ ของเจ้าตัวแล้ว

ซาโก้ - ช่วยสกัดลูกเปิดเข้าเขตโทษได้เยอะ ตำแหน่งดี จ่ายบอลขึ้นหน้าได้ดี

ฟลานาแกน - คุมพื้นที่ดีแต่เข้าสกัดหรือบังบอลเปิดได้แย่ เชื่อมเกมเข้าขั้นแย่มาก คือคิดได้ดีแล้วกับการได้บอลแล้วพยายามจะเอาขึ้นหน้าให้เร็ว ไม่ย้อนหลังมากนัก แต่จ่ายบอลไปจริงๆ พลาดโดนตัดได้บ่อยเกินไป

ชาน - ขยับตัวน้อยเหลือเกิน โดยเฉพาะครึ่งแรกแทบไม่ได้ช่วยอะไรทีมเลย ครึ่งหลังคึกคักขึ้น เข้าถึงบอลและบังบอลได้ดีทีเดียว เชื่อมเกมใกล้ๆ ได้ดี

เฮนเดอร์สัน - ครึ่งแรกเล่นไม่ดีเช่นกัน เอาบอลขึ้นหน้าได้ช้าและน้อย ครึ่งหลังดีขึ้น และครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของเกมเชื่อมเกมได้ดีมาก รวมถึงจังหวะสำคัญที่ทำให้ทีมได้จุดโทษในช่วงท้ายเกม

ลัลลาน่า - ไล่บอลได้ประมาณนึง ขยันทำทางดีแต่พอได้บอลแล้วทำอะไรต่อไม่ได้

เฟอมิโน่ - ได้บอลพอสมควรแต่ทำอะไรต่อไม่ได้ จะทำชิ่งก็ไม่มีคนเล่นด้วย ให้แล้วไปก็ไม่ค่อยได้บอล(สวยๆ)คืน แต่จังหวะที่ส้มหล่นก็ทำได้ดีไม่พลาด

มิลเนอร์  - เชื่อมเกมไม่ดีนัก ไม่ค่อยลงมารับบอลด้านล่าง แต่ยังคงไล่บอลได้ดีอยู่ ขยันทำทางรับบอลอยู่ แต่การเข้าบอลไม่ระวังหลายครั้งก็ทำให้โดนไล่ออกไปในที่สุด

โอริกิ - วิ่งหาที่รับบอลได้ดี แต่ค้ำบอลไม่ดี จ่ายยัดให้เก็บหรือชิ่งไม่ได้ บอลโด่งก็เอาลงเล่นต่อได้น้อย

ตัวสำรอง

คูตินโย่ - พลิกบอลขึ้นหน้าได้ดีมาก เลี้ยงบอลดี เก็บบอลเหนียวแน่น เป็นส่วนสำคัญในการพลิกเกมของทีม

เบนเทเก้ - วิ่งหาที่รับบอลสู้โอริกิไม่ได้แต่อย่างน้อยก็ยังพยายามขยับอยู่ตลอด ชิ่งบอลคืนให้เพื่อนได้นิดหน่อย มาทำได้ดี(อ่า...ถ้าหมายถึงทำให้ทีมได้ประโยชน์อ่ะนะ)คือจังหวะเรียกจุดโทษและยิงจุดโทษ

ตูเร่ - เก็บบอลไว้กับทีมได้เยอะขึ้น สกัดทิ้งน้อยลง

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...คริสเตียน เบนเทเก้…ถ้าว่ากันด้วยฟอร์มและผลกระทบกับเกม คูตินโย่ต้องได้ MOM แต่ฟุตบอลไม่ใช่มวยไม่มีชนะคะแนน และไม่ใช่ยิมนาสติคความสวยงามไม่ได้ตัดสินผลลัพธ์ สามแต้มเต็มได้มาเพราะเบนเทเก้ครับ
------------------------------------------------------------
เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น