วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2558

แบล็คเบิร์น 0-1 ลิเวอร์พูล (เอฟเอคัพ)




...เลือดตาแทบกระเด็น...
___________________________

ลิเวอร์พูลกลับมาเล่น 4-3-2-1

------------------------สเตอริดจ์-----------------------
สเตอลิ่ง----------------------------------------คูตินโย่
------------อัลเลน---------------เฮนเดอร์สัน---------
---------------------------ลูคัส--------------------------
โมเรโน่------ซาโก้-----------ลอฟเรน------จอห์นสัน
-------------------------มินโยเล่------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเล่นเกมเอฟเอคัพนัดรีเพลย์กับแบล็คเบิร์นที่อีวู๊ดพาร์ค จากรายชื่อผู้เล่นบาดเจ็บและติดโทษแบนที่ยาวเป็นหางว่าว ทำให้ร็อดเจอร์ปรับ 11 ตัวจริงหลายตำแหน่งตามที่เห็นในผังด้านบน รวมไปถึงเปลี่ยนแทคติคหันกลับมาเล่นหลัง 4 อีกด้วย
-------------------------------------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเริ่มเกมกันแบบงัวเงียเหมือนพึ่งตื่นนอน เคาะต่อบอลกันช้าๆ ในแดนตัวเอง เน้นขึ้นเกมริมเส้นฝั่งขวา พอขึ้นได้แต่ช้าและไม่กดดันคู่ต่อสู้นัก ส่วนแบล็คเบิร์นวิ่งไล่ตั้งแต่วงกลมกลางสนาม ถ้าไล่ไม่จนก็ถอยกลับลงไปรับลึก ซึ่งพวกเขาถอยกลับไปได้เร็วกว่าการออกบอลขึ้นหน้าของลิเวอร์พูล ทำให้ช่วง 15 นาทีแรกเกมค่อนข้างอืด ทำอะไรกันไม่ค่อยได้อย่างที่แบล็คเบิร์นอยากให้เป็น

________ ผ่าน 15 นาทีแรกของเกมไป แบ็คสองฝั่งของลิเวอร์พูลโดยเฉพาะจอห์นสันเริ่มลอยสูงขึ้นมาช่วยต่อบอลมากขึ้นเรื่อยๆ คูตินโย่ได้หุบเข้าไปด้านในมากขึ้น เกมริมเส้นเริ่มหาโอกาสเปิดบอลเข้าไปในลุ้นในเขตโทษได้ แต่แทบทั้งหมดจะติดแนวรับก่อนที่ตัวรุกจะได้จบสกอร์

_______ นาที 28 ซาโก้มีอาการบาดเจ็บต้องเปลี่ยนตัวออก ตูเร่ได้ลงมาแทน เวลาที่เหลืออยู่แบล็คเบิร์นแทบไม่ได้บุก เกมริมเส้นดับสนิท ส่วนทางลิเวอร์พูลบุกได้ ได้เปิด แต่เอาชนะแนวรับไม่ค่อยได้และพื้นที่สุดท้ายเข้าไม่ถึงบอล ทำให้จบครึ่งแรกที่สกอร์ 0-0

_______ เข้าครึ่งหลัง ทั้งสองฝ่ายกลับลงมาเน้นเกมรุกมากขึ้น เป็นฝ่ายแบล็คเบิร์นที่กดดันได้ก่อนเกือบได้ประตู ทั้งจากลูกยิงไกลและเตะมุมที่ได้โหม่งถึงบอล แต่ทั้งสองจังหวะมินโยเล่เซฟไว้ได้หมด

_______ ลิเวอร์พูลในครึ่งหลังดันแบ็คเล่นเกมรุกเต็มตัว อัลเลนกับเฮนเดอร์สันก็ขึ้นไปต่อบอลหน้าเขตโทษมากขึ้นด้วย เกมเจาะตรงกลางยังทำอะไรเกมรับขอแบล็คเบิร์นไม่ได้แต่เกมริมเส้นโดยเฉพาะทางฝั่งซ้ายไปได้ถึงสุดเส้นหลังแทบจะทุกจังหวะ แต่เปิดเข้ากลางยังไม่แม่นยำเท่านั้นเอง

_______ ลิเวอร์พูลบุกโจมตีทางริมเส้นได้ต่อเนื่องกว่าในครึ่งแรกและบุกได้ทั้งสองฝั่งแต่จังหวะสุดท้ายทำได้ไม่ดีเลย เปิดเรียดติดบล็อค เปิดโด่งส่งธง ส่วนแบล็คเบิร์นโดนกดดันมากกว่าในครึ่งแรกแต่ในเกมรุกของพวกเขาเองก็ทำได้ดีขึ้น เกมริมเส้นเริ่มได้เปิดบอลเข้ากลางเป็นระยะแล้ว

_______ นาที 65 แบล็คเบิร์นส่งเกสเตดลงมา ปรับมาเล่นหน้าคู่ เน้นบอลไดเรกต์ให้เกสเตดโหม่งชงมากขึ้น เกมของแบล็คเบิร์นทำท่าว่าจะดีขึ้นเมื่อคู่เซ็นเตอร์ของลิเวอร์พูลประกบเกสเตดได้ไม่ดีนัก บอลเริ่มมาป้วนเปี้ยนหน้าเขตโทษ แต่กลับเป็นลิเวอร์พูลที่ได้ประตูขึ้นนำไปเสียก่อน

_______ นาที 70 จากจังหวะเตะมุมฝั่งขวา คูตินโย่รับหน้าที่เปิดไปติดแนวรับ บอลย้อนกลับมาเข้าทางคูตินโย่ คูตินโย่ทำชิ่งกับเฮนเดอร์สันจนได้หลุดเข้าไปในเขตโทษก่อนตัดสินใจยิงเรียดลอดขาตัวบล็อค บอลพุ่งเสียบโคนเสาสองไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ (เพราะโดนบล็อคและมุมแคบ) 1-0

_______ หลังจากได้ประตูขึ้นนำ ลิเวอร์พูลดูจะเน้นครองบอลมากขึ้นแต่ไม่ได้ถอยลงไปรับ อาศัยเติมกันขึ้นมาต่อบอลในแดนคู่ต่อสู้เสียมากกว่า ส่วนแบล็คเบิร์นก็เริ่มเร่งจนออกอาการลนลานทำพลาดให้เห็นบ่อยครั้งขึ้นแล้ว

_______ ลิเวอร์พูลเล่นได้อย่างมั่นใจจนสักพักกลายเป็นย่ามใจ เติมกันขึ้นไปต่อบอลแดนหน้าเพลินจนเกือบโดนแบล็คเบิร์นโต้ไส้แตกอยู่ครั้งสองครั้ง ดีว่าแบล็คเบิร์นไม่มีตัวผู้เล่นที่สามารถพาบอลไปเองทำให้พอโดนเข้าไปเร่งก็จะเสียจังหวะทำอะไรไม่ถนัด สุดท้ายจบแค่ได้ลุ้นโยนเข้าไปสลับกับยิงไกลซึ่งยังทำได้ไม่ดีเลย

_______ นาที 85 แลมเบิร์ตได้ลงแทนสเตอริดจ์ ลิเวอร์พูลปรับมาเล่นแทคติคให้เหมาะสมกับกองหน้าที่ลงมาด้วยการถอยลงไปรับในแดนและให้กองหน้าความเร็วจัดจ้านอย่างแลบเบิร์ตคอยวิ่งทำทางในแดนหน้า (-”-)

_______ ทางแบล็คเบิร์นเร่งบอมบ์เข้ามาใส่หัวของเกสเตดอย่างต่อเนื่องและกดดันได้บ้าง โดยเฉพาะเมื่อคู่เซ็นเตอร์ของลิเวอร์พูลโดนผีคาราเกอร์(สมัยฟอร์มยังไม่พีค)เข้าสิง ตูเร่เห็นบอลมาทางไหนเตะกลับไปทางนั้นและลอฟเรนโหม่งให้ถึงบอลเข้าไว้แต่โหม่งไปไหนค่อยว่ากันอีกที ทำให้แบล็คเบิร์นเก็บบอลกลับมาโยนกลับเข้าไปใหม่ แม้โดยรวมแนวรับของลิเวอร์พูลจะรับมือได้ดี ไม่ได้โดนล่อเป้าจังๆ เลยสักหน แต่ก็ถือว่าเป็นลูปนรกที่ตอนดูดูแล้วอึดอัดพอควร

_______ ลิเวอร์พูลเก็บบอลสองได้ค่อนข้างดีทำให้ได้โต้อยู่เป็นระยะ แต่การประสานงานของตัวรุกในสนามขณะนั้นทำได้ไม่ดีและทำเสียโอกาสกันไปเองเยอะ ช่วงทดเจ็บมีหวาดเสียวเล็กน้อยเมื่อผู้รักษาประตูแบล็คเบิร์นที่เติมขึ้นมาช่วยเล่นลูกทุ่มไกลเป็นคนเก็บบอลได้ในเขตโทษและกลับตัวยิงอย่างได้น้ำหนัก โชคดีที่บอลพุ่งเรียดเข้าตรงตัวมินโยเล่รับเอาไว้ได้ จบเกมลิเวอร์พูลเลยเฉือนชนะไปได้อย่างหวุดหวิด 1-0 เข้ารอบไปตัดเชือกกับวิลล่าได้สำเร็จ
-----------------------------------------

_______ ราวๆ 15-20 นาทีแรก เกมอืดเล่นไม่ออก แต่หลังจากนั้นก็เล่นได้โอเค

_______ ตอนเห็นรายชื่อ 11 ตัวจริง ผมอยากให้ทีมเล่นหลัง 4 มากๆ แต่ก็ยังคิดว่าร็อดเจอร์น่าจะยึดรูปแบบหลัง 3 ไว้ละมั้ง ที่ไหนได้จัดหลัง 4 ให้ได้ดูจริงๆ ด้วย ถือเป็นเซอร์ไพรส์เล็กๆ เหมือนกันครับ

_______ 11 ตัวจริงชุดนี้ ถ้ายังจะเล่นหลัง 3 อยู่จะทำให้มีปัญหากับตำแหน่งวิงขวาทันทีเพราะไม่มีแบ็คธรรมชาติ จะถอยสเตอลิ่งลงไปก็ลดอาวุธในแดนหน้าเสียเปล่าๆ ในขณะที่เฮนโด้จะต้องปรับบทบาทตัวเองแน่นอน ไม่ว่าจะโดนถ่างไปเล่นวิงหรือถูกดันไปเล่นตัวรุก ตัวจริงชุดนี้เล่นหลัง 4 ผมเห็นด้วยเต็มที่ครับ

_______ ที่ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ก็เห็นจะเป็นการใช้อัลเลนคู่ลูคัสในนัดแบบนี้ กับการใช้คูตินโย่เล่นอยู่ริมขวา

_______ นี่เป็นเกมนัดสำคัญก็จริงอยู่ แต่การเล่นเอาอัลเลันมาคู่ลูคัสแบบนี้ดูจะเน้นเกมรับมากเกินความจำเป็นไปสักนิด เกมรุกของทีมวันนี้มีปัญหากับเอาบอลขึ้นหน้า ครึ่งแรกแย่มากและครึ่งหลังก็แค่พอใช้เท่านั้นทั้งๆ ที่เก็บบอลสองได้เยอะ เป็นเพราะแผงกลางทั้งแผงมีคูตินโย่คนเดียวเท่านั้นเองที่กล้าให้บอลขึ้นหน้า กล้าพลิกบอล ที่เหลือทั้งหมดเคาะออกข้างกันตลอดเวลา

_______ พอไปรวมกับการขยับเอาคูตินโย่ไปอยู่ซะชิดเส้น แถมเป็นฝั่งขวาอีกต่างหากยิ่งทำให้เจ้าตัวได้บอลน้อย ทีมเอาบอลขึ้นหน้าในครึ่งแรกช้ามาก

_______ ช่วงที่เล่นหลัง 3 คูตินโย่จะอยู่ด้านในและมีคนเล่นอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา พอเปลี่ยนมาเล่นหลัง 4 แบบนี้คูตินโย่(และสเตอลิ่ง)ค่อนข้างโดดเดี่ยว สำหรับสเตอลิ่งมันไม่มีปัญหาเพราะสไตล์เค้าคือกระชากบอลไปใช้พื้นที่ว่างอยู่แล้ว แต่กับคูตินโย่ที่น่ากลัวเวลามีคนประคองและทำทาง มันทำให้ลดประสิทธิภาพเจ้าตัวไปพอควร ถ้าคิดจะเล่นแผนนี้ต่อ อยากให้หาตรงกลางขึ้นมาช่วยคูตินโย่สักคน (ถ้านัดนี้ก็เป็นอัลเลนหรือเฮนโด้) ไม่ใช่ปล่อยให้คูตินโย่ต้องหันไปหาตัวเติม กวักมือเรียกจอห์นสันอยู่ตลอดแบบในนัดนี้

_______ ผมยังชอบการดันแบ็คสูงทั้งสองฝั่งที่เริ่มดันขึ้นมาตั้งแต่ประมาณนาที 20 โดยเฉพาะฝั่งขวาที่จอห์นสันลอยขึ้นมารับบอลตลอดจนทำให้คูตินโย่ได้ขยับเข้ามาเล่นตรงกลางมากขึ้น มีส่วนร่วมกับเกมมากขึ้น แต่ต้องไม่ลืมว่ามันโอเคสำหรับนัดที่เจอคู่ต่อสู้ที่ไม่ได้มีประสิทธิภาพเกมโต้ที่ดีอะไรนักแบบแบล็คเบิร์นเท่านั้น ถ้าไปเจออย่างซานเชสหรือวัลคอต จะไปดันแบ็คขึ้นเป็นว่าวติดลมบนแบบนัดนี้เป็นอะไรที่เชิญชวนให้ไส้แตกมากครับ ทางที่ดีหาคนดันขึ้นไปสูงช่วยเล่นเกมรุกน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า

_______ ว่าแต่ร็อดเจอร์จะกลับมาเล่นหลัง 4 เป็นเรื่องเป็นราวรึยังล่ะนี่

-------------------------------

นัดนี้เล่นกันพอใช้ได้

มินโยเล่ - เซฟสำคัญช่วงต้นครึ่งหลังเอาได้ถึงสองครั้ง ทั้งเกมออกมาช่วยตัดลูกกลางอากาศได้ดีและออกมาเล่นนอกเส้นช่วยกองหลังไว้ได้หลายครั้ง

โมเรโน่ - เกมรับยังมีปัญหากับการบีบคู่ต่อสู้ให้เล่นยากให้เห็นอยู่บ้าง แต่ทำได้ดีกับการวิ่งไล่ การเข้าปะทะ ที่ทำได้เร็วและดุดันดี เชื่อมเกมใช้ได้และวิ่งหาที่ว่างรับบอลได้น่าพอใจ

ซาโก้ - เล่นได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ช่วงที่อยู่ในสนามก็เล่นหลุดๆ เหมือนจับจังหวะบอลไม่ค่อยได้ ไม่แน่ใจว่าเจ้าตัวมีอาการบาดเจ็บอะไรอยู่ก่อนแล้วหรือเปล่า

ลอฟเรน  - เอาจริงๆ เค้าไม่ได้ก่อความผิดพลาดอะไรเลย เพียงแต่เล่นไม่เนียนนัก จังหวะประกบกองหน้าค่อนข้างหลวม การเล่นลูกกลางอากาศไม่ค่อยเด็ดขาด หลายครั้งเห็นบอลมันแป๊กๆ ไม่ไปไหน แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้คู่ต่อสู้ส่องหรือเผาแต่อย่างใด

จอห์นสัน - เกมรับไม่ค่อยดีนัก โดนเผาเกรียมชนิดไม่ควรไปสองสามรอบ แต่ทำได้ดีมากๆ กับการเชื่อมเกม และการวิ่งทำทางรับบอล มีส่วนร่วมกับเกมรุกและการเชื่อมเกมจากกลางไปหน้าเยอะมาก เสียดายที่ยังคงรักษามาตรฐานการเปิดและยิงเอาไว้ได้เหนียวแน่น เปิดเรียดติดบล็อค เปิดโด่งออกหลัง

ลูคัส - รับบทเดียวกับเจอราร์ดในฤดูก่อนคือการยืนหน้าคู่เซ็นเตอร์ เกมรับปิดพื้นที่หน้าเขตโทษได้ดีและเก็บบอลจังหวะสองได้ตลอด  แต่ปัญหาคือลูคัสไม่มีบอลยาวไม่ว่าจะแนวลึกหรือมุมธงแบบที่เจอราร์ดทำ ทำให้เขาไม่มีประโยชน์อะไรทั้งเกมโต้กลับและการเชื่อมเกม

อัลเลน - วิ่งไล่และวิ่งทำทางในแดนกลางได้ดี ขยับหาที่ว่างมากกว่าลูคัส ช่วยเชื่อมเกมได้ดีกว่าในขณะที่การเก็บบอลสองก็ยังทำได้น่าพอใจ ปัญหาคืออัลเลนจ่ายบอลขึ้นหน้าได้น้อย และจังหวะที่เติมขึ้นไปช่วยเกมรุกก็ทำอะไรไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน

เฮนเดอร์สัน - เชื่อมเกมได้ไม่ต่างจากอัลเลนนัก ดูดีกว่าหน่อยที่มีบอลไปข้างหน้ามากกว่า แต่โดยรวมแล้วเป็นนัดที่เฮนเดอร์สันก็เล่นไม่ค่อยออก วิ่งทำทางก็ไม่ค่อยดี วิ่งไล่ก็ไม่ถึงบอลเท่าไหร่ เปิดบอลก็ไม่ได้กดดันคู่ต่อสู้

สเตอลิ่ง - โดนซ้อนตลอดไม่ได้มีพื้นที่ให้เล่นเท่าไหร่ ทำได้ดีในการเก็บบอลไว้กับตัวเสียบอลยาก หาที่ว่างรับบอลได้ค่อนข้างดีด้วย แต่กับจังหวะพาบอลไปเองตัดเข้าในไม่ได้ จังหวะเปิดบอลก็ระดับเดียวกับจอห์นสันเลย

คูตินโย่ - 20 นาทีแรกมีส่วนร่วมกับเกมน้อย แต่หลังจากนั้นก็ได้หุบเข้าในมากขึ้น ได้บอลมากขึ้น กล้าเล่น พลิกบอลขึ้นหน้าได้ดี สร้างสรรเกมรุกได้ดีกว่าเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ทำประตูชัยได้ด้วย

สเตอริดจ์ - จังหวะการเล่นดูดีขึ้น ทำทางได้ดี ผ่านบอลก็ดูดีกว่าช่วงก่อนหน้า ที่ยังไม่ดีคือการจับบอลที่ลั่นบ่อยเหลือเกิน และจังหวะแต่งหาช่องยิงที่ยังไม่เฉียบคมเลย

ตัวสำรอง

ตูเร่ - เก็บบอลเล่นไม่ได้ เคลียร์ทิ้งไม่ค่อยมีหางเสือ ยังดีว่าอ่านเกมได้ดีและสกัดจังหวะสำคัญก่อนคู่ต่อสู้ได้ยิงได้ตลอด

แลมเบิร์ต - มีส่วนร่วมกับเกมน้อย ทีมถอยไปรับดันส่งแลมเบิร์ตลงมาก็น่าเห็นใจอยู่ คิดได้อย่างเดียวว่าจะเอามาช่วยโหม่งสกัดลูกบอมบ์ของคู่ต่อสู้ ...ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นก็ถือว่าคุณค่าในฐานะกองหน้าไม่เหลือแล้ว

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...ซิมง มินโยเล่...นับเฉพาะเกมรุก คูตินโย่ชนะเลิศทั้งจากผลงานโดยรวมและประตูชัย แต่ถ้าไม่ได้มินโยเล่ช่วยไว้ที่เห็นๆ ก็สองหน ยิ่งจังหวะเซฟลูกโหม่งนั่นสุดยอดมาก ลูกนี้ทั้งใกล้ ทั้งโดนบัง ทั้งทางบอลเสียบโคนเสา แต่มินโยเล่ปัดได้เฉยเลย

------------------------------------------------------------

เครดิตภาพจากเวปทางการ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น