วันอาทิตย์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2557

ลิเวอร์พูล 3-2 แมนฯ ซิตี้ (พรีเมียร์ลีค)


...ถ้าบุญจะพา วาสนาจะส่งซะขนาดนี้...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเริ่มด้วย 4-4-2

--------------ซัวเรส---------------สเตอริดจ์------------
-------------------------สเตอลิ่ง------------------------
------------เฮนเดอร์สัน-----------คูตินโย่--------------
------------------------เจอราร์ด------------------------
ฟลานาแกน------ซาโก้-------สเคอเทล-------จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเล่นเกมสำคัญที่สุดนัดหนึ่งของฤดูกาลนี้ด้วยการเปิดบ้านรับมือแมนฯซิตี้ ร็อดเจอร์เลือกใช้ทีมชุดเดิม ทำให้อัลเลนกับลูคัสยังต้องนั่งรอต่อไป ส่วนทางซิตี้มีกุนฟิตกลับมาแล้วแต่ยังเป็นแค่ตัวสำรอง
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาเป็นลิเวอร์พูลที่ทำได้ดีกว่า พยายามขึ้นเกมริมเส้นเป็นหลัก ขึ้นทางขวาได้บ่อยและไหลลื่นกว่าทางซ้ายและทำประตูออกนำได้อย่างรวดเร็ว แค่นาที 6 ซัวเรสเบียดปะทะกับกองหลังซิตี้แล้วเก็บบอลไว้ได้แถวกลางแดนซิตี้ ก่อนที่จะจ่ายทะลุช่องเร็วให้สเตอลิ่งที่วิ่งทำทางขึ้นไป สเตอลิ่งจับบอลได้ในเขตโทษทำท่าจะยิงไม่ทันแล้วแต่ล็อคหลอกคอมพานีกับฮาร์ทหาช่องยิงจนได้ 1-0

_______ หลังสกอร์ขยับก็ยังเป็นลิเวอร์พูลที่ทำได้ดีกว่า ต่อบอลสั้นจังหวะเดียวกันได้แม่นยำหนีการวิ่งไล่ของซิตี้ได้ดีตลอด และเกมริมเส้นพาบอลไปถึงหน้าเขตโทษได้บ่อยครั้ง ส่วนทางฝั่งซิตี้พยายามขึ้นเกมริมเส้นเช่นกันโดยเฉพาะทางฝั่งของฟลานาแกนแต่ ยังพาบอลมาไม่ค่อยถึงเขตโทษ นาที 18 ซิตี้ยังมาเจอปัญหาเพิ่มเมื่อยาย่า ตูเร่เล่นต่อไม่ได้ต้องส่งการ์เซียลงมาแทน

_______ ผ่าน 20 นาทีแรกไปบอลของซิตี้เริ่มพามาใกล้เขตโทษได้มากขึ้นแต่ยังกดดันอะไรไม่ได้ นาที 26 ยังมาเสียเพิ่มอีกลูกจากลูกตั้งเตะ เจอราร์ดเปิดลูกเตะมุมมาที่เสาแรกแล้วก็เป็นสเคอเทลขึ้นโหม่งเช็ดเข้าเสาสอง ไปได้สำเร็จ 2-0 แล้วหลังจากนั้นลิเวอร์พูลก็ยังเล่นงานซิตี้ด้วยลูกโต้เร็วได้ดีอีกหลาย ครั้งแต่ทำเพิ่มไม่ได้

_______ ซิตี้พยายามจะเล่นเกมรุกแต่กว่าจะมากดดันได้จริงจังก็เป็นช่วงท้ายครึ่งแรกที่เริ่มจ่ายบอลเข้าทำได้ต่อเนื่อง แต่แนวรับกับผู้รักษาประตูก็ช่วยกันสกัดเอาไว้ได้ เอาตัวรอดจนจบครึ่งแรกที่สกอร์ 2-0

_______ เข้าครึ่งหลัง เล่นไปได้แค่ 5 นาที เปเยกรีนี่ก็เอามิลเนอร์ลงมาแทนนาบาส ซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความบันเทิง(ในสายตากองแช่ง)และความหายนะ(ในสาย ตากองเชียร์ลิเวอร์พูล) นอกจากจะเปลี่ยนตัวแล้วซิตี้ยังเปลี่ยนวิธีเข้าทำด้วย จากครึ่งแรกที่เน้นเกมริมเส้นจ่ายบอลเข้ากลาง(ซึ่งนาบาสเล่นไม่ออก ซิติี้เลยแทบไม่ได้จ่ายบอลเข้าทำ) หันมาเล่นบอลสั้นทำชิ่งมากขึ้น ซึ่งได้ผลโคตรๆ เลยทีเดียว

_______ ทางฝั่งลิเวอร์พูลนั้นพยายามจะลงมาคุมพื้นที่ในแดนตัวเองให้แน่น ไม่ค่อยไล่บอลในแดนหน้ามากนักและช่วง 5 นาทีแรกยังทำได้ดีอยู่ แต่พอมิลเนอร์ลงมาและซิตี้เปลี่ยนวิธีรุก ลิเวอร์พูลก็เจอปัญหาทันทีเมื่อไม่สามารถหยุดเกมรุกคู่ต่อสู้ได้ ซิตี้สามารถต่อบอลสั้นชิ่งไปชิ่งมาจนบอลเข้ามาถึงพื้นที่สุดท้ายได้อย่างต่อ เนื่อง ส่วนเกมรุกลิเวอร์พูลเอง ไอ้จังหวะจ่ายบอลสั้นแม่นยำในครึ่งแรก หายเรียบ กลายเป็นต่อบอลได้ไม่กี่จังหวะก็โดนตัดกลับไป

_______ และเพียงนาที 57 ซิตี้ก็ได้ประตูไล่เข้ามาจากจังหวะทำชิ่งเข้าไปในเขตโทษ จังหวะสุดท้ายเป็นซิลบาจบสกอร์ไม่พลาด 2-1 ก่อนจะฉวยโอกาสบุกกดดันต่อและตีเสมอได้สำเร็จแค่ในนาที 61 จากการเข้าทำรูปแบบเดิม ชิ่งบอลกันเข้าไปจนได้ยิงในเขตโทษ บอลไปแฉลบจอห์นสัน แฉลบมินโยเล่ เข้าประตูไปตีเสมอเป็น 2-2

_______ หลังถูกตีเสมอ อัลเลนได้ลงมาแทนสเตอริดจ์ที่คล้ายจะมีอาการบาดเจ็บ ถึงตรงนี้เกมของลิเวอร์พูลที่ดูไม่ดีนักอยู่แล้วก็ยิ่งแย่หนักลงไปอีก เกมรับตัดบอลกลับมาได้ช้าลงและหยุดเกมคู่ต่อสู้ไม่ได้ทำให้ทีมต้องถอยลงไป รับลึกมากขึ้น ทำให้จังหวะได้บอลกลับมาก็ไม่อยู่ในตำแหน่งที่จะโต้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมือนที่ทำได้ในครึ่งแรก จังหวะที่พอจะโต้ได้บ้างจังหวะสุดท้ายก็ไปพลาดเองอีก แนวรับเองก็เริ่มออกอาการเป๋ไปเป๋มา แข้งขาเริ่มสั่นเล่นพลาดออกบอลพลาดให้เห็นเป็นระยะๆ กลายเป็นซิตี้ที่คุมเกมได้และเป็นฝ่ายบุกกดดันเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง

_______ เกือบ 20 นาทีที่ลิเวอร์พูลแบนแต๋ดแต๋อยู่ในแดนตัวเอง โดนซิตี้บุกเข้าใส่อยู่ตลอด เจียนอยู่เจียนไปอยู่หลายครั้ง แต่จังหวะสุดท้ายถ้าไม่ดีพอแนวรับก็ยังสกัดได้ดีอยู่ ส่วนจังหวะที่ดีพอแล้วก็ขาดนิดเกินหน่อยจนทำให้ซิตี้ไม่ได้ประตูเพิ่มสักที สุดท้ายกลายเป็นลิเวอร์พูลที่รูปเกมชวนให้ลุ้นไม่ให้เสียประตูมากกว่าได้ ประตูกลับเป็นฝ่ายขึ้นนำอีกครั้งแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยนาที 78 ลิเวอร์พูลได้บอลทุ่มแถวใกล้ๆ มุมธงฝั่งขวาในแดนซิตี้ บอลโด่งเลยเข้ากลางมาไม่น่าจะมีอะไร แต่คอมพานีเตะบอลวืด....วืดซะอย่างนั้น

_______ ...บอลกลิ้งช้าๆ มาเข้าทางคูตินโย่ที่รีบวิ่งเข้าหาบอลหวดตูมจังหวะแรกเข้าไปผ่านมือโจ ฮาร์ทได้สำเร็จ ลิเวอร์พูลนำอีกครั้ง 3-2

_______ เวลาที่เหลืออยู่ รูปเกมโดยรวมก็ยังเป็นเหมือนเดิม คือซิตี้คุมเกมได้และกดดันได้ตลอด แต่ลิเวอร์พูลก็ช่วยกันเล่นเกมรับเอาตัวรอดมาได้เรื่อยๆ นาที 89 โมเสสได้ลงแทนคูตินโย่ นาที 90+3 เฮนเดอร์สันซวยแตะบอลยาวแล้วไปเสียบใส่คู่ต่อสู้โดนใบแดงไป ทำให้ลูคัสได้ลงมาแทนสเตอลิ่ง สุดท้ายลิเวอร์พูลเอาตัวรอดไปได้สำเร็จ 3-2
-----------------------------------------

_______ ครึ่งแรกกับครึ่งหลังนี่แทบจะเป็นคนละนัดกันเลยครับ

_______ 11 ตัวจริงและวิธีการเล่นในช่วงครึ่งแรก ลิเวอร์พูลทำได้ดีมากและทำได้ดีกว่าซิตี้อย่างเห็นได้ชัด ร็อดเจอร์ทำได้ดีกับการเลือกเน้นเกมริมเส้นและเร่งเกมรุกให้เร็ว ถ้ามัวแต่จะมาครองบอลลิเวอร์พูลคงหาทางเจาะซิตี้ได้ลำบาก ส่วนในเกมรับ(เฉพาะในครึ่งแรก) ผมมองว่าเป็นฟอร์มส่วนตัวของผู้เล่นมากกว่าที่สามารถจัดการเกมรุกของซิตี้ได้ดีขนาดนั้น ยิ่งพอขาดตูเร่ไปกลางทาง ซิตี้ยิ่งสะดุดและเปเยกรินี่ยังช่วยอะไรไม่ได้มากนัก

_______ แต่พอมาถึงครึ่งหลัง เปเยกรีนี่กลับมาทำได้ดีกว่า โดยเฉพาะการเปลี่ยนวิธีเข้าทำมาเล่นบอลชิ่งซึ่งส่งให้ซิตี้กลับมาดูดีกว่า อย่างเห็นได้ชัดในระดับที่ดีกว่าลิเวอร์พูลครึ่งแรกเยอะทีเดียว คราวนี้กลายเป็นร็อดเจอร์ที่ช้ากว่าและช่วยทีมไม่ได้เท่าไหร่ อัลเลน(หรือลูคัส) อย่างช้าที่สุดควรจะได้ลงมาก่อนที่จะโดนตีเสมอ 2-2 เพราะรูปเกมตั้งแต่มิลเนอร์ลงมา (นาที 50) ลิเวอร์พูลตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด และปัญหาคือแดนกลางที่หยุดคู่ต่อสู้ไม่ได้เลย

_______ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนอัลเลนลงมาแทนสเตอริดจ์ (ต่อให้สเตอริดจ์จะไม่เจ็บเลยก็ตาม) เป็นสิ่งที่ผมเห็นด้วย เพราะเกมตอนนั้นไม่จำเป็นต้องใช้ตัวรุกพร้อมกันถึง 3 คนแล้ว และสเตอลิ่งยังดูจะทำอะไรได้มากกว่าสเตอริดจ์ในนัดนี้ ส่วนการเปลี่ยนอีก 2 ตัวหลังจากนั้นคงไม่ต้องพูดอะไรกันมากนัก

_______ แต่ต้องไม่ลืม และคงต้องย้ำกันอีกทีว่า เกมรุกวูบวาบในครึ่งแรกที่ตัวรุกสลับตำแหน่งและวิ่งทำทางหาช่องกันได้ตลอด และเกมรับที่ถูกกดดันหนักจากทีมระดับซิตี้ยังหยุดแผลเอาไว้ได้ที่ 2 ลูก เป็นสิ่งที่ต้องให้เครดิตร็อดเจอร์ด้วยเช่นกัน

_______ วันนี้เล่นกันคนละครึ่ง ครึ่งแรกเป็นของลิเวอร์พูล ครึ่งหลังของซิตี้ แต่ที่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อคือ ลิเวอร์พูลดันทะลึ่งเอาชนะซิตี้ได้ในวันที่คู่กองหน้าดับสนิทกันทั้งคู่แบบ นี้ ทั้งซัวเรสและสเตอริดจ์ทำอะไรแทบไม่ได้และสร้างโอกาสได้แบบนับครั้งได้เลย ในขณะเดียวกัน คอมพานีไม่ใช่ว่าจะไม่เคยพลาด แต่ดันมาพลาดเอาอีตอนที่คูตินโย่อยู่แถวนั้นพอดี พลาดเอาอีตอนที่ลิเวอร์พูลเองถ้าจะให้ทำกันเองยังนึกไม่ออกว่าจะได้ยิงกัน เมื่อไหร่ อะไรมันจะพอเหมาะพอดีขนาดนั้น ยังไม่ต้องนับจังหวะเล่นวอลเล่ย์บอลในเขตโทษของสเคอเทลช่วงท้ายเกมอีกล่ะ...

_______ ...ฝีมืออ่ะมีครับ ไม่ว่าใครชนะทีมแบบซิตี้ได้ในวันที่ซิตี้ก็ไม่ได้ฟอร์มหลุดมันต้องมีแน่ๆ ฝีมือน่ะ แต่วันนี้ถ้าไม่มีคอมพานีโชว์สเต็ปเอาไว้ล่ะท่าจะแย่ครับ...
-------------------------------

นัดนี้ครึ่งแรกเล่นกันดีมาก ครึ่งหลังเล่นกันพอใช้ได้

มินโยเล่ - เซฟลูกสำคัญได้ไม่น้อย โดยเฉพาะลูกยิงจ่อๆ ในช่วงท้ายครึ่งแรก ออกมาตัดบอลโด่งได้ดี เป็นวันที่ช่วยทีมไว้ได้เยอะทีเดียว

จอห์นสัน - เกมรุกขึ้นไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะแค่ขึ้นมาช่วยเกมอยู่แถวๆ กลางสนามมากกว่า เชื่อมเกมได้พอใช้ เกมรับจังหวะตัวต่อตัวทำได้ดีทีเดียว แต่อ่านเกมไม่ค่อยดีนัก ยืนขาตายจังหวะเจอบอลชิ่งอยู่บ่อยๆ

ซาโก้ - เข้าสกัดได้เด็ดขาด ลูกกลางอากาศไม่มีปัญหา อยู่ในฟอร์มที่ดีมากตลอด 50 นาทีแรกของเกม หลังจากนั้นการเข้าสกัดยังดีอยู่ แต่การผ่านบอลขึ้นหน้า, ความนิ่งเริ่มมีปัญหาให้เห็นบ้าง

สเคอเทล - เล่นได้ในฟอร์มที่สุดยอดในช่วง 50 นาทีแรก เข้าสกัดจังหวะสำคัญๆ ไว้ได้หลายครั้ง ทำประตูให้ทีมได้ด้วย ครึ่งหลังช่วงที่ซิตี้ทำเกมกดดันได้แล้วก็เริ่มมีความผิดพลาดให้เห็นบ้าง แต่ไม่มากนัก

ฟลานาแกน - หยุดนาบาสได้ดี เข้าสกัดได้แม่นยำและอ่านเกมได้ดีขึ้น การเชื่อมเกมพอใช้ได้

เจอราร์ด - ครึ่งแรกแทบจะฝังตัวเองอยู่แนวเดียวกับคู่เซนเตอร์ ช่วยเชื่อมเกมจากหลังไปหน้าใช้ได้แต่วันนี้บอลยาวส่วนๆ มีน้อย ครึ่งหลังเคลื่อนที่มากขึ้น เข้าสกัดและซ้อนเพื่อนๆ ได้ดีทีเดียว

เฮนเดอร์สัน - ครึ่งแรกเล่นได้ดี เชื่อมเกมได้ลื่นไหล ออกบอลได้เร็วและเป็นประโยชน์กว่าแค่แปะไปแปะมา เกมรับก็วิ่งไล่ปิดพื้นที่ได้ดีตลอด ครึ่งหลังเริ่มมีปัญหาวิ่งไม่ค่อยถึงบอล รับบอลแล้วไม่มีเพื่อนวิ่งทำทางจนออกบอลลำบาก ยิ่งท้ายๆ เกมวิ่งเหมือนหมดแรงและเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พลาดโดนใบแดงด้วย

คูตินโย่ - ครึ่งแรกเก็บกดอะไรมาไม่รู้ วิ่งไล่อัดคู่ต่อสู้แบบเอาเป็นเอาตาย ตัดบอลได้เยอะ หลายครั้งเบียดแย่งบอลกลับมาได้ด้วย นับเฉพาะครึ่งแรกนี่เป็นเกมที่คูตินโย่เล่นเกมรับได้ดุเดือดเลือดพล่านและมี คุณภาพที่สุดตั้งแต่เขาย้ายมาเลยทีเดียว แต่ครึ่งหลังการวิ่งไล่ก็เริ่มแผ่วไป การเชื่อมเกมพอใช้ได้ เกมรุกมีดีตรงการให้บอลไปที่ว่างมากกว่าจะเป็นบอลทะลุทะลวง ที่เด็ดขาดจริงๆ คือลูก 3-2 ที่แม้จะเป็นคอมพานีที่พลาดหนัก แต่คูตินโย่ก็ทำได้ดีมากๆ ด้วยเพราะเข้าไปถึงบอลได้เร็ว ยิงเร็วจังหวะแรกด้วย ถ้าจับก่อนหรือจ่ายให้เพื่อนดีไม่ดีลูกนี้จะไม่ได้เอา

สเตอลิ่ง - ครึ่งแรกเล่น ได้อย่างสุดยอดเช่นกัน จังหวะยิงลูกแรกทำได้ดีมากกับการล็อคหลอกทั้งคอมพานีและฮาร์ทจนได้ยิงโล่งๆ เชื่อมเกมและวิ่งทำทางได้ดี ผ่านบอลให้เพื่อนพอใช้ได้ แต่พอเข้าครึ่งหลังก็ค่อยๆ หายไปจากเกม วิ่งได้น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด

สเตอริดจ์ - ครึ่งแรกทำได้ดีที่สุดคือจังหวะเข้าไปชาร์จลูกจ่ายเข้าเขตโทษของสเตอลิ่งแต่ ก็ไม่ดีพอจะเป็นประตู ครึ่งหลังก็ได้บอลหลุดไปในจังหวะโต้กลับแต่ดันเก็บบอลไว้กับตัวนานจนทีมเสีย โอกาส เป็นวันที่เล่นไม่ค่อยดีนัก ไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับเกม ไม่แน่ใจว่ามีอาการบาดเจ็บรบกวนตอนไหนรึปล่าว

ซัวเรส - ล้มรัวๆ แต่เรียกฟาล์วแทบไม่ได้เลย (อันที่จริงนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าเรียกฟาล์วได้สักครั้งหรือปล่าว) เป็นวันที่ได้บอลไม่มากนักและเล่นผิดพลาดค่อนข้างเยอะ จังหวะที่ทำดีแล้วเพื่อนก็ดันจ่ายคืนช้าจนตัวเองล้ำหน้าบ้าง, วิ่งเก้อเพื่อนไม่ส่งให้บ้าง, เพื่อนไม่วิ่งทำทางบ้าง แม้จะมีส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมได้ลูกแรก แต่โดยรวมแล้วเป็นวันที่ซัวเรสเล่นไม่ออกเลย

ตัวสำรอง 

อัลเลน  - เคลื่อนที่ได้โดดเด่นในยามที่เพื่อนร่วมทีมดูจะหมดแรงวิ่ง ทำทางได้ดี ผ่านบอลดี ดีทุกอย่างจนกระทั่งถึงพื้นที่สุดท้ายที่เจ้าตัวดูจะทำพลาดไปหมดเมื่ออยู่ใน เขตโทษคู่ต่อสู้ เกมรับมีความขยันช่วยวิ่งไล่ได้พอสมควร

โมเสส - ไม่ได้สร้างประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น แถมเกมรับก็ควรจะทำได้ดีกว่านี้ จะไล่ก็ไม่ไล่ จะคุมพื้นที่ก็ยืนไม่ค่อยดูตาม้าตาเรือ

ลูคัส - โดนบอลบ้างหรือปล่าวยังไม่แน่ใจ ลงมานาทีสุดท้ายแล้วจริงๆ

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...มาร์ติน สเคอเทล... ครึ่งแรกก็ช่วยสกัดเอาไว้หลายหน ครึ่งหลังในช่วงเวลายากลำบากก็ยังช่วยทีมเอาไว้ได้ไม่น้อย แม้จะมีช่วงเวลาเหวอๆ อยู่ราวๆ 5 นาทีช่วงที่พึ่งโดนยิง แต่โดยรวมวันนี้สเคอเทลเล่นได้น่าประทับใจและทำประตูได้ด้วย
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น