วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2557

เซาแธมตัน 0-3 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค


...เกมไม่ขาดเหมือนสกอร์...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2 ไดม่อน (อัลเลนกับเฮนเดอร์สันไม่ได้เล่นเกมริมเส้นนะครับ)

-----------------ซัวเรส---------สเตอริดจ์---------------
-------------------------คูตินโย่-------------------------
---------อัลเลน-------------------เฮนเดอร์สัน---------
------------------------เจอราร์ด------------------------
จอห์นสัน------แอกเกอร์------สเคอเทล----ฟลานาแกน
------------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลออกไปเยือนเซาท์แธมตัน ซึ่งเป็นทีมที่เคยบุกมาชนะลิเวอร์พูลได้ถึงแอนฟิลด์(และหยุดสถิติชนะรวดใน บ้า่นตั้งแต่เปิดฤดูกาลไว้ตรงนั้นด้วย)  นัดนี้ร็อดเจอร์ปรับผู้เล่นแค่คนเดียวคือเอาอัลเลนลงแทนสเตอริ่งแต่ปรับ แทคติคไปเยอะ หันมาเล่น 4-4-2 หน้าคู่เต็มตัว
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาเป็นลิเวอร์พูลที่เร่งเกมเร็ว วิ่งไล่สูงตั้งแต่แดนหน้า ตัดบอลได้เข้าทำทันที (บรรทัดแรกนี่ก็อปมาจากนัดที่แล้วเลยถ้าจำกันได้) เน้นทำเกมตรงกลางไม่ค่อยออกบอลไปทางริมเส้น แบ็คสองข้างไม่เติมเกมสูง ส่วนทางเซาท์แธมตันเองก็วิธีเล่นคล้ายกัน แต่ผ่านบอลหนีตัววิ่งไล่ไ้ด้ไม่ดีเท่า ทำให้ช่วง 10 นาทีแรก ลิเวอร์พูลทำได้ดีกว่าอย่างชัดเจน

_______ ผ่าน 10 นาทีของเกมไป เซาท์แธมตันเริ่มทำได้ดีขึ้นในแดนกลาง เริ่มหยุดการต่อบอลของลิเวอร์พูลได้และบีบให้ต้องโยนบอลยาวบ่อยขึ้น บอลของลิเวอร์พูลเริ่มไปถึงข้างหน้าได้น้อยลง เกมทำท่าจะดีขึ้นแต่กองหลังเซาท์แธมตันมาพลาดแบบโชคร้ายนิดๆ ทำให้เสียประตูในนาที 16 ซัวเรสพาบอลไปกับตัวทำชิ่งกับสเตอริดจ์หน้าเขตโทษ กองหลังดักได้แล้วแต่บอลยังไม่ไปไหน สเตอริดจ์พยายามปั้มบอลกับกองหลังแล้วบอลดันกระดอนไปข้างหน้า เด้งไปโดนกองหลังที่ล้มอยู่กับพื้นกลับไปเข้าทางซัวเรสที่หลุดโล่งและยัง อยู่ในไลน์กองหลังไม่ได้ล้ำหน้า ยิงเร็วจังหวะแรกได้ประตูขึ้นนำ 1-0

_______ สกอร์เปลี่ยนรูปเกมก็เปลี่ยน แต่เปลี่ยนไปในทางที่เซาท์แธมตันดีขึ้นเรื่อยๆ ครองบอลได้มากขึ้น บอลมาถึงหน้าเขตโทษบ่อยขึ้น แดนกลางหยุดการต่อบอลของลิเวอร์พูลได้ค่อนข้างดี ส่วนลิเวอร์พูลเริ่มตั้งเกมรุกลำบาก เปลี่ยนรับเป็นรุกไม่ค่อยได้ หนักไปทางต้องวางยาวแล้วก็เสียบอลเร็ว นานๆ จะโต้ได้ถึงหน้าเขตโทษบ้างแต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

_______ เกือบครึ่งชั่วโมงของเกมผ่านไป เซาท์แธมตันเริ่มหันมาเน้นเกมรุกริมเส้นมากขึ้น ช่วยกันเติมเกมรุกมากขึ้นโดยเฉพาะแบ็คซ้าย มีโอกาสได้เปิดบอลเข้ากลางเป็นระยะ นาที 32 ลาลาน่าได้ยิงระยะ 6 หลาแต่ชนเสาชวดได้ประตูตีเสมอ หลังจากนั้นเกมก็เป็นของเซาท์แธมตันฝ่ายเดียว ลิเวอร์พูลโต้ไม่ขึ้น เก็บบอลไม่ได้ กองกลางไม่ค่อยเข้าปะทะคู่ต่อสู้เอาแต่วิ่งประคองทำให้เซาท์แธมตันพาบอลถึงสุดเส้นได้ง่ายและบ่อย ได้เปิดบอลจากริมเส้นเข้ามาลุ้นหน้าประตูตลอด ได้จังหวะเก็บตกและโหม่งชงอยู่ไม่น้อยแต่จบสกอร์กันไม่เด็ดขาดเอง โดยโอกาสที่ดีที่สุดอยู่ที่นาที 43 โรดริเกวซได้ยิงในเขตโทษแต่มินโยเล่ล้มตัวเซฟได้ ทำให้จบครึ่งแรกยังประคองตัวให้ขึ้นนำได้อยู่ที่ 1-0

_______ เข้าครึ่งหลัง เซาท์แธมตันลงมาเร่งเกมได้ดี บุกกดดันตั้งแต่ต้นและเก็บบอลครองบอลได้ต่อเนื่อง ลิเวอร์พูลทำเกมรุกแทบไม่ได้เลยไม่ว่าจะเกมโต้หรือตั้งเกมขึ้นไป ได้แต่เล่นเกมรับเป็นส่วนใหญ่ ยังดีว่าเกมรับทำกันได้ดีกว่าในครึ่งแรกพอสมควร รับกันต่ำและปิดพื้นที่ไม่ให้เซาท์แธมตันเปิดบอลเข้าทำได้ง่ายเหมือนในครึ่ง แรก แม้ยังดูอึดอัดอยู่แต่ก็พอเอาตัวรอดกันไปได้แบบดูดีกว่าท้ายครึ่งแรก

_______ นาที 57 ร็อดเจอร์เปลี่ยนเอาคูตินโย่ตัวปลอมออกส่งสเตอริ่งลงมาแทนโดยไม่ได้ปรับตำแหน่ง แล้วก็เหมือนตัวนำโชค แค่นาทีถัดมาทีมก็ได้ประตูนำห่าง เจอราร์ดเปิดบอลเรียดลึกขึ้นหน้าจากกลางสนาม ซัวเรสปล่อยบอลไหลแล้วพลิกตามขึ้นไปได้สวยพาบอลไปได้ถึงสุดเส้นในเขตโทษก่อน จะเปิดหักเข้ากลางให้สเตอริ่งที่วิ่งตามเข้ามาชาร์จได้สำเร็จ 2-0

_______ พอสกอร์ขยับเกมเปลี่ยนอีกครั้งแต่คราวนี้เป็นฝั่งลิเวอร์พูลที่ดูดี กว่า(หลังจากเกมเป็นรองอยู่ร่วมชั่วโมง) ลิเวอร์พูลยังไม่ได้ปรับวิธีการเล่นแต่อย่างใด ยังเล่นเหมือนเดิมแต่ความกดดันน้อยลงไปทำให้จังหวะการเล่นดูง่ายขึ้น ผ่านบอลกันแม่นยำขึ้น สวนทางกับทางเซาท์แธมตันที่พอโดนลูกที่สองก็เครื่องสะดุดไป ที่เคยเร่งได้ดีมาตั้งแต่ต้นครึ่งหลังหายไปเกือบหมด อย่าว่าแต่จะได้ลุ้นประตู แค่หาทางเปิดบอลเข้าทำยังหาไม่ค่อยจะได้

_______ ผ่านนาที 70 ไปเซาท์แธมตันก็หมดมุข แม้จะดันแนวรับขึ้นสูง เปลี่ยนตัวสำรองก็แล้วแต่ทำเกมรุกไม่เป็นชิ้นเป็นอันอีกต่อไป แถมหลายๆ จังหวะยังดูเหมือนผู้เล่นเซาท์แธมตันก็ไม่ค่อยจะมีความมุ่งมั่นให้เห็นอีก ต่างหาก กลายเป็นลิเวอร์พูลที่ยิ่งเล่นยิ่งดีแถมมีช่องโต้ให้วางบอลยาว, จ่ายบอลทะลุช่องอยู่เรื่อยๆ แต่ยังทำประตูเพิ่มไม่ได้ นาที 85 อัสปาสได้ลงมาแทนสเตอริดจ์และรูปเกมโดยรวมก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยน

_______ เกมทำท่าว่าจะจบลงแล้ว แต่ทดเจ็บนาทีสุดท้าย(90+4) ซัวเรสได้บอลยาวและเอาบอลลงได้ดี ได้ดวลกับกองหลังตัวต่อตัวในเขตโทษก่อนจะโดนดึงล้มลง ผู้ตัดสินให้จุดโทษแล้วก็เป็นเจอราร์ดที่รับหน้าที่ยิงไม่พลาด ทำให้ลิเวอร์พูลได้ประตูปิดกล่องเพิ่มไปอีกเป็น 3-0 และจบเกมด้วยสกอร์ดังกล่าว
-----------------------------------------

_______ นัดนี้มีโชคช่วยอยู่หลายจังหวะก็จริง แต่ต้องชมทีเด็ดทีขาดของซัวเรสด้วยครับ

_______ 11 ตัวจริงปรับแค่คนเดียวแต่ปรับแทคติคเยอะทีเดียว 4-4-2 ไดม่อนนี่ไม่รู้ว่าร็อดเจอร์ตั้งใจจัดมาเพื่อหยุด เกมรุกคู่ต่อสู้หรือเพื่อเจาะแนวรับคู่ต่อสู้กันแน่ ถ้าดูเฉพาะเกมรุกต้องถือว่าทำได้ไม่ดีเลย ไม่ดีเอามากๆ ส่วนหนึ่งคือตำแหน่งสำคัญของแทคติคนี้อย่างคูตินโย่ที่ยืนอยู่หลังคู่กอง หน้าดันเล่นไม่ออกขึ้นมา และอย่างที่สองคือแบ็คสองข้างที่ไม่ค่อยขึ้นสูง(น่าจะถูกสั่งมา ปกติคู่นี้เติมกระจาย) ทำให้เกมกระจุกอยู่ตรงกลางและตั้งเกมลำบากมาก

_______ ถ้าดูในเกมรับก็พอมองได้ว่าค่อนข้างโอเค อัลเลน(ซ้าย)กับเฮนเดอร์สัน(ขวา) ช่วยได้ทั้งเกมรับริมเส้น(ที่ ทำได้ดีกว่าตอนเล่นทรง 4-3-3 ที่จะเป็นซัวเรสกับสเตอริ่งที่ช่วยไม่ได้มากนัก) และเกมรับหน้าเขตโทษที่ช่วยบีบพื้นที่ไม่ให้คู่ต่อสู้มีพื้นที่ได้เล่นมาก นัก (ดีกว่าตอนมีเจอราร์ดคนเดียวแน่) แต่ตอนเล่นจริงโดยเฉพาะครึ่งแรกมีปัญหาอยู่พอสมควรเมื่อทั้งอัลเลนและเฮ นเดอร์สันตัดบอลกลับมาได้ค่อนข้างช้าและน้อยไปหน่อย คือวิ่งไล่ได้แต่ตัดกลับได้ไม่มาก ยังดีว่าครึ่งหลังดูดีขึ้นมาก

_______ ถ้าดูจากผลลัพธ์ล้วนๆ ก็อาจจะมองได้ว่าร็อดเจอร์อยากตีหัวเข้าบ้านเต็มรูปแบบเพราะต้นเกมนี่เร่ง สุดชีวิต พอได้ประตูนำก็ไม่ต้องตั้งเกมมากเท่าไหร่ รอโต้เอา ซึ่งก็ทำได้ตามนั้น แม้จะไม่ค่อยประทับใจกับแทคติคต้นเกมเท่าไหร่แต่ก็ต้องบอกว่าร็อดเจอร์ทำได้ ดีพอที่จะทำให้ทีมเอาชนะได้ตามเป้านั่นละครับ

_______ การเปลี่ยนตัวถ้ามองในแง่ของคนที่ออกไปอย่างคูตินโย่ก็ดูเหมาะสมแล้ว คือครึ่งแรกนับเฉพาะเกมรุกก็ต้องบอกกลางลิเวอร์พูลเล่นไม่ออกกันทุกคน แต่ในเกมรับอัลเลนและเฮนเดอร์สันยังทำหน้าที่ของตัวเองได้อยู่บ้างไม่เหมือน คูตินโย่ที่ยืนตรงนั้นออกบอลเกมรุกไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์ ส่วนการส่งสเตอริ่งลงมาแทนไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่...ดูรายชื่อตัวสำรองก็คง ต้องเป็นคนนี้ล่ะ แต่แปลกใจเล็กน้อยที่ไม่ได้ปรับตำแหน่งการยืน แว่บแรกนึกว่าจะกลับไปเล่นทรง 4-3-3 แต่สุดท้ายเอาสเตอริ่งเล่นมันตรงนั้นเลย ซึ่งส่งผลให้ได้ประตู 2-0 ด้วยสิ อันนี้ขอชื่นชมครับว่าร็อดเจอร์ทำได้ดี(ที่ไม่เปลี่ยนตำแหน่งการยืน)

_______ จุดเปลี่ยนของเกมอยู่ที่จังหวะที่ได้ประตูที่สองนั่นละครับ ตั้งแต่ท้ายครึ่งแรกเรื่อยมาจนถึงต้นครึ่งหลังเซาท์แธมตันกดดันได้ดีอย่าง ต่อเนื่องแต่ทำกันไม่ได้ แต่พอลิเวอร์พูลมีโอกาสกลับทำได้เลยพอสกอร์ห่างเกมก็พลิกทันที ถ้าไม่ได้ลูกนั้นช่วยไว้ได้มีเหนื่อยกันอีกหลายนาที

_______ มองทางฝั่งเซาท์แธมตัน พวกเขาโชคร้ายนิดหน่อยกับประตูแรก แถมยังซวยยิงไปชนเสาอีกหนึ่งครั้ง แต่ถ้าดูจากโอกาสที่พวกเขาหาได้...แ้ล้วโยนทิ้งไป...ก็คงไม่ต้องโทษโชคชะตา ฟ้าดินแล้วล่ะ โทษการจบสกอร์ของตัวเองนั่นแหล่ะดีที่สุด แต่สิ่งที่แย่กว่าการจบสกอร์คือความมุ่งมั่นครับ ตอนโดน 2-0 นั่นพึ่งจะนาที 58 เหลือเวลาอีกตั้งครึ่งชั่วโมงแต่พวกเขาดันเล่นแบบหมดอาลัยตายอยากกันเร็วไป หน่อย ควรจะตั้งหน้าตั้งตาช่วยกันวิ่งและสู้ให้มากกว่านี้แต่ก็ไม่....ก็สมควรแพ้จริงๆ

_______ ...ส่วนลิเวอร์พูลแซงอาร์เซนอลได้จากประตูได้เสียครับ...แฮร่~
-------------------------------

นัดนี้เล่นพอใช้ได้

มินโยเล่ - ออกมาจากเส้นได้ ดีขึ้น ตัดบอลเปิดเข้ากลางดูดีขึ้น เปิดบอลดูไม่ได้เหมือนเดิม แต่ทีเด็ดอยู่ที่การเซฟลูกสำคัญในช่วงท้ายครึ่งแรกทำให้ทีมยังไม่โดนตีเสมอ

จอห์นสัน - แทบไม่เติมเกมรุก พาบอลไปเองไม่ดีนัก เชื่อมเกมก็ไม่ถึงกับดี ครึ่งแรกมีปัญหามากกับเกมรับริมเส้นและการปิดบอลเปิดเข้ากลาง แต่ครึ่งหลังก็จัดการได้ดีขึ้น

แอกเกอร์ - ครึ่งแรกดักทางบอลเปิดเข้ากลางได้ไม่ค่อยดี บอลถึงกองหน้าอยู่บ่อยๆ ครึ่งหลังทำได้ดีขึ้นมาก

สเคอเทล - ครึ่งแรกมีปัญหาคล้ายแอกเกอร์อยู่เหมือนกัน แต่สเคอเทลมีจังหวะเคลียร์เยอะกว่า ซ้อนแบ็คและทิ้งตัวตัดบอลก่อนแนวรุกได้บอลได้ดีกว่า ยิ่งครึ่งหลังยิ่งทำได้ดีขึ้น เป็นแนวรับที่เล่นได้ดีที่สุดของวันนี้

ฟลานาแกน - ออกบอลพลาดบ่อยมากทั้งเกม ครึ่งแรกมีปัญหากับเกมรับพอสมควร ดักทางบอลไม่ค่อยดี ครึ่งหลังกระเตื้องขึ้นมาบ้าง

เจอราร์ด - เล่นแทบจะเป็นเซ็นเตอร์คนที่สามอยู่แล้ว ปิดพื้นที่หน้าและในเขตโทษได้ดี ดักตัดบอลได้ไม่น้อยแต่การเข้าสกัดไม่ค่อยโดดเด่นนัก เปลี่ยนรับเป็นรุกได้ไม่ดีเท่าไหร่(ซึ่งก็ยังดูดีกว่ากองกลางคนอื่น) มีทีเด็ดในการออกบอลฉาบฉวยซึ่งทำให้ทีมได้ประตูที่สอง ยิงจุดโทษปิดท้ายได้ดีด้วย

เฮนเดอร์สัน - ครึ่งแรกเล่นได้ไม่ดีนัก วิ่งไล่ได้พอสมควรและปิดพื้นที่ในเกมรับได้ดีทีเดียวแต่ไม่ค่อยจะเข้าปะทะ เชื่อมเกมก็ไม่ดี พลิกบอลขึ้นหน้าได้น้อย ครึ่งหลังดูดีขึ้นบ้างในเรื่องเกมรับแต่การเชื่อมเกมกับเกมรุกก็ไม่ได้ กระเตื้องเท่าไหร่ วันนี้หาโอกาสยิงในเขตโทษได้ดี 2-3 ครั้งก็ดันยิงพลาดหมด ไม่ใช่วันที่ฟอร์มดีแต่ก็ทำตามแทคติคได้น่าพอใจ

คูตินโย่ - ส่งตัวปลอมมาเล่นแทน

อัลเลน - ครึ่งแรกโดยเฉพาะช่วง 30 นาทีแรกพยายามจะบู๊ดุดันแต่ความหนาไม่เอื้อ วิ่งเบียดไหล่ต่อไหล่ไปก่อนคู่ต่อสู้ทุกที วิ่งไล่ปิดพื้นทีไ่ด้ดี แต่เชื่อมเกมวันนี้ทำได้ไม่ค่อยดีนัก เกมรุกยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถ้าจะสรุปก็คงเหมือนเฮนเดอร์สัน ไม่ใช่วันที่ฟอร์มดีแต่ก็ทำตามแทคติคได้น่าพอใจ

สเตอริดจ์ - วิ่งทำทางได้ดีมาก ช่วงที่ทีมตั้งเกมไม่ค่อยขึ้นสเตอริดจ์วิ่งไปรับบอลยาวตรงที่ว่างได้ดี จังหวะประสานงานกับซัวเรสก็ดูใช้ได้ เพียงแต่ไม่เป็นประตู ได้โอกาสจบสกอร์ดีๆ ครั้งนึงก็ดันไปล็อคหลบเข้ามุมแคบเลยยิงไม่ได้

ซัวเรส - เอาจริงๆ ถ้ามองทั้งเกมซัวเรสก็ค่อนข้างเงียบ(โดยเฉพาะครึ่งแรก) พาบอลไปเองก็ผ่านไม่มากนัก หาจังหวะจบสกอร์เองก็ไม่ค่อยได้ แต่จังหวะสำคัญๆ ของเกมเขาทำได้ยอดเยี่ยม ลูกแรกพอโอกาสมาแบบส้มหล่นก็ยิงเร็วไม่พลาด ลูกที่สองก็ปล่อยบอลไหลและจ่ายเข้ากลางให้สเตอริ่งยิงได้ดี(จังหวะนี้ผมชอบที่สุดในเกม) ลูกที่สามก็เรียกจุดโทษให้ทีม ยังไม่นับพวกจังหวะเรียกฟาล์วที่ทำได้หลายครั้ง ทั้งๆ ที่ทางไปต่อก็ไม่มีแล้วแต่ยังไม่เสียการครอบครองบอล

ตัวสำรอง

สเตอริ่ง - ลงมาจบสกอร์ให้ทีมได้ดี หลังจากนั้นก็ช่วยเชื่อมเกมได้ดีกว่าคูตินโย่ในช่วงก่อนหน้า

อัสปาส - ไม่ค่อยได้มีโอกาสทำอะไร

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...หลุยส์ ซัวเรส... ความเด็ดขาดในจังหวะสำคัญนับเป็นทีเด็ดจริงๆ มีส่วนกับทั้ง 3 ประตู ยิง 1 จ่าย 1 เรียกจุดโทษ 1
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น