วันเสาร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2557

คาร์ดิฟ 3-6 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


...เล่นฟุตซอลกันใช่มั้ย...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-1-3-2 

-----------------ซัวเรส---------สเตอริดจ์---------------
---------อัลเลน--------คูตินโย่-------เฮนเดอร์สัน-------
------------------------เจอราร์ด-------------------------
ฟลานาแกน------แอกเกอร์------สเคอเทล----จอห์นสัน
------------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลออกไปเยือนคาร์ดิฟโดยนัดนี้ร็อดเจอร์ยังใช้ผู้เล่นชุดเดิมและ แทคติคเดิม เปลี่ยนเพียงแค่ 1 ตำแหน่งคือให้คูตินโย่เล่นก่อนสเตอลิ่ง ซึ่งอันที่จริงแล้วเป็นเจ้าของพื้นที่ตรงนี้อยู่เดิมด้วยซ้ำ
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาเป็นลิเวอร์พูลที่เล่นกันแบบเกร็งๆ ผ่านบอลกันผิดๆ ถูกๆ โดนคาร์ดิฟตัดบอลกลางสนามแล้วเข้าทำเร็วกดดันได้เป็นชุดๆ ตั้งแต่ีต้น ใช้เวลาไม่นานนักก็ยิงขึ้นนำไปได้ก่อนในนาที 9 จากจังหวะที่อัลเลนลงไปตัดบอลแถวริมเส้นได้แล้วแต่จ่ายพลาดไปเข้าทางผู้เล่น คาร์ดิฟในเขตโทษ จ่ายย้อนออกมาให้มัชวิ่งเติมเข้ามายิงเข้าไปได้ 1-0

_______ สกอร์ขยับแล้วแต่แขนขาของผู้เล่นลิเวอร์พูลยังขยับกันไม่ค่อยจะออก เล่นผิดฟอร์มกันไปหลายคน ส่วนคาร์ดิฟเน้นคุมพื้นที่แถวในและหน้าเขตโทษตัวเองแน่น ไม่ได้ไล่แดนกลางแถววงกลมมากนัก เลยทำให้ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายครองบอลมากกว่าแล้วค่อยๆ หาช่องเข้าทำ นาที 16 ก็ทำได้สำเร็จ เป็นเฮนเดอร์สันที่จ่ายทะลุให้จอห์นสันที่วิ่งเติมขึ้นมารับบอลแล้วจ่าย เรียดเข้ากลางให้ซัวเรสชาร์จที่เสาแรกเข้าไป 1-1

_______ สกอร์กลับมาเสมอแต่รูปเกมยังเหมือนเดิม ลิเวอร์พูลครองบอลมากกว่าแต่หาจัีงหวะเข้าทำไม่ค่อยได้ ส่วนคาร์ดิฟคุมพื้นที่สุดท้ายได้แน่น เกมโต้กลับเน้นขึ้นทางขวาได้ผลพอดีทีเดียว แม้จะครองบอลน้อยกว่าแต่ได้ลุ้นมากกว่า แถมนาที 25 ก็ออกนำได้อีกครั้งจากการจ่ายบอลทะลุช่องเซ็นเตอร์กับแบ็คที่ลิเวอร์พูลเปิด เอาไว้กว้าง แคมเบลวิ่งไปรับบอลได้ก่อนจะกระชากหนีแอกเกอร์หาพื้่นที่ยิงและจบสกอร์ได้ สำเร็จ 2-1

_______ ลิเวอร์พูลตกเป็นฝ่ายตามหลังอีกครั้ง มองในแง่ดีก็ยังพอบอกได้ว่าลิเวอร์พูลไม่ได้แย่ไปกว่าช่วงก่อนหน้า ยังคงเล่นกันเกร็งๆ และพลาดเองเป็นระยะต่อไป สมาธิในเกมดูจะเทไปที่เกมรุกมากเสียจนเกมรับเล่นกันได้ไม่เหนียวแน่นนัก โดยรวมแล้วคาร์ดิฟที่ได้ครองบอลน้อยกว่ายังคุมเกมได้ดีกว่า เกมครึ่งแรกทำท่าจะจบที่สกอร์ดังกล่าวแต่แล้วนาที 41 จากจังหวะต่อเนื่องจากเตะมุม คูตินโย่เปิดบอลเข้ากลางค่อนข้างลึกแล้วก็เป็นสเคอเทลที่วิ่งเข้าไปแหย่เท้า จิ้มบอลท่ามกลางฝูงกองหลังคาร์ดิฟเข้าไปได้หน้าตาเฉย ลิเวอร์พูลเลยตีเสมอได้ 2-2

_______ เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลดูดีขึ้นเล็กน้อยในเรื่องการตั้งเกมและผ่านบอลซึ่งทำได้ต่อเนื่อง มากขึ้นแต่รูปเกมโดยรวมยังไม่ต่างจากครึ่งแรกมากนัก ลิเวอร์พูลครองบอลได้มากกว่าแต่เจาะไม่เข้า คาร์ดิฟนานๆ โต้ทีพอได้ลุ้นและคุมเกมได้ดีกว่า อย่างไรก็ตาม แม้ลิเวอร์พูลจะทำอะไรในเกมเปิดไม่ได้แต่ก็อุตส่าห์มาทำประตูนำสำเร็จจนได้ จากลูกตั้งเตะ(บวกกับโชคช่วยนิดๆ) ประมาณนาที 53 ลิเวอร์พูลได้ลูกฟรีคิกหน้าเขตโทษ ซัวเรสยิงไปติดกำแพงแล้วบอลออกหลัง แต่จากจังหวะนี้ทำให้ผู้เล่นคาร์ดิฟเจ็บไป 2 คนต้องออกไปพยาบาลกันนอกสนาม ทำให้จังหวะต่อมาที่เล่นลูกเตะมุม คาร์ดิฟมีผู้เล่นในสนามแค่ 9 คน แล้วลิเวอร์พูลก็ฉวยโอกาสเอาไว้ได้ คูตินโย่เปิดเข้ามาบนเส้น 6 หลา สเคอเทลวิ่งเข้ามาโหม่งเสียบเสาเข้าไปให้ทีมพลิกแซงสำเร็จ 3-2

_______ พอลิเวอร์พูลพลิกขึ้นนำได้เกมก็เปลี่ยนไปทันที ในมุมของลิเวอร์พูลเองผู้เล่นคลายความกดดันลงไปได้มาก เริ่มผ่านบอลได้แม่นขึ้นและักล้าเล่นมากขึ้น ในมุมของคาร์ดิฟพวกเขาตามแล้วแต่เลือกที่ยังเล่นเหมือนเดิมคือคุมพื้นที่สุด ท้ายแน่นแทนที่จะเลือกวิ่งไล่ในแดนหน้าหรือกลางให้มากขึ้น ทั้งสองสาเหตุนี้ส่งผลให้ลิเวอร์พูลเล่นง่ายเอามากๆ และเลือกที่จะเน้นเคาะครองบอลอยู่ในแดนตัวเองเพราะคู่ต่อสู้ไม่ค่อยจะไล่ข้างหน้า ครองบอลอยู่ได้แทบจะตลอดเวลา

_______ นาที 60 หลังจากเคาะครองบอลอยู่นาน ลิเวอร์พูลก็หาช่องเข้าทำได้ เริ่มต้นจากเฮนเดอร์สันที่จ่ายให้จอห์นสันวิ่งเข้าไปรับบอลในเขตโทษก่อนจะ จ่ายเข้าเรียดเข้ากลาง บอลแฉลบกองหลังแต่ยังไปเข้าทางสเตอริดจ์ตอกส้นไปให้ซัวเรสที่วิ่งตามเข้ามา จบสกอร์ได้สำเร็จ ลิเวอร์พูลหนีห่างเป็น 4-2

_______ พอสกอร์ขยับอีกครั้งโซลชาเหมือนพึ่งนึกขึ้นได้ว่าทีมตามอยู่ สั่งให้ตัวสำรองวอร์มก่อนจะทยอยเปลี่ยนลงมา นาที 65 ส่งมาสองคน นาที 70 ส่งเควิน โจนส์ลง มาอีกคน ส่วนลิเวอร์พูลมีส่งสเตอลิ่งแทนคูตินโย่ในนาที 68 เกมช่วง 60-70 นี่ลิเวอร์พูลเล่นกันได้ง่ายสบายชีวิตมากครับ คาร์ดิฟนอกจากจะไม่ค่อยไล่แล้วยังไม่ค่อยบุกด้วย

_______ แต่พอนาที 70 เป็นต้นไป (ซึ่งเควิน โจนส์ลงสนามมาแล้ว) คาร์ดิฟเปิดหน้าแลกทันที เปลี่ยนจังหวะมาเล่นแบบไม่คิดมากคือวาง ยาวจากแดนหลังให้โจนส์พักบอลเล่น บอลไปไหนต่อค่อยว่ากัน กองกลางกองหลังเติมกันขึ้นมาเล่นให้มันสูงๆ เข้าไว้ นาที 72 ซิสโซโก้ได้ลงแทนฟลานาแกนคาดว่าเอามาช่วยบอลโด่งอีกแรง และลิเวอร์พูลก็หันมาเล่นแบบรับโต้เต็มตัวเช่นกัน แล้วก็ทำได้สำเร็จในนาที 75 จอห์นสันวางบอลยาวจากแดนหลังลึกไปถึงเกือบหน้าเขตโทษคาร์ดิฟ กองหลังขึ้นถึงบอลแต่โหม่งไม่ดี บอลไม่ขาดแถมไปตกเข้าทางซัวเรสที่วิ่งตีคู่กันไปได้พาบอลเข้าเขตโทษก่อนจะ จ่ายเรียดเข้ากลางให้สเตอริดจ์ได้ยิงง่ายๆ 5-2

_______ สกอร์ขยับเป็น 5-2 แล้วแต่ตลกร้ายคือคาร์ดิฟกลับเล่นกันได้เป็นสัปปะรดมากกกว่าช่วง 3-2 หรือ 4-2 เล่นบอลไดเรกต์วางยาวใส่โจนส์แล้วคนที่เหลือก็วิ่งเติมกันขึ้นไปให้มันอยู่ ข้างหน้าเยอะๆ แม้จะหาจังหวะจบสกอร์ได้ไม่มากนัก แต่ก็กดดันแนวรับได้มากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนทางลิเวอร์พูลถ้าเห็นช่องโต้ก็โต้ยาว ไม่มีช่องโต้ก็เน้นครองบอลเผาเวลากันไปเรื่อยๆ ยังคุมเกมไว้ได้ แต่ผู้เเล่นหลายคนเริ่มออกอาการหมดแรงอย่างเห็นได้ชัดแล้ว

_______ ความพยายามของคาร์ดิฟมาได้ผลในที่สุดในนาที 88 จากบอลโยนเข้าเขตโทษ คู่เซนเตอร์ลิเวอร์พูลพลาดทั้งคู่ ปล่อยให้โจนส์โหม่งตั้งให้มัชจบสกอร์ได้ง่ายๆ ไล่มาเป็น 5-3 หลังจากนั้นก็ยังมีฮึดและพยายามโยนบอลเข้าใส่เขตโทษลิเวอร์พูลอยู่ตลอดเวลา นาที 92 ซาโก้แทนสเตอริดจ์ แนวรับลิเวอร์พูลยังหยุดการโยนปูพรมใส่เขตโทษได้ค่อนข้างดีและเกมทำท่าจะจบ แล้วแต่ช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้าย นาที 90+6 สเคอเทลสกัดบอลยาวมาด้านหน้า ซัวเรสวิ่งเข้าไปปะทะกับกองหลังแล้วแย่งบอลมาได้ ผู้ตัดสินไม่ได้เป่าฟาล์ว ซัวเรสเลยพาบอลหลุดเดี่ยวไปล่อเป้าคนเดียวโล่งๆ แล้วก็ยิงไม่พลาด ทำแฮททริคได้สำเร็จส่งให้ลิเวอร์พูลเก็บไส้คาร์ดิฟกลับแอนฟิลด์ไปด้วยสกอร์ 6-3
-----------------------------------------

_______ สมควรชนะแล้วจริงๆ แต่ก็ไม่น่าเสียถึง 3 ลูกและไม่น่าได้ถึง 6 ลูกเช่นกัน

_______ 11 ตัวจริงและแทคติคการเล่นของลิเวอร์พูลวันนี้ก็ยังคงรูปแบบเดิมไว้ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะร็อดเจอร์ไม่ค่อยจะปรับทีมสุ่มสี่สุ่มห้าอยู่แล้ว อะไรที่เล่นแล้วผลออกมาใช้ได้ก็ไม่ค่อยจะเปลี่ยนหรอก วันนี้ก็เปลี่ยนแค่คูตินโย่แทนสเตอลิ่งที่จะว่าไปแล้วน่าจะถนัดเล่นตำแหน่ง นี้มากกว่าสเตอลิ่งด้วยซ้ำ

_______ วันนี้สภาพจิตใจของผู้เล่นลิเวอร์พูลส่งผลต่อเกมมาก ช่วงต้นเกมพวกเขากดดันกันไปเองเล่นพลาดไปหลายจังหวะ โดยเฉพาะการออกบอลตั้งเกมของแนวรับที่พลาดกันรัวๆ โดนคาร์ดิฟตัดได้เอามาบุึกกดดันและทำได้ถึง 2 ประตู แต่โ่ชคดี(ในโชคร้าย)คือลิเวอร์พูลตกอยู่ในสถานการณ์กดดันคล้ายๆ กันอย่างนี้มาหลายหนแล้วตั้งแต่ฤดูกาลก่อน ซึ่งทีมชุดนี้จากแต่เดิมที่เจอความกดดันแล้วแข้งขาอ่อนกันไปหมด โดนนำเมื่อไหร่บรรลัยเมื่อนั้นกลายเป็นพอจะเอาตัวรอดมาได้ อย่างน้อยๆ จบครึ่งแรกที่ผลเสมอได้ทำให้ครึ่งหลังเล่นได้ง่ายขึ้นและรอดกลับมาในที่สุด วันเวลาที่เสียไปกับการกุมขมับเนื่องด้วยทีมนั้นขาดประสบการณ์รู้สึกจะเริ่มออกดอกออกผลให้เห็นกันแล้วครับ

_______ สิ่งที่ตัดสินเกมในวันนี้ก็คงเป็นเรื่องความเด็ดขาดในการจบสกอร์ นับเฉพาะครึ่งแรก ถ้าดูกันที่จังหวะจบสกอร์ที่ได้ลุ้นจริงๆ จังๆ (ไม่นับไอ้พวกยิงวัดดวง) คาร์ดิฟทำได้เยอะกว่าลิเวอร์พูลอีก แต่ลิเวอร์พูลก็ยังอุตส่าห์จบครึ่งแรกที่ 2-2 กันได้สำเร็จ ยิ่งพอมาดูครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลใช้โอกาสไม่กี่ครั้งก็พลิกมานำห่างได้ถึง 5-2 และจบเกมยิงได้ถึงครึ่งโหลซึ่งถ้าจะว่ากันตามจริง มันมีนัดที่ลิเวอร์พูลสร้างโอกาสได้มากกว่าี้นัดนี้ไม่รู้ตั้งกี่นัดต่อกี่ นัดครับ แต่ยิงกันได้ไม่กี่ลูก

_______ มองทางฝั่งคาร์ดิฟ พวกเขาเริ่มต้นเกมได้ดีที่เน้นการคุมพื้่นที่สุดท้ายให้แน่น เลือกที่จะทิ้งการวิ่งไล่แดนหน้าและกลางไปเพราะผลลัพธ์ออกมาคือพวกเขาสามารถ หยุดเกมการเจาะตรงกลางของลิเวอร์พูลได้ดี และในเกมรุกการเลือกขึ้นเกมฝั่งขวาเลือกเจาะฟลานาแกนก็ได้ผลเอามากๆ ได้มาถึง 2 ประตูจากพื้นที่นั้น ปัญหาของคาร์ดิฟในช่วงแรกอยู่แค่เกมริมเส้นที่วันนี้จอห์นสันดันมาฟอร์มเข้า ฝักพอดี ทำให้พวกเขาจบครึ่งแรกได้แค่ผลเสมอทั้งๆ ที่น่าจะเป็นฝ่ายขึ้นนำได้ แถมต้นครึ่งหลังยังมาโชคร้ายในจังหวะเสียประตูที่สามอีกต่างหาก เลยทำให้พวกเขาเสียเปรียบและพลิกแพ้ในที่สุด

_______ อย่างไรก็ตาม คาร์ดิฟทำได้ไม่ดีนักในช่วงนาที 54 -70 ที่แช่แป้เอามากๆ ทำอย่างกับตัวเองเป็นฝ่ายขึ้นนำมันซะอย่างนั้น ไม่ไล่บอลเท่าที่ควรปล่อยให้ลิเวอร์พูลเคาะครองบอลกันได้สบาย นาที 70 - 80 ดีขึ้นมาหน่อยแต่ก็ยังถือว่าไล่น้อยเกินไปอยู่ดี ซึ่งสุดท้ายยังนำมาซึ่งประตู 4-2 ให้เกมมันยากเข้าไปอีก ถ้าพวกเขาวิ่งไล่, เติมเกมให้มากและหันมาโยนโด่งเข้าเขตโทษ เหมือนที่ทำได้ดีในช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกมให้มันเร็วกว่านี้ แม้ผมยังคิดว่าเกมโต้กลับของลิเวอร์พูลจะเล่นงานและเอาชนะพวกเขา่ได้(อย่าง ที่ทำได้ในนาที 75) แต่คาร์ดิฟจะต้องมีลุ้นมากกว่านี้อีกเยอะทีเดียว

_______ จากเกมนี้ ลิเวอร์พูลดูท่าจะต้องปรับปรุงแนวรับอย่างเร่งด่วนทีเดียว จริงที่ว่าส่วนหนึ่งมันมาจากความกดดันที่ทำให้แนวรับเล่นไม่ค่อยดีนักใน วันนี้ แต่นอกจากเรื่องกดดันแล้วก็ต้องยอมรับด้วยว่าแผงหลังชุดนี้เล่นกันได้ไม่ เหนียวแน่นเท่าที่ควร ทางด้านซ้าย ช่องระหว่างแอกเกอร์กับฟลานาแกนเปิดไว้โล่งโจ้ง คือฟลานาแกนเองแม้จะอ่านเกมดีขึ้นแต่ก็ยังไม่ถึงขั้นไว้ใจได้ พอมาประกอบกับแอกเกอร์ที่ดูเหมือนฟอร์มจะยังไม่เข้าที่เข้าทางเข้าไปอีกยิ่ง ทำให้พื้นที่ตรงนี้อ่อนลงไปอีก (ถ้ายังจำกันได้นัดก่อนแมนยูก็เล่นงานตรงนี้ได้ผล), การเล่นลูกกลางอากาศของคู่เซนเตอร์คู่นี้ดูไม่ดีเลย นัดนี้เจอแค่โจนส์คนเดียวยังมีเป๋ให้เห็นในช่วงท้ายๆ, จอห์นสันยังเล่นเกมรับได้ไม่น่าไว้ใจสักเท่าไหร่ บางทีอาจต้องปรับเปลี่ยนตัวจริงในแผงหลังกันบ้าง ตัวเลือกกลับมาให้เลือกกันสลอนแล้วด้วย

_______ การเจอกับทีมระดับคาร์ดิฟในวันที่พวกเขาก็ไม่ได้เล่นเกมรุกดุเดือดเด็ดขาด อะไรแล้วยังโดนยิงได้ตั้ง 3 ลูกนี่อย่าว่าแต่เป็นทีมลุ้นแชมป์เลยครับ แค่เป็นทีมระดับ top4 ก็ไม่ควรโดนแล้ว
-------------------------------

นัดนี้เล่นกันใช้ได้

มินโยเล่ - สามลูกที่โดนไปไม่อยู่ในวิสัยที่จะช่วยอะไรได้ เหน่งๆ โล่งๆ ล่อเป้าซะขนาดนั้น แต่นอกจากจังหวะเสียประตูทั้งสามครั้งนั้น มินโยเล่แทบไม่ต้องทำอะไรเลย ที่แปลกตาหน่อยคือรู้สึกจะขยันออกมาเล่นลูกไกลเส้นมากขึ้น

จอห์นสัน - เติมขึ้นไปเล่นเกมรุกในพื้นที่สุดท้ายได้ดี ทั้งในเรื่องการวิ่งทำทางและการจ่ายเข้ากลาง เชื่อมเกมพอใช้ได้ แต่เกมรับโดยเฉพาะช่วงประมาณ 20 นาทีสุดท้ายที่คาร์ดิฟบุกเต็มที่แล้วจอห์นสันเล่นไม่ดีเลย คู่ต่อสู้กระชากไปเปิดง่ายเหลือเกิน

แอกเกอร์ - ช่วงต้นครึ่งแรกเล่นไม่ดี อ่านเกมและขยับไปปิดพื้นที่ด้านข้างพลาดมีส่วนกับสองประตูแรกที่เสียไป แต่หลังจากนั้นก็เล่นได้กระเตื้องขึ้น วันนี้ผ่านบอลขึ้นหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่

สเคอเทล - เล่นลูกกลางอากาศใช้ได้แต่เคยเล่นไ้ด้ดีกว่านี้เยอะ ยืนตำแหน่งได้ดีกว่าแอกเกอร์และวันนี้มีทีเด็ดในการทำถึงสองประตูซึ่งเป็นประตูในช่วงที่ทีมกำลังกดดันมากด้วย

ฟลานาแกน - มีปัญหากับการอ่านเกมพอสมควร ยืนขาตายให้คู่ต่อสู้จิ้มหนี, กระชากหนีไปง่ายๆ ให้เห็นเยอะไปหน่อย ยังเข้าปะทะได้ดีอยู่, เชื่อมเกมพอใช้ได้ และขยันวิ่งทำทางอยู่ตลอด

เจอราร์ด - เสียใบเหลืองเร็วตั้งแต่ต้นเกมแต่ก็รักษามาตรฐานการเล่นได้อยู่ เปลี่ยนรับเป็นรุกและออกบอลไปพื้นที่ว่างได้ดี ช่วยเชื่อมเกมจากหลังไปหน้าได้ดีกว่ากองกลางคนอื่นๆ

เฮนเดอร์สัน - เคลื่อนที่รับบอลและเชื่อมเกมได้ดี คุมพื้นที่ได้ดีกว่าอัลเลน(พอถึงตัวคู่ต่อสู้แล้วปะทะได้ดีกว่า)และ คูตินโย่(ขยันวิ่งมากกว่าเยอะ) มีส่วนกับเกมรุกไม่น้อย ออกบอลเกมรุกได้ดีหลายครั้งโดยเฉพาะจังหวะที่จ่ายตัดแบ็คให้จอห์นสันเติม ขึ้นไปถึงสุดเส้นถือว่าวันนี้ทำได้เยี่ยมทั้งน้ำหนักและทิศทาง

คูตินโย่ - เคลื่อนที่น้อยไปหน่อย เกมรับช่วยไล่บอลน้อยกว่าที่ควรจะเป็น เกมรุกยังขยับหาพื้นที่รับบอลพอใช้ได้แต่ก็เคยทำได้ดีกว่านี้ ทิศทางออกบอลดีทีเดียวแต่น้ำหนักไม่ค่อยจะได้ สิ่งที่ำทำได้ดีในวันนี้คือเชื่อมเกมและการเปิดลูกเตะมุม แต่นอกนั้นก็ไม่มีทีเด็ดทีขาดอะไร

อัลเลน - เล่นในจังหวะที่ไม่มีบอลได้ดีที่สุดในบรรดากองกลางของทีมไม่ว่าจะในเกมรุกหรือเกมรับ แต่จังหวะที่ถึงบอลแล้ว...

สเตอริดจ์ - ครึ่งแรกไม่ค่อยกระชากบอลไปเอง วิ่งทำทางก็ไม่ค่อยดีนัก ทำได้แค่แปะบอลไปมาเป็นส่วนใหญ่ แต่ครึ่งหลังทำได้ดีขึ้นเยอะ มาเด่นเอามากๆ ก็หลังจากที่ทีมขึ้นนำไปแล้วที่วิ่งทำทางและผ่านบอลไปที่วางได้ดีอยู่ตลอด ยิงได้ด้วย

ซัวเรส - ครึ่งแรกค่อนข้างเงียบ ไม่ได้แย่แต่ไม่เด่น หาที่ทางไม่ค่อยจะได้แต่ก็ยังวิ่งเข้าชาร์จลูกแรกให้ทีมได้ดี ครึ่งหลังเริ่มทำได้ดีขึ้นในเรื่องการเก็บบอลและพาบอลไปเองแต่ก็คล้าย สเตอริดจ์ตรงที่มาเด่นเอาจริงๆ ก็ตอนที่ทีมขึ้นนำแล้ว ที่ดีกว่าสเตอริดจ์คือเขายิงได้อีกถึง 2 ลูกและเป็นคนจ่ายให้สเตอริดจ์ยิงด้วย

ตัวสำรอง 

สเตอลิ่ง - ขยันวิ่งกว่าคูตินโย่ เชื่อมเกมพอใช้ได้

ซิสโซโก้ & ซาโก้ - เล่นไปตามจังหวะ

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...มาร์ติน สเคอเทล... วันนี้มีคนสมควรได้ MOM อยู่สามคนคือเจอราร์ดที่เล่นเป็นกระดูกสันหลังของทีม ไม่มีเขาทีมคงเป๋ไปตั้งกะต้นเกมแล้ว, ซัวเรสกับแฮททริคและ 1 แอสซิส ซึ่งหมายถึงมีส่วนร่วมกับ 4 ประตูทีเดียว, แต่ขอเลือกไปที่สเคอเทลเพราะประทับใจการทำประตูสำคัญทั้งสองครั้งของเขา ครั้งแรกช่วยตีเสมอให้ทีมได้ก่อนหมดครึ่งแรกส่งผลกับกำลังใจของทีมมาก ครั้งที่สองก็ช่วยให้ทีมขึ้นนำเป็นครั้งแรกของวันช่วยลดความกดดันไปได้อีกเยอะ
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น