วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ลิเวอร์พูล 4 - 1 เวสต์บรอมวิชอัลเบี้ยน


...แฮททริค...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 3-5-2

----------------สเตอริดจ์-------ซัวเรส------------------
ซิสโซโก้---เฮนเดอร์สัน--ลูคัส---เจอราร์ด-----จอห์นสัน
---------ซาโก้---------สเคอเทล-----------ตูเร่---------
------------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับ WBA ทีมที่ยิงน้อย ไม่ค่อยชนะ แต่ยังไม่แพ้ใครนอกบ้าน โดย 11 ตัวจริงนัดนี้เปลี่ยนแค่คนเดียวคือลูคัสกลับมาจากภารกิจรับใช้ครอบครัวลงแทน โมเสสที่หลุดจากทีมไป นอกนั้นยังใช้ผู้เล่นชุดเดิม
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาทางฝ่าย WBA ยืนคุมพื้นที่แน่นในแดนตัวตัวเอง ส่วนทางลิเวอร์พูลดันแผงหลังขึ้นสูงและไล่บอลกันเร็วตั้งแต่แดนหน้า พยายามผ่านบอลเล่นกันเต็มสนามสุดเส้นข้างทั้งสองฝั่ง เจอราร์ดกับเฮนเดอร์สันวิ่งช่วยเชื่อมเกมในแดนกลางกันหน้าเยอะกว่าเกมก่อนๆ และคู่กองหน้าสลับกันลงมาช่วยเชื่อมเกมด้วย ทำให้ครองบอลได้มากกว่า แต่ WBA ยังไม่ได้เพลี่ยงพล้ำ รูปเกมค่อนข้างสูสี

_______ แต่แล้วนาที 12 ซัวเรสก็แสดงอภินิหารจากจังหวะที่ไม่น่าจะมีอะไร เจ้าตัวรับบอลหน้าเขตโทษพลิกเข้าหาประตู ก่อนจะเลี้ยงฝ่าเข้าไปดื้อๆ แตะบอลลอดขากองหลังยิงเข้าไปให้ทีมขึ้นนำ 1-0 หลังจากนั้นเกมรุกลิเวอร์พูลยิงไหลลื่นมากกว่าเดิมโดยเฉพาะทางฝั่งซ้ายที่ซิสโซโก้เติมได้เร็วและมีพื้นที่เล่น รวมไปถึงคู่กองหน้าที่วิ่งหาช่องรับบอลกันอยู่ตลอด ทางฝั่ง WBA แม้จะหาจังหวะครองบอลได้บ้าง แต่หาโอกาสเข้าทำแทบไม่ได้

_______ ลิเวอร์พูลมาหนีห่างได้สำเร็จในนาที 17 สเตอริดจ์รับบอลหน้าเขตโทษแล้วโดนรวบ กรรมการไม่ได้เป่าฟาลว์และซัวเรสจ่ายออกด้านซ้ายให้ซิสโซโก้ทันที ซิสโซโก้รีบเปิดเข้ากลางเร็วแล้วก็เป็นซัวเรสที่เข้าถึงบอล วิ่งโหม่งจากระยะไกลเกือบถึงเส้นเขตโทษเสียบสามเหลี่ยมเสาแรกเข้าไปได้ 2-0

_______ ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลคุมเกมได้เนื่องกว่าชัดเจน ไล่บอลคืนมาได้เร็วและช่วยกันไล่ทุกคน กองหลังไม่โดนกดดัน กองกลางเอาชนะได้ และสามารถหาโอกาสลุ้นประตูเพิ่มได้อีกแต่ยังทำไม่สำเร็จ จนกระทั่งช่วงท้ายครึ่งแรกก่อนหมดเวลาไม่นาน WBA ถึงได้โอกาสลุ้นตีตื้นติดๆ กัน 2-3 ครั้ง โดยเฉพาะโอกาสของอเนลก้าที่เข้าถึงบอลที่เพื่อนวางยาวลึกเข้ามาได้ก่อนมิ นโยเล่ย์แต่แปบอลไม่เต็ม สเคอเทล(ที่โหม่งวืดจังหวะแรกทำให้อเนลก้าเข้าถึงบอล)วิ่งตามไปสกัดทิ้งไป ได้ ทำให้จบครึ่งแรกลิเวอร์พูลยังนำ 2-0

_______ เข้าครึ่งหลัง WBA เติมกันขึ้นมาและเปิดเกมรุกมากขึ้น แต่รูปเกมโดยรวมไม่ได้ต่างจากครึ่งแรกมากนัก ส่วนลิเวอร์พูลแผงหลังยืนต่ำลง, เน้นจังหวะโต้เร็วและการพาบอลเลี้ยงจี้มากขึ้น ได้ฟาลว์เป็นระยะ และเป็นฝ่ายกดดันแนวรับได้ดีกว่า ไม่นานนัก นาที 55 ลิเวอร์พูลก็หนีห่างได้อีกครั้งจากลูกฟรีคิก เจอราร์ดเปิดบอลเข้าเขตโทษแถมเข้าหัวซัวเรสที่วิ่งหนีตัวประกบมาได้ สะบัดโหม่งเข้าประตูไปไม่พลาด 3-0 และเป็นแฮททริคของเจ้าตัวด้วย

_______ เกมทำท่าว่าจะขาดเมื่อลิเวอร์พูลยังคงครองเกมได้และ WBA แม้จะพยายามรุกและได้ครองบอลมากขึ้น แต่หาโอกาสเปิดบอลเข้าทำได้ไม่มากนัก ส่วนใหญ่ก็จะได้ลุ้นจากลูกตั้งเตะที่ลิเวอร์พูลสกัดกันไม่ค่อยขาดแต่ถึง อย่างนั้น WBA ก็เข้าถึงบอลจนได้ยิงไม่มากนัก นาที 62 เคลลี่ได้ลงมาแทนจอห์นสันที่มีอาการบาดเจ็บตั้งแต่ครึ่งแรก

_______ เกมไม่น่าจะมีอะไรแล้ว แต่ผู้กำกับเส้นอาจจะกลัวเกมมันน่าเบื่อ เลยสะบัดธงเรียกร้องให้กรรมการเป่าจุดโทษในนาที 65 ในจังหวะที่บิลลี่ โจนส์พาบอลเข้าเขตโทษท่ามกลางวงล้อมของกองหลัง 3 คนแล้วล้มลง กรรมการที่ไม่ได้คิดจะเป่าในจังหวะแรกเห็นผู้กำกับเส้นสะบัดธงเลยตัดสินใจ เป่า มอริสันรับหน้าที่ยิงจุดโทษไม่พลาด WBA ไล่มาเป็น 3-1

_______ หลังจากไล่ตามมาได้ WBA ตัดสินใจเปลี่ยนอีกสองตัวเพิ่มตัวรุกลงมา เร่งเกมรุกมากขึ้นและเน้นการขึ้นบอลทางริมเส้นโดยเฉพาะฝั่งซ้าย(เคลลี่) เกมรุกของ WBA ไหลลื่นขึ้นทันทีและสามารถเปิดบอลเข้าทำได้ต่อเนื่องแต่จังหวะสุดท้ายยัง เป็นกองหลังลิเวอร์พูลที่ยังทำได้ดีสกัดเอาไว้ได้เกือบหมด กลับกันในเกมรุกลิเวอร์พูลก็ยังพาบอลทะลุไปถึงพื้นที่สุดท้ายได้ ทำให้เกมช่วงนี้เปิดแลกกันมากขึ้น

_______ WBA ทำท่าจะบดได้สำเร็จเมื่อลิเวอร์พูลเริ่มไล่ถึงบอลน้อยลงเหมือนจะขึงเกมไว้ ได้แล้ว แต่นาที 77 สเตอริดจ์ก็มาตีเหยี่ยวที่ทำท่าจะฟื้นตัวนี้ให้ตายสนิทไม่ต้องชักต่อ เมื่อรับบอลกระฉอกจากการปะทะกันในแดนกลางได้ก่อนตัดสินใจชิพจากหน้าเขตโทษ บอลข้ามผู้รักษาประตูเข้าสองเสาไปอย่างแฮททริคของซัวเรสต้องหมองลงไปพอสมควร เป็น 4-1

_______ เข้า 10 นาทีสุดท้าย ลิเวอร์พูลเน้นเก็บบอลมากขึ้น แต่ถ้าเห็นช่องก็ยังทำเกมรุกต่อไม่ได้ถอยลงมาเล่นพินบอลกันในแดนตัวเอง ส่วนทางฝั่ง WBA หลังโดนลูกที่ 4 เกมรุกก็สะดุดไป โอกาสที่ลิเวอร์พูลจะได้ลูกที่ 5 มีมากกว่าเสียลูกที่ 2 นาที 86 อัลเลนได้ลงแทนเจอราร์ด และนาที 89 อัลแบร์โต้ได้ลงแทนซัวเรส ก่อนที่จะทำอะไรเพิ่มกันไม่ได้ จบเกมไปด้วยสกอร์ 4-1
-----------------------------------------

_______ วันนี้เป็นผู้เล่นที่ตัดสินเกมมากกว่าที่จะเป็นเรื่องแทคติคครับ

_______ คล๊ากไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดในการวางแทคติคเริ่มเกมเช่นเดียวกันกับร็อดเจอร์ ลิเวอร์พูลได้บอลมากกว่าจริงแต่ไม่ใช่เกมที่ได้เปรียบอะไร ถึงอย่างนั้นผู้เล่นอย่างซัวเรสก็แสดงให้เห็นถึงระดับที่แตกต่างจากกองหน้า คนอื่น ทั้งลูก 1-0 ที่ฉายเดี่ยวไม่เอี่ยวใคร และลูกที่สองให้แล้วไปแถมโหม่งแม่นอีกต่างหาก ทำให้เกมที่มันควรจะสูสีกลายเป็นลิเวอร์พูลได้เปรียบเต็มที่และชนะได้ในท้าย ที่สุด

_______ สำหรับ WBA แล้วการต้องเสียอัลมานฟิตาโน่(ชื่อเรียกย้าก~ยาก)ไปทำให้เกมรุกของพวกเขามี ปัญหาพอสมควรเพราะหมอนี้เป็นแนวรุกตัวทำเกมที่กำลังเล่นได้ดี แถมทีมของพวกเขายังขาดศูนย์หน้าที่ค้ำกับกองหลังได้ดีด้วย โดยสเคอเทลกิน(เกือบ)เรียบเลยบุกลำบากหน่อย คริส บรันท์ที่ลงมาเด่นแต่เฉพาะลูกตั้งเตะและเชน ลองอาจจะเล่นลูกฉาบฉวยดีแต่โดนคุมพื้นที่แน่นก็ทำอะไรไม่ได้ จบข่าว

_______ มองทางฝั่งลิเวอร์พูล วันนี้ปรับแค่คนเดียวคือลูคัสแทนโมเสส แต่วิธีเล่นเปลี่ยนไปมาก ร็อดเจอร์ไม่ได้ส่งใครลงไปเล่นหน้าต่ำแทนโมเสสแต่เลือกใช้ทั้งเจอราร์ดและเฮ นเดอร์สันเคลื่อนที่ช่วยเกมในแดนกลางไปหน้า ทั้งยังดึงกองหน้าลงมาช่วยเื่ชื่อมเกมมากขึ้นถ้าเทียบกับเกมนัดก่อนๆ ที่คู่กองหน้าจะวิ่งถ่างไปรับบอลแถวเส้นข้างเป็นหลัก พอไปรวมกับการเล่นเกมรับที่ทุกคนช่วยกันวิ่งไล่ (ซึ่งไม่ได้เห็นมาหลายนัดแล้ว) ทำให้เกมนี้ลิเวอร์พูลเล่นได้คงเส้นคงวาขึ้น และค่อนข้างต่อเนื่องตลอด 90 นาที

_______ เกมนี้ลิเวอร์พูลต้องมาเครียดนิดๆ หลังจากที่เสียลูกจุดโทษ...ซึ่งไม่น่าเสีย ลูกนี้เป็นจังหวะปะทะธรรมดามาก จะให้ก็ได้ก็จริง แต่ถ้าให้จังหวะแบบนี้พรีเมียร์ลีคสงสัยได้มีจุดโทษกันแทบทุกนัด แล้วลิเวอร์พูลที่แม้จะเสียประตูแล้วแต่การที่นำอยู่อีกถึง 2 ลูก กลับดูกดดันมากกว่าที่ควรจะเป็น แดนกลางที่เคยจัดการคู่ต่อสู้ได้หมดจดในช่วงก่อนหน้าเริ่มมีช่องว่างให้เห็น ประกอบกับริมเส้นขวาที่เคลลี่ลงมาแทนจอห์นสัน(เพราะคิดว่าเกมขาดไปแล้ว) โดนเจาะอย่างต่อเนื่อง ถ้าไม่ได้สเตอริดจ์ิยิงลูกที่ 4 แม้ผมคิดว่าลิเวอร์พูลจะชนะอยู่ดี แต่คงถูกกดดันมากกว่านี้และอาจเสียเพิ่มอีกสักประตูก็ได้

_______ จุดอ่อนที่ถูกแก้ไขขึ้นมาบ้างแต่ยังไม่ดีซะทีเดียวยังคงอยู่ที่ลูกตั้งเตะ (พ่วงลูกเปิดจากด้านข้างเข้าไปด้วยก็ได้) แนวรับสกัดได้ก็จริงอยู่แต่สกัดกันไม่ค่อยขาด พอบวกกับมินโยเล่ย์ขึ้นตัดบอลโด่งไม่ค่อยถึงทำให้ลูกคลุกคลิกอยู่ใน-หน้าเขต โทษบ่อยมาก แต่มองในแง่ดีมันก็ดีขึ้นบ้างแล้วล่ะครับ

_______ นัดหน้าออกไปเยือนอาร์เซนอล ต้องขอให้เล่นในฟอร์มของวันนี้เป็นอย่างน้อยละครับ
 -------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดี

ร็อดเจอร์ - ไปซ้อมหรือกระตุ้นลูกทีมมายังไงไม่รู้ล่ะ แต่ความขยันของลูกทีมมันดีขึ้นชัดเจนจริง ควรได้เครดิตไม่น้อยกับการปรับวิธีการตั้งเกมรุกที่ดันทั้งเฮนเดอร์สันและ เจอราร์ดขึ้นมาเล่นทั้งคู่ ส่วนการเปลี่ยนตัวอัลเลนกับอัลแบร์โต้น่าจะให้เวลามากกว่านั้นสัก 5 นาที ... แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ส่งผลกับเกมหรือกับทีมมากนักหรอก

มินโยเล่ - ที่หลุดมาให้เซฟครั้งสองครั้งก็ทำได้ดี ที่ดูแย่คือการตัดบอลกลางอากาศที่วืดก็หลายลูก ปัดไม่ไปไหนก็อีกหลายลูก

ซิสโซโก้ - เล่นเกมรับได้ดี พลาดน้อย มีความเร็วและขยัน เกมรุกวิ่งขึ้นวิ่งลงดีและได้โอกาสเปิดหลายครั้ง บอลส่วนใหญ่เปิดได้ไม่ดีนักแต่วันนี้ก็ทำได้ 1 แอสซิส

ซาโก้ - เกมรับทำได้ดีเช่นกันโดยเฉพาะการทิ้งตัวสไลด์บอลที่แม่นยำ ผ่านบอลได้ดีขึ้น

สเคอเทล - เข้าวืดครั้งสองครั้งในครึ่งแรก เกือบทำเสียประตูตอนท้ายครึ่งแรกที่อ่านจังหวะบอลผิดด้วย และครึ่งหลังก็ปล่อยให้คู่ต่อสู้พักบอลได้เยอะขึ้น แต่วันนี้เด่นมากเรื่องการสกัดลูกโด่งที่โยนเข้ามาให้กองหน้า และการวิ่งเข้าไปซ้อนเพื่อนที่ทำได้เร็วและแม่นตลอดเกม

ตูเร่ - เกมรับแผ่่วลงไปเล็กน้อย ถ่างออกไปช่วยเกมรับริมเส้นได้น้อยลง แต่โดยรวมก็ยังเล่นได้ดีอยู่ (ก่อนหน้านี้ดันเล่นไว้ดีมาก)

จอห์นสัน - เจ็บช่วงกลางครึ่งแรกและดูเหมือนจะเล่นได้ไม่ค่อยเต็มที่ มีจังหวะที่เติมขึ้นไปเล่นได้ดีอยู่บ้างแต่ไม่เยอะนัก เกมรับเล่นได้ดี ... โดยเฉพาะถ้าเทียบกับเคลลี่

เฮนเดอร์สัน - เคลื่อนที่ได้ดีมาก ชลอเกมโต้กลับได้ดี เข้าบอลละเอียด ทั้งไม่ฟาลว์และคู่ต่อสู้พลิกหนีลำบาก วิ่งรับบอลเชื่อเกมได้ดีด้วย แย่หน่อยก็จังหวะทีเด็ดทีขาดที่ลูกจ่ายคมๆ ทำไม่ได้ และยิงได้ไม่ดีพอจะเป็นประตู

เจอราร์ด - เป็นกองกลางที่ออกบอลได้ดีที่สุดของทีมในวันนี้ หาพื้นที่ว่างวางบอลได้ดีและคุมจังหวะเกมรุกได้ยอดเียี่ยม วิ่งมากขึ้นด้วย

ลูคัส - เล่นเกมรับได้เยี่ยม วิ่งมากขึ้นและถึงบอลเยอะ เข้าสกัดได้เด็ดขาดหยุดเกมคู่ต่อสู้ได้ อย่างไรก็ตาม เขากับเฮนเดอร์สันเล่นหลุดๆ ไปราว 10 นาที ช่วงที่เสียลูก 3-1 ก่อนได้ 4-1 แต่ช่วงอื่นเล่นได้ดีแล้ว

ซัวเรส -

สเตอริดจ์ - ปกติสเตอริดจ์จะเด่นครึ่งแรกแต่ยิ่งเล่นยิ่งหาย แต่นัดนี้ครึ่งแรกหายหลังจากนั้นยิ่งเล่นยิ่งเด่น ครึ่งแรกเล่นผิดจังหวะเยอะ จับบอลพลาด หาจังหวะยิงไม่ได้ วิ่งทำทางไม่ดีนัก แต่ครึ่งหลังพาบอลเลี้ยงจี้ก็ดี วิ่งทำทางก็ดีขึ้น ที่ทำได้ดีเกือบทั้งเกมคือการลงมาช่วยเชื่อมเกมที่ทำได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงเวลาทีเ่กมดำเนินไป ยิงลูกปิดท้ายได้โหดมาก

ตัวสำรอง

เคลลี่ - ต้องเคาะสนิมกันสักพัก

อัลเลน & อัลแบร์โต้ - ได้เวลาน้อยไปนิด

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...หลุยส์ ซัวเรส...
------------------------------------------------------------

ป.ล. สำหรับซัวเรสนี่ผมไม่ได้ลืมพิมพ์นะ

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments. 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น