วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556

นิวคาสเซิล 2 - 2 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)


...หลุดมือไปซะงั้น...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 3-4-1-2

---------------สเตอริดจ์-------ซัวเรส------------------
-------------------------โมเสส-------------------------
ซิสโซโก้----เฮนเดอร์สัน-------เจอราร์ด-------จอห์นสัน
---------ซาโก้---------สเคอเทล-----------ตูเร่---------
------------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลออกไปเยือนนิวคาสเซิลที่ขาดแนวรับทั้งโคลอชชินี่และกูตีเรซ แต่ลิเวอร์พูลเองก็ต้องขาดเอนริเก้กับลูคัสไปเช่นกัน โดยได้ซิสโซโก็กับจอห์นสันฟิตสวนทางกันกลับมาพอดี ทำให้เฮนเดอร์สันยังคงได้โอกาสเล่นตรงกลางต่อไป ส่วนตำแหน่งอื่นยังคงใช้ชุดเดิม
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาทั้งสองฝ่ายก็ดันแผงหลังขึ้นเพื่อบีบแดนกลางให้แคบกันทั้งคู่ แคบชนิดที่เรียกว่าดูทีวีแล้วเห็นผู้เล่นในสนามครบ 20 คนได้เลยทีเดียว โดยเป็นนิวคาสเซิลทำได้ดีกว่า ได้บอลมากกว่า ส่วนลิเวอร์พูลแม้จะครองบอลไม่ถึงกับน้อยแต่เวลทั้งหมดได้บอลแทบจะอยู่ในตัวเองเท่านั้น

_______ นิวคาสเซิลเน้นการยิงไกลเป็นการเข้าทำหลัก ส่วนลิเวอร์พูลได้โอกาสจากลูกฉาบฉวยบ้างแต่น้อย แล้วก็เป็นนิวคาสเซิลที่ทำได้ก่อนในนาที 23 กาบายยิงไกลบอลไซร้หนีมือมินโยเล่้ย์พุ่งเสียบหน้าต่างเข้าไปได้ 1-0 หลังจากนั้นก็ยังเป็นนิวคาสเซิลที่ทำได้ดีกว่า

_______ นิวคาสเซิลใช้แนวรุกทุกคนลงมาช่วยไล่และวิ่งทำทางในแดนกลางกันเยอะทำให้มี ผู้เล่นมากกว่า เอาชนะแดนกลางลิเวอร์พูลได้หมด ส่วนทางลิเวอร์พูลเอง sms โดนบีบพื้นที่จนแทบจะกลายเป็นแหนมป้าย่นกันอยู่กลางสนาม แถมวิงแบ็คสองข้างก็เติมกันขึ้นมาค่อนข้างน้อย ทำให้หาช่องหาพื้นที่เล่นกันไม่ได้ ถ่างแนวรับนิวคาสเซิลไม่ได้

_______ แต่แล้วด้วยความที่หลังนิวคาสเซิลดันกันขึ้นมาบีบแดนกลางสูงทำให้ลิเวอร์พู ลได้โอกาส นาที 40 เจอราร์ด(ไม่แน่ใจว่าใช่มั้ยดูไม่ทัน)วางยาวเข้าเขตโทษให้ซัวเรสแตะบอลได้ แล้วแต่โดนเอมบิว่าเหนี่ยวล้ม ผู้ตัดสินให้จุดโทษและให้ใบแดงเอมบิว่าในฐานะที่เป็นตัวสุดท้ายด้วย เจอราร์ดรับหน้าที่ยิงจุดโทษไม่พลาด ตีเสมอเป็น 1-1 หลังจากนั้นลิเวอร์พูลพยายามจะเร่งเกมมากขึ้นแต่นิวคาสเซิลก็ยังประคองทีมเอาตัวรอดไปได้จนจบครึ่งแรกที่สกอร์ดังกล่าว

_______ เข้าครึ่งหลัง ตามสูตร นิวคาสเซิลถอยลงไปรับในแดนตัวเองมากขึ้น เน้นโต้ด้วยบอลยาว ส่วนลิเวอร์พูลดันแบ็คสองข้างเติมเกมเต็มที่ เน้นเกมริมเส้นมากกว่าในครึ่งแรก แต่เกมก็ยังขึ้นได้แค่ข้างเดียวคือทางขวาด้วยจอห์นสัน ส่วนทางซ้ายหนักไปทางคืนบอลให้คู่ต่อสู้ อย่างไรก็ตาม รูปเกมของลิเวอร์พูลเริ่มดูดีกว่าในครึ่งแรกอย่างเห็นได้ชัด

_______ อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูลก็มาแผลเก่าอย่างลูกฟรีคิกมากำเริบอีกครั้ง ในนาที 57 จากลูกฟรีคิกเกือบครึ่งสนาม นิวคาสเซิลวางลึกเข้ามาในเขตโทษ แนวรับลิเวอร์พูลขึ้นโหม่งไม่ถึงบอล บอลทะลักไปถึงเสาสองและเป็นดัมเมตที่เปลี่ยนตัวลงมาเล่นแทนเอมบิว่าหนีตัวประกบเข้าชาร์จได้สำเร็จ 2-1

_______ เมื่อสกอร์ขยับเข้าทางนิวคาสเซิลอีกครั้งทำให้เจ้าบ้านเล่นได้มั่นใจขึ้นและ รับมือกับลิเวอร์พูลได้ดีกว่าช่วงต้นครึ่งหลัง จนกระทั่งนาที 63 อัลแบร์โต้ได้ลงแทนซาโก้ ลิเวอร์พูลปรับมาเล่น 4-4-2 ถ่างโมเสสไปเล่นริมซ้าย แดนกลางไม่ได้ขยับเฮนเดอร์สันออกไปแต่เล่นร่วมกันเป็น 3 คน เจอราร์ด-อัลแบร์โต้-เฮนเดอร์สัน ส่วนเกมริมเส้นขวาปล่อยให้เป็นหน้าที่ของจอห์นสันไป รูปเกมของลิเวอร์พูลจึงค่อยๆ กระเตื้องดีขึ้นมาอีกครั้ง

_______ นิวคาสเซิลยังคงโต้พอได้ลุ้นเป็นระยะ แต่ลิเวอร์พูลกดดันแนวรับได้มากขึ้นและหาโอกาสจบสกอร์ได้มากขึ้น ในที่สุดก็ทำสำเร็จในนาที 72 ซัวเรสฝากบอลไปที่โมเสสก่อนวิ่งเติมไปรับบอลเองแล้วพาเข้าเขตโทษ ก่อนจะผ่านเข้ากลาง-กลางหัวสเตอริดจ์วิ่งเข้าชาร์จง่ายๆ แบบไม่ต้องดีไซน์ท่ายิง ลิเวอร์พูลตีเสมอได้สำเร็จ 2-2

_______ เกมลิเวอร์พูลยังดีต่อเนื่อง หาโอกาสจบสกอร์ได้บ่อยครั้งแต่ทำกันไม่สำเร็จ ส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้แนวรับนิวคาสเซิลที่เล่นได้ดี บีบทุกจังหวะและเข้าสกัดได้แม่นยำ ทั้งยังโต้ได้บ้าง ทำให้ไม่ได้โดนพับสนามบุกอยู่ตลอดเวลา นาที 83 สเตอริ่งได้ลงมาแทนจอห์นสัน รูปเกมยังคงเหมือนเดิม ลิเวอร์พูลได้ลุ้นจนนาทีสุดท้ายจากฟรีคิกของซัวเรสแต่โดนครูลเซฟออกไปได้ ทำให้จบเกมที่สกอร์ 2-2 พลาดโอกาสเก็บ 3 แต้มอย่างน่าเสียดาย
-----------------------------------------

_______ วันนี้ผู้จัดการทีมทั้งสองฝ่ายสู้กันด้วยแทคติคสนุกครับ และเป็นสิ่งที่ตัดสินทั้งรูปเกมและผลลัพธ์ด้วย โดยเป็นฝ่ายพาร์ดิวที่ดูจะทำได้ดีกว่าพอสมควร ถึงจะออกปากว่าเสียดาย 3 แต้มเมื่อดูจากการที่คู่ต่อสู้เหลือ 10 คนตั้งเกือบชั่วโมง แต่รูปเกมนัดนี้สมควรเสมอจริงๆ ครับ

_______ ช่วง 40 นาทีแรก พาร์ดิวทำได้ดีกว่าเมื่อนิวคาสเซิลเลือกบีบแดนกลางแคบรวมไปถึงการ ให้แนวรุกลงมาช่วยเล่นแดนกลางกันทุกคนทำให้เอาในแดนกลางได้อย่างเด็ดขาดและ เป็นฝ่ายคุมเกม ส่วนทางลิเวอร์พูลนั้นการไม่ดันแบ็คขึ้นไปช่วยเกมรุกเป็นความผิดพลาดไม่้ น้อยเพราะตัวรุกไม่มีพื้นที่เล่นและเล่นไม่ออก แต่กลับกันถ้าดูจากเกมรับที่หยุดนิวคาสเซิลได้ดี แทบไม่มีไม่มีโอกาสเปิดบอลเข้าเขตโทษเลยก็ถือว่าทำได้ดีในเรื่องนั้น แถมการดันหลังสูงของนิวคาสเซิลยังทำให้ลิเวอร์พูลมีโอกาสในการวางยาวข้ามกอง หลังอยู่ตลอดด้วยเพียงแต่ว่าช่วงต้นเกมยังทำไม่ได้เท่านั้นเอง ทำให้ช่วงนี้วัดกันแค่ว่าบอลยิงไกล(เพราะยิงใกล้ๆ ไม่ได้)ของนิวคาสเซิลจะได้ก่อน หรือว่าจังหวะฉาบฉวยของลิเวอร์พูลจะทำได้ก่อน ซึ่งกลายเป็นนิวคาสเซิลทำสำเร็จไปก่อนเท่านั้นเอง แม้จะเป็นฝ่ายตามในเรื่องแทคติค แต่ถ้ากาบายไม่ยิงได้สุดยอดขนาดนั้นแล้วเป็นลิเวอร์พูลที่ได้ลูกโทษก่อน เจ้าบ้านบรรลัยเละเทะไปแล้วครับ

_______ แต่สิ่งที่ลิเวอร์พูลทำได้ไม่ดีคือการปรับเกมหลังจากเสียประตูแรกไปแล้ว แบ็คยังขึ้นน้อยมากและทำให้เกมรุกไปกระจุกอยู่ตรงกลางทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่มีลูกโทษมาช่วยและยังเป็นฝ่ายตามหลังอยู่ยังไม่รู้ว่าร็อดเจอร์จะดัน แบ็คขึ้นมาเมื่อไหร่ ทั้งๆ ที่เกมรุกโดนบีบให้กระจุกกันอยู่ตรงกลางและทำอะไรไม่ได้

_______ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ร็อดเจอร์ทำได้ดีมากๆ และเป็นจุดเปลี่ยนของเกมด้วยคือการส่งอัลแบร์โต้ลงไปแทนซาโก้และยังปรับมา เล่น 4-4-2 ทำให้สามารถถ่างแนวรับนิวคาสเซิลออกไปได้โดยเฉพาะการเล่นของโมเสสที่พอไป อยู่ริมเส้นมีพื้นที่มากขึ้นแล้วเล่นได้เล่นออก รวมไปถึงแดนกลางที่มีอัลแบร์โต้มาช่วยเจอราร์ด-เฮนเดอร์สันเล่น ทำให้มีทางเลือกผ่านบอลได้มากขึ้น ถ้าจังหวะได้โอกาสยิงคมกว่านี้อีกสักนิดลิเวอร์พูลพลิกกลับมาชนะได้ไม่ยาก เลย ซึ่งช่วงนี้พาร์ดิวไม่มีไพ่ในมือเหลือมาช่วยลูกทีมแล้ว ไม่สามารถปิดเกมรุกได้ดีเท่าช่วงก่อนหน้า

_______ ...แต่พี่แกก็ยังรอด...น่าเสียดายมั้ยล่ะ
 -------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดีบ้างไม่ดีบ้าง (ไม่นับจังหวะเซตพีซนะ)

ร็อดเจอร์ - ต้นเกมตก เป็นรองอย่างเห็นได้ชัด พักครึ่งแก้เกมให้แบ็คขึ้นมามากขึ้นทำได้ดีพอสมควร แต่มาทำได้ดีมากตอนปรับเล่น 4-4-2...ไม่ใช่ 4-4-2 ดีกว่านะครับ แต่สถานการณ์ตอนนั้นมันพาไป

มินโยเล่ - ทั้งสองลูกที่เสียไปเกินความสามารถจริงๆ ลูกที่พอเซฟได้ก็ไม่พลาด 

ซิสโซโก้ - เกมรับใช้ได้ แต่การผ่านบอลขึ้นหน้าหลังจากเก็บบอลได้แล้วทำได้ไม่ดีเอามากๆ รวมไปถึงการเล่นเกมรุกที่ทำพลาดเยอะ

ซาโก้ - ซ้อนได้ดี ผ่านบอลใช้ได้ เข้าสกัดได้แม่นยำ อ่านเกมไม่ถึงกับดีนักหลายครั้งน่าจะดันขึ้นไปช่วยปิดหน้าเขตโทษดีกว่านี้

สเคอเทล - ลูกกลางอากาศและการเข้าสกัดทำได้ดี ไม่ดีอยู่เรื่องเดียวคือเรื่องบล็อคลูกยิงที่ยืนห่างหลายครั้ง

ตูเร่ - อ่านเกมได้ดี เลือกจังหวะการเล่นได้ดีมาก พยายามจะหาจังหวะขึ้นมาช่วยตรงกลางแต่ยังทำไม่ดีเท่าไหร่

เฮนเดอร์สัน - ดับสนิท วิ่งไม่ถึงบอล เคลื่อนที่รับบอลยังใช้ได้อยู่แต่ผ่านบอลในเกมรุกไม่ดีนัก

เจอราร์ด - กลายเป็นต้องวิ่งเชื่อมเกมมากกว่าเฮนเดอร์สัน เชื่อมเกมและพยายามผ่านบอลไปที่ว่างได้ดีแล้ว ส่วนในเกมรับวิ่งไม่ทันบอลที่เคลื่อนที่เร็วของคู่ต่อสู้เช่นกัน

จอห์นสัน - เล่นเกมรุกได้ดีพอประมาณ (ซึ่งแปลว่าดีกว่าซิสโซโก้เยอะ) เชื่อมเกมได้ แต่เกมรับน่าจะวิ่งลงไปช่วยมากกว่านี้หน่อย

โมเสส - หนึ่งชั่วโมงแรกดับสนิท ทำอะไรไม่ได้เลย พอถ่างมาเล่นริมเส้นทำได้ดีขึ้นหน้ามือเป็นหลังมือ

ซัวเรส - ช่วยทีมได้ในเวลาวิกฤติ ทั้งการเรียกจุดโทษและการลงไปช่วยทำเกมช่วงที่คนอื่นคิดอะไรไม่ออก การเคลื่อนที่ทำได้ดีกว่าตัวรุกคนอื่น

สเตอริดจ์ - นี่ก็พอกับโมเสส ชั่วโมงแรกแทบไม่รู้ว่าอยู่ในสนาม ช่วงครึ่งชั่วโมงหลังหาช่องจบสกอร์ได้เยอะกว่าเพื่อน ยิงได้ 1 ลูกเซฟแต้มไว้ได้ แต่ก็พลาดโอกาสที่มีไปพอสมควร

ตัวสำรอง 

อัลแบร์โต้ - ฟอร์มส่วนตัวค่อนข้างดี แม้จะไม่ได้ถึงขั้นปีกงอก,ส่องแสงหรือมีวงแหวนบนหัวแต่ที่แน่ๆ เล่นในพื้นที่หน้าเขตโทษได้ดีกว่าทั้งโมเสสและเฮนเดอร์สันในนัดนี้

สเตอริ่ง - ไม่ค่อยได้ทำอะไรและทำอะไรไม่ค่อยได้

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ :
...หลุยส์ ซัวเรส...เรียก 1 จุดโทษและทำอีก 1 แอสซิส แถมช่วยทำเกมได้ด้วย
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments. 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น