วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ลิเวอร์พูล 3 - 1 คริสตัล พาเลซ (พรีเมียร์ลีค)


...เปิดก่อนได้เปรียบ...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 3-4-1-2

---------------สเตอริดจ์-------ซัวเรส------------------
-------------------------โมเสส-------------------------
เอนริเก้------เฮนเดอร์สัน--------เจอราร์ด------สเตอริ่ง
---------ซาโก้---------สเคอเทล-----------ตูเร่---------
------------------------มินโยเล่-------------------------

_______ ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับมือทีมในโซนหนีตกชั้นอย่างคริสตัลพาเลซ นัดนี้ลูคัสติดโทษแบน โดยเป็นสเตอริ่งที่ได้ลงตัวจริงในตำแหน่งริมเส้นขวา เฮนเดอร์สันหุบเข้ามาเล่นตรงกลางคู่กับเจอราร์ด นอกนั้นยังใช้ชุดเดิมตำแหน่งเดิม
-------------------------------------------------------

_______ เริ่มเกมมาก็เป็นลิเวอร์พูลที่กดดันก่อนด้วยการดาหน้าดันแผงกลางแผงหลังขึ้น สูง เน้นการขึ้นเกมทางริมเส้นทั้งสองฝั่ง แผงกลางตัดบอลกลับมาได้เร็วและเป็นฝ่ายหาโอกาสลุ้นประตูได้เรื่อยๆ ส่วนทางฝั่งพาเลซเน้นวางบอลยาวให้กองหน้าเล่น ได้ลุ้นบ้างนิดหน่อยเพราะกองกลางลิเวอร์พูล(รวมริมเส้นสองข้างที่ขึ้นสูง ด้วย) ลงกันไม่ค่อยทัน แต่หาความต่อเนื่องและความเด็ดขาดไม่ได้ หนักไปทางจ่ายกลับไปให้ลิเวอร์พูลเอากลับมาบุกต่อมากกว่า

_______ ลิเวอร์พูลทำได้สำเร็จในนาที 13 ซัวเรสทำชิ่งกับเอนริเก้ก่อนจะลื่นแต่ล้มตัวยิงย้อนทางเข้าไปได้ 1-0 เท่านั้นยังไม่พอ นาที 17 สเตอริดจ์มาฉายเดี่ยวด้วยการพาบอลเข้าไปในเขตโทษก่อนแตะเข้ามุมแคบยิงไป เสียบโคนเสาสองได้อย่างสุดสวยเป็น 2-0

_______ ผ่าน 20 นาีทีของเกมไป รูปเกมยังคล้ายย่อหน้าแรก แต่เป็นพาเลซที่ทำได้ดีขึ้นเล็กน้อย สามารถใช้พื้นที่แถวมุมธงทำเกมได้เยอะขึ้น แต่ยังคงไม่เด็ดขาดและไม่ต่อเนื่อง ส่วนลิเวอร์พูลแม้จะผ่อนเกมลงไปบ้างแต่จังหวะตัดบอลแดนกลางได้ก็จะทำเร็วและ ดันขึ้นไปช่วยกันอยู่ตลอด ได้ลุ้นอยู่เป็นระยะ

_______ ลิเวอร์พูลมาทำประตูหนีห่างได้อีกครั้งในนาที 37 สเตอริ่งทำชิ่งกับซัวเรสแล้ววิ่งทำทางเข้าเขตโทษแต่โดนดึง ผู้ตัดสินเป่าให้จุดโทษ เจอราร์ดรับหน้าที่ยิงไม่พลาด 3-0 ก่อนจะจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว

_______เข้าครึ่งหลัง พาเลซเปลี่ยนกองหน้าลงมาเพิ่มอีกคน ดันกันขึ้นมาเล่นเกมรุกมากขึ้น ส่วนทางลิเวอร์พูลหันมาเน้นครองบอลให้นานกว่าในครึ่งแรก ไม่ยืนกันสูงมากเหมือนในครึ่งแรก เล่นกันไปตามช่องสลับกับหาจังหวะโต้ยาว ทำกันได้ดีพอสมควรแต่ยิ่งเล่นยิ่งกลายเป็นพาเลซที่เริ่มครองบอลบุกได้ต่อ เนื่องมากขึ้น

_______ พาเลซได้โอกาสทำเกมมากขึ้นจากการที่ลิเวอร์พูลถอยลงไปรับแต่ก็จ่ายบอลเข้าทำ กันได้ไม่ดีพอและหาโอกาสจบได้น้อย นาที 66 อัลแบร์โต้กับแอกเกอร์ได้ลงมาแทนโมเสสกับซาโก้ รูปเกมโดยรวมลิเวอร์พูลยิ่งเล่นยิ่งเหนือยลงไป ตัวรุกประสานงานกันน้อยลง(เริ่มเป็นตั้งแต่นำห่าง 3-0) แต่ในเกมรับก็ไม่ได้มีอะไรใกล้เคียงกับคำว่าโดนกดดัน

_______ อย่างไรก็ตาม แม้พาเลซจะหาแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ไม่เจอในเกมเปิด แต่ยังได้คืนมา 1 ประตูจากลูกตั้งเตะ นาที 77 จากการเปิดฟรีคิกมาจากสุดเส้นหลัง ดไวท์ เกล ขึ้นโหม่งเช็ดจากเสาแรกข้ามไปเข้าเสาสองได้เป็น 3-1 พอเสียประตูลิเวอร์พูลก็ดูจะมีแรงกระตุ้นขึ้นมาเล็กน้อย หันมาเล่นเกมรุกกันได้ต่อเนื่องขึ้นแต่ก็ทำอะไรเพิ่มไม่ได้ ส่วนพาเลซนั้นทำอะไรไม่ได้อยู่นานแล้ว นาที 88 อัสปาสได้ลงแทนสเตอริดจ์อีกคนแต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จบเกมลิเวอร์พูลชนะไปสบายๆ 3-1
-----------------------------------------

_______ เกมจบตั้งแต่นาที 38 แล้วครับวันนี้

_______ การเปลี่ยนตำแหน่งการเล่นของเฮนเดอร์สันกับการลงมาของสเตอริ่งมีผลกับเกมพอ สมควร แต่วันนี้สิ่งที่ส่งผลต่อรูปเกมตลอด 90 นาทีคือแทคติคตอนช่วงต้นเกมของลิเวอร์พูล นัดนี้ลิเวอร์พูลเร่งตั้งแต่ต้น และอันที่จริงแล้วนับเป็นการเน้นเกมรุกเต็มที่มากที่สุดตั้งแต่เปิดฤดูกาล นี้มาเลย แดนกลางและวิงแบ็คอีกสองตัวดันกันขึ้นไปทั้งแผง และกองหลังยืนอยู่กลางสนาม ทำให้เกมรุกในแดนหน้ามีทางเลือกเพียบ จังหวะจะจ่ายบอลเข้าทำบ้างครั้งมีคนวิ่งทำทางใน-หน้าเขตโทษถึง 4-5 คนเลยทีเดียว อีกทั้งยังสามารถตัดบอลกลับมาเล่นเกมรุกต่อได้เร็วเอามากๆ ด้วย ผลคือทำได้ 2 ประตูตั้งแต่ยังไม่ 20 นาที และปิดเกมนี้ไปได้ตั้งแต่นาที 38

_______ มันไม่ใช่ว่าแทคติคการเล่นแบบนี้มันจะยอดเยี่ยมไร้ช่องโหว่ ในช่วงครึ่งแรกจังหวะที่พาเลซโต้เร็วด้วยบอลโด่ง แดนกลางของลิเวอร์พูลลงกันไม่ทันกลายเป็นกองหลัง 3 ตัวรับเละกันไปเอง ทั้งพื้นที่หน้าเขตโทษและพื้นที่มุมธงเปิดไว้ว่างโล่งและโดนพาเลซทำเกมจาก ทั้งสองจุดนี้อยู่ไม่น้อย แต่ด้วยความที่พาเลซเองเล่นกันไม่เด็ดขาด รวมไปถึงกองหลังและผู้รักษาประตูยังรักษาฟอร์มการเล่นได้ เลยทำให้พาเลซได้ลุ้นน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งพอเห็นเกมรุกพาเลซทำได้แค่นั้นก็ต้องยกประโยชน์ให้ร็อดเจอร์ละครับที่ เน้นเกมบุกตั้งแต่ต้น ลุ้นเอาประตูขึ้นนำเร็วไปเลยและทำได้ตามนั้นด้วย

_______ พอนำห่าง 3 ลูกจะทำอะไรก็สบายไปหมดและรูปเกมในช่วงครึ่งหลังก็เป็นเพียงแค่ผลพวงจากการ นำห่างไปแล้ว ดังนั้นการผ่อนเกมในครึ่งหลังไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ต้องห่วงกังวลอะไรมากนัก ที่ควรห่วงอยู่บ้างก็คงเป็นเรื่องลูกตั้งเตะที่โดนอีกแล้ว และการเล่นฝืนๆ ของคู่กองหน้าที่พอได้ประตูที่ 3 แล้ว คุณน้องทั้งสองจะเล่นบอลชายเดี่ยวกันท่าเดียวเลย ถ้าเน้นการประสานงานกันเหมือนตอนที่เกมยังไม่ขาด นัดนี้ลิเวอร์พูลอาจชนะได้ถึงครึ่งโหลเลยก็เป็นได้

_______ ...แต่โปรดอย่าลืมว่า 3-1 นี่ก็ชนะแล้วครับ แบบหายห่วงเลยด้วย...
 -------------------------------

นัดนี้เล่นกันได้ดีพอสมควร

ร็อดเจอร์ - การเน้นเกมรุกเต็มที่ตั้งแต่ต้นเกมทำได้น่าประทับใจมาก การเลือกครองบอล ผ่อนเกมลงไปในครึ่งหลังว่ากันตามแทคติคก็ดีแล้วเพราะไม่รู้จะเร่งต่อให้ เสี่ยงเจ็บทำไม การเปลี่ยนตัวก็ดูโอเค ที่ติดใจอยู่บ้างคือน่าจะเปลี่ยนสเตอริดจ์หรือซัวเรสคนใดคนหนึ่งออกเร็วกว่า นั้น(เปลี่ยนสเตอริดจ์ออกนาที 88) เพราะดูทั้งคู่จะเน้นเล่นเองจนทีมเสียจังหวะมากไปแล้ว

มินโยเล่ - แทบไม่ได้ทำอะไร โชว์ซูเปอร์เซฟไปหนนึงจากจังหวะที่บอลแฉลบระยะใกล้แต่ยังปัดออกไปได้

เอนริเก้ - ครึ่งแรกเล่นเกมรุกได้สุดยอดมาก วิ่งเติมได้ดีและเปิดบอลเข้าทำได้ลุ้นหลายจังหวะ เข้าครึ่งหลังเล่นเกมรุกน้อยลงและเริ่มพลาดบ้างนิดหน่อย

ซาโก้ - เล่นได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขยับเข้าหาบอลได้เร็วและชิงจังหวะเล่นได้ดี ลูกกลางอากาศค่อนข้างไว้ใจได้

สเคอเทล - วันนี้ขึ้นเบียดโหม่งไม่ค่อยดีนัก กองหน้ายังชงหรือเอาบอลลงได้เยอะพอสมควร แต่ครึ่งหลังพอทีมเล่นเกมรับมากขึ้น มีคนช่วยรองบอลก็เล่นได้สบายขึ้นและทำได้ดีขึ้น

ตูเร่ - ฟอร์มส่วนตัวทำได้ดี แต่วันนี้สเตอริ่งช่วยหางานให้ทำบ่อยเหลือเกิน ต้องพะวงกับการถลาออกไปริมเส้นบ่อยมาก

เฮนเดอร์สัน - มีประโยชน์กับทีมมากในเรื่องของการวิ่งเข้าบีบเร็วและคุมพื้นที่ทำให้เข้า ถึงบอลได้เร็วและบ่อย โดดเด่นมากกับการเข้าไปขวางไม่ให้พาเลซออกบอลเร็วได้ในจังหวะที่เก็บบอลได้ แล้ว เชื่อมเกมก็ค่อนข้างดี

เจอราร์ด - ในครึ่งแรกขึ้นไปช่วยต่อบอลกับตัวรุก 3 คนข้างหน้าได้ดีมาก วางบอลไปพื้นที่ว่างได้ดีกว่าแผงกลางคนอื่น ครึ่งหลังดูจะวิ่งน้อยไปหน่อย ทั้งการวิ่งไล่และวิ่งทำทางเพื่อรับบอลแต่ยังเชื่อมเกมได้ดีอยู่

สเตอริ่ง - ช่วยเกมรุกได้ดีกว่าตอนที่เฮนเดอร์สันยืนในนัดก่อนๆ เติมได้เร็วกว่าและกดดันคู่ต่้อสู้ได้มากกว่า ถ่างแนวรับได้ เรียกจุดโทษได้ด้วย  แต่ในเกมรับออกแนวช่วยคู่ต่อสู้ทำเกมรุกมากกว่าจะช่วยเพื่อนเล่นเกมรับ การเชื่อมเกมในช่วงครึ่งแรกพลาดบ่อยครั้งด้วย แต่เล่นๆ ไปก็ผ่านบอลได้ดีขึ้น ... ยกเว้นบอลเข้าทำที่เล่นมันแบบเดียว คือกระชากไปสุดเส้นแล้วเปิดจังหวะแรก ซึ่งคู่ต่อสู้จัดการได้ไม่ยากนัก

โมเสส - ช่วยเชื่อมเกมจากกลางไปหน้าได้ดี ผ่านบอลเพื่อนได้เปรียบและไม่เก็บบอลไว้กับตัวนานเกินความจำเป็น แถมให้แล้ววิ่งทำทางต่อด้วย ที่ด้อยอยู่บ้างก็คือการจบสกอร์ที่มีจังหวะควรได้ถึง 2 ครั้งแต่พลาดเรียบ และการช่วยไล่บอลที่ทำได้ไม่ดี เพราะแม้แต่ครึ่งหลังที่ทีมเ้น้นรับแล้วก็ยังช่วยไล่บอลได้น้อย

ซัวเรส - วิ่งหาที่ว่างได้ดี เพื่อนจ่ายให้ได้ง่าย ช่วงครึ่งแรกประสานงานกับเพื่อนได้ดีมาก ใครว่างก็ให้ จบสกอร์ได้ดีด้วย แต่พอเข้าครึ่งหลัง แม้จะเก็บบอลได้ดีและช่วยทำเกมรุกให้กับทีมค่อนข้างเยอะ แต่ก็ฝืนเล่นเองพาบอลไปตายแล้วตายอีก

สเตอริดจ์ - ก่อนทีมจะนำห่าง 3 ลูก เล่นได้สุดยอดมากในทุกด้าน แต่พอนำ 3 ลูกแ้ล้ว นอกจากจะหายไปกับพื้นหญ้า จังหวะได้บอลบ้างก็ทำเสียแทบทั้งหมด

ตัวสำรอง 

แอกเกอร์ - ลงมาเล่นได้ดีไม่มีปัญหา

อัลแบร์โต้ - ไล่บอลได้ดีกว่าโมเสสเล็กน้อย เชื่อมเกมได้ดีและหาช่องจ่ายบอลเข้าทำได้สวยๆ หลายครั้ง เสียดายที่หลายจังหวะยังให้ไปคนละทางกับคนวิ่ง

อัสปาส - นึกว่าผู้ตัดสินเป่าหมดเวลาเลยเตะบอลทิ้ง...ใบเหลืองสิครับ

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...จอร์แดน เฮนเดอร์สัน...อันที่จริงเฮนเดอร์สันก็ไม่ได้เล่นเด่นหรือยอดเยี่ยมมากกว่า คนอื่น แต่ความสม่ำเสมอตลอด 90 นาทีเป็นสิ่งที่ โมเสส,เอนริเก้,ซาโก้ (3 คนที่ผมคิดว่าอาจจะเลือกในช่วงที่ดูเกม)ไม่มีในวันนี้
------------------------------------------------------------

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น