วันเสาร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2555

ลิเวอร์พูล 2 - 1 เอฟเวอร์ตัน






...ฤดูเดียวต้องไปเล่นที่เวมบลี่ย์ตั้งสามครั้งเลยเหรอ...
--------------------------------------------------------

ลิเวอร์พูลเล่น 4-4-2 (4-4-1-1 ซัวเรสยืนต่ำทำเกมอยู่หลังคาโรล)

--------------คาโรล------ซัวเรส----------------

ดาวนิ่ง----สเปียริ่ง----เจอราร์ด---เฮนเดอร์สัน

แอกเกอร์---สเคอเทล--คาราเกอร์--จอห์นสัน

----------------------โจนส์-----------------------

                เกมตัดเชือก FA Cup ที่เป็นเมอร์ซี่ไซด์ดาร์บี้แมทช์ ลิเวอร์พูลส่งตัวที่พักไว้เมื่อเกมกลางสัปดาห์ลงพร้อมหน้า โดยคู่กองหน้าเป็นคาโรล-ซัวเรส ริมเส้นซ้ายเป็นดาวนิ่ง ขวาเป็นเฮนเดอร์สัน แผงหลังมีปรับเล็กน้อยเมื่อแอกเกอร์ได้ลงแบคซ้าย ส่วนตรงกลางเป็นงานของคาราเกอร์
-------------------------------------------------------

                เกมเริ่มมาเป็นเอฟเวอร์ตันที่วิ่งไล่เพรซซิ่งเต็มสนามแต่ลิเวอร์พูลยังใช้บอลสั้นทำเกมได้ค่อนข้างดี เกมสูสีทั้งสองฝ่ายสามารถบุกขึ้นไปจนถึงเขตโทษของอีกฝั่งได้แต่ยังหาโอกาสจบสกอร์กันได้ไม่มากนัก แต่ยิ่งเล่นไปเรื่อยๆ กองกลางของเอฟเวอร์ตันเริ่มทำได้ดีกว่า สามารถปิดเกมรุกของลิเวอร์พูลและครองบอลได้ต่อเนื่องมากขึ้น

                แม้เกมจะเริ่มตกเป็นรองแต่เกมรับลิเวอร์พูลก็ยังสามารถต้านเกมรุกเอาไว้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก จนกระทั่งมาเกิดความผิดพลาดอย่างไม่น่าจะเกิด(ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ในช่วงหลัง) นาที 24 จังหวะบอลอยู่ในเขตโทษแต่แอกเกอร์กับคาราเกอร์กั๊กกันเองไม่มีใครสกัด สุดท้ายเป็นคาราเกอร์หวดไปติดเคฮิล บอลเด้งไปเข้าทางเยลาวิชได้ส้มหล่นยิงเข้าไปง่ายๆ 1-0

                หลังจากเสียประตู ลิเวอร์พูลพยายามเร่งเกมและดันขึ้นสูงมากขึ้น แต่กดดันได้ไม่ต่อเนื่องสักเท่าไหร่เพราะเก็บบอลจังหวะสองที่กองหลังเอฟเวอร์ตันสกัดออกมาไม่ค่อยจะได้ ในขณะที่เอฟเวอร์ตันเองก็สามารถเก็บบอลในแดนหน้าได้ดีทำให้ไม่ต้องตกเป็นฝ่ายตั้งรับมากนัก

                จนเข้า 10 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก ลิเวอร์พูลปรับแทคติคเล็กน้อย สลับเอาดาวนิ่งมาเล่นขวา เอาเฮนเดอร์สันไปซ้าย แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรมากนักก็หมดเวลาครึ่งแรกไปก่อนที่สกอร์ 1-0

                เข้าครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลหันมาเน้นบุกทางขวาเต็มตัวด้วยการทำเกมของดาวนิ่งและจอห์นสัน รูปเกมดูดีขึ้นมากและสามารถบุกกดดันได้ต่อเนื่องราว 10 นาที ได้ลุ้นจบสกอร์มากขึ้นแต่ยังทำไม่สำเร็จ ส่วนเอฟเวอร์ตันที่ตั้งรับอยู่นานเริ่มหันกลับมาไล่เพรซซิ่งสูงตามเดิมทำให้เริ่มชะลอเกมรุกของลิเวอร์พูลลงได้

                แต่แล้วนาที 62 เอฟเวอร์ตันก็มาพลาดคืนให้ ดิสแตงจ่ายคืนหลังสั้นโดนซัวเรสตัดบอลหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงได้สำเร็จ 1-1 หลังจากเสียประตูเอฟเวอร์ตันเกมรวนไปอย่างเห็นได้ชัด ปล่อยให้ลิเวอร์พูลโหมเกมรุกกดดันได้อยู่ราว 10 นาที แต่สกอร์ก็ยังไม่ขยับ เข้า15 นาทีสุดท้ายของเกมเอฟเวอร์ตันถึงค่อยตั้งเกมของตัวเองกลับมาได้

                นาที 75 มักซี่ได้ลงมาแทนเฮนเดอร์สัน เอฟเวอร์ตันเน้นเกมรุกมากขึ้นและเกมเปิดแลกกัน โดยเป็นทางฝั่งลิเวอร์พูลที่ได้ลุ้นประตูมากกว่า เข้า 10 นาทีสุดท้ายเอฟเวอร์ตันหันมาเน้นการบอบม์เข้าเขตโทษเป็นหลักซึ่งกดดันแนวรับได้พอประมาณ นาที 84 เบลามี่ได้ลงมาแทนดาวนิ่งอีกคน

                ลิเวอร์พูลบุกหนักหวังเอาประตูชัยและมาทำได้สำเร็จในนาที 87 เบลามี่เปิดฟรีคิกจากริมเส้นฝั่งซ้ายแล้วเป็นคาโรลที่ยิงทิ้งยิงขว้างมาทั้งเกม ขึ้นโหม่งเปลี่ยนทางเข้าเสาสองไปได้สำเร็จ 2-1 เวลาที่เหลืออยู่ลิเวอร์พูลยังสามารถเก็บบอลได้ดีทำให้เอฟเวอร์ตันแทบไม่มีโอกาสบุกกลับมาลุ้นเอาประตูตีเสมอและจบเกมไปด้วยสกอร์ 2-1
-----------------------------------------

                นักเตะตัวหลักในแนวรุกได้พักกันมาเต็มที่และดัลกลิชสามารถส่งนักเตะที่ต้องการลงสนามได้ทุกคน การเลือกเล่น 4-4-1-1 แบบนี้ลิเวอร์พูลเล่นมาแล้วหลายนัด แต่นัดนี้น่าแปลกใจนิดหน่อยในตำแหน่งริมเส้นขวาที่เลือกเฮนเดอร์สัน และแบคซ้ายที่เลือกแอกเกอร์เพราะทั้งสองคนเล่นได้ไม่ถนัดในตำแหน่งนั้นๆ เอาเลย ในรายของเฮนเดอร์สันแม้จะได้เล่นในบทบาทนี้มาแทบจะทั้งฤดูกาลแล้วแต่ผลงานก็ลุ่มๆ ดอนๆ ไม่ถึงกับดี ในขณะที่แอกเกอร์นั้นเป็นแบคซ้ายขัดตาทัพมานานแล้วแต่ในวันที่แบคซ้ายอาชีพอย่างเอนริเก้ยังมีให้เลือกก็ยังงงว่าทำไมดัลกลิชถึงเลือกแอกเกอร์ก่อน ซึ่งที่สุดแล้วทั้งสองคนที่ก็ทำผลงานได้ไม่ดีนักและมีส่วนทำให้เกมของลิเวอร์พูลไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในครึ่งแรก

                อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจสลับตำแหน่งดาวนิ่งกับเฮนเดอร์สันถือเป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมของดัลกลิช(หรือผิดพลาดในช่วงออกสตาร์ทเกม?) ช่วงครึ่งชั่วโมงแรกนั้น ฝั่งซ้ายดาวนิ่งทำเกมได้แต่แอกเกอร์ที่ขึ้นมาเติมเกมก็ทำได้ไม่ค่อยดีนักและหลุดตำแหน่งหลายครั้ง ในขณะที่ฝั่งขวาเฮนเดอร์สันทำอะไรไม่ได้เลยและพลอยทำให้จอห์นสันไม่มีโอกาสเติมเกมไปด้วย แต่พอสลับฝั่งกันทำให้เกมฝั่งขวาไหลลื่นและกดดันแนวรับเอฟเวอร์ตันได้ดีตลอดเวลาที่เหลือของเกม รวมไปถึงกดไม่ให้เบห์นได้เติมขึ้นมาเปิดบอลเหมือนในช่วงครึ่งชั่วโมงแรกด้วย

                ความผิดพลาดส่วนบุคคลและความไม่ละเอียดในเกมรับยังคงเป็นปัญหาของลิเวอร์พูลต่อไป แต่สิ่งที่ดีขึ้นคือแทคติคการเล่น 4-4-1-1 ที่นอกจากจะลงตัวมากขึ้นแล้ว ยังประสานงานกันได้ดีมากขึ้นด้วย

                จุดเปลี่ยนของเกมคงไม่มีอะไรมากไปกว่าจังหวะที่ดิสแตงดันทะลึ่งคืนหลังสั้น เพราะถ้าจังหวะนั้นไม่พลาดลิเวอร์พูลคงต้องออกแรงอีกเยอะถ้าจะแซงชนะและอาจต้องยืดเยื้อถึงช่วงต่อเวลา

                สิ่งที่ตัดสินเกมในวันนี้อยู่ที่กองหน้าตัวเป้า เยลาวิชทำได้สุดยอดมากในช่วงครึ่งแรกและทำให้สเคอเทลมีปัญหาตลอด ซึ่งเกมรุกของเอฟเวอร์ตันเริ่มต้นจากการเก็บบอลของเยลาวิชเป็นส่วนใหญ่ แต่ช่วงครึ่งหลังก็เริ่มหายไปและเล่นไม่ออก(หลังจากโดนสเคอเทลเหยียบไปทีในช่วงกลางครึ่งหลังก็หายไปเลย) ส่วนคาโรลที่แม้ความเด็ดขาดในการทำประตูยังดูเป็นปัญหาแต่ก็สามารถมีส่วนร่วมกับเกมได้ทั้งเกมไม่ว่าจะเป็นช่วงที่รูปเกมเป็นรองหรือได้เปรียบ สามารถโหม่งชงและเก็บบอลได้ค่อนข้างดี ทั้งยังอุตส่าห์โหม่งเข้าไปจนได้ ทั้งๆ ที่พลาดมาหลายครั้ง

                ...ชนะได้เพราะคาโรลนะเนี่ย...
----------------------------------

นัดนี้เล่นดีบ้างไม่ดีบ้าง

โจนส์ - ออกมาตัดบอลได้น่าหวาดผวาตลอดเกม ไม่ถึงบอลบ้าง ชกบอลไม่ขาดบ้าง เตะเปิดเกมแบบลนลานบ่อยครั้ง แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้มีข้อผิดพลาดหนักหนาสาหัสอะไร

แอกเกอร์ - ช่วงครึ่งแรกเล่นได้แย่มาก หลุดตำแหน่งและเข้าสกัดได้ไม่ดีบ่อยครั้ง ช่วงครึ่งหลังเกมรับดูดีขึ้นแต่เหตุผลหลักก็คือไม่ต้องเติมเกมสูงเหมือนในครึ่งแรกด้วย เล่นได้ไม่น่าประทับใจนัก

คาราเกอร์ - ไม่นับจังหวะที่พลาดจนทีมเสียประตู(ซึ่งไม่นับไม่ได้) เป็นตัวสุดท้ายที่คอยเก็บกวาดได้ดี เอฟเวอร์ตันไม่มีโอกาสได้ทำอะไรมากนักในเขตโทษของลิเวอร์พูล

สเคอเทล - มีปัญหาหนักกับการรับมือเยลาวิช มีข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ให้เห็นตลอดเกม โดยรวมทำได้แค่พอใช้เท่านั้น

จอห์นสัน - แม้จะเติมไปไม่ค่อยถึงสุดเส้น แต่โดยรวมก็เชื่อมเกมได้ดี เล่นพลาดน้อยมาก ในเกมรับทำผลงานได้ดีไม่มีการประกบพลาดหรือหลงตำแหน่งให้เห็น

ดาวนิ่ง - เป็นกองกลางคนเดียวที่ทำเกมได้ในวันนี้ เปิดบอลเข้าไปได้ลุ้นบ่อยครั้งไม่ว่าจะยืนซ้ายหรือขวา และมีจังหวะกระชากบอลสวยๆ ให้เห็นบ้างเหมือนกัน

สเปียริ่ง - มีข้อผิดพลาดน้อยลง ขยับหาพื้นที่รอบอลเพื่อเชื่อมเกมน้อยไปหน่อย เกมรับแม้ว่าจะอ่านเกมไม่ค่อยดีปล่อยให้คู่ต่อสู้พาบอลเข้ามาถึงหน้าเขตโทษได้บ่อยแต่ก็เข้าสกัดได้หนักหน่วงและแม่นยำดี

เจอราร์ด - หนักไปทางเล่นเป็นตัวประคองเกม ทำงานหนักในแดนกลางทั้งวิ่งไล่บอล, เชื่อมเกมจากหลังไปหน้า แทบไม่มีโอกาสได้เล่นเกมรุกเลย แต่เกมรุกของลิเวอร์พูลก็เริ่มต้นจากการออกบอลของเขาแทบทั้งสิ้น

เฮนเดอร์สัน - เล่นไม่ออก แทบไม่มีส่วนร่วมในเกมไม่ว่าจะรุกหรือรับ ทำได้แค่วิ่งไล่และแปะบอลไปมา

ซัวเรส - ครึ่งแรกเอา่แต่หงุดหงิดกับคำตัดสินสมาธิไม่ค่อยจะอยู่กับเกมและเล่นไม่ค่อยออก แต่ครึ่งหลังกลับลงมาเล่นได้ดีขึ้นมาก ทำได้ครบไม่ว่าจะเลี้ยงลุย, เรียกฟาลว์, เปิดบอล ทำให้เกมครึ่งหลังของลิเวอร์พูลไหลลื่นกว่าครึ่งแรกมาก หาจังหวะทำประตูได้แค่ครั้งเดียวแต่ก็ไม่พลาดซะด้วย

คาโรล - ทำหน้าที่กองหน้าตัวพักบอลได้ดี เล่นได้แข็งแกร่งมากขึ้นและมีข้อผิดพลาดน้อยลง ที่ดีเอามากๆ คือลดการเสียฟาลว์และล้มไปเองในจังหวะขึ้นโหม่งลงไปได้เยอะมาก แม้จะพลาดในจังหวะที่ควรจะยิงได้ไปถึงสองครั้ง แต่สุดท้ายก็ยังมายิงประตูชัยได้สำเร็จ

ตัวสำรอง

มักซี่ - โดยรวมแม้จะทำผลงานได้ไม่ต่างจากเฮนเดอร์สันมากนัก แต่การป้วนเปี้ยนอยู่แถวเขตโทษก็กดดันแนวรับของเอฟเวอร์ตันได้ดี โผล่เข้ากล้องครั้งแรกก็ได้โอกาสยิงไปชนเสาแล้ว

เบลามี่ - ลงมาโวย, โวย แล้วก็โวย แต่ยังดูมีสมาธิกับเกมดี การวิ่งไล่บอลเร็วช่วยกดไม่ให้เอฟเวอร์ตันเปิดเกมรุกกลับมาได้ดีอยู่หลายจังหวะ เิปิดฟรีคิกได้ดีจนนำมาซึ่งประตูชัยด้วย

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : แอนดี้ คาโรล ... ย้อนกลับไปอ่านข้างบนเอาแล้วกัน

Everyone has their own opinion, feel free to leave your comments.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น